The Last Night

9.2

เขียนโดย pyclub70

วันที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2558 เวลา 20.31 น.

  40 ตอน
  16 วิจารณ์
  37.75K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2559 20.39 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

37) 033-การกลับมา

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

033-การกลับมา

 

 

 

 

 

 

 

        ...เมื่อประธานเริ่มพิธี

 

"ฮี้วววววว"

 

"คัมปาย"

 

"ยะฮู่!! คัมปาย!!"

 

"คัมปายยย วู้...."

 

"เอ้า!!  ชน!!"

 

"ชนอะไรของแกเนี๊ย!! หน๋อย!! ไอ้พวกดารกะ เดี๋ยวแม่ก็เปรี้ยงให้ซะนี่!! ชิ"

 

"กลัวตายแหละยัยเพลิ้ง"

 

"แก!! ว่า!! ใคร!! ยะ!!"

 

"ก็ใครล่ะ"

 

"ฮ่าๆๆๆๆๆ"

 

"เอ้าาาาา!!! คัมปายยยยย"

 

"เย่!!!! วู้..!!ฮู่..!!"

 

        เป๊งงงงงงงงง!!!!

เสียงชนแก้วดังสนั่นหวั่นไหวสะเทือนลั่นเขตกูลู เหล่าผู้กล้าทั้งหลายยกแก้วชนกันอย่างมั่วซั่วปรีดีสำราญจิต บ้างบางคนชนแก้วกับเหล่าชนเผ่าหมู่บ้านกูจิ๊ทั้งหมดในงานด้วย

        เวลาผ่านไปราวชั่วโมง.. เหล่าบรรดาผู้กล้ารวมทั้งกลุ่มกิเรเร่ก็ออกอาการรื่นรมณ์ขยับไหล่โยกย้ายร่างสนุกสุดเหวี่ยง ซึ่งฉลองด้วยอาหารคาวหวานหลากหลายเคียงคู่กับเหล้าเอลอันแสนโอชะที่เติมไม่มีวันหมด

        หลังระบำสาวๆจากชนเผ่ากูจิ๊ที่มีหัวเป็นหอมหัวใหญ่แสดงขึ้น พร้อมกับเสียงเพลงจากนักดนตรีชาวหัวมันร็อค เหล่าผู้กล้าก็พากันปรบมือก่อนบางส่วนออกมาเต้นระบำ ดึ่ง ดึ้ง ดึ้งๆๆ ดึ่ง ดึ้งๆ ไม่สนเวลาว่าจะปาไปกี่ยาม

 

        ส่วนเนเน๊ะผู้ยังเปลี่ยวเปล่าและได้ร่วมโต๊ะด้วยกันกับคนโตนั้น แม้เธอจะได้ร่วมโต๊ะแต่ความสุขก็หาได้บังเกิด เธอหน่ายค่อนเซ็ง เดินเลี่ยงออกจากงานเลี้ยง สาวน้อยเลือกเดินกลับไปยังที่พักบังกะโลทรงแปดเหลี่ยมอันมีระเบียงไม้เป็นทรงเป็นเหลี่ยมกว้างด้วยเช่นกัน

        เมื่อไปถึง เธอเลือกหยุดอยู่ริมระเบียงฝั่งหนึ่งที่สายตาทอดออกไปแล้วเจอกับกลีบใบต้นเซคเรืองแสงสีส้มซ้อนเขียว แว่วเสียงหรีดหริ่งพร้อยหิ่งห้อยสกาวพราวแสงมรกตอมทัมทิม สาวน้อยรู้สึกใจชื้นอย่างที่ไม่เคยเป็น แสงทั้งมวลฉายส่องยังใบหน้าหวานนงลปรางราวกับจงใจ พลันนั้น..พลันฉายร่างพราวแสงดุจเทพธิดาจนเทพีไหนใดยังต้องอาย เมื่อเธอยิ้ม ลักยิ้มสองข้างเห็นเด่นชัดช่างแสนละมุน วินาทีนั้น..ดอกไม้แห่งต้นเซคก็ส่งเสียงร้องเพลงพลางเต้นระบำส่ายไปส่ายมา

        อารมณ์สาวน้อยดั่งกวีศรีลีลาศ เธอโยกซ้ายโยกขวาพลางวาดมือราวกับเคยคุ้นและขยับเท้าคล้ายมีคู่เต้น ทว่า..ช่วงนั้นเองที่สาวน้อยเผลอไผล กลับมีเงาดำปรากฏเป็นร่างลางๆสะท้อนลงพื้นดุจภาพเจ้าชายเคียงคู่เงาเนเน๊ะ เงานั้นคอยคลอเคล้าต่อแขน ก้าวจังหวะขาและประคองเอวเนเน๊ะเพื่อเติมเต็มการเต้นรำให้สมบูรณ์แบบโดยที่เธอไม่รู้ตัว

        ครั้นเมื่อสายตาฟ้าใสเหล่ไปเงานั้นกลับสลายไป แต่เมื่อเธอไม่จับจ้องเงานั้นกลับโอบเอวในมือข้างหนึ่งและข้างหนึ่งก็ประสานกัน ส่วนขาและเท้าก็ขยับสลับไปพร้อมกันตามจังหวะดนตรีที่สาวน้อยสมมุติขึ้นและได้ฟัง

       เสียงดอกต้นเซคคลอทำนองแผ่วผิว เสียงอ่อนหวานจากหรีดหริ่งเรไร สายลมผ่านโชยสยายปายผมดำขลับให้ปลิวปลาย สายตาฟ้าใสหว่านรอบแลชวนฝันพลางหยอกล้อกับหมู่หรีดหริ่งและหิ่งห้อย บนใบหน้านวลปรางหวานละไมหาใดเปรียบหากสาวน้อยไม่รับรู้เลยว่าใครแอบมองเธอด้วยแววตาเป็นประกาย ระหว่างนั้นเธอยังคงเต้นรำไปเรื่อยๆ

       ถัดมาไกลจากเงาที่ประกบคู่กันนั้น เขาคนนั้นอยู่ตรงนี้ สายตาที่มองเนเน๊ะนั้น รอยยิ้มที่ส่งมานั้น ความอาทรที่ส่งมานั้น ฯ ซึ่งทั้งหมดเขาทำได้เพียงแค่ยืนแอบมองและพร่ำบ่นในใจ'ท่ะ ท่ะ เทพ..ธิ ดา'

 

ทว่า..สาวน้อยกลับได้ยินพลันอุทาน"ห่ะ..!! ใครน่ะ!! คาลาเนส คาลาเนส นั่นนายใช่ไหม"

 

        ว่าจบเนเน๊ะก็ควานสายตาไปทั่วบริเวณพร้อมหมุนร่างแต่ไม่พบใคร ทว่า เด็กชายเจ้าของชื่อคาลาเนสกลับยืนอึ้งๆงันๆ สองจิตสองใจทำตัวไม่ถูก ลังเลว่าจะแสดงตัวดีไหม แต่กระนั้น..

 

"คาลาเนสสสสสสสสส!!! ฉัน..! คิด..! ถึง..! นายจัง!!"เนเน๊ะป้องปากร้องตะโกนไปรอบๆ"ถ้าได้ยินแล้วตอบด้วยน๊าาาา!!! ฉันคิดถึงนาย นายคือเพื่อนคนแรกของฉ้านนนนน!!" หลังสุดเสียงรอยยิ้มบางๆก็เผยออกจากเด็กชายเจ้าของชื่อคาลาเนส

 

         นี่เอง ยิ่งทำให้เด็กชายต้องหวั่นไหวจนไม่สามารถควบคุมการเต้นของหัวใจที่ถี่รัวแทบระเบิดออกมาได้ คาลาเนสสูดลมหายใจเข้าลึกสุดปอดก่อนปล่อยสุดเฮือก แต่ก็ยังกั๊กท่าทีว่าจะตอบดีไหม 'นั่นสิ เราจะตอบดีไหม' ช่วงนั้นเองมืออุ่นใครบางคนยื่นมาแตะไหล่ เด็กชายหันไปพบว่า..ใครคนนั้นคือมารดาของตนและเบื้องหลัง ยังมีใครหลายคนในร่างโปร่งแสงที่เรียกว่าครอบครัวส่งยิ้มมาบอกนัยความคือกำลังใจ

"หลงรักเธอสินะคาลาเนส อย่ายอมแพ้ล่ะ เพราะลูก.."มารดาพูดพลางยิ้มทิ้งบางอย่างให้ต่อคำ ก่อนสลายไปพร้อมผู้อยู่เบื้องหลังทั้งหมด

         แม้จะเขินหน้าแดง เด็กชายก็รับอย่างอกสามศอกหนักแน่นว่า"ครับแม่!!!" แต่ต่อมาก็หงอยตัดพ้อในใจว่า'แต่ไม่รู้ว่าเนฟร่าจะจำผมได้ไหมนะ'

 

"เฮ่ยยยยย!!! คาลาเนสสสส!! ฉันรู้นะ นายยัง ยัง รอฉันอยู่ใช่ไหมล่าาาา"เนเน๊ะตะโกนด้วยความไร้เดียงสา"ไว้ฉันจะเก็บดอกไม้สวยๆให้นายอีกน๊าาาาา!!"

 

         สำหรับสาวน้อยแล้วมันคือความรู้สึกปลดปล่อย แต่สำหรับคาลาเนสมันคือความรู้สึกเก็บกดทั้งๆที่ใจอยากตะโกนว่า.."ฉันรักเธอนะเนเน๊ะ!!" แต่ก็ต้องเก็บไว้ เก็บไว้รอเผื่อว่าสักวันหนึ่งเนเน๊ะจะเรียนรู้โลกมากกว่านี้ เก็บไว้..เก็บไว้ ให้เธอคนเดียวเพียงคำๆนี้ เก็บไว้เพื่อวันหนึ่งที่ฝันว่าวันนั้นจะเป็นจริง

        สุดท้ายแล้ว..ดั่งฝันสลายแตกเป็นเสี่ยง คาลาเนสยังคงสถานะผู้แอบมองและแอบปลื้ม

'ดวงตาของเธอคู่นี้ ฉันไม่เคยลืม กลิ่นหอมของเส้นผม ฉันไม่เคยลืม ดวงหน้าเสมือนดวงใจฉัน ฉันไม่เคยลืม'เด็กชายจ้องมองเนเน๊ะ ยิ้มสบายใจ ในท่ายืนเท้าศอกกับริมระเบียง'ต่ะ แต่ แต่ ฉัน กลัว ขอโทษนะ แค่เธอมีเพื่อนพ้องที่ดีแบบนี้ฉันก็อุ่นใจแล้วล่ะ แล้วเจอกันนะ เนเน๊ะ'เสียงในใจสิ้นสุดลง คาลาเนสทั้งร่างหยาบและร่างเงาก็สลายวับไปราวกับฝุ่นผง

 

"ไง เนเน๊ะ ทำไมแอบมายืนยิ้มอยู่คนเดียวล่ะ"เพียล่าเดินขาปลิวมา"มาสนุกด้วยกันสิ ฮะๆ ฮ่าๆๆ"

 

        จากนั้น วูดตัน โอ'เกนท์ ชาร์ล วิคเตอร์และตามมาด้วยลุงโอราฟเดินเคียงกันมาตามประสาคนเมา คอยพูดสำทับเพียล่าซ้ำๆๆๆจนสาวน้อยต้องกล่าวรับคำ"ค่าาา ขอสนุกด้วยคนนะ"เธอว่าพลางขยิบตาขวาและเอียงคอให้โอ'เกนท์ แล้วเพียล่าก็พาทุกคนเข้าสู่งานเลี้ยงต่อ

 

         งานเลี้ยงฉลองกันถึงราวสองยามกว่า บางกลุ่มเมาแอ๋หลับคาโต๊ะ บางกลุ่มกอดคอพากันเดินกลับที่พัก พวกเจ้านายหัวฟักทองและลูกน้องก็เช่นกันที่หลับคาโต๊ะแต่มือยังวาดไม้ราวกับวาทยากร ส่วนชนเผ่ากูจิ๊อื่นๆก็ได้พากันแยกย้ายกลับที่พักกลุ่มกิเรเร่เองก็เช่นกัน

         บรรยากาศเข้าสู่ความโรแมนติกโดยพลันหลังเสียงทุกอย่างเงียบสงบ  เพียล่าและวิคเตอร์ยังคงหลับไม่ลงหากทั้งสองยืนเท้าศอกใกล้กันอยู่ริมระเบียงหน้ากระโจมค้างแรม

 

"วิคเตอร์"สาวนักรบเรียกโดยสายตามุ่งตรง

 

"ฮึ.. ว่าไงเพียล่า"วิคเตอร์หันมาก่อนส่อสายตามุ่งตรงเช่นกัน

 

"ฉันว่า..เราจะนำพาเนเน๊ะไปได้ถึงไหนกันนะ"

 

        แม้จะแอบผิดหวังนิดๆในใจ แต่หนุ่มนักรบก็กล่าวไป"ตามแต่ศรัทธาที่เธอมี"

 

"ศรัทธาหรอ นายพูดเหมือนฉันมีสิ่งนั้น"เพียล่าว่าแค่นยิ้มแค่นขำหันมา แต่ช่วงนี้ มือของวิคเตอร์ได้เขยื่อนไปบนราวระเบียงหมายกุมมือของสาวนักรบ ทว่า...ต้องหยุดลงเพราะชั่งใจคิดและพูดขึ้นเพื่อยับยั้งใจ

 

"มีสิ เพียล่า เราเคยรบเคียงบ่าเคียงไหล่กันมาแล้วหนิ เธอไม่เคยอ่อนแอหรือท้อให้ฉันเห็นเลยสักครั้ง หนำซ้ำหลายภารกิจเธอก็ยังเคยช่วยฉันช่วยทีมจากความพลาดพลั้ง เคยพาพวกเรารอดตายจากนรก เคยพาเราไปสู่จุดหมาย แบบนี้รึเปล่าที่เรียกว่าศรัทธา"วิคเตอร์กล่าวจบก็เพ่งนัยน์ตาเพียล่า

 

"นายก็ว่าไป.. ฉันเอง..ถ้าไม่ได้นายก็คงตายไปแล้วล่ะ"ว่าแล้ว..สาวนักรบเห็นมายิ้มตอบ

 

"ฉ่ะ.. ฉัน.. ฉันจำมันไม่ได้แล้วล่ะ"วิคเตอร์ว่าโดยริมฝีปากสั่น ก้มหัวส่ายหน้าและหลบตาเพียล่า

 

"นายหนาวหรอ"สายตาเพียล่าส่งมาอย่างอาทร

 

"ม่ะ ไม่ ฉันสบายดี"วิคเตอร์เหลียวมายิ้มแก้ต่าง"ฉันว่าเรา..ควรนอนได้แล้วนะ เดี๋ยวเนเน๊ะจะป่วนเอาตอนเช้าน่ะ เพราะยัยนั่นตื่นเช้ากว่าใครเสมอเลย"

 

"เออใช่ นั่นสิ"เพียล่าหัวเราะชอบใจ"ยัยนั่นเหลือเกินจริงๆฉันอยากจะบ้าเชียวล่ะ ฮ่าๆ ฝันดีนะวิคเตอร์"

 

         คำพูดสุดท้ายของเพียล่าช่างอ่อนหวานกว่าน้ำตาลอ้อยเดือนยี่ วิคเตอร์ถึงกลับมือไม้สั่นไปหมดทำอะไรไม่ถูก ได้แต่ยิ้มซ่อนอายพลางโบกมือลาหย๋อยๆ

 

"อ่า.. ฝันดีเพียล่า ฉัน.."

 

"ห้ะ.. ฉัน'ไรหรอ"

 

"อ่อ.. ฉันขอตัวไปฉิ้งฉ่องก่อนน่ะ"

 

"ฮ่าๆๆ นายนี่ยังเหมือนเดิมเลยนะ โตมาด้วยกันแบบไหนก็ยังเป็นแบบนั้น ฝันดีนะวิคเตอร์"ว่าจบเพียล่าก็เดินเข้าที่พักทันที ทิ้งให้วิคเตอร์ต้องแอบโบกมือและส่งยิ้มส่งเธอเข้านอน

 

        เช้าวันใหม่อันสดใสได้มาเยือน หลังเหล่าผู้กล้าทั้งหลายตื่นขึ้นมาก็ได้พบกับการอำลาอย่างยิ่งใหญ่ จากชนเผ่ากูจิ๊ส่งเสียงดีใจดังระงมทั้งสองฝั่งฟากของพรมแดงที่ปูทอดยาว ให้เหล่าผู้กล้าย่ำไปโดยได้รับเกียรติ โดยเจ้านายหัวฟักทองที่เดินนำขบวนไป

 

        ครั้นเมื่อถึงปลายทางสุดเขตกูลู เหล่าผู้กล้าทั้งหลายได้เจอกับเทเลพอร์ตสีขาวใส ทรงแปดกะรัตยังด้านบนและแหลมลงล่างมุมเดียวลอยเหนือพื้นเล็กน้อย ซึ่งซ้อนไว้ภายใต้พุ่มใบต้นเซคอันต้องใช้มนตราคลายสะกด

 

         และแล้ววูดตันก็แปลขึ้นหลังเจ้านายหัวฟักทองเอ่ยมา"เทเลพอร์ตตัวนี้จะพาเราทุกคนไปโผล่ยังเมืองท่าเรฟเฟอร์เรชั่นนะ หลังว่าทุกท่านคงไม่ขัดข้อง"

 

"อ่าไปสิ"สาวจากกลุ่มดารกะว่าพลางหว่านตาไปรอบๆเหมือนระแวง

 

"ตกลง!"หนุ่มจากกลุ่มดารกะว่า ทุกคนพลอยเห็นด้วยพยักเพยิดให้กัน

 

        แต่สำหรับกลุ่มกิเรเร่แล้ว บุรุษชุดดำกลับรั้งทุกคนไว้พลางส่ายบอกเชิงว่าไม่ควรไป เพียล่าเห็นดังนั้นจึงถอยออกมาเป็นคนแรกก่อนตามมาด้วยสมาชิกทุกคน

 

"อ้าว! พวกเธอไม่ไปด้วยกันหรอ"สาวผู้ผนึงอสูรบารานอสเอียงคอว่าพลางชี้นิ้วยังเทเลพอร์ต

 

"อ่อ ขอบใจ แต่ไม่ล่ะ"เพียล่าตอบพร้อมส่งยิ้ม จากนั้นวูดตันจึงตัดบท

 

"พวกฉันมีอะไรที่ต้องทำอยู่น่ะ"เขาว่าพลางเกาหัวแกรกๆ"ตกลงพวกนายจะไปไหม คือฉันจะได้บอกเจ้านายหัวฟักทองน่ะให้ส่งพวกนายไป"

 

        ใครหลายคนได้ฟังเหตุผลของกลุ่มกิเรเร่แล้วก็พากันฉงนแต่ไม่เอะใจ ด้วยอาการอยากกลับบ้านและทลายปริศรานูนานุลง

 

"อื้ม ฉันน่ะอยากกลับบ้านแล้ว"

 

"เอาเลยบอกเขาเลย"

 

       วูดตันพยักหน้ารับทราบแล้วขยับปากบอกกลับเจ้านายหัวฟักทอง จากนั้นเจ้านายหัวฟักก็สยายมือทั้งสองพลันฉายแสงใสที่กระจายจากเทเลพอร์ต ชั่ววินาที ทั้งหมดได้อันตธานหายวับไปพร้อมแสงจ้าราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น

 

        เพียล่าถอนหายใจเบาๆก่อนเหลียวไปทางโอราฟ ขณะเดียวกันเจ้านายหัวฟักทองก็หันมาคุยกับวูดตัน 

        เพียล่าสนทนากับบุรุษชุดดำโดยมีชาร์ลและวิคเตอร์ร่วมวงด้วย ส่วนวงของวูดตันมีโอ'เกนท์และเนเน๊ะคอยพยายามฟังเสียงพูดคุยและสังเกตสีหน้า

 

        ราวกับนัดหมาย ทั้งสองวงคุยจบพร้อมกันพอดี ต่อมาเจ้านายหัวฟักทองก็เดินกลับไปยังที่เก่า กลุ่มกิเรเร่ไม่ปรึกษากันแต่อย่างใดหากเดินตามไปโดยไร้สุ้มเสียง

 

        ระหว่างทางวูดตันก็เฉลยคำสนทนาว่า แท้จริงแล้ว ที่นี่มีแกนแห่งความมืดมาสถิตอยู่โดยไร้ความคาดถึงและนับว่าเป็นเรื่องผิดปกติมากๆ สิ่งที่อยู่ในความมืด คอยหลอกหลอนคนในหมู่บ้านจนหวาดเกรง บ้างบางคนก็หายไปซะดื้อๆ บ้างบางคนก็เสียสติไปซะเฉยๆและเขตศักดิ์สิทธิ์ของที่นี่ก็เสื่อมคลายอย่างไม่เคยเป็น เขาเองก็ไม่รู้จะทำไงจึงประกาศไปว่าที่นี่มีอสูรบารานอสออกอาละวาสและต้องการให้ผู้กล้ามาสยบมัน ซึ่งมันก็ได้ผล..มีคนผนึกมันได้จริงๆ แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่มาจากแกนแห่งความมืดหรอกนะ ประเด็นหลักเลยคือสิ่งชั่วร้ายมันจะอุบัติขึ้นตามเขตต่างๆ..

 

"ตัวอย่างเช่นคุณฟารัมใช่รึป่าวคะ"เนเน๊ะแทรก

 

"แล้วสตรีอาภรณ์ขาวอีกล่ะ"ชาร์ลเสริม

 

        วูดตันยินชัดหันมองทั้งสอง ก่อนเจ้านายหัวฟักทองหันมาพยักหน้าให้ ขณะกลุ่มกิเรเร่ยังเดินกันไปเรื่อยๆ เนเน๊ะก้มหน้าลงพร่ำชื่อคาลาเนสเบาๆ"นายจะเป็น'ไงบ้างนะ" แต่ไม่มีใครสนใจเธอเพราะวูดตันได้กล่าวต่อ..

 

        ซึ่งเขาเองได้วางหมากสำหรับเกมส์รุกไว้แล้ว กับการให้ผู้กล้าทั้งหมดเริ่มที่จุดต่างๆโดยคละๆแยกสายกันไป จากนั้นก็หลอกล่อให้ทุกคนมารวมกันที่ใจกลางเขตกูลู ซึ่งนั่นหมายความว่าผู้กล้าที่หลั่งไหลมาจากทุกสาย หากจะมาถึงที่นี่แล้วนั้นย่อมหมายความว่าทุกคนได้กำจัดปีศาจแห่งแกนแห่งความมืดแล้วอย่างหมดจรด..

 

"มิน่าล่ะ ทำไมฉันถึงเจอแต่ยักษ์ใหญ่ทั้งนั้น"โอโราฟเอ่ยพลางแย้มยิ้ม"แต่อย่างหนึ่ง.. ที่ฉันรู้สึกว่าพิเศษมากๆเลยคือ.. เด็กคนนี้น่ะ"ว่าแล้วชี้ไปทางเนเน๊ะ

 

"น่ะ.. หนูหรอคะ"เนเน๊ะทำตาไร้เดียงสา

 

"อ่าใช่.. เธอน่ะสู้ได้ดีมากเลยเชียว แต่สุดท้ายเราทั้งสองก็ปลิวปลายข้ามฟากเลยเชียว ฮ่าๆๆ"โอราฟตอบสาวน้อยแล้วมองตรง

 

"คงจะตอนนั้นน่ะสินะ ตกใจแทบแย่ วูดตันว่าต่อเถอะ เขาจะพาเราไปที่ไหน"เพียล่ารีบเอ่ยก่อนมีคนสงสัยไปมากกว่านี้ว่าเนเน๊ะคือใคร แต่ทุกคนหาได้อยากใคร่รู้เพราะเหตุการณ์ตรงหน้ามันน่าตื่นตาตื่นใจ วูดตันจำต้องหยุดสาธยาย

 

         ชาวเผ่าหมู่บ้านกูจิสารพัดหัวผักผลไม้กำลังชุมนุมกันอย่างยิ่งใหญ่ ลูกน้องเจ้านายฟักทองรีบย่างไปแหวกว่ายฝูงชนเพื่อเปิดทางให้เจ้านาย ทุกสายตามองเขาเป็นตาเดียวก่อนเอ่ยสั้นๆ ไม่ช้าทุกคนก็แยกย้ายพากันเดินกลับที่พักพร้อมด้วยเสียงซุบซิบ จนกระทั่งเหลือเพียงแต่กลุ่มกิเรเร่กับพวกเจ้านายหัวฟักทองตามลำพัง วูดตันจึงขยับเท้าเข้าไปใกล้และเจ้านายหัสฟักทองก็กระซิบเบาๆ

 

"อ่อ.. เขาบอกว่าเมื่อกี้น่ะ..พวกเขากำลังกังวลว่าปีศาจแกนแห่งความมืดจะยังคงเหลืออยู่น่ะ"ผู้ช่ำชองป่าหยุดชะงักชั่วประเดี๋ยวหลังเจ้านายหัวฟักทองแทรก"อ่อๆ แล้วก็..พวกเรานะ เป็นอะไรที่ยอดเยี่ยมจริงๆ โดยสำหรับเด็กสาวคนนั้นแล้ว คือ คือ'ไรนะ"..วูดตันหันกลับไปหาเจ้านายหัวฟักทองเพราะยินไม่ถนัด"แล้วก็.. เธอเนเน๊ะ คือเขามีของจะคือให้น่ะนะ"

 

        ว่าแล้วเนเน๊ะก็ฉงน ท่าทีชะงักก่อนเดินไปหาเจ้านายหัวฟักทองเพราะวูดตันเดินไปโอบไหล่พาเข้าหา สาวน้อยจ้องมองสิ่งของในมือเจ้านายหัวฟักทองแล้วจึงแบมือทั้งสองยื่นไปข้างหน้า เจ้านายหัวฟักทองจึงปล่อยของสามสิ่งลงฝ่ามือน้อยๆ นั่นคือ..แหวนเงิน ขนนกสีขาวที่ตอนนี้เปลี่ยนเป็นสีเทาและมีดด้ามดำของยายแขขาว เธอทำหน้างงๆหลังรับมันมา มองซ้ายมองขวาเพื่อหาคำอธิบาย แต่แล้ววูดตันก็เอ่ยขึ้นคือ..เขาได้มาตอนที่เธอหลวมตัวกับฟารัมไง

 

"อ่ะ..เอ๋!!"เนเน๊ะอุทาน ใช้นิ้วหัวแม่มือจุ๊บริมฝีปาก"ป่ะ.. เป็นไปได้ยังไงกัน"

        จากนั้นเธอจึงเริ่มขึ้นเสียง"รู้ไหม!!กว่าหนูจะได้สิ่งเหล่านี้มา! ทุกคนต้องเสียสละกันแค่ไหน! นี่เป็นสมบัติของหนูเลยนะ!"

 

        ทุกคนพลันอึ้งตะลึงไปตามๆกัน กับประพฤติกรรมดูราวก้าวร้าวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนของเนเน๊ะ ซึ่งไม่รู้ว่าทำไมคำที่เธอพูดนั้น ต้องมีกดดันมหาศาลออกมาด้วยโดยรับรู้ได้ผ่านความรู้สึก

 

"เนเน๊ะ!!"เพียล่าตะคอก ยกมือขึ้นกุมไหล่สาวน้อยทั้งสองข้าง"อย่า ทำ เสีย มารยาท เข้าใจไหม!!"

 

"คุณเพียล่า!! คุณคิดว่าคุณเป็นใครกัน!!"เนเน๊ะฮึดสู้ยื้อมือกับสาวนักรบ

 

     เพี๊ยะ!! 

ฝ่ามือเพียล่าตบเข้าแก้มใสเข้าอย่างจัง"มีสติหน่อยเนเน๊ะ!! ฉันพาเธอมาที่นี่ทำไม ฉันต้องการเธอมาทำไม ฉันขอโทษที่พาเธอมาลำบาก ข่ะ ขอโทษ"ถึงคำหลังเพียล่าก็น้ำตาคลอ คุกเข่าสวมกอดเนเน๊ะที่ดูราวไร้วิญญาณ"ฉันรู้ว่ามันยาก แต่ช่วยอดทนก่อนได้ไหม ฉันมีเหตุผลที่พาเธอมานะ"

 

        สาวน้อยแน่นิ่งตกใจและกระชากเสียง"เพราะอะไร ตอบหนู!! ตอบมา!!" เพียล่าผงะออกแล้วลูบผมเนเน๊ะ"เพราะเธอคือความหวัง"

 

"ม่ะ ไม่ใช่!!"เนเน๊ะขมวดคิ้วแน่นพร้อมยื้อยุด"ไปให้พ้น!! หนูจะกลับบ้าน!! หนูอยากกลับบ้าน!! ออกป๊ายยยยย!!"

 

        เธอกรี๊ดสุดเสียงจนเป็นที่น่าหวาดผวาว่าสาวน้อยจะกลายร่างและเข่นฆ่าทุกคน ทันใดอากาศแจ่มใสกลับมีเมฆครึ้มส่งเสียงฟ้าลั่นมหึมา ทว่าโอ'เกนท์กลับฮึกเฮิมกระทุ้งด้ามหอกลงพื้น พลันสลายมวลเมฆกลับสู่ท้องฟ้าเปิด

 

       ...และสายลมก็โชยมา

 

"พลังยมทูตสินะ"เสียงเนเน๊ะเย็นชา สายตามองพื้นขณะเพียล่ายังกอดประคอง"เกะกะ"ว่าแล้วจึงปลายมือไปทางขวา ร่างเพียล่าจึงกระเด็นไกล

 

"ถ้าคุยไม่รู้เรื่องก็คงต้องสั่งสอนกันบ้างล่ะ!!"โอ'เกนท์ขู่หน้าดุ เพ่งนัยน์ตาฟ้าใสพลางขยับหอกท้าทาย

 

"หึ ถ้าตายขึ้นมาอย่าเสียใจล่ะ"เนเน๊ะเข้าสู่ท่าพร้อม

 

"เฮ่ๆๆ เกิดอะไรขึ้น!! จะทะเลาะกันเองทำไม"ชาร์ลว่าตะคอกหลังมายืนขวางทั้งสอง

 

"โอยยย.. จะบ้ากันไปใหญ่แล้ว"วิคเตอร์เข้าปรามโอ'เกนท์ ล็อกแขนขา

 

"เนเน๊ะ!! นี่จะไม่หยุดใช่ไหม!! ได้.. งั้นมาสู้กับฉัน"เพียล่าว่าขณะเดินมา ผลักโอ'เกนท์ถอยออกไปพร้อมกับชาร์ลและวิคเตอร์

 

"........."เนเน๊ะวางท่าสุขุม

 

        จากนั้น เพียล่าจึงปล่อยหมัดยัดเข้าหน้าสาวน้อยอย่างจัง ทว่า..เนเน๊ะกลับนิ่งงันไม่สะทกสะท้าน สาวนักรบตะลึงงัน เนเน๊ะจึงคว้าข้อมือดึงเพียล่าแล้วเหวี่ยงสุดแรง ก่อนตามไปซัดด้วยหมัดรัวๆอัดจนคาต้นเซค เพียล่าไร้การตั้งหลักถูกกระหน่ำฝ่ายเดียว บุรุษชุดดำจึงสอดมือเข้าช่วยด้วยการยิงไซฟ่อนกระสุนอากาศ เนเน๊ะหลบได้ราวรับรู้อยู่ก่อนแล้ว สายตาฟ้าใสแลเพ่งยังโอราฟแทนเพียล่าที่สะบักสะบอมเลือดท่วมปากใบหน้ายับเยิน

 

"โอ๊ะ..โอว งานเข้าแล้วล่ะสิฉัน"โอราฟยิ้มแห้งๆ แบมือ ยกขึ้นเสมอหัวแต่นิ้วชี้ยังเกี่ยวไซฟ่อนไว้

 

         เนเน๊ะพุ่งปาดรวดเร็วหมายยัดหมัดกระแทกหน้า ทว่า..โอราฟไหวกายหลบและพุ่งตามไป

 

         ทั้งสองหายลับลงยังป่าพื้นล่าง กลุ่มฝุ่นควันเกิดขึ้นหลายหย่อม เสียงเปรี้ยงปร้างปนอึกทึกดังโหมรุนแรงจากการสั่นสะเทือนและกระแทก มันคือ..การต่อสู้อย่างระห่ำบ้าคลั่ง เหล่าผู้เฝ้ามองไม่สามารถทำอะไรได้เลยหากลุ้นให้ทั้งสองฝ่ายยุติโดยเร็ว

 

         ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ผลลัพธ์ก็ปรากฏ โอราฟโผล่ขึ้นจากขอบระเบียง หอบลมหายใจแฮ่กๆ เนื้อตัวเลอะฝุ่นดิน ใบหน้ามีรอยฟกช้ำและรอยแตกบางส่วน ทว่ามือซ้ายหิ้วร่างเนเน๊ะและก้าวขาเดินเข้าหากลุ่มกิเรเร่ เพียล่าร้อนรนวิ่งเข้าไปรับช่วงต่อจากบุรุษชุดดำ แบกร่างสาวน้อยมาที่เหมาะสมก่อนวางลงอย่างถนอม

 

"เกิดอะไรขึ้น"เพียล่าว่า มองตาโอราฟ

 

"ฉันก็แค่ทำให้เธอหลับน่ะ"โอราฟพูด ยืนไม่เป็นท่าแล้วล้มนั่ง"ไม่ต้องห่วง ไม่ตายหรอก"

 

        เพียล่าดูเชิงการพูดของเขาแล้วยังไม่คลายกังวล หากแต่บ่นเบาๆขณะตบแก้มสาวน้อย"หากเนเน๊ะเป็นอะไรขึ้นมาล่ะก็ ฉันไม่ไว้หน้าแน่!!"

 

         โอราฟหาได้สนใจ ล้มตัวลงนอนไปซะดื้อๆพลางใช้หมวกปักกว้างพัดวี ชาร์ลเสนอตัวเป็นผู้ออกความเห็น"โอ'เกนท์นายพาเขาไปพักตรงนั้นก่อนนะ"พยักหน้าหงึกแล้วก็สนองไป ส่วนวูดตันกุลีกุจอเข้ามาหาเนเน๊ะ

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.4 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.2 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา