นักเขียนสาว หัวใจ บ.ก.

10.0

เขียนโดย Dashathone

วันที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2558 เวลา 23.19 น.

  10 ตอน
  1 วิจารณ์
  13.47K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2558 23.27 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

9) เปิดตัวเด็ก100%

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
บทที่ 7
แผนที่สาม...เปิดตัวเด็ก
สองวันต่อมา...
            “ผมพอใจกับพล็อตเรื่อง บทนำ และบทสรุปย่อนิยายของทุกคนมากครับ หากมีปัญหาเกี่ยวกับโปรเจ็คพิเศษนี้ พวกคุณสามารถปรึกษาผมได้ตลอดเวลา เอาล่ะเจอกันอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า” ปรารภกล่าวเสียงเรียบตามแบบฉบับผู้ชายมาดนิ่งขรึมเช่นเดิม ทว่าสิ่งที่ต่างจากทุกครั้งคือหางตากลับแอบปรายไปที่น้องเล็กสุดเพียงคนเดียวของกลุ่ม โดยที่เหล่านักเขียนทั้งสามไม่ทันสังเกตเห็นบางอย่างที่ผิดแผกออกไป เพราะเสี่ยงต่อการโดนไฟเผาทางสายตาเป็นจุณหากเงยขึ้นไปสบตาบอสหนุ่มตรงๆ
“เอาล่ะครับ ทุกคนกลับไปได้ ยกเว้น....น้องรัน!” น้ำเสียงบก.หนุ่มที่เปล่งออกมานุ่มทุ้มกว่าเดิม บวกกับสรรพนามสนิทสนมและสายตาแพรวพราวเปล่งกายจนคนฟังรู้สึกได้ เรียกความสนใจให้ลูกน้องหันไปมองเจ้านายเป็นตาเดียวกัน ก่อนจะหันวกกลับไปมองคนถูกเรียกกำลังหยุดชะงักมือที่กำลังเก็บของลงกระเป๋า หัวใจดวงน้อยในอกสาววัยยี่สิบเอ็ดสั่นสะเทือนตึกตักแปลกๆ เมื่อละมือจากเอกสารแล้วเงยหน้าขึ้นแวบสบตากับดวงตาคมเล่ห์กำลังจ้องมองอยู่แล้ว มันช่างแวววาวเจ้าเล่ห์คล้ายกับเสือร้าย....หิวกระหาย!
“น้องรัน…” ปรารภจงใจเรียกชื่อเล่นของจิดารันอีกครั้ง ยิ่งกระตุ้นให้เจ้าของชื่อหน้าร้อนผ่าวด้วยเขินอาย จังหวะหัวใจดวงน้อยเต้นกระหน่ำหนักกว่าเก่า มือบางทั้งสองข้างชื้นเหงื่อเพราะตื่นเต้น ขนอ่อนในกายลุกตั้งชัน เมื่อคนเรียกเปิดเปลือยความรู้สึกสนิทเสน่หาส่งมาตรงๆ ทำให้เธอรู้สึกคล้ายกับกำลังเปลือยกายต่อหน้าเขา ทั้งๆที่ไม่ได้ถอดเสื้อผ้าสักชิ้น และเพียงแค่...สบสายตาเร้าร้อนนั่นเท่านั้น
“.....” จิดารันไม่ขานรับ แต่เพียงยืนนิ่งตัวแข็งทื่อเลิกคิ้วเรียวสวยเป็นเชิงถามแทน หารู้ไม่ว่ายิ่งกลับเพิ่มความท้ายให้คนเรียกหาหมั่นไส้ จนอยากแกล้งให้ได้เขินอายหน้าแดงกลับกว่าเดิม
“แฟนเรียก ทำไมไม่ตอบ” เท่านั้นแหละนักเขียนอีโรติกถึงกับต้องเบิกตาค้างกว้างเท่าไข่ห่าน รู้สึกคล้ายโลกหยุดหมุนไปชั่วขณะ เขาเรียกเธอว่า ‘แฟน!!!’ แล้วเธอไปตกลงเป็นแฟนเขาตั้งแต่เมื่อไหร่! ที่สำคัญคือเธอยังไม่เคยรู้ตัวด้วยซ้ำว่าเขามาขอเธอเป็นแฟนตอนไหน ตาเฒ่าขี้ตู่!!!
“หา!!!/แฟน!!!/คุณพระ” แต่คนที่ตอบรับกลับเป็นเหล่านักเขียนทั้งหลายแทน เพราะตกใจกับสถานะความสัมพันธ์ระหว่างเจ้านายหนุ่มกับรุ่นน้องของกลุ่มที่เพิ่งรับรู้ ทั้งๆที่ครั้งก่อนปรารภยังโกรธแทบควันออกหูเพราะจิดารันเข้าประชุมสาย แต่ทำไมประชุมครั้งที่สองทั้งสองคนถึงกลายมาเป็น...แฟนกันได้ ระยะเวลาแค่อาทิตย์เดียวเนี๊ยะนะ!!!
“เอาล่ะ ผมขอพาแฟนไปกินข้าวก่อนนะครับ” จบประโยค ปรารภสาวเท้าเข้ามาประชิดร่างบางของคนที่กำลังอึ้งงงกับสถานะใหม่ ก่อนจะจับจูงมือเล็กกระตุกให้เดินตามออกจากห้องประชุมพร้อมกันทันที ท่ามกลางสายตาสงสัยใคร่รู้ของเหล่านักเขียนรุ่นพี่ทั้งสาม ซึ่งกำลังมองมาที่เธอเป็นตาเดียวกัน
“เดี๋ยวค่ะเดี๋ยว บก.จะพารันไปไหนคะ และที่สำคัญคือเรายังไม่ได้เป็นแฟนกัน!!!” จิดารันพยายามขืนตัวเองแล้วเปิดปากถามทันที เธอพยายามครุ่นคิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออกว่าเขามาขอเธอเป็นแฟนตั้งเมื่อไหร่...
“นี่มันเลยเที่ยงแล้ว พี่หิวมาก ส่วนเรื่องเป็นแฟนกันก็...เพิ่งตัดสินใจเมื่อกี้นี้เอง” ความจริงเขาตัดสินใจได้ตั้งแต่เมื่อคืนแล้วล่ะ ว่าควรเริ่มจัดการอะไรให้ชัดเจนเสียที ยิ่งปล่อยเวลาไว้นานเท่าไหร่ก็ยิ่งแก่ตัวลงเท่านั้น กลัวว่าถึงเวลานั้นแล้วจะแก่จนกว่าวิ่งตามลูกไม่ทัน เฮ้อ...แก่แล้วหรือเรา
“บ้า!!!” ตาแก่บ้าบอ พูดมาได้ยังไงว่าเพิ่งตัดสินใจ เนี้ยะนะคนที่จะมาเป็นแฟนเธอ!!!
“แค่อยากมีแฟนเด็กกว่า บ้าตรงไหน”
“ก็ตรง...เอ่อ” ใครจะกล้าพูดกันเล่าว่าเธอต้องการอะไร หน้านวลของคนร่างบางเริ่มร้อนผ่าวขึ้นมา
“ครับ?” ปรารภทำหน้าอยากรู้ว่าหญิงสาวจะกล้าบอกความต้องการของตัวเองหรือไม่
“ก็ยังไม่เคยขอเป็นแฟนไงเล่า!!! ตาแก่” จบประโยค คนรอฟังก็ยิ้มกว้างขวางราวกับถูกใจนักหนาที่ได้รู้ว่าตัวเองต้องทำอะไร หารู้ไม่ว่าส่งผลให้คนมองตาพร่าเพราะยิ้มเจ้าเสน่ห์ แถมหัวใจดวงน้อยๆยังเต้นกระหน่ำเป็นสองเท่าอีก
“งั้นก็....เป็นแฟนกันนะ”
“ง่ายไปนะคะ”
“โธ่ น้องรันจะให้เกียรติเป็นแฟนกับพี่ปราภได้ไหมครับ”
“โธ่ น้องรันจะให้เกียรติเป็นแฟนกับพี่ปราภได้ไหมครับ” ไม่ใช่ดวงตาเท่านั้นที่หวานเยิ้ม หากน้ำเสียงที่เขาใช้ยังหวานนุ่มละมุนหู จนคนถูกขอแทบละลายแทบเท้ายามได้สบตาคมเข้มที่เต็มไปด้วยแววปรารถนาในตัวเธอ
“ไม่!!!” แต่จิดารันกลับทำสิ่งตรงข้ามหัวใจแทน เพราะมันช่างดูง่ายเกินไปสำหรับเขา ผู้ชายที่ได้ชื่อว่าเจ้าชู้กระช่อนเมือง แถมสาวน้อยสาวใหญ่ต่างพากันจ้องตาเป็นมันอีก แล้วเธอเป็นใครถึงจะใจกล้าเอาเขาให้อยู่หมัดได้ ดังนั้นการที่เธอบอกปัดมันก็ถูกต้องแล้ว ทั้งๆที่ในใจอยากลองเปิดใจรับเขาเป็นแฟนก็ตาม เฮ้อ...
“ขึ้นรถเถอะ พี่หิวมากแล้ว หรืออยากให้พี่กินรันแทนข้าวก็ได้นะ” กรี๊ดดด!!! รู้ตัวอีกทีจิดารันก็มายืนข้างรถยนต์คันหรู โดยมีปรารภคอยเปิดประตูให้อย่างสุภาพ แถมสายตาเจ้าเล่ห์กับใบหน้ายกยิ้มมุมปากยามมองมานั่นอีก คล้ายกับ...มีแผนการ มันยิ่งทำให้คนถูกมองหน้าบึ้งโกรธที่เขาไม่สนใจคำปฏิเสธของเธอสักนิด
หึ!!! แค่นี้ก็ถอดใจเสียแล้วตาเฒ่า แล้วแบบนี้จะให้เธอตอบรับเป็นแฟนเขาได้ยังไงเล่า แค่คิดความน้อยใจก็พลุ่งพล่านขึ้นในอกน้อยอย่างช่วยไม่ได้ ผู้ชายอะไรไม่มีความพยายามเอาเสียเลย จิดารันจึงก้าวขึ้นไปนั่งบนเบาะด้านข้างคนขับด้วยท่าท่ากระเง้ากระงอด จนคนสังเกตการณ์เริ่มเข้าใจว่าหญิงสาวเป็นอะไร
ปรารภอมยิ้มให้กับคนข้างกายที่เอาแต่มองนอกหน้าต่างรถยนต์โดยไม่ปริปากพูดคุยกับเขาสักคำ จะให้เขาพูดอย่างไรอีกเล่าถึงจะถูกใจจนเจ้าหล่อนยอมมาเป็นแฟนกับคนแก่อย่างเขาได้ ในเมื่อเขาอายุปาเข้าไปสามสิบแปดแล้ว จะให้เกี้ยวพาราสีเหมือนหนุ่มน้อยวัยรุ่นจีบกันก็คงไม่ใช่เรื่อง ต้องเอ่ยปากตรงๆนี่ละเพราะเวลาเหลือน้อยเต็มทีแล้ว ไม่รู้หญิงสาวจะยอมเข้าใจเหมือนอย่างที่เขาคิดอยู่หรือไม่
“เฮ้อ...” ปรารภถอนหายใจเสียงดัง เรียกให้จิดารันหันมามองอย่างไม่ได้ตั้งใจ ชายหนุ่มไม่พูดอะไรต่อ แต่เขากลับเอื้อมมือหนาไปคว้ามือบางนุ่มนิ่มมากุมไว้บนตักเขา ส่วนมืออีกข้างบังคับพวงมาลับรถอย่างตั้งใจ ไม่ต่างจากสายตาที่กำลังมองไปถนนข้างหน้านัก
“งอนพี่หรือ” ปรารภเอ่ยถามในที่สุด เขินปล่อยไว้แบบนี้มีหวังคงไม่ได้คุยอะไรกัน
“เปล่าสักหน่อย” คนปากแข็งยังเอ่ยปฏิเสธออกไป แต่กลับปล่อยมือให้เขากุมไว้โดยไม่ชักกลับ เพราะมัน...อบอุ่น
“แล้วหน้าบึ้งทำไม ไม่น่ารักเลย”
“ก็ไม่ต้องรักสิค่ะ” จิดารันต่อปากต่อคำไม่ยอมแพ้
“ก็คนมันรักไปแล้ว” คนแก่หลุดปากสารภาพแผ่วเบา
“คะ?” ทว่าอีกฝ่ายยังได้ยิน
“เอ่อ ก็คนมันหลงชอบไปแล้ว จะให้พี่ทำยังไง” จบประโยคหัวใจคนฟังเต้นกระหน่ำแรงรัวใบหน้าร้อนผ่าวเรื่องแดงโดยไม่ต้องส่องกระจก คนบ้าอะไรอย่างนี้ นึกจะสารภาพก็พูดออกมาได้ไม่อายปาก
“ไม่คิดว่าตัวเองแก่ไปสำหรับรันเหรอคะ” เธออยากรู้ความคิดของเขาเรื่องช่องว่างระหว่างวัย เพราะอาจเป็นปัญหาหากตกลงคบกันแล้ว
“ถึงอายุจะแก่ก็เป็นเพียงตัวเลข แต่อย่างอื่น....ฟิตปั๋งนะครับ” เท่านั้นคนรอคำตอบจึงฟาดเพี้ยะลบบนกล้ามแขนหนึ่งทีแก้อาย เมื่อรู้ว่าคำว่า ‘ฟิตปั๋ง’ ของเขาหมายถึงอะไร เรียกเสียงหัวเราะลั่นรถจากปากหยักด้วยชอบใจ ที่ได้แกล้งให้จิดารันเขินอายหน้าแดง เพราะมันช่างน่ารักน่าฟัดสำหรับเขานัก รอให้ได้เป็นแฟนก่อนเถอะ พ่อจะฟัดจูบให้หายอยากเลย
“ลงรถเถอะ พี่หิวแล้ว” ปรารภลงรถแล้วเดินอ้อมไปอีกด้านเพื่อเปิดประตูให้จิดารันเช่นเคย เมื่อคนทั้งคู่เดินทางมาถึงคฤหาสน์หลังงามเรียบร้อยแล้ว
“ที่นี่ที่ไหนคะ เราไม่ไปทานที่ร้านเหรอคะ” ร่างบางกวาดตามองไปรอบจึงสักเกตุเห็นว่ามันโอ่อ่าใหญ่และสวยงามสมฐานะของเขานัก แต่มันไม่ใช่ร้านอาหาร!
“อาหารฝีมือคุณนายปราณีนี่ล่ะอร่อยที่สุดแล้ว” ตั้งแต่เล็กจนโตปรารภไม่ค่อยออกไปทานอาหารนอกบ้านนัก เขาจึงติดฝีมือรสอาหารของมารดามากที่สุด แถมยังสะอาดและถูกหลักอนามัยด้วย
“เอ่อ...” เท้าที่กำลังก้าวตามชายหนุ่มหยุดชะงักทันที ก่อนจะก้มมองสำรวจการแต่งกายของตัวเองเป็นอันดับแรก แล้วก็ต้องหน้ามุ่ยเพราะ....เธอแต่งตัวไม่เรียบร้อย
“เป็นอะไรไป” ปรารภอดถามไม่ได้เมื่อเห็นหญิงสาวไม่เดินตามมา
“ทะ ทำไมไม่บอกล่ะคะว่าจะพามาเจอแม่พี่ ไม่งั้นรันคงแต่งตัวเรียบร้อยกว่านี้” เพราะวันนี้เธอแต่งตัวตามสบายไม่เป็นทางการด้วยกางแกงยีนส์สีเข้มกับเสื้อเชิ๊ตปล่อยชายสีขาว แถมยังใส่รองเท้าผ้าใบมาอีก โธ่!!!
“โธ่ นึกว่าเรื่องอะไร แค่รู้ว่าชายพาสาวมาบ้าน แล้วมีแววจะลงจากคาน คุณนายปราณีก็ดีใจจนเนื้อเต้นแล้วล่ะ” ปรารภหัวเราะขบขันเด็กตื่นตูมเพราะเรื่องการแต่งตัว เขารู้ดีว่ามารดาเป็นคนง่ายๆไม่เรื่องมาก ใจดีอีกต่างหาก ถ้ารู้ว่าพา ‘แฟน’ มาบ้านได้ ขี้คร้านจะดีใจจนล้นอกที่ลูกชายสุดที่รักจะได้ลงจากคานทองฝังเพชรเสียทีต่างหาก
เขาจึงกระตุกมือเล็กที่กุมไว้ให้เดินตามเข้าไปในห้องรับแขกใหญ่พร้อมกัน โดยมีคุณปรารันย์และคุณนายปราณีนั่งรอต้อนรับ ‘ว่าที่ลูกสะใภ้’ รออยู่แล้ว และมารดาของชายหนุ่มจึงลุกขึ้นยืนก่อนจะอ้าแขนรับหญิงสาวเข้าไปโอบกอดอย่างรักใคร่เป็นกันเอง จนจิดารันเริ่มน้ำตาคลอเพราะคิดถึงอ้อมกอดของผู้เป็นแม่ที่ล่วงลับไปแล้ว มันช่างห่างกับความอบอุ่นนี้มานานเหลือเกิน เจ็ดปีแล้วสินะที่เธอไม่เคยได้รับการกอดแบบนี้อีก
“โอ๋ ไม่ร้องนะลูก นับเป็นเรื่องดีที่เราได้พบกัน มาเป็นลูกสาวของแม่นะจ้ะ” คุณปราณีใช้ปลายนิ้วมือเกลี่ยน้ำตาออกจากใบหน้าเล็กของเด็กสาว พร้อมกับปลอบประโลมเหมือนกับจิดารันเป็นลูกของนางเอง เพราะเข้าใจดีว่าหญิงสาวต้องมาสูญเสียแม่ตั้งแต่อายุสิบหก
“โอ๋ ไม่ร้องนะลูก นับเป็นเรื่องดีที่เราได้พบกัน มาเป็นลูกสาวของแม่นะจ้ะ” คุณปราณีใช้ปลายนิ้วมือเกลี่ยน้ำตาออกจากใบหน้าเล็กของเด็กสาว พร้อมกับปลอบประโลมเหมือนกับจิดารันเป็นลูกของนางเอง เพราะเข้าใจดีว่าหญิงสาวต้องมาสูญเสียแม่ตั้งแต่อายุสิบหก
“แม่ทำให้แฟนผมร้องไห้นะครับ” ปรารภเอ่ยทำลายบรรยากาศเศร้า ยิ่งเห็นภาพที่จิดารันอยู่อ้อมกอดของมารดาซึ่งกำลังเช็ดน้ำตาให้แล้ว ก็อดใจหายไม่ได้ เขาเกลียดน้ำตาของเธอ เขาไม่อยากเห็นเธออ่อนแอร้องไห้ และเขารู้สึก....อยากปกป้องเธอ!!!
“นั่นสิคุณณี ไม่ร้องนะหนูรัน บ้านนี้ยินดีต้อนรับหนูเสมอนะ” คุณปรารัณเองก็ไม่อยากเห็นคู่ชีวิตน้ำตาเอ่อคลอด้วยความรู้สึกอะไรก็แล้วแต่ จึงได้เอ่ยต้อนรับแฟนของลูกชายขึ้นมาบ้าง คงเป็นจุดอ่อนของผู้ชายบ้านนี้ไปเสียแล้ว เพราะมักจะ....แพ้น้ำตาของผู้หญิงที่ตนรัก
“อ้าว พ่อครับ แบบนี้ผมก็กลายเป็นหมาหัวเน่าสิครับ” คนที่เคยเป็นที่หนึ่งเสมอมาแกล้งท้วงเพราะหมั่นไส้คนตัวเล็ก ซึ่งกำลังอยู่ในอ้อมแขนมารดาทั้งๆที่บิดาหวงท่านยิ่งกว่าอะไร ทุกครั้งที่เขาออดอ้อนเข้าใกล้คุณปราณีเมื่อไหร่ก็จะถูกด่าเสียทุกครั้งไป
“ก็ฉันกับเมียสุดที่รักฝันอยากมีลูกสาวแบบหนูรันมานานแล้วนี่หว่า ช่วยไม่ได้” ประมุขของบ้านพูดความจริงเกทับเจ้าลูกชายหัวแก้วหัวแหวน เพราะหลังภรรยาสุดหวงคุณปราณีคลอดเด็กชายปรารภเพียงสามปี จึงวางแผนมีลูกสาวอีกสักคน แต่พยายามทุกวิถีทางทั้งธรรมชาติและวิทยาศาสตร์แล้วก็ยังไม่มีวี่แวว ท่านทั้งสองจึงปลงใจว่าคงมีเพียงลูกชายคนเดียวที่เป็นผู้สืบทายาทเท่านั้น
“เอาล่ะ งั้นเราไปทานข้าวกันเถอะจ้ะ แม่โทรไปถามนมพร้อมแล้วก็เตรียมแต่ของโปรดของหนูทั้งนั้นเลย” คุณปราณีเอ่ยขัดจังหวะการโต้เถียงระหว่างสองพ่อลูกขึ้น ก่อนจะโอบเอวสาวน้อยเข้าไปในห้องอาหารกันเพียงสองคน ทิ้งให้หนุ่มต่างวัยมอหน้ากันแล้วเดินตามด้วยอารมณ์หงุดหงิดที่โดนแม่และเมียรักเมินกะทันหัน
“อ้าว แม่ครับ!/ รอผมด้วยสิที่รัก!” เป็นเหตุให้พ่อลูกเอ่ยเรียกคุณปราณีพร้อมกันแต่ใช้สรรพนามต่างกันตามหลังผู้หญิงสองวัย ที่กำลังมุ่งหน้าสู่ห้องอาหารใหญ่ของคฤหาสน์ ซึ่งมีอิทธิพลต่อหัวใจของพวกเขาทั้งคู่
บรรยากาศบนโต๊ะอาหารเป็นไปแบบผ่อนคลายอบอุ่นมากพอให้สาวน้อยอย่างจิดารันรู้สึกได้เป็นอย่างดี เพราะทุกคนต่างขยันตักอาหารบริการใส่จานเธอจนแทบทานไม่ทัน โดยเฉพาคุณปราณีมารดาของปรารภมักจะชวนเธอคุยไม่คาดปาก โดยได้ลูกคู่สนับสนุนจากคุณปรารัณอีกแรง ยิ่งทำให้เธอได้เห็นมุมน่ารักของสามีภรรยาวัยเลยหกสิบคอยหยอกล้อหยอดหวานกันอยู่เนือง
อดคิดไม่ได้ว่าหากเธอได้มีคู่ชีวิตดีและน่ารักแบบนี้คงจะมีความสุขไปจนแก่เฒ่า พลันหัวใจดวงน้อยเต้นกระตุกแรงรัวเร็วเมื่อหันไปสบตากับดวงตาเข้มของปรารภ ที่คอยส่งมาสื่อนัยบางอย่างอยู่เรื่อย แม้วันนี้เขาจะพูดน้อยเป็นพิเศษ แต่ก็คอยบริการหยิบโน่นนี่ให้ไม่ได้ขาด ไม่เว้นแม้กระทั่งเลื่อนเก้าให้เธอได้นั่งก่อน เขาจึงเลือกตัวถัดไปเพื่อนั่งใกล้ๆกัน  
ส่วนใต้โต๊ะน่ะเหรอ....มือบอบบางของหญิงสาวรู้สึกอุ่นจนแทบร้อนเป็นไฟ เพราะคอยมีมือหนาใหญ่และอุ่นมากพอคอยกุมเอาไว้ไม่ห่างตลอดมืออาหารกลางวันนี้ ไม่คิดว่าคนแก่จะยังกล้าแอบทำอะไรให้ตื่นเต้นแบบนี้อีก แต่กลายเป็นรู้สึกลุ้นไม่น้อยเมื่อต้องคอยดูว่าทั้งคุณปราณีและคุณปรารัณจะจับได้หรือไม่ ไม่ต่างจากสายตาหยาดเยิ้มประกายแพรวพราวในดวงตาคมเข้ม ที่คอยส่งมาไม่ได้ขาด แถมยังไอ้รอยยิ้มมุมปากหยักเจ้าเล่ห์นั่นอีก ทำให้ใบหน้านวลอดร้อนผ่าวซับระเรื่อไม่ได้
หรือนี่จะเป็น....วิธีจีบสาวของคนแก่!!!
“จะแต่งกันช่วงไหนล่ะ แม่จะได้เอาดวงไปให้หลวงพ่อท่านดู” คนใจร้อนอยากอุ้มหลานเอ่ยขึ้นขัดจังหวะความหวานคนรุ่นลูก
“แค่ก แค่ก แค่ก” เป็นเหตุให้ว่าที่ลูกสะใภ้สำลักน้ำล้างปากจนต้องไอออกมาแทบไม่ทัน ฤกษ์! ฤกษ์อะไรล่ะเนี้ยะ เท่าที่จำได้เขายังไม่เอ่ยปากขอเธอเป็นแฟนแบบจริงจังเลยสักครั้ง ที่สำคัญเธอบอกเขาไปตั้งแต่เมื่อไหร่ว่าจะเป็นแฟนเขา!!!
“แม่ครับ แม่ทำให้แฟนผมสำลักน่ะครับ” ปากก็พูดกับคนเป็นแม่ ส่วนมือหนาก็กำลังลูบหลังแบบบางของสาวน้อยไปด้วย แต่กลับยิ้มในหน้าราวกับเริ่มจะมองเห็นทางสว่างอะไรสักอย่างแล้ว
“อ้าว ตายแล้วหนูรัน ใจเย็นนะ แม่แค่พูดเผื่อไว้ เพราะตารันน่ะแก่แล้ว เขินแต่งช้ากว่านี้พ่อกับแม่คงไม่แรงเลี้ยงหลานแล้วล่ะ หนูรันเข้าใจแม่ใช่ไหมจ้ะ” คุณปราณีเองก็ช่วยด้วย ก่อนจะค่อยๆอธิบายเหตุผลว่าทำไมนางถึงใจร้อนเร่งรัดให้คนเป็นลูกชายและว่าที่ลูกสะใภ้ควรคิดเรื่องเรื่องแต่งงาน
“พ่อก็เห็นด้วยนะหนูรัน เพราะการแต่งงานก่อนจะเป็นการให้เกียรติหนูในฐานะสะใภ้ของเราด้วย จะได้ไม่มีใครกล้านินทาเสียๆหายๆไปถึงชื่อเสียงครอบครัวของหนูไงครับ” ประมุขใหญ่ของบ้านเอ่ยช่วยสนับสนุนภรรยาสุดที่รักอีกแรง เพราะท่านเองก็อยากอุ้มหลานเต็มแก่แล้ว คนอายุมากเช่นท่านก็อยากอยู่ใกล้ลูกใกล้หลานยามนี้ล่ะ
“เอ่อ คือรันว่า...” จิดารันพยายามจะหาข้ออ้างมาปฏิเสธ ทว่ากลับติดอยู่ในลำคอ
“ตกลงใช่ไหมที่รัก พี่ว่าทำตามที่แม่ว่าก็ดีนะ ลองให้คุณแม่เอาวันเดือนปีเกิดของเราไปให้พระท่านดูก่อน บางทีกว่าจะได้ฤกษ์คงจะอีกนาน” ปรารภได้ทีจึงพูดขัดขึ้นก่อน ในเมื่อบิดามารดาเปิดทางให้ขนาดนี้ แล้วทำไมเขาจะไม่ฉวยโอกาสนี้ไว้เล่า ส่วนเรื่องขอเป็นแฟนหรือขอแต่งงานค่อยว่ากันที่หลัง.....สองคนเท่านั้น!
“.....”
ปล. เอ้า พี่ปราภจะขอสาวน้อยมาเป็นเมียด้วยวิธีไหน อุ๊ป!!!! ขอฝากผลงานไว้ในอ้อมอกอ้อมใจด้วยนะจ้ะ

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา