ม่านบุพเพเล่ห์รักนาคราช

-

เขียนโดย kmoon

วันที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2558 เวลา 21.01 น.

  2 ตอน
  0 วิจารณ์
  5,141 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2558 21.09 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

2) เกี่ยวพัน

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

     

“แต่… พวกเจ้าต้องคอยทำตามที่เราสั่งนะ มิอย่างนั้นเรื่องนี้ถึงพระพี่นางแน่ๆ”

เมื่อถึงเวลาที่พระอริยะเจ้าเสด็จ ด้วยมีลำแสงสีทองทอประกายสาดเป็นทางพาดผ่านท้องฟ้าของบาดาลนคร ลงสู่ใจกลางสายน้ำอันมีดอกบัวสีทองกำลังเบ่งบานรอรับ แม้จะยังไม่ปรากฏร่างของพระองค์ แต่เหล่านาคาทั้งหลายก็ต่างกรูกันเข้าไปยังบริเวณที่เป็นจุดเข้าใกล้สายน้ำที่สุด เพื่อจะได้ชื่นชมบารมีของพระองค์ให้มากที่สุด

และด้วยเหตุนี้เองที่ทำให้ร่างที่ห่างกันอยู่เมื่อครู่ ขยับเข้ากระชับชิดกันเข้ามาจนเป็นเหตุให้เสียหลักเซถลา ร่างขององค์หญิงมัณชยาเสียการทรงตัว ถ้าไม่ติดที่มีมือของใครคนหนึ่งมาคว้าเอาไว้ร่างทั้งร่างคงมีอันล้มคว่ำ และเมื่อหันกลับมาใบหน้าแสนงดงามของ นาคราชหนุ่มก็ปรากฏอยู่ไม่ห่างด้วยสายตาเป็นห่วง

“เป็นอย่างไรบ้างเจ้า ขอโทษเถิด…หมู่มวลผู้นาคราชของเรา ต่างก็อยากเฝ้าชมบารมีพระพุทธองค์ผู้ประเสริฐจนเบียด กันไปมา เจ้าบาดเจ็บอันใดหรือเปล่า” ปล่อยพระกรบอบบางพลางถามย้ำอีกรอบ

“ขอบพระทัยพระองค์ยิ่งนัก หม่อมฉันมิได้เป็นอันใดเลย พระองค์ไม่รีบเสด็จเข้าไปหรือเจ้าคะ” ย้อนถามด้วยใบหน้าระเรื่อด้วยริ้วสีอย่างเขินอาย เพราะคงไม่มีนารีปกตินางใดที่ได้พิศโฉมของท้าวเธอจะไม่เคลิ้มบ้างเล่า

“เข้าไปเสียด้วยกันสิ เจ้าก็จะเข้าไปเช่นกันมิใช่หรือ” นาคหนุ่มย้อนถามเสียงนุ่มดุจเดิม

“เจ้าค่ะ คือขนิษฐาของหม่อมฉัน คอยอยู่ข้างในกับนางรับใช้ มิรู้ว่าปานนี้จะออกฤทธิ์ไปถึงไหนแล้ว”เอ่ยบอกขณะขยับเดินเคียงกันมา โดยมีร่างสูงคอยกันผู้ที่จะเบียดเข้ามาแบบไม่สนใจว่าจะต้องผลักผู้ใด ให้พ้นไปจากกายบาง

“ดอกไม้ในพานเลยหล่นเสียหมด งามๆ ทั้งนั้น” เสียงทุ้มเอ่ยอย่างเสียดาย

“มิเป็นไรเจ้าค่ะ ที่นางรับใช้ยังมีอีกถม ที่ออกมาเอาอีกรอบเพราะเสียดายว่าจะใช้บูชาพระพุทธองค์ไม่หมด อุตส่าห์ช่วยกันทำไว้ตั้งมากมาย” องค์หญิงเอ่ยตอบเสร็จ ก็เดินมาถึงจุดที่รมย์นลินยืนคอยอยู่ และทันทีที่ใบหน้าป้อมๆ เปื้อนยิ้มน่าเอ็นดูหันมาเห็นว่าผู้ใดกำลังก้าวเคียงพระพี่นางของตนมา รอยยิ้มนั้นก็หุบฉับลง ก่อนที่สมองเจ้าเล่ห์ก้อนน้อยๆ จะคิดได้ว่าจะแยกพระพี่นางผู้เลอโฉม ออกจากบุรุษผู้นิสัยแย่ผู้นี้

“พระพี่นางเจ้าขา…หายไปไหนมาเจ้าคะ หญิงนึกว่าจะมามิทันเสียแล้วสิ”

“จ้า…มีอุบัติเหตุนิดหน่อย แล้วเป็นอย่างไรเจ้าดื้อหรือไม่ล่ะ” พระพี่นางย้อนถามใบหน้าน้อยส่ายไปมาเสียทันควัน

“หญิงรักษาคำพูดทุกประการเจ้าค่ะ ถามพี่กันยาก็ได้” แม้จะเจรจาความกับพระพี่นาง แต่สายพระเนตรกลมโตกลับวนเวียนอยู่กับร่างสูง ก่อนจะกระตุกพระกรพระพี่นางเบาๆ แล้วจีบปากจีบคอถามว่า

“ผู้ที่ตามพระพี่นางมา เป็นผู้ใดเจ้าคะ ไว้ใจได้หรือเปล่า” สิ้นคำถามใบหน้างดงามของบุรุษร่างสูง ก็ปรากฏรอยยิ้มเอ็นดู แต่ก็แสร้งกวาดเนตรไปรอบๆ ราวกับมิได้ยินสิ่งที่ธิดาตัวน้อยเอ่ยถาม

“เสียมารยาทจริงหญิงนี่ ท่านช่วยพี่ไว้มิให้ล้มหก และช่วยแหวกทางให้กลับมาถึงนี่อย่างมิบุบสลายต่างหากเล่า”

“เราชื่อวรุณหรือจะเรียกเราว่าเจ้าพี่วรุณเช่น พระพี่นางของเจ้าก็ได้ แล้วเจ้าเล่าบอกนามสิ” ผู้สูงวัยเอ่ยเสียงทุ้ม

“ใครถามตัวเล่า เรื่องไรเขาจะบอก” เอ่ยตอบเสียงแผ่ว แบบทันควัน นั่นทำให้ถูกเอ็ดอย่างเร็วดุจเดียวกันนิ้วที่คีบบิดไม่เบานัก ทำให้สาวน้อยรู้สึกตัวว่าจะทำให้เสียแผน จึงรีบเอ่ยแก้ทันที

“คือหญิงหมายถึงว่า มันจะดีหรือเจ้าคะ…ถ้าแม้นไม่เป็นการตีสนิทกับพระองค์เกินไปหญิงก็จะเรียกและรมย์นลินคือนามหญิง แล้วนี่พระองค์มากับใครเจ้าคะ” ถามรัวเป็นชุด กะให้อีกฝ่ายรำคาญเล่น เพราะร้อยทั้งร้อย มิมีชายใดชอบที่ยุ่งกับเด็กโดยเฉพาะกับ‘เด็กพูดมาก’

“เสียมารยาทอีกแล้วหญิง ไปซักท่านอย่างนั้นได้อย่างไรเล่า กลับไปเห็นว่าพี่ต้องอบรมนิสัยเสียใหม่แล้ว” มัณชยาดุออกมาตรงๆ เพราะเริ่มทนแม่ตัวเล็กไม่ไหว

“มิเป็นไรหรอกเจ้า พี่มิถือดอกพี่มากับพระบิดาพระมารดาและอนุชา เห็นจะพลัดกันเสียแล้วล่ะ เพราะแยกกันเมื่อครู่ใหญ่ผู้คนก็เยอะเหลือเกิน แม้ขยับยังลำบากก็คงต้องรับเสด็จพระพุทธองค์ที่นี่เสียแล้วล่ะ” อธิบายอย่างใจเย็น แถมแย้มยิ้มราวรู้ทัน แม่หนูน้อยทำหน้ามุ่ยนิดหนึ่ง ก่อนจะถามออกมาอีกว่า

“เจ้าพี่..มิเห็นมีมาลัยแทบพระบาทพระองค์นี่เจ้าคะ”

“มิเห็นเป็นไรเลยเจ้า ก็เห็นมาลัยในพานทองของน้องหญิงมีตั้งหลายพวง ขอพี่สักหน่อยมิได้หรือ มิอย่างนั้นเห็นทีจะต้องขอเมตตาจากพระพี่นางของเจ้าแทน” ถึงแม้ผู้เอ่ยจะบริสุทธิ์ใจ แต่คนที่มองแง่ร้ายย่อมเห็นว่าเนตรช่างแพรวพราว

“มาลัยพวงนี้หญิงร้อยเอง เพิ่งหัดเมื่อคืนออกบิดเบี้ยวหน่อย หากเจ้าพี่มิว่าหญิงให้ยืมก็ได้” ว่าพลางยื่นส่งให้ แม้จะเห็นอยู่ว่ามาลัยพวงสวยๆ ยังมีอยู่อีกสอง แต่ก็ยอมรับมาพลางเอ่ยปากชมให้ได้ยิน

“อะไรกันเจ้า สวยจะตายยังว่าบิดเบี้ยว นี่ขนาดเพิ่งหัดนะเนี้ย อีกหน่อยต้องสวยดั่งคนร้อยแน่ๆ” แม้จะตั้งท่าเป็นอริแต่พอได้ยินลมปาก สาวน้อยก็อดภูมิใจเสียมิได้ แต่ก็ยังไม่ได้จะตอบโต้คำใดอีกพระพุทธองค์ก็เสด็จลอยลงมา ประทับบนดอกบัว เหล่านาคราช เทวดาต่างกรูกันโปรยข้าวตอกดอกไม้และมาลัยลงไปในสายน้ำ

เป็นเหตุให้ร่างน้อยถูกดันไปข้างหน้าจนเกือบตกลงไปถ้าชายหนุ่มร่างสูงที่ยืนซ้อนหลังอยู่จะไม่ตวัดอุ้มร่างเล็กที่สั่นเทา เพราะเสียขวัญมาแนบอกให้มานั่งในวงแขน ทำให้ใบหน้าเธออยู่สูงระดับเดียวกับผู้อุ้ม ธิดาน้อยกอดพระศอคนอุ้มเสียแน่นหนา

“ขอบพระทัยเจ้าค่ะ” อ้อมแอ้มเอ่ยออกไป อย่างน้อยก็เป็นกิริยาที่ควรกระทำ

“มิเป็นไรหรอกเจ้า ดูสิ…มาลัยหล่นกับพานตกลงลอยไปตามกระแสน้ำเสียแล้ว เหลืออยู่แค่พวงเดียวที่เจ้าให้ เอาอย่างนี้นะ เดี๋ยวเราโยนไปด้วยกัน”

“ทำอย่างไรเจ้าคะ” เงยหน้าขึ้นมาเพื่อเอ่ยถาม

“นลิน ถือมาลัยไว้นะ ส่วนพี่จะเป็นผู้ช่วยเจ้าเหวี่ยงออกไป สองแรงเดี๋ยวถ้าช้าพระพุทธองค์ท่านจะเสด็จผ่านไปเสียก่อน” สาวน้อยพยักหน้ารับทันที และไม่รู้ว่าเป็นเพราะเหตุผลกลใด มาลัยบิดเบี้ยวอันนั้นกลับลอยไปแทบพระบาทพระพุทธองค์ดังปาฏิหาริย์

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา