จำเลยสวาท
-
เขียนโดย sanny17
วันที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2558 เวลา 15.47 น.
11 ตอน
0 วิจารณ์
14.49K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2558 15.51 น. โดย เจ้าของนิยาย
11) EP5
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ“ไม่ต้องกลัว แฟนฉันเป็นตำรวจ ฉันรอดอยู่แล้ว” หญิงสาวคุยโวเพื่อความสบายใจของฝ่ายตรงข้าม หล่อนจะได้รับความไว้วางใจในตอนนี้ จำปากลัวว่าหากถูกจับได้จะโดนหักหลัง ดังนั้นการที่บอกว่าตนเองจะรอดเป็นเรื่องที่ดีที่สุด แม้ส่วนลึกในใจจะบอกว่า กฤษตฤณไม่ปล่อยหล่อนไว้แน่
“เอาของมาเถอะน่า ...ใจปลาซิวขนาดนี้จะทำการใหญ่ได้ไง”
“เร็วๆสิ เดี๋ยวมีคนมาเห็นซวยกันหมด คราวนี้ก็ตัวใครตัวมัน” เสียงหล่อนยังคงกระซิบกระซาบ เหลือบมองซ้ายขวาเห็นว่ายังไม่มีใครผ่านมาก็รีบตื๊ออีกฝ่ายจนได้สิ่งที่ต้องการ
ของในมือเป็นซองซิปล็อคใสขนาดเล็กจนทำให้เห็นเม็ดแป้งกลมหนึ่งเม็ดข้างใน นัยน์ตาคู่หวานที่ยามอารมณ์ดีนั้นแสนแก่นเซี้ยวเพ่งมองอย่างคิดนัก ถอนหายใจระบายความอัดอั้น แต่เมื่อนึกเห็นแสงปลายอุโมงค์ข้างหน้าก็นึกมีกำลังใจ อีกไม่นานก็จะได้บรรลุมากกว่าขั้นนี้ ไม่ต้องหลบๆ ซ่อนๆ กลัวใครเจออีกเพราะต่อไปจะบุกเดี่ยวลุยเอง ไม่นัดมาคุยลับๆ ล่อๆ กับจำปาอีกแล้ว พอทุกอย่างเสร็จสมบูรณ์มากกว่านี้ อะไรก็จะดำเนินการได้ง่าย ใครบอกเป็นผู้หญิงไว้ใจให้ทำงานใหญ่ไม่ได้ล่ะ ที่ไหนได้ผู้หญิงตัวเล็กอย่างเราสามารถทำเรื่องแบบนี้ได้แนบเนียน เท่ห์ชะมัด... นึกครึ้มอยู่ในใจก็ได้เวลากลับเข้าบ้านไปเตรียมตัวบุกในวันพรุ่งนี้ ซองยาในมือถูกกำแน่นก่อนจะเกี่ยวข้อแขนรั้งไว้กับผนังกำแพง ถีบเท้าส่งตัวขึ้นไป แต่ความสูงของคนปีนกับกำแพงไม่อำนวย เลยทำให้ต้องปีนในท่าที่ยกตัวขึ้นเกาะ แล้ววาดลำขาเกี่ยวขอบกำแพงส่งตัวขึ้นไปนอนคร่อมอยู่อย่างนั้น พอได้จังหวะก็ดึงขาที่อยู่อีกฟากให้ห้อยลงมาอีกฝั่งก่อนจะทิ้งตัวลงสู่พื้นหญ้านุ่มนิ่มหลังบ้าน
"ฮึบ!" ถึงดินได้ก็ปัดมือเช็คของในซองไม่บุบสลาย ก็เตรียมหันหลังวิ่งเข้าบ้าน หากแต่ยังไม่ทันออกแรงวิ่งดี แค่ขาก้าวพลิกตัวไปด้านหลัง กำแพงหินแข็งปึกฟาดเข้ากับหน้าผากจนต้องผงะถอย หน้านวลแดงลออเพราะเพิ่งผ่านเรื่องที่ทำให้ความดันสูงเมื่อสักครู่ค่อยๆ แปรเปลี่ยนจนกลายเป็นสีเกือบซีด
"พี่โก้!!!" แม้สติจะแทบหลุดไปแล้วที่เห็นคนที่ไม่ควรเห็นยืนอยู่ตรงหน้า หากทว่าหล่อนกลับรีบฟื้นตัว ชักมือเอาของที่เพิ่งได้มาไปเหน็บไว้กับหลังเอวกางเกงอย่างพยายามแนบเนียนที่สุด
"หนะ... ไหนว่าไปโรงพัก" โรคติดอ่างก็ดันเข้ามาแทรกไม่รู้เวลา ยิ่งส่อพิรุธไปกันใหญ่สิ บ้าไปแล้วหรือ ตั้งสติกว่านี้หน่อย ว่าก็หยิกแขนตัวเองเข้าอย่างจัง
"ก็ไปแล้ว กลับมาแล้ว ...แล้วผิงไปไหนมา ทำไมปีนกำแพงไป" ไม่รอช้า เขาเข้าประเด็นด้วยน้ำเสียงเหมือนไม่รู้อะไร หล่อนยิ้มตอบเขา
"ไป ...วิ่งเล่นหลังซอยมา แดดร้อนเลยกลับทางนี้ ขี้เกียจอ้อมไปหน้าบ้าน" เขาพยักหน้าขึ้นลงช้าๆ ไม่โวยอะไร คนแอบปีนบ้านก็ยิ้มจนหน้าบานตอบ ทว่าเพียงครู่เดียวที่สบประมาทเขา กฤษตฤณไม่ได้มีแววตาว่าเชื่อคำตอบส่งๆ จากร่างบางชุ่มเหงื่อตรงหน้าเลยสักนิด เขายังซักต่อ
"อะไรอยู่ข้างหลังเมื่อกี้" ว่าพรางกอดอกชี้นิ้วไปหา ถูกเขาจับได้ว่ามีของก็หน้าซีดเหลือสองนิ้ว แต่ใครจะรับง่ายๆ หล่อนสายหัวพรืดใหญ่ขึ้นเสียงว่าเขา
"ไม่มี๊ มีอะไรที่ไหนล่ะพี่โก้นี่แก่แล้วตาฝาด ว่าแต่มายืนทำอะไรตรงนี้ ร้อนก็ร้อน เข้าบ้านดีกว่าเนอะ" หล่อนรีบเปลี่ยนเรื่องทั้งยังดึงเสื้อเขา เดินลากเท้าในแนวเอียงไม่ให้เขาแอบเห็นข้างหลัง แต่กฤษตฤณกลับยืนนิ่งอยู่กับที่ไม่ขยับไปไหน อารมณ์กลัวถูกจับได้ยิ่งทำให้ลนจนสมองเบลอ
"เมื่อกี้พี่เห็นอะไรอยู่ข้างหลัง..." กฤษตฤณขมวดคิ้ว ยืนนิ่ง กอดอก ท่าทางกำลังจับผิดชัดๆ เพลงพิณแทบลมจับแต่ทว่า "ไม่ใช่ลูกหมาหรอ เห็นแวบๆ อยู่ข้างหลังผิงเมื่อกี้" ประโยคสร้างความงุนงงทำให้ความสนใจของหล่อนเปลี่ยนทันที
...ลูกหมาที่ไหนวะ
"ฮะ?" หญิงสาวหันขวับไปดูข้างหลังตามที่เขาสงสัย รู้ตัวอีกทีก็หลงกล กฤษตฤณหลอกให้หันหลังเพื่อจะดึงของที่เหน็บอยู่ที่เอวกางเกงขึ้นมาพินิจพิจารณา สีหน้ายุ่งที่เกิดขึ้นจริงไม่ได้แสดงทำให้คนถูกหลอกรู้สึกเหมือนโดนสตาฟทิ้งไว้ให้แข็งทื่อรอรับกรรม แววตาของเขาแปรเปลี่ยนเป็นวาวโรจน์จนน่าขนลุก ไม่มีท่าทีใดอีกที่แจ้งให้รู้ว่าเขากำลังอยู่ในอารมณ์ไหน และท่าทางสุขุมเกินปกติทำให้หัวใจที่กลับไปเต้นเป็นปกติ แทบจะหยุดสูบฉีดเลือดทันทีแค่แววตาและท่าทางนิ่งงันนั้น
"ไปกับพี่" เขาคว้ามือหล่อนรวดเร็ว จนต้องจิกเท้ากับพื้นรั้งเขาเอาไว้
"พี่โก้จะพาผิงไปไหน" เห็นเขากำของที่เพิ่งได้มาในมือแน่นก็หวาดระแวงหนัก ซวยของแท้ ไอ้ผิงตายแน่งานนี้
"ไปคุยกัน ให้ผู้ใหญ่รับรู้" เขาพูดจบแค่นั้นก็ถูกสะบัดจนมือที่กุมลำแขนเล็กเอาไว้หลุดออก
"ไม่เอา พี่โก้ ไม่ไป คุยกันแค่สองคนก่อน นะ..." จะบ้าหรือยังไง เรื่องแบบนี้ให้ป๊ากับแม่รู้มีหวังช็อคตายก่อนลูกแต่งแน่ ร่างสูงโปร่งเต็มไปด้วยมัดกล้ามสูดหายใจเข้าอย่างแรง เอะใจไว้อยู่แล้วว่าต้องมาแนวนี้ ผอมโทรม ขอบตาดำ แก้มตอบ ขี้โมโห ...เพลงพิณกำลังทำให้เขาไม่เป็นผู้ใหญ่ด้วยความรู้สึกอยากกระชากมาเขย่าให้หัวสั่นแล้วตะโกนใส่เธอดังๆ ด้วยความอึดอัดใจ
“อย่า มา เยอะ” น้ำเสียงชัดถ้อยชัดคำจนนึกกลัวใจ ครั้งนี้ยอมรับว่าเขาดูน่ากลัวกว่าที่ผ่านมาจริงๆ หน้าาตาดุดันน่ากลัว คำพูดไร้ปลายเสียงสุภาพก็ยังดูน่ากลัว ลมหายใจของเขาเข้าออกหนักหน่วงทั้งยังจ้องหน้าตาเขม็ง
“พี่โก้ขา ...อย่าเพิ่งโมโหเลยนะคะ มันไม่มีอะไรหรอก นะ เชื่อผิง”
“แล้วในมือพี่นี่คืออะไร” ของที่เพิ่งได้รับมาสดๆ ร้อนๆ ถูกชูขึ้นตรงหน้า อีกนิดเดียวก็จะเข้าเขตปลอดภัยแล้วแท้ๆ ทำไมเขาต้องมาเจอตอนนี้ด้วยนะ
“โถ่ ...แค่ยาพาราเนี่ยนะ ต้องโมโหอะไรขนาดนั้น” ว่าจบก็ขมวดคิ้วตีหน้าไม่เข้าใจอาการเดือดปุดๆ ของคนหน้ายักษ์
“ไม่ตลก”
“ก็ใครว่ามันตลกล่ะคะ” เพลงพิณเข้าคลอเคลียกับลำแขนล่ำๆ ใช้แก้มใสถูไปมาอย่างออดอ้อนให้เขาใจเย็น แต่เขากลับเข้าใจไปว่าหล่อนยังแถไถไปได้ไม่หยุด ไร้สำนึกและไม่มีความเกรงกลัวเขาเลยสักนิด นั่นยิ่งทำให้รู้สึกว่ามันน่าโมโห เวลานี้สมควรจะคุยกันแบบผู้ใหญ่มากกว่ามาเล่นกันไปมาแบบเด็ก ซึ่งหล่อนไม่เคยใส่ใจที่จะทำมันเลย ความไม่พอใจกัดกินความรู้สึกไปมากกว่าครึ่ง ใจที่เคยเยือกเย็นดั่งหินผาคล้ายจะถูกจุดให้เดือดเป็นลาวาเพราะท่าทีที่ไม่สนใจความผิดของตัวเอง กฤษตฤณเลิกพูดเล่นหัวกับหล่อนเพราะมันเสียเวลา ข้อมือหนาจับปัดแขนเล็กที่เกาะตนอยู่ออก คว้าเอาไว้มั่นในกำมือลากให้เดินตามอย่างไม่ปรานี
“พี่โก้ พี่โก้ จะไปไหน ปล่อยผิงก่อน” เดาใจเขาไม่ถูก จู่ๆ ก็ลากให้วิ่งตามขายาวๆ ที่สาวเอาๆ ใครจะรู้ว่ากฤษตฤณโมโหได้น่ากลัวขนาดนี้ ยิ่งไม่รู้จุดหมายที่เขาจะพาไปก็ยิ่งตาลีตาเหลือก หากเขาพาหล่อนไปโยนต่อหน้าบุพการีแล้วแสกกลางหน้าผากด้วยของในกำมือเขา งานนี้เละเป็นโจ๊กแน่
แต่เขาก็ยังใจดี เห็นใจแรงขัดขืนที่ยันเท้าเอาไว้กับก้อนหินใหญ่ประดับสวนหันมามองหน้าคนเจ้าเรื่อง อย่างไม่สบอารมณ์ใดๆ ทั้งสิ้น ตอนนี้เขารู้สึกพร้อมจะระเบิด เพราะการลีลาของคนผิดไม่รู้สำนึกอย่างหล่อน มือที่ตรึงเอาไว้ยังกระชับแน่นตามอารมณ์ แต่เจ้าหล่อนก็ไม่ร้องสักแอะ
“ไปคุยกับผู้ใหญ่ให้รู้เรื่องไป เด็กดื้ออย่างเธอพี่กลัวจะอดใจไม่ได้” กฤษตฤณรู้ตัว เขาไม่ได้เป็นคนหวานๆ อ่อนโยน และใจเย็นอย่างที่อยู่ด้วยกันสองคน เป็นเพราะคนตรงหน้าคือคนที่เขาเลือกแล้วว่าจะให้เป็นศรีของชีวิต จึงเลือกปฏิบัติกับเธออย่างดีที่สุด เพราะที่จริงแล้ว ผู้หมวดหนุ่มไม่ใช่คนใจดีและอารมณ์ดั่งสายน้ำขนาดนั้น ยิ่งเวลาที่ถูกกวนสติเข้าอย่างนี้ แทบจะอวตารอีกร่างมาฉะกับเจ้าหล่อนให้รู้แล้วรู้เรื่องไปซะเลย
เขาตีหน้าดุจนแปลกใจ และรับมือไม่ถูก แต่การที่เขาพูดว่าจะอดใจไม่ได้นั้นกลับทำให้อารมณ์จะอ้อนวอนขอให้เขาใจร่มๆ หายไปจนสิ้น รู้ทั้งรู้ว่าทำเขาโกรธ แต่ก็ไม่น่าจะฟิวส์ขนาดอะไรขนาดนั้น ใบหน้านวลแดงเริ่มขมวดคิ้วตามเขาเช่นกัน
“อย่ามาพูดแบบนี้กับผิงนะ”
“หยุดเรียกร้องอะไรตอนนี้ เพลงพิณ พี่ไม่ได้มีอารมณ์มาจ๊ะจ๋าด้วย” เขายังไม่เลิกทำหน้ามารใส่ และวิสัยคนดื้อรั้นก็ไม่ชอบใจเหมือนกัน ที่เขาเลือกมาใช้หมวดอารมณ์นี้กับเธอ กับคนอื่นเขาจะทำตัวยังไงหล่อนไม่สนหรอก แต่คนที่เคยน่ารัก อ่อนโยน และยอมให้เสมอก็ไม่น่าจะมาเปลี่ยนไปปุบปับขนาดนี้ ตอนนี้เพลงพิณลืมเรื่องที่ได้ทำงามหน้าเอาไว้ และหันไปสนใจคำพูดที่ไร้ความเป็นกฤษตฤณคู่หมั้นของตนทันที เพลงพิณส่ายหน้าอย่างไม่เข้าใจ และไม่พอใจ
“พี่โก้อย่ามาทำแบบนี้กับผิงนะ ผิงไม่ชอบ”
“พี่ต่างหากที่ควรเป็นคนพูดคำนั้น ว่าผิงอย่ามาทำแบบนี้กับพี่!” เขาเขย่าข้อมือที่กำไว้จนเพลงพิณแขนสั่น และอารมณ์ก็สั่นตามกันไปด้วย
“พี่โก้!! ใครใช้ให้ดุผิง!” เพลงพิณใช้มือข้างที่ว่างอยู่ชี้หน้าเขา และไม่นานก็ถูกเขาจับข้อมือไว้ทั้งสองข้างอย่างแน่นจนขึ้นรอยนิ้ว พอใจ
“หยุด ...ทำนิสัยแบบนี้ซะ เพราะตอนนี้เธอแทบไม่มีสิทธิมาโวยวายกับพี่แบบนี้เลยด้วยซ้ำ ไปคุยกับพ่อแม่ให้รู้เรื่อง” กฤษตฤณออกแรงดึงมือ ตั้งใจจะพาตัวปัญหาไปเจรจา พูดคุยกับเถ้าแก่เลิศ แม่พุดซ้อน เชื่อว่าพ่อตาแม่ยายไม่รู้แน่ๆ ว่าลูกสาวกำลังทำอะไรอยู่ แต่แรงรั้งข้างหลังทำให้เขาต้องหันกลับไปถอนหายใจ เพลงพิญยังไม่ยอมดีๆ แม้เขาแทบจะจับหล่อนขึ้นบ่าแล้วฟาดก้นแรงๆ ให้หนำใจ
“ก็ผิงบอกว่าไม่ไปไง...” เสียงที่ยังคงไม่พอใจก้องกังวานพร้อมกับหน้าหวานแสบซนที่ไม่มีท่าทีใดว่าจะยอมง่ายๆ
“คนทำผิดไม่มีสิทธิ์ต่อรอง”
ช่ายยยยย คนทำผิดไม่มีิสิทธิ์ต่อรองเน้อออ
ไปหลอกตำรวจว่าเป็นยาพารา นางก็คิดของนางได้
หายหัวไปนานคิดถึงพี่โก้กันม้อยยย เกือบไม่ได้มาอัพอีกแล้ววันนี้
กว่าจะว่างมานั่งเกาบทเพิ่ม ญาติเกิดอุบัติเหตุต้องไปเจรจากับผู้หมวดสืบสวนอีกยาวไปๆ นึกว่าจะกลับมาไม่ทันเสียแล้ว
อิอิ ชีวิตช่วงนี้พัวพันกับตำรวจดีจังเลยเรา
“เอาของมาเถอะน่า ...ใจปลาซิวขนาดนี้จะทำการใหญ่ได้ไง”
“เร็วๆสิ เดี๋ยวมีคนมาเห็นซวยกันหมด คราวนี้ก็ตัวใครตัวมัน” เสียงหล่อนยังคงกระซิบกระซาบ เหลือบมองซ้ายขวาเห็นว่ายังไม่มีใครผ่านมาก็รีบตื๊ออีกฝ่ายจนได้สิ่งที่ต้องการ
ของในมือเป็นซองซิปล็อคใสขนาดเล็กจนทำให้เห็นเม็ดแป้งกลมหนึ่งเม็ดข้างใน นัยน์ตาคู่หวานที่ยามอารมณ์ดีนั้นแสนแก่นเซี้ยวเพ่งมองอย่างคิดนัก ถอนหายใจระบายความอัดอั้น แต่เมื่อนึกเห็นแสงปลายอุโมงค์ข้างหน้าก็นึกมีกำลังใจ อีกไม่นานก็จะได้บรรลุมากกว่าขั้นนี้ ไม่ต้องหลบๆ ซ่อนๆ กลัวใครเจออีกเพราะต่อไปจะบุกเดี่ยวลุยเอง ไม่นัดมาคุยลับๆ ล่อๆ กับจำปาอีกแล้ว พอทุกอย่างเสร็จสมบูรณ์มากกว่านี้ อะไรก็จะดำเนินการได้ง่าย ใครบอกเป็นผู้หญิงไว้ใจให้ทำงานใหญ่ไม่ได้ล่ะ ที่ไหนได้ผู้หญิงตัวเล็กอย่างเราสามารถทำเรื่องแบบนี้ได้แนบเนียน เท่ห์ชะมัด... นึกครึ้มอยู่ในใจก็ได้เวลากลับเข้าบ้านไปเตรียมตัวบุกในวันพรุ่งนี้ ซองยาในมือถูกกำแน่นก่อนจะเกี่ยวข้อแขนรั้งไว้กับผนังกำแพง ถีบเท้าส่งตัวขึ้นไป แต่ความสูงของคนปีนกับกำแพงไม่อำนวย เลยทำให้ต้องปีนในท่าที่ยกตัวขึ้นเกาะ แล้ววาดลำขาเกี่ยวขอบกำแพงส่งตัวขึ้นไปนอนคร่อมอยู่อย่างนั้น พอได้จังหวะก็ดึงขาที่อยู่อีกฟากให้ห้อยลงมาอีกฝั่งก่อนจะทิ้งตัวลงสู่พื้นหญ้านุ่มนิ่มหลังบ้าน
"ฮึบ!" ถึงดินได้ก็ปัดมือเช็คของในซองไม่บุบสลาย ก็เตรียมหันหลังวิ่งเข้าบ้าน หากแต่ยังไม่ทันออกแรงวิ่งดี แค่ขาก้าวพลิกตัวไปด้านหลัง กำแพงหินแข็งปึกฟาดเข้ากับหน้าผากจนต้องผงะถอย หน้านวลแดงลออเพราะเพิ่งผ่านเรื่องที่ทำให้ความดันสูงเมื่อสักครู่ค่อยๆ แปรเปลี่ยนจนกลายเป็นสีเกือบซีด
"พี่โก้!!!" แม้สติจะแทบหลุดไปแล้วที่เห็นคนที่ไม่ควรเห็นยืนอยู่ตรงหน้า หากทว่าหล่อนกลับรีบฟื้นตัว ชักมือเอาของที่เพิ่งได้มาไปเหน็บไว้กับหลังเอวกางเกงอย่างพยายามแนบเนียนที่สุด
"หนะ... ไหนว่าไปโรงพัก" โรคติดอ่างก็ดันเข้ามาแทรกไม่รู้เวลา ยิ่งส่อพิรุธไปกันใหญ่สิ บ้าไปแล้วหรือ ตั้งสติกว่านี้หน่อย ว่าก็หยิกแขนตัวเองเข้าอย่างจัง
"ก็ไปแล้ว กลับมาแล้ว ...แล้วผิงไปไหนมา ทำไมปีนกำแพงไป" ไม่รอช้า เขาเข้าประเด็นด้วยน้ำเสียงเหมือนไม่รู้อะไร หล่อนยิ้มตอบเขา
"ไป ...วิ่งเล่นหลังซอยมา แดดร้อนเลยกลับทางนี้ ขี้เกียจอ้อมไปหน้าบ้าน" เขาพยักหน้าขึ้นลงช้าๆ ไม่โวยอะไร คนแอบปีนบ้านก็ยิ้มจนหน้าบานตอบ ทว่าเพียงครู่เดียวที่สบประมาทเขา กฤษตฤณไม่ได้มีแววตาว่าเชื่อคำตอบส่งๆ จากร่างบางชุ่มเหงื่อตรงหน้าเลยสักนิด เขายังซักต่อ
"อะไรอยู่ข้างหลังเมื่อกี้" ว่าพรางกอดอกชี้นิ้วไปหา ถูกเขาจับได้ว่ามีของก็หน้าซีดเหลือสองนิ้ว แต่ใครจะรับง่ายๆ หล่อนสายหัวพรืดใหญ่ขึ้นเสียงว่าเขา
"ไม่มี๊ มีอะไรที่ไหนล่ะพี่โก้นี่แก่แล้วตาฝาด ว่าแต่มายืนทำอะไรตรงนี้ ร้อนก็ร้อน เข้าบ้านดีกว่าเนอะ" หล่อนรีบเปลี่ยนเรื่องทั้งยังดึงเสื้อเขา เดินลากเท้าในแนวเอียงไม่ให้เขาแอบเห็นข้างหลัง แต่กฤษตฤณกลับยืนนิ่งอยู่กับที่ไม่ขยับไปไหน อารมณ์กลัวถูกจับได้ยิ่งทำให้ลนจนสมองเบลอ
"เมื่อกี้พี่เห็นอะไรอยู่ข้างหลัง..." กฤษตฤณขมวดคิ้ว ยืนนิ่ง กอดอก ท่าทางกำลังจับผิดชัดๆ เพลงพิณแทบลมจับแต่ทว่า "ไม่ใช่ลูกหมาหรอ เห็นแวบๆ อยู่ข้างหลังผิงเมื่อกี้" ประโยคสร้างความงุนงงทำให้ความสนใจของหล่อนเปลี่ยนทันที
...ลูกหมาที่ไหนวะ
"ฮะ?" หญิงสาวหันขวับไปดูข้างหลังตามที่เขาสงสัย รู้ตัวอีกทีก็หลงกล กฤษตฤณหลอกให้หันหลังเพื่อจะดึงของที่เหน็บอยู่ที่เอวกางเกงขึ้นมาพินิจพิจารณา สีหน้ายุ่งที่เกิดขึ้นจริงไม่ได้แสดงทำให้คนถูกหลอกรู้สึกเหมือนโดนสตาฟทิ้งไว้ให้แข็งทื่อรอรับกรรม แววตาของเขาแปรเปลี่ยนเป็นวาวโรจน์จนน่าขนลุก ไม่มีท่าทีใดอีกที่แจ้งให้รู้ว่าเขากำลังอยู่ในอารมณ์ไหน และท่าทางสุขุมเกินปกติทำให้หัวใจที่กลับไปเต้นเป็นปกติ แทบจะหยุดสูบฉีดเลือดทันทีแค่แววตาและท่าทางนิ่งงันนั้น
"ไปกับพี่" เขาคว้ามือหล่อนรวดเร็ว จนต้องจิกเท้ากับพื้นรั้งเขาเอาไว้
"พี่โก้จะพาผิงไปไหน" เห็นเขากำของที่เพิ่งได้มาในมือแน่นก็หวาดระแวงหนัก ซวยของแท้ ไอ้ผิงตายแน่งานนี้
"ไปคุยกัน ให้ผู้ใหญ่รับรู้" เขาพูดจบแค่นั้นก็ถูกสะบัดจนมือที่กุมลำแขนเล็กเอาไว้หลุดออก
"ไม่เอา พี่โก้ ไม่ไป คุยกันแค่สองคนก่อน นะ..." จะบ้าหรือยังไง เรื่องแบบนี้ให้ป๊ากับแม่รู้มีหวังช็อคตายก่อนลูกแต่งแน่ ร่างสูงโปร่งเต็มไปด้วยมัดกล้ามสูดหายใจเข้าอย่างแรง เอะใจไว้อยู่แล้วว่าต้องมาแนวนี้ ผอมโทรม ขอบตาดำ แก้มตอบ ขี้โมโห ...เพลงพิณกำลังทำให้เขาไม่เป็นผู้ใหญ่ด้วยความรู้สึกอยากกระชากมาเขย่าให้หัวสั่นแล้วตะโกนใส่เธอดังๆ ด้วยความอึดอัดใจ
“อย่า มา เยอะ” น้ำเสียงชัดถ้อยชัดคำจนนึกกลัวใจ ครั้งนี้ยอมรับว่าเขาดูน่ากลัวกว่าที่ผ่านมาจริงๆ หน้าาตาดุดันน่ากลัว คำพูดไร้ปลายเสียงสุภาพก็ยังดูน่ากลัว ลมหายใจของเขาเข้าออกหนักหน่วงทั้งยังจ้องหน้าตาเขม็ง
“พี่โก้ขา ...อย่าเพิ่งโมโหเลยนะคะ มันไม่มีอะไรหรอก นะ เชื่อผิง”
“แล้วในมือพี่นี่คืออะไร” ของที่เพิ่งได้รับมาสดๆ ร้อนๆ ถูกชูขึ้นตรงหน้า อีกนิดเดียวก็จะเข้าเขตปลอดภัยแล้วแท้ๆ ทำไมเขาต้องมาเจอตอนนี้ด้วยนะ
“โถ่ ...แค่ยาพาราเนี่ยนะ ต้องโมโหอะไรขนาดนั้น” ว่าจบก็ขมวดคิ้วตีหน้าไม่เข้าใจอาการเดือดปุดๆ ของคนหน้ายักษ์
“ไม่ตลก”
“ก็ใครว่ามันตลกล่ะคะ” เพลงพิณเข้าคลอเคลียกับลำแขนล่ำๆ ใช้แก้มใสถูไปมาอย่างออดอ้อนให้เขาใจเย็น แต่เขากลับเข้าใจไปว่าหล่อนยังแถไถไปได้ไม่หยุด ไร้สำนึกและไม่มีความเกรงกลัวเขาเลยสักนิด นั่นยิ่งทำให้รู้สึกว่ามันน่าโมโห เวลานี้สมควรจะคุยกันแบบผู้ใหญ่มากกว่ามาเล่นกันไปมาแบบเด็ก ซึ่งหล่อนไม่เคยใส่ใจที่จะทำมันเลย ความไม่พอใจกัดกินความรู้สึกไปมากกว่าครึ่ง ใจที่เคยเยือกเย็นดั่งหินผาคล้ายจะถูกจุดให้เดือดเป็นลาวาเพราะท่าทีที่ไม่สนใจความผิดของตัวเอง กฤษตฤณเลิกพูดเล่นหัวกับหล่อนเพราะมันเสียเวลา ข้อมือหนาจับปัดแขนเล็กที่เกาะตนอยู่ออก คว้าเอาไว้มั่นในกำมือลากให้เดินตามอย่างไม่ปรานี
“พี่โก้ พี่โก้ จะไปไหน ปล่อยผิงก่อน” เดาใจเขาไม่ถูก จู่ๆ ก็ลากให้วิ่งตามขายาวๆ ที่สาวเอาๆ ใครจะรู้ว่ากฤษตฤณโมโหได้น่ากลัวขนาดนี้ ยิ่งไม่รู้จุดหมายที่เขาจะพาไปก็ยิ่งตาลีตาเหลือก หากเขาพาหล่อนไปโยนต่อหน้าบุพการีแล้วแสกกลางหน้าผากด้วยของในกำมือเขา งานนี้เละเป็นโจ๊กแน่
แต่เขาก็ยังใจดี เห็นใจแรงขัดขืนที่ยันเท้าเอาไว้กับก้อนหินใหญ่ประดับสวนหันมามองหน้าคนเจ้าเรื่อง อย่างไม่สบอารมณ์ใดๆ ทั้งสิ้น ตอนนี้เขารู้สึกพร้อมจะระเบิด เพราะการลีลาของคนผิดไม่รู้สำนึกอย่างหล่อน มือที่ตรึงเอาไว้ยังกระชับแน่นตามอารมณ์ แต่เจ้าหล่อนก็ไม่ร้องสักแอะ
“ไปคุยกับผู้ใหญ่ให้รู้เรื่องไป เด็กดื้ออย่างเธอพี่กลัวจะอดใจไม่ได้” กฤษตฤณรู้ตัว เขาไม่ได้เป็นคนหวานๆ อ่อนโยน และใจเย็นอย่างที่อยู่ด้วยกันสองคน เป็นเพราะคนตรงหน้าคือคนที่เขาเลือกแล้วว่าจะให้เป็นศรีของชีวิต จึงเลือกปฏิบัติกับเธออย่างดีที่สุด เพราะที่จริงแล้ว ผู้หมวดหนุ่มไม่ใช่คนใจดีและอารมณ์ดั่งสายน้ำขนาดนั้น ยิ่งเวลาที่ถูกกวนสติเข้าอย่างนี้ แทบจะอวตารอีกร่างมาฉะกับเจ้าหล่อนให้รู้แล้วรู้เรื่องไปซะเลย
เขาตีหน้าดุจนแปลกใจ และรับมือไม่ถูก แต่การที่เขาพูดว่าจะอดใจไม่ได้นั้นกลับทำให้อารมณ์จะอ้อนวอนขอให้เขาใจร่มๆ หายไปจนสิ้น รู้ทั้งรู้ว่าทำเขาโกรธ แต่ก็ไม่น่าจะฟิวส์ขนาดอะไรขนาดนั้น ใบหน้านวลแดงเริ่มขมวดคิ้วตามเขาเช่นกัน
“อย่ามาพูดแบบนี้กับผิงนะ”
“หยุดเรียกร้องอะไรตอนนี้ เพลงพิณ พี่ไม่ได้มีอารมณ์มาจ๊ะจ๋าด้วย” เขายังไม่เลิกทำหน้ามารใส่ และวิสัยคนดื้อรั้นก็ไม่ชอบใจเหมือนกัน ที่เขาเลือกมาใช้หมวดอารมณ์นี้กับเธอ กับคนอื่นเขาจะทำตัวยังไงหล่อนไม่สนหรอก แต่คนที่เคยน่ารัก อ่อนโยน และยอมให้เสมอก็ไม่น่าจะมาเปลี่ยนไปปุบปับขนาดนี้ ตอนนี้เพลงพิณลืมเรื่องที่ได้ทำงามหน้าเอาไว้ และหันไปสนใจคำพูดที่ไร้ความเป็นกฤษตฤณคู่หมั้นของตนทันที เพลงพิณส่ายหน้าอย่างไม่เข้าใจ และไม่พอใจ
“พี่โก้อย่ามาทำแบบนี้กับผิงนะ ผิงไม่ชอบ”
“พี่ต่างหากที่ควรเป็นคนพูดคำนั้น ว่าผิงอย่ามาทำแบบนี้กับพี่!” เขาเขย่าข้อมือที่กำไว้จนเพลงพิณแขนสั่น และอารมณ์ก็สั่นตามกันไปด้วย
“พี่โก้!! ใครใช้ให้ดุผิง!” เพลงพิณใช้มือข้างที่ว่างอยู่ชี้หน้าเขา และไม่นานก็ถูกเขาจับข้อมือไว้ทั้งสองข้างอย่างแน่นจนขึ้นรอยนิ้ว พอใจ
“หยุด ...ทำนิสัยแบบนี้ซะ เพราะตอนนี้เธอแทบไม่มีสิทธิมาโวยวายกับพี่แบบนี้เลยด้วยซ้ำ ไปคุยกับพ่อแม่ให้รู้เรื่อง” กฤษตฤณออกแรงดึงมือ ตั้งใจจะพาตัวปัญหาไปเจรจา พูดคุยกับเถ้าแก่เลิศ แม่พุดซ้อน เชื่อว่าพ่อตาแม่ยายไม่รู้แน่ๆ ว่าลูกสาวกำลังทำอะไรอยู่ แต่แรงรั้งข้างหลังทำให้เขาต้องหันกลับไปถอนหายใจ เพลงพิญยังไม่ยอมดีๆ แม้เขาแทบจะจับหล่อนขึ้นบ่าแล้วฟาดก้นแรงๆ ให้หนำใจ
“ก็ผิงบอกว่าไม่ไปไง...” เสียงที่ยังคงไม่พอใจก้องกังวานพร้อมกับหน้าหวานแสบซนที่ไม่มีท่าทีใดว่าจะยอมง่ายๆ
“คนทำผิดไม่มีสิทธิ์ต่อรอง”
ช่ายยยยย คนทำผิดไม่มีิสิทธิ์ต่อรองเน้อออ
ไปหลอกตำรวจว่าเป็นยาพารา นางก็คิดของนางได้
หายหัวไปนานคิดถึงพี่โก้กันม้อยยย เกือบไม่ได้มาอัพอีกแล้ววันนี้
กว่าจะว่างมานั่งเกาบทเพิ่ม ญาติเกิดอุบัติเหตุต้องไปเจรจากับผู้หมวดสืบสวนอีกยาวไปๆ นึกว่าจะกลับมาไม่ทันเสียแล้ว
อิอิ ชีวิตช่วงนี้พัวพันกับตำรวจดีจังเลยเรา
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ