ม่านบุพเพเล่ห์รักนาคราช

-

เขียนโดย kmoon

วันที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2558 เวลา 21.01 น.

  2 ตอน
  0 วิจารณ์
  5,037 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2558 21.09 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

1) สาเหตุแรก

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

     

 “โอ๊ย!!” เสียงที่ดังขึ้นพร้อมกับร่างของสาวน้อยวัยกำดัด ที่กำลังวิ่งตรงมาตามทางล้มหัวคะมำลงบนพื้นหญ้าเขียวขจี บริเวณราชฐานฝ่ายใน จนมาลัยพวงน้อยๆ ที่ถือมากระเด็นไปคนละทิศคนละทาง

“เอาอีกแล้ว…นลินนี่นะ ซุ่มซ่ามได้ตลอดเวลาเชียว ไหนพี่ดูสิเจ็บตรงไหนบ้าง” เสียงอ่อนโยนอันเป็นปกติวิสัยของเจ้าหญิงมัณยาภาหรือพระพี่นาง ของราชธิดารมณ์นลินผู้มีวัยเพียงสิบชันษาผู้มีนิสัยแสนซนแต่ก็น่ารัก น่าเอ็นดู ด้วยมีเลือดของนางกินรีผู้ได้ชื่อว่างดงามยิ่ง อยู่ในกายครึ่งหนึ่ง ซึ่งดูเหมือนเจ้าตัวจะไม่ได้ยินดีกับมันเท่าใดนัก

“หญิงเจ็บจังเลยเจ้าค่ะ” แม้จะไร้เสียงสะอื้นไห้ แต่น้ำตาเม็ดโตๆ ก็ร่วงผล็อยๆ

“แผลนิดเดียวเอง อย่าร้องไห้สิจ๊ะ อันใดกันเกือบเข้าสาวรุ่นแล้ว แต่ขี้แยเป็นเด็กสามขวบไปได้เจ้า” เสียงพระพี่นางเอ่ยดุไม่จริงจัง ติดจะเอ็นดูเสียมากกว่า

“หญิงเปล่าร้องเจ้าค่ะ แต่น้ำตามันไหลลงมาเอง หญิงห้ามมันไม่ฟัง” ธิดาน้อยเอ่ยเสียงพร่า ทั้งพยายามปาดน้ำตาทิ้ง ด้วยมือเล็กๆ จนใบหน้าเปื้อนไปด้วยเศษดิน

“เอ้าๆ ไปกันใหญ่หน้าเปื้อนไปหมดแล้ว มานี่เถิด เดี๋ยวพี่จะใส่ยาให้” บอกทั้งสั่งให้บริวารรับใช้นำอุปกรณ์เครื่องใช้มาให้ตน ส่วนที่เหลือก็ให้ทำความสะอาดแผลไว้คอย จนทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย พร้อมใบหน้ากลมป้อมที่กลับมายิ้มแป้นดุจเดิม

“จำไว้นะ คราวหน้าคราวหลังจะไปไหนมาไหน ก็ให้ระวังกิริยาเอาไว้ เราน่ะเป็นราชธิดาในสมเด็จพ่อหลวงแห่งหรดีนคร จะไปทำเปิ่นให้ท่านเสียพระพักตร์ไม่ได้” เมื่อเสร็จเรื่องทำแผล ก็ต่อด้วยเรื่องอบรมกิริยาดังทุกครั้งที่เกิดเรื่อง จนหน้ายิ้มเริ่มหงิกงอ

“ก็ทูลกระหม่อมพ่อ ท่านมีพระพี่นางไว้คอยภูมิใจคนเดียวก็พอนี่เจ้าคะ ให้หญิงเป็นสิ่งยกเว้น”  อดเถียงข้างคูๆ ออกมาไม่ได้ เหมือนเช่นทุกครั้งด้วยเช่นกัน

“เถียงดีนัก คอยดูเถิดวันที่พระอริยะเจ้าท่านมาโปรดสรรพสัตว์ พี่จะไม่ให้ไปด้วยหรอก” ว่าพลางแอบชำเลืองเนตรหวานๆ ไปทางคนหน้ามุ่ยที่ทำท่าสนใจขึ้นทันที

“จริงหรือเจ้าค่ะ พระพี่นางใจดีจะตาย ต้องให้หญิงไปด้วยแน่ๆ นะเจ้าคะ หญิงจะเป็นเด็กดี จะเชื่อฟัง งั้นหญิงกลับไปเรียนกับท่านโหราจารย์แล้วนะเจ้าคะ” ว่าแล้วก็วิ่งปร๋อกลับตำหนักอีกด้านของราชวังทันที

“เฮ้อ… ก็คงจะมีแต่พระองค์หญิง เท่านั้นแหล่ะเจ้าค่ะ ที่ทรงปราบราชธิดาได้อยู่หมัด นอกนั้นเห็นสู้ความช่างเจรจาของท้าวเธอมิไหว” ผู้รับใช้ใกล้ชิดนามกันยาเอ่ยตามหลังร่างน้อยที่เพิ่งหายวับไป พลางลูบอกเหมือนโล่งใจหนักหนา

“โธ่…เจ้าก็ พูดราวกับน้องหญิงซนเสียหนักหนา” ธิดาแสนสวยเอ่ยน้ำเสียงเจือขำ ขณะย้อนกลับมานั่งร้อยมาลัยที่ทิ้งค้างเอาไว้ เพื่อจะได้นำเอาไปบูชาพระอิริยะผู้สูงบารมีที่นานครั้งจะเสด็จทรงโปรดถึงมวลหมู่นาคา เพราะอย่างนั้นจึงนับเป็นเรื่องที่ชาวบาดาลต่างตื่นตัวที่จะคอยต้อนพระองค์กันทั่วทุกหัวระแหง

“แหม… น้อยไปสิเจ้าคะ เข้านั่นออกนี่ อยากรู้อยากเห็นวิ่งให้วุ่นไปทั้งนคร” แม้ฟังดูเหมือนจะเอือมระอา แต่แท้จริงแล้วล้วนเอ็นดูกันทั่วหน้า

“แล้วท่านหญิง คิดจะนำราชธิดารมย์นลินไปด้วยจริงหรือเจ้าคะ แล้วจะดูแลไหวหรือ” กันยา นางรับใช้ผู้ใกล้ชิดส่วนพระองค์ อดเอ่ยต่ออีกไม่ได้

“บริวารบ่าวไพร่ ออกเยอะดูแลน้องน้อยของเราไม่ไหวก็แย่เต็มทน สงสารไม่ค่อยได้ออกไปไหน เอาเถอะแล้วเราจะช่วยดูอีกแรง” องค์หญิงมัณยาภา กล่าวอีกรอบ

“วันพรุ่งสินะ จะถึงกำหนดที่พระอริยะเจ้าท่านจะเสด็จ เห็นทีชาวนาคาคงจะหลั่งไหล ราวกับสายน้ำเทียว” ราชธิดาคนงามพึมพำอีกรอบ เพราะรู้ดีถึงเหตุการณ์ที่ต้องเกิดขึ้นแน่ๆ

แล้ววันรับเสด็จก็มาถึง ทุกอย่างก็เป็นดังที่     คาดเอาไว้เมื่อทุกหนแห่งเต็มไปด้วย เหล่าราชวงศ์ชั้นสูงระดับผู้ปกครอง ที่มาร่วมตัวกันอย่างคับคั่ง รวมถึงราชาแห่งบาดาลนครทิศบูรพา ผู้มีโอรสรูปงามและเก่งกล้าเชิงพระเวทย์ จนได้รับการเรียกตัวให้ไปทำหน้าที่ ผู้โปรยหว่านเม็ดฝนอยู่บ่อยครั้ง

แม้ชันษาหากจะเทียบกับมนุษย์ก็แค่สิบแปดสำหรับวรุณผู้พี่ อนุชานาคินทร์สิบเจ็ด แต่ทั้งคู่ก็สูงสง่าไม่ต่างกัน ผิดแต่รูปร่างของอนุชาจะแน่นตึงไปด้วยกล้ามเนื้อ ใบหน้าก็คมคายกว่าเชษฐาที่ใบหน้าออกงามอย่างสตรีเพราะรอยยิ้ม งดงามประดับปั้นแต่ง ทำให้สตรีที่พบสบพักตร์ต้องอ่อนระทวยแทบบาทไปเสียทุกที แถมยังมีวาทศิลป์ประดับโอษฐ์เป็นที่หนึ่งอีก สาวใหญ่น้อยจึงต่างหมายปองไม่เว้นวาย

ผิดกับนาคินทร์ผู้น้อง ที่แม้จะสง่างามหล่อเหลาเพียงใด ก็ไม่มีใครจะกล้าข้องเกี่ยว เพราะความเงียบขรึมไม่ค่อยจะสุงสิงกับผู้ใด ยิ่งใครมาชม้ายชายตามีอันต้องถอนเสาสะพานหนีแทบไม่ทัน เพราะนอกจากจากเสาสะพานจะถล่มด้วยโดนเมินแล้วยังจะถูกอบรมอยู่เสียตรงนั้น ให้อับอายอีกต่างหาก

สำหรับรมย์นลินแล้ว ทุกสิ่งอย่างที่กำลังเห็นอยู่ตรงหน้า ช่างตื่นตาตื่นใจไปหมดสายน้ำศักสิทธิ์ของชาวนาคา ที่เชื่อมโยงต่อระหว่างแดนสรวงและแดนบาดาล ดอกบัวทองกำลังแย้มบานส่งกลิ่นหอมกระจายไปทั่วบริเวณ ซึ่งพระพี่นางได้เล่าให้เธอฟังว่าที่ดอกไม้บานเป็นเพราะพระอริยาเจ้าท่านจะเสด็จมันจึงบานไว้เป็นที่รองพระบาท ยามที่ท่านเยื้องย่าง

“นลินจ๊ะ ยืนรอพี่อยู่ตรงนี้ก่อนนะ อย่าได้ขยับไปไหน พี่จะออกไปหยิบพานดอกไม้ที่ใช้โปรยเสียหน่อย เห็นใช้นางรับใช้มิได้ก็ข้าวออกเต็มมือกันทุกคน อยู่กับพระพี่เลี้ยงของพี่ อย่าดื้อเข้าใจมั้ย”

“เจ้าค่ะๆ ไม่ดื้อ ไม่ขยับ” โอษฐ์เล็กจิ้มลิ้มก็จำนันจาไป แต่เนตรกลมโตก็สอดส่ายไปมาไม่หยุด ผู้บอกจึงได้แต่ส่ายพักตร์ไปมา ก่อนสะกิดบอกเหล่าผู้ดูแลให้เป็นหูเป็นตา และในที่สุดเนตรที่ซุกซนเหมือนเจ้าตัวของ ก็ไปสะดุดอยู่ที่สองโอรสนาคา ที่ดูเหมือนจะเป็นจุดสนใจของผู้คนในที่นั้น และส่วนใหญ่ก็เป็นสตรีด้วย จนเธออดถามไม่ได้ว่าเหตุใดใครๆ ถึงดูเหมือนจะสนใจสองคนนั้นนักแล้วก็ได้คำตอบที่ตนไม่เข้านักว่า

“นั้นหรือเจ้าคะ ท่านเป็นโอรสขององค์ราชาแห่งบาดาลนคร ทิศบูรพาเจ้าค่ะผู้ที่มีเนตรแพรวพราวนั่นเป็นโอรสองค์โตชื่อ วรุณ ส่วนที่ยืนหน้านิ่งๆ นั่นเป็นอนุชานามนาคินทร์ รูปงามแถมเก่งกาจพระเวทย์ด้วยกันทั้งคู่ แต่ดูเหมือนว่าผู้เป็นพี่จะเจ้าชู้ไม่หยอก ก็เพราะ…ไม่ว่าจะเยื้องกลายไปทางใด เหล่านารีทั้งใต้บาดาล แดนสรวงหรือกระทั่งหิมพานต์ ได้ตบตีกันให้วุ่น เพื่อจำได้เสพสมกับพระองค์เท่านั้น” ผู้พูดเมื่อได้พูดก็มันปากจนยั้งไม่อยู่ หรือคิดให้ดีก่อนว่าควรหรือไม่

“แล้วเจ้าชู้คืออะไรเจ้าค่ะ เสพสมด้วยหญิงไม่เห็นเข้าใจสักหน่อย” เอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจนักเนตรก็หันกลับมาจ้องแบบไม่กระพริบ

“เอ่อ… เจ้าชู้คือผู้ชอบเกี้ยวพาสตรีไปเรื่อยๆ เจ้าค่ะ ส่วนเสพสมคือผู้อยู่ร่วมกันกับสตรีประหนึ่งสามีภรรยา แต่มิใช่ผู้เดียวนะเจ้าค่ะ มากเทียว" 

“งั้นก็หมายความว่า เป็นคนไม่ดีใช่มั้ยเจ้าคะ เพราะทำให้คนต้องทะเลาะตบตีทำให้เสียใจ ถ้าอย่างนั้นจะให้เข้าใกล้เจ้าพี่มิได้ เราไม่ยอมหรอก” เอ่ยด้วยความมุ่งมั่น จริงจัง เล่นเอานางรับใช้ต้องรีบเอ่ยห้ามแทบไม่ทัน

“ไม่ได้นะเจ้าค่ะ ขืนพระพี่นางรู้ว่าพวกข้าพระองค์ทูลเรื่องนี้ล่ะก็ เป็นได้ถูกลงอาญาเป็นแน่เจ้าค่ะ ถ้าราชธิดาจะทรงกรุณาล่ะก็ อย่าได้ตรัสอันใดนะเจ้าคะ” ละล่ำละลักบอกสีหน้าทุกข์ร้อน นั่นทำให้เนตรโตๆ ฉายแววเจ้าเล่ห์วิบวับเล่นเอาผู้ถูกมองหนาวๆ ร้อนๆ ขึ้นมาทันควัน

“ก็ได้ เราใจดีจะตาย แต่…” ค้างเอาไว้ให้คนฟังเกิดทุกข์ร้อน จนต้องรีบซัก

“แต่อะไรเจ้าคะ ทำไมต้องมีแต่ด้วย”

“แต่… พวกเจ้าต้องคอยทำตามที่เราสั่งนะ มิอย่างนั้นเรื่องนี้ถึงพระพี่นางแน่ๆ”

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา