MonsterHighSchool รักวุ่นๆของวัยรุ่นโรงเรียนปีศาจ
9.6
เขียนโดย DECOLOP
วันที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2558 เวลา 15.41 น.
7 บท
8 วิจารณ์
9,921 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2558 17.34 น. โดย เจ้าของนิยาย
5) เปลี่ยนแปลง?
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ หลังจากที่เธอทนฟังเสียงบ่นของอาจารย์ปีศาจอยู่นานสองนาน ก็ได้เวลาเลิกเรียนซึ่งก็คือนักเรียนทุกคนต้องเข้าไปในหอพักนั่นเอง
"เซเลียเธอนอนห้องเดียวกับฉันนะ นะๆ"
เดนน่าออดอ้อนสาวผมสีเงินที่กำลังเก็บหนังสือเข้ากระเป๋าเพื่อเตรียมเข้าเลือกห้องนอน
"โอเคๆ ตื๊ออย่างนี้ถ้าไม่นอนด้วยฉันคงโดนเธอฆ่าหมกส้วมแล้วล่ะ ฮ่าๆๆ"
"บ้าเหรอ ฉันไม่ใช่คนแบบนั้นซักหน่อย ฮ่าๆๆ"
ทั้งสองสาวหัวเราะกันอย่างสนุกสนานขณะที่เดินออกมาจากห้องเรียนของเซเลียแล้วเดินลงไปที่บันได
"เธอว่า เวลส์จะปลอดภัยไหมอ่ะเซเลีย"
เดนน่าถามด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบาแถมมีสีหน้าที่เศร้าลงอย่างเห็นได้ชัด
"เธอไม่ต้องห่วงหรอกน่า หมอนั่นปลอดภัยแน่"
เดนน่าพยักหน้าเบาๆตอบรับ แต่ในใจเธอยังคงเป็นห่วงเขา เวลส์..นายจะปลอดภัยดีหรือเปล่านะ
ด้านของเวลส์กับแดเนียลที่กำลังวุ่นวายอยู่กับการเล่นวิ่งไล่จับซึ่งสร้างเสียงอึกระทึกครึกโครมไปทั่วหอพักชาย
"เห้ยๆ เจ้าอย่าเข้ามานะเว้ย ข้าสาปเจ้าให้กลายเป็นหนูแน่!"
"ก็ลองดูสิ! ถ้าเจ้ากล้าสาปข้า ข้าจะให้ลูซิเฟอร์ข่วนหน้าเจ้าไม่ให้เหลือเลย" แดเนียลพูดพลางกอดแมวของเขาอย่างภาคภูมิใจ
"เหอะ ไอ้แมวกระจอกนั่นน่ะเหรอจะทำอะไรข้าได้"
"ไม่เชื่อ..ก็ลองดู!!"
แดเนียลร่ายคาถาใส่แมวสีขาวของเขา จู่ๆแมวตัวนั้นก็กลายเป็นผู้หญิงผมสีขาวยาวสยาย แถมยังมีเรือนร่างที่ชายใดเห็นแล้วต้องตกเป็นเหยื่อของเธอแน่ๆ
แมวสาวรู้หน้าที่ดีว่าเจ้าของของมันต้องการอะไร เธอจึงกระโดดเข้าไปคร่อมเวลส์ซึ่งตอนนี้หน้าแดงเหมือนลูกมะเขือเทศที่ทาด้วยสีแดงยังไงยังงั้น
"อ้าวๆ โดนแมวสาวเจ้าเสน่ห์ปราบพยศแล้วงั้นเหรอ"
"เปล่านะเฟ้ย!!"
โครม!!เพล้ง!!กรี้ดดดดด!!
ขณะที่ทั้งสองคนกำลังเล่นสนุกอยู่นั้น จู่ๆก็มีเสียงดังครึกโครมมาจากฝั่งของหอพักหญิงซึ่งทำให้หอพักชายแตกตื่น พวกเขาก้าวเท้าวิ่งไปเพื่อไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น
"ไปดูกันเถอะ"
"อืม"
แมวสาวคืนร่างเดิมพร้อมกับขึ้นไปนอนขดรอบท้ายทอยของแดเนียลซึ่งวิ่งออกมากับเวลส์ที่ทำสีหน้ากังวล
"ยัยนั่นจะเป็นอะไรไหมนะ.."
ทางฝ่ายของเดนน่าและเซเลียซึ่งกำลังวิ่งหนีรูปปั้นกองกอยยักษ์ที่มีชีวิตราวกับว่าจะมาจับพวกเธอกินเป็นอาหาร
"เราจะวิ่ง..ไปถึงไหน..กันเนี่ย!"
"ก็จนกว่า..จะมีคนมาช่วยเรา!!"
พวกเธอพูดตอบโต้ด้วยน้ำเสียงขาดๆหายเพราะแรงวิ่ง
"หยุดเดี๋ยวนี้นะ นี่มันเกิดอะไรกันขึ้น!!!"
เสียงของผู้อำนวยการและเหล่าอาจารย์ปีศาจวิ่งมาดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างชุลมุน พวกเธอสองคนวิ่งเข้าไปหาพวกอาจารย์และพวกนักเรียนที่กำลังเข้ามามุงกันมากขึ้นเรื่อยๆ
"อาจารย์คะ ช่วยพวกหนูด้วยค่ะ จู่ๆรูปปั้นนี่ก็วิ่งไล่พวกเรามา!?"
เดนน่าพยายามที่จะร้องขอให้อาจารย์ช่วยเธอและเซเลียที่กำลังวิ่งหนีรูปปั้นยักษ์หัวซุกหัวซุน
"พวกเจ้าเข้าไปหลบก่อน.."
อาจารย์เดวาน่าสั่งด้วยสีหน้าเคร่งเครียด เธอเป็นผู้อำนวยการโรงเรียนเวทย์มนต์เซนต์บาเรล และเป็นแม่มดสายเลือดบริสุทธิ์ ผู้ใช้เวทย์โบราณได้เก่งกาจไม่แพ้ใครในโลกปีศาจแห่งนี้เลย
เธอหยิบไม้กายสิทธิ์ออกมาจากแขนเสื้อที่ยาวลากพื้น ก่อนจะเริ่มร่ายคาถาที่ฟังแล้วประหลาดหูซึ่งสร้างความแปลกใจให้เหล่าอาจารย์มาก เพราะพวกเขาไม่เคยได้ยินคาถาบทนี้มาก่อนตั้งแต่อยู่มาจนถึงตอนนี้
"ฟาบีลัส ซีบีลัส อุสซากรีซัส มอเรนดูเรด้า! พังทลายในทันที ปีศาจร้ายจงตายไปซะ!!"
ครืนนน!!
จู่ๆรูปปั้นยักษ์ก็พังทลายลงไปทันทีที่โดนอาจารย์เดวาน่าร่ายมนต์ใส่แม่มดในชุดสีม่วงยาวลากดินเขย่าไม่คฑาของเธอสองสามครั้ง ก่อนจะหันหลังกลับไปช้าๆด้วยท่วงท่าที่สง่างามและน่าเกรงขาม แม่มดปรายตามองเดนน่าและเซเลียด้วยสายตาเฉียบคม เธอเป็นอาจารย์ที่อายุมาก และเป็นแม่มดรุ่นเก่าแก่ในตระกูลขุนนางเลยทีเดียว
"พวกเจ้าสองคน..และผู้ชายที่อยู่ข้างหลังนั่นด้วย"
อาจารย์ชี้ไปที่เวลส์และแดเนียลที่เพิ่งมาถึง
"พวกผม..เหรอครับ??" เดเนียลพูดขณะที่เวลส์ก็งงไม่แพ้กัน
"ใช่ ตามข้ามาที่ห้องหนังสือ พวกเรามีเรื่องสำคัญต้องคุยกัน"
ห้องหนังสือของเซนต์บาเรลมีกลิ่งอับของหนังสือเก่าๆและบรรยากาศรอบข้างดูเหมือนมีมนต์ขลังทำให้คนที่เข้ามาเยือนต้องขนลุก..พวกเขาก็เช่นกัน
"ที่แห่งนี้ จะกักเก็บเสียงได้ดีมากเพราะหนังสือพวกนี้แหละ เอาล่ะข้ารู้จักพวกเจ้าหมดแล้ว ก่อนอื่นขอข้าเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นซะก่อน"
เธอพูดพลางขยับมือเบาๆทำให้ลูกแก้วใสที่ตั้งอยู่บนโต๊ะไม้เก่าๆฉายให้เห็นภาพของปราสาทเก่าๆหลังนึง ก่อนจะเชิญให้ทุกคนนั่งที่เก้าอี้เบาะสีม่วงเข้มสลักลายไว้อย่างประณีต
"ในสมัยที่โลกปีศาจยังอยู่ในยุคสงคราม ข้าคือหัวหน้าแม่มดของราชสำนักมีหน้าที่ออกรบในหน่วยสืบสวน เมืองที่พวกเราอยู่ในปัจจบันคือเมืองเบรอนดาซึ่งข้าก็เป็นหนึ่งในกองทัพของเมืองนี้ ซึ่งเป็นเมืองที่ถูกเมืองราโมเนียซึ่งอยู่อีกฝากนึงโจมตี..หลังจากนั้น เบรอนดาก็แพ้สงคราม นับเป็นช่วงเวลาที่เลวร้ายที่สุดในชีวิตของข้า ข้าถูกจับไปเป็นเชลยอยู่ในเมืองนั้นถึงเจ็ดเดือน และสุดท้าย ข้าก็หนีมาได้ มีคนใจบุญช่วยข้าให้มาอยู่ในกระท่อมหลังนึง เธอบอกว่าเธอคือแม่มดเหมือนกับข้า และเธอได้สอนวิชาต่างๆให้ข้ามากมาย ทั้งศาสตร์ขาวและศาสตร์มืด"
อาจารย์เว้นการเล่าของเธอไว้ก่อนจะหยิบน้ำชาในแก้วใบเล็กขึ้นมาจิบช้าๆก่อนจะค่อยๆเล่าต่อไป
"แล้วเกิดอะไรขึ้นต่อคะ"เดนน่าถามด้วยความสนใจ
"และแล้ว..โชคชะตาก็ยังไม่พอใจ คนที่รับข้ามาเลี้ยงโดนกองทัพจากเมืองนั้นฆ่าทิ้ง โชคดีที่ข้าหนีมาทัน ทำให้กลับมายังเมืองเบรอนดาทันท่วงที ซึ่งทางนี้ก็เตรียมทัพไว้เรียบร้อยพร้อมจะตีกลับทำให้ชนะสงครามไป แต่ทว่าหลังจากผ่านไปสามปี จ้าวปีศาจก็ทำสัญญากับเมืองนั้น แล้วบอกว่าซักวันนึง เมืองแห่งนี้และโลกใบนี้ จะต้องหลายเป็นจุล.."
"แต่ตอนนี้พวกเราก็อยู่ปกติดีนี่ครับ.." เวลส์พูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉย แต่สีหน้าเขากลับตรงกันข้าม เขาดูกังวลมากกว่าใครๆ แทบจะมากกว่าอาจารย์เดวาน่าด้วยซ้ำ
"ไม่เอาน่าเจ้าชาย..ท่านคือลูกชายเพียงคนเดียวของฝ่าบาท ย่อมรู้เรื่องดีอยู่แก่ใจ ว่ามันอันตรายแค่ไหน จริงไหม"
อาจารย์เดวาน่าทำให้เขาพูดไม่ออก ใช่ เขาเป็นเจ้าชายใช้ชีวิตอยู่ในวังและคลุกคลีกับเรื่องการเมืองย่อมรู้เรื่องนี้ดีกว่าใครๆ และเหมือนที่อาจารย์ดวาน่าพูด ว่ามันอันตรายแค่ไหนซึ่งเขาก็ไม่เถียง
"แต่ตอนนี้พวกมันก็ไม่ได้มาบุกเมืองเรานี่คะแถมตอนนี้โลกเราก็ปกติสุขดี จะกังวลไปทำไม?" เซเลียที่นั่งฟังเรื่องราวอยู่นั่งหลังตรงขึ้นก่อนจะเริ่มเข้าสู่ประเด็น
"ผิดแล้วล่ะสาวน้อย เจ้าไม่สังเกตุบ้างเหรอว่าตอนนี้เมืองของเราเปลี่ยนไปแค่ไหน"
อาจารย์เดวาน่าลุกขึ้นก่อนจะเดินไปมองที่หน้าต่างบานใหญ่ติดเพดาน พลางถอนหายใจอย่างเหน็ดเหนื่อย
"ไม่ใช่แค่เมืองของเราเท่านั้น โลกของเราก็เปลี่ยนไปเช่นกัน ท้องฟ้ายามกลางวันแม้ปกติจะมีเพียงแสงอาทิตย์เพียงน้อยนิด แต่ตอนนี้กลับมืดสนิทเหมือนกลางคืนตลอดเวลา เรื่องที่สาวน้อยผมสีส้มโดนปีศาจทำร้ายที่หลังสระน้ำด้วยเช่นกัน"
"เปล่านะคะอาจารย์ นั่นเป็นเพราะว่าหนูเป็นเฮเลนต่างหาก"
"ไม่ใช่..ปกติปีศาจมีพิษแบบนั้นไม่มีทางทำร้ายคนที่ไม่ไปทำอะไรมันก่อนหรอก ไม่ว่าเจ้าจะเป็นเฮเลนรืออะไรก็ตาม แต่มันถูกปลุกขึ้นมาต่างหากล่ะ"
"หมายความว่ายังไงครับ?" เวลส์ถามขึ้นมาด้วยสีหน้าที่สนใจ คำว่า'ถูกปลุก'เหมือนไปกระตุ้นต่อมของเขายังไงยังงั้น
"เจ้าจำได้ไหม ที่จู่ๆเจ้าก็มีอาการของแวมไพร์ที่กระหายขึ้นมาทั้งๆที่เพิ่งกินอาหารไปแท้ๆ เพราะจิต'ปีศาจร้าย' ของเจ้าก็ถูกปลุกขึ้นมายังไงล่ะ"
"ร..เรื่องจริงเหรอครับ"แดเนียล
อาจารย์เดวาน่าหลับตาแล้วถอนหายใจยาวๆ ก่อนจะหันมาทางพวกเราที่นั่งฟังอยู่อย่างตั้งใจ
"พวกเจ้าเริ่มสังเกตุไหม ว่าช่วงนี้มีอายควันสีดำจางๆค่อยๆปกคลุมทั่วเมืองไปทั่ว"
"เห็นค่ะ"เซเลีย
"นั่นแหละ อายปีศาจ สิ่งที่ปลุกจิตใต้สำนึกด้านร้ายของปีศาจทุกตนขึ้นมายังไงล่ะ"
อาจารย์เดวาน่าเริ่มมีสีหน้าที่เครียดขึ้นมาเล็กน้อยตอนพูดถึงอายปีศาจ
"แล้ว..พวกเราต้องทำยังไงบ้างครับ"เวลส์
"พวกเธอ คือปีศาจที่มีพลังอันมหาศาลอยู่ในครอบครอง แต่เพียงมันกำลังหลับใหลอยู่เท่านั้น หากได้รับการ กระตุ้น ก็อาจทำให้พลังนั้นตื่นขึ้นมาก็ได้..."
-------------------------------------------------------------------------------------------------------
"เซเลียเธอนอนห้องเดียวกับฉันนะ นะๆ"
เดนน่าออดอ้อนสาวผมสีเงินที่กำลังเก็บหนังสือเข้ากระเป๋าเพื่อเตรียมเข้าเลือกห้องนอน
"โอเคๆ ตื๊ออย่างนี้ถ้าไม่นอนด้วยฉันคงโดนเธอฆ่าหมกส้วมแล้วล่ะ ฮ่าๆๆ"
"บ้าเหรอ ฉันไม่ใช่คนแบบนั้นซักหน่อย ฮ่าๆๆ"
ทั้งสองสาวหัวเราะกันอย่างสนุกสนานขณะที่เดินออกมาจากห้องเรียนของเซเลียแล้วเดินลงไปที่บันได
"เธอว่า เวลส์จะปลอดภัยไหมอ่ะเซเลีย"
เดนน่าถามด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบาแถมมีสีหน้าที่เศร้าลงอย่างเห็นได้ชัด
"เธอไม่ต้องห่วงหรอกน่า หมอนั่นปลอดภัยแน่"
เดนน่าพยักหน้าเบาๆตอบรับ แต่ในใจเธอยังคงเป็นห่วงเขา เวลส์..นายจะปลอดภัยดีหรือเปล่านะ
ด้านของเวลส์กับแดเนียลที่กำลังวุ่นวายอยู่กับการเล่นวิ่งไล่จับซึ่งสร้างเสียงอึกระทึกครึกโครมไปทั่วหอพักชาย
"เห้ยๆ เจ้าอย่าเข้ามานะเว้ย ข้าสาปเจ้าให้กลายเป็นหนูแน่!"
"ก็ลองดูสิ! ถ้าเจ้ากล้าสาปข้า ข้าจะให้ลูซิเฟอร์ข่วนหน้าเจ้าไม่ให้เหลือเลย" แดเนียลพูดพลางกอดแมวของเขาอย่างภาคภูมิใจ
"เหอะ ไอ้แมวกระจอกนั่นน่ะเหรอจะทำอะไรข้าได้"
"ไม่เชื่อ..ก็ลองดู!!"
แดเนียลร่ายคาถาใส่แมวสีขาวของเขา จู่ๆแมวตัวนั้นก็กลายเป็นผู้หญิงผมสีขาวยาวสยาย แถมยังมีเรือนร่างที่ชายใดเห็นแล้วต้องตกเป็นเหยื่อของเธอแน่ๆ
แมวสาวรู้หน้าที่ดีว่าเจ้าของของมันต้องการอะไร เธอจึงกระโดดเข้าไปคร่อมเวลส์ซึ่งตอนนี้หน้าแดงเหมือนลูกมะเขือเทศที่ทาด้วยสีแดงยังไงยังงั้น
"อ้าวๆ โดนแมวสาวเจ้าเสน่ห์ปราบพยศแล้วงั้นเหรอ"
"เปล่านะเฟ้ย!!"
โครม!!เพล้ง!!กรี้ดดดดด!!
ขณะที่ทั้งสองคนกำลังเล่นสนุกอยู่นั้น จู่ๆก็มีเสียงดังครึกโครมมาจากฝั่งของหอพักหญิงซึ่งทำให้หอพักชายแตกตื่น พวกเขาก้าวเท้าวิ่งไปเพื่อไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น
"ไปดูกันเถอะ"
"อืม"
แมวสาวคืนร่างเดิมพร้อมกับขึ้นไปนอนขดรอบท้ายทอยของแดเนียลซึ่งวิ่งออกมากับเวลส์ที่ทำสีหน้ากังวล
"ยัยนั่นจะเป็นอะไรไหมนะ.."
ทางฝ่ายของเดนน่าและเซเลียซึ่งกำลังวิ่งหนีรูปปั้นกองกอยยักษ์ที่มีชีวิตราวกับว่าจะมาจับพวกเธอกินเป็นอาหาร
"เราจะวิ่ง..ไปถึงไหน..กันเนี่ย!"
"ก็จนกว่า..จะมีคนมาช่วยเรา!!"
พวกเธอพูดตอบโต้ด้วยน้ำเสียงขาดๆหายเพราะแรงวิ่ง
"หยุดเดี๋ยวนี้นะ นี่มันเกิดอะไรกันขึ้น!!!"
เสียงของผู้อำนวยการและเหล่าอาจารย์ปีศาจวิ่งมาดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างชุลมุน พวกเธอสองคนวิ่งเข้าไปหาพวกอาจารย์และพวกนักเรียนที่กำลังเข้ามามุงกันมากขึ้นเรื่อยๆ
"อาจารย์คะ ช่วยพวกหนูด้วยค่ะ จู่ๆรูปปั้นนี่ก็วิ่งไล่พวกเรามา!?"
เดนน่าพยายามที่จะร้องขอให้อาจารย์ช่วยเธอและเซเลียที่กำลังวิ่งหนีรูปปั้นยักษ์หัวซุกหัวซุน
"พวกเจ้าเข้าไปหลบก่อน.."
อาจารย์เดวาน่าสั่งด้วยสีหน้าเคร่งเครียด เธอเป็นผู้อำนวยการโรงเรียนเวทย์มนต์เซนต์บาเรล และเป็นแม่มดสายเลือดบริสุทธิ์ ผู้ใช้เวทย์โบราณได้เก่งกาจไม่แพ้ใครในโลกปีศาจแห่งนี้เลย
เธอหยิบไม้กายสิทธิ์ออกมาจากแขนเสื้อที่ยาวลากพื้น ก่อนจะเริ่มร่ายคาถาที่ฟังแล้วประหลาดหูซึ่งสร้างความแปลกใจให้เหล่าอาจารย์มาก เพราะพวกเขาไม่เคยได้ยินคาถาบทนี้มาก่อนตั้งแต่อยู่มาจนถึงตอนนี้
"ฟาบีลัส ซีบีลัส อุสซากรีซัส มอเรนดูเรด้า! พังทลายในทันที ปีศาจร้ายจงตายไปซะ!!"
ครืนนน!!
จู่ๆรูปปั้นยักษ์ก็พังทลายลงไปทันทีที่โดนอาจารย์เดวาน่าร่ายมนต์ใส่แม่มดในชุดสีม่วงยาวลากดินเขย่าไม่คฑาของเธอสองสามครั้ง ก่อนจะหันหลังกลับไปช้าๆด้วยท่วงท่าที่สง่างามและน่าเกรงขาม แม่มดปรายตามองเดนน่าและเซเลียด้วยสายตาเฉียบคม เธอเป็นอาจารย์ที่อายุมาก และเป็นแม่มดรุ่นเก่าแก่ในตระกูลขุนนางเลยทีเดียว
"พวกเจ้าสองคน..และผู้ชายที่อยู่ข้างหลังนั่นด้วย"
อาจารย์ชี้ไปที่เวลส์และแดเนียลที่เพิ่งมาถึง
"พวกผม..เหรอครับ??" เดเนียลพูดขณะที่เวลส์ก็งงไม่แพ้กัน
"ใช่ ตามข้ามาที่ห้องหนังสือ พวกเรามีเรื่องสำคัญต้องคุยกัน"
ห้องหนังสือของเซนต์บาเรลมีกลิ่งอับของหนังสือเก่าๆและบรรยากาศรอบข้างดูเหมือนมีมนต์ขลังทำให้คนที่เข้ามาเยือนต้องขนลุก..พวกเขาก็เช่นกัน
"ที่แห่งนี้ จะกักเก็บเสียงได้ดีมากเพราะหนังสือพวกนี้แหละ เอาล่ะข้ารู้จักพวกเจ้าหมดแล้ว ก่อนอื่นขอข้าเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นซะก่อน"
เธอพูดพลางขยับมือเบาๆทำให้ลูกแก้วใสที่ตั้งอยู่บนโต๊ะไม้เก่าๆฉายให้เห็นภาพของปราสาทเก่าๆหลังนึง ก่อนจะเชิญให้ทุกคนนั่งที่เก้าอี้เบาะสีม่วงเข้มสลักลายไว้อย่างประณีต
"ในสมัยที่โลกปีศาจยังอยู่ในยุคสงคราม ข้าคือหัวหน้าแม่มดของราชสำนักมีหน้าที่ออกรบในหน่วยสืบสวน เมืองที่พวกเราอยู่ในปัจจบันคือเมืองเบรอนดาซึ่งข้าก็เป็นหนึ่งในกองทัพของเมืองนี้ ซึ่งเป็นเมืองที่ถูกเมืองราโมเนียซึ่งอยู่อีกฝากนึงโจมตี..หลังจากนั้น เบรอนดาก็แพ้สงคราม นับเป็นช่วงเวลาที่เลวร้ายที่สุดในชีวิตของข้า ข้าถูกจับไปเป็นเชลยอยู่ในเมืองนั้นถึงเจ็ดเดือน และสุดท้าย ข้าก็หนีมาได้ มีคนใจบุญช่วยข้าให้มาอยู่ในกระท่อมหลังนึง เธอบอกว่าเธอคือแม่มดเหมือนกับข้า และเธอได้สอนวิชาต่างๆให้ข้ามากมาย ทั้งศาสตร์ขาวและศาสตร์มืด"
อาจารย์เว้นการเล่าของเธอไว้ก่อนจะหยิบน้ำชาในแก้วใบเล็กขึ้นมาจิบช้าๆก่อนจะค่อยๆเล่าต่อไป
"แล้วเกิดอะไรขึ้นต่อคะ"เดนน่าถามด้วยความสนใจ
"และแล้ว..โชคชะตาก็ยังไม่พอใจ คนที่รับข้ามาเลี้ยงโดนกองทัพจากเมืองนั้นฆ่าทิ้ง โชคดีที่ข้าหนีมาทัน ทำให้กลับมายังเมืองเบรอนดาทันท่วงที ซึ่งทางนี้ก็เตรียมทัพไว้เรียบร้อยพร้อมจะตีกลับทำให้ชนะสงครามไป แต่ทว่าหลังจากผ่านไปสามปี จ้าวปีศาจก็ทำสัญญากับเมืองนั้น แล้วบอกว่าซักวันนึง เมืองแห่งนี้และโลกใบนี้ จะต้องหลายเป็นจุล.."
"แต่ตอนนี้พวกเราก็อยู่ปกติดีนี่ครับ.." เวลส์พูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉย แต่สีหน้าเขากลับตรงกันข้าม เขาดูกังวลมากกว่าใครๆ แทบจะมากกว่าอาจารย์เดวาน่าด้วยซ้ำ
"ไม่เอาน่าเจ้าชาย..ท่านคือลูกชายเพียงคนเดียวของฝ่าบาท ย่อมรู้เรื่องดีอยู่แก่ใจ ว่ามันอันตรายแค่ไหน จริงไหม"
อาจารย์เดวาน่าทำให้เขาพูดไม่ออก ใช่ เขาเป็นเจ้าชายใช้ชีวิตอยู่ในวังและคลุกคลีกับเรื่องการเมืองย่อมรู้เรื่องนี้ดีกว่าใครๆ และเหมือนที่อาจารย์ดวาน่าพูด ว่ามันอันตรายแค่ไหนซึ่งเขาก็ไม่เถียง
"แต่ตอนนี้พวกมันก็ไม่ได้มาบุกเมืองเรานี่คะแถมตอนนี้โลกเราก็ปกติสุขดี จะกังวลไปทำไม?" เซเลียที่นั่งฟังเรื่องราวอยู่นั่งหลังตรงขึ้นก่อนจะเริ่มเข้าสู่ประเด็น
"ผิดแล้วล่ะสาวน้อย เจ้าไม่สังเกตุบ้างเหรอว่าตอนนี้เมืองของเราเปลี่ยนไปแค่ไหน"
อาจารย์เดวาน่าลุกขึ้นก่อนจะเดินไปมองที่หน้าต่างบานใหญ่ติดเพดาน พลางถอนหายใจอย่างเหน็ดเหนื่อย
"ไม่ใช่แค่เมืองของเราเท่านั้น โลกของเราก็เปลี่ยนไปเช่นกัน ท้องฟ้ายามกลางวันแม้ปกติจะมีเพียงแสงอาทิตย์เพียงน้อยนิด แต่ตอนนี้กลับมืดสนิทเหมือนกลางคืนตลอดเวลา เรื่องที่สาวน้อยผมสีส้มโดนปีศาจทำร้ายที่หลังสระน้ำด้วยเช่นกัน"
"เปล่านะคะอาจารย์ นั่นเป็นเพราะว่าหนูเป็นเฮเลนต่างหาก"
"ไม่ใช่..ปกติปีศาจมีพิษแบบนั้นไม่มีทางทำร้ายคนที่ไม่ไปทำอะไรมันก่อนหรอก ไม่ว่าเจ้าจะเป็นเฮเลนรืออะไรก็ตาม แต่มันถูกปลุกขึ้นมาต่างหากล่ะ"
"หมายความว่ายังไงครับ?" เวลส์ถามขึ้นมาด้วยสีหน้าที่สนใจ คำว่า'ถูกปลุก'เหมือนไปกระตุ้นต่อมของเขายังไงยังงั้น
"เจ้าจำได้ไหม ที่จู่ๆเจ้าก็มีอาการของแวมไพร์ที่กระหายขึ้นมาทั้งๆที่เพิ่งกินอาหารไปแท้ๆ เพราะจิต'ปีศาจร้าย' ของเจ้าก็ถูกปลุกขึ้นมายังไงล่ะ"
"ร..เรื่องจริงเหรอครับ"แดเนียล
อาจารย์เดวาน่าหลับตาแล้วถอนหายใจยาวๆ ก่อนจะหันมาทางพวกเราที่นั่งฟังอยู่อย่างตั้งใจ
"พวกเจ้าเริ่มสังเกตุไหม ว่าช่วงนี้มีอายควันสีดำจางๆค่อยๆปกคลุมทั่วเมืองไปทั่ว"
"เห็นค่ะ"เซเลีย
"นั่นแหละ อายปีศาจ สิ่งที่ปลุกจิตใต้สำนึกด้านร้ายของปีศาจทุกตนขึ้นมายังไงล่ะ"
อาจารย์เดวาน่าเริ่มมีสีหน้าที่เครียดขึ้นมาเล็กน้อยตอนพูดถึงอายปีศาจ
"แล้ว..พวกเราต้องทำยังไงบ้างครับ"เวลส์
"พวกเธอ คือปีศาจที่มีพลังอันมหาศาลอยู่ในครอบครอง แต่เพียงมันกำลังหลับใหลอยู่เท่านั้น หากได้รับการ กระตุ้น ก็อาจทำให้พลังนั้นตื่นขึ้นมาก็ได้..."
-------------------------------------------------------------------------------------------------------
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ