ความรักของตุ๊กตา(เจ้าเก่านะ)
8.5
3) ตอนที่34 :ความสับสนภายในใจของเนปจี
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ เวลา07:00 ณ ห้องนั่งเล่นในคฤหาสน์ของพลูเทีย
ในช่วงเช้าที่ท้องฟ้าปรอดโปร่งกับแสงแดดอ่อนๆลอดผ่านมาทางหน้าต่าง ทุกๆคนในคฤหาสน์ยังคงมีความรู้สึกตกใจเล็กน้อยที่เมื่อคืนจู่ๆพลูเทียก็หายไปและไปเจอเด็กชายที่ชื่อเนปจีซึ่งเป็นน้องชายที่ตายไปเมื่อสมัยพลูเทียยังเป็นเด็กพร้อมกับร่างของพลูเทียที่กลายเป็นแมวดำ และในเวลานี้คิระ เนปจีและพวกเรนก็เดินมาอยู่ในห้องนั่งเล่นหลังจากที่ทานอาหารเช้าเสร็จแล้ว ส่วนพวกอัลทีมิสนั้นก็ยังคงแบ่งเวรไปคอยดูแลพลูเทียที่กำลังหลับอยู่ในห้องของเธอและค่อยตรวจตราบริเวณนอกคฤหาสน์
‘’ว้าว~ที่นี้ช่างสวยงามจังเลย โอ้ะ!นั้นคงจะเป็นรูปวาดที่ท่านพี่วาดสินะ ท่านพี่เนี้ยยังชอบวาดรูปเหมือนเดิมเลย...เห็นแล้วนึกถึงสมัยตอนอยู่กันครบครอบครัวจังเลย’’เนปจีเดินสำรวจรอบๆห้องนั่งเล่นพร้อมกับพูดด้วยความรู้สึกที่ประทับใจกับความสวยงามโดยรวมของห้องนั่งเล่นแต่ก็ไปสะดุดตากับภาพๆหนึ่งที่ใส่กรอบไว้อย่างดีถูกตั้งไว้บนโต๊ะที่กลางห้องนั่งเล่นก่อนจะหยิบภาพวาดนั้นขึ้นมา
‘’หืม? รูปนั้นคงจะเป็นภาพครอบครัวในความทรงจำของพลูเทียละมั้ง’’คิระเดินมาดูรูปวาดที่เนปจีพูถึงพร้อมกับยืนกอดอก
‘’สีหน้าของทุกคนๆในภาพวาดนี้แลดูมีความสุขกันมากๆเลยสินะ แต่เดี๋ยวก่อนนะคริสตัลที่อยู่ตรงโบว์กลางอกชุดของคุณพลูเทียเหมือนกับคริสตัลที่อยู่กลางอกเสื้อของแพนโดร่าเลย’’เรนเดินตามมาดูรูปพร้อมกับคนอื่นๆแล้วตกใจเล็กน้อยเพราะที่ตรงโบว์กลางอกชุดของพลูเทียมีคริสตัลรูปหยดน้ำเหมือนกับที่มีอยู่บนกลางอกของแพนโดร่าต่างกันตรงที่สัญญาลักษณ์รูปพระจันทร์เสี้ยวกับดาวสีดำบนคริสตัลส่วนของแพนโดร่าเป็นสัญญาลักษณ์รูปพระจันทร์เสี้ยวสีดำ
‘’เท่าที่อ่านประวัติของทุกตระกูลใหญ่มาจากสมุดบันทึกเก่าๆที่เจอในห้องสมุดของบ้านฉัน คริสตัลนั้นเป็นสิ่งที่ผู้นำตระกูลอินฟีนีตี้ฮาร์ตรุ่นแรกสร้างขึ้นมาจากพลังงานชีวิตของตนเองและมอบให้กับลูกสาวของตนพร้อมกับพูดคำทำนายเอาไว้ก่อนจะสิ้นใจตายด้วยโรคหัวใจว่าในอีกหลายหลายร้อยปีข้างหน้าจะมีลูกหลานหนึ่งคนที่ถูกคำสาปของวิญญาณชั่วร้ายและจะกลายเป็นปีศาจแห่งการทำลายล้างทำลายทั้งอาณาจักรจงพกสิ่งนี้ติดตัวและมอบให้กับผู้นำตระกูลรุ่นต่อๆไปซึ่งคำนายนั้นเป็นจริงรึเปล่าฉันก็ไม่รู้เพราะกระดาษหน้าถัดไปมันหายไปนะ’’เอมี่พูดพร้อมกับยืนกอดอกและหลับตานึกประวัติของตระกูลอินฟีนีตี้ฮาร์ตที่เคยอ่านมาจากห้องสมุดในบ้านของตนเอง
‘’ซึ่งคำทำนายนั้นมันก็เกิดขึ้นจริงๆเพราะคนที่โดนคำสาปนั้นคือ.....’’ในขณะที่คิระกำลังพูดนั้นจู่ๆก็มีเสียงฝีเท้าของใครบางคนที่กำลังวิ่งมาอย่างรีบร้อนสุดๆแล้วเปิดประตูพรวดเข้ามาในห้องนั่งเล่น
‘’พ่อค่ะ!! เนปจี!! ใช้ทั้ง2คนจริงๆด้วย’’เสียงฝีเท้าที่กำลังวิ่งมาอย่างรีบร้อนแล้วเปิดประตูอย่างรวดเร็วนั้นก็คือพลูเทียที่พึ่งฟื้นขึ้นมาในสภาพสวมปลอกคอของเธอไว้และชุดนอนยาวสีดำลายหน้าแมวสีขาวและรีบวิ่งโผเข้ากอดคิระกับเนปจีแน่นๆจนทั้ง3ล้มลงกับพื้นจนทำให้น่าอกของพลูเทียทับหน้าคิระกับเนปจี
‘’เหวอ!! ใจเย็นสิลูก’’
‘’ทะ ท่านพี่ผมหายใจไม่ออกนะครับ!’’
‘’ขอโทษนะคะพ่อที่หนูทำตัวเป็นลูกที่แย่ไม่ยอมฟังคำเตือนของพ่อ....ขอโทษนะเนปจีที่ในตอนนั้นพี่ดูแลเจ้าไม่ดีพอ...พ่อค่ะ....เนปจี....กี่ปีแล้วที่ไม่ได้เจอกันนะ...ข้านะรู้สึกคิดถึงและเป็นห่วงทั้ง2มากจริงๆนะ...’’พลูเทียค่อยๆคลายกอดออกก่อนจะพูดพร้อมกับค่อยๆลุกออกตัวคิระและเนปจีแล้วยิ้มทั้งน้ำตาออกมา
‘’ผมก็คิดถึงท่านพี่เหมือนกันนะครับ...’’เนปจีค่อยๆลุกขึ้นมาพร้อมกับยิ้มบางๆ
‘’คนที่ควรขอโทษน่าจะเป็นพ่อมากกว่านะ เพราะพ่อดันหวงลูกมากไปจนไม่คิดถึงความรู้สึกของลูก....แล้วก็หายตัวไปจากบ้านนี้โดยไม่บอกอะไรเลยสักคำ...แต่ว่าคราวนี้พ่อจะอยู่กับลูก จะไม่ไปไหนอีกแล้วละ....ว่าแต่ลูกรู้ได้ไงว่าพ่อกับเนปจีอยู่ที่นี้นะ’’ค่อยๆลุกขึ้นมาเช่นกันพร้อมกับยิ้มก่อนจะเอื้อมมือไปลูบหัวแล้วใช้มือทั้ง2จับแก้มพลูเทียเบาๆอย่างอ่อนโยนแล้วดึงเข้ามากอดเบาๆ ในขณะที่ทุกๆคนในห้องนั่งเล่นกำลังรู้สึกประทับใจกับภาพของพ่อลูกที่ได้พบกันในรอบหลายปีจู่ๆก็มีเสียงฝีเท้าหลายๆคนกำลังวิ่งมาที่ห้องนั่งเล่นอย่างรีบร้อน
‘’คุณหนูขอรับ! คุณหนูจะต้องนอนพักต่อนะครับร่างกายของท่านยังไม่แข็งแรงดีเลย’’อัลทีมิสรีบวิ่งเข้ามาพร้อมกับคุโระและไกอาร์และพูดด้วยความเป็นห่วง
‘’ก็หนูรู้ได้จากพลังแห่งสัญชาตญาณในตัวกับประสาทการรับรู้กลิ่นอันเป็นเลิศของหนูนี้คะ อะไรนะ!? แต่ตอนนี้ข้ารู้สึกแข็งแรงแล้วนะและข้าก็ไม่อยากนอนต่อแล้วด้วย’’พลูเทียหันไปมองตามเสียงเรียกของอัลทีมิสพร้อมกับพูดแล้วพองแก้มเล็กน้อย
‘’แต่ว่าถ้าเกิดจู่ๆคุณหนูอาการแย่ขึ้นมาจะทำยังไงละครับ’’อัลทีมิสรีบเถียงกลับไปทันที
‘’น่าๆ~อัลทีมิสวันนี้ตามใจพลูเทียเขาหน่อยเถอะ เอาละ!ตอนนี้ก็ได้เวลาซ้อมแล้วกลุ่มที่จะซ้อมในวันนี้คือกลุ่มของเอเลนกับแมร์รี่ พวกเธอ2คนเดินไปพร้อมกับคุโระได้เลยนะแล้วก็คุโระอย่าลืมไปบอกพวกดราโก้ คิสึรันและโนเอลร่าด้วย’’
‘’รับทราบค่ะ...เอาละตามข้ามาได้แล้ว...’’คุโระโค้งรับคำสั่งจากคิระเล็กน้อยก่อนจะเดินนำเอเลนกับแมร์รี่ไปตามพวกดราโก้มาที่สนามฝึกซ้อมด้วย
---ณ สนามฝึกซ้อมภายในป่านอกมิติ---
‘’เอาละวันนี้เริ่มจากต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าของพวกเจ้าทั้ง2ให้เป็นชุดที่เหมาะสมกับการฝึกซะก่อน พวกเจ้าจิตนาการแบบไว้ในหัวไว้นะส่วนข้าจะใช้เวทย์createดัดแปลงเสื้อผ้าพวกเจ้าที่ใส่อยู่ในตอนนี้เป็นชุดฝึกที่พวกเจ้าคิดไว้ให้’’
คุโระหยุดยืนอยู่ใจกลางของสนามฝึกพร้อมกับเอเลน แมร์รี่ และพวกของดราโก้ก่อนจะใช้นิ้วชี้ข้างซ้ายไปที่ทั้ง2คนจากนั้นก็ปรากฏประแสงสีขาวรอบๆตัวเอเลนกับแมร์รี่และตัวคุโระเอง ไม่นานชุดของทั้ง3ก็เปลี่ยนไปชุดของเอเลนนั้นเป็นเสื้อกล้ามสีขาวกับกาเกงขายาวสีดำ ส่วนของแมร์รี่นั้นเป็นเสื้อแขนกุดสีขาวกับกางเกงรัดรูปสีดำ ส่วนของคุโระเป็นเสื้อเกาะอกสีขาวกางเกงรัดรูปสีดำ
‘’ที่นี้ข้าขอถาพวกเจ้าหน่อยนะว่าพวกเจ้าทั้ง2นะเคยฝึกทักษะการป้องกันตัวระดับพื้นฐานรึยัง’’คุโระยืนกอดมองทั้งคนพร้อมกับถามส่วนดราโก้ คิสึรันและโนเอลร่าก็ยืนมองเอเลนกับแมร์รี่อยู่ข้างๆคุโระ
‘’กระผมนะเคยฝึกมาแล้วละ’’
‘’ชั้นเคยฝึกแค่การออกหมัดและวิชาคาราเต้แค่นี้เองนะคะคุณคุโระ’’
‘’อื้ม ถ้างั้นข้าจะขอสอนเพิ่มให้กับพวกเจ้า2คนหน่อยละกัน ซึ่งวิชาที่ข้าจะสอนก็คือวิชายูโด ถึงข้าจะใช้วิชานี้ไม่เก่งเท่าพลูเทียแต่ก็รู้พื้นของวิชานี้ทั้งหมดเลยละ
‘’เริ่มจากเจ้าทั้ง2จะต้องทำท่านอนตบพื้นก่อนอื่นก็ต้องนอนหงายตั้งเข่าให้เท้าวางห่างกันประมาณ12นิ้ว ฝ่าเท้าวางราบกับพื้น แขนทั้งสองยกชูขึ้น สายตามองที่เอวไว้ก่อน จากนั้นให้ตพื้นโดยใช้ฝ่ามือและลำแขนทั้งสองพร้อมกันทำมุม 45องศา กับลำตัว ทำแบบนี้ซ้ำๆกันสัก50ครั้งละกัน’’คุโระพูดพร้อมกับยืนมัดผมของตนเองเป็นทรงหางม้าก่อนจะค่อยๆทำท่าที่ตนเองบอกเพื่อเป็นตัวอย่างให้กับเอเลนและแมร์รี่
‘’ที่นี้พวกเจ้าลองทำตามคุโระดูสิ’’คิสึรันยืนพูดพลางมองเอเลนกับแมร์รี่ก่อนจะเอามือล้วงเข้าไปในแขนเสื้อกกิโมโนของตนแล้วสายหางไปมาเบาๆ
‘’แล้วทำไมคนของกระผมต้องทำตามคำพูดของคุณคิสึรันด้วยละ กระผมนะไม่ค่อยชอบทำตามคำสั่งของผู้ชายหรอกนะ อั๊ก!’’เมื่อเอเลนพูดจบก็โดนข้อศอกของแมร์รี่กระแทกเข้าที่หน้าท้องไปเต็มๆ
‘’ทะ ทำก็ได้ครับ..’’หลังจากที่เอเลนโดนศอกของแมร์รี่เข้าไปเอเลนก็รีทำตามที่คุโระบอกพร้อมกับแมร์รี่ไปเรื่อยๆ และในระหว่างที่กำลังซ้อมอยู่นั้นคุโระก็เอ่ยถามทั้ง2คนว่า
‘’นี้เอเลน แมร์รี่...ข้าขอถามอะไรอย่างหนึ่งจะได้ไหม?’’
‘’ฮึบ! ว่ามาเลยครับ’’
‘’มีอะไรหรอคะคุณคุโระ?’’
‘’พวกเจ้าทั้ง2คนรู้สึกถึงคลื่นความถี่ของพลังที่แปลกๆไหม ตั้งแต่เจ้าน้องชายของพลูเทียเข้ามาที่นี้ข้าก็รู้สึกกังวลใจและรู้สึกถึงความเยือกเย็นมากอย่างบอกไม่ถูกเลยละ มันเหมือนกับคลื่นความถี่ของพลังของเจ้าชิโดกินั้นไม่มีผิดเลย’’คุโระพูดด้วยสีหน้าที่แลดูกังวลพร้อมกับใช้แขนทั้ง2โอบกอดร่างของตัวเอง
‘’ก็ต้องรู้สึกอยู่แล้วละด้วยสัญชาตญาณของมังกรน่ะนะ’’
‘’ชั้นก็รู้สึกนิดๆอยู่เหมือนกันนะคะ เพราะสำหรับวิญญาณพิเศษอย่างชั้นแล้วย่อมต้องรับรู้ได้ในประมาณนึงคะ’’
‘’อย่างงั้นหรอ....เฮ้อ...’’
คุโระค่อยๆเงยหน้าขึ้นแล้วกลับมามองเอเลนกับแมร์รี่เหมือนเดิมจากนั้นก็ค่อยๆถอนหายใจเบาๆจนผ่านไป2-3ชั่วโมงดราโก้ก็เดินไปกระซิบที่ข้างๆหูของคุโระว่า
‘‘นี้คุโระข้าขอพูดตรงๆเลยนะ ถึงแม้เนปจีจะเป็นน้องชายแท้ๆของคุณหนูพลูเทียที่ตายไปแล้วและฟื้นคืนชีพขึ้นมาก็เถอะแต่ข้ารู้สึกไม่ชอบเจ้านั้นเลย ข้านะอยากจะไปบอกห้ามไม่ให้คุณหนูเข้าใกล้เจ้าเนปจีนั้นอีกจริงๆ’’
‘’นั้นสิ ข้าก็คิดแบบเดียวกับนายเลยละดราโก้แต่ถ้าเราจะไปห้ามไม่ให้พลูเทียเข้าใกล้เจ้านั้นก็คงเป็นไปไม่ได้เพราะแลดูพลูเทียจะดีใจมากๆที่ได้เจอกับเนปจี ถ้าพลูเทียต้องแยกจากกับเนปจีอีกคงต้องร้องไห้แน่ๆ นายก็หน้าจะรู้นะว่าทุกๆคนในตระกูลนี้ต่างก็ไม่อยากให้พลูเทียร้องไห้เสียใจกันทั้งนั้น’’
‘’ก็ต้องรู้สิ...ทุกๆคนในตระกูลก็ต้องรู้เป็นธรรมดาเพราะคุณหนูพลูเทียนั้นเป็นที่รักของทุกคนนี้ ถึงพวกมนุษย์ในเมืองจะ……’’
‘’เฮ้อ!...ครบสักทีๆ เหนื่อยชะมัดเลย’’เอเลนถอนหายใจเฮือกใหญ่ด้วยความเหนื่อยล้าแทรกเสียงการคุยระหว่างคุโระกับดราโก้พร้อมกับนอนเอาหัวหนุนบนตักของแมร์รี่
‘’นั้นสิคะคุณเอเลน ชั้นพึ่งจะเคยฝึกหนักขนาดนี้เป็นครั้งแรกเลยนะคะเนี้ย’’
‘’นี้แค่ระดับแรกๆเองนะแค่นี้พวกเจ้าก็เหนื่อยแล้วงั้นหรอ พวกไร้น้ำยาก็แบบนี้แหละนะ~’’โนเอลร่าพูดออกมาด้วยน้ำเสียงและทำท่าทางที่เหมือนจะล้อเลียนเอเลน
‘’ว่าใครเป็นพวกไร้น้ำยากันฮ้ะ!!’’เมื่อเอเลนได้ยินคำว่าพวกไร้น้ำยาก็ถึงกับเกิดอารมณ์หงุดหงิดและลุกขึ้นยืนทันที
‘’ข้าก็ว่าพวกเจ้าทั้ง2คนนั้นแหละ’’
เอเลนและโนเอลร่าเริ่มจะมีปากเสียงกันหนักขึ้นเรื่อยๆ จนคุโระทนไม่ไหวเลยให้ดราโก้กับคิสึรันจับทั้ง2แยกออกให้ห่างกัน
‘’โนเอล...นายหัดพูดจาให้มันดีๆหน่อยไม่ได้รึไงย่ะ...’’
‘’แต่ว่า! ถ้าเจ้าพวกนี้เหนื่อยง่ายกับการฝึกแค่นี้แล้วจะไปปกป้องใครเขาได้ยังไงกันละ’’
‘’เอาน่าๆโนเอลร่าคุง อย่าไปหงุดหงิดกับเรื่องแค่นี้เลยคนเรานะต้องมีแตกต่างกันบ้างสิ เนอะทุกคน’’
‘’ใช่...พวกเรานะถึงจะเป็นสิ่งมีชีวิตเหมือนกันแต่ก็มีความแตกต่างนะเช่นทุกคนในที่นี้ต่างก็มีเชื้อสายและพลังของมังกรยกเว้นคิสึรันกัแมร์รี่ที่เป็นปีศาจจิ้งจอกกับวิญญาณที่มีร่างเนื้อเป็นของตัวเอง’’คุโระพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่ดูนิ่งๆพลางเอามือขวาทาบตรงกลางอกเบาๆ
‘’เอาละโนเอลร่านายขอโทษเอเลนซะ...’’
‘’กะ ก็ได้...ขอโทษด้วยนะเอเลนที่ข้าพูดแบบนั้นกับเจ้าไปนะ’’
‘’ไม่เป็นไรหรอกกระผมก็เข้าใจนะที่นายพูดแบบนี้ออกมานะ เอาละผมว่ามาฝึกต่อกันดีกว่านะ ขอความกรุณาด้วยนะครับคุโระ’’เอเลนพูดจบก็ยิ้มบางๆให้กับโนเอลร่าและคุโระ
‘’อื้ม! งั้นมาต่อกันเลยนะ’’
---ณ ห้องนั่งเล่นในคฤหาสน์ของพลูเทีย---
‘’เนื่องในโอกาสที่ข้าได้เจอกับพ่อและเนปจีข้าจะทำขนมให้พวกเจ้าทุกคนทานละกันนะ เดี๋ยวขอตัวไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนะเอาละเนปจีไปอาบน้ำในห้องพี่กัน~’’พลูเทียยืนเท้าเอวพูดน้ำเสียงและใบหน้าที่ยิ้มแย้มแลดูมีความสุขก่อนจะจูงมือเนปจีออกไปจากห้องนั่งเล่นไปยังห้องอาบน้ำที่อยู่ในห้องนอนของเธอบนชั้น2
‘’ดะ เดี๋ยวสิครับท่านพี่จะให้อาบท่านพี่เนี้ยนะ’’
‘’ว่าแต่คุณคิระครับจะดีหรอที่ปล่อยให้คุณพลูเทียกับเนปจีไปอาบน้ำด้วยกันนะคะ คุณพลูเทียก็เป็นผูหญิงส่วนเนปจีก็เป็นผู้ชายนะคะ’’
‘’อื้ม จริงๆก็ไม่อยากให้พลูเทียกับเนปจีอาบน้ำด้วยกันหรอกแต่ก็เอาเถอะเนปจีคงจะไม่ทำอะไรมิดีมิร้ายกับพลูเทียหรอก แต่ถ้าเกิดเนปจีทำจริงๆละก็.....หึหึหึ’’คิระพูดพลางแสยะยิ้มออกมาอย่างชั่วร้ายและมีออร่าสีดำแลดูน่ากลัวลอยออกมาจากตัวของคิระพร้อมกับคิดในใจว่า*ฮึ้ย!เจ็บใจจริงๆทำไมไม่ใช่เรากันนะที่ได้อาบน้ำกับพลูเทียลูกสาวสุดที่รักแต่ดันเป็นเจ้าเนปจีไปซะได้ ;-; *
ทางด้านพลูเทียกับเนปจีที่กำลังเดินไปตามทางเพื่อที่จะไปที่ห้องอาบน้ำในห้องนอนของตนในขณะกำลังเดินขึ้นบันได้ไปนั้นเนปจีก็ได้เอ่ยคำพูดออกมาว่า
‘’นี้ท่านพี่ครับ...ถ้าสมมติผมถูกบังคับลงมือทำร้ายท่านพี่จนบาดเจ็บสาหัสท่านพี่จะโกรธผมรึเปล่า?’’
‘’ทำไมจู่ๆถึงถามแบบนั้นละ’’
‘’กะ กะ ก็ผมอยากลองถามดูเฉยๆนะ^^’’ ’’
‘’งั้นหรอ อืมมม....ไม่โกรธหรอกเพราะพี่รู้ว่ายังไงซะเนปจีนะก็คงไม่ทำร้ายพี่โดยไม่มีเหตุผลหรอกจริงไหม และพี่นะจะไปจัดการคนที่มาสั่งให้น้องชายพี่ให้มาทำเรื่องแบบนี้แน่คอยดูสิ’’พลูเทียหยุดเดินแล้วพูดพร้อมกับยิ้มแย้มอย่างอบอุ่นให้กับเนปจีและค่อยๆจับมือของเนปจีแน่นขึ้นเล็กน้อย
‘’นั้น..สินะครับ อะ โอ๊ย...จะ..เจ็บ เจ็บที่หัวใจ..จัง’’เนปจีรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นที่พลูเทียส่งมอบให้กับเนปจีทำให้เวทย์ของชิโดกิที่คอยควบคุมหัวใจของเนปจีนั้นเกิดการแปรปรวนเล็กน้อยเลยเป็นผลให้เนปจีมีอาการรู้สึกเจ็บที่หัวใจเล็กน้อยและเผยให้เห็นเส้นใยที่มีออร่าสีเขียวบางๆปกคลุมไว้อยู่รอบตัวของเนปจีและค่อยๆทรุดลงพื้นไป
‘’อะ อาวนี้เนปจี! เป็นอะไรไปนะ ทำใจดีๆไว้นะเดี๋ยวพี่จะใช้เลือดสีดำของพี่รักษาให้เอง’’พลูเทียเมื่อเห็นเนปจีทรุดลงไปกับพื้นด้วยความเจ็บปวดก็ถึงกับตกใจและเตรียมที่จะกัดนิ้วตัวเองเพื่อใช้เลือดสีดำรักษาเนปจี
‘’ผะ ผมไม่เป็นอะไรแล้วละครับท่านพี่ แค่รู้สึกเหนื่อยมากไปหน่อยนะผมว่ารีบไปอาบน้ำกันเถอะเดี๋ยวพวกนั้นรอขนมฝีมือท่านพี่กันนานไปนะ’’เนปจีค่อยๆเงยหน้าแล้วยิ้มบางๆเล็กน้อยและเส้นใยที่มีออร่าสีเขียวบางๆปกคลุมไว้นั้นก็ค่อยๆหายไป
‘’งั้นก็ได้...ไปกันเถอะ’’พลูเทียพูดจบก็ค่อยๆพยุงตัวของเนปจีขึ้นมาและรีบพาไปยังห้องอาบน้ำของเธอ เมื่อพลูเทียพาเนปจีไปยังที่เตียงนอนห้องของเธอพร้อมกับบอกเนปจีว่า
‘’เนปจีจะอาบก่อนหรือให้พี่อาบก่อนละ?’’
‘’ท่านพี่อาบก่อนเลยก็ได้ครับ’’
‘’อื้ม งั้นนั่งรอตรงนี้ก่อนนะ อ้อ!แล้วก็ห้ามเปิดตู้เสื้อผ้าของพี่เด็ดขาดละ~’’พลูเทียพูดหยอกล้อเนปจีเล็กน้อยก่อนจะเดินไปหยิบขนหนูในตู้แล้วเดินเข้าห้องน้ำไป
‘’ผมคงไม่โรคจิตไปเปิดตู้เสื้อผ้าของท่านพี่หรอกครับ=-=’’ ’’เนปจีหันไปมองควับ!เมื่อได้ยินคำหยอกล้อของพลูเทีย ผ่านไปสัก10-20นาทีพลูเทียก็เดินออกมาจากห้องอาบน้ำในสภาพนุ่งผ้าขนหนู
ทันใดนั้นจู่ๆก็มีเสียงปริศนาดังขึ้นในหัวของเนปจีว่า
*ไง~ ไง~ เนปจีได้พบกับพี่สาวหรือภรรยาของข้าแล้วรู้สึกยังไงบ้างละน่ารักใช่ไหมละ~*
‘’*ตกใจหมดเลยนะครับนึกว่าใคร ท่านพี่ของผมน่ารักจริงๆนั้นแหละแถมน่าอกใหญ่กว่าเมื่อก่อนซะด้วยนะครับ ไม่ยักกะรู้ว่ามาสเตอร์ชอบสาวอกใหญ่แบบนี้นะครับ*’’เสียงปริศนาที่เนปจีได้ยินนั้นก็คือเสียงของชิโดกินั้นเอง เนปจีนั้นโทรจิตตอบชิโดกิไปพร้อมกับทำหน้านิ่งเล็กน้อย
*จริงๆที่ข้าสนใจพลูเทียไม่ใช่ที่น่าอกแต่เพราะความอบอุ่น ความใจดีและเสน่ห์ที่มีในตัวของนางทำให้ข้าคนนี้เพลอหลงรักแบบหัวปักหัวปัมเลยละแถมเสียงร้องเพลงก็ยังไพเราะจับใจมากด้วยตอนเจอกันในวันนั้นเหมือนเทวดาคิวปิคตัวน้อยมายิงศรรักใส่ข้าเลยละ~ เฮ้ยๆ!สงสัยจะเพลอเล่าอะไรให้นายฟังมากไปแล้วแหะ เอาละมาเข้าเรื่องกันดีกว่านายคงจะไม่ลืมหน้าที่ของนายหรอกนะ*
‘’*ผมไม่ลืมแน่ครับหน้าที่ในครั้งนี้นะ แต่ว่า....มันจะไม่โหดร้ายไปสำหรับท่านพี่ของผมหน่อยหรอ*’’
*นี้เจ้าหัดมีความรู้สึกแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไรกัน เอาเถอะยังไงซะนายก็อย่าลืมทำตามหน้าที่ละถ้าฝืนการควบคุมของข้าละก็รู้นะว่าจะเกิดอะไรขึ้นนะ....*
‘’*คะ...ครับผมจะไม่ฝืนการควบคุมของท่านอย่างแน่นอน..มาสเตอร์*’’
ในระหว่างที่เนปจีกำลังคุยกับชิโดกินั้นก็มีเสียงตะโกนเรียกของพลูเทียด้วยความเป็นห่วงว่า
‘’นี้!เนปจีเป็นอะไรรึเปล่า?แล้วอาบน้ำเสร็จรึยังนะ’’
‘’*ผมต้องขอตัวไปก่อนนะครับท่านพี่เรียกผมแล้วละ*’’
‘’แหะๆ ขอโทษทีนะครับพอดีเพลอหลับในห้องอาบน้ำซะได้เดี๋ยวผมจะไปเดี๋ยวนี้แหละครับ’’'' าบน้ำเสร็จรึยังาเห็นเงียบไปนานเลย
‘’โถ่ ที่หลังอย่าเพลอหลับในห้องอาบน้ำอีกละรู้ไหมงั้นถ้าแต่งตัวเสร็จแล้วให้ไปรอที่ห้องนั่งเล่นนะ พี่ไปก่อนละ’’เมื่อพลูเทียพูดจบนั้นเธอก็เดินออกจากห้องไปเพื่อที่จะเดินไปที่ครัวพลางแล้วใช้เวทย์createสร้างสรรค์ชสร้อยล็อคเก็ตสีทองอร่ามที่มีรูปครอบครัวอยู่ในนั้นมาไว้ในกล่องใส่กล่องเล็กๆเอาไว้และเอามาใส่ในกระเป๋ากางเกง แล้วเมื่อพลูเทียออกจากห้องไปได้สักพักเนปจีก็เดินออกมาจากห้องอาบน้ำในสภาพที่นุ้งผ้าขนหนูส่วนล่างเอาไว้แล้วค่อยๆมองมือของตนเองทั้ง2ข้างพลางคิดอะไรบ้างอย่างก่อนจะหยิบเสื้อผ้าของตนเองมาใส่แล้วเดินไปที่ห้องนั่งเล่นตามที่พลูเทียบอก ในระหว่างที่เนปจีกำลังเดินไปตามทางที่ไปห้องนั่งเล่นอยู่ด้วยความเหม่อลอยนั้นในหัวของเนปจีก็มีแต่ความคิดและความรู้สึกที่สับสนว่าตนนั้นควรที่จะทำตามคำสั่งหรือไม่ถ้าไม่แล้วตนควรจะทำอย่างไรเนปจีคิดอยู่เช่นซ้ำไปซ้ำมาเรื่อยๆจนเพลอไปชนใครบางคนที่กำลังวิ่งมาเข้าอย่างจังจนล้มหงายท้องลงไปทั้งคู่
‘’โอ้ย! ขะ..ขอโทษนะนายเป็นอะไรรึเปล่าะครับเป็นไปซ้ำมาเรื่อยๆจนเพลอชนใครบางคนเข้าอย่างจังหัวของเนปจีก็มีแต่ควาคิดและความรู้สึกที่สับสนว่าตนนั้นควรที่จะทำตาม’’
‘’มะ..ไม่เป็นอะไรครับ..ว่าแต่นายคือ?’’
‘’ข้าชื่อธันเดอร์นะ อ่ะๆเห็นข้าตัวเล็กแบบนี้แต่ข้าไม่ใช่เด็กนะข้านะอายุมากกว่าเจ้าด้วยซ้ำแล้วนายละชื่ออะไรและเป็นตัวอะไรด้วยกระแสพลังในตัวนายนะจะมนุษย์ก็ไม่ใช่จะสัตว์ประหลาดก็ไม่เชิง? และนายมาที่นี้ได้ไงด้วย’’คนที่เนปจีเดินไปชนนั้นก็คือธันเดอร์ที่พึ่งกลับมาจากการตวรจตราภายนอกคฤหาสน์
‘’ผะ ผมชื่อเนปจีครับ คะ คะ คือว่าแบบก็ผมนะถูกทำพิธีคนชีพให้โดยที่ไม่รู้ว่าใครเป็นคนทำนะครับ และที่ผมมาที่นี้ได้ก็เพราะสัญชาตญาณในตัวมันนำทางผมจนมาถึงที่นี้นะ้นะครับะถูกใครบางคนทำพิธีคนชีพให้นะครับะสัตว์ประหลาดก็ไม่เชิง?ง’’เนปจีพูดพลางค่อยๆลุกขึ้นยืนพร้อมกับธันเดอร์ที่กำลังจ้องเนปจีแบบตาไม่กระพริบ
‘’อืมมม...ฮ่าๆๆอย่างงั้นหรอ ว่าแต่นายนะเห็นคุณหนูพลูเทียรึเปล่าข้าไปหาที่ห้องนอนก็ไม่เจอ’’
‘’อ้อท่านพี่นะหรอ ท่านพี่นะเขาน่าจะอยู่ที่ครัวละมั้งครับผมว่าพวกเรา2คนไปรอท่านพี่ที่ห้องนั่งเล่นกันเถอะ’’
‘’โอ้!แสดงว่าคุณหนูอาการดีขึ้นแล้วสินะ งั้นที่คุณหนูอยู่ที่ครัวก็จะทำขนมให้ทานสินะงั้นพวกเรารีบไปกันเถอะ!าน่าจะอยู่ที่ครัวละมั้งครับผมว่าพวกเรา2คนไปรอท่านพี่ที่ห้องนั่งเล่นกันเถอะ’’
‘’จะ ใจเย็นสิครับเดี๋ยวก็ล้มกันพอดีหรอก’’
ด้วยความรู้สึกที่ดีใจของธันเดอร์ที่รู้ว่าพลูเทียอาการดีขึ้นแล้วนั้นก็จับข้อมือซ้ายของเนปจีจากนั้นพากันรีบวิ่งไปที่ห้องนั่งเล่นทันที ในระหว่างทางที่เนปจีกับธันเดอร์กำลังวิ่งไปนั้นเนปจีก็พลางคิดเรื่องหน้าที่ของตนที่ต้องทำทำให้ความรู้สึกที่สับสนนั้นกลับมาอีกครั้งหนึ่ง..............
ในช่วงเช้าที่ท้องฟ้าปรอดโปร่งกับแสงแดดอ่อนๆลอดผ่านมาทางหน้าต่าง ทุกๆคนในคฤหาสน์ยังคงมีความรู้สึกตกใจเล็กน้อยที่เมื่อคืนจู่ๆพลูเทียก็หายไปและไปเจอเด็กชายที่ชื่อเนปจีซึ่งเป็นน้องชายที่ตายไปเมื่อสมัยพลูเทียยังเป็นเด็กพร้อมกับร่างของพลูเทียที่กลายเป็นแมวดำ และในเวลานี้คิระ เนปจีและพวกเรนก็เดินมาอยู่ในห้องนั่งเล่นหลังจากที่ทานอาหารเช้าเสร็จแล้ว ส่วนพวกอัลทีมิสนั้นก็ยังคงแบ่งเวรไปคอยดูแลพลูเทียที่กำลังหลับอยู่ในห้องของเธอและค่อยตรวจตราบริเวณนอกคฤหาสน์
‘’ว้าว~ที่นี้ช่างสวยงามจังเลย โอ้ะ!นั้นคงจะเป็นรูปวาดที่ท่านพี่วาดสินะ ท่านพี่เนี้ยยังชอบวาดรูปเหมือนเดิมเลย...เห็นแล้วนึกถึงสมัยตอนอยู่กันครบครอบครัวจังเลย’’เนปจีเดินสำรวจรอบๆห้องนั่งเล่นพร้อมกับพูดด้วยความรู้สึกที่ประทับใจกับความสวยงามโดยรวมของห้องนั่งเล่นแต่ก็ไปสะดุดตากับภาพๆหนึ่งที่ใส่กรอบไว้อย่างดีถูกตั้งไว้บนโต๊ะที่กลางห้องนั่งเล่นก่อนจะหยิบภาพวาดนั้นขึ้นมา
‘’หืม? รูปนั้นคงจะเป็นภาพครอบครัวในความทรงจำของพลูเทียละมั้ง’’คิระเดินมาดูรูปวาดที่เนปจีพูถึงพร้อมกับยืนกอดอก
‘’สีหน้าของทุกคนๆในภาพวาดนี้แลดูมีความสุขกันมากๆเลยสินะ แต่เดี๋ยวก่อนนะคริสตัลที่อยู่ตรงโบว์กลางอกชุดของคุณพลูเทียเหมือนกับคริสตัลที่อยู่กลางอกเสื้อของแพนโดร่าเลย’’เรนเดินตามมาดูรูปพร้อมกับคนอื่นๆแล้วตกใจเล็กน้อยเพราะที่ตรงโบว์กลางอกชุดของพลูเทียมีคริสตัลรูปหยดน้ำเหมือนกับที่มีอยู่บนกลางอกของแพนโดร่าต่างกันตรงที่สัญญาลักษณ์รูปพระจันทร์เสี้ยวกับดาวสีดำบนคริสตัลส่วนของแพนโดร่าเป็นสัญญาลักษณ์รูปพระจันทร์เสี้ยวสีดำ
‘’เท่าที่อ่านประวัติของทุกตระกูลใหญ่มาจากสมุดบันทึกเก่าๆที่เจอในห้องสมุดของบ้านฉัน คริสตัลนั้นเป็นสิ่งที่ผู้นำตระกูลอินฟีนีตี้ฮาร์ตรุ่นแรกสร้างขึ้นมาจากพลังงานชีวิตของตนเองและมอบให้กับลูกสาวของตนพร้อมกับพูดคำทำนายเอาไว้ก่อนจะสิ้นใจตายด้วยโรคหัวใจว่าในอีกหลายหลายร้อยปีข้างหน้าจะมีลูกหลานหนึ่งคนที่ถูกคำสาปของวิญญาณชั่วร้ายและจะกลายเป็นปีศาจแห่งการทำลายล้างทำลายทั้งอาณาจักรจงพกสิ่งนี้ติดตัวและมอบให้กับผู้นำตระกูลรุ่นต่อๆไปซึ่งคำนายนั้นเป็นจริงรึเปล่าฉันก็ไม่รู้เพราะกระดาษหน้าถัดไปมันหายไปนะ’’เอมี่พูดพร้อมกับยืนกอดอกและหลับตานึกประวัติของตระกูลอินฟีนีตี้ฮาร์ตที่เคยอ่านมาจากห้องสมุดในบ้านของตนเอง
‘’ซึ่งคำทำนายนั้นมันก็เกิดขึ้นจริงๆเพราะคนที่โดนคำสาปนั้นคือ.....’’ในขณะที่คิระกำลังพูดนั้นจู่ๆก็มีเสียงฝีเท้าของใครบางคนที่กำลังวิ่งมาอย่างรีบร้อนสุดๆแล้วเปิดประตูพรวดเข้ามาในห้องนั่งเล่น
‘’พ่อค่ะ!! เนปจี!! ใช้ทั้ง2คนจริงๆด้วย’’เสียงฝีเท้าที่กำลังวิ่งมาอย่างรีบร้อนแล้วเปิดประตูอย่างรวดเร็วนั้นก็คือพลูเทียที่พึ่งฟื้นขึ้นมาในสภาพสวมปลอกคอของเธอไว้และชุดนอนยาวสีดำลายหน้าแมวสีขาวและรีบวิ่งโผเข้ากอดคิระกับเนปจีแน่นๆจนทั้ง3ล้มลงกับพื้นจนทำให้น่าอกของพลูเทียทับหน้าคิระกับเนปจี
‘’เหวอ!! ใจเย็นสิลูก’’
‘’ทะ ท่านพี่ผมหายใจไม่ออกนะครับ!’’
‘’ขอโทษนะคะพ่อที่หนูทำตัวเป็นลูกที่แย่ไม่ยอมฟังคำเตือนของพ่อ....ขอโทษนะเนปจีที่ในตอนนั้นพี่ดูแลเจ้าไม่ดีพอ...พ่อค่ะ....เนปจี....กี่ปีแล้วที่ไม่ได้เจอกันนะ...ข้านะรู้สึกคิดถึงและเป็นห่วงทั้ง2มากจริงๆนะ...’’พลูเทียค่อยๆคลายกอดออกก่อนจะพูดพร้อมกับค่อยๆลุกออกตัวคิระและเนปจีแล้วยิ้มทั้งน้ำตาออกมา
‘’ผมก็คิดถึงท่านพี่เหมือนกันนะครับ...’’เนปจีค่อยๆลุกขึ้นมาพร้อมกับยิ้มบางๆ
‘’คนที่ควรขอโทษน่าจะเป็นพ่อมากกว่านะ เพราะพ่อดันหวงลูกมากไปจนไม่คิดถึงความรู้สึกของลูก....แล้วก็หายตัวไปจากบ้านนี้โดยไม่บอกอะไรเลยสักคำ...แต่ว่าคราวนี้พ่อจะอยู่กับลูก จะไม่ไปไหนอีกแล้วละ....ว่าแต่ลูกรู้ได้ไงว่าพ่อกับเนปจีอยู่ที่นี้นะ’’ค่อยๆลุกขึ้นมาเช่นกันพร้อมกับยิ้มก่อนจะเอื้อมมือไปลูบหัวแล้วใช้มือทั้ง2จับแก้มพลูเทียเบาๆอย่างอ่อนโยนแล้วดึงเข้ามากอดเบาๆ ในขณะที่ทุกๆคนในห้องนั่งเล่นกำลังรู้สึกประทับใจกับภาพของพ่อลูกที่ได้พบกันในรอบหลายปีจู่ๆก็มีเสียงฝีเท้าหลายๆคนกำลังวิ่งมาที่ห้องนั่งเล่นอย่างรีบร้อน
‘’คุณหนูขอรับ! คุณหนูจะต้องนอนพักต่อนะครับร่างกายของท่านยังไม่แข็งแรงดีเลย’’อัลทีมิสรีบวิ่งเข้ามาพร้อมกับคุโระและไกอาร์และพูดด้วยความเป็นห่วง
‘’ก็หนูรู้ได้จากพลังแห่งสัญชาตญาณในตัวกับประสาทการรับรู้กลิ่นอันเป็นเลิศของหนูนี้คะ อะไรนะ!? แต่ตอนนี้ข้ารู้สึกแข็งแรงแล้วนะและข้าก็ไม่อยากนอนต่อแล้วด้วย’’พลูเทียหันไปมองตามเสียงเรียกของอัลทีมิสพร้อมกับพูดแล้วพองแก้มเล็กน้อย
‘’แต่ว่าถ้าเกิดจู่ๆคุณหนูอาการแย่ขึ้นมาจะทำยังไงละครับ’’อัลทีมิสรีบเถียงกลับไปทันที
‘’น่าๆ~อัลทีมิสวันนี้ตามใจพลูเทียเขาหน่อยเถอะ เอาละ!ตอนนี้ก็ได้เวลาซ้อมแล้วกลุ่มที่จะซ้อมในวันนี้คือกลุ่มของเอเลนกับแมร์รี่ พวกเธอ2คนเดินไปพร้อมกับคุโระได้เลยนะแล้วก็คุโระอย่าลืมไปบอกพวกดราโก้ คิสึรันและโนเอลร่าด้วย’’
‘’รับทราบค่ะ...เอาละตามข้ามาได้แล้ว...’’คุโระโค้งรับคำสั่งจากคิระเล็กน้อยก่อนจะเดินนำเอเลนกับแมร์รี่ไปตามพวกดราโก้มาที่สนามฝึกซ้อมด้วย
---ณ สนามฝึกซ้อมภายในป่านอกมิติ---
‘’เอาละวันนี้เริ่มจากต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าของพวกเจ้าทั้ง2ให้เป็นชุดที่เหมาะสมกับการฝึกซะก่อน พวกเจ้าจิตนาการแบบไว้ในหัวไว้นะส่วนข้าจะใช้เวทย์createดัดแปลงเสื้อผ้าพวกเจ้าที่ใส่อยู่ในตอนนี้เป็นชุดฝึกที่พวกเจ้าคิดไว้ให้’’
คุโระหยุดยืนอยู่ใจกลางของสนามฝึกพร้อมกับเอเลน แมร์รี่ และพวกของดราโก้ก่อนจะใช้นิ้วชี้ข้างซ้ายไปที่ทั้ง2คนจากนั้นก็ปรากฏประแสงสีขาวรอบๆตัวเอเลนกับแมร์รี่และตัวคุโระเอง ไม่นานชุดของทั้ง3ก็เปลี่ยนไปชุดของเอเลนนั้นเป็นเสื้อกล้ามสีขาวกับกาเกงขายาวสีดำ ส่วนของแมร์รี่นั้นเป็นเสื้อแขนกุดสีขาวกับกางเกงรัดรูปสีดำ ส่วนของคุโระเป็นเสื้อเกาะอกสีขาวกางเกงรัดรูปสีดำ
‘’ที่นี้ข้าขอถาพวกเจ้าหน่อยนะว่าพวกเจ้าทั้ง2นะเคยฝึกทักษะการป้องกันตัวระดับพื้นฐานรึยัง’’คุโระยืนกอดมองทั้งคนพร้อมกับถามส่วนดราโก้ คิสึรันและโนเอลร่าก็ยืนมองเอเลนกับแมร์รี่อยู่ข้างๆคุโระ
‘’กระผมนะเคยฝึกมาแล้วละ’’
‘’ชั้นเคยฝึกแค่การออกหมัดและวิชาคาราเต้แค่นี้เองนะคะคุณคุโระ’’
‘’อื้ม ถ้างั้นข้าจะขอสอนเพิ่มให้กับพวกเจ้า2คนหน่อยละกัน ซึ่งวิชาที่ข้าจะสอนก็คือวิชายูโด ถึงข้าจะใช้วิชานี้ไม่เก่งเท่าพลูเทียแต่ก็รู้พื้นของวิชานี้ทั้งหมดเลยละ
‘’เริ่มจากเจ้าทั้ง2จะต้องทำท่านอนตบพื้นก่อนอื่นก็ต้องนอนหงายตั้งเข่าให้เท้าวางห่างกันประมาณ12นิ้ว ฝ่าเท้าวางราบกับพื้น แขนทั้งสองยกชูขึ้น สายตามองที่เอวไว้ก่อน จากนั้นให้ตพื้นโดยใช้ฝ่ามือและลำแขนทั้งสองพร้อมกันทำมุม 45องศา กับลำตัว ทำแบบนี้ซ้ำๆกันสัก50ครั้งละกัน’’คุโระพูดพร้อมกับยืนมัดผมของตนเองเป็นทรงหางม้าก่อนจะค่อยๆทำท่าที่ตนเองบอกเพื่อเป็นตัวอย่างให้กับเอเลนและแมร์รี่
‘’ที่นี้พวกเจ้าลองทำตามคุโระดูสิ’’คิสึรันยืนพูดพลางมองเอเลนกับแมร์รี่ก่อนจะเอามือล้วงเข้าไปในแขนเสื้อกกิโมโนของตนแล้วสายหางไปมาเบาๆ
‘’แล้วทำไมคนของกระผมต้องทำตามคำพูดของคุณคิสึรันด้วยละ กระผมนะไม่ค่อยชอบทำตามคำสั่งของผู้ชายหรอกนะ อั๊ก!’’เมื่อเอเลนพูดจบก็โดนข้อศอกของแมร์รี่กระแทกเข้าที่หน้าท้องไปเต็มๆ
‘’ทะ ทำก็ได้ครับ..’’หลังจากที่เอเลนโดนศอกของแมร์รี่เข้าไปเอเลนก็รีทำตามที่คุโระบอกพร้อมกับแมร์รี่ไปเรื่อยๆ และในระหว่างที่กำลังซ้อมอยู่นั้นคุโระก็เอ่ยถามทั้ง2คนว่า
‘’นี้เอเลน แมร์รี่...ข้าขอถามอะไรอย่างหนึ่งจะได้ไหม?’’
‘’ฮึบ! ว่ามาเลยครับ’’
‘’มีอะไรหรอคะคุณคุโระ?’’
‘’พวกเจ้าทั้ง2คนรู้สึกถึงคลื่นความถี่ของพลังที่แปลกๆไหม ตั้งแต่เจ้าน้องชายของพลูเทียเข้ามาที่นี้ข้าก็รู้สึกกังวลใจและรู้สึกถึงความเยือกเย็นมากอย่างบอกไม่ถูกเลยละ มันเหมือนกับคลื่นความถี่ของพลังของเจ้าชิโดกินั้นไม่มีผิดเลย’’คุโระพูดด้วยสีหน้าที่แลดูกังวลพร้อมกับใช้แขนทั้ง2โอบกอดร่างของตัวเอง
‘’ก็ต้องรู้สึกอยู่แล้วละด้วยสัญชาตญาณของมังกรน่ะนะ’’
‘’ชั้นก็รู้สึกนิดๆอยู่เหมือนกันนะคะ เพราะสำหรับวิญญาณพิเศษอย่างชั้นแล้วย่อมต้องรับรู้ได้ในประมาณนึงคะ’’
‘’อย่างงั้นหรอ....เฮ้อ...’’
คุโระค่อยๆเงยหน้าขึ้นแล้วกลับมามองเอเลนกับแมร์รี่เหมือนเดิมจากนั้นก็ค่อยๆถอนหายใจเบาๆจนผ่านไป2-3ชั่วโมงดราโก้ก็เดินไปกระซิบที่ข้างๆหูของคุโระว่า
‘‘นี้คุโระข้าขอพูดตรงๆเลยนะ ถึงแม้เนปจีจะเป็นน้องชายแท้ๆของคุณหนูพลูเทียที่ตายไปแล้วและฟื้นคืนชีพขึ้นมาก็เถอะแต่ข้ารู้สึกไม่ชอบเจ้านั้นเลย ข้านะอยากจะไปบอกห้ามไม่ให้คุณหนูเข้าใกล้เจ้าเนปจีนั้นอีกจริงๆ’’
‘’นั้นสิ ข้าก็คิดแบบเดียวกับนายเลยละดราโก้แต่ถ้าเราจะไปห้ามไม่ให้พลูเทียเข้าใกล้เจ้านั้นก็คงเป็นไปไม่ได้เพราะแลดูพลูเทียจะดีใจมากๆที่ได้เจอกับเนปจี ถ้าพลูเทียต้องแยกจากกับเนปจีอีกคงต้องร้องไห้แน่ๆ นายก็หน้าจะรู้นะว่าทุกๆคนในตระกูลนี้ต่างก็ไม่อยากให้พลูเทียร้องไห้เสียใจกันทั้งนั้น’’
‘’ก็ต้องรู้สิ...ทุกๆคนในตระกูลก็ต้องรู้เป็นธรรมดาเพราะคุณหนูพลูเทียนั้นเป็นที่รักของทุกคนนี้ ถึงพวกมนุษย์ในเมืองจะ……’’
‘’เฮ้อ!...ครบสักทีๆ เหนื่อยชะมัดเลย’’เอเลนถอนหายใจเฮือกใหญ่ด้วยความเหนื่อยล้าแทรกเสียงการคุยระหว่างคุโระกับดราโก้พร้อมกับนอนเอาหัวหนุนบนตักของแมร์รี่
‘’นั้นสิคะคุณเอเลน ชั้นพึ่งจะเคยฝึกหนักขนาดนี้เป็นครั้งแรกเลยนะคะเนี้ย’’
‘’นี้แค่ระดับแรกๆเองนะแค่นี้พวกเจ้าก็เหนื่อยแล้วงั้นหรอ พวกไร้น้ำยาก็แบบนี้แหละนะ~’’โนเอลร่าพูดออกมาด้วยน้ำเสียงและทำท่าทางที่เหมือนจะล้อเลียนเอเลน
‘’ว่าใครเป็นพวกไร้น้ำยากันฮ้ะ!!’’เมื่อเอเลนได้ยินคำว่าพวกไร้น้ำยาก็ถึงกับเกิดอารมณ์หงุดหงิดและลุกขึ้นยืนทันที
‘’ข้าก็ว่าพวกเจ้าทั้ง2คนนั้นแหละ’’
เอเลนและโนเอลร่าเริ่มจะมีปากเสียงกันหนักขึ้นเรื่อยๆ จนคุโระทนไม่ไหวเลยให้ดราโก้กับคิสึรันจับทั้ง2แยกออกให้ห่างกัน
‘’โนเอล...นายหัดพูดจาให้มันดีๆหน่อยไม่ได้รึไงย่ะ...’’
‘’แต่ว่า! ถ้าเจ้าพวกนี้เหนื่อยง่ายกับการฝึกแค่นี้แล้วจะไปปกป้องใครเขาได้ยังไงกันละ’’
‘’เอาน่าๆโนเอลร่าคุง อย่าไปหงุดหงิดกับเรื่องแค่นี้เลยคนเรานะต้องมีแตกต่างกันบ้างสิ เนอะทุกคน’’
‘’ใช่...พวกเรานะถึงจะเป็นสิ่งมีชีวิตเหมือนกันแต่ก็มีความแตกต่างนะเช่นทุกคนในที่นี้ต่างก็มีเชื้อสายและพลังของมังกรยกเว้นคิสึรันกัแมร์รี่ที่เป็นปีศาจจิ้งจอกกับวิญญาณที่มีร่างเนื้อเป็นของตัวเอง’’คุโระพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่ดูนิ่งๆพลางเอามือขวาทาบตรงกลางอกเบาๆ
‘’เอาละโนเอลร่านายขอโทษเอเลนซะ...’’
‘’กะ ก็ได้...ขอโทษด้วยนะเอเลนที่ข้าพูดแบบนั้นกับเจ้าไปนะ’’
‘’ไม่เป็นไรหรอกกระผมก็เข้าใจนะที่นายพูดแบบนี้ออกมานะ เอาละผมว่ามาฝึกต่อกันดีกว่านะ ขอความกรุณาด้วยนะครับคุโระ’’เอเลนพูดจบก็ยิ้มบางๆให้กับโนเอลร่าและคุโระ
‘’อื้ม! งั้นมาต่อกันเลยนะ’’
---ณ ห้องนั่งเล่นในคฤหาสน์ของพลูเทีย---
‘’เนื่องในโอกาสที่ข้าได้เจอกับพ่อและเนปจีข้าจะทำขนมให้พวกเจ้าทุกคนทานละกันนะ เดี๋ยวขอตัวไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนะเอาละเนปจีไปอาบน้ำในห้องพี่กัน~’’พลูเทียยืนเท้าเอวพูดน้ำเสียงและใบหน้าที่ยิ้มแย้มแลดูมีความสุขก่อนจะจูงมือเนปจีออกไปจากห้องนั่งเล่นไปยังห้องอาบน้ำที่อยู่ในห้องนอนของเธอบนชั้น2
‘’ดะ เดี๋ยวสิครับท่านพี่จะให้อาบท่านพี่เนี้ยนะ’’
‘’ว่าแต่คุณคิระครับจะดีหรอที่ปล่อยให้คุณพลูเทียกับเนปจีไปอาบน้ำด้วยกันนะคะ คุณพลูเทียก็เป็นผูหญิงส่วนเนปจีก็เป็นผู้ชายนะคะ’’
‘’อื้ม จริงๆก็ไม่อยากให้พลูเทียกับเนปจีอาบน้ำด้วยกันหรอกแต่ก็เอาเถอะเนปจีคงจะไม่ทำอะไรมิดีมิร้ายกับพลูเทียหรอก แต่ถ้าเกิดเนปจีทำจริงๆละก็.....หึหึหึ’’คิระพูดพลางแสยะยิ้มออกมาอย่างชั่วร้ายและมีออร่าสีดำแลดูน่ากลัวลอยออกมาจากตัวของคิระพร้อมกับคิดในใจว่า*ฮึ้ย!เจ็บใจจริงๆทำไมไม่ใช่เรากันนะที่ได้อาบน้ำกับพลูเทียลูกสาวสุดที่รักแต่ดันเป็นเจ้าเนปจีไปซะได้ ;-; *
ทางด้านพลูเทียกับเนปจีที่กำลังเดินไปตามทางเพื่อที่จะไปที่ห้องอาบน้ำในห้องนอนของตนในขณะกำลังเดินขึ้นบันได้ไปนั้นเนปจีก็ได้เอ่ยคำพูดออกมาว่า
‘’นี้ท่านพี่ครับ...ถ้าสมมติผมถูกบังคับลงมือทำร้ายท่านพี่จนบาดเจ็บสาหัสท่านพี่จะโกรธผมรึเปล่า?’’
‘’ทำไมจู่ๆถึงถามแบบนั้นละ’’
‘’กะ กะ ก็ผมอยากลองถามดูเฉยๆนะ^^’’ ’’
‘’งั้นหรอ อืมมม....ไม่โกรธหรอกเพราะพี่รู้ว่ายังไงซะเนปจีนะก็คงไม่ทำร้ายพี่โดยไม่มีเหตุผลหรอกจริงไหม และพี่นะจะไปจัดการคนที่มาสั่งให้น้องชายพี่ให้มาทำเรื่องแบบนี้แน่คอยดูสิ’’พลูเทียหยุดเดินแล้วพูดพร้อมกับยิ้มแย้มอย่างอบอุ่นให้กับเนปจีและค่อยๆจับมือของเนปจีแน่นขึ้นเล็กน้อย
‘’นั้น..สินะครับ อะ โอ๊ย...จะ..เจ็บ เจ็บที่หัวใจ..จัง’’เนปจีรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นที่พลูเทียส่งมอบให้กับเนปจีทำให้เวทย์ของชิโดกิที่คอยควบคุมหัวใจของเนปจีนั้นเกิดการแปรปรวนเล็กน้อยเลยเป็นผลให้เนปจีมีอาการรู้สึกเจ็บที่หัวใจเล็กน้อยและเผยให้เห็นเส้นใยที่มีออร่าสีเขียวบางๆปกคลุมไว้อยู่รอบตัวของเนปจีและค่อยๆทรุดลงพื้นไป
‘’อะ อาวนี้เนปจี! เป็นอะไรไปนะ ทำใจดีๆไว้นะเดี๋ยวพี่จะใช้เลือดสีดำของพี่รักษาให้เอง’’พลูเทียเมื่อเห็นเนปจีทรุดลงไปกับพื้นด้วยความเจ็บปวดก็ถึงกับตกใจและเตรียมที่จะกัดนิ้วตัวเองเพื่อใช้เลือดสีดำรักษาเนปจี
‘’ผะ ผมไม่เป็นอะไรแล้วละครับท่านพี่ แค่รู้สึกเหนื่อยมากไปหน่อยนะผมว่ารีบไปอาบน้ำกันเถอะเดี๋ยวพวกนั้นรอขนมฝีมือท่านพี่กันนานไปนะ’’เนปจีค่อยๆเงยหน้าแล้วยิ้มบางๆเล็กน้อยและเส้นใยที่มีออร่าสีเขียวบางๆปกคลุมไว้นั้นก็ค่อยๆหายไป
‘’งั้นก็ได้...ไปกันเถอะ’’พลูเทียพูดจบก็ค่อยๆพยุงตัวของเนปจีขึ้นมาและรีบพาไปยังห้องอาบน้ำของเธอ เมื่อพลูเทียพาเนปจีไปยังที่เตียงนอนห้องของเธอพร้อมกับบอกเนปจีว่า
‘’เนปจีจะอาบก่อนหรือให้พี่อาบก่อนละ?’’
‘’ท่านพี่อาบก่อนเลยก็ได้ครับ’’
‘’อื้ม งั้นนั่งรอตรงนี้ก่อนนะ อ้อ!แล้วก็ห้ามเปิดตู้เสื้อผ้าของพี่เด็ดขาดละ~’’พลูเทียพูดหยอกล้อเนปจีเล็กน้อยก่อนจะเดินไปหยิบขนหนูในตู้แล้วเดินเข้าห้องน้ำไป
‘’ผมคงไม่โรคจิตไปเปิดตู้เสื้อผ้าของท่านพี่หรอกครับ=-=’’ ’’เนปจีหันไปมองควับ!เมื่อได้ยินคำหยอกล้อของพลูเทีย ผ่านไปสัก10-20นาทีพลูเทียก็เดินออกมาจากห้องอาบน้ำในสภาพนุ่งผ้าขนหนู
ทันใดนั้นจู่ๆก็มีเสียงปริศนาดังขึ้นในหัวของเนปจีว่า
*ไง~ ไง~ เนปจีได้พบกับพี่สาวหรือภรรยาของข้าแล้วรู้สึกยังไงบ้างละน่ารักใช่ไหมละ~*
‘’*ตกใจหมดเลยนะครับนึกว่าใคร ท่านพี่ของผมน่ารักจริงๆนั้นแหละแถมน่าอกใหญ่กว่าเมื่อก่อนซะด้วยนะครับ ไม่ยักกะรู้ว่ามาสเตอร์ชอบสาวอกใหญ่แบบนี้นะครับ*’’เสียงปริศนาที่เนปจีได้ยินนั้นก็คือเสียงของชิโดกินั้นเอง เนปจีนั้นโทรจิตตอบชิโดกิไปพร้อมกับทำหน้านิ่งเล็กน้อย
*จริงๆที่ข้าสนใจพลูเทียไม่ใช่ที่น่าอกแต่เพราะความอบอุ่น ความใจดีและเสน่ห์ที่มีในตัวของนางทำให้ข้าคนนี้เพลอหลงรักแบบหัวปักหัวปัมเลยละแถมเสียงร้องเพลงก็ยังไพเราะจับใจมากด้วยตอนเจอกันในวันนั้นเหมือนเทวดาคิวปิคตัวน้อยมายิงศรรักใส่ข้าเลยละ~ เฮ้ยๆ!สงสัยจะเพลอเล่าอะไรให้นายฟังมากไปแล้วแหะ เอาละมาเข้าเรื่องกันดีกว่านายคงจะไม่ลืมหน้าที่ของนายหรอกนะ*
‘’*ผมไม่ลืมแน่ครับหน้าที่ในครั้งนี้นะ แต่ว่า....มันจะไม่โหดร้ายไปสำหรับท่านพี่ของผมหน่อยหรอ*’’
*นี้เจ้าหัดมีความรู้สึกแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไรกัน เอาเถอะยังไงซะนายก็อย่าลืมทำตามหน้าที่ละถ้าฝืนการควบคุมของข้าละก็รู้นะว่าจะเกิดอะไรขึ้นนะ....*
‘’*คะ...ครับผมจะไม่ฝืนการควบคุมของท่านอย่างแน่นอน..มาสเตอร์*’’
ในระหว่างที่เนปจีกำลังคุยกับชิโดกินั้นก็มีเสียงตะโกนเรียกของพลูเทียด้วยความเป็นห่วงว่า
‘’นี้!เนปจีเป็นอะไรรึเปล่า?แล้วอาบน้ำเสร็จรึยังนะ’’
‘’*ผมต้องขอตัวไปก่อนนะครับท่านพี่เรียกผมแล้วละ*’’
‘’แหะๆ ขอโทษทีนะครับพอดีเพลอหลับในห้องอาบน้ำซะได้เดี๋ยวผมจะไปเดี๋ยวนี้แหละครับ’’'' าบน้ำเสร็จรึยังาเห็นเงียบไปนานเลย
‘’โถ่ ที่หลังอย่าเพลอหลับในห้องอาบน้ำอีกละรู้ไหมงั้นถ้าแต่งตัวเสร็จแล้วให้ไปรอที่ห้องนั่งเล่นนะ พี่ไปก่อนละ’’เมื่อพลูเทียพูดจบนั้นเธอก็เดินออกจากห้องไปเพื่อที่จะเดินไปที่ครัวพลางแล้วใช้เวทย์createสร้างสรรค์ชสร้อยล็อคเก็ตสีทองอร่ามที่มีรูปครอบครัวอยู่ในนั้นมาไว้ในกล่องใส่กล่องเล็กๆเอาไว้และเอามาใส่ในกระเป๋ากางเกง แล้วเมื่อพลูเทียออกจากห้องไปได้สักพักเนปจีก็เดินออกมาจากห้องอาบน้ำในสภาพที่นุ้งผ้าขนหนูส่วนล่างเอาไว้แล้วค่อยๆมองมือของตนเองทั้ง2ข้างพลางคิดอะไรบ้างอย่างก่อนจะหยิบเสื้อผ้าของตนเองมาใส่แล้วเดินไปที่ห้องนั่งเล่นตามที่พลูเทียบอก ในระหว่างที่เนปจีกำลังเดินไปตามทางที่ไปห้องนั่งเล่นอยู่ด้วยความเหม่อลอยนั้นในหัวของเนปจีก็มีแต่ความคิดและความรู้สึกที่สับสนว่าตนนั้นควรที่จะทำตามคำสั่งหรือไม่ถ้าไม่แล้วตนควรจะทำอย่างไรเนปจีคิดอยู่เช่นซ้ำไปซ้ำมาเรื่อยๆจนเพลอไปชนใครบางคนที่กำลังวิ่งมาเข้าอย่างจังจนล้มหงายท้องลงไปทั้งคู่
‘’โอ้ย! ขะ..ขอโทษนะนายเป็นอะไรรึเปล่าะครับเป็นไปซ้ำมาเรื่อยๆจนเพลอชนใครบางคนเข้าอย่างจังหัวของเนปจีก็มีแต่ควาคิดและความรู้สึกที่สับสนว่าตนนั้นควรที่จะทำตาม’’
‘’มะ..ไม่เป็นอะไรครับ..ว่าแต่นายคือ?’’
‘’ข้าชื่อธันเดอร์นะ อ่ะๆเห็นข้าตัวเล็กแบบนี้แต่ข้าไม่ใช่เด็กนะข้านะอายุมากกว่าเจ้าด้วยซ้ำแล้วนายละชื่ออะไรและเป็นตัวอะไรด้วยกระแสพลังในตัวนายนะจะมนุษย์ก็ไม่ใช่จะสัตว์ประหลาดก็ไม่เชิง? และนายมาที่นี้ได้ไงด้วย’’คนที่เนปจีเดินไปชนนั้นก็คือธันเดอร์ที่พึ่งกลับมาจากการตวรจตราภายนอกคฤหาสน์
‘’ผะ ผมชื่อเนปจีครับ คะ คะ คือว่าแบบก็ผมนะถูกทำพิธีคนชีพให้โดยที่ไม่รู้ว่าใครเป็นคนทำนะครับ และที่ผมมาที่นี้ได้ก็เพราะสัญชาตญาณในตัวมันนำทางผมจนมาถึงที่นี้นะ้นะครับะถูกใครบางคนทำพิธีคนชีพให้นะครับะสัตว์ประหลาดก็ไม่เชิง?ง’’เนปจีพูดพลางค่อยๆลุกขึ้นยืนพร้อมกับธันเดอร์ที่กำลังจ้องเนปจีแบบตาไม่กระพริบ
‘’อืมมม...ฮ่าๆๆอย่างงั้นหรอ ว่าแต่นายนะเห็นคุณหนูพลูเทียรึเปล่าข้าไปหาที่ห้องนอนก็ไม่เจอ’’
‘’อ้อท่านพี่นะหรอ ท่านพี่นะเขาน่าจะอยู่ที่ครัวละมั้งครับผมว่าพวกเรา2คนไปรอท่านพี่ที่ห้องนั่งเล่นกันเถอะ’’
‘’โอ้!แสดงว่าคุณหนูอาการดีขึ้นแล้วสินะ งั้นที่คุณหนูอยู่ที่ครัวก็จะทำขนมให้ทานสินะงั้นพวกเรารีบไปกันเถอะ!าน่าจะอยู่ที่ครัวละมั้งครับผมว่าพวกเรา2คนไปรอท่านพี่ที่ห้องนั่งเล่นกันเถอะ’’
‘’จะ ใจเย็นสิครับเดี๋ยวก็ล้มกันพอดีหรอก’’
ด้วยความรู้สึกที่ดีใจของธันเดอร์ที่รู้ว่าพลูเทียอาการดีขึ้นแล้วนั้นก็จับข้อมือซ้ายของเนปจีจากนั้นพากันรีบวิ่งไปที่ห้องนั่งเล่นทันที ในระหว่างทางที่เนปจีกับธันเดอร์กำลังวิ่งไปนั้นเนปจีก็พลางคิดเรื่องหน้าที่ของตนที่ต้องทำทำให้ความรู้สึกที่สับสนนั้นกลับมาอีกครั้งหนึ่ง..............
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ