ฉาวกับ...ซุปเปอร์สตาร์
9.0
เขียนโดย DTBII
วันที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2558 เวลา 18.17 น.
5 chapter
1 วิจารณ์
7,405 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2558 18.25 น. โดย เจ้าของนิยาย
1) ฉาวครั้งที่1
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความว่าจะไปที่ไหน หน้าของเจ้าหมอนี่ก็จะปรากฏอยู่ตามร้านค้าต่าง ๆ สำหรับผมก็ถือว่าเป็นคนหน้าตาดีใช้ได้เลย ใบหน้าที่ค่อนไปทางตะวันตก แต่ก็ดูคมเข้ม แถมผลงานเพลงก็ฮอตฮิตไปทั่วบ้านทั่วเมือง ถ้าบอกว่านายภาคินเป็นซุปเปอร์สตาร์ก็คงไม่มีใครแย้ง แต่ตอนนี้คงถึงเวลาที่ดาวจะดับแล้วล่ะมั้ง เล่นมีข่าวฉาว ๆบ่อยๆแบบนี้
“เมฆมากินข้าว แล้วแต่งตัวไปเรียนได้แล้ว จะสายแล้วไม่ใช่เหรอ”เสียงแม่ดังมาจากในครัว ผมมีเรียนภาคบ่าย ตอนนี้ก็ปาไปเที่ยงกว่าๆแล้วด้วย ผมโยนหนังสือพิมพ์ทิ้ง กะจะอ่านข่าวอื่นแต่สงสัยคงจะไม่ทันแล้ว ผมขึ้นไปบนห้องแต่งตัวอย่างลวก ๆ ด้วยชุดนิสิตผิดระเบียบตามปกติ ลงมาก็กินข้าวเที่ยงอย่างรวดเร็ว จนแม่ต้องปรามเพราะกลัวข้าวติดคอ
“ไปนะครับแม่”ผมก้มไปหอมแก้ม ก่อนจะคว้าเสื้อคลุมกับกุญแจรถออกไปที่โรงจอดรถ ภายนอกแล้วอาจดูเหมือนผมเป็นคนติดแม่ ซึ่งก็เหมือนจะเป็นอย่างนั้น แต่เนื่องจาก ผมเหลือแม่เพียงคนเดียว จะให้ผมไปเที่ยวเกเรไม่สนใจท่าน มันก็ไม่ถูก ผมรู้ว่าแม่ต้องเหนื่อยกับการที่ต้องส่งผมเรียน เพราะเสาหลักของครอบครัวดันมาด่วนจากไปอย่างกะทันหัน ในช่วงที่ผมอยู่ม.ห้า การจากไปของพ่อทำเอาทั้งผมและแม่เคว้งตั้งตัวไม่ถูกไปพักใหญ่ แม่เสี่ยงตัดสินใจใช้เงินก้อนสุดท้ายเปิดร้านอาหารกึ่งผับ ตอนนี้ก็กำลังไปได้สวย แต่ผมก็ต้องมาช่วยงานที่ร้านในส่วนที่พอจะทำได้อยู่ดี
“มาสายจังวะ ไอ้แมว”ไอ้เชษเอ่ยทัก หลังจากที่ผมเดินตัวลีบเข้าห้องบรรยาย อาจารย์หญิง เหลือบมองผมด้วยสายตาตำหนิ ก่อนจะพลิกกระดาษจดอะไรบางอย่าง เชื่อว่าคะแนนจิตพิสัยคงโดนหักไปห้าคะแนน ผมนั่งลงตรงกลางระหว่างไอ้บอร์ทเพื่อนอีกคน ไม่รู้ทำไมไอ้เชษกับเพื่อน ๆถึงชอบเรียกผมว่าแมวๆ อยู่ได้ ทั้ง ๆที่ผมชื่อเมฆ เบื่อกับพวกมันจริงๆ
“มัวแต่ล่ำลากับแม่ล่ะมั้ง”ไอ้บอร์ทพูดขึ้นมา มันก็แซวเล่นขำๆ ตามประสาเพื่อนสนิทปานจะกลืนกินนั่นล่ะ ผมก็ไม่อะไร ชินกับคำล้อว่าเด็กติดแม่ไปซะแล้ว
“อาจารย์เช็คชื่อรึยัง”ผมถามพวกมันทั้งสองคนพลางหยิบชีทออกมาเปิด สายตามองไปยังจอโปรเจคเตอร์ที่ฉายถึงเนื้อหาที่กำลังเรียนอยู่
“ยัง รอดตัวไปนะมึง”ไอ้เชษหันมาตอบแล้วแอบหาวนอน
“พิเชษหาวนอน หักหนึ่งคะแนน"อาจารย์หญิงดันตาดีเห็นอีก ผมกลั้นขำ เพื่อนๆในเซคหันมามองมันเป็นตาเดียว
“ดันเห็นอีกนะ "ไอ้เชษบ่นพึมพำเบาๆ
“แกได้ดูข่าวพี่คินรึเปล่า”
“ข่าวอะไรอ่ะแก ยังไม่ได้เช็คเลย”
ผมได้ยินเพื่อนผู้หญิงที่นั่งเยื้องไปด้านหน้าพูดเบาๆ บนโต๊ะมีไอโฟนที่อาศัยหุ่นบิ๊ก ๆของเพื่อนด้านหน้าเป็นที่กำบัง ผมเห็นภาพข่าวอันเดียวกับหนังสือพิมพ์เมื่อเช้า ผมล่ะอยากจะรู้จริง ๆว่าเจ้าตัวมันจะออกมาแถแก้ข่าวยังไง
“แกว่าพี่เขาจะดับไหมวะ โดนสื่อเล่นงานแบบนี้"
“สงสารพี่คิน พี่เขาแค่พลาด ไอ้พวกปากมากนี่ก็ถามอะไรไร้จรรยาบรรณ”
ผมเลิกสนใจสองสาวนั่น ก้มมองดูชีทตัวเองต่อไป จนหมดคาบ
“เย็นนี้ไปเที่ยวกันดีไหมวะ”ไอ้บอร์ทเดินมากอดคอผมพลางถามผมกับไอ้เชษด้วยใบหน้าระรื่นต่างจากในห้องบรรยายเมื่อครู่มาก
“กูไม่ว่างว่ะ ต้องไปช่วยงานที่ร้าน”ปกติผมก็ไปช่วยทุกเย็นอยู่แล้ว
“โห่ อีกแล้วเหรอวะ แล้วเมื่อไหร่จะได้สังสรรค์กันครบทีมสักที กูนัดไอ้เจนกับไอ้ปอยไว้แล้วนะเว้ย”สองคนที่พูดถึงนั่นคือเพื่อนในกลุ่มเหมือนกัน แต่เรียนคนละคณะกับพวกผม ความจริงผมก็อยากจะไปนะ แต่ทำไงได้ล่ะ
“มึงก็รู้นี่หว่า ว่าไอ้แมวมันต้องช่วยงานที่ร้านแม่มัน”ไอ้เชษแย้งขึ้นมา ไอ้บอร์ททำน้าผิดหวัง
“แล้วแบบนี้เมื่อไหร่จะได้แดกเหล้าด้วยกันวะ เสาร์ อาทิตย์มึงก็ไม่ว่างอีก เลิกเป็นเด็กดีสักวันไม่ได้รึไงวะ แมว”ผมเขวี้ยงสายตาหงุดหงิดไปให้มัน เพราะคำว่าแมวนี่แหละ ผมถอนหายใจ ต้องโทรไปเช็คก่อนว่าวันนี้ที่ร้านคนเยอะรึเปล่า ถ้าเยอะก็คงพลาดอีกตามเคย
“เดี๋ยวกูลองโทรถามแม่ก่อนนะ ว่าลูกค้าเยอะไหม”ว่าแล้วก็กดโทรหาแม่ทันที
[ว่าไงเมฆ เลิกเรียนแล้วเหรอลูก]
“ครับ วันนี้ที่ร้านลูกค้าเยอะไหมแม่ ไอ้บอร์ทมันชวนผมไปเที่ยว”
[ไม่เยอะหรอก วันนี้เมฆไม่ต้องมาช่วยแม่ก็ได้นะ ออกไปเที่ยวให้สนุกเถอะ แม่กับพี่ปอ พี่แก้วดูร้านกันเองได้]ผมยิ้มออกมาเล็กน้อย ก่อนจะส่งสัญญาณโอเคไปให้เพื่อนสองคนที่รอฟังผลอยู่ มันชูกำปั้นพร้อมกับร้องเยส ๆกันเสียงดัง
“ครับ อาจจะกลับดึกหน่อยนะแม่”
[ยังไงก็ระวังตัวด้วยล่ะ แค่นี้ก่อนนะเมฆ แม่จะเข้าไปดูในครัว]
“ครับ รักแม่นะ”ผมวางสายพร้อมกับเข้าไปกระโดดกอดพวกมัน โอกาสได้เที่ยวกับพวกมันมีไม่บ่อยนักหรอก ไอ้บอร์ทรีบโทรหาไอ้ปอยเพื่อบอกว่าผมไปได้ นัดไปเจอกันที่ร้านสุดฮิตของเด็กมอ. เป็นผับของเฮียจอห์น พี่ไอ้เจน ตกแต่งสไตล์โมเดิร์น เก๋ไก๋ บรรยากาศดูลึกลับ บ้านมันรวยสุดในกลุ่มแล้ว รองลงมาเป็นไอ้บอร์ท ไอ้ปอย ไอ้เชษ แล้วก็ผม เรื่องฐานะทางบ้านผมไม่ได้ซีเรียสอะไรมาก
เดินเข้าไปในร้านก็เจอไอ้เจนรออยู่แล้ว มีลูกค้าแค่สองโต๊ะ วีไอพีจริง ๆเท่านั้นและถึงจะเข้ามาก่อนเวลาได้ ผมเหลือบไปยังโต๊ะตัวในสุด เป็นลูกค้าพิเศษของเฮีย ไอ้เจนมันบอกมาว่างั้น อาจจะเป็นเพื่อนพี่เขาล่ะมั้ง ? แต่แต่งตัวแปลกไปหน่อยนะ ใส่ฮู้ดดำ บวกแว่นตา หรือว่าต้องการแต่งตัวให้เข้ากับบรรยากาศร้าน? ผมละสายตากลับมาที่เพื่อนที่ไม่ค่อยได้เห็นหน้าค่าตาสักเท่าไหร่
“ไม่ได้เจอกันตั้งนานนะ ไอ้แมว นึกว่าจะโทรมเป็นผีตายซากซะอีก ยังดูดีนะมึง”ไอ้เจนเข้ามาชกไหล่ผมเบา ๆเป็นการทักทาย
“เออ แน่นอนกูต้องใช้หน้าตาทำมาหากินนี่หว่า”ผมก็พูดติดตลกไปอย่างนั้น แต่ก็มีส่วนเพราะงานเด็กเสิร์ฟภาพลักษณ์ต้องดูสะอาด แล้วก็มีลูกค้าไม่น้อยเลยที่ติดใจผม มากกว่ารดชาดอาหาร ซึ่งมันก็เป็นเรื่องที่เลี่ยงไม่ได้ที่จะเจอพวกมือไวปากไว เพราะผมทำทุกหน้าที่ รับออเดอร์ เสิร์ฟอาหาร ชงเหล้า ถึงจะมีพวกเฒ่าหัวงู สนใจอยากจะส่งเงิน `เลี้ยงดู'ก็เถอะ แต่ผมก็ไม่เคยสิ้นคิดทำอะไรแบบนั้น แก๊งผมมันประเภทเสือผู้หญิงกันยกแก๊ง ใครจะลายเยอะมากกว่ากันก็เท่านั้นเอง
“ไอ้ปอยทำไมมาช้าจังวะ”ไอ้เชษเริ่มบ่น ไอ้ปอยเป็นตัวสายตลอด ไม่รู้ว่ามันจะแต่งองค์ทรงเครื่องไปไหน ทั้ง ๆที่ไม่แต่งมากมันก็ดูดีแล้ว ตอนนี้พวกมันก็จิบ ๆเหล้าไปพลาง ๆ รอไอ้ตัวช้าของกลุ่ม
“ไม่ใช่มัวแต่ติดสาวอยู่นะเว้ย มึงนี่ยังไงวะ เรียนอยู่คณะเดียวกันดันปล่อยให้มันมาช้าอีก แทนที่จะลากมันมาด้วย”ไอ้บอร์ทบ่นไอ้เจนที่นั่งไขว้ห้างเป็นคุณชายไม่สะทกสะท้านอะไร
“กูไม่ได้ตัวติดกับมันนี่หว่า มันจะไปปี้กับผู้หญิงที่ไหนไม่ใช่ธุระกงการอะไรของกู”ผมมุ่นคิ้วเล็กน้อยเพราะน้ำเสียงที่มันพูดนั้นติดกระแสไม่พอใจมาด้วย ไอ้สองคนนี่ตัวติดกันตั้งแต่ช่วงม.ปลายมันซี้กันมากจนตอนนั้นเพื่อน ๆก็แซวว่าตามติดกันยิ่งกว่าเป็นคู่ผัวเมีย ตอนนั้นมันก็ขำๆกับเรื่องนี้ ผมแอบสังเกตสีหน้าของไอ้เจนที่สีหน้ามันยังสงบนิ่งดี อาจเหมือนไม่มีอะไร แต่ไอ้หน้านิ่งๆ แบบนี้ของมันเนี่ยแหละผมว่ากำลังโกรธชัวร์
“ให้มันสองคนห่าง ๆกันบ้างเห้อ”ไอ้เชษแย้งมา ด้วยสีหน้าเบื่อ ๆ รอไอ้ปอยเกือบ ๆชั่วโมงมันก็โผล่หัวมา โดนโบกกะบาลไปซะหลายที
“เพื่อนแมว ไม่เจอกันตั้งนาน ยังสบายดีอยู่ใช่ไหม ไหนดูสิ สึกหรอตรงไหนรึเปล่า”ไอ้ปอยหลบฝามือพิฆาตของไอ้บอร์ทสำเร็จ ก่อนจะก้าวตรงมาหาผมพลางจับนู่นจับนี่
“อย่าเรียกกูว่าแมวได้ไหมวะ ชื่อเมฆเว้ย อยู่ด้วยกันมาตั้งกี่ปีแล้ว เรียกชื่อกูให้มันถูกบ้าง”ผมบ่นอุบก่อนที่ ไอ้ปอยจะนั่งลงข้างๆผม ส่วนไอ้เจนก็นั่งหน้านิ่งจิ้มไอโฟนของมันไป สงสัยจะคุยกับสาวๆล่ะมั้ง
“ทำไมมาช้าจังวะ ไอ้เจนบอกมึงไปปี้สาว”ไอ้เชษถามไอ้ตัวที่กำลังหัวเราะลงคออยู่ มันหันไปมองไอ้เจนด้วยสีหน้าขำๆ
“ปี้เป้ออะไร แค่ไปดูแลว่าที่แฟนเว้ย ไอ้เจนใส่ร้ายกู”ผมหูผึ่งทันที ไอ้ปอยเนี่ยนะไปดูแลว่าที่แฟน เห็นควงผู้หญิงไม่เว้นหน้าพอ ๆกับไอ้เจนนั่นแหละ เห็นยังแข่งกันจีบสาวอยู่เลย
“ว่าที่แฟน?”
“เออดิ คนนี้กูเอาจริงเว้ย”
“จริงอ่ะ”ไอ้บอร์ทดูไม่เชื่อซักเท่าไหร่ ผมก็อึ้งนิด ๆ ไม่คิดว่าจะได้ยินคำนี้จากปากคนแบบมัน
“เออดิ กูถึงแพ้ไอ้เจนเรื่องจีบสาวก็เพราะแบร์เลยนะเว้ย”มันพูดพร้อมรอยยิ้ม ไอ้เจนได้แต่ส่งเสียง ‘หึ’มา จากนั้นก็คุยกันสัพเพเหระ ถามไถ่สารทุกข์สุกดิบกันไปมา
“โหย เฮีย ไปนั่งโต๊ะอื่นเลยไป เดี๋ยวน้องชายเรตติ้งตก”ไอ้เจนโบกมือไล่พี่ชายตัวเองที่เพิ่งมาร่วมวงเมื่อกี้
“ยอมรับแล้วเหรอ ว่ากูหล่อกว่าอ่ะ น้องชาย”พี่จอห์นหัวเราะลงคอเสียงนุ่ม ไอ้เจนเบ้หน้าอย่างหมั่นไส้ มันไม่ตอบอะไร สงสัยจะจริง ถ้าวัดกันจริงๆเฮียจอห์นราศรีจับกว่าไอ้เจนเยอะ
“เฮียจอห์น โต๊ะนั้นใครอ่ะ”ไอ้บอร์ทพยักเพยิดไปยังโต๊ะตัวในสุด เห็นซดเหล้าอย่างกับน้ำเปล่า
“ลูกค้าพิเศษเฮียเขา”ไอ้เจนเอ่ยด้วยน้ำเสียงลับลมคมใน มันเน้นคำว่าพิเศษ ซึ่งนั่นอาจจะหมายถึง แฟน... พวกผมก็พอรู้ๆมาบ้างว่าเฮียเขามีรสนิยมแบบไหน
“เพื่อนกูเว้ย น้องชาย อย่าสร้างเรื่อง”เฮียจอห์นโบกมือลาโต๊ะผมก่อนจะเดินไปหาลูกค้าพิเศษคนนั้น ไอ้เชษหันมามองหน้าไอ้เจนอย่างขอความเห็น
“มึงคิดว่าไงวะ”
“ไม่รู้เว้ย มันจะคบกับใครก็ช่างมัน ...อย่างน้อยมันก็แมนพอที่จะเปิดเผยว่าตัวเองเป็นอะไร”แล้วมันก็เงียบไปเหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่าง คนเริ่มเยอะขึ้น ไฟในร้านถูกเปิดวิบวับจนผมลายตา รู้สึกเหมือนโดนจ้องมองอยู่ อันที่จริงก็โดนจ้องมานานแล้วด้วย จากโต๊ะตัวในสุดนั่น ผมจ้องมองกลับ ไอ้คนในฮู้ดนั่นก็ไม่ยอมละสายตา ผมไม่รู้ว่ามองด้วยสายตาแบบไหนเพราะแว่นสีดำที่เจ้าตัวใส่อยู่ จ้องกันอยู่นาน จนผมต้องเป็นฝ่ายเบือนหน้าหนีไปเอง ถ้าเป็นปลากัดนี่คงท้องไปแล้ว ไอ้เจนกับไอ้บอร์ทไม่อยู่ที่โต๊ะแล้ว มันออกไปเต้นเลื้อยกับสาวๆแทนเหลือผมกับไอ้เชษ ไอ้ปอยสามคน ไอ้เชษมันก็ซักไซ้ไล่เลียงเรื่องสาวแบร์ของไอ้ปอย ไม่หยุด งานเสือกต้องยกให้ไอ้เชษส่วนผมก็นั่งฟังเงียบ ๆ แทน
“เฮ้ย ไอ้แมวลุกมาจอยกันดิวะ นานๆที โชว์สเต็ปเทพบ้าง”ไอ้บอร์ทเต้นเลื้อยมาที่ผม ผมโบกมือลา ไอ้เรื่องเต้นอะไรนี่ผมขอบาย ไม่รู้ผ่านรับน้องมาได้ยังไง แต่ไอ้บอร์ทมันไม่ละความพยายาม มันเรียกไอ้เจนให้มาช่วยดึงผมลุกจากโต๊ะ สาวๆที่พวกมันไปเต้นมาด้วยก็ร้องกรี๊ดกร๊าดเชียร์ให้ผมลุกไปเต้น หลายๆโต๊ะ ก็มองมาที่ผมยิ้ม ๆ รวมถึงโต๊ะในสุด เหมือนจะเหลือบมองมาที่ผมครู่หนึ่งแล้วเบนสายตาไปยังทิศอื่นทันที ไอ้สองตัวที่นั่งเมาท์กันอยู่ก็ส่งเสียงเชียร์มากดดัน ผมก็เลยต้องจำใจลุกไปอย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก เพลงแดนซ์มันส์ๆของนักร้องชื่อดังถูกเปิดขึ้น
“คืนนี้ถ้ามึงไม่ได้แอ้มสาวเนี่ย ...เสียชื่อนะเว้ย ไอ้แมว”ไอ้เจนกระซิบใกล้ ๆ มันเปลี่ยนมาถ้าแข่งจีบสาวกับผมแล้วเหรอเนี่ย เหอะๆ มันยักคิ้วให้ผมสองจึกก่อนจะหายไปกับสาวๆอีกกลุ่มนึง ผมนี่แพ้ตั้งแต่ยังไม่เริ่ม ถ้าพูดถึงเรื่องจีบสาว เลเวลผมต่ำสุดในกลุ่มแล้ว แบบนี้รึเปล่ามัยถึงเรียกผมว่าไอ้แมว ผู้หญิงที่เคยเต้นกับมันก็มาเต้นใกล้ ๆ ผมก็ตามน้ำไปแบบงูๆปลา ๆ
“ชื่ออะไรเหรอคะ ไม่เคยเห็นมากับพี่เจนเลย”สาวผมทองที่มาเลื้อยใกล้ ๆผมถามขึ้นมา ริมฝีปากสีแดงๆเข้ามาคลอเคลียใกล้ๆ ชวนจั้กจี้
“ชื่อเมฆครับ”ผมต้องยื่นหน้าเข้าไปตอบใกล้ๆ เพราะเพลงที่เปิดดังมากจนหูผมเต้นตุบๆ เริ่มจะปวดหัว ตอนนี้ไม่รู้ว่าใครเป็นใครเพราะในผับเปิดไฟมัว ๆ สาวผมทองคนนั้นกลายเป็นชายหนุ่มร่างสูงยืนอยู่แทน ที่แท้ก็เป็นพ่อหนุ่มโต๊ะในสุดนั่นเอง ดีเจเปิดเพลง Turn up the music ขึ้นมาเสียงตบมือเกรียวกราว ผมพยายามเพ่งมองคนที่มาเต้นอยู่ใกล้ ๆ คนตัวสูงตรงหน้าขยับเข้ามาหา ผมทำท่าจะถอยห่างแต่ก็ถูกมือหนาดันเอวให้เข้ามาใกล้ จนผมได้กลิ่นน้ำหอมอ่อนๆ จมูกโด่ง ๆ เข้ามาคลอเคลียแถว ๆซอกคอผม ส่วนมือก็เลื้อยวนมาแถวๆบั้นท้ายผมอย่างจงใจ
“อย่า…”ผมดันตัวร่างสูงออกไม่ใช่ว่ารังเกียจแต่กลัวเพื่อนคนใดคนหนึ่งมาเห็นเข้า ...อันที่จริงแล้วผมชอบผู้ชายมากกว่าผู้หญิงซะอีก แต่ผมไม่กล้าบอก... เพราะอย่างนี้เลยเลือกที่จะไม่คบใคร ถึงในบางครั้งผมจะเจอคนที่ถูกใจก็ตาม กับ คนตรงหน้าก็เหมือนกัน เขาอาจจะสนใจผม และก็อาจจบแค่คืนเดียว แต่ผมก็ไม่กล้าก้าวข้ามเส้นบางๆ ที่มันกั้นอยู่ ผมเบียดฝูงคนออกมา ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ พร้อมกับจัดเสื้อผ้าให้เข้าที่ แวะเข้าห้องน้ำล้างหน้าล้างตาสักหน่อย สายน้ำเย็น ๆ กระทบกับผิวหน้า ทำให้รู้สึกสดชื่นขึ้นมาบ้างหลังจากโดนเบียดอยู่ในกลุ่มผู้คน
“จะหนีเหรอ”น้ำเสียงลื่นหูดังขึ้นก่อนที่ ตัวผมจะถูกดึงด้วยมือที่แข็งแรงกว่าอย่างไม่ตั้งตัว
คลิก!
พร้อมกับเสียงล็อคประตูร่างนั้นถือโอกาสเบียดเข้ามาใกล้จนชนิดที่ว่าสัมผัสถึงลมหายใจของอีกฝ่าย กลิ่นน้ำหอมชวนหลงใหลอวลอยู่ใกล้ ๆ ใบหน้าที่ถูกบดบังด้วยแว่นสีดำทำผมใจเต้นอย่างประหลาด ริมฝีปากหนาก็จู่โจมเข้ามาอย่างรวดเร็ว ดูดกลืนกลีบปากบางของผมอย่างไม่รอช้า
“อึก…อื้อ”ผมกลอกตาไปมา พยายามเบี่ยงหน้าหนีแต่มือแข็งแรงนั้นก็จับหน้าผมให้หันมารับจูบละลาบละล้วงนั้นอีก ทันทีที่ปากผมเผยออ้า ลิ้นอุ่นร้อนสอดเข้ามาไล่ต้อนอย่างชำนาญ ผมดันหน้าอกแกร่งของอีกฝ่ายไว้ มือแกร่งพยายามแกะกระดุมเสื้อผมอย่างยากลำบาก ผมไม่ได้เมา มีสติครบเต็มที่ ใจนึงอยากจะผลักอีกคนออก แต่รสจูบตรงหน้าก็ให้ความรู้สึกซ่าๆบอกไม่ถูก เสียงครางฮึมอย่างพอใจของอีกฝ่ายดังขึ้นมาเบา ๆ ในขณะที่รุกล้ำเข้ามาสัมผัสผิวเนื้อของผมมากขึ้นเมื่อเห็นผมไม่ปฏิเสธหรือขัดขืนอะไร เจ้าของริมฝีปากเอาแต่ใจนั้นก็ผละออกมาเล่นกับจุดอื่น ขบเม้มกัดที่ซอกคอราวกับหมั่นเขี้ยว ร่างนั้นขยับเบียดเข้ามาใกล้จนรับรู้ทุกสัดส่วน โดยเฉพาะบริเวณกลางลำตัว
ผมผ่อนลมหายใจเบาๆ ริมฝีปากถูกครอบครองอีกครั้ง ผมไล่ต้อนอย่างไม่ยอมแพ้ เสียงครางนุ่มๆบ่งบอกว่าพอใจของอีกฝ่ายทำเอาผมใจกระตุก ผมปรือตาขึ้นมาแต่ก็เห็นแค่…แว่นตาสีดำ…ผมไล่มือไปตามแผ่นอก ลากผ่านลำคอ ก่อนจะเกลี่ยปอยผมที่ตกลงมา โดยที่ริมฝีปากยังแนบชิดอีกฝ่ายไม่ห่าง ผมดันแว่นตาสีดำของอีกฝ่ายขึ้นช้าๆ
….!
ไม่จริงใช่ไหม
ผมเบิกตากว้างอย่างตกใจ ไอ้คนที่กำลังสูบวิญญาณของผมตอนนี้คือ ภาคิน วรวงศ์กุล ไอ้คนที่ขึ้นหน้าหนึ่งเมื่อเช้า คิ้วเข้มนั่นเลิกขึ้นเล็กน้อยก่อนจะปล่อยริมฝีปากผมให้เป็นอิสระ แล้วเปลี่ยนเป้าหมายมาที่ยอดอกสีชมพูของผมแทน
เดี๋ยวนะ…
“ปะ ปล่อย”ผมพูดด้วยเสียงสั่นๆเล็กน้อยเพราะปลายลิ้นของอีกคนทำให้ผมวูบหวิวในอกและท้องน้อย
“อา...”ผมจิกมือลงบนเส้นผมอ่อนนุ่มนั้นเมื่อริมฝีปากนั้นขบกัดเบาๆที่ยอดอก ....ลืมเรื่องที่จะพูดไปหมด กางเกงผมถูกปลดออกพร้อมกับฝามืออุ่นๆที่ลูบคลำอยู่ไม่ห่าง ไอโฟนสั่นอยู่ตรงกระเป๋ากางเกงไอ้พวกนั้นโทรหาแน่ๆ ผมดันอีกฝ่ายออกห่าง
“Shit”ได้ยินเสียงสบถอย่างขัดใจ ภาคินจ้องมองผมด้วยสายตาขุ่นมัว
“จะเล่นตัวอะไรนักหนา เสร็จแล้วเดี๋ยวจะจ่ายเงินให้”เสียงนุ่ม ๆเป็นเอกลักษณ์กระซิบที่ข้างหู อะไรนะ...จ่ายเงินให้ เหมือนมีค้อนมาทุบหัวผมเข้าอย่างจัง ดูถูกกันเกินไปแล้ว
“ปล่อย!” ผมผลักอีกฝ่ายออกเต็มแรงก่อนจะดึงกางเกงขึ้นลวก ๆ ตั้งใจจะออกไปจากห้องน้ำนั่น แต่ไอ้นักร้องดังกลับกระชากผมเต็มแรงจนหลังกระแทกกับผนังห้องน้ำ
“เริ่มแล้วก็ต้องต่อให้จบสิจริงไหม”
งานเข้าอีกแล้ว! คลิปหลุด ฉาวว่อนเน็ต นักร้องหนุ่มชื่อดัง อักษรย่อ ภ.ค.นัวเนียกับผู้ชายในห้องน้ำ!
พาดหัวข่าวตัวใหญ่ก็ว่าสะดุดตาแล้ว แต่ที่สะดุดตากว่าคือภาพประกอบ ถึงแม้จะไม่ชัดนักแต่ก็พอดูออกว่าใครเป็นใคร ผมหายใจติดขัด หน้าชาเหมือนมีคนเอาน้ำเย็นๆ มาสาดเข้าที่หน้า
“คนในคลิปใช่มึงรึเปล่า เมฆ”น้ำเสียงเครียดของไอ้เชษทำให้ผมละสายตามาจากรูปนั่น แย่...ชะมัด ทำไมนักข่าวไม่เซ็นเซอร์หน้าผมล่ะ ไอ้เชษขยำหนังสือพิมพ์ทิ้ง ไอ้บอร์ทนั่งมองอยู่เงียบ ๆ ผมยังไม่ได้ตอบคำถามมัน เพราะเหมือนมีอะไรมาจุกในอก
“กูจำเสื้อมึงได้”
“แล้วมึงจะถามกูทำไม กู...”ผมรู้สึกพูดไม่ออก ผมเห็นคลิปนั่นแล้ว ภาพที่ไม่ชัดเดาได้ว่าคงถูกถ่ายจากกล้องคุณภาพต่ำ มุมภาพสูง...ทำไมผมไม่รู้วะ ว่ามีคนแอบถ่าย ถึงไม่เห็นหน้าไอ้ภาคินตรงๆ แต่ รอยสักที่ข้อมือซ้ายของมันก็เป็นเครื่องยืนยันแล้ว ผมยังคงก้มหน้ามองมือตัวเอง พวกมันเห็นคลิปนี่แล้วรู้สึกยังไง มันรังเกียจผมรึเปล่า? มันจะเลิกคบกับผมไหม แล้วแม่ผมจะเห็นข่าวทุเรศๆนี่หรือยัง อีกสารพัดคำถามที่ประเดประดังเข้ามา
“กูแค่ตกใจ กูไม่คิดว่ามึงจะ...อยู่กับมึงมาตั้งนานทำไมกูถึงไม่รู้วะ”ไอ้บอร์ททำหน้าบูด
ก็อก ๆ
เสียงเคาะประตูดังขึ้นคาดว่าเป็นไอ้เจน ไม่ก็ไอ้ปอย ตอนนี้ผมมาสุมหัวอยู่ที่คอนโดไอ้เชษ เจ้าของห้องลุกไปเปิด ไอ้ปอยกับไอ้เจนปรี่เข้ามาหาผม ไอ้ปอยสีหน้าไม่สู้ดีนัก ส่วนไอ้เจนเดินยิ้มกว้างมาหาผม
“เฮ้อ ...มึงไม่ต้องเครียดนะ เฮียบอกว่าทางไอ้ภาคินกำลังจัดการเรื่องนี้ให้เงียบอยู่”ไอ้เจนเข้ามานั่งกอดคอผม ไม่รู้ว่าตอนนี้คนได้ดูคลิปบ้าๆนี่ไปค่อนประเทศรึยัง ถือว่าเป็นโชคดีของผมที่ไม่ได้เกินเลยถึงขั้นสอดใส่ เพราะตอนนั้นไอ้ภาคินมันมีธุระด่วน...
“กูว่านักข่าวไม่หยุดง่าย ๆหรอกว่ะ ยิ่งเป็นไอ้ภาคินคนดังด้วยแล้ว...เรื่องนี้ไม่จบง่ายๆแน่”ไอ้เชษเอ่ยขึ้นมาท่ามกลางความเงียบชวนอึดอัด
“ขอแค่เล่นประเด็นไอ้ภาคินก็พอ”ผมนึกอยากให้เป็นแบบนั้น แต่ตอนนี้กระเเสในอินเตอร์เน็ตกำลังพุ่งเป้ามาที่ผม ว่าผมเป็นใคร โดยเฉพาะพวกแฟนคลับ ไม่เข้าใจจริงๆ ว่าจะตามหาตัวผมทำไม
“พวกมึง...ไม่รังเกียจกูกันใช่ไหม”
“เหี้ยเมฆ พูดอะไรอย่างนั้นวะ คบกันมาตั้งหลายปี กูคงไม่ตัดเพื่อนกับมึงแค่เพราะว่ามึงชอบผู้ชายหรอกว่ะ ไร้สาระ ยังไงกูก็เป็นเพื่อนมึงเหมือนเดิมนั่นแหละ”ไอ้เจนชกไหล่ผมเบา ๆ ผมเงยหน้ามองที่เหลือมันก็ยักคิ้ว ทำหน้ากวนตีนใส่ ...ผมโล่งอกไปได้เปราะหนึ่ง
“แล้วมึงจะบอกแม่มึงยังไงวะ”ไอ้ปอยถามขึ้นมา ไอ้บอร์ทปาหมอนอิงใส่ เหมือนมันไม่อยากให้ผมคิดมาก ก็มีแค่ทางเดียว
“ก็พูดความจริงไง”ตอนนี้คงไม่มีอะไรต้องปิดอีกแล้วล่ะ
“ความจริงก็เป็นความผิดของกู ถ้ากูไม่ชวนมึงไป เรื่องคงไม่เกิด”ไอ้บอร์ททำหน้าหม่น
“มึงอย่าคิดแบบนี้ดิวะ เชื่อกู เดี๋ยวเรื่องก็เงียบไปเองนั่นแหละ”...ขอให้เป็นแบบนั้นด้วยเถอะ
“กูแค่อยากรู้ว่าไอ้คนดังมันจะตอบนักข่าวเรื่องคลิปนั่นยังไง...”
อืม นั่นสิ....มันจะตอบว่ายังไง คงไม่พ้นประโยคเบสิคที่ว่า ‘คนหน้าเหมือน’ หรอกมั้ง
“เมฆมากินข้าว แล้วแต่งตัวไปเรียนได้แล้ว จะสายแล้วไม่ใช่เหรอ”เสียงแม่ดังมาจากในครัว ผมมีเรียนภาคบ่าย ตอนนี้ก็ปาไปเที่ยงกว่าๆแล้วด้วย ผมโยนหนังสือพิมพ์ทิ้ง กะจะอ่านข่าวอื่นแต่สงสัยคงจะไม่ทันแล้ว ผมขึ้นไปบนห้องแต่งตัวอย่างลวก ๆ ด้วยชุดนิสิตผิดระเบียบตามปกติ ลงมาก็กินข้าวเที่ยงอย่างรวดเร็ว จนแม่ต้องปรามเพราะกลัวข้าวติดคอ
“ไปนะครับแม่”ผมก้มไปหอมแก้ม ก่อนจะคว้าเสื้อคลุมกับกุญแจรถออกไปที่โรงจอดรถ ภายนอกแล้วอาจดูเหมือนผมเป็นคนติดแม่ ซึ่งก็เหมือนจะเป็นอย่างนั้น แต่เนื่องจาก ผมเหลือแม่เพียงคนเดียว จะให้ผมไปเที่ยวเกเรไม่สนใจท่าน มันก็ไม่ถูก ผมรู้ว่าแม่ต้องเหนื่อยกับการที่ต้องส่งผมเรียน เพราะเสาหลักของครอบครัวดันมาด่วนจากไปอย่างกะทันหัน ในช่วงที่ผมอยู่ม.ห้า การจากไปของพ่อทำเอาทั้งผมและแม่เคว้งตั้งตัวไม่ถูกไปพักใหญ่ แม่เสี่ยงตัดสินใจใช้เงินก้อนสุดท้ายเปิดร้านอาหารกึ่งผับ ตอนนี้ก็กำลังไปได้สวย แต่ผมก็ต้องมาช่วยงานที่ร้านในส่วนที่พอจะทำได้อยู่ดี
“มาสายจังวะ ไอ้แมว”ไอ้เชษเอ่ยทัก หลังจากที่ผมเดินตัวลีบเข้าห้องบรรยาย อาจารย์หญิง เหลือบมองผมด้วยสายตาตำหนิ ก่อนจะพลิกกระดาษจดอะไรบางอย่าง เชื่อว่าคะแนนจิตพิสัยคงโดนหักไปห้าคะแนน ผมนั่งลงตรงกลางระหว่างไอ้บอร์ทเพื่อนอีกคน ไม่รู้ทำไมไอ้เชษกับเพื่อน ๆถึงชอบเรียกผมว่าแมวๆ อยู่ได้ ทั้ง ๆที่ผมชื่อเมฆ เบื่อกับพวกมันจริงๆ
“มัวแต่ล่ำลากับแม่ล่ะมั้ง”ไอ้บอร์ทพูดขึ้นมา มันก็แซวเล่นขำๆ ตามประสาเพื่อนสนิทปานจะกลืนกินนั่นล่ะ ผมก็ไม่อะไร ชินกับคำล้อว่าเด็กติดแม่ไปซะแล้ว
“อาจารย์เช็คชื่อรึยัง”ผมถามพวกมันทั้งสองคนพลางหยิบชีทออกมาเปิด สายตามองไปยังจอโปรเจคเตอร์ที่ฉายถึงเนื้อหาที่กำลังเรียนอยู่
“ยัง รอดตัวไปนะมึง”ไอ้เชษหันมาตอบแล้วแอบหาวนอน
“พิเชษหาวนอน หักหนึ่งคะแนน"อาจารย์หญิงดันตาดีเห็นอีก ผมกลั้นขำ เพื่อนๆในเซคหันมามองมันเป็นตาเดียว
“ดันเห็นอีกนะ "ไอ้เชษบ่นพึมพำเบาๆ
“แกได้ดูข่าวพี่คินรึเปล่า”
“ข่าวอะไรอ่ะแก ยังไม่ได้เช็คเลย”
ผมได้ยินเพื่อนผู้หญิงที่นั่งเยื้องไปด้านหน้าพูดเบาๆ บนโต๊ะมีไอโฟนที่อาศัยหุ่นบิ๊ก ๆของเพื่อนด้านหน้าเป็นที่กำบัง ผมเห็นภาพข่าวอันเดียวกับหนังสือพิมพ์เมื่อเช้า ผมล่ะอยากจะรู้จริง ๆว่าเจ้าตัวมันจะออกมาแถแก้ข่าวยังไง
“แกว่าพี่เขาจะดับไหมวะ โดนสื่อเล่นงานแบบนี้"
“สงสารพี่คิน พี่เขาแค่พลาด ไอ้พวกปากมากนี่ก็ถามอะไรไร้จรรยาบรรณ”
ผมเลิกสนใจสองสาวนั่น ก้มมองดูชีทตัวเองต่อไป จนหมดคาบ
“เย็นนี้ไปเที่ยวกันดีไหมวะ”ไอ้บอร์ทเดินมากอดคอผมพลางถามผมกับไอ้เชษด้วยใบหน้าระรื่นต่างจากในห้องบรรยายเมื่อครู่มาก
“กูไม่ว่างว่ะ ต้องไปช่วยงานที่ร้าน”ปกติผมก็ไปช่วยทุกเย็นอยู่แล้ว
“โห่ อีกแล้วเหรอวะ แล้วเมื่อไหร่จะได้สังสรรค์กันครบทีมสักที กูนัดไอ้เจนกับไอ้ปอยไว้แล้วนะเว้ย”สองคนที่พูดถึงนั่นคือเพื่อนในกลุ่มเหมือนกัน แต่เรียนคนละคณะกับพวกผม ความจริงผมก็อยากจะไปนะ แต่ทำไงได้ล่ะ
“มึงก็รู้นี่หว่า ว่าไอ้แมวมันต้องช่วยงานที่ร้านแม่มัน”ไอ้เชษแย้งขึ้นมา ไอ้บอร์ททำน้าผิดหวัง
“แล้วแบบนี้เมื่อไหร่จะได้แดกเหล้าด้วยกันวะ เสาร์ อาทิตย์มึงก็ไม่ว่างอีก เลิกเป็นเด็กดีสักวันไม่ได้รึไงวะ แมว”ผมเขวี้ยงสายตาหงุดหงิดไปให้มัน เพราะคำว่าแมวนี่แหละ ผมถอนหายใจ ต้องโทรไปเช็คก่อนว่าวันนี้ที่ร้านคนเยอะรึเปล่า ถ้าเยอะก็คงพลาดอีกตามเคย
“เดี๋ยวกูลองโทรถามแม่ก่อนนะ ว่าลูกค้าเยอะไหม”ว่าแล้วก็กดโทรหาแม่ทันที
[ว่าไงเมฆ เลิกเรียนแล้วเหรอลูก]
“ครับ วันนี้ที่ร้านลูกค้าเยอะไหมแม่ ไอ้บอร์ทมันชวนผมไปเที่ยว”
[ไม่เยอะหรอก วันนี้เมฆไม่ต้องมาช่วยแม่ก็ได้นะ ออกไปเที่ยวให้สนุกเถอะ แม่กับพี่ปอ พี่แก้วดูร้านกันเองได้]ผมยิ้มออกมาเล็กน้อย ก่อนจะส่งสัญญาณโอเคไปให้เพื่อนสองคนที่รอฟังผลอยู่ มันชูกำปั้นพร้อมกับร้องเยส ๆกันเสียงดัง
“ครับ อาจจะกลับดึกหน่อยนะแม่”
[ยังไงก็ระวังตัวด้วยล่ะ แค่นี้ก่อนนะเมฆ แม่จะเข้าไปดูในครัว]
“ครับ รักแม่นะ”ผมวางสายพร้อมกับเข้าไปกระโดดกอดพวกมัน โอกาสได้เที่ยวกับพวกมันมีไม่บ่อยนักหรอก ไอ้บอร์ทรีบโทรหาไอ้ปอยเพื่อบอกว่าผมไปได้ นัดไปเจอกันที่ร้านสุดฮิตของเด็กมอ. เป็นผับของเฮียจอห์น พี่ไอ้เจน ตกแต่งสไตล์โมเดิร์น เก๋ไก๋ บรรยากาศดูลึกลับ บ้านมันรวยสุดในกลุ่มแล้ว รองลงมาเป็นไอ้บอร์ท ไอ้ปอย ไอ้เชษ แล้วก็ผม เรื่องฐานะทางบ้านผมไม่ได้ซีเรียสอะไรมาก
เดินเข้าไปในร้านก็เจอไอ้เจนรออยู่แล้ว มีลูกค้าแค่สองโต๊ะ วีไอพีจริง ๆเท่านั้นและถึงจะเข้ามาก่อนเวลาได้ ผมเหลือบไปยังโต๊ะตัวในสุด เป็นลูกค้าพิเศษของเฮีย ไอ้เจนมันบอกมาว่างั้น อาจจะเป็นเพื่อนพี่เขาล่ะมั้ง ? แต่แต่งตัวแปลกไปหน่อยนะ ใส่ฮู้ดดำ บวกแว่นตา หรือว่าต้องการแต่งตัวให้เข้ากับบรรยากาศร้าน? ผมละสายตากลับมาที่เพื่อนที่ไม่ค่อยได้เห็นหน้าค่าตาสักเท่าไหร่
“ไม่ได้เจอกันตั้งนานนะ ไอ้แมว นึกว่าจะโทรมเป็นผีตายซากซะอีก ยังดูดีนะมึง”ไอ้เจนเข้ามาชกไหล่ผมเบา ๆเป็นการทักทาย
“เออ แน่นอนกูต้องใช้หน้าตาทำมาหากินนี่หว่า”ผมก็พูดติดตลกไปอย่างนั้น แต่ก็มีส่วนเพราะงานเด็กเสิร์ฟภาพลักษณ์ต้องดูสะอาด แล้วก็มีลูกค้าไม่น้อยเลยที่ติดใจผม มากกว่ารดชาดอาหาร ซึ่งมันก็เป็นเรื่องที่เลี่ยงไม่ได้ที่จะเจอพวกมือไวปากไว เพราะผมทำทุกหน้าที่ รับออเดอร์ เสิร์ฟอาหาร ชงเหล้า ถึงจะมีพวกเฒ่าหัวงู สนใจอยากจะส่งเงิน `เลี้ยงดู'ก็เถอะ แต่ผมก็ไม่เคยสิ้นคิดทำอะไรแบบนั้น แก๊งผมมันประเภทเสือผู้หญิงกันยกแก๊ง ใครจะลายเยอะมากกว่ากันก็เท่านั้นเอง
“ไอ้ปอยทำไมมาช้าจังวะ”ไอ้เชษเริ่มบ่น ไอ้ปอยเป็นตัวสายตลอด ไม่รู้ว่ามันจะแต่งองค์ทรงเครื่องไปไหน ทั้ง ๆที่ไม่แต่งมากมันก็ดูดีแล้ว ตอนนี้พวกมันก็จิบ ๆเหล้าไปพลาง ๆ รอไอ้ตัวช้าของกลุ่ม
“ไม่ใช่มัวแต่ติดสาวอยู่นะเว้ย มึงนี่ยังไงวะ เรียนอยู่คณะเดียวกันดันปล่อยให้มันมาช้าอีก แทนที่จะลากมันมาด้วย”ไอ้บอร์ทบ่นไอ้เจนที่นั่งไขว้ห้างเป็นคุณชายไม่สะทกสะท้านอะไร
“กูไม่ได้ตัวติดกับมันนี่หว่า มันจะไปปี้กับผู้หญิงที่ไหนไม่ใช่ธุระกงการอะไรของกู”ผมมุ่นคิ้วเล็กน้อยเพราะน้ำเสียงที่มันพูดนั้นติดกระแสไม่พอใจมาด้วย ไอ้สองคนนี่ตัวติดกันตั้งแต่ช่วงม.ปลายมันซี้กันมากจนตอนนั้นเพื่อน ๆก็แซวว่าตามติดกันยิ่งกว่าเป็นคู่ผัวเมีย ตอนนั้นมันก็ขำๆกับเรื่องนี้ ผมแอบสังเกตสีหน้าของไอ้เจนที่สีหน้ามันยังสงบนิ่งดี อาจเหมือนไม่มีอะไร แต่ไอ้หน้านิ่งๆ แบบนี้ของมันเนี่ยแหละผมว่ากำลังโกรธชัวร์
“ให้มันสองคนห่าง ๆกันบ้างเห้อ”ไอ้เชษแย้งมา ด้วยสีหน้าเบื่อ ๆ รอไอ้ปอยเกือบ ๆชั่วโมงมันก็โผล่หัวมา โดนโบกกะบาลไปซะหลายที
“เพื่อนแมว ไม่เจอกันตั้งนาน ยังสบายดีอยู่ใช่ไหม ไหนดูสิ สึกหรอตรงไหนรึเปล่า”ไอ้ปอยหลบฝามือพิฆาตของไอ้บอร์ทสำเร็จ ก่อนจะก้าวตรงมาหาผมพลางจับนู่นจับนี่
“อย่าเรียกกูว่าแมวได้ไหมวะ ชื่อเมฆเว้ย อยู่ด้วยกันมาตั้งกี่ปีแล้ว เรียกชื่อกูให้มันถูกบ้าง”ผมบ่นอุบก่อนที่ ไอ้ปอยจะนั่งลงข้างๆผม ส่วนไอ้เจนก็นั่งหน้านิ่งจิ้มไอโฟนของมันไป สงสัยจะคุยกับสาวๆล่ะมั้ง
“ทำไมมาช้าจังวะ ไอ้เจนบอกมึงไปปี้สาว”ไอ้เชษถามไอ้ตัวที่กำลังหัวเราะลงคออยู่ มันหันไปมองไอ้เจนด้วยสีหน้าขำๆ
“ปี้เป้ออะไร แค่ไปดูแลว่าที่แฟนเว้ย ไอ้เจนใส่ร้ายกู”ผมหูผึ่งทันที ไอ้ปอยเนี่ยนะไปดูแลว่าที่แฟน เห็นควงผู้หญิงไม่เว้นหน้าพอ ๆกับไอ้เจนนั่นแหละ เห็นยังแข่งกันจีบสาวอยู่เลย
“ว่าที่แฟน?”
“เออดิ คนนี้กูเอาจริงเว้ย”
“จริงอ่ะ”ไอ้บอร์ทดูไม่เชื่อซักเท่าไหร่ ผมก็อึ้งนิด ๆ ไม่คิดว่าจะได้ยินคำนี้จากปากคนแบบมัน
“เออดิ กูถึงแพ้ไอ้เจนเรื่องจีบสาวก็เพราะแบร์เลยนะเว้ย”มันพูดพร้อมรอยยิ้ม ไอ้เจนได้แต่ส่งเสียง ‘หึ’มา จากนั้นก็คุยกันสัพเพเหระ ถามไถ่สารทุกข์สุกดิบกันไปมา
“โหย เฮีย ไปนั่งโต๊ะอื่นเลยไป เดี๋ยวน้องชายเรตติ้งตก”ไอ้เจนโบกมือไล่พี่ชายตัวเองที่เพิ่งมาร่วมวงเมื่อกี้
“ยอมรับแล้วเหรอ ว่ากูหล่อกว่าอ่ะ น้องชาย”พี่จอห์นหัวเราะลงคอเสียงนุ่ม ไอ้เจนเบ้หน้าอย่างหมั่นไส้ มันไม่ตอบอะไร สงสัยจะจริง ถ้าวัดกันจริงๆเฮียจอห์นราศรีจับกว่าไอ้เจนเยอะ
“เฮียจอห์น โต๊ะนั้นใครอ่ะ”ไอ้บอร์ทพยักเพยิดไปยังโต๊ะตัวในสุด เห็นซดเหล้าอย่างกับน้ำเปล่า
“ลูกค้าพิเศษเฮียเขา”ไอ้เจนเอ่ยด้วยน้ำเสียงลับลมคมใน มันเน้นคำว่าพิเศษ ซึ่งนั่นอาจจะหมายถึง แฟน... พวกผมก็พอรู้ๆมาบ้างว่าเฮียเขามีรสนิยมแบบไหน
“เพื่อนกูเว้ย น้องชาย อย่าสร้างเรื่อง”เฮียจอห์นโบกมือลาโต๊ะผมก่อนจะเดินไปหาลูกค้าพิเศษคนนั้น ไอ้เชษหันมามองหน้าไอ้เจนอย่างขอความเห็น
“มึงคิดว่าไงวะ”
“ไม่รู้เว้ย มันจะคบกับใครก็ช่างมัน ...อย่างน้อยมันก็แมนพอที่จะเปิดเผยว่าตัวเองเป็นอะไร”แล้วมันก็เงียบไปเหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่าง คนเริ่มเยอะขึ้น ไฟในร้านถูกเปิดวิบวับจนผมลายตา รู้สึกเหมือนโดนจ้องมองอยู่ อันที่จริงก็โดนจ้องมานานแล้วด้วย จากโต๊ะตัวในสุดนั่น ผมจ้องมองกลับ ไอ้คนในฮู้ดนั่นก็ไม่ยอมละสายตา ผมไม่รู้ว่ามองด้วยสายตาแบบไหนเพราะแว่นสีดำที่เจ้าตัวใส่อยู่ จ้องกันอยู่นาน จนผมต้องเป็นฝ่ายเบือนหน้าหนีไปเอง ถ้าเป็นปลากัดนี่คงท้องไปแล้ว ไอ้เจนกับไอ้บอร์ทไม่อยู่ที่โต๊ะแล้ว มันออกไปเต้นเลื้อยกับสาวๆแทนเหลือผมกับไอ้เชษ ไอ้ปอยสามคน ไอ้เชษมันก็ซักไซ้ไล่เลียงเรื่องสาวแบร์ของไอ้ปอย ไม่หยุด งานเสือกต้องยกให้ไอ้เชษส่วนผมก็นั่งฟังเงียบ ๆ แทน
“เฮ้ย ไอ้แมวลุกมาจอยกันดิวะ นานๆที โชว์สเต็ปเทพบ้าง”ไอ้บอร์ทเต้นเลื้อยมาที่ผม ผมโบกมือลา ไอ้เรื่องเต้นอะไรนี่ผมขอบาย ไม่รู้ผ่านรับน้องมาได้ยังไง แต่ไอ้บอร์ทมันไม่ละความพยายาม มันเรียกไอ้เจนให้มาช่วยดึงผมลุกจากโต๊ะ สาวๆที่พวกมันไปเต้นมาด้วยก็ร้องกรี๊ดกร๊าดเชียร์ให้ผมลุกไปเต้น หลายๆโต๊ะ ก็มองมาที่ผมยิ้ม ๆ รวมถึงโต๊ะในสุด เหมือนจะเหลือบมองมาที่ผมครู่หนึ่งแล้วเบนสายตาไปยังทิศอื่นทันที ไอ้สองตัวที่นั่งเมาท์กันอยู่ก็ส่งเสียงเชียร์มากดดัน ผมก็เลยต้องจำใจลุกไปอย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก เพลงแดนซ์มันส์ๆของนักร้องชื่อดังถูกเปิดขึ้น
“คืนนี้ถ้ามึงไม่ได้แอ้มสาวเนี่ย ...เสียชื่อนะเว้ย ไอ้แมว”ไอ้เจนกระซิบใกล้ ๆ มันเปลี่ยนมาถ้าแข่งจีบสาวกับผมแล้วเหรอเนี่ย เหอะๆ มันยักคิ้วให้ผมสองจึกก่อนจะหายไปกับสาวๆอีกกลุ่มนึง ผมนี่แพ้ตั้งแต่ยังไม่เริ่ม ถ้าพูดถึงเรื่องจีบสาว เลเวลผมต่ำสุดในกลุ่มแล้ว แบบนี้รึเปล่ามัยถึงเรียกผมว่าไอ้แมว ผู้หญิงที่เคยเต้นกับมันก็มาเต้นใกล้ ๆ ผมก็ตามน้ำไปแบบงูๆปลา ๆ
“ชื่ออะไรเหรอคะ ไม่เคยเห็นมากับพี่เจนเลย”สาวผมทองที่มาเลื้อยใกล้ ๆผมถามขึ้นมา ริมฝีปากสีแดงๆเข้ามาคลอเคลียใกล้ๆ ชวนจั้กจี้
“ชื่อเมฆครับ”ผมต้องยื่นหน้าเข้าไปตอบใกล้ๆ เพราะเพลงที่เปิดดังมากจนหูผมเต้นตุบๆ เริ่มจะปวดหัว ตอนนี้ไม่รู้ว่าใครเป็นใครเพราะในผับเปิดไฟมัว ๆ สาวผมทองคนนั้นกลายเป็นชายหนุ่มร่างสูงยืนอยู่แทน ที่แท้ก็เป็นพ่อหนุ่มโต๊ะในสุดนั่นเอง ดีเจเปิดเพลง Turn up the music ขึ้นมาเสียงตบมือเกรียวกราว ผมพยายามเพ่งมองคนที่มาเต้นอยู่ใกล้ ๆ คนตัวสูงตรงหน้าขยับเข้ามาหา ผมทำท่าจะถอยห่างแต่ก็ถูกมือหนาดันเอวให้เข้ามาใกล้ จนผมได้กลิ่นน้ำหอมอ่อนๆ จมูกโด่ง ๆ เข้ามาคลอเคลียแถว ๆซอกคอผม ส่วนมือก็เลื้อยวนมาแถวๆบั้นท้ายผมอย่างจงใจ
“อย่า…”ผมดันตัวร่างสูงออกไม่ใช่ว่ารังเกียจแต่กลัวเพื่อนคนใดคนหนึ่งมาเห็นเข้า ...อันที่จริงแล้วผมชอบผู้ชายมากกว่าผู้หญิงซะอีก แต่ผมไม่กล้าบอก... เพราะอย่างนี้เลยเลือกที่จะไม่คบใคร ถึงในบางครั้งผมจะเจอคนที่ถูกใจก็ตาม กับ คนตรงหน้าก็เหมือนกัน เขาอาจจะสนใจผม และก็อาจจบแค่คืนเดียว แต่ผมก็ไม่กล้าก้าวข้ามเส้นบางๆ ที่มันกั้นอยู่ ผมเบียดฝูงคนออกมา ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ พร้อมกับจัดเสื้อผ้าให้เข้าที่ แวะเข้าห้องน้ำล้างหน้าล้างตาสักหน่อย สายน้ำเย็น ๆ กระทบกับผิวหน้า ทำให้รู้สึกสดชื่นขึ้นมาบ้างหลังจากโดนเบียดอยู่ในกลุ่มผู้คน
“จะหนีเหรอ”น้ำเสียงลื่นหูดังขึ้นก่อนที่ ตัวผมจะถูกดึงด้วยมือที่แข็งแรงกว่าอย่างไม่ตั้งตัว
คลิก!
พร้อมกับเสียงล็อคประตูร่างนั้นถือโอกาสเบียดเข้ามาใกล้จนชนิดที่ว่าสัมผัสถึงลมหายใจของอีกฝ่าย กลิ่นน้ำหอมชวนหลงใหลอวลอยู่ใกล้ ๆ ใบหน้าที่ถูกบดบังด้วยแว่นสีดำทำผมใจเต้นอย่างประหลาด ริมฝีปากหนาก็จู่โจมเข้ามาอย่างรวดเร็ว ดูดกลืนกลีบปากบางของผมอย่างไม่รอช้า
“อึก…อื้อ”ผมกลอกตาไปมา พยายามเบี่ยงหน้าหนีแต่มือแข็งแรงนั้นก็จับหน้าผมให้หันมารับจูบละลาบละล้วงนั้นอีก ทันทีที่ปากผมเผยออ้า ลิ้นอุ่นร้อนสอดเข้ามาไล่ต้อนอย่างชำนาญ ผมดันหน้าอกแกร่งของอีกฝ่ายไว้ มือแกร่งพยายามแกะกระดุมเสื้อผมอย่างยากลำบาก ผมไม่ได้เมา มีสติครบเต็มที่ ใจนึงอยากจะผลักอีกคนออก แต่รสจูบตรงหน้าก็ให้ความรู้สึกซ่าๆบอกไม่ถูก เสียงครางฮึมอย่างพอใจของอีกฝ่ายดังขึ้นมาเบา ๆ ในขณะที่รุกล้ำเข้ามาสัมผัสผิวเนื้อของผมมากขึ้นเมื่อเห็นผมไม่ปฏิเสธหรือขัดขืนอะไร เจ้าของริมฝีปากเอาแต่ใจนั้นก็ผละออกมาเล่นกับจุดอื่น ขบเม้มกัดที่ซอกคอราวกับหมั่นเขี้ยว ร่างนั้นขยับเบียดเข้ามาใกล้จนรับรู้ทุกสัดส่วน โดยเฉพาะบริเวณกลางลำตัว
ผมผ่อนลมหายใจเบาๆ ริมฝีปากถูกครอบครองอีกครั้ง ผมไล่ต้อนอย่างไม่ยอมแพ้ เสียงครางนุ่มๆบ่งบอกว่าพอใจของอีกฝ่ายทำเอาผมใจกระตุก ผมปรือตาขึ้นมาแต่ก็เห็นแค่…แว่นตาสีดำ…ผมไล่มือไปตามแผ่นอก ลากผ่านลำคอ ก่อนจะเกลี่ยปอยผมที่ตกลงมา โดยที่ริมฝีปากยังแนบชิดอีกฝ่ายไม่ห่าง ผมดันแว่นตาสีดำของอีกฝ่ายขึ้นช้าๆ
….!
ไม่จริงใช่ไหม
ผมเบิกตากว้างอย่างตกใจ ไอ้คนที่กำลังสูบวิญญาณของผมตอนนี้คือ ภาคิน วรวงศ์กุล ไอ้คนที่ขึ้นหน้าหนึ่งเมื่อเช้า คิ้วเข้มนั่นเลิกขึ้นเล็กน้อยก่อนจะปล่อยริมฝีปากผมให้เป็นอิสระ แล้วเปลี่ยนเป้าหมายมาที่ยอดอกสีชมพูของผมแทน
เดี๋ยวนะ…
“ปะ ปล่อย”ผมพูดด้วยเสียงสั่นๆเล็กน้อยเพราะปลายลิ้นของอีกคนทำให้ผมวูบหวิวในอกและท้องน้อย
“อา...”ผมจิกมือลงบนเส้นผมอ่อนนุ่มนั้นเมื่อริมฝีปากนั้นขบกัดเบาๆที่ยอดอก ....ลืมเรื่องที่จะพูดไปหมด กางเกงผมถูกปลดออกพร้อมกับฝามืออุ่นๆที่ลูบคลำอยู่ไม่ห่าง ไอโฟนสั่นอยู่ตรงกระเป๋ากางเกงไอ้พวกนั้นโทรหาแน่ๆ ผมดันอีกฝ่ายออกห่าง
“Shit”ได้ยินเสียงสบถอย่างขัดใจ ภาคินจ้องมองผมด้วยสายตาขุ่นมัว
“จะเล่นตัวอะไรนักหนา เสร็จแล้วเดี๋ยวจะจ่ายเงินให้”เสียงนุ่ม ๆเป็นเอกลักษณ์กระซิบที่ข้างหู อะไรนะ...จ่ายเงินให้ เหมือนมีค้อนมาทุบหัวผมเข้าอย่างจัง ดูถูกกันเกินไปแล้ว
“ปล่อย!” ผมผลักอีกฝ่ายออกเต็มแรงก่อนจะดึงกางเกงขึ้นลวก ๆ ตั้งใจจะออกไปจากห้องน้ำนั่น แต่ไอ้นักร้องดังกลับกระชากผมเต็มแรงจนหลังกระแทกกับผนังห้องน้ำ
“เริ่มแล้วก็ต้องต่อให้จบสิจริงไหม”
งานเข้าอีกแล้ว! คลิปหลุด ฉาวว่อนเน็ต นักร้องหนุ่มชื่อดัง อักษรย่อ ภ.ค.นัวเนียกับผู้ชายในห้องน้ำ!
พาดหัวข่าวตัวใหญ่ก็ว่าสะดุดตาแล้ว แต่ที่สะดุดตากว่าคือภาพประกอบ ถึงแม้จะไม่ชัดนักแต่ก็พอดูออกว่าใครเป็นใคร ผมหายใจติดขัด หน้าชาเหมือนมีคนเอาน้ำเย็นๆ มาสาดเข้าที่หน้า
“คนในคลิปใช่มึงรึเปล่า เมฆ”น้ำเสียงเครียดของไอ้เชษทำให้ผมละสายตามาจากรูปนั่น แย่...ชะมัด ทำไมนักข่าวไม่เซ็นเซอร์หน้าผมล่ะ ไอ้เชษขยำหนังสือพิมพ์ทิ้ง ไอ้บอร์ทนั่งมองอยู่เงียบ ๆ ผมยังไม่ได้ตอบคำถามมัน เพราะเหมือนมีอะไรมาจุกในอก
“กูจำเสื้อมึงได้”
“แล้วมึงจะถามกูทำไม กู...”ผมรู้สึกพูดไม่ออก ผมเห็นคลิปนั่นแล้ว ภาพที่ไม่ชัดเดาได้ว่าคงถูกถ่ายจากกล้องคุณภาพต่ำ มุมภาพสูง...ทำไมผมไม่รู้วะ ว่ามีคนแอบถ่าย ถึงไม่เห็นหน้าไอ้ภาคินตรงๆ แต่ รอยสักที่ข้อมือซ้ายของมันก็เป็นเครื่องยืนยันแล้ว ผมยังคงก้มหน้ามองมือตัวเอง พวกมันเห็นคลิปนี่แล้วรู้สึกยังไง มันรังเกียจผมรึเปล่า? มันจะเลิกคบกับผมไหม แล้วแม่ผมจะเห็นข่าวทุเรศๆนี่หรือยัง อีกสารพัดคำถามที่ประเดประดังเข้ามา
“กูแค่ตกใจ กูไม่คิดว่ามึงจะ...อยู่กับมึงมาตั้งนานทำไมกูถึงไม่รู้วะ”ไอ้บอร์ททำหน้าบูด
ก็อก ๆ
เสียงเคาะประตูดังขึ้นคาดว่าเป็นไอ้เจน ไม่ก็ไอ้ปอย ตอนนี้ผมมาสุมหัวอยู่ที่คอนโดไอ้เชษ เจ้าของห้องลุกไปเปิด ไอ้ปอยกับไอ้เจนปรี่เข้ามาหาผม ไอ้ปอยสีหน้าไม่สู้ดีนัก ส่วนไอ้เจนเดินยิ้มกว้างมาหาผม
“เฮ้อ ...มึงไม่ต้องเครียดนะ เฮียบอกว่าทางไอ้ภาคินกำลังจัดการเรื่องนี้ให้เงียบอยู่”ไอ้เจนเข้ามานั่งกอดคอผม ไม่รู้ว่าตอนนี้คนได้ดูคลิปบ้าๆนี่ไปค่อนประเทศรึยัง ถือว่าเป็นโชคดีของผมที่ไม่ได้เกินเลยถึงขั้นสอดใส่ เพราะตอนนั้นไอ้ภาคินมันมีธุระด่วน...
“กูว่านักข่าวไม่หยุดง่าย ๆหรอกว่ะ ยิ่งเป็นไอ้ภาคินคนดังด้วยแล้ว...เรื่องนี้ไม่จบง่ายๆแน่”ไอ้เชษเอ่ยขึ้นมาท่ามกลางความเงียบชวนอึดอัด
“ขอแค่เล่นประเด็นไอ้ภาคินก็พอ”ผมนึกอยากให้เป็นแบบนั้น แต่ตอนนี้กระเเสในอินเตอร์เน็ตกำลังพุ่งเป้ามาที่ผม ว่าผมเป็นใคร โดยเฉพาะพวกแฟนคลับ ไม่เข้าใจจริงๆ ว่าจะตามหาตัวผมทำไม
“พวกมึง...ไม่รังเกียจกูกันใช่ไหม”
“เหี้ยเมฆ พูดอะไรอย่างนั้นวะ คบกันมาตั้งหลายปี กูคงไม่ตัดเพื่อนกับมึงแค่เพราะว่ามึงชอบผู้ชายหรอกว่ะ ไร้สาระ ยังไงกูก็เป็นเพื่อนมึงเหมือนเดิมนั่นแหละ”ไอ้เจนชกไหล่ผมเบา ๆ ผมเงยหน้ามองที่เหลือมันก็ยักคิ้ว ทำหน้ากวนตีนใส่ ...ผมโล่งอกไปได้เปราะหนึ่ง
“แล้วมึงจะบอกแม่มึงยังไงวะ”ไอ้ปอยถามขึ้นมา ไอ้บอร์ทปาหมอนอิงใส่ เหมือนมันไม่อยากให้ผมคิดมาก ก็มีแค่ทางเดียว
“ก็พูดความจริงไง”ตอนนี้คงไม่มีอะไรต้องปิดอีกแล้วล่ะ
“ความจริงก็เป็นความผิดของกู ถ้ากูไม่ชวนมึงไป เรื่องคงไม่เกิด”ไอ้บอร์ททำหน้าหม่น
“มึงอย่าคิดแบบนี้ดิวะ เชื่อกู เดี๋ยวเรื่องก็เงียบไปเองนั่นแหละ”...ขอให้เป็นแบบนั้นด้วยเถอะ
“กูแค่อยากรู้ว่าไอ้คนดังมันจะตอบนักข่าวเรื่องคลิปนั่นยังไง...”
อืม นั่นสิ....มันจะตอบว่ายังไง คงไม่พ้นประโยคเบสิคที่ว่า ‘คนหน้าเหมือน’ หรอกมั้ง
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ