แค่อยากให้รู้ว่ารักเธอ

8.7

เขียนโดย ลันตนา

วันที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558 เวลา 14.02 น.

  33 บท
  10 วิจารณ์
  36.24K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 15 เมษายน พ.ศ. 2562 21.37 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

29) รอเธอกลับมา

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

บทที่ 29 รอเธอกลับมา

                ‘บึ้ม! ป้อมตรวจฯแหลกยับเยิน เมื่อเวลา 00:14นาที วันที่ 20 สิงหาคม 25xx เกิดเหตุระเบิดขึ้นที่ด่านตรวจจับสิ่งผิดกฎหมาย ตำบลx อำเภอxจังหวัดx ภายในด่านพบผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บสาหัด ขณะนี้กำลังอยู่ในการตรวจสอบ...’

                หนังสือพิมพ์ข่าวสดของเช้าวันใหม่ถูกปิดลง ภาพป้อมหลังเล็กๆ ลักษณะคล้ายบ้านที่สร้างแบบง่ายด้วยปูนซีเมนมุงกระเบื้องสีแดงในภาพเล็กมุมล่างซ้าย เมื่อเทียบดูกับภาพใหญ่ของป้อมหลังนี้ที่ถูกแรงอัดระเบิดพังราบเป็นหน้ากลองและไหม้เป็นตอตะโกแตกต่างกับรูปเดิมอย่างสิ้นเชิง เธอไม่อยากคิดถึงสภาพของผู้ประสบเหตุทั้งเจ็ดชีวิต

               “วันนี้ลูกไม่ต้องไปทำงานก็ได้นะ” คุณวิชัยพูดหลังจากจิบกาแฟเสร็จ เขาเห็นลูกสาวนั่งเหม่อลอยหลังจากอ่านหนังสือพิมพ์เสร็จ เรื่องเหตุระเบิดเมื่อคืนไอรินทร์เล่าให้ทุกคนฟังแล้ว

               “รินทร์ทำไหวค่ะ ให้รินทร์ไปนะคะ” ใบหน้ารูปหัวใจเว้าวอนแต่แววตาเป็นกังวลเรื่องอื่น พีรพัฒน์ส่ายศีรษะระอา

               “เหม่ออย่างนี้คงคุยกับลูกค้าไม่รู้เรื่องหรอก” พีรพัฒน์เสริม ลูกค้าที่จะมาพบวันนี้เป็นชาวต่างชาติถ้าหากไอรินทร์ไปในสภาพเช่นนี้รับรองได้ว่าต้องคุยกันคนละโลกแน่นอน และคุณวรรณวิภาก็เห็นด้วยเช่นกัน เธอจึงได้แต่ก้มหน้ายอมรับเพราะถ้าหากคัดค้านก็ไม่เป็นผล

 

                เสียงเพลงแนวอินดี้ฟังสบายเปิดคลอในห้องปรับอากาศผสมกับกลิ่นหอมนมเนยในร้านเบเกอรี่กึ่งร้านไอศกรีมเชิญชวนให้ผู้มาเยือนหลงใหลในมนต์เสน่ห์ความหอมละมุนและผ่อนคลายจากเสียงเพลง แต่สำหรับบางคนในที่นี้ทั้งหมดเป็นแค่สิ่งแวดล้อมรอบกายที่เป็นแค่ธาตุอากาศไม่ได้ใส่ใจกับมัน

                “แก...”  ญาณิศาลากเสียงยาว “พี่ก้องไม่เป็นไรหรอก”  ญาณิศากุมมือเพื่อนแล้วยิ้มให้กำลังใจ ถ้าเป็นเธอเองคงจะใจหายเช่นกันกับเหตุร้ายแรงเมื่อคืน ทำอะไรได้ไม่มากนอกจากปลอบใจ เธอทราบจากพีรพัฒน์ว่าไอรินทร์ไม่ไปทำงานจึงเข้าไปหาที่บ้านและชวนเธออกมาข้างนอกเพื่อได้ผ่อนคลาย ไอรินทร์บีบมือเพื่อนสาวกลับแทนขอบคุณ ในเวลานี้เธอยังยิ้มได้ไม่เต็มปากหากยังไม่ทราบว่าก้องภพปลอดภัยหรือไม่

                “ช็อคโกแลตลาวาของแกคงจะเป็นหมันแล้วแหละ งั้นฉันขอนะ” ไอรินทร์พยักหน้าพร้อมส่งยิ้มจางๆให้แล้วมองออกไปนอกกระจกใส่ ชายหนุ่มหญิงสาวเดินจับมือด้วยกันพูดจาฉอเลาะหยอกล้อกันบ้าง นี้คือภาพที่เธอเห็น จะมีอีกสักวันไหมที่จะได้อยู่ด้วยกันอีกครั้ง ญาณิศาแอบลอบมองอาการของเพื่อนสาวเป็นครั้งคราว เธอสงสารเพื่อเหลือเกิน

                หลังจากขอแยกจากญาณิศาในร้านขนมแม้เพื่อนสาวขอตามมาด้วยแต่ไอรินทร์ก็ปฏิเสธว่าอยากอยู่คนเดียว ญาณิศาจึงไม่เซ้าซี้

                เท้าคู่สวยหุ้มด้วยรองเท้าทรงบัลเล่ต์เดินออกมาจากอาคารของห้างสรรพสิค้าตรงไปทางลานจอดรถ สัญชาตญาณบอกสะกิดบอกเธอว่ามีคนเดินตามจึงหันหลังไปมองแต่ไม่พบใคร เธอจึงรีบสาวก้าวเดินให้ถึงรถให้เร็วที่สุดเมื่อมาถึงรถ เธอมองซ้ายมองขวาให้แน่ใจอีกครั้งว่าไม่มีใครตามมา เรียวนิ้วทำท่าจะกดรีโมตเพื่อปดล็อครถแต่สายตาปะทะเข้ากับซองจดหมายสีขาวที่เสียบอยู่กับที่ปัดน้ำฝน ไอรินทร์หยิบซองขึ้นมาเปิดดู

                “ว้าย!” กระดาษในมือถูกเหวี่ยงทิ้ง เพราะในกระดาษมีรูปถ่ายของชายหนุ่มที่เธอรู้จัก...ก้องภพ ที่เปื้อนเลือด ไอรินทร์มองกระดาษอย่างชั่งใจ “ใครเล่นอะไรบ้าๆ เนี่ย” เธอสบถกับตัวเองอย่างหัวเสียแล้วขับรถออกไป

ทุกอิริยาบถของไอรินทร์ถูกจับจ้องและบันทึกอยู่ในสายตาของใครบางคน

 

            “คุณรินทร์ครับ” เจ้าของชื่อย่างเท่าเข้าบ้านยังไม่ถึงสามก้าวก็ได้ยินเสียงของคนดูแลสวนเรียกจึงหันไปทางต้นเสียง และถามว่ามีอะไร คำตอบที่ได้รับคือมีพัสดุส่งถึงไอรินทร์

            ไอรินทร์เข้ามานั่งในห้องนอนพร้อมกับกล่องพัสดุดังกล่าว กล่องสีน้ำตาลจ่าหน้ากล่องผู้ส่งว่า ‘กรุงเทพมหานคร’ เท่านั้น ไม่มีประโยคอื่นที่ระบุให้เดาได้เลยว่าเป็นของใครแต่จ่าหน้าผู้รับถูกต้อง ในเมื่อกล่องเป็นของไอรินทร์ เธอจึงไม่รอช้าที่จะเปิดสำรวจสิ่งที่อยู่ภายใน

            “ว้าย!” เป็นครั้งที่สองของวันที่เธอร้องเช่นนี้ กล่องนั้นถูกโยนลงไปนอนที่ปลายเท้า ตุ๊กตาตัวน้อยที่ดูน่ารักในตู้โชว์แต่ตุ๊กตาในกล่องนี้มันช่างน่าสยดสยอง เมื่อมีดปอกผลไม้ปลายแหลมปักลงกลางลำตัวของตุ๊กตาหมีเคราะห์ร้าย ซ้ำยังมีกลิ่นเหม็นสาบจากรอยคล้ำบางอย่างที่เปรอะบนตัวตุ๊กตา

ไอรินทร์สูดลมหายใจเข้าเต็มปอดเพื่อขับไล่ความหวาดผวา ‘ต้องไม่มีอะไร ไม่มีอะไร’ เธอท่องในใจแต่หัวใจยังสั่นไหว

           ตื่อดึ้ง!

           เจ้าของห้องหยิบไอแพดขึ้นมาตรวจเช็คข้อความที่เพิ่งส่งเข้ามาล่าสุด พอเห็นข้อความล่าสุดเธอร้อง “อี๋” เธอเบือนหน้าหนีแล้วปิดหน้าจอทันที

 

           สองวันต่อมา...

           ณ ลานบินของกองทัพบก ในเต็นท์หลังใหญ่ที่รองรับบรรดาญาติพี่น้องของเหล่าทหารกล้าที่ประสบเหตุร้ายเมื่อสองคืนที่แล้วมายืนรอการกลับมาของพวกเขา บ้างงบนิ่งไม่มีปฏิกิริยาใด บ้างก็ร้องไห้ ไอรินทร์ก็เป็นหนึ่งในนั้นเธอนิ่งแต่ไม่ร้องไห้ เธอได้ทราบข่าวจากเกรียงภพว่าในวันนี้จะมีการนำผู้บาดเจ็บและผู้เสียชีวิตกลับภูมิลำเนาเดิม ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์วันนั้นเธอไม่สามารถรับรู้เกี่ยวกับความเป็นไปเกี่ยวกับเขาได้เลย ข่าวทางทีวีหรือสื่ออื่นๆ มีข่าวให้ติดตามน้อยนัก

             เกรียงภพหันไปมองหญิงสาวรุ่นลูกข้างกายนิดหนึ่ง ไอรินทร์มองตรงไปยังลานบินที่ว่างเปล่า ดวงตาคู่สวยบอกเพียงแค่ว่ารอและรอ นายทหารรุ่นใหญ่รู้สึกสงสารเธอยิ่งนัก เขาและภรรยารับทราบความเป็นไปของลูกชายทั้งหมดแต่ยังไม่ได้บอกไอรินทร์

             เสียงดังผึบผับดังมาก่อนที่ยานพาหนะลักษณะคล้ายแมลงปอขนาดยักษ์ทำด้วยอลูมิเนียมทั้งลำที่ลอยอยู่บนฟ้าแล้วค่อยๆ หย่อนตัวลงพื้นตามมาด้วยนกเหล็กยักษ์ขนาดใหญ่ บรรดาญาติๆเตรียมจะกรูเข้าหาแต่ถูกเจ้าหน้าที่กันไว้เพื่อความปลอดภัย

              เมื่อเจ้าหน้าที่เห็นว่ายานพาหนะทั้งสองลำจอดสนิทกับที่จึงปล่อยให้ทุกคนไปยืนรอรับญาติพี่น้องของตนในบริเวณใกล้ยานพาหนะทั้งสองในที่ที่ปลอดภัยที่ทางเจ้าหน้าที่จัดไว้

              ไอรินทร์ชะเง้อมองขึ้นไปบนเฮลิคอปเตอร์ที่ประตูค่อยๆ เปิดออก บนนั้นเจ้าหน้าที่ลำเลียงรถเข็นลงมาก่อนแล้วตามด้วยร่างของผู้บาดเจ็บสามราย คนแรกแขนถูกพันด้วยผ้าขาวอย่างแน่นหนาทั้งสองข้าง คนที่สองศีรษะโพกด้วยผ้าสีขาวและแขนข้างหนึ่งของเขา...หายไป ไอรินทร์กลับหลังหันเพราะไม่อยากเห็นสภาพของผู้เคราะห์ร้ายรายที่สาม เธอสูดหายใจเข้าเต็มปอดแล้วซ้ายหันเดินหน้าไปที่นกยักษ์ลำใหญ่

              เบื้องหน้าของเธอมีความวุ่นวายเพราะญาติพี่น้องต่างยืนเบียดเสียดและส่งเสียงเรียกชื่อคนรู้จักกันเจียวจาว จนเจ้าหน้าที่ข้างบนต้องบอกให้ทุกคนใจเย็นๆและขอพื้นที่ลำหรับการขนย้าย เธอถูกเบียดไปอยู่หลังสุดแต่ยังพอมองเห็นว่าข้างหน้าเจ้าหน้าที่กำลังลำเลียงปริซึมสี่เหลี่ยมทาสีขาวทั้งหมดบรรจุร่างไร้ลมหายใจของผู้เสียสละลงมาที่ละโลง แต่ละโลงถูกธงชาติคลุมไว้เพื่อเป็นเกรียติแก่ผู้สละชีพ หัวใจเธอหวิว

              กระทั้งหางตาของเธอเหลือบไปเห็นด้านหลังของใครบางคนที่นั่งอยู่บนรถเข็น ไม่ต้องเห็นหน้าเธอก็จำได้แม่นยำ

 

 

 

“พี่ก้อง!”

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา