อุ่นรัก ที่พักใจ
10.0
เขียนโดย อาบตะวัน
วันที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2558 เวลา 18.47 น.
2 ตอน
0 วิจารณ์
4,708 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2558 18.55 น. โดย เจ้าของนิยาย
2) เมืองในสายหมอก
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ รถตู้สีขาวอมเทาวิ่งอย่างอดทนแข่งกับต้นไม้สายหมอกและความมืดเข้าสู่ เมืองแห่งเทพนิยายชายทุ่ง...ที่ส่งกลิ่นหอมของยอดหญ้าและไอหมอกยามค่ำคืน รถตู้จอดสนิทที่หน้าสำนักงานรีสอร์ทแห่งหนึ่งในเมืองปายผู้ลงมาต้อนรับแขกในยามวิกาล เป็นสาวประเภทสองรุ่นใหญ่ สวมชุดนอนผ้าสำลียาวกรอมเท้ามีหมวกไหมพรมถักสีชมพูสดสวมบนศีรษะ สวมถุงมือถุงเท้า และพันผ้าห่มสีขาวไว้รอบตัวดูเผิน ๆ เหมือนหมีตัวใหญ่ที่สวมหมวกสีสวยไว้ล่อใจเด็ก ๆ แถวหน้าสวนสัตว์ “สวัสดีครับเจ๊นก” ชลรีบยกมือไหว้ทันที ที่โดดลงจากรถ ดูเหมือนเสื้อแจ็คเก็ตเพียงตัวเดียวจะช่วยป้องกันความหนาวให้เขาได้ไม่พอ ชลจึงยืนกอดอกตัวสั่นจนเจ๊นกสังเกตได้ ตายจริง รีบเข้าบ้านกันเถอะเดี๋ยวจะเป็นไข้กันไปหมด
สตรีร่างใหญ่ว่าพลางเรียกหลานชายออกมาช่วยยกกระเป๋าเด็กหนุ่มผอมสูงเดินงัวเงียออกมาจากบ้าน แต่ทว่าช่วยยกสัมภาระต่าง ๆอย่างเต็มอกเต็มใจ ทันทีที่ก้าวเข้าไปในบ้าน 2 ชั้น สีอิฐรูปทรงแปลกตา ความอบอุ่นก็แผ่ซ่านทั่วร่างกาย สายหมอกมองดูไฟที่ลุกโชติช่วงในเตาผิงแบบบ้านฝรั่งนั้นอย่างชอบใจ เป็นยังไงบ้างจ๊ะเหนื่อยมั้ย เจ๊นก แตะบ่าหญิงสาวพลางทักทายเบา ๆ สายหมอกยกมือไหว้ ”หนาวล่ะสิ”
เจ๊นกยิ้มเมื่อเห็นใบหน้าซีดปากขาวของหญิงสาว “ขึ้นไปพักผ่อนข้างบนเถอะพรุ่งนี้ถ้าพวกเด็ก ๆมาทำงานเจ๊จะเปิดบ้านให้พักกัน”
สายหมอกเดินผ่านนาฬิกาโบราณเรือนใหญ่ข้างบันไดที่บอกเวลาตีสองอย่างเหนื่อยอ่อนอากาศเริ่มเย็นจัดเมื่อเดินทางเข้าสู่เขตภาคเหนือตอนบนหนทางคดเคี้ยวที่ถูกปกคลุมด้วยหมอกมืดมัว ทำให้ทุกคนในรถไม่กล้าหลับคอยบอกทางช่วยชลตลอดระยะทางที่ผ่านมา . เมื่อสายหมอกเปิดประตูห้องพบกับฟูกปูนอนกับพื้นไม้วางเรียงรายแต่ละผืนมีหมอนใบใหญ่สีขาว และผ้าห่มหนานุ่มพับซ้อนกันกองโตหญิงสาวก็รู้สึกเหมือนแบตเตอรี่ในร่างกายหมดลง .............. กลิ่นข้าวต้มร้อนๆ โชยมาจากในครัว หอมกลิ่นกระเทียมเจียวแตะจมูก สายหมอกลืมตาพลางลุกขึ้นจากที่นอนหันมองข้าง ๆ ตัว นรีกับม่านฝน ยังนอนขดอยู่ในผ้าห่มผืนใหญ่หญิงสาวขยับตัวใกล้หน้าต่าง เปิดผ้าม่านออกดู ภาพทิวทัศน์ตรงหน้าสวยงามเกินจะบรรยายภูเขาสีเขียวสูงใหญ่ ตั้งตระหง่านทับซ้อนกันอยู่เบื้องหน้า ปกคลุมด้วยหมอกสีขาวพราวระยับจับตา แสงแดดยามเช้าราวกับอยู่ในสรวงสวรรค์ที่ตั้งเรียงรายท่ามกลางทุ่งหญ้าสีเขียวขจี และสวนดอกไม้หลากสีนั้นเป็นกระท่อมไม้หลังเล็ก ๆ ที่หน้าตาเหมือนกัน ราว 20 กว่าหลัง ใครบางคนกำลังปั่นจักรยานจากเนินเขาลูกเล็กลัดเลาะมาตามเส้นทางระหว่างกระท่อมนั้น
ไปหาอะไรกินดีกว่า หญิงสาวเก็บผ้าห่มคว้าผ้าเช็ดตัวเข้าห้องน้ำ ที่ระเบียงหน้าห้องสำนักงานบนเก้าอี้หวายตัวใหญ่ข้างกระถางดอกกุหลาบหนูสีชมพู เจ๊นกอยู่ในชุดขนสัตว์สีขาวนั่งจิบกาแฟตามลำพัง เมื่อเงยหน้าขึ้นจากหนังสือพิมพ์ หล่อนจึงพบกับ สายหมอกที่กำลังเดินลงจากบันไดมาพอดี อ้าว !ตื่นแล้วหรือจ๊ะ เป็นยังไงบ้างหลับสบายดีมั้ย หล่อนเชื้อเชิญให้หญิงสาวนั่งด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม กาแฟหรือข้าวต้มดีจ๊ะขอเป็นข้าวต้มก็แล้วกันค่ะ สายหมอกยิ้มขณะที่นั่งลงใกล้ ๆ เจ๊นก พลางขยับเสื้อแจ๊คเก็ตให้กระชับ อากาศยามเช้าที่นี่ถึงขั้นยะเยือกอย่างที่นรีว่าจริง ๆ “ดูตาชลสิ ขนาดขับรถมาซะดึกดื่นยังมีแรงมาปั่นจักรยานตอนเช้าได้ นี่ยังมาชวนเจ้าคิมไปถ่ายรูปที่ท้ายไร่ด้วยนะ” เจ๊นกเล่าอย่างอารมณ์ดีเมื่อเห็นหญิงสาวทำหน้าฉงนจึงอธิบายต่อ “คิม....คิมหันต์หลานเจ๊ที่มาช่วยยกกระเป๋าเมื่อคืนไงจ๊ะ” สายหมอกนึกถึงผู้ชายผอมสูงหน้าตางัวเงียที่มาช่วยขน ‘สัมภารก’ต่าง ๆ ของพวกเธออย่างแข็งขันเมื่อคืนนี้แล้วยิ้ม “อ๋อ..พอนึกออกแล้วค่ะหลานชายเจ๊หรือคะ”“จ๊ะ...หนู..”
เจ๊นกเลิกคิ้ว “หมอกค่ะ”จ๊ะ...หนูหมอกอายุเท่าไหร่แล้วจ๊ะ23 ปี ค่ะ
โอ้ ! พอ ๆกับตาคิมนั่นล่ะ เจ๊เดาแล้วเชียว ทำงานกับชลเหมือนกันเหรอ สายหมอกยิ้มพลางขยับแขนให้หญิงแม่บ้านวางชามข้าวต้มลงตรงหน้า เปล่าค่ะหมอกเป็นน้องสาวของพี่ม่าน คอลัมนิสต์ของพี่ชลน่ะค่ะ เจ๊นกตบมือหัวเราะเสียงดัง ต๊าย ! น้องยัยม่านหรือเนี่ย ตายจริง ! ขอโทษนะจ๊ะไม่เหมือนกันเลยนะ พี่สาวเราเซี้ยวน่าดูเชียว ...
"ปีก่อนมา .หลอกเจ๊เมาเต้นหน้าเตาผิงยันสว่างเลย"
เจ๊นกหัวเราะจนอกกระเพื่อมสายหมอกยิ้มตามพลางตักข้าวต้มทานแก้หนาว
"ไม่ใช่คนอื่นคนไกลเลยนะเจ๊รักยัยม่านเหมือนน้องแท้ ๆ เลย หนูหมอกก็เหมือนกันนะจ๊ะ อย่าได้เกรงใจเจ๊อยากได้อะไร...บอก...เดี๋ยวเจ๊จัดให้"
อยากได้งานทำค่ะ... สายหมอกคิดในใจแต่ยังไม่กล้าพูดหล่อนกวาดสายตามองรีสอร์ทอย่างชื่นชม
"รีสอร์ทนี้เจ๊นกบริหารเองทั้งมดเลยเหรอคะ"
"อืม.. คล้าย ๆ ธุรกิจกงสีน่ะจ้ะ อีกครึ่งเป็นของพี่ชายเจ๊ ... พ่อเจ้าคิมน่ะ"
เจ๊นกลดเสียงลงเป็นกระซิบเบาๆ
"แต่พ่อเจ้าคิมเสียไปแล้วนะ"
หญิงสาวพยักหน้าฟังอย่างตั้งใจเจ๊นกจิบกาแฟ
"เจ๊ กับแม่เจ้าคิมก็ต้องช่วยดูแลกันไปเหนื่อยแต่สนุก"
เสียงหัวเราะของชายหนุ่มดังมาจากบันไดใต้ถุนบ้าน ชลกับ คิมหันต์นั่นเอง
"หิว ... หิวเจ๊ครับขอข้าวกินหน่อย"
ชลถอดหมวกไหมพรมออกนั่งข้างเจ๊นกอย่างประจบนี่ถ้าม่านฝนอยู่คงถูกแขวะ เป็นเฒ่าทารกโดยไม่ต้องสงสัย
"มีแต่ข้าวต้มกุ้งนะ กินมั้ย"
ชลพยักหน้า เจ๊นกจึงหันไปทางคิมหันต์
"ไปตักมาให้พี่เค้าหน่อยเถอะเผื่อตัวเองด้วย...ถ้าจะกิน"
คิมหันต์พยักหน้ารับยิ้ม ๆ พลางเหลือบตามองสายหมอกนิดหนึ่ง ก่อนที่เสียงก๊อกแก๊กที่หน้าต่างชั้น 2 จะดึงสายตาเขาไปแทน หน้าตายู่ยี่มัวขี้ตาของม่านฝนที่โผล่ลอดจากโปงผ้านวมก็ปรากฎขึ้นที่ขอบหน้าต่าง
"มีอะไรยัยม่านถ้ายังไม่คิดจะตื่นก็ไม่ต้องละเมอมาเล่นผีผ้าห่มแต่เช้าหรอกนะ"
ชลดักคอแต่ม่านฝนกลับชูบางสิ่งขึ้นมา
"รำคาญเสียงมือถือยัยหมอกสงสัยอีตาวายุโทรมาแน่ ๆ เอาไป"
โดยไม่คาดคิดม่านฝนโยนโทรศัพท์มือถือลงมาจากชั้น 2 จริง ๆ สายหมอกตาถลน
"กรี๊ด !พี่ม่าน..."
ตุ๊บ !
โทรศัพท์ตกลงมาในมือคิมหันต์ผู้ซึ่งยืนตรงตำแหน่งเดียวกับหน้าต่างพอดี ท่ามกลางความโล่งอกของทุกคนโดยเฉพาะสายหมอกที่รับโทรศัพท์จากคิมหันต์มาไว้แนบอก
"พี่ม่านบ้า... เกิดพังขึ้นมาไม่มีตังค์ซื้อใหม่แล้วนะเนี่ย"
"ยัยม่านนี่บ้าบิ่นจริง ๆ เลยถ้าพังก็ให้ซื้อใหม่ให้เลยนะหมอก "
ชลว่า สีหน้าไม่พอใจแทนหมอกซึ่งยิ้มเจื่อน ๆ ม่านฝนไม่ชอบวายุสายหมอกรู้ดี...หญิงสาวเหลือบดูที่หน้าจอมือถือ 2 สายไม่ได้รับ สายหมอกขอตัวออกจากวงสนทนาของเจ๊นก และชลโดยเดินเลี่ยงออกจากตัวบ้านสำนักงานเพื่อหาสถานที่เงียบ ๆ โทรกลับไปหาวายุหญิงสาวยิ้มน้อย ๆ รู้สึกดีใจที่เขาโทรมา...
"พี่วายุ...หมอกนะคะ"
หญิงสาวกรอกเสียงลงไปในโทรศัพท์ น้ำเสียงแสดงความตื่นเต้นดีใจที่ตอบกลับมาช่างความหมายต่อหล่อนเสียเหลือเกิน
"หมอก...เป็นไงบ้างพี่ว่าจะโทรหาตั้งแต่วันก่อน แต่ก็ไม่ว่างเลย ขอโทษนะจ๊ะเที่ยวสนุกมั้ย"
"สนุกค่ะ งานเสร็จรึยัง"
สายหมอกตอบกลับพลางย้อนถาม สายตาเหม่อมองไปยังทุ่งหญ้าท้ายไร่อย่างเป็นสุข
"เสร็จแล้วจ้ะ คิดถึงหมอกจังจะกลับมาเมื่อไหร่จ๊ะ"
หญิงสาวหัวเราะ
"หมอกเพิ่งมาถึงนะคะยังไม่มีกำหนดกลับหรอกค่ะ พี่ม่านยังไม่ตื่นมาทำอะไรเลย"
เสียงปลายสายเงียบไปครู่หนึ่ง
"พี่ว่า ... จะลาพักร้อนซัก 5 วันพาหมอกไปเที่ยว"
สายหมอกทำตาโต
"จริงหรือคะ...เมื่อไหร่คะ"
ชายหนุ่มหัวเราะเบาๆ
"พี่จะรอหมอกกลับมาก็แล้วกัน"
หลังจากวางสายจากชายหนุ่มสายหมอกนั่งลงใต้ต้นหูกวางบนเชิงเขา อย่างอารมณ์ดีนานมาแล้วที่เธอไม่เคยรู้สึกดีต่อความรักอย่างนี้ วายุคงจะรู้สึกสงสารหรือคิดถึงเธอขึ้นมาบ้างจึงได้คิดชวนเธอไปเที่ยว ..สายหมอกหลับตาพิงต้นหูกวางคิดถึงความสุขที่เธอจะได้รับทันทีที่กลับถึงบ้าน
ยามสาย อากาศอุ่นขึ้นมากแสงแดดเจิดจ้ากลางไร่ ยิ่งเพิ่มความสดใสให้กับทุ่งหญ้าและสวนดอกไม้ท้องฟ้าโปร่งไร้เมฆ แขกที่พักในรีสอร์ทเริ่มออกมาถ่ายรูป ปั่นจักรยานบ้างก็จูงมือกันออกมาชมสวน นรีกับม่านฝนในชุดเสื้อยืดแขนยาวกับกางเกงวอร์มเดินอย่างสบายอารมณ์ขึ้นมาบนเนินเขาลูกเล็กที่สายหมอกนั่งอยู่ในมือถือถ้วยนมที่กรุ่นด้วยไอร้อน
"มานั่งชมวิวอะไรตรงนี้จ๊ะ..น้องหมอก"
นรีร้องทักหย่อนตัวลงนั่งใกล้ ๆ สายหมอก ลมเย็นเอื่อย ๆ พัดพาเอากลิ่นไอหมอกต้องจมูกสายหมอกปัดเศษใบไม้ออกจากสนามหญ้าให้สองสาวนั่งด้วย
"ไม่ทานข้าวกันหรือคะพี่นรี พี่ม่าน"
"ก็กินเสร็จเลยมาหาแกเนี่ย"
ม่านฝนตอบ หรี่ตามองน้องสาว
"ไง นายวายุโทรมาว่าไงบ้าง"
"เค้าบอกว่าจะพาหมอกเที่ยวช่วงหยุดพักร้อนน่ะค่ะ"
สายหมอกตอบอ้อมแอ้มม่านฝนทำหน้าไม่เชื่อ
"นายวายุเนี่ยนะ! โม้รึเปล่า.."
"จริงๆ ค่ะพี่ม่าน หมอกยังไม่อยากเชื่อเหมือนกัน แต่พี่วายุบอกอย่างนั้นจริง ๆ"
ม่านฝนแบะปาก
"สงสัยทำอะไรผิดมาแล้วกลัวแกจับได้มั้ง..เลยทำดีกลบเกลื่อน ...โอ๊ย"
นรีหยิกเข้าที่ข้างเอวเพื่อนรักจิกสายตาใส่เป็นเชิงตำหนิ
"แหมแก..ใครมันจะเจตนาชั่วระยะยาวขนาดนั้น เนอะ..น้อง..อุ๊ย"
นรีชะงักเมื่อเห็นสีหน้าที่แย่กว่าเดิมของน้องสาวเพื่อนจึงรีบกลบเกลื่อนสถานการณ์
"เออะ..เออ..เอาน่ะๆ เราไปปั่นจักรยานเล่นกันดีกว่า เมื่อกี๊เจ๊นกให้คิมเตรียมรถจักรยานเผื่อพวกเราด้วย"
หญิงสาวฉุดม่านฝนให้ลุกตามและสะกิดไหล่สายหมอกเบา ๆ
"ป่ะ น้องหมอกไปเที่ยวกัน"
สายหมอกยิ้มพลางลุกขึ้นเดินตามหัวใจที่พองโตคับอกเมื่อครู่ห่อเหี่ยวลงไปมากนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอถูกม่านฝนดักคอ และไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดทุกเรื่องที่ม่านฝนเดาเกี่ยวกับวายุ ..มักจะถูกต้องเสมอ ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย..ที่จะทำให้ม่านฝนพอใจวายุ เพราะตลอด 2 ปีที่คบกันเขาขยันสร้างแต่ความเสียใจให้กับเธอมาโดยตลอด แกจะไปคบกับมันทำไม๊..ยัยหมอกคนพันธุ์นั้นไม่เหมาะที่จะดูแลใครได้หรอก
ม่านฝนเคยปลอบใจในวันเกิดครบรอบ 22 ปีของเธอ ที่วายุสัญญาว่าจะมาร่วมอวยพร..แต่สุดท้ายเขากลับไปเล่นสนุ้กเกอร์กับเพื่อนที่ออฟฟิศจนลืมเธอเสียสนิท
"จริง ๆถ้าแกเลิกกับมันไป ก็ไม่ได้ทำให้ชีวิตแย่ลงเลยนะ ..อาจจะดีขึ้นด้วยซ้ำ"
พอสายหมอกเริ่มคล้อยตาม และตั้งใจจะบอกเลิกเขาก็มาพบเธอพร้อมกับของขวัญสุดพิเศษและข้อความอ่อนหวานที่ทำให้เธอล้มเลิกความคิดเหล่านั้นไปเสียสิ้น
"ถ้าที่ปายนี่มีอะไรที่กินแล้วตาสว่างพี่จะหามาให้แก ...หมอก"
เสียงม่านฝนลอยมาตามสายลม มีนรีคอยกระตุกแขนตามเป็นระยะ
สตรีร่างใหญ่ว่าพลางเรียกหลานชายออกมาช่วยยกกระเป๋าเด็กหนุ่มผอมสูงเดินงัวเงียออกมาจากบ้าน แต่ทว่าช่วยยกสัมภาระต่าง ๆอย่างเต็มอกเต็มใจ ทันทีที่ก้าวเข้าไปในบ้าน 2 ชั้น สีอิฐรูปทรงแปลกตา ความอบอุ่นก็แผ่ซ่านทั่วร่างกาย สายหมอกมองดูไฟที่ลุกโชติช่วงในเตาผิงแบบบ้านฝรั่งนั้นอย่างชอบใจ เป็นยังไงบ้างจ๊ะเหนื่อยมั้ย เจ๊นก แตะบ่าหญิงสาวพลางทักทายเบา ๆ สายหมอกยกมือไหว้ ”หนาวล่ะสิ”
เจ๊นกยิ้มเมื่อเห็นใบหน้าซีดปากขาวของหญิงสาว “ขึ้นไปพักผ่อนข้างบนเถอะพรุ่งนี้ถ้าพวกเด็ก ๆมาทำงานเจ๊จะเปิดบ้านให้พักกัน”
สายหมอกเดินผ่านนาฬิกาโบราณเรือนใหญ่ข้างบันไดที่บอกเวลาตีสองอย่างเหนื่อยอ่อนอากาศเริ่มเย็นจัดเมื่อเดินทางเข้าสู่เขตภาคเหนือตอนบนหนทางคดเคี้ยวที่ถูกปกคลุมด้วยหมอกมืดมัว ทำให้ทุกคนในรถไม่กล้าหลับคอยบอกทางช่วยชลตลอดระยะทางที่ผ่านมา . เมื่อสายหมอกเปิดประตูห้องพบกับฟูกปูนอนกับพื้นไม้วางเรียงรายแต่ละผืนมีหมอนใบใหญ่สีขาว และผ้าห่มหนานุ่มพับซ้อนกันกองโตหญิงสาวก็รู้สึกเหมือนแบตเตอรี่ในร่างกายหมดลง .............. กลิ่นข้าวต้มร้อนๆ โชยมาจากในครัว หอมกลิ่นกระเทียมเจียวแตะจมูก สายหมอกลืมตาพลางลุกขึ้นจากที่นอนหันมองข้าง ๆ ตัว นรีกับม่านฝน ยังนอนขดอยู่ในผ้าห่มผืนใหญ่หญิงสาวขยับตัวใกล้หน้าต่าง เปิดผ้าม่านออกดู ภาพทิวทัศน์ตรงหน้าสวยงามเกินจะบรรยายภูเขาสีเขียวสูงใหญ่ ตั้งตระหง่านทับซ้อนกันอยู่เบื้องหน้า ปกคลุมด้วยหมอกสีขาวพราวระยับจับตา แสงแดดยามเช้าราวกับอยู่ในสรวงสวรรค์ที่ตั้งเรียงรายท่ามกลางทุ่งหญ้าสีเขียวขจี และสวนดอกไม้หลากสีนั้นเป็นกระท่อมไม้หลังเล็ก ๆ ที่หน้าตาเหมือนกัน ราว 20 กว่าหลัง ใครบางคนกำลังปั่นจักรยานจากเนินเขาลูกเล็กลัดเลาะมาตามเส้นทางระหว่างกระท่อมนั้น
ไปหาอะไรกินดีกว่า หญิงสาวเก็บผ้าห่มคว้าผ้าเช็ดตัวเข้าห้องน้ำ ที่ระเบียงหน้าห้องสำนักงานบนเก้าอี้หวายตัวใหญ่ข้างกระถางดอกกุหลาบหนูสีชมพู เจ๊นกอยู่ในชุดขนสัตว์สีขาวนั่งจิบกาแฟตามลำพัง เมื่อเงยหน้าขึ้นจากหนังสือพิมพ์ หล่อนจึงพบกับ สายหมอกที่กำลังเดินลงจากบันไดมาพอดี อ้าว !ตื่นแล้วหรือจ๊ะ เป็นยังไงบ้างหลับสบายดีมั้ย หล่อนเชื้อเชิญให้หญิงสาวนั่งด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม กาแฟหรือข้าวต้มดีจ๊ะขอเป็นข้าวต้มก็แล้วกันค่ะ สายหมอกยิ้มขณะที่นั่งลงใกล้ ๆ เจ๊นก พลางขยับเสื้อแจ๊คเก็ตให้กระชับ อากาศยามเช้าที่นี่ถึงขั้นยะเยือกอย่างที่นรีว่าจริง ๆ “ดูตาชลสิ ขนาดขับรถมาซะดึกดื่นยังมีแรงมาปั่นจักรยานตอนเช้าได้ นี่ยังมาชวนเจ้าคิมไปถ่ายรูปที่ท้ายไร่ด้วยนะ” เจ๊นกเล่าอย่างอารมณ์ดีเมื่อเห็นหญิงสาวทำหน้าฉงนจึงอธิบายต่อ “คิม....คิมหันต์หลานเจ๊ที่มาช่วยยกกระเป๋าเมื่อคืนไงจ๊ะ” สายหมอกนึกถึงผู้ชายผอมสูงหน้าตางัวเงียที่มาช่วยขน ‘สัมภารก’ต่าง ๆ ของพวกเธออย่างแข็งขันเมื่อคืนนี้แล้วยิ้ม “อ๋อ..พอนึกออกแล้วค่ะหลานชายเจ๊หรือคะ”“จ๊ะ...หนู..”
เจ๊นกเลิกคิ้ว “หมอกค่ะ”จ๊ะ...หนูหมอกอายุเท่าไหร่แล้วจ๊ะ23 ปี ค่ะ
โอ้ ! พอ ๆกับตาคิมนั่นล่ะ เจ๊เดาแล้วเชียว ทำงานกับชลเหมือนกันเหรอ สายหมอกยิ้มพลางขยับแขนให้หญิงแม่บ้านวางชามข้าวต้มลงตรงหน้า เปล่าค่ะหมอกเป็นน้องสาวของพี่ม่าน คอลัมนิสต์ของพี่ชลน่ะค่ะ เจ๊นกตบมือหัวเราะเสียงดัง ต๊าย ! น้องยัยม่านหรือเนี่ย ตายจริง ! ขอโทษนะจ๊ะไม่เหมือนกันเลยนะ พี่สาวเราเซี้ยวน่าดูเชียว ...
"ปีก่อนมา .หลอกเจ๊เมาเต้นหน้าเตาผิงยันสว่างเลย"
เจ๊นกหัวเราะจนอกกระเพื่อมสายหมอกยิ้มตามพลางตักข้าวต้มทานแก้หนาว
"ไม่ใช่คนอื่นคนไกลเลยนะเจ๊รักยัยม่านเหมือนน้องแท้ ๆ เลย หนูหมอกก็เหมือนกันนะจ๊ะ อย่าได้เกรงใจเจ๊อยากได้อะไร...บอก...เดี๋ยวเจ๊จัดให้"
อยากได้งานทำค่ะ... สายหมอกคิดในใจแต่ยังไม่กล้าพูดหล่อนกวาดสายตามองรีสอร์ทอย่างชื่นชม
"รีสอร์ทนี้เจ๊นกบริหารเองทั้งมดเลยเหรอคะ"
"อืม.. คล้าย ๆ ธุรกิจกงสีน่ะจ้ะ อีกครึ่งเป็นของพี่ชายเจ๊ ... พ่อเจ้าคิมน่ะ"
เจ๊นกลดเสียงลงเป็นกระซิบเบาๆ
"แต่พ่อเจ้าคิมเสียไปแล้วนะ"
หญิงสาวพยักหน้าฟังอย่างตั้งใจเจ๊นกจิบกาแฟ
"เจ๊ กับแม่เจ้าคิมก็ต้องช่วยดูแลกันไปเหนื่อยแต่สนุก"
เสียงหัวเราะของชายหนุ่มดังมาจากบันไดใต้ถุนบ้าน ชลกับ คิมหันต์นั่นเอง
"หิว ... หิวเจ๊ครับขอข้าวกินหน่อย"
ชลถอดหมวกไหมพรมออกนั่งข้างเจ๊นกอย่างประจบนี่ถ้าม่านฝนอยู่คงถูกแขวะ เป็นเฒ่าทารกโดยไม่ต้องสงสัย
"มีแต่ข้าวต้มกุ้งนะ กินมั้ย"
ชลพยักหน้า เจ๊นกจึงหันไปทางคิมหันต์
"ไปตักมาให้พี่เค้าหน่อยเถอะเผื่อตัวเองด้วย...ถ้าจะกิน"
คิมหันต์พยักหน้ารับยิ้ม ๆ พลางเหลือบตามองสายหมอกนิดหนึ่ง ก่อนที่เสียงก๊อกแก๊กที่หน้าต่างชั้น 2 จะดึงสายตาเขาไปแทน หน้าตายู่ยี่มัวขี้ตาของม่านฝนที่โผล่ลอดจากโปงผ้านวมก็ปรากฎขึ้นที่ขอบหน้าต่าง
"มีอะไรยัยม่านถ้ายังไม่คิดจะตื่นก็ไม่ต้องละเมอมาเล่นผีผ้าห่มแต่เช้าหรอกนะ"
ชลดักคอแต่ม่านฝนกลับชูบางสิ่งขึ้นมา
"รำคาญเสียงมือถือยัยหมอกสงสัยอีตาวายุโทรมาแน่ ๆ เอาไป"
โดยไม่คาดคิดม่านฝนโยนโทรศัพท์มือถือลงมาจากชั้น 2 จริง ๆ สายหมอกตาถลน
"กรี๊ด !พี่ม่าน..."
ตุ๊บ !
โทรศัพท์ตกลงมาในมือคิมหันต์ผู้ซึ่งยืนตรงตำแหน่งเดียวกับหน้าต่างพอดี ท่ามกลางความโล่งอกของทุกคนโดยเฉพาะสายหมอกที่รับโทรศัพท์จากคิมหันต์มาไว้แนบอก
"พี่ม่านบ้า... เกิดพังขึ้นมาไม่มีตังค์ซื้อใหม่แล้วนะเนี่ย"
"ยัยม่านนี่บ้าบิ่นจริง ๆ เลยถ้าพังก็ให้ซื้อใหม่ให้เลยนะหมอก "
ชลว่า สีหน้าไม่พอใจแทนหมอกซึ่งยิ้มเจื่อน ๆ ม่านฝนไม่ชอบวายุสายหมอกรู้ดี...หญิงสาวเหลือบดูที่หน้าจอมือถือ 2 สายไม่ได้รับ สายหมอกขอตัวออกจากวงสนทนาของเจ๊นก และชลโดยเดินเลี่ยงออกจากตัวบ้านสำนักงานเพื่อหาสถานที่เงียบ ๆ โทรกลับไปหาวายุหญิงสาวยิ้มน้อย ๆ รู้สึกดีใจที่เขาโทรมา...
"พี่วายุ...หมอกนะคะ"
หญิงสาวกรอกเสียงลงไปในโทรศัพท์ น้ำเสียงแสดงความตื่นเต้นดีใจที่ตอบกลับมาช่างความหมายต่อหล่อนเสียเหลือเกิน
"หมอก...เป็นไงบ้างพี่ว่าจะโทรหาตั้งแต่วันก่อน แต่ก็ไม่ว่างเลย ขอโทษนะจ๊ะเที่ยวสนุกมั้ย"
"สนุกค่ะ งานเสร็จรึยัง"
สายหมอกตอบกลับพลางย้อนถาม สายตาเหม่อมองไปยังทุ่งหญ้าท้ายไร่อย่างเป็นสุข
"เสร็จแล้วจ้ะ คิดถึงหมอกจังจะกลับมาเมื่อไหร่จ๊ะ"
หญิงสาวหัวเราะ
"หมอกเพิ่งมาถึงนะคะยังไม่มีกำหนดกลับหรอกค่ะ พี่ม่านยังไม่ตื่นมาทำอะไรเลย"
เสียงปลายสายเงียบไปครู่หนึ่ง
"พี่ว่า ... จะลาพักร้อนซัก 5 วันพาหมอกไปเที่ยว"
สายหมอกทำตาโต
"จริงหรือคะ...เมื่อไหร่คะ"
ชายหนุ่มหัวเราะเบาๆ
"พี่จะรอหมอกกลับมาก็แล้วกัน"
หลังจากวางสายจากชายหนุ่มสายหมอกนั่งลงใต้ต้นหูกวางบนเชิงเขา อย่างอารมณ์ดีนานมาแล้วที่เธอไม่เคยรู้สึกดีต่อความรักอย่างนี้ วายุคงจะรู้สึกสงสารหรือคิดถึงเธอขึ้นมาบ้างจึงได้คิดชวนเธอไปเที่ยว ..สายหมอกหลับตาพิงต้นหูกวางคิดถึงความสุขที่เธอจะได้รับทันทีที่กลับถึงบ้าน
ยามสาย อากาศอุ่นขึ้นมากแสงแดดเจิดจ้ากลางไร่ ยิ่งเพิ่มความสดใสให้กับทุ่งหญ้าและสวนดอกไม้ท้องฟ้าโปร่งไร้เมฆ แขกที่พักในรีสอร์ทเริ่มออกมาถ่ายรูป ปั่นจักรยานบ้างก็จูงมือกันออกมาชมสวน นรีกับม่านฝนในชุดเสื้อยืดแขนยาวกับกางเกงวอร์มเดินอย่างสบายอารมณ์ขึ้นมาบนเนินเขาลูกเล็กที่สายหมอกนั่งอยู่ในมือถือถ้วยนมที่กรุ่นด้วยไอร้อน
"มานั่งชมวิวอะไรตรงนี้จ๊ะ..น้องหมอก"
นรีร้องทักหย่อนตัวลงนั่งใกล้ ๆ สายหมอก ลมเย็นเอื่อย ๆ พัดพาเอากลิ่นไอหมอกต้องจมูกสายหมอกปัดเศษใบไม้ออกจากสนามหญ้าให้สองสาวนั่งด้วย
"ไม่ทานข้าวกันหรือคะพี่นรี พี่ม่าน"
"ก็กินเสร็จเลยมาหาแกเนี่ย"
ม่านฝนตอบ หรี่ตามองน้องสาว
"ไง นายวายุโทรมาว่าไงบ้าง"
"เค้าบอกว่าจะพาหมอกเที่ยวช่วงหยุดพักร้อนน่ะค่ะ"
สายหมอกตอบอ้อมแอ้มม่านฝนทำหน้าไม่เชื่อ
"นายวายุเนี่ยนะ! โม้รึเปล่า.."
"จริงๆ ค่ะพี่ม่าน หมอกยังไม่อยากเชื่อเหมือนกัน แต่พี่วายุบอกอย่างนั้นจริง ๆ"
ม่านฝนแบะปาก
"สงสัยทำอะไรผิดมาแล้วกลัวแกจับได้มั้ง..เลยทำดีกลบเกลื่อน ...โอ๊ย"
นรีหยิกเข้าที่ข้างเอวเพื่อนรักจิกสายตาใส่เป็นเชิงตำหนิ
"แหมแก..ใครมันจะเจตนาชั่วระยะยาวขนาดนั้น เนอะ..น้อง..อุ๊ย"
นรีชะงักเมื่อเห็นสีหน้าที่แย่กว่าเดิมของน้องสาวเพื่อนจึงรีบกลบเกลื่อนสถานการณ์
"เออะ..เออ..เอาน่ะๆ เราไปปั่นจักรยานเล่นกันดีกว่า เมื่อกี๊เจ๊นกให้คิมเตรียมรถจักรยานเผื่อพวกเราด้วย"
หญิงสาวฉุดม่านฝนให้ลุกตามและสะกิดไหล่สายหมอกเบา ๆ
"ป่ะ น้องหมอกไปเที่ยวกัน"
สายหมอกยิ้มพลางลุกขึ้นเดินตามหัวใจที่พองโตคับอกเมื่อครู่ห่อเหี่ยวลงไปมากนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอถูกม่านฝนดักคอ และไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดทุกเรื่องที่ม่านฝนเดาเกี่ยวกับวายุ ..มักจะถูกต้องเสมอ ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย..ที่จะทำให้ม่านฝนพอใจวายุ เพราะตลอด 2 ปีที่คบกันเขาขยันสร้างแต่ความเสียใจให้กับเธอมาโดยตลอด แกจะไปคบกับมันทำไม๊..ยัยหมอกคนพันธุ์นั้นไม่เหมาะที่จะดูแลใครได้หรอก
ม่านฝนเคยปลอบใจในวันเกิดครบรอบ 22 ปีของเธอ ที่วายุสัญญาว่าจะมาร่วมอวยพร..แต่สุดท้ายเขากลับไปเล่นสนุ้กเกอร์กับเพื่อนที่ออฟฟิศจนลืมเธอเสียสนิท
"จริง ๆถ้าแกเลิกกับมันไป ก็ไม่ได้ทำให้ชีวิตแย่ลงเลยนะ ..อาจจะดีขึ้นด้วยซ้ำ"
พอสายหมอกเริ่มคล้อยตาม และตั้งใจจะบอกเลิกเขาก็มาพบเธอพร้อมกับของขวัญสุดพิเศษและข้อความอ่อนหวานที่ทำให้เธอล้มเลิกความคิดเหล่านั้นไปเสียสิ้น
"ถ้าที่ปายนี่มีอะไรที่กินแล้วตาสว่างพี่จะหามาให้แก ...หมอก"
เสียงม่านฝนลอยมาตามสายลม มีนรีคอยกระตุกแขนตามเป็นระยะ
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ