ฉาวกับ...ซุปเปอร์สตาร์

9.0

เขียนโดย DTBII

วันที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2558 เวลา 18.17 น.

  5 chapter
  1 วิจารณ์
  7,533 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2558 18.25 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

4) ฉาวครั้งที่4

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

ฉาวครั้งที่๔

ผมนั่งกุมโทรศัพท์หลังจากที่ส่งข้อความไปแล้ว พลางบ่นในใจว่าไม่น่าส่งไปเลย ผมมองโทรศัพท์ที่ยังคงเงียบกริบถึงแม้จะส่งข้อความไปนานแล้วก็ตาม ผมโยนโทรศัพท์ทิ้ง พอๆ เลิกฟุ้งซ่านได้แล้ว ผมตบหน้าตัวเองเบาๆ เพื่อตั้งสติ

ครืดดดด~ติ้ง

ข้อความใหม่1 ข้อความ.....จากไอ้ภาคิน ผมเม้มปากก่อนจะกดอ่านข้อความ

‘ออกมาเจอหน่อย ที่ร้านไอ้จอห์น รออยู่ด้านใน’

ผมมองข้อความจากภาคินอย่างลังเล การออกไปเจอมันนี่ค่อนข้างเสี่ยงต่อการตกเป็นข่าวมากๆ ไปหรือไม่ไปดี?ถ้าผมไป...นั่นหมายความว่าผมอยากสานต่อกับมันรึเปล่า แต่ผมก็อยากรู้ว่ามันเป็นยังไงบ้างหลังจากที่เจอกระแสโจมตีขนาดนี้ แต่ก็ช่วยไม่ได้ มันดันไปบอกนักข่าวแบบนั้นเอง ผมโทรไปบอกแม่ว่าจะออกไปทำธุระข้างนอก ผมหยิบเสื้อคลุมมาใส่ ก่อนจะไปร้านเฮีย ผมมองซ้ายมองขวา วันนี้ร้านเฮียปิดนี่ แต่มันบอกว่ารออยู่ด้านใน ผมลองผลักประตูเข้าไป ประตูไม่ได้ล็อค ไอ้ภาคินนั่งอยู่บนเคาเตอร์ ใบหน้าดูเซียวๆ นิดหน่อยเหมือนคนอดนอน ร่างสูงหันมามองเมื่อผมเดินเข้าไปใกล้ ด้านในมีแสงไฟมัวๆ ทำให้ผมนึกไปถึงเมื่อวันที่เจอมันวันแรก

“เป็นไง”ผมถามด้วยน้ำเสียงเรียบๆ ไม่แสดงความสนใจมาก แต่ดูจากสีหน้าของมันแล้วก็คงจะแย่ล่ะมั้ง ไอ้ภาคินยักไหล่

“หนักกว่านี้ฉันยังเคยเจอเลย แค่นี้สบายมาก”ไม่รู้ว่ามันพูดจริงรึเปล่า ผมไม่ได้เซ้าซี้ถามมันต่อ

“ตอนแรกนึกว่านายจะไม่มาซะอีก คราวก่อนเหมือนนายจะไม่ค่อยพอใจ”

“ก็....ช่างเถอะ แล้วเข้ามาได้ไง มีกุญแจร้านด้วยเหรอ”สงสัยจะสนิทกับเฮียจอห์นมากจริงๆ ถึงเข้านอกออกในได้

“...ร้านนี้ก็เป็นของฉันครึ่งหนึ่งเหมือนกัน เงินฉันครึ่งหนึ่ง”แบบนี้นี่เอง ผมมองคนที่อยู่ในชุดสบายๆ กางเกงขาสั้นกับเสื้อยืดเก่าๆ แต่คนดูดีใส่อะไรมันก็ดูไม่น่าเกลียด ดังนั้นสภาพมันเลยไม่เฉียดใกล้คำว่า โทรม เลยสักนิด ถึงหน้ามันจะดูแย่กว่าทุกครั้งก็เถอะ

“แล้วอยากเจอทำไม มีอะไรก็พูดมาสิ”ผมทำลายความเงียบเพราะมันเอาแต่มองหน้าผมลูกเดียว จนผมรู้สึกร้อนๆหนาวๆแปลกๆ

“ไม่มีอะไร แค่อยากเจอ”สายตามันยังจับจ้องอยู่ที่ผม ผมเลยเสมองไปรอบๆ เหมือนภาคินมันจะอยู่ที่ร้านนานแล้ว เพราะมีถ้วยมาม่าเน่าๆวางอยู่ที่โต๊ะตัวใกล้สุด ว่าแต่ ทำไมมันจะต้องอยากเจอผมด้วย

“วงการบ้าๆนี่ ก็น่าตลกดีนะ....”จู่ๆมันก็พูดขึ้นมา ผมแค่หันไปมองว่ามันจะพูดอะไรต่อ

“รู้ไหม ...ขนาดมีเรื่องฉาวๆของฉัน ทางค่ายยังได้ประโยชน์จากเรื่องนี้อยู่เลย”ภาคินพ่นลมหายใจอย่างหงุดหงิด หมอนี่มันมีปัญหาอะไรของมันนะ

“...เดี๋ยวข่าวก็เงียบไปเองแหละน่า...”ผมพูดประโยคเดิมที่ไม่เคยเกิดขึ้นจริงเลยด้วยซ้ำ ผมเหลือบมองคนข้างๆที่ก้มหน้ามองฝามือตัวเองเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่

“เมฆ...”

“ห้ะ?"ผมเหวอไปเล็กน้อย ไม่คิดว่ามันจะเรียกชื่อผม

“ขอ....”ผมเลิกคิ้วมอง ขออะไร ร่างสูงดันตัวลงมาจากเคาเตอร์ ลงมายืนข้างๆผม

“อยากได้กำลังใจ...”หือ...ผมหันไปมองอีกคนทันที อยู่ๆมาพูดอะไรแบบนี้ มันก็...ผมทำตัวไม่ถูก ภาคินดึงให้ผมเข้าไปใกล้มากขึ้น น้ำหอมกลิ่นเดิมแตะจมูก ...มือหนาของอีกฝ่ายเลื่อนมาลูบริมฝีปากผมเบาๆ จนผมหายใจติดขัด พอมาสบสายตากับมันตรงๆ ยิ่งทำให้ผมอยากจะบ้า ใจเต้นตึกตัก เหมือนรอคอยว่าจะเกิดอะไรขึ้น นิ้วมือลากวนมาที่แนวสันกราม ก่อนที่ริมฝีปากของอีกฝ้ายจะกดลงมา ค่อยๆดูดเม้มกลีบปากล่างช้าๆ ก่อนจะสอดแทรกลิ้นเข้ามาเมื่อผมไม่ได้ต่อต้านอะไร ซ้ำยังหยอกล้อกับลิ้นของภาคินอย่างไม่ยอมแพ้ ภาคินผละออกมาหายใจเสี้ยวนึง ก่อนจะย้ำจูบลงมาซ้ำๆ นิ้วมือของอีกฝ่ายไล้วนอยู่ตามแนวสันกราม

“พ..พอ”ผมดันอีกฝ่ายออกเมื่อเริ่มจะหายใจไม่ทัน

“อย่างนี้ดีกว่าไอ้ ‘สู้ๆ’เยอะเลยนะ”ภาคินกระซิบเบาๆ ก่อนจะฝังเขี้ยวลงบนต้นคอผมเบาๆ ผมย่นคอหนี

“หมั่นเขี้ยว”อีกฝ่ายยกยิ้มมุมปาก ผมเดินหนีไอ้ภาคินไปนั่งที่โต๊ะใกล้ ๆ เดี๋ยวมันจะรุ่มร่ามใส่แล้วผมจะเผลอไปกับมัน

แกร๊ก

ผมสะดุ้งเมื่อมีคนผลักประตูเข้ามา เฮียจอห์นนั่นเอง ตกใจหมด ไอ้ภาคินก็เหวอไปเหมือนกันแต่มันก็ถอนหายใจดังพรืดเมื่อเห็นว่าเป็นใคร

“อย่าเข้ามาเงียบๆดิวะ ตกใจหมด”ไอ้ภาคินบ่นเฮียจอห์นที่ยกยิ้มเยาะเพื่อนตัวเอง

“แหมๆ เดี๋ยวนี้เป็นคนขวัญอ่อนตั้งแต่เมื่อไหร่วะ ไอ้คิน ไง เมฆ เป็นไงบ้างอ่ะเรา”เฮียจอห์นโบกมือทัก ในมือหิ้วกล่องข้าวมาด้วยสองกล่อง

“ก็สบายดีครับ ถึงจะมีเรื่องให้ปวดหัวนิดหน่อยก็เถอะ”ผมส่งยิ้มแห้ง ๆให้เฮีย ที่ลากเก้าอี้มานั่งที่โต๊ะเดียวกันกับผม ไอ้ภาคินเปิดกล่องข้าวแล้วย่นหน้า

“มึงซื้ออะไรที่ดีกว่าผัดหมูยอไม่ได้เหรอวะ”

“ก็กูไม่รู้นี่หว่าว่ามึงจะกินอะไร จะโทรมาถามมึงก็ไม่รับ ความจริงมึงต้องขอบใจกูนะ ไม่งั้นมึงแห้งตายอยู่ในนี้แน่”

“ไม่อดหรอกว่ะ ถึงมึงไม่มากูก็มี‘อย่างอื่น'กิน”ภาคินหันมามองผม พร้อมกับส่งสายตาแพรวพราวมาให้ผมอีก เฮียเลิกคิ้วมองผมก่อนจะหัวเราะในลำคอ

“เออ เมฆ ไอ้เจนมันสบายดีไหม พักนี้เฮียว่ามันดูแปลกๆ”

“แปลกยังไงอ่ะเฮีย พักนี้ผมก็ไม่ค่อยได้คุยกับมันเลยเหมือนกัน”ไม่รู้ว่าเฮียจอห์นจะสังเกตอะไรไอ้เจนได้รึเปล่า

“ก็ล่าสุด เฮียไปหามันที่คอนโด ดูมันจะเครียด คนอย่างมันร้อยวันไม่เคยเห็นมันจะเครียดอะไรกับชาวบ้านเขา หรือว่า...เรื่องผู้หญิง”เฮียจอห์นทำหน้าสงสัย ไม่รู้ว่าเฮียเขาจะจับสังเกตุได้มากน้อยแค่ไหน ผมโล่งอกไปได้เยอะเลยเพราะเฮียไม่ได้ถามว่าทำไมผมถึงมาอยู่กับไอ้ภาคินได้ บรรยากาศก็เลยไม่อึดอัด

“เออ ไอ้คิน แล้วนี่มึงได้ติดต่อกับทางค่ายรึยัง”ผมแอบเสียมารยาทเงียหูฟังสองคนนั่นคุยกัน

“ยัง...เดี๋ยวค่อยเคลียร์ กูยังมีเวลาอีกเยอะ ช่วงนี้กูว่าง”ได้ยินภาคินทำเสียงเซ็งๆ พอมันมีข่าวฉาวก็โดนถอดงานไปเยอะเหมือนกัน เฮียจอห์นคุยกับไอ้ภาคินอยู่พักใหญ่ก่อนจะกลับ ผมก็ว่าจะกลับแล้วเหมือนกัน

“ไปส่งที่คอนโดหน่อยสิ”ไอ้ภาคินเดินตามผมออกมาด้วย มันใส่หมวกแก๊ปสีน้ำเงินมาด้วย ผมมองไปรอบๆ

“แล้วเมื่อกี้ไม่กลับไปพร้อมเฮียจอห์นล่ะ”ผมชักสีหน้าใส่มันที่ยื่นมือมาขอกุญแจรถจากผม

“ก็อยากกลับกับนายนี่”ฉีกยิ้มไม่สะทกสะท้านอะไร

“เดี๋ยวก็เป็นข่าวอีกหรอก”ผมพึมพำกับตัวเองเบาๆ

“ไม่เห็นจะเป็นไร”ไอ้ภาคินยักไหล่ไม่แคร์ ผมถอนหายใจส่งกุญแจรถให้มัน ผมให้มันใส่หมวกกันน็อคสีฟ้าของผมแทน ถึงจะเป็นหมวกกันน็อคครึ่งใบ แต่ก็น่าจะช่วยได้บ้าง มันจอดข้างๆร้านอาหารใกล้ ๆกับคอนโด ดูแล้วท่าจะแพง

“จำคอนโดฉันไว้นะ อยู่ชั้นห้า ห้องสี่—”

“บอกทำไม ไม่ได้อยากรู้สักหน่อย มานี่”ผมปัดมือของภาคินออก มันพยายามจะแกะสายรัดคางแต่ก็แกะไม่ออก ผมเห็นแล้วรำคาญเลยยื่นมือไปช่วย แต่มันตัวสูงกว่าผม มันก็เลยต้องก้มมาใกล้ ๆผม

“เสร็จแล้ว”ผมดึงหมวกกันน็อคมาจากอีกคน

“พี่คินใช่ไหมเนี่ย”มาอีกแล้ว สาวนางหนึ่งวิ่งมาหาไอ้ภาคิน ท่าทางอายุจะมากกว่าผม แฟนคลับมันแน่ๆ แต่มันดูไม่ตกใจสักเท่าไหร่ ผมรีบใส่หมวกกันน็อคทันที เผื่อจะจำผมได้อีกคน

“ไม่ใช่ครับ”ไอ้คินตอบเสียงที่ฟังดูเหมือนกลั้นขำ

“โหย อย่ามาหลอกกันเลย หนูเป็นแฟนคลับพี่มานาน ตามพี่ไปทุกงาน ทำไมจะจำไม่ได้ เนี่ย แป้ง มารอพี่ตั้งหลายวันแล้ว ไม่กลับคอนโดอยู่บ้านแฟนมาเหรอ”แฟนคลับภาคินหันมามองผมด้วยสายตาแปลก ๆ ไม่ใช่ต่อต้านแต่ดู...ผมบอกไม่ถูก ไอ้ภาคินหัวเราะ ดูเหมือนมันจะสนิทกับแฟนคลับคนนี้พอดู

“ไม่ใช่หรอก พี่ยังห่างไกล แตะนิดแตะหน่อยได้ก็โอเคแล้ว”ผมทำตาโตใส่มัน พูดอะไรเนี่ย แป้งแลดูเขินๆ

“พูดงี้ แป้งคิดนะเนี่ย อ่ะ อันนี้จดหมายให้กำลังใจจากเหล่าแฟนคลับ เฉพาะที่เพจแป้งนะ พี่ไม่ต้องเครียดหรอก ยังมีคนรักพี่อีกเยอ ถึงพี่จะทำตัวน่าตีก็เถอะ”แป้งยื่นกล่องขนาดใหญ่ที่ห่อด้วยกระดาษสีชมพูหวานแหววให้ภาคิน

“ขอบคุณมากครับผม แหม พี่ซึ้งจนน้ำตาจะร่วงเเล้วนะเนี่ย”มันทำเป็นสูดจมูก เหมือนภาคินมันจะดูสบายใจขึ้นนิดหน่อย แล้วแป้งก็หันมาสนใจผมอีกครั้งเพราะผมกำลังจะชิ่งหนี

“อุ้ย น้องแมว เอ้ย น้องเมฆ อย่าเพิ่งไปค่ะ ขอถ่ายรูปคู่กับพี่คินหน่อย นะๆ”

“เร็วๆ เดี๋ยวคนจะเยอะ”ภาคินเร่ง ผมแอบจิ๊ปาก ผมลงจากรถ ก่อนจะไปยืนข้างๆ ไอ้ภาคิน แป้งยกมือปิดปากเหมือนจะกรี๊ด

“เอามือออกไป”ผมกัดฟันพูดเมื่อภาคินวางมือลงบนหมวกกันน็อคของผม คนถ่ายรูปหัวเราะออกมาก่อนจะก้มหัวขอบคุณรัวๆ

“พี่คินพักผ่อนเยอะ ๆนะ คืนนี้พี่ต้องไปงาน M Music ให้ได้เลยนะ แป้งกับคนอื่นๆจะไปเชียร์ น้องเมฆอย่าลืมเชียร์นะช่อง11”แล้วนางก็ไป ภาคินหัวเราะเมื่อเห็นสีหน้าของผม

“แฟนคลับตัวแม่ฉันเอง ไปก่อนนะ คืนนี้สามทุ่ม ช่อง11ให้กำลังใจฉันด้วยล่ะ”ผมยืนมองภาคินเดินเข้าคอนโดแบบรีบๆ ....อย่างน้อยไอ้ภาคินก็ยังมีแฟนคลับน่ารักๆอยู่บ้าง

สามทุ่ม ช่อง11 ผมไม่ได้ตั้งใจจะดูหรอก แต่แม่เปิดมาเจอพอดี งานที่ว่าเป็นงานประกาศรางวัลของเหล่านักร้องชื่อดัง ภาคินมีชื่อติดหลายรางวัล ผมเองก็แปลกใจที่มันยังได้รับเชิญไปงานนี้อยู่ ทั้งๆที่ตอนนี้ภาพลักษณ์มันไม่ค่อยดีนัก ทั้งเรื่องผม เรื่องเมาแล้วขับและคดีอื่นๆอีก แต่เรื่องของมันกลับดึงกระแสให้คนส่วนใหญ่จับตามองงานครั้งนี้ ว่ามันจะได้รับรางวัลรึเปล่า ผมแอบมองแม่ที่ดูสนใจงานประกาศรางวัลนี้มากเหล่าคนดังปรากฏตัวด้วยชุดหล่อเหลาอลังการโอเว่อร์มาก ๆ ผมรอดูไอ้ภาคินว่ามันจะแต่งหล่อมาแค่ไหน

“ทำไมใส่ไอ้นั่นมาด้วยล่ะ”แม่ที่จ้องโทรทัศน์อยู่หลุดขำออกมา ผมได้แต่อ้าปากค้าง มันทำบ้าอะไรของมัน ไอ้ภาคินมาปรากฏตัวในงานด้วยชุดสูทธรรมดาๆเนี่ยแหละ แต่ไอ้ที่ไม่ธรรมดาคือ

มันใส่หมวกกันน็อค หมวกกันน็อคสีน้ำเงิน!....

“ผมใส่มาป้องกันตัวเผื่อมีคนปาอะไรมาน่ะครับ”ภาคินพูดกับกล้องที่จับอยู่ มันคิดอะไรของมันเนี่ย ...แต่ผมก็ยิ้มขำไปกับมันด้วย ภาคินไม่ได้รางวัลติดมือมาซักอย่าง คนที่กวาดรางวัลไปคือ นักร้องสาวน่ารักที่กำลังมาแรงมากๆ กว่าผมจะได้เข้านอนก็ปาไปเที่ยงคืนกว่าๆ

ครืดดดดดดด~

‘ภาคิน’

“โทรมาซะดึกเลยนะ”ผมแกล้งทำเสียงงัวเงีย

[อ้าว ไม่ได้ดูเหรอ อดเห็นของดีเลย]ผมขมวดคิ้ว ของดีอะไรกัน

“ไอ้หมวกกันน็อคบ้าๆนั่นน่ะเหรอ”

[...ตลกดีออก พอดีนึกถึงนายพอดี ก็เลยซื้อติดมือมาด้วย]ปลายสายหัวเราะไม่หยุด ผมล่ะกลัวว่าคนจะหาว่ามันบ้า ประสาทกลับซะจริง

“ไม่กลัวโดนเล่นงานรึไง”

[เล่นมาเถอะ ประเด็นไหนฉันก็ไม่กลัว ได้กำลังใจดี]

“อ้อ เหรอ”ผมแอบหมั่นไส้น้ำเสียงระรื่นนั่น

[หึ แค่นี้แล้วกัน ฝันดี]

“อืม...ฝันดี”

…………………………………………………………………………………….

ข่าวหน้าหนึ่งของวันนี้นอกจากจะมีข่าว ลัลนา นักร้องสาวที่กวาดรางวัลไป ก็มีข่าวภาคินกับไอ้หมวกกันน็อคนั่น หลายคนก็บอกว่าเป็นสีสันของงาน ตลกดี บลาๆแต่พวกอคติในอินเตอร์เน็ต ก็บอกว่าภาคินบ้า สร้างกระแส บลาๆ เห็นแล้วคันไม้คันมือ อยากจะด่ามาก ๆ

“ว้าว น้องแมววันนี้มีข่าวดีๆเกี่ยวกับมึงด้วยนะ ในรอบหลายวันเลยว่ะ”ไอ้บอร์ทเดินถือนิตยสารบันเทิงมาหาผมที่โต๊ะหินอ่อนใต้ตึกคณะ เดี๋ยวนี้พวกเพื่อนผมอัพเกรดรับรู้ข่าวสารในวงการบังเทิงบ้างแล้ว ผมมองหนังสือที่ไอ้บอร์ทโยนตรงหน้าผม มีรูปภาคินใส่หมวกกันน็อค (หลอนไปอีกนาน) ข้างๆมีรูปคู่ผมกับภาคินวันที่ผมใส่หมวกกันน็อคถ่ายรูป เนื้อหาประมาณว่า คู่รักที่หวานกันไม่แคร์สื่อ

“นี่นะ ข่าวดี”ผมเงยหน้ามองไอ้บอร์ทที่นั่งขำอยู่ ไอ้เชษชะเง้อหน้ามาดูบ้าง

“มึงขึ้นกล้องเหมือนกันนะแมว ขนาดยืนข้างไอ้ภาคินยังไม่เป็นผี แล้วไปถ่ายรูปคู่กับมันตอนไหนเนี่ย หรือว่ามีซัมติงจริงๆวะ”ไอ้เชษคว้านิตยสารไปดูใกล้ ๆ

“บังเอิญไปเจอเฉยๆ”ผมตอบเลี่ยงๆ ไอ้เชษทำเสียงเหอะใส่ผม

“อ่ะหือ กล้าโกหกเพื่อนเหรอวะ”

“แค่ไปคุยกับมันเฉยๆ”บอกแต่น้ำๆ เนื้อไม่ต้อง

“จ้า แค่คุยเฉยๆ มึงคิดว่ากูจะเชื่อไหม”ไอ้เชษทำหน้ากวน

“กูแค่ถามเฉยๆนะเว้ย อย่าโกรธกูนะ”ไอ้บอร์ททำหน้าจริงจัง มันยื่นหน้ามากระซิบกับผม

“ได้กันยัง”

“ถามอะไรของมึงเนี่ย”ผมผลักหน้าไอ้บอร์ทออก นึกว่าจะถามอะไร

“ไม่บงไม่บ้าเว้ย กูเห็นในคลิปนะ...”เดี๋ยว...

“มึงดูคลิปกูเหรอ”จู่ๆ ก็ร้อนหน้าเหมือนมีใครเอาไฟมาพ่น

“เอ้า กูแค่เปิดดูเฉยๆว่ามันคืออะไร โอ๊ย เชี่ยแมว จะมาอายอะไรตอนนี้วะ คนเขาเห็นกันครึ่งค่อนประเทศแล้วเว้ย”ผมคว้านิตยสารมาม้วนๆไล่ฟาดมันสองคน มันน่าอายจะตาย ก็ในคลิปนั่นมัน...โอ๊ย อยากเอาหน้ามุดดิน

“เฮ้ย ไม่ต้องอายหรอก เพื่อนกัน แต่น้องแมวเราก็ซ่อนรูปเหมือนกันนะเนี่ย”มันยังไม่จบอีก

“เลิกเล่นเลย ไม่งั้นกูโกรธพวกมึงสองคนจริงๆแน่”ผมนั่งหอบ หน้ายังร้อนๆอยู่เลย ไอ้สองคนนั่นยกมือยอมแพ้ หลังเลิกเรียนผมแวะซื้อไอศกรีมที่เซเว่น เห็นรูปไอ้ภาคินแล้วก็ขำไม่หาย เฮ้อ...มันบ้ากว่าที่ผมคิดไว้เยอะเลยนะเนี่ย ตอนนี้กระแสทางที่ดีเริ่มจะมาแล้วด้วย วังว่ามันจะไม่สร้างเรื่องอะไรอีกนะ

“ขอโทษนะครับ นี่ใช่น้องเมฆแฟนภาคินรึเปล่าครับ”ผมองคนที่ยืนอยู่ตรงหน้า เป็นชายหนุ่มหน้าตาดี ผมมองอีกคนอย่างระแวดระวัง

“ไม่ต้องกลัว พี่มาดีคือ พี่เป็นแมวมองของค่าย $ น้องเมฆพอมีเวลาจะคุยกับพี่ไหมครับ ใช้เวลาไม่นาน"ผมคุ้นชื่อค่ายนี้ อ้อ...จำได้แล้วค่ายคู่แข่งของภาคินนี่เอง ผมส่งยิ้มให้กับคนตรงหน้า

“ขอโทษนะครับ คือผมมีธุระต่อ”

“คิดดูดีๆนะครับ เอานามบัตรพี่ไปก่อนก็ได้”พี่แมวมองพยายามจะยัดนามบัตรใส่มือผมให้ได้

“พี่มายุ่งอะไรกับเพื่อนผม”ไอ้เชษออกมาจากเซเว่นแล้วมาเห็นเข้าพอดี

“คือ—“ไอ้เชษดึงผมออกมาจากตรงนั้น มันหันไปมองว่าพี่คนนั้นยังอยู่รึเปล่า

“อะไรวะนั่น แมวมอง เหอะ มึงก็ระวังตัวให้ดีนะ เดี๋ยวจะโดนหลอกเอา”

“กูไม่ยอมโดนหลอกง่ายๆหรอก”ไอ้เชษนี่ก็จริงๆเลย มันคิดว่าผมโง่ขนาดจะโดนหลอกเลยเหรอ

“อย่างมึงมันไว้ใจคนง่าย เขาทำดีด้วยนิดหน่อยมึงก็ใจอ่อนแล้ว นี่กูหวังดีกับมึงนะ”มันพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง ผมมองหน้าเพื่อนตรงหน้าพร้อมรอยยิ้ม

“อย่าไว้ใจไอ้ภาคินมาก กูไม่รู้ว่ามึงกับมันมีเรื่องอะไรกันยังไง แต่ผู้ชายอย่างไอ้คิน…สาวๆล้อมหน้าล้อมหลังแบบนั้นมันจะมายุ่งกับมึงทำไม”สีหน้าของไอ้เชษเต็มใบด้วยความเป็นห่วง มันมักจะเป็นแบบนี้เสมอเลย ซึ่งทำให้ผมดีใจที่ได้เป็นเพื่อนกับมัน

“ขอบใจที่เตือนกูนะ แต่มึงก็รู้จักกูดีนี่ …กูรู้ตัวว่ากำลังทำอะไรอยู่”ถึงผมจะดูเป็นคนง่ายๆ ไม่ค่อยคิดอะไรมาก แต่ผมก็ไม่ใช่คนที่จะถูกชักจูงง่ายๆ

“เออ ดีแล้ว กูไม่อยากให้มึงติดกับดักคำพูดหวานๆของมัน ไอ้ภาคินเนี่ยตัวพ่อเลย”ไอ้เชษเบ้หน้าเหมือนไม่ค่อยชอบภาคิน

ตอนเย็นผมไปช่วยงานที่ร้านตามปกติ พี่แก้วกับพี่ปอมองหน้าผมยิ้ม ๆ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร คงเพราะแม่ผมอยู่ด้วยแหละมั้ง ช่วงที่ผมไม่อยู่ที่ร้านมีเด็กเสิร์ฟมาใหม่สองคน

“เมฆ มาช่วยแม่จัดจานอาหารอยู่ด้านในดีกว่า”แม่บอกเมื่อผมกำลังจะยกถาดอาหารที่หน้าเคาเตอร์ออกมา

“งั้น เบลล์พี่ฝากด้วยนะ โต๊ะสิบ”ผมกวักมือเรียกเบลล์ที่อยู่ใกล้ๆ ให้มารับอาหารไป

“ช่วงนี้เมฆไม่โดนก่อกวนอะไรแล้วใช่ไหมลูก”

“ครับ ตอนนี้คนเขาก็เบื่อกันแล้วแหละแม่”ผมเอาผักชีวางตกแต่งทอดมันปลากราย กลิ่นหอม ๆชวนให้ผมหิว

“ทำอะไรก็ระวังตัวนะเมฆ แม่ยังไม่ค่อยวางใจเท่าไหร่ วันนี้ถ้าลูกค้าไม่เยอะ เมฆจะกลับก่อนก็ได้นะ จะได้พักผ่อนด้วย"ผมเลยอยู่ช่วยอีกครึ่งชั่วโมงแล้วค่อยกลับบ้าน ได้มีเวลาเล่นเกมส์ ดูหนังเหมือนคนอื่นเขาบ้าง เห็นแม่บอกว่าถ้าร้านดีขึ้นเรื่อย ๆอาจจะจ้างแม่ครัวเพิ่ม แม่จะได้ไม่ต้องอยู่ดึก

ติ้งงงง~

ภาคิน:เมฆ...รู้ไหมฉันได้งานใหม่มาเร็วๆนี้ด้วยล่ะ

เมฆ:ไม่อยากรู้ : P

ภาคิน:จริงอ่ะ ไม่สักนิดเลยเหรอ

เมฆ: อะไรล่ะ

ภาคิน:ฉันได้เป็นพรีเซ็นเตอร์หมวกกันน็อค! น่าเจ็บใจผู้จัดการฉันดันรับงานไปแล้ว - -*

เมฆ:...ก็เหมาะดีนี่

ผมหลุดหัวเราะออกมาเมื่อเห็นข้อความของภาคิน สมน้ำหน้าอยากทำอะไรตลกๆ ดีนัก หวังว่าเร็วๆนี้คงจะได้เห็นมันอยู่ในไวนิลตามร้านค้าหมวกกันน็อค คงจะตลกน่าดู

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา