MonsterHighSchool รักวุ่นๆของวัยรุ่นโรงเรียนปีศาจ
9.6
เขียนโดย DECOLOP
วันที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2558 เวลา 15.41 น.
7 บท
8 วิจารณ์
9,917 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2558 17.34 น. โดย เจ้าของนิยาย
6) ด้วยเกียรติ แห่งเซนต์บาเรล
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ ตอนนี้บรรยากาศในห้องหนังสือยังคงเคร่งเครียดไปด้วยเด็กหลุ่มนึงและอาจารย์แม่มดผู้ทรงคุณวุฒิ
"แต่หนู..เป็นแค่เฮเลนนะคะ"
เดเรนพูดกับอาจารย์อย่างหมดหวัง ทำให้ทุกคนหันมาสนใจเธอเป็นตาเดียว
"หนูเป็นเพียงแค่ปีศาจที่มีดีแค่เลือดอร่อย แถมพลังเวทย์ก็น้อยมากจนแทบจะไม่มี.."
"เจ้าเอาอะไรมายืนยันว่านั่นคือความจริงล่ะ หนูน้อย"
"หมายความว่าไงคะ..?"
เดนน่าสงสัยในคำพูดของอาจารย์ จะไม่เป็นความจริงได้ยังไงในเมื่อแม่ของเธอบอกเธอแบบนั้นมาตลอด
"เฮเลนน่ะ เป็นปีศาจที่ได้รับขนานนามว่าเป็นแพทย์ที่แม้แต่พระเจ้ายังต้องการเลยนะ"
"เอ่อ..คือยังไงเหรอคะ"
"เฮเลนมีพลังเวทย์ด้านการโจมตีน้อยก็จริง แต่ด้านการรักษาปีศาจเผ่านี้ไม่มีใครมาทัดเทียมได้หรอก"
"แล้วทำไม...หนูไม่เคยรู้"
"ไม่ใช่แค่หนูที่ไม่รู้หรอกนะ คนยุคใหม่เดี๋ยวนี้ก็ไม่รู้หรอก เพราะนี่ถูกสั่งให้ปิดเป็นความลับมาตั้งแต่สมัยโบราณแล้ว เป็นเรื่องภายในนิดหน่อยน่ะ"
ไม่ใช่แค่เดนน่าที่อึ้งกับคำพูดของอาจารย์เดวาน่า ทุกคนในที่นี้ก็เช่นกัน พวกเขาไม่เคยรู้มาก่อนว่าเฮเลน ที่ไม่มีอะไรเลยนอกจากเลือดอร่อย มีความสามารถด้านการแพทย์มากกว่าปีศาจเผ่าใดๆ
"ก่อนที่ข้าจะพูดอะไรต่อ ข้าคิดว่ามีแขกคนสำคัญอยากจะมาพบพวกเจ้าด้วย"
"ใครเหรอครับ"เวลส์ถามด้วยความสงสัย
"เดี๋ยวพวกเจ้าก็จะได้เห็นเอง"
พูดจบ แม่มดเฒ่าก็เดินเข้าไปที่หน้าอะไรบางอย่างที่คลุมด้วยผ้าม่านสีดำก่อนจะกระชากมันออกมา เผยให้เห็นประตูบานใหญ่สลักด้วยลวดลายที่วิจิตรงดงาม
"ผมรู้สึก..ถึงเวทย์มนต์ที่บานประตูแห่งนี้"
แดเนียลขนลุกเกรียวขึ้นมาทันที่ที่อาจารย์เดวาน่ากระชากผ้านั่นออก เขาเป็นพ่อมดเลือดบริสุทธิ์ ย่อมรู้วสึกได้ถึงเวทย์มนต์ได้ดีกว่าใครๆ
"ใช่แล้ว ประตูแห่งนี้มีเวทย์มนต์เชื่อมระหว่างห้องหนังสือแห่งนี้กับพระราชวัง"
เธอพูดจบก็ค่อยๆสัมผัสที่บานประตูช้าๆ ก่อนที่มันจะเปิดออกแล้วปรากฏเป็นห้องโถงส่วนตัวของพระราชินี
"อ้าว..มากันแล้วเหรอ เดวาน่า"
ราชินีที่กำลังนั่งจิบน้ำชาค่อยๆลุกขึ้นแล้วเดินเข้ามาหาพวกเขา
"ท่านแม่!!"
เวลส์มีท่าทีตกใจกับภาพตรงหน้า เขารีบวิ่งเข้าไปกอดแม่ของเขาที่ไม่ได้เจอกันมานาน
"ท่านแม่หายไปจากวังนานมากแค่ไหนกัน ท่านรู้บ้างไหมว่าข้ากับท่านพ่อคิดถึงแค่ไหน"
"แม่ขอโทษนะที่หายไปนาน แต่..แม่มีงานต้องทำจริงๆ" ราชินีเปลี่ยนสีหน้าเป็นเคร่งเครียดก่อนจะเชิญคนที่เหลือเข้าไปข้างใน
"เอาล่ะ พวกเจ้าฟังให้ดีนะ ตอนนี้โลกปีศาจกำลังประสบกับวิกฤตอันใหญ่หลวง เพราะการรุกรานของจ้าวปีศาจที่คิดโลภมากอยากจะครอบครองโลกใบนี้ และพวกเจ้าทุกคน..คือวีรบุรุษในคำทำนายเล่มนี้"
ราชินียื่นหนังสือให้อาจารย์เดวาน่าก่อนเธอจะเปิดมันออกแล้วเริ่มอ่านคำทำนาย
"ยามโลกเข้าสู่วิกฤต คนชั่วคิดจะกลืนกินบ้านเมือง เมื่อนั้น วีรบุรุษเลือดบริสุทธิ์แห่งเซนต์บาเรลจะปรากฏตัวขึ้น หนึ่งนักฆ่า หนึ่งนักเวทย์ หนึ่งดาบ หนึ่งผู้รักษา พวกเขาคือผู้พิทักษ์ จงรวมเป็นหนึ่ง แล้วมุ่งสู่ชัยชนะ..."
เมื่ออาจารย์เดวาน่าอ่านจบ เธอก็วางหนังสือเล่มนั้นลงขณะที่ราชินีเริ่มพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
"หรือว่าพวกเรา..คือคนที่คำทำนายหมายถึงเหรอคะ"เดนน่าพูดด้วยน้ำเสียงตกใจปนหวาดกลัวเล็กน้อย ไม่มีคนตอบจากราชินี เธอเพียงหลับตาลงแล้วพูดในสิ่งที่เธอกำลังเรียบเรียง
"เวลส์ เจ้าคือนักฆ่าแห่งเบรอนดา แดเนียล เจ้าคือพ่อมดผู้มีสัมผัสด้านเวทย์มนต์และการใช้เวทย์อัคคีเป็นเลิศ เซเลีย นักดาบแห่งตระกูลฟาเรนเซียร์ที่สร้างตำนานมาแล้วหลายต่อหลายครั้ง และเจ้าเดนน่า เจ้าคือเฮเลนตนสุดท้ายที่หลงเหลืออยู่ ซึ่งเจ้าคงรู้แล้วว่าเฮเลนเป็นเลิศด้านการรักษามากแค่ไหน"
เมื่อราชินีพูดจบ เธอก็ยืนขึ้นแล้วเดินไปที่หีบใบหนึ่งซึ่งเธอพยักหน้าให้อาจารย์เดวาน่าก่อนซึ่งกำลังหลับตาแล้วร่ายคาถา
"ข้าแต่เทพแห่งสงครามเอ๋ย...ศาตราแห่งผู้พิทักษ์จงเป็นปรปักษ์กับความชั่วร้าย ร่วมมือกับพวกข้าแล้วจงทำลาย ความชั่วร้ายจะไม่มีสิทธิ์ได้ย่างกรายแม้แค่ก้าวเดียว!!!"
สิ้นคำพูดของเดวาน่า หีบก็ได้ถูกเปิดออกก่อนจะมีลมอันมหาศาลพุ่งออกมาพร้อมกับอาวุธที่ลอยขึ้นสูงแล้วพุ่งไปหาเจ้าของของมัน
"นี่..มีดของข้าเหรอ" เวลส์รับมีดสีทองแววาวที่พุ่งเข้ามาหาเขาอย่างรวดเร็ว
"ไม้กายสิทธิ์ซีอุสนี่..มีอยู่จริงๆด้วย" แดเนียลพึมพัมกับไม้กายสิทธิ์ที่กำลังเปล่งประกายสีม่วงออกมารอบๆ
"ดาบเงินนี่ช่างสวยงามอย่าบอกใครเชียว" เซเลียรับดาบที่พุงเข้าหาอย่างคล่องแคล่ว มันเป็นดาบที่เปล่งประกายสีเงินเหมือนไข่มุกแห่งท้องทะเลจริงๆ
"เอ้ะ?! คฑา??"เดนน่ารับคฆาที่ปลายหัวของมันเป็นรูปเทพไนกี้หรือเทพแห่งชัยชนะนั่นเอง
"ศาตราพวกนี้ ได้อาบเลือดของเทพเจ้า และเป็นอาวุธที่แข็งแกร่งและไร้เทียมทาน แต่ถ้าใช้ไม่เป็นก็ไร้ความหมาย เอาล่ะเดวาน่า ฝากจัดการที่เหลือทีนะ"
"รับทราบเพคะ ราชินี"
ราชินีเดินหายไปในห้องบรรทมก่อนที่อาจารย์เดวาน่าหันมาแล้วพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
"เอาล่ะ ต่อจากนี้ พวกเจ้าจะต้องย้ายไปศูนย์ฝึกหัดด่วนพิเศษซึ่งจะต้องไปฝึกให้คุ้นเคยกับอาวุธพวกนี้ที่นั่น"
"แล้วพวกเราจะไปตอนไหนคะอาจารย์"เซเลีย
"เดี๋ยวนี้แหละ..."
พูดจบ เธอก็โบกมือไปมาเบาๆก่อนจะมีเขตเวทย์มนต์เป็นวงกลมสีม่วงใต้เท้าพวกเขา
"พวกเจ้าทุกคน มีศึกใหญ่รออยู่ ขอให้ตั้งใจฝึกให้ดี..พวกเจ้าคือความหวังที่เซนต์บาเรลและโลกนี้ภาภภูมิใจนะ.."
"ครับ!/ค่ะ!"
"ขอให้โชคดี.."
ทันใดนั้นที่พวกเขาถูกเคลื่อนย้ายด้วยเขตเวทย์มนต์ไปสู้สถานที่แห่งนึง สถานที่ที่เป็นศูนย์ฝึกที่เข้มงวดที่สุดในเบรอนดา..
ตุ้บ!!
ปีศาจสองตนร่วงลงมาจากวงแหวนเวทย์มนต์มาโผล่ในทุ่งหญ้ากว้างขวางแห่งนึง
"โอ้ย?!"เสียงอุทานของเดนน่าที่ร่วงลงมาก่อนจะทับร่างของแวมไพร์หนุ่มเข้าอย่างจัง
"อุก..!!" เสียงของเขาจุกอยู่ที่ลิ้นขณะที่โดนสาวร่างบางทับลงมาเต็มแรง
"ข..ขอโทษ"เธอรีบขอโทษแวมไพร์หนุ่มที่หน้าเขาและเธอใกล้กันมาจนรู้สึกถึงลมหายใจของกันและกัน
"ตัวหนักชะมัด..ยัยหมูสามชั้น"
"นี่! ช่วยอย่าปากเสียซักเดี๋ยวได้ไหมยะ แล้วนี่เซเลียกับแดเนียลล่ะ"
"ข้าก็ไม่แน่ใจ..ทำไมเหลือข้ากับยัยหมูตอนนี่อยู่สองคนล่ะเนี่ย"
"หมูตอนบ้านนายสิ ฉันตัวเบากว่านายตั้ง!..."
ครืนนนนนนนน....
เสียงถล่มของอะไรซักอย่างดังมาจากอีกฝากนึงของทุ่งหญ้าทำให้พวกเขาสองคนจับอาวุธที่อยู่ในมือให้แน่นก่อนจะหันหน้าเข้าสู้กับสิ่งที่เหมือนกำลังคลืบคลานเข้ามาช้าๆ
"เหมือนมันจะใกล้เข้ามาเรื่อยๆนะเวลส์"
"ข้าก็รู้สึกได้..เจ้ามาหลบหลังข้าก่อน"
"ไม่! ฉันจะสู้กับมันตรงๆนี่แหละ"
"โธ่เอ้ย?! อย่าเพิ่งดื้อได้ไหม"
พูดจบเขาก็กระชากแขนเล็กๆของเธอไปอยู่ข้างหลังขณะที่สิ่งที่พวกเขาสงสัยก็ปรากฏตัวขึ้น
มันคือปีศาจร็อคเกรย์กอร์ เป็นปีศาจจิตวิญญาณของหินผาขนาดใหญ่ จะอาศัยอยู่ริมหน้าผา มันมีรูปร่างที่ใหญ่แต่เชื่องช้า
"ฟังนะ เจ้าอยู่ตรงนี้ อย่าไปไหน! แล้วข้าจะเข้าไปบุกก่อน ถ้ามีอะไรเกิดขึ้น อย่าทำอะไรโง่ๆเด็ดขาด เข้าใจไหม!"
เขาหันหลังมาปรามเธอที่กำลังยืนอึ้งเหมือนเห็นคลื่นยักษ์ขนาดใหญ่กำลังพุ่งเข้ามา
"อ..อืม"
พูดจบ เขาก็พุ่งเข้าไปหาปีศาจที่กำลังเดินมาอย่างเชื่องช้า แล้วเอามีดคู่ที่อยู่ในมือฟันลงไปที่หน้าของมัน แต่ไม่เป็นผล..ไม่ได้สร้างบาดแผลอะไรเลยกับปีศาจตนนี้ เขาลองหลายต่อหลายครั้งแต่ก็ไม่สามารถจะทำความเสียหายอะไรได้เลยจนเริ่มรู้สึกเหนื่อยล้า
"โธ่เอ้ย..ทำไมทำอะไรมันไม่ได้เลยล่ะเนี่ย!!"
ในขณะเดียวกัน อีกฟากนึงไกลแสนไกลซึ่งเป็นทะเลทรายที่ร้อนระอุ เซเลียกับแดเนียลก็กำลังเดินฝ่าทรายที่เหมือนจะเผาพวกเขาให้ละลายไปยังไงยังงั้น
"นาย...ฉันร้อนจนจะหายใจไม่ออกแล้ว"
"เจ้าทนหน่อยนะ อย่าเพิ่งยอมแพ้สิ"
เซเลียที่ทางเหมือนจะเป็นลมเข้าไปทุกทีกับแดดที่ไม่มีท่าว่าจะปราณีเธอเลยซักนิด แดเนียลก็ไม่สามารถจะเรียกใช้พลังอะไรได้เลยจากไม้กายสิทธิ์นี้
"โธ่เอ้ย! ทำอะไรได้บ้างเนี่ย"
เขาหงุดหงิดก่อนจะสะบัดไม้วิเศษไปมา ขณะนั้นเองที่เซเลียไม่อาจสู้แสงแดดที่กำลังแผดเผาเธอต่อไปได้ ทำให้เธอล้มลงไปกับกองทราย
ตุ้บ..
"เห้ย..เจ้าตั้งสติหน่อยสิ เซเลีย!! โธ่เอ้ย! ทำอะไรซักอย่างเถอะ"
เขาบ่นกับไม้กายสิทธิ์ที่อยู่ในมือของเขาอย่างไม่พอใจที่มันไม่ตอบสนองอะไรเลย
'เจ้ากับข้า รวมใจเป็นหนึ่งสิ'
เสียงประหลาดของผู้หญิงดังก้องอยู่ในหูของเขา หรือว่า..มันคือเสียงของเจ้างั้นเหรอ ไม้กายสิทธิ์กำลังต้องการสื่อสารบางอย่างกับเขา
'ถ้าใจของผู้ใช้ไม่เป็นหนึ่งเดียวกับอาวุธ แล้วเจ้าจะใช้มันได้ยังไง'
เขาค่อยๆหลับตาลงช้าๆ แล้วพยายามสะกดสมาธิให้รวมเป็นหนึ่งเดียวกับมัน ก่อนจะค่อยๆร่ายคาถาชั้นสูงที่กำหนดสภาพอากาศได้
"ภูติหิมะเอ๋ย เจ้าจงฟังข้า จงพัดลอยมา อราเซีย!!"
สิ้นคำร่าย จากที่แดดร้อนจัดเหมือนจะแผดเผาพวกเขาให้กลายเป็นจุล ก็เปลี่ยนเป็นหิมะสีขาวบริสุทธิ์กำลังค่อยๆโปรยปรายลงมาจากท้องฟ้าที่ปกคลุมด้วยเมฆครึ้ม
"สำเร็จ..เซเลีย! เซเลีย"
เขายกหัวของเธอที่กำลังนอนหงายอยู่ขึ้นมาแล้วเรียกให้เธอคืนสติ และมันก็ได้ผล เธอค่อยๆปรือตาขึ้นช้าๆ
"อืม...ทำไมหนาวจัง"
"อ่าว แล้วกัน ฮ่าๆๆ"
"ขำอะไรของนาย..."
"เปล่าๆไม่มีอะไรหรอก เราไปกันต่อเถอะ"
"เดี๋ยวๆ..ที่นี่ไม่ใช่ทะเลทรายหรอกเหรอ"
"เถอะน่า ไปกันต่อได้แล้ว"
เขาลากแขนของเซเลียที่มีท่าทางมึนงงเล็กน้อยกับสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงไปแบบปุบปับ
อีกด้านนึงของทะเลทรายที่ได้ถูกเปลี่ยนเป็นสวนหิมะคือทุ่งหญ้าที่เวลส์กำลังต่อสู้กับปีศาจเกรย์กอร์ แต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่สามารถทำอะไรมันได้เลยแม้แต่น้อย
"โอ้ย?!"
เวลส์โดนกำปั้นที่ใหญ่เท่าจอทีวีอัดเข้าเต็มๆที่หน้าของเขา เขาร่วงลงไปกับพื้นทันทีที่โดนหมัดหนักๆนั่น
"เวลส์ เวลส์!! นายเป็นอะไรไหม? เวลส์"
"เดนน่า..ฉันบอกให้เจ้าอยู่ตรงนั้นอย่าไปไหนไง"
"อยุดพูดก่อนเถอะน่า เราต้องรีบหนีไปจาก...กรี้ดดดดดด!!"
"เดนน่า!!!"
เธอโดนปีศาจหินดึงด้วยอุ้งมือหยาบกระด้างนั่น
"เวลส์! อย่าสู้ต่อเถอะ นายรีบหนีไป กรี้ดด!หยุดนะไอ้ยักษ์ทุเรศ!!"
ปีศาจหินแลบลิ้นสีม่วงของมันออกมาเลียลงไปที่ใบหน้าของเธอ ดูเหมือนว่าเลือดเฮเลนในตัวเธอจะไปกระตุกต่อมหิวของมันเข้าเสียแล้ว
ภาพที่เห็นตรงหน้าคือยัยนั่นโดนปีศาจน่าเกลียดเอาลิ้นทุเรศๆของมันเลียที่แก้มของเธอ มันทำให้เขาโกรธ..โกรธจนคอของเขาขึ้นเป็นเส้นเอ็นปูดขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด เคี้ยวแวมไพร์ของเขายาวออกมาเลยริมฝีปากสีแดงสด
'เปลี่ยนความโกรธเป็นพลังสิ'
เสียงของผู้ชายน่าเกรงขามดังแว่วข้ามาในหูของเขา ก่อนที่มีดคู่นั่นจะเปล่งประกายเป็นสีทองออกมา ทำให้เขาหยิบมันขึ้นมาจับให้แน่นในมือก่อนจะพุ่งเข้าไปอัดใส่ปีศาจหินนั้นแบบไม่ยั้ง
พั่บ! ฉั๊ว! ควับ!
หินบนตัวของมันค่อยๆแตกออกทีละนิดด้วยการโจมตีที่รุนแรงและรวดเร็วของเขา มันทำให้ปีศาจหินเริ่มทลายลงมาทีละส่วน
มันเหวี่ยงหมัดเข้าหาแวมไพร์หนุ่มแต่เขากระโดดหลบและเอามีดแทงตรงลูกกลมๆเหมือนไข่มุกที่ฝังอยู่บนหน้าผากของมัน
ฉั๊วะ!!
เหมือนจะเป็นจุดอ่อน..มันพังทลายลงทันทีที่เขาชักมีดออก
"ช่วยด้วย! เวลส์!!!"
เขาวิ่งเข้าไปรับเธอที่ร่วงลงมาได้ทันท่วงที
พลั่ก!
"อุ้ก!"
"อ้ะ..ขอโทษ" เธอรีบลุกขึ้นจากท่าที่นั่งทับท้องของเขาไปเต็มๆ
"เจ้ามัน..ดื้อจริงๆเลย"
"ฮืออออออ"
เธอน้ำตาไหลคลอเบ้าก่อนจะเข้าไปก่อนจะก้มลงกอดคอของแวมไพร์หนุ่มที่เต็มไปด้วยบาดแผลจากการสู้กับยักษ์หินนั่น
"เจ้าทำข้าหายใจไม่ออกนะ...เดี๋ยวข้าก็ตายหรอก"
"ตายๆไปเลย จะได้ไม่ต้องให้เป็นห่วงอยู่แบบนี้" คำพูดที่อยู่ในใจของเธอหลุดออกมาโดยไม่รู้ตัว ทำให้แวมไพร์หนุ่มใจเต้นแรงอย่างบอกไม่ถูก
"ม..เมื่อกี้เจ้าว่าไงนะ"
"ป..เปล่านี่ ฮึก ฮึก"
เธอคลายอ้อมกอดออกแต่ยังคงสะอื้นอยู่ไม่หาย
"เจ้าเป็นห่วงข้าล่ะซิ ใช่ไหมล่ะ"
"บ้า ทำไมฉันต้องไปห่วงนายด้วย ไม่จำเป็น!!"
เธอก้มมองสำรวจร่างกายที่เต็มไปด้วยบาดแผลและรอยขีดข่วนบนเสื้อผ้าของเขา
"ฉันว่า ฉันคงจะได้ลองวิชาแล้วล่ะ ฉันจะรักษานายเอง!"
"ข้าจะตายเร็วกว่าเดิมล่ะสิไม่ว่า.."
"หุบปากแล้วนอนเงียบๆไปเลยนะ"
เขาลอบยิ้มเบาๆที่มุมปาก ทำให้เธอชะงักไปเล็กน้อย...เขาแอบยิ้มเหรอ เขารู้สึกดีกับคำพูดของเธองั้นเหรอ ทำไมเธอถึงรู้สึกดีขึ้นมาซะดื้อๆเลยนะ
ไม่ได้ๆ จะหวั่นไหวไปกับหมอนี่ไม่ได้ เธอต้องรีบฝึกวิชาแล้วรีบไปช่วยเมืองเอาไว้ เอาล่ะนะ
เธอค่อยๆตั้งสมาธิแล้วรวบรวมพลังจิตไว้ที่ปลายไม้คฑา พยายามรวบรวมพลังเวทย์ที่มีเพียงน้อยนิด แต่จู่ๆ เธอก็รู้สึกเหมือนมีพลังอีกส่วนหนึ่งที่เธอไม่เคยรู้สึกมาก่อน พุ่งเข้ามาที่มือของเธอแล้วไปรวมที่หัวของคฑา เกิดลมอ่อนๆขึ้นรอบๆตัวเธอกับเวลส์ที่กำลังนอนหลับตานิ่ง
"นี่สินะ..พลังที่อาจารย์เดวาน่าหมายถึง"
เธอพึมพำเบาๆก่อนจะหลับตาลงแล้วเอามือลูบที่หัวของเขาเบาๆ รอบๆมือของเธอส่องประกายสีเขียวก่อนจะไหลไปทั่วร่างของเขา และแล้วบาดแผลบนตัวของแวมไพร์หนุ่มจะค่อยๆจางหายไป
เธอเอามือออกช้าๆก่อนจะอึ้งกับผลงานของตัวเอง เธอทำได้แล้ว เธอใช้พลังเวทย์ได้แล้ว!!
"โอ้ะ หายเจ็บแล้วแฮะ"
"กรี้ดด นายเห็นไหม ฉันใช้พลังเวทย์ได้แล้ว ยะฮู้!!"
"เก่งมาก:)"
เขายิ้มเบาๆก่อนจะเอามือหนาๆและนิ้วเรียวยาวที่เย็นเฉียบมาลูบหัวเธอเบาๆ ก่อนจะเริ่มเพิ่มความเร็วขึ้นเรื่อยๆ
"นี่! ผมฉันยุ่งหมดแล้วนะ!!"
"ฮ่าๆๆ"
ไม่รู้ทำไม..แต่เธอเหมือนรู้สึกผูกพันธ์กับเขามากขึ้นเรื่อยๆ ถึงเธอกับเขาจะกัดกันตลอดแต่เขาก็เป็นคนที่คอยปกป้องและห่วงใยเธอเสมอ..เเบบนี้หรือเปล่านะ ที่เขาเรียกกันว่า ความรัก
"เหวอออ!!"
เคร้ง!!
แดเนียลร้องเสียงหลงเมื่อปีศาจโครงกระดูกพุ่งเข้ามาแล้วพยายามที่จะเอาดาบฟันเขา แต่เซเลียที่หันมาเห็นเข้าเลยช่วยเขาไว้ได้ทันเวลา
"นายหลบไปก่อน"
"ไม่! ข้าจะสู้เคียงข้างเจ้า"
"เซล์โลเคตั้นพวกนี้ เวทย์มนต์ทำอะไรมันไม่ได้หรอก.."
เคร้ง เคร้ง!!
เสียงดาบกระทบกันของผีโครงกระดูกที่โผล่มาจากด้านหลังกับดาบสีเงินที่ส่องประกายในมือของเธอ
"แต่ว่า.."
"ถอยไป!! ก่อนที่ฉันจะจับนายสับเป็นชิ้นๆแล้วแล่ให้พวกมันกินซะ!!"
เซเลียตะคอกเสียงดังใส่แดเนียลที่ยืนอยู่ขางหลังเธอ ซึ่งมันก็ทำให้เขารู้สึกกลัวไม่ใช่น้อย
"ค..ครับผม"
"ย่าาห์!!"
พลั่ก!!
เธอใช้สันดาบทุบหัวกะโหลกตัวสุดท้ายที่หลงเหลืออยู่
"เรียบร้อย.."
เธอพูดก่อนจะปัดมือสองสามทีแล้วใส่ดาบสีเงินเววาวลงในฝักข้างๆเอว แดเนียลอึ้งกับการจัดการฝูงปีศาจโครงกระดูกขนาดใหญ่อย่างรวดเร็วแบบนั้นได้
"เธอ..คืออสุกายหรือเปล่าเนี่ย.."
"อะไรนะ..."
"อ่อ..คือเธอเก่งจังนะ ฮ่าๆๆ"
เขาหัวเราะกลบเหลื่อนก่อนถอนหายใจเบาๆตอนที่เธอหันหลังไป เหมือนจะไม่ได้ยินที่เขาพูดไปสินะ เห้อ...
"เห้!! พวกนายสองคน!!!"
เสียงของเดนน่าตะโกนมาทำให้พวกเขาหันไปมองเจ้าของเสียงนั่น
"เห้! เดนน่า เวลส์ ปลอดภัยดีใช่ไหม!!"แดเนียลตะโตนตอบ
เดนน่าและเวส์เดินเข้าไปหาพวกเขาที่กำลังเดินเข้ามาเช่นกัน
"พวกนายเมื่อกี้มันมีปีศาจตัวเบ้อเริ่มเข้ามาทำร้ายพวกเราด้วยล่ะ น่ากลัวมากเลย" เดนน่า
"เมื่อกี้ก็มีกลุ่มโครงกระดูกเข้ามาทำร้ายพวกเราเหมือนกัน"เซเลีย
"ข้าคิดว่านี่เป็นการทดสอบที่อาจารย์เดวาน่าหมายถีงนั่นแหละ"เวลส์
"แล้วเราจะทำยังไงต่อล่ะ" แดเนียล
ทุกคนเงียบไปพักใหญ่ก่อนที่จะมีวงเวทย์วงใหญ่ปรากฏขึ้นล้อมพวกเขาไว้
"ข้าคิดว่า..เจ้าคงได้คำตอบแล้วล่ะ"
เมื่อเวลส์พูดจบ อาณาเขตเวทย์มนต์ก็ได้พาพวกเขากลับไปที่ปราสาท
ไฟกำลังลุกไหม้...ตอนนี้บ้านเมืองกำลังโดนไฟไหม้เป็นไปทั่ว ทุกคนกำลังหนีตายอย่างอลหม่าน กลุ่มควันสีดำขนาดใหญ่ก่อตัวขึ้นบนท้องฟ้าบดบังแสงจันทร์จนหมดสิ้น มังกรขนาดใหญ่สองตัวกำลังทำลายปราสาทขณะพวกเขายืนดูเหตุการณ์อยู่บนยอดหอคอยที่ด้านหลังของปราสาท
"นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่.."เดนน่าถามด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือเล็กน้อย
"ดูเหมือนว่า พวกมันจะลงมือแล้วล่ะ" แดเนียลตอบขณะมองดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างสับสน
"ไปกันเถอะ.."
เวลส์พุ่งนำหน้าทุกคนไปตามด้วยเซเลีย แดเนียล และเดนน่าคอยหนุนหลัง ในสถานการณ์นี้ ทุกคนยินดีที่จะตายเพื่อเกียรติแห่งเซนต์บาเรล
"ตายซะเถอะ ไอ้พวกสวะ!!!" เวลส์
-------------------------------------------------------------------------------------------------------
"แต่หนู..เป็นแค่เฮเลนนะคะ"
เดเรนพูดกับอาจารย์อย่างหมดหวัง ทำให้ทุกคนหันมาสนใจเธอเป็นตาเดียว
"หนูเป็นเพียงแค่ปีศาจที่มีดีแค่เลือดอร่อย แถมพลังเวทย์ก็น้อยมากจนแทบจะไม่มี.."
"เจ้าเอาอะไรมายืนยันว่านั่นคือความจริงล่ะ หนูน้อย"
"หมายความว่าไงคะ..?"
เดนน่าสงสัยในคำพูดของอาจารย์ จะไม่เป็นความจริงได้ยังไงในเมื่อแม่ของเธอบอกเธอแบบนั้นมาตลอด
"เฮเลนน่ะ เป็นปีศาจที่ได้รับขนานนามว่าเป็นแพทย์ที่แม้แต่พระเจ้ายังต้องการเลยนะ"
"เอ่อ..คือยังไงเหรอคะ"
"เฮเลนมีพลังเวทย์ด้านการโจมตีน้อยก็จริง แต่ด้านการรักษาปีศาจเผ่านี้ไม่มีใครมาทัดเทียมได้หรอก"
"แล้วทำไม...หนูไม่เคยรู้"
"ไม่ใช่แค่หนูที่ไม่รู้หรอกนะ คนยุคใหม่เดี๋ยวนี้ก็ไม่รู้หรอก เพราะนี่ถูกสั่งให้ปิดเป็นความลับมาตั้งแต่สมัยโบราณแล้ว เป็นเรื่องภายในนิดหน่อยน่ะ"
ไม่ใช่แค่เดนน่าที่อึ้งกับคำพูดของอาจารย์เดวาน่า ทุกคนในที่นี้ก็เช่นกัน พวกเขาไม่เคยรู้มาก่อนว่าเฮเลน ที่ไม่มีอะไรเลยนอกจากเลือดอร่อย มีความสามารถด้านการแพทย์มากกว่าปีศาจเผ่าใดๆ
"ก่อนที่ข้าจะพูดอะไรต่อ ข้าคิดว่ามีแขกคนสำคัญอยากจะมาพบพวกเจ้าด้วย"
"ใครเหรอครับ"เวลส์ถามด้วยความสงสัย
"เดี๋ยวพวกเจ้าก็จะได้เห็นเอง"
พูดจบ แม่มดเฒ่าก็เดินเข้าไปที่หน้าอะไรบางอย่างที่คลุมด้วยผ้าม่านสีดำก่อนจะกระชากมันออกมา เผยให้เห็นประตูบานใหญ่สลักด้วยลวดลายที่วิจิตรงดงาม
"ผมรู้สึก..ถึงเวทย์มนต์ที่บานประตูแห่งนี้"
แดเนียลขนลุกเกรียวขึ้นมาทันที่ที่อาจารย์เดวาน่ากระชากผ้านั่นออก เขาเป็นพ่อมดเลือดบริสุทธิ์ ย่อมรู้วสึกได้ถึงเวทย์มนต์ได้ดีกว่าใครๆ
"ใช่แล้ว ประตูแห่งนี้มีเวทย์มนต์เชื่อมระหว่างห้องหนังสือแห่งนี้กับพระราชวัง"
เธอพูดจบก็ค่อยๆสัมผัสที่บานประตูช้าๆ ก่อนที่มันจะเปิดออกแล้วปรากฏเป็นห้องโถงส่วนตัวของพระราชินี
"อ้าว..มากันแล้วเหรอ เดวาน่า"
ราชินีที่กำลังนั่งจิบน้ำชาค่อยๆลุกขึ้นแล้วเดินเข้ามาหาพวกเขา
"ท่านแม่!!"
เวลส์มีท่าทีตกใจกับภาพตรงหน้า เขารีบวิ่งเข้าไปกอดแม่ของเขาที่ไม่ได้เจอกันมานาน
"ท่านแม่หายไปจากวังนานมากแค่ไหนกัน ท่านรู้บ้างไหมว่าข้ากับท่านพ่อคิดถึงแค่ไหน"
"แม่ขอโทษนะที่หายไปนาน แต่..แม่มีงานต้องทำจริงๆ" ราชินีเปลี่ยนสีหน้าเป็นเคร่งเครียดก่อนจะเชิญคนที่เหลือเข้าไปข้างใน
"เอาล่ะ พวกเจ้าฟังให้ดีนะ ตอนนี้โลกปีศาจกำลังประสบกับวิกฤตอันใหญ่หลวง เพราะการรุกรานของจ้าวปีศาจที่คิดโลภมากอยากจะครอบครองโลกใบนี้ และพวกเจ้าทุกคน..คือวีรบุรุษในคำทำนายเล่มนี้"
ราชินียื่นหนังสือให้อาจารย์เดวาน่าก่อนเธอจะเปิดมันออกแล้วเริ่มอ่านคำทำนาย
"ยามโลกเข้าสู่วิกฤต คนชั่วคิดจะกลืนกินบ้านเมือง เมื่อนั้น วีรบุรุษเลือดบริสุทธิ์แห่งเซนต์บาเรลจะปรากฏตัวขึ้น หนึ่งนักฆ่า หนึ่งนักเวทย์ หนึ่งดาบ หนึ่งผู้รักษา พวกเขาคือผู้พิทักษ์ จงรวมเป็นหนึ่ง แล้วมุ่งสู่ชัยชนะ..."
เมื่ออาจารย์เดวาน่าอ่านจบ เธอก็วางหนังสือเล่มนั้นลงขณะที่ราชินีเริ่มพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
"หรือว่าพวกเรา..คือคนที่คำทำนายหมายถึงเหรอคะ"เดนน่าพูดด้วยน้ำเสียงตกใจปนหวาดกลัวเล็กน้อย ไม่มีคนตอบจากราชินี เธอเพียงหลับตาลงแล้วพูดในสิ่งที่เธอกำลังเรียบเรียง
"เวลส์ เจ้าคือนักฆ่าแห่งเบรอนดา แดเนียล เจ้าคือพ่อมดผู้มีสัมผัสด้านเวทย์มนต์และการใช้เวทย์อัคคีเป็นเลิศ เซเลีย นักดาบแห่งตระกูลฟาเรนเซียร์ที่สร้างตำนานมาแล้วหลายต่อหลายครั้ง และเจ้าเดนน่า เจ้าคือเฮเลนตนสุดท้ายที่หลงเหลืออยู่ ซึ่งเจ้าคงรู้แล้วว่าเฮเลนเป็นเลิศด้านการรักษามากแค่ไหน"
เมื่อราชินีพูดจบ เธอก็ยืนขึ้นแล้วเดินไปที่หีบใบหนึ่งซึ่งเธอพยักหน้าให้อาจารย์เดวาน่าก่อนซึ่งกำลังหลับตาแล้วร่ายคาถา
"ข้าแต่เทพแห่งสงครามเอ๋ย...ศาตราแห่งผู้พิทักษ์จงเป็นปรปักษ์กับความชั่วร้าย ร่วมมือกับพวกข้าแล้วจงทำลาย ความชั่วร้ายจะไม่มีสิทธิ์ได้ย่างกรายแม้แค่ก้าวเดียว!!!"
สิ้นคำพูดของเดวาน่า หีบก็ได้ถูกเปิดออกก่อนจะมีลมอันมหาศาลพุ่งออกมาพร้อมกับอาวุธที่ลอยขึ้นสูงแล้วพุ่งไปหาเจ้าของของมัน
"นี่..มีดของข้าเหรอ" เวลส์รับมีดสีทองแววาวที่พุ่งเข้ามาหาเขาอย่างรวดเร็ว
"ไม้กายสิทธิ์ซีอุสนี่..มีอยู่จริงๆด้วย" แดเนียลพึมพัมกับไม้กายสิทธิ์ที่กำลังเปล่งประกายสีม่วงออกมารอบๆ
"ดาบเงินนี่ช่างสวยงามอย่าบอกใครเชียว" เซเลียรับดาบที่พุงเข้าหาอย่างคล่องแคล่ว มันเป็นดาบที่เปล่งประกายสีเงินเหมือนไข่มุกแห่งท้องทะเลจริงๆ
"เอ้ะ?! คฑา??"เดนน่ารับคฆาที่ปลายหัวของมันเป็นรูปเทพไนกี้หรือเทพแห่งชัยชนะนั่นเอง
"ศาตราพวกนี้ ได้อาบเลือดของเทพเจ้า และเป็นอาวุธที่แข็งแกร่งและไร้เทียมทาน แต่ถ้าใช้ไม่เป็นก็ไร้ความหมาย เอาล่ะเดวาน่า ฝากจัดการที่เหลือทีนะ"
"รับทราบเพคะ ราชินี"
ราชินีเดินหายไปในห้องบรรทมก่อนที่อาจารย์เดวาน่าหันมาแล้วพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
"เอาล่ะ ต่อจากนี้ พวกเจ้าจะต้องย้ายไปศูนย์ฝึกหัดด่วนพิเศษซึ่งจะต้องไปฝึกให้คุ้นเคยกับอาวุธพวกนี้ที่นั่น"
"แล้วพวกเราจะไปตอนไหนคะอาจารย์"เซเลีย
"เดี๋ยวนี้แหละ..."
พูดจบ เธอก็โบกมือไปมาเบาๆก่อนจะมีเขตเวทย์มนต์เป็นวงกลมสีม่วงใต้เท้าพวกเขา
"พวกเจ้าทุกคน มีศึกใหญ่รออยู่ ขอให้ตั้งใจฝึกให้ดี..พวกเจ้าคือความหวังที่เซนต์บาเรลและโลกนี้ภาภภูมิใจนะ.."
"ครับ!/ค่ะ!"
"ขอให้โชคดี.."
ทันใดนั้นที่พวกเขาถูกเคลื่อนย้ายด้วยเขตเวทย์มนต์ไปสู้สถานที่แห่งนึง สถานที่ที่เป็นศูนย์ฝึกที่เข้มงวดที่สุดในเบรอนดา..
ตุ้บ!!
ปีศาจสองตนร่วงลงมาจากวงแหวนเวทย์มนต์มาโผล่ในทุ่งหญ้ากว้างขวางแห่งนึง
"โอ้ย?!"เสียงอุทานของเดนน่าที่ร่วงลงมาก่อนจะทับร่างของแวมไพร์หนุ่มเข้าอย่างจัง
"อุก..!!" เสียงของเขาจุกอยู่ที่ลิ้นขณะที่โดนสาวร่างบางทับลงมาเต็มแรง
"ข..ขอโทษ"เธอรีบขอโทษแวมไพร์หนุ่มที่หน้าเขาและเธอใกล้กันมาจนรู้สึกถึงลมหายใจของกันและกัน
"ตัวหนักชะมัด..ยัยหมูสามชั้น"
"นี่! ช่วยอย่าปากเสียซักเดี๋ยวได้ไหมยะ แล้วนี่เซเลียกับแดเนียลล่ะ"
"ข้าก็ไม่แน่ใจ..ทำไมเหลือข้ากับยัยหมูตอนนี่อยู่สองคนล่ะเนี่ย"
"หมูตอนบ้านนายสิ ฉันตัวเบากว่านายตั้ง!..."
ครืนนนนนนนน....
เสียงถล่มของอะไรซักอย่างดังมาจากอีกฝากนึงของทุ่งหญ้าทำให้พวกเขาสองคนจับอาวุธที่อยู่ในมือให้แน่นก่อนจะหันหน้าเข้าสู้กับสิ่งที่เหมือนกำลังคลืบคลานเข้ามาช้าๆ
"เหมือนมันจะใกล้เข้ามาเรื่อยๆนะเวลส์"
"ข้าก็รู้สึกได้..เจ้ามาหลบหลังข้าก่อน"
"ไม่! ฉันจะสู้กับมันตรงๆนี่แหละ"
"โธ่เอ้ย?! อย่าเพิ่งดื้อได้ไหม"
พูดจบเขาก็กระชากแขนเล็กๆของเธอไปอยู่ข้างหลังขณะที่สิ่งที่พวกเขาสงสัยก็ปรากฏตัวขึ้น
มันคือปีศาจร็อคเกรย์กอร์ เป็นปีศาจจิตวิญญาณของหินผาขนาดใหญ่ จะอาศัยอยู่ริมหน้าผา มันมีรูปร่างที่ใหญ่แต่เชื่องช้า
"ฟังนะ เจ้าอยู่ตรงนี้ อย่าไปไหน! แล้วข้าจะเข้าไปบุกก่อน ถ้ามีอะไรเกิดขึ้น อย่าทำอะไรโง่ๆเด็ดขาด เข้าใจไหม!"
เขาหันหลังมาปรามเธอที่กำลังยืนอึ้งเหมือนเห็นคลื่นยักษ์ขนาดใหญ่กำลังพุ่งเข้ามา
"อ..อืม"
พูดจบ เขาก็พุ่งเข้าไปหาปีศาจที่กำลังเดินมาอย่างเชื่องช้า แล้วเอามีดคู่ที่อยู่ในมือฟันลงไปที่หน้าของมัน แต่ไม่เป็นผล..ไม่ได้สร้างบาดแผลอะไรเลยกับปีศาจตนนี้ เขาลองหลายต่อหลายครั้งแต่ก็ไม่สามารถจะทำความเสียหายอะไรได้เลยจนเริ่มรู้สึกเหนื่อยล้า
"โธ่เอ้ย..ทำไมทำอะไรมันไม่ได้เลยล่ะเนี่ย!!"
ในขณะเดียวกัน อีกฟากนึงไกลแสนไกลซึ่งเป็นทะเลทรายที่ร้อนระอุ เซเลียกับแดเนียลก็กำลังเดินฝ่าทรายที่เหมือนจะเผาพวกเขาให้ละลายไปยังไงยังงั้น
"นาย...ฉันร้อนจนจะหายใจไม่ออกแล้ว"
"เจ้าทนหน่อยนะ อย่าเพิ่งยอมแพ้สิ"
เซเลียที่ทางเหมือนจะเป็นลมเข้าไปทุกทีกับแดดที่ไม่มีท่าว่าจะปราณีเธอเลยซักนิด แดเนียลก็ไม่สามารถจะเรียกใช้พลังอะไรได้เลยจากไม้กายสิทธิ์นี้
"โธ่เอ้ย! ทำอะไรได้บ้างเนี่ย"
เขาหงุดหงิดก่อนจะสะบัดไม้วิเศษไปมา ขณะนั้นเองที่เซเลียไม่อาจสู้แสงแดดที่กำลังแผดเผาเธอต่อไปได้ ทำให้เธอล้มลงไปกับกองทราย
ตุ้บ..
"เห้ย..เจ้าตั้งสติหน่อยสิ เซเลีย!! โธ่เอ้ย! ทำอะไรซักอย่างเถอะ"
เขาบ่นกับไม้กายสิทธิ์ที่อยู่ในมือของเขาอย่างไม่พอใจที่มันไม่ตอบสนองอะไรเลย
'เจ้ากับข้า รวมใจเป็นหนึ่งสิ'
เสียงประหลาดของผู้หญิงดังก้องอยู่ในหูของเขา หรือว่า..มันคือเสียงของเจ้างั้นเหรอ ไม้กายสิทธิ์กำลังต้องการสื่อสารบางอย่างกับเขา
'ถ้าใจของผู้ใช้ไม่เป็นหนึ่งเดียวกับอาวุธ แล้วเจ้าจะใช้มันได้ยังไง'
เขาค่อยๆหลับตาลงช้าๆ แล้วพยายามสะกดสมาธิให้รวมเป็นหนึ่งเดียวกับมัน ก่อนจะค่อยๆร่ายคาถาชั้นสูงที่กำหนดสภาพอากาศได้
"ภูติหิมะเอ๋ย เจ้าจงฟังข้า จงพัดลอยมา อราเซีย!!"
สิ้นคำร่าย จากที่แดดร้อนจัดเหมือนจะแผดเผาพวกเขาให้กลายเป็นจุล ก็เปลี่ยนเป็นหิมะสีขาวบริสุทธิ์กำลังค่อยๆโปรยปรายลงมาจากท้องฟ้าที่ปกคลุมด้วยเมฆครึ้ม
"สำเร็จ..เซเลีย! เซเลีย"
เขายกหัวของเธอที่กำลังนอนหงายอยู่ขึ้นมาแล้วเรียกให้เธอคืนสติ และมันก็ได้ผล เธอค่อยๆปรือตาขึ้นช้าๆ
"อืม...ทำไมหนาวจัง"
"อ่าว แล้วกัน ฮ่าๆๆ"
"ขำอะไรของนาย..."
"เปล่าๆไม่มีอะไรหรอก เราไปกันต่อเถอะ"
"เดี๋ยวๆ..ที่นี่ไม่ใช่ทะเลทรายหรอกเหรอ"
"เถอะน่า ไปกันต่อได้แล้ว"
เขาลากแขนของเซเลียที่มีท่าทางมึนงงเล็กน้อยกับสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงไปแบบปุบปับ
อีกด้านนึงของทะเลทรายที่ได้ถูกเปลี่ยนเป็นสวนหิมะคือทุ่งหญ้าที่เวลส์กำลังต่อสู้กับปีศาจเกรย์กอร์ แต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่สามารถทำอะไรมันได้เลยแม้แต่น้อย
"โอ้ย?!"
เวลส์โดนกำปั้นที่ใหญ่เท่าจอทีวีอัดเข้าเต็มๆที่หน้าของเขา เขาร่วงลงไปกับพื้นทันทีที่โดนหมัดหนักๆนั่น
"เวลส์ เวลส์!! นายเป็นอะไรไหม? เวลส์"
"เดนน่า..ฉันบอกให้เจ้าอยู่ตรงนั้นอย่าไปไหนไง"
"อยุดพูดก่อนเถอะน่า เราต้องรีบหนีไปจาก...กรี้ดดดดดด!!"
"เดนน่า!!!"
เธอโดนปีศาจหินดึงด้วยอุ้งมือหยาบกระด้างนั่น
"เวลส์! อย่าสู้ต่อเถอะ นายรีบหนีไป กรี้ดด!หยุดนะไอ้ยักษ์ทุเรศ!!"
ปีศาจหินแลบลิ้นสีม่วงของมันออกมาเลียลงไปที่ใบหน้าของเธอ ดูเหมือนว่าเลือดเฮเลนในตัวเธอจะไปกระตุกต่อมหิวของมันเข้าเสียแล้ว
ภาพที่เห็นตรงหน้าคือยัยนั่นโดนปีศาจน่าเกลียดเอาลิ้นทุเรศๆของมันเลียที่แก้มของเธอ มันทำให้เขาโกรธ..โกรธจนคอของเขาขึ้นเป็นเส้นเอ็นปูดขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด เคี้ยวแวมไพร์ของเขายาวออกมาเลยริมฝีปากสีแดงสด
'เปลี่ยนความโกรธเป็นพลังสิ'
เสียงของผู้ชายน่าเกรงขามดังแว่วข้ามาในหูของเขา ก่อนที่มีดคู่นั่นจะเปล่งประกายเป็นสีทองออกมา ทำให้เขาหยิบมันขึ้นมาจับให้แน่นในมือก่อนจะพุ่งเข้าไปอัดใส่ปีศาจหินนั้นแบบไม่ยั้ง
พั่บ! ฉั๊ว! ควับ!
หินบนตัวของมันค่อยๆแตกออกทีละนิดด้วยการโจมตีที่รุนแรงและรวดเร็วของเขา มันทำให้ปีศาจหินเริ่มทลายลงมาทีละส่วน
มันเหวี่ยงหมัดเข้าหาแวมไพร์หนุ่มแต่เขากระโดดหลบและเอามีดแทงตรงลูกกลมๆเหมือนไข่มุกที่ฝังอยู่บนหน้าผากของมัน
ฉั๊วะ!!
เหมือนจะเป็นจุดอ่อน..มันพังทลายลงทันทีที่เขาชักมีดออก
"ช่วยด้วย! เวลส์!!!"
เขาวิ่งเข้าไปรับเธอที่ร่วงลงมาได้ทันท่วงที
พลั่ก!
"อุ้ก!"
"อ้ะ..ขอโทษ" เธอรีบลุกขึ้นจากท่าที่นั่งทับท้องของเขาไปเต็มๆ
"เจ้ามัน..ดื้อจริงๆเลย"
"ฮืออออออ"
เธอน้ำตาไหลคลอเบ้าก่อนจะเข้าไปก่อนจะก้มลงกอดคอของแวมไพร์หนุ่มที่เต็มไปด้วยบาดแผลจากการสู้กับยักษ์หินนั่น
"เจ้าทำข้าหายใจไม่ออกนะ...เดี๋ยวข้าก็ตายหรอก"
"ตายๆไปเลย จะได้ไม่ต้องให้เป็นห่วงอยู่แบบนี้" คำพูดที่อยู่ในใจของเธอหลุดออกมาโดยไม่รู้ตัว ทำให้แวมไพร์หนุ่มใจเต้นแรงอย่างบอกไม่ถูก
"ม..เมื่อกี้เจ้าว่าไงนะ"
"ป..เปล่านี่ ฮึก ฮึก"
เธอคลายอ้อมกอดออกแต่ยังคงสะอื้นอยู่ไม่หาย
"เจ้าเป็นห่วงข้าล่ะซิ ใช่ไหมล่ะ"
"บ้า ทำไมฉันต้องไปห่วงนายด้วย ไม่จำเป็น!!"
เธอก้มมองสำรวจร่างกายที่เต็มไปด้วยบาดแผลและรอยขีดข่วนบนเสื้อผ้าของเขา
"ฉันว่า ฉันคงจะได้ลองวิชาแล้วล่ะ ฉันจะรักษานายเอง!"
"ข้าจะตายเร็วกว่าเดิมล่ะสิไม่ว่า.."
"หุบปากแล้วนอนเงียบๆไปเลยนะ"
เขาลอบยิ้มเบาๆที่มุมปาก ทำให้เธอชะงักไปเล็กน้อย...เขาแอบยิ้มเหรอ เขารู้สึกดีกับคำพูดของเธองั้นเหรอ ทำไมเธอถึงรู้สึกดีขึ้นมาซะดื้อๆเลยนะ
ไม่ได้ๆ จะหวั่นไหวไปกับหมอนี่ไม่ได้ เธอต้องรีบฝึกวิชาแล้วรีบไปช่วยเมืองเอาไว้ เอาล่ะนะ
เธอค่อยๆตั้งสมาธิแล้วรวบรวมพลังจิตไว้ที่ปลายไม้คฑา พยายามรวบรวมพลังเวทย์ที่มีเพียงน้อยนิด แต่จู่ๆ เธอก็รู้สึกเหมือนมีพลังอีกส่วนหนึ่งที่เธอไม่เคยรู้สึกมาก่อน พุ่งเข้ามาที่มือของเธอแล้วไปรวมที่หัวของคฑา เกิดลมอ่อนๆขึ้นรอบๆตัวเธอกับเวลส์ที่กำลังนอนหลับตานิ่ง
"นี่สินะ..พลังที่อาจารย์เดวาน่าหมายถึง"
เธอพึมพำเบาๆก่อนจะหลับตาลงแล้วเอามือลูบที่หัวของเขาเบาๆ รอบๆมือของเธอส่องประกายสีเขียวก่อนจะไหลไปทั่วร่างของเขา และแล้วบาดแผลบนตัวของแวมไพร์หนุ่มจะค่อยๆจางหายไป
เธอเอามือออกช้าๆก่อนจะอึ้งกับผลงานของตัวเอง เธอทำได้แล้ว เธอใช้พลังเวทย์ได้แล้ว!!
"โอ้ะ หายเจ็บแล้วแฮะ"
"กรี้ดด นายเห็นไหม ฉันใช้พลังเวทย์ได้แล้ว ยะฮู้!!"
"เก่งมาก:)"
เขายิ้มเบาๆก่อนจะเอามือหนาๆและนิ้วเรียวยาวที่เย็นเฉียบมาลูบหัวเธอเบาๆ ก่อนจะเริ่มเพิ่มความเร็วขึ้นเรื่อยๆ
"นี่! ผมฉันยุ่งหมดแล้วนะ!!"
"ฮ่าๆๆ"
ไม่รู้ทำไม..แต่เธอเหมือนรู้สึกผูกพันธ์กับเขามากขึ้นเรื่อยๆ ถึงเธอกับเขาจะกัดกันตลอดแต่เขาก็เป็นคนที่คอยปกป้องและห่วงใยเธอเสมอ..เเบบนี้หรือเปล่านะ ที่เขาเรียกกันว่า ความรัก
"เหวอออ!!"
เคร้ง!!
แดเนียลร้องเสียงหลงเมื่อปีศาจโครงกระดูกพุ่งเข้ามาแล้วพยายามที่จะเอาดาบฟันเขา แต่เซเลียที่หันมาเห็นเข้าเลยช่วยเขาไว้ได้ทันเวลา
"นายหลบไปก่อน"
"ไม่! ข้าจะสู้เคียงข้างเจ้า"
"เซล์โลเคตั้นพวกนี้ เวทย์มนต์ทำอะไรมันไม่ได้หรอก.."
เคร้ง เคร้ง!!
เสียงดาบกระทบกันของผีโครงกระดูกที่โผล่มาจากด้านหลังกับดาบสีเงินที่ส่องประกายในมือของเธอ
"แต่ว่า.."
"ถอยไป!! ก่อนที่ฉันจะจับนายสับเป็นชิ้นๆแล้วแล่ให้พวกมันกินซะ!!"
เซเลียตะคอกเสียงดังใส่แดเนียลที่ยืนอยู่ขางหลังเธอ ซึ่งมันก็ทำให้เขารู้สึกกลัวไม่ใช่น้อย
"ค..ครับผม"
"ย่าาห์!!"
พลั่ก!!
เธอใช้สันดาบทุบหัวกะโหลกตัวสุดท้ายที่หลงเหลืออยู่
"เรียบร้อย.."
เธอพูดก่อนจะปัดมือสองสามทีแล้วใส่ดาบสีเงินเววาวลงในฝักข้างๆเอว แดเนียลอึ้งกับการจัดการฝูงปีศาจโครงกระดูกขนาดใหญ่อย่างรวดเร็วแบบนั้นได้
"เธอ..คืออสุกายหรือเปล่าเนี่ย.."
"อะไรนะ..."
"อ่อ..คือเธอเก่งจังนะ ฮ่าๆๆ"
เขาหัวเราะกลบเหลื่อนก่อนถอนหายใจเบาๆตอนที่เธอหันหลังไป เหมือนจะไม่ได้ยินที่เขาพูดไปสินะ เห้อ...
"เห้!! พวกนายสองคน!!!"
เสียงของเดนน่าตะโกนมาทำให้พวกเขาหันไปมองเจ้าของเสียงนั่น
"เห้! เดนน่า เวลส์ ปลอดภัยดีใช่ไหม!!"แดเนียลตะโตนตอบ
เดนน่าและเวส์เดินเข้าไปหาพวกเขาที่กำลังเดินเข้ามาเช่นกัน
"พวกนายเมื่อกี้มันมีปีศาจตัวเบ้อเริ่มเข้ามาทำร้ายพวกเราด้วยล่ะ น่ากลัวมากเลย" เดนน่า
"เมื่อกี้ก็มีกลุ่มโครงกระดูกเข้ามาทำร้ายพวกเราเหมือนกัน"เซเลีย
"ข้าคิดว่านี่เป็นการทดสอบที่อาจารย์เดวาน่าหมายถีงนั่นแหละ"เวลส์
"แล้วเราจะทำยังไงต่อล่ะ" แดเนียล
ทุกคนเงียบไปพักใหญ่ก่อนที่จะมีวงเวทย์วงใหญ่ปรากฏขึ้นล้อมพวกเขาไว้
"ข้าคิดว่า..เจ้าคงได้คำตอบแล้วล่ะ"
เมื่อเวลส์พูดจบ อาณาเขตเวทย์มนต์ก็ได้พาพวกเขากลับไปที่ปราสาท
ไฟกำลังลุกไหม้...ตอนนี้บ้านเมืองกำลังโดนไฟไหม้เป็นไปทั่ว ทุกคนกำลังหนีตายอย่างอลหม่าน กลุ่มควันสีดำขนาดใหญ่ก่อตัวขึ้นบนท้องฟ้าบดบังแสงจันทร์จนหมดสิ้น มังกรขนาดใหญ่สองตัวกำลังทำลายปราสาทขณะพวกเขายืนดูเหตุการณ์อยู่บนยอดหอคอยที่ด้านหลังของปราสาท
"นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่.."เดนน่าถามด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือเล็กน้อย
"ดูเหมือนว่า พวกมันจะลงมือแล้วล่ะ" แดเนียลตอบขณะมองดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างสับสน
"ไปกันเถอะ.."
เวลส์พุ่งนำหน้าทุกคนไปตามด้วยเซเลีย แดเนียล และเดนน่าคอยหนุนหลัง ในสถานการณ์นี้ ทุกคนยินดีที่จะตายเพื่อเกียรติแห่งเซนต์บาเรล
"ตายซะเถอะ ไอ้พวกสวะ!!!" เวลส์
-------------------------------------------------------------------------------------------------------
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ