News คนขายข่าว
เขียนโดย lion
วันที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2558 เวลา 14.38 น.
แก้ไขเมื่อ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2558 14.50 น. โดย เจ้าของนิยาย
4) กฎข้อที่สี่พนักงานขายข่าวต้องว่านอนสอนง่าย
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
กฎข้อที่สี่พนักงานขายข่าวต้องว่านอนสอนง่าย
เมื่อไม่มีเพื่อนเก่าเพื่อนแก่อย่างรถมอเตอร์ไซค์คันงามแล้วทั้งคู่ก็ต้องเดินเท้าเอา ในเขตชุมชนนี้ซึ่งเป็นย่านการค้าจะให้แบล็คกับมาร์สมาปรากฏตัวต่อหน้าผู้คนคงไม่เหมาะจึงได้แต่ถอดหน้ากากกับแจ็คเก็ทออก ไบรอันสอดส่ายสายตาราวกับหาบางอย่าง รถสปอร์ตสีบลอนด์เงินกระแทกตาคือเป้าหมาย เขากึ่งลากกึ่งจูงหญิงสาวเข้าไปใกล้แล้วใช้ปลายมีดพกเสียบเข้าไปในรูกุญแจเขาเปิดประตูรถออกแล้วผายมือเป็นเชิงเชื้อเชิญ เดอาเข้าไปนั่งฝั่งข้างๆ คนขับแล้วชายหนุ่มก็งัดรูเสียบกุญแจตรงที่ข้างๆ พวงมาลัยออกแล้วใช้มีดต่างกุญแจสตาร์ทรถแล้วขับกลับบ้านไป…เป็นอันเสร็จสิ้นหนึ่งในของที่มาร์สขโมยมา
เพราะเพิ่งรู้ว่ามาร์สเป็นหัวขโมย เป็นไบรอัน แต่เหมือนเธอจะหงุดหงิดบางอย่างจึงนั่งนิ่งไม่พูดไม่จา “นี่เดอาเธอมาค้างบ้านฉันไหม?” หญิงสาวยังนิ่งเงียบไร้ท่าทีตอบกลับ ชายหนุ่มยื่นมือไปแตะไหล่น้อยๆ ที่นิ่งตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว เขาผละมืออกแล้วหักเลี้ยวรถผ่านประตูบ้าน ไบรอันลงจากรถแล้ววิ่งข้ามฝั่งไปเปิดประตูรถให้อีกคนแต่ก็ไร้สิ่งตอบสนอง
เขาจึงเขย่าร่างบางน้อยๆ เดอาเอนที่ตัวลงมาซบอกแกร่งบ่งบอกว่าเธอกำลังหลับใหล ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่แล้วที่ชายหนุ่มกำลังชื่นชมความน่ารักของอีกฝ่ายจนคนรับใช้ในบ้านเรียกนั่นแหละ เขาถือวิสาวะช้อนร่างอีกฝ่ายมาแนบอก
“นายเอารถไปทิ้งให้ที” เสียงมีอำนาจเอ่ยแล้วประคองหญิงสาวขึ้นไปชั้นบน คำสั่งเมื่อครู่เป็นคำสั่งที่รู้กันดีว่าตรงตามที่สั่งมา เพราะของทุกอย่างที่ขโมยมาหากเก็บไว้จะถูกตามเจอจึงต้องนำไปทิ้งเสีย ประตูไม้สีขาวถูกเปิดเข้าไป ชายหนุ่มวางเดอาลง แม่บ้านสอสามคนที่เข้ามาดูแลต่างอุทานออกมาด้วยความตกใจ
“ว้าย! คุณหนูไบรอันท่านพาใครเข้ามาน่ะเจ้าคะ” เมื่อเห็นเดอา ไม่สิ เมื่อเห็นแบล็คพวกเธอต่างก็ตกอกตกใจกันใหญ่ ส่วนผู้เป็นนายก็เอาแต่เอานิ้วทาบปากร้องชู่ว แล้วมอบหน้าที่ให้แม่บ้านดูแลแฟนสาว (?) แทน
“อย่าเสียงดังสิเดี๋ยวเธอก็ตื่นหรอก เอ้ามาเช็ดตัวให้แฟนฉันหน่อยสิ” สาวใช้คนหนึ่งยังคงเก้ๆ กังๆ ที่จะเข้าใกล้เพราะอีกฝ่ายเป็นถึงนักฆ่าผู้มีประวัติการฆาตกรรมมาอย่างโชกโชน เมื่อหมวกกันน็อคสีดำถูกถอดออก ใบหน้านวลเนียนขาวผ่องก็ปรากฏแก่สายตา จนหลายๆ คนอดร้องว้าวอย่างตกตะลึงไม่ได้ ดูเหมือนไบรอันที่เปลี่ยนสถานะเป็นคนหวงของจะไม่พอใจอย่างยิ่ง “เอ้าอย่ามัวแต่ชื่นชมแฟนคนอื่นสิเช็ดตัวให้เธอได้แล้ว”
“เธอชื่ออะไรเจ้าคะ” หญิงคนหนึ่งถาม สายตาเป็นประกายถูกส่งทอดมายังเขาซึ่งกำลังเดินไปที่ห้องตัวเองอยู่นั้นต้องชะงักก่อนตอบ
“เดอา” เมื่อได้คำตอบที่พอใจสาวใช้ก็กลับไปทำงานต่อ ชุดหนังสีดำถูกถอดออกเผยให้เห็นร่างกายงามงดสมเป็นหญิง ที่หน้าอกมีผ้าพันแผลพันไว้อย่างหนาแน่น หญิงหลายๆ คนถึงกับร้องอ้อเมื่อพบสาเหตที่หน้าอกที่ควรมีเนื้อกลับแบนราบ ผ้าชุดน้ำแตะลงบนผิวขาวผ่องอย่างนุ่มนวลราวกับถ้าทำแรงสักหน่อยมันจะไปบั่นทอนความงามนั้น
เฮ้อ...
สาวใช้ทั้งหมดในห้องถอนหายใจอย่างโล่งอกเพราะกว่าจะเช็ดตัวเสร็จก็กินเวลานาน แต่การที่ได้มานั่งดูคนที่สวยขนาดผู้หญิงกันเองยังใจเต้นก็คุ้มไม่เบา “แล้วเสื้อผ้าล่ะ”
ใครซักคนโพล่งขึ้นมาทำเอาทั้งหมดมองหน้ากันเลิ่กลั่ก จากนั้นกลุ่มเมดก็ตกลงกันว่าจะเอาเสื้อผ้าของแต่ละคนมาให้ใส่ ระหว่างนั้นชายหนุ่มก็ออกมาจากห้องพอดี กลิ่นสบู่หอมโชยฟุ้งราวอาบหัวน้ำหอมชั้นดีมา สายตาคมกริบจ้องประหนึ่งเสือจะตะครุบเหยื่อ
“เรียบร้อยดีไหม” ด้วยความน่ากลัวที่แผ่ออกมาทุกคนจึงได้แต่พยักหน้า เสื้อเชิ้ตสีขาวถูกโยนมาให้ “เอาไปเปลี่ยนให้เดอาที...” เย็นชาสมเป็นเจ้านาย ใครคนหนึ่งแอบสรรเสริญในใจพลางมองคุณหนูที่เดินเข้าห้องของตัวเองไป
เสื้อแขนยาวสีขาวช่วยขับเน้นความเซ็กซี่ของตัวเธอเอง ผมสีบลอนด์ทองที่เกล้าเป็นมวยถูกหวีสางแล้วจัดให้เป็นทรง เช้าวันใหม่ก้อนเมฆสีเทายังคงอยู่คู่กับกองหิมะที่ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ หน้าคฤหาสน์หลังโต พวกคนงานในบ้านที่สวมสเวตเตอร์ยังคงขะมักเขม้นกับการกวาดปุยเกล็ดน้ำแข็งให้พ้นทาง
เดอาตื่นมาในอาการสะลืมสะลือหลังจากเมื่อคืนที่หลับไปแล้วก็...เอ๊ะ ที่ข้างเตียงมีลักษณะยวบลงเล็กน้อยเพราะมีคนนั่งอยู่ดวงตาสีเขียวแกมฟ้าลึกล้ำมองมาอย่างอ่อนโยน หญิงสาวลุกพรวดทันทีเมื่อเห็นว่าเป็นใคร “ไบรอัน!!!”
“ก็ใช่น่ะสิหล่อขนาดนี้เธอคิดว่าเป็นใครล่ะ” คนพูดยิ้มแย้มอย่างอารมณ์ดี เมื่อเห็นสีหน้าอยากได้ข้อมูลประกอบเขาก็ชิงอธิบายทันที “ที่นี่บ้านฉันเอง เอาล่ะลงไปทานข้าวกัน”
“เดี๋ยวก่อน” ชายหนุ่มหันมาแล้วร้องหืม “ฉะ ฉันยังไม่ได้แต่งหน้าจะไปมหา’ลัยยังไง ละ แล้วรถล่ะ เสื้อผ้าด้วย”
“อ๋อ เธอไปอาบน้ำก่อนสิฉันจะให้เมดเตรียมให้ ผ้าเช็ดตัวอยู่ในตู้จะใช้อะไรก็หยิบเอาตามใจคิดซะว่าเป็นบ้านของตัวเองตอนนี้ยังหกโมงเช้าอยู่เลย” เธอพยักหน้ารับรู้แล้วเดินเข้าห้องน้ำไป พออาบน้ำเสร็จหญิงสาวก็พบว่าที่เตียงมีชุดนักศึกษาวางไว้แล้ว และพอถามหาเครื่องสำอางกับคุณเมด
“ไม่มีเจ้าค่ะ” น้ำเสียงนั้นดูอ่อนอกอ่อนใจ “คุณหนูไบรอันบอกว่าไม่ให้แต่งเจ้าค่ะ เอาล่ะลงไปทานมื้อเช้าก่อนเถอะค่ะ” ห้องทานอาหารนั้นอยู่ชั้นล่างของปราสาท เอ๊ย! คฤหาสน์ เพราะโครงสร้างที่ซับซ้อนและของตกแต่งภายในทำให้หญิงสาวคิดถึงปราสาทที่มีเจ้าหญิงเจ้าชายขึ้นมาทันที
แสงแดดยามเช้าที่ลอดผ่านกลีบเมฆเข้ามาเล็กน้อยส่องสะท้อนความสะอาดของตัวอาคาร ตามรายทางมักมีภาพวาด หรือไม่ก็แจกันดอกไม้ประดับอยู่ และดูเหมือนดอกไม้ที่นำมาประดับแจกันทุกใบจะเป็นดอกกุหลาบสีดำ มองแล้วน่าขนลุกพิลึก เธอมารู้ทีหลังว่านอกจากตัวเธอเองเมื่ออยู่ต่อหน้าคนอื่นไบรอันจะเป็นคนเงียบขรึมเย็นชา บ้างก็ว่าเป็นแวมไพรม์
โต๊ะทรงกลมยาวถูกวางประดับใจกลางห้องโถงทรงสี่เหลี่ยม ภาพซุ้มดอกกุหลาบแน่นอนว่าเป็นสีดำด้านนอกส่องลอดหน้าต่างทรงกลมเข้ามา หิมะสีขาวที่ยังโยตัวลงมาอย่างไม่ขาดสายงดงามยิ่ง เธอละจากภาพนั้นแล้วหันมาสนใจอาหารบนโต๊ะ แต่ละเมนูนั้นเทียบชั้นได้กับอาหารจากโรงแรมหรือภัตตาคารระดับห้าดาวเพราะใช้เชฟฝีมือระดับเดียวกันทำ
ทั้งของคาวของหวานหญิงสาวชักไม่แน่ใจว่ามันคืออาหารเช้ารองท้องก่อนออกจากบ้าน จากความละเอียดประณีตราวกับผลงานศิลปะนั้นเมื่อบวกลบคูณหารเวลาที่ใช้ทำกับเวลาการตื่นนั้นคงจะเป็นอะไรที่ลำบากมาก ไบรอันซึ่งนั่งอยู่หัวโต๊ะเมื่อเห็นเดอาแล้วก็คลี่ยิ้มจนตาหยีทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้นิ่งขรึมแท้ๆ
“อรุณสวัสดิ์ เดอา” น้ำเสียงสดใสทักทาย “เธอไม่แต่งหน้าแล้วสวยมากเลยล่ะ”
“ถ้าไม่แต่งหน้าแล้วฉันจะไปเรียนยังไงมิทราบ” ไบรอันกระพริบตาถี่ๆ ก่อนเอ่ยเนิบๆ
“ก็ไปสภาพนี้นี่แหละ...”
นั่นจึงเป็นเหตให้เดอามาเรียนในสภาวะไม่แต่งหน้า ถึงทางองค์กรจะไม่ห้ามให้ไปเรียนโดยไม่ปลอมตัวก็เถอะแต่ก็ไม่แนะนำให้ทำ (เดี๋ยวป๊อบในหมู่นักศึกษาแล้วจะทำงานยากเสียเปล่าๆ) ดีที่รถของชายหนุ่มเป็นรถสปอร์ตติดฟิล์มดำทั้งคันจึงไม่มีใครเห็นตอนเลี้ยวเข้ามาแต่ตอนออกไปนี่สิ
บรรดานักศึกษา ไม่สิ! แม้แต่อาจารย์ชายหญิงก็ยังหันมามองเพราะหน้าตาที่สะสวยเข้ากับเสื้อโค้ทตัวหนาสีอ่อนส่วนเสื้อผ้าด้านในใส่เป็นสีดำเข้มตัดกับสีขาวโพลนที่อยู่ทั่วบริเวณช่วยขับเน้นเสน่ห์ดึงดูดภายในตัว มีนักเรียนหญิงที่เธอจำได้ว่าเป็นจอมเม้าท์จับกลุ่มคุยกันประมาณว่า “คนคนนั้นสวยจังเลยนะ” กับ “ใครได้ไปเป็นแฟนคงโชคดีมากๆ เลยอ่ะ” แต่ก็ไม่มีอะไรน่าห่วงคงเพราะยังไม่มีใครรู้ชื่อ
ส่วนบรรดาผู้ชายในมหาวิทยาลัยก็ผิวปากแซว ส่วนคนที่สังกัดในองค์กรก็พูดจาสองแง่สองง่ามเป็นการทักทายยามเช้า ไบรอันวิ่งตามมาแล้วเดินคู่กัน ไม่มีบทพูดใดๆ เกิดขึ้นระหว่างเดินเข้าไปที่ตึกเรียน วันนี้มีหิมะลงหนักกว่าปกติแต่ก็พอเดินได้ท้องฟ้าด้านบนเป็นสีเทาครึ้มชวนให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในโลกที่แปลกแยกออกไปพิลึก
ในเรื่องเรียนช่วงเช้าเป็นปกติสุขดีช่วงบ่ายทั้งคู่ไม่มีเรียนจึงจะกลับบ้าน ส่วนเรื่องที่ว่าจะมีใครหรืออะไรโผล่มาก็ตัดออกจากลิสต์เรื่องประหลาดไปได้เลย (มันคงไม่ประหลาดแล้วล่ะนับตั้งแต่ที่รถมอเตอร์ไซค์พังไป) ที่โรงอาหารก็ไม่มีอะไรน่าห่วงนอกจาก “เฮ้! เธอคนสวยชื่ออะไรน่ะขอเบอร์หน่อยสิ”
ไม่รู้ว่าหน้าตาของเธอตอนนี้เป็นอย่างไรแต่มันคงจะพิลึกมากแน่ๆ ส่วนไบรอันที่นั่งอยู่ข้างกันก็...เดอาแทบจะได้ยินเสียงเอ็ฟเฟกต์ประกอบการถลึงตาใส่กลุ่มนักเรียนนักศึกษาชายที่เข้ามาจีบ แต่พวกเขาหาได้สะทกสะท้านไม่ยังคงเดินหน้าจีบต่ออย่างไม่แยแสต่อสิ่งใดทั้งสิ้น
“อยากรู้เหรอ” เดอาไม่ได้พูดแต่เป็นเสียงอีกคนที่นั่งทานข้าวเที่ยงอยู่ข้างๆ เอ่ยเสียงเนิบๆ ประมาณว่าเบื่อเต็มทน ถึงสีหน้าและแววตาจะบ่งชัดว่างุนงงแต่พวกที่เข้ามารุมล้อมอยู่รอบๆ โต๊ะก็พยักหน้ารัวๆ “เธอชื่อแอนนา…”
ทันทีที่หลุดชื่อออกไปไอ้ที่ตาเป็นประกายก็เปล่งประกายด้วยความสงสัยแทนจนมีใครคนหนึ่งโพล่งขึ้น “แอนนานี่แอนนา วิลเบอร์เหรอ?”
“อือ…” จากนั้นก็ตามด้วยเสียงเฮ้ยและเครื่องหมายคำถาม (ในจินตนาการของหญิงสาว) ลอยวนอยู่เหนือศีรษะพวกนั้น เธอถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายเพราะมีคนรู้ชื่อ (ปลอม) ของเธอแล้ว แต่ถึงแม้จะปกปิดไปมันก็ไม่มีประโยชน์ …แต่ก็ยังอดเหนื่อยใจไม่ได้
ในคาบบ่ายวิชาที่เรียนมีแค่วิชาเดียวนอกนั้นก็ปล่อยว่าง... ดวงตาสีน้ำเงินเข้มไล่อ่านข้อมูลที่ดาวน์โหลดมาประกอบกับ GPS ทำให้ปีแอย์สามารถมาถึงมหาวิทยาลัยของน้องสาวได้อย่างรวดเร็ว นาฬิกาข้อมือบอกว่าเขาต้องรออีกสามสิบนาทีถึงจะเป็นวิชาว่าง ระหว่างนั้นนักศึกษาสาวที่อยู่รายรอบก็แอบมองเขาอยู่ด้วยแต่ชายหนุ่มหาสนใจไม่
“นี่...” เสียงยั่วยวนเอ่ยขัดจังหวะปีแอย์ “คุณน่ะเด็กใหม่เหรอ” เขาส่ายหน้า
“เปล่า เออ จริงสิเธอรู้จักเด็กชื่อแอนนา วิลเบอร์หรือเปล่า?” อีกคนส่ายหน้าจากนั้นก็มีสาวๆ หลายคนเข้ามารุมล้อม (จากทิศใดก็ไม่ทราบ) บ้างชมว่ารถสวย บ้างก็ชมว่าเขาหล่อหน้าตาจนถึงขั้นจีบเลยทีเดียว
“นี่คุณมาทำอะไรที่นี่เหรอ” ใครสักคนเอ่ยถาม
“มารับน้อง...” เขาเอ่ยเสียงเนิบๆ เพราะเขาเริ่มจะรำคาญผู้หญิงพวกนี้แล้ว ขณะนั้นเดอาก็กำลังเดินออกมาจากตึกเรียน เธอเห็นนักเรียนกลุ่มใหญ่ (ประกอบไปด้วยผู้หญิงแท้ 90% นอกนั้นเป็นหญิงเทียม)
“แล้วน้องของคุณอยู่ไหน?” นั่นสิ... เขากวาดตามองรอบๆ เผื่อจะเห็นน้องของตัวเองนั่นไง!
“อยู่นั่นไง...เดอา!” หญิงสาวหันขวับไปตามเสียงเรียก และเธอก็ต้องตกใจเมื่อคนตรงหน้าคือปีแอย์ ดวงตาสีเดียวกันเบิกกว้างก่อนร่างเล็กจะสาวเท้าเข้ามาทักทายตามประสาพี่น้องกัน
“แหม...เสน่ห์แรงจังนะคะคุณพี่ชาย มายังไงคะเนี่ย” แต่พอสังเกตผู้หญิงในกลุ่มรอบๆ แล้วก็เจอพวกรอสปะปนอยู่ด้วย ชายหนุ่มยิ้มตอบทำให้คนรอบกายกลายเป็นส่วนเกินไปในทันที
“นั่งเครื่องมาน่ะ เดอาก็เหมือนกันแหละ ไม่ต้องแต่งหน้าแล้วเหรอคุณน้องสาว...” ปีแอย์สวนกลับ “จะกลับยัง”
“ก็มีไอ้บ้าจากไหนก็ไม่รู้ไม่ให้หนูแต่งหน้าค่ะ” หญิงสาวแสร้งบีบเสียงให้ดูน่าสงสาร แล้วทั้งคู่ก็หลุดหัวเราะออกมาทำให้หญิงหลายๆ คนข้างกายที่เป็นส่วนเกินอยู่แล้วแปรสภาพกลายเป็นคนนอกทันที “หนูอยากกลับบ้านแล้วค่ะ”
แต่ไม่ทันได้ทำอะไรเสียงเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น (ผู้หญิงบางคนถึงกับเปลี่ยนข้างไปอยู่ฝ่ายผู้มาใหม่ทันที?) “เดอา...อ้าวรุ่นพี่!” ไอ้ประโยคสุดท้ายนี่แหละที่มันสะกิดต่อมความจำของเดอา รุ่นพี่คล้ายกับว่าคำนี้มันจะคุ้นอยู่ว่า ‘ฉันน่ะนะชอบน้องสาวของรุ่นพี่ต่างหาก’ ซึ่งอยู่ๆ ก็ผุดขึ้นมาในหัวอย่างกะทันหัน
“เออนี่พี่จะแนะนำให้รู้จักรุ่นน้อง อ้อ รู้จักกันอยู่แล้วเหรอ” ปีแอย์กำลังจะแนะนำให้น้องสาวรู้จักไบรอันแต่โดนรุ่นน้องห้ามไว้เสียก่อน รู้สิรู้ดีเลยล่ะ...หญิงสาวสวนกลับในใจ
“เดอา...ไม่สิ แอนนาเธอจะกลับกับพี่เธอเหรอ” เขาถามเดอา (ซึ่งกำลังอยู่ในสภาวะช็อก) แต่ทันทีที่ได้ยินชื่อ พวกคนนอกก็ร้องหะกันอย่างวุ่นวาย หญิงสาวพยายามดึงสติให้กลับมาอยู่ในส่วนของความเป็นจริงและพยายามทำความเข้าใจสัมพันธ์อันซับซ้อนนี้
“ฉะ ฉันจะกลับกับพี่ นะ นั่นแหละ” ไบรอันดูเศร้าลงเล็กน้อยก่อนเอ่ยประโยคที่น่าตบกะโหลกมากว่า
“การที่แฟนกันมาพลัดพรากจากกันเนี่ยน่าเศร้าเนอะ” ซึ่งแน่นอนว่าจงใจให้คนนอกได้ยิน คราวนี้เสียงแตรสังข์ (?) ดังเซ็งแซ่ไปหมด และแน่นอนเขาหาได้สนใจไม่ในทางกลับกันก็หันไปรายงานพี่ชายของเธอให้รู้กันสองคนแทน “รุ่นพี่ครับถ้าจะพาน้องสาวพี่ไปส่งที่บ้านน่ะมันไม่อันตรายไปหน่อยเหรอครับ บางทีดีไม่ดีมีคนบุกมามันจะแย่เอา ไปส่งที่บ้านผมดีกว่าครับ”
หลังจากฝ่าดงคนนอกออกมาได้ไบรอันก็ไปขึ้นรถของตัวเองขณะที่ปีแอย์จะไปส่งน้องสาวที่บ้านแฟน (ปลอมๆ) ซึ่งเป็นรุ่นน้องของเขาแต่เดอาดันอยากขับรถเขาจึงยกตำแหน่งนี้ให้น้องสาว แต่สายตาที่มองมามันเต็มไปด้วยความสงสัยเขาจึงถามออกไป “มีอะไรเหรอ” จากการจับประเด็นหลายๆ อย่างของสโตกเกอร์ปริศนาเธอก็พบคำตอบว่า
“พี่เป็นคนเขียนกระดาษพิเรนทร์ๆ กับปืนนั่นใช่มั้ยคะ?” ชายหนุ่มหันมาก่อนตอบครับทำเอาน้องสาวสุดรักเกือบหน้าทิ่มพื้น
“ก็ทำเซอไพรส์น้องสาวหน่อยมันผิดตรงไหน” น้ำเสียงอ่อยๆ ถูกส่งผ่านริมฝีปากที่ได้รูปก่อนอีกคนจะตอบกลับมาด้วยเสียงถอนหายใจแล้วความเงียบก็บังเกิด
“ไบรอันเป็นรุ่นน้องพี่ใช่มั้ยคะ” เดอาโพล่งออกไป ปีแอย์พยักหน้า “รู้ไหมเขาทำอะไรไว้”
“ก็...อุปโลกน์เอาว่าเราเป็นแฟนมันเพื่อหนีผู้หญิงที่จีบมัน” เธอกลับมาสนใจถนนต่อ ก่อนเลี้ยวรถตัดเข้าซอยด้านขวา “เห็นมันบอกว่าชอบเราด้วยเดอา...”
เอี๊ยด!...
อีกแค่ไม่กี่เซนติเมตรหากเบรกไม่ทันล่ะก็ ทั้งรถคันหน้าทั้งรถคันนี้มีหวังได้บี้แบนกลายเป็นเศษเหล็กแน่นอน แต่ไอ้ไบรอันพูดมันก็เป็นเรื่องจริง หญิงสาวสรุปในใจก่อนกลับมาสนใจชีวิตตัวเองต่อ ส่วนคุณพี่ชายก็หน้าซีดเผือดไปแล้ว “ดะ เดอาเป็นอะไรไปน่ะ”
เธอฉีกยิ้มหวานก่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงโหดเหี้ยม “เปล่าค่ะพี่...แค่เห็นกันชนรถคันหน้ามันสวยดีหนูเลยอยากเข้าดูใกล้ๆ”
กว่าจะถึงบ้านของรุ่นน้องของตัวเองปีแอย์สาบานกับตัวเองเงียบๆ ว่าจะไม่ปริปากพูดอะไรที่เกี่ยวกับรุ่นน้อง (มหาประลัยนั่น) เพราะไม่อยากโดนฆาตกรรมโดยฆาตรกรที่นั่งอยู่ข้างๆ แล้ว...
เมื่อไหร่รุ่นพี่กับเดอาจะมาถึงน้า~... ไบรอันซึ่งมาถึงคฤหาสน์เป็นชาติแล้วเขียนบันทึกไว้เช่นนั้น
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ