Love My Prince รักนะ ♥ เจ้าชายน้อยองค์น้อย
เขียนโดย Mitsuneko
วันที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2558 เวลา 21.38 น.
แก้ไขเมื่อ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559 20.52 น. โดย เจ้าของนิยาย
1) น้องชายคนใหม่
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ“พี่สาวๆ คำตอบที่ผมถามละ ผมอยากรู้แล้วนะ” เขายังคงมองฉันด้วยสายตาวิ้งๆ แบบนั้นอยู่เหมือนเดิม ฉันคิดที่จะตกลง แต่... ควรจะพูดยังไงให้มันดูดีละเนี่ย
“อ่า...ถ้าอ้อนขอร้องขนาดนี้ ถ้าไม่ช่วย ฉันคงจะใจดำเกินไป ฉันจะให้นายอยู่ที่นี้ก็ได้ แต่ว่า! ถ้านายทำอะไรฉันละก็ คอหลุดจากบ่าแน่” ต้องพูดให้เห็นภาพจะได้ไม่กล้าทำอะไร ถึงน่าตาจะน่ารัก แต่ภายในน่ารักแน่รึเปล่าก็ไม่รู้
“ขอบคุณครับพี่สาว ^-^ ” เขายิ้มหน้าระรื่น ด้วยท่าทางดีใจสุดขีด อย่างที่คิดไว้
เมื่อตกลงแล้ว ฉันก็คงต้องถามลายละเอียดหลายๆอย่าง ใช่! เรื่องสำคัญที่สุดที่คือเรื่องที่เขามาอยู่หน้าบ้านของฉัน จูจู่เด็กนี่ก็โพล่มา เด็กนี่หรอ เด็กนี่... ก่อนอื่นต้องหาสรรพนามหรือนามเฉพาะให้เขาก่อน
“แล้วฉันจะเรียกนายว่าอะไรดีละ” ดูสิว่ามีชื่ออะไรดีๆ บ้าง (- - ) ( - -) เอ๊ะ! นั้นมัน
‘Wedding Studio Jewelry’
นี้มันใบงานแต่ง แล้วมันเข้ามาในบ้านฉันได้ไง ว่าแต่ จีเวลรี่เหรอ จี จีน จิน ชิน ใช่แล้ว! ชิน ไง (ไม่ได้มั่วนิ่มนะ) มันก็เป็นชื่อคนได้เหมือนกันเนอะ โอเค “ถ้างั้น...ชื่อชิน ละ เป็นไง ฉันเรียกว่าชินได้มั้ย”
“ได้ครับ ถ้าพี่สาวตั้งให้ผมเองละก็ แล้วชื่อนี้ก็ดีเหมือนกัน ^_^ ” ฝืนรึเปล่าเนี่ย
“อ่า...จ้าๆ งั้นชิน เดี๋ยวฉันออกไปซื้ออาหารกับของให้นายก่อนนะ อยู่บ้านดีๆ แล้วกัน อย่าซนมากนะ”
“พี่สาว...ผมขอไปด้วยนะ ผมอยากออกไปสูดอากาศข้างนอก” เขายกมือขึ้น เหมือนเด็กประถมพูดขออนุญาติ
นั้นสินะ ถ้าได้ออกไปข้างนอกก็อาจจำอะไรได้ก็ได้นะ แต่จะทำให้เป็นภาระของฉันรึเปล่าเนี่ย เงินของฉันก็ใช่ว่าจะมีมากมายพอใช้ 2 คนนะเนี่ย สงสัยงานนี้คงต้องบอกท่านแม่ก่อน แต่ถ้าท่านแม่รู้ก็อาจจะเป็นแอบนี้ (เด็กหรอ เด็กผู้ชาย จะให้มาอยู่บ้านเรา ไม่ได้แม่ไม่ไว้ใจ เพราะลูกยังไม่ได้แต่งงานเลยนะ) ประมาณนี้แหละท่านแม่ของฉัน (ท่านแม่อยู่ญี่ปุ่น กับสามีใหม่) แต่ว่าฉันต้องการเงินตอนนี้มีเงินแค่ 15,000 บาทเอง ท่านแม่ยิ่งชอบลืมส่งเงินมาให้ฉันซะด้วย แต่ยังไงเรื่องนี้ท่านแม่ก็ต้องรู้ โทรไปบอกก่อนแม่กัน ฉันก็โตมากจนจะคิดทำอะไรเองได้แล้วนะ (17 ปี)
“ก็ได้ แต่เดี๋ยวฉันขอไปโทรหาแม่ก่อนนะ” ฉันขว้าโทรศัพท์ ที่วางอยู่บนตะข้างๆ มากดเบอร์ เพื่อโทรหาที่พึ่งสุดท้ายอย่างคุณแม่ผู้ให้เกิด! (แล้วก็มาทิ้งเอาไว้ให้ฉันอยู่คนเดี่ยวที่นี่ - - )
“ครับ” เค้าพยักหน้าตอบรับ (- -) (_ _)
ตื้ด ตื้ด~~~
(こんにちは、私の娘ちゃん、) คนนิจิวะ วะตะชิ โนะ มุสุเมะจัง แปลว่า สวัสดีคะ ลูกสาว (ผู้น่ารัก) ของแม่
“คุณแม่คะ กรุณาพูดภาษาไทยกับหนูหน่อยได้มั้ยคะ จะได้พูดกันง่ายขึ้น”
(はい) ไฮ! แปลว่า ค่ะ
“คุณแม่!” ฉันเริ่มพูดเสียงดัง เพื่อเป็นการบอกว่า’เลิกล้อเล่นได้แล้วนะคะ
(ค้าๆ แม่ลูกสาวสุดที่รักของแม่ มีอะไรหรอจ๊ะ หรือว่าค่าขนมไม่พอ) ยังไงแม่ก็เป็นแม่หนะนะ รู้ทันอีก
“ปิ้งป่อง! พอดีว่าหนู ! บลาๆๆๆ” ฉันก็เล่าเรื่องเด็กคนนั้นให้ท่านแม่ฟังจบ ที่นี้ก็เหลือกแต่ท่านแม่จะว่าไงแล้ว
(อ๋อ สรุปว่ามีคนมาขออาศัยด้วยสินะ เงินก็เลยไม่พอ ก็ได้นะ เดี๋ยวแม่เพิ่มให้อีกเดือนละหมื่นนะ โอเคมั้ยคะ ลูกแม่)
“ค่ะ ขอบคุณค่ะ คุณแม่ของหนูใจดีที่สุดเลย” พูดอ้อนแบบภาษาเด็ก เพราะว่าคุณแม่แพ้เสียงแบบนี้ (ก็แค่อยากฟัง เพราะจะได้ดูเหมือนว่าตัวเองยังไม่แก่ไงละ)
(จ้าๆ เอ่อลูก...ลูกเห็นตำรวจมาเดินดูหน้าบ้านรึเปล่าจ๊ะ) แล้วทำไมตำรวจต้องมาบ้านด้วยละ
“เอ๊ะ! ไม่มีนะคะ หนูไม่เห็นเลย ”
(อืม แต่แม่ขออะไรอย่างนะ ขอให้ลูกแม่รอแม่กลับมาก่อนนะ แล้วค่อยแต่งงานกัน) ไม่ทันไร คุณแม่ก็คิดไปไกลแล้ว ไกลกว่าฉันแล้วมั้ง
“มะ...ไม่ใช่แบบนั้นนะคะ คุณแม่! คุณแม่!” พอเวลาฉันจะเถียง คุณแม่ก็ชอบว่าสายหนีตลอด ก็เป็นซะเงี้ย!
ตู้ด ตู้ด ตู้ด~~~
คิดหรอคะว่าฉันจะยอมแค่นี่ ฉันเป็นใครคงจะลืมไปแล้วละสิ
ตื้ด ตื้ด~~~
(เลขหมายที่ท่านเรียก ไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้) เฮ้ย~~~ ปิดเครื่องหนีจนได้คิดว่าแม่จะไม่พูดเรื่องแต่งงานซะอีก แต่สุดท้ายก็จบในเรื่องแต่งงานจนได้
“งั้นพวกเราไปกันได้รึยังครับ พี่สาว” พอท่านแม่วางสายชินก็เสริมทันที ฉันก็ไม่พูดอะไร ได้แค่พยักหน้าตอบเค้าแค่นั้น แล้วฉันก็เดินเข้าห้องไปหยิบกระเป๋าเงิน แล้วเดินออกไปโดยไม่พูดอะไร
บ้านของฉันไม่มียานพหะนะ(ประหยัดงบ)เลยต้องเดินไปเอง ประมาณ 200 เมตร แล้วก็ต้องเดินไปธนาคาร ถอนเงินที่ท่านแม่จะโอนมาให้ด้วย..... ฉันเดินไปโดยไม่ได้สังเกตว่ามือของฉันกับชินประสานกันตั้งแต่เมื่อไหล่ เด็กนี้ร้ายกาจฉวยโอกาสจริงๆ แต่มามือของเค้านิ่มจริงๆ นะ ไม่เห็นเหมือนมือซากๆ ของผู้ชายเลย (ผู้ชายที่อ่านอยู่ข้าพเจ้าต้องขออภัย)
The Rose Shopping Mall Plaza
เดินมาจนถึงหน้าห้าง ชินทำท่าทางเหนื่อยมากมาย ฉันจึงถามออกไปว่า
“นายไม่เคยเดินไปไหนไกลๆ หรอ นี้แค่สองร้อยเมตรเองนะ” สงสัยก่อนความจำเสื่อมคงจะเป็นคุณหนูสินะ
“ครับ ผมไม่เคยต้องเดินไกลแบบนี้ แต่ว่าพี่สาวแข็งแรงจังนะครับ” ไม่เคยหรอ คงจะใช่จริงๆ
“ไม่ต้องมาบ่น มะ...ไปซื้อของ ช็อปปิ้งกันดีกว่า เนอะชิน” ฉันเดินนำเข้าไปในห้างแล้วหันหลังกวักมือเรียกชิน
“แต่ผมพักหน่อยนะครับ ไม่ผมสลบแน่”
“ไม่ได้! ดูสิตอนนี้ยังยื่นได้ ถ้าไม่มาฉันจะไปคนเดียว ไม่เข้าห้างตั้งอาทิตย์หนึ่ง อยากช็อปจะแย่แล้ว”
ฉันเดินนำหน้าด้วยความเร็วระดับกลางโดยไม่รอชิน แต่ฉันก็ไม่ใช่คนใจดำนะเดินไปก็แอบมองไปด้วย แต่ถ้าเค้าสลบไปจริงๆ ยังไงฉันก็ต้องกลับมาช่วยพยุงอยู่ดีแหละ...
5 นาทีผ่านไป~~
พรึบ!
“เสียงเหมือนคนล้ม คน คนหรอ หรือว่า...” ฉันรีบหันหลังกลับไปดู “ชิน! ชิน ชิน ชิน” ฉันเรียกชื่อเค้า (ถึงตัวเองจะเป็นคนตั้งให้ก็เถอะ) ฉันเรียกซ้ำไปหลายครั้งเหมือนคนบ้า “นี้มันเป็นความผิดของฉันสินะ ที่ทำให้เค้าต้องเดินจะต้องเป็นแบบนี้” กรณีแบบนี้ ต้องเริ่ม ตั้งสติเข้าไว้ พาเค้าไปพักที่บ้านก่อนแล้วกัน
ถึงบ้านแล้ว ตอนที่ฉันอุ้มเค้ามา เค้าตัวร้อนมาก ต้องเช็ดตัวก่อนสินะ ยังไงก็เหมือนมีน้องชายอ่ะนะ~~~
พรึบ!
ZZZzzz
จุ๊บ! :x
เอ๊ะ! เมื่อกี้รู้สึกว่าริมฝีปากของ...ฉันจะกระทบกับอะไรอยู่นะ...รู้สึกอบอุ่นจัง เอาละนะ เปิดตา!!!
“ชิน!!! นายทำบ้าอะไรเนี่ย เพ้อพิษไข้ขั้นหนักเลยรึไง ถึงได้ทำอะไรแบบนี้น่ะ!”
“พี่สาวตื่นอยู่หรอ ใจร้ายจัง”
“นายมันคนฉวยโอกาสที่สุด!” แค่ยังไม่ถึงหนึ่งวันฉันก็โดนจูบซะแล้ว แล้วต่อจากนี้ฉันจะไม่โดนปล้ำเลยรึไง “นายนะ เอาจูบแรกของฉันไปแล้วนะจะรับผิดชอบยังไง”
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ