The Last Night

9.2

เขียนโดย pyclub70

วันที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2558 เวลา 20.31 น.

  40 ตอน
  16 วิจารณ์
  32.32K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2559 20.39 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

35) 031-ดวลเดือด

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
 
031-ดวลเดือด
 
 
         
         หินทั้งเจ็ดแสดงฉายแสงตามคุณลักษณะล้อมเป็นวง ดวงหน้าถูกฉาบไปด้วยแสงจากหินทุกก้อน ดวงตาชาร์ลหรี่มอง ฝ่ามือยื่นสัมผัสใจกลางทรงนูนพลันรู้สึกถึงพลังมากมาย 
         พักเดียว หนุ่มมาดผู้ดีต้องสะบัดมือทิ้ง ฟาดไปด้านหลังอย่างไม่จงใจหลังมวลแสงสายฟ้าเข้ารวบรัดแขนข้างนั้นทั้งหมด แสงสายฟ้าปลิวไปตามแรงเหวี่ยงและบังเอิญมุ่งตรงเป็นสายเข้าหาเนเน๊ะที่นั่งซึมหงอย
         สาวน้อยเกิดอาการสะดุ้งเฮือก สองขาพลันยืนเหยียดตรงยัดร่างลุกยืน อกแอ่นขึ้นคล้ายถูกกระชาก ดวงตาเบิกโพลงราวกับถูกไฟฟ้าช็อตกระตุ้นร่างกาย 
        หลังแสงสายฟ้าที่ชาร์ลบังเอิญฟาดมาจมหายเข้าไปในร่างเนเน๊ะหยุดลง  เธอล้มนอนพังพาบลงในท่าตะแคง กระตุกร่างแหงกๆตะกุกตะกักอย่างไม่อาจฝืนด้วยแสงสายฟ้ายังแปล่บๆเนืองๆล้อมกาย
        จากนั้น ราวกับว่า..สาวน้อยเหมือนถูกเรียกสติด้วยการตื่นของพลังอีกครั้ง เนเน๊ะลุกพรวดหยัดร่างกายด้วยการนั่งยันเข่าข้างหนึ่งติดพื้นและอีกข้างตั้งชันไว้ สองมือแนบลำตัวก่อนเลื่อนขึ้นประสานกันที่อก บนใบหน้าฉายแสงนัยน์ตาฟ้าเปลวทมึน ก้มมองจ้องพื้นและนิ่งสงัดอยู่อย่างนั้นโดยไม่สนใจการโจมตีจากอสูรบารานอสหรือแม้แต่ความวุ่นวายในตอนนี้
        มีแต่ชาร์ลเท่านั้นที่หันมองและนึกในใจว่าตนทำพลั้งพลาดไปแล้วสิ'ต่ะ แต่.. แต่ทำไม ร่างกายอันบอบบางเช่นนั้นถึงได้..'ชาร์ลสับสนและงุนงงพลางคิดในใจ'ถึงได้ไม่เป็นอะไรเลย ทั้งๆที่แขนของเราก็หมดแรงไปทันที เนเน๊ะ!! เธอมีอะไรซ่อนอยู่กันแน่นะ!!'
ต่อมาหนุ่มมาดผู้ดีหยุดคาดเดาลงเมื่อเสียงของเพื่อนดังขึ้น
"เฮ่ ชาร์ลเจออะไรบ้างไหม"เสียงของเพียล่านั่นเอง ชาร์ลส่ายหน้าเป็นคำตอบ
        สถานการณ์เริ่มย่ำแย่ลง วงบาเรียสลายสิ้นราบคาบ อสูรบารานอสจึงโหมโจมตีได้ตามใจชอบ หลายต่อหลายชีวิค
ตเกิดพลาดพลั้งบาดเจ็บกันระนาวแสนสาหัส
 
"ไม่ไหวแล้ว!!"โอ'เกนท์แผดเสียงลั่นขณะหลบหลีกพลางกุมแผลที่ต้นแขนขวา"เราคงรับการโจมตีได้ไม่นานหรอก!!"
 
"ไอ่พวกงี่เง่าเอ๊ย"เสียงสาวใสจากผู้ใช้ศาสตร์มนตราแห่งสายอัญเชิญร้องดังมา"ให้พวกเราจัดการเถอะ"
 
"แล้วปริศนารานูนานุล่ะ คือการกำจัดอสูรงั้นหรอ"ชาร์ลสวนกลับพลางหลบกระสุนบอลแสงไปมา"ฉันขอเตือนไว้ก่อนเลย!! พวกเธอนั่นแหละ ขยับถอยไปซะ!!"
 
"ฝันไปล่ะมั้ง"สาวคนเดิมว่าอย่างลำพองท่าทีเย่อหยิ่ง"ฉันกับเพื่อนมาที่นี่ก็เพื่อผนึกอสูรบารานอสนะ!! แต่ก็ขอบใจนะสำหรับหินบ้าบออะไรนั่นน่ะที่ช่วยปลุกอสูรนี้ขึ้นมา"
 
"ก็ลองดูสิ"โอราฟยกปลายไซฟ่อนเกี่ยเคราพูดอย่างท้าทาย"ฉันเดิมพันข้างสาวน้อยผมดำ ดวงตาฟ้าใสนั่น พวกเธอว่าไงล่ะ"ว่าแล้ว เขาสะบัดหน้าไปยังสาวน้อยที่ยังหยุดอยู่ท่าเดิม
 
"ใครดีใครได้ก็แล้วกัน"สาวเสียงเดิมตอบเสร็จ พลันสวนกลับอสูรบารานอสอย่างไว
 
         แต่!! สายตาทั้งหมดกลับจับจ้องไปยังเนเน๊ะ ซึ่งกำลังเหยียดขายืนตรง เงยหน้ามองฟ้าผายสองมือออกข้างลำตัว ตั้งแต่หัวจรดเท้าเปล่งรัศมีใสแกมขาวเจิดจรัสเบียดบดแสงสลัวมืดมิด อสูรบารานอสเกิดชะงักไปช่วงหนึ่งแถมบินส่ายๆ ทุกคนต่างตกตะลึงอึ้งงันไปตามๆกันกับความฉงนนั้น
 
___________
 
ณ มหาราชวังไทบิไอโอนาสแห่งจักรวรรดิลามิเรส อันเป็นที่พำนักส่วนพระองค์ของจักรพรรดินีผู้ทรงปราดเปรื่องเรื่องวิชาดาบ
 
"ห่ะ..!!!"
จักรพรรดินีทรงอุทานด้วยความรู้สึกบางอย่างซึ่งมันกระทบเข้าโสตสมองขณะประทับยังบัลลังก์ ฝ่าพระหัตย์หยุดลูบคมดาบโซเดียค์และพูดเพียงลำพัง"ทำไม!? พลังนี่ถึงสื่อถึงเราได้นะ มันมาจากใครกัน!!"
 
        จักรพรรดินีสาวทรงกระวนกระวายคล้ายดั่งหัวใจจะพุ่งออกจากอกเสียให้ได้"พลังนี่มันอะไรกัน!!"พระองค์ทรงหายใจถี่รัวราวถูกอุปทาน"ความร้อนลุ่มนี่มันอะไรกัน"
 
"โคล้ง เคล้ง.."
 
ด้วยความพิลึกพิลั่นของพลังลึกลับที่สื่อมาทางจิต ดาบโซเดียค์ถูกปล่อยลงพื้นอย่างไม่ใยดี สายพระเนตรเหล่แลไปมาตามพระวรกาย อุบัติฉายเปลวแสงเรืองๆสีขาวใสระอุจากพระเศียรจรดเบื้องพระบาท พระองค์ทรงแปลกพระทัยขึ้นไปอีกเมื่อสายพระเนตรทอดไปยังกลางพระโรง แสงสว่างขาวผ่องทอขึ้นจากพื้นปรากฏเป็นร่างเทพีบอบบาง นัยน์ตาแลฉายสีเทาอ่อนจ้องฝ่ายตรงข้ามมาอย่างห่วงใย เรือนผมสีทองดุจเส้นไหมสยายพริ้วไหวตลอดเวลาแม้ไม่มีลมโชกโชย
 
"ลีอาร์.. ในกาลนี้ ได้มีผู้ถูกเลือกอีกหนึ่งได้หยั่งถึงพลังแห่งพระบิดาแล้ว อาจเข้าขั้นเทียบเทียมเจ้าก็เป็นได้ ..จงฟัง!! บุตรแห่งเพทราเอ๋ย ข้าขอให้เจ้าเร่งตามไปพบกับผู้นั้นเสีย ก่อน.."เสียงหวานสลับหนักแน่นแต่เอ่ ยแผ่วจากร่างบางใสสะอวดสวมอาภรณ์ขาวยาวลากชายติดพื้นดังขึ้น จักรพรรดินีส่อแววตาสงสัยไปยังใบหน้าค่าตาแลงามซึ่งกำลังล่องลอยกลางลำแสงใส โดยพลัน!จักรพรรดินีทรงระลึกได้เร็วเมื่อหลายสิบปีก่อนว่าเคยเจอที่หุบเขาโยมูเยียร์ แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่พระองค์สนใจหากตัดบทแล้วยิงปุจฉา
 
"ผู้นั้นอยู่ที่ใดเล่า!!"พระองค์ทรงกร้าวเสียง"จงบอกข้าเถิด"
แม้จะถามไปเช่นนั้น ทว่าในใจกลับภาวนาว่า..ไม่ขอให้ผู้นั้นคือผู้ใช้ดาบอาราชิแห่งเซ็นซุน
 
        สตรีลึกลับตรงข้ามพยักหน้ารับรู้และยิ้มบางๆ"หมู่บ้านกูจิแห่งป่าอิปรู ใจกลางเขตกูกู"
 
         หลังเสียงตอบดังเฉลย เรือนกายสะอ้านทรวดทรงงามได้สลายลิบไปในม่านแสงวับ
         จักรพรรดินีทรงตระหนักทันทีถึงความน่าประหวั่นจากใครผู้นั้นอยู่นมนานก่อนก้มลงไปเก็บดาบขึ้นมา ผ่านไปอึดใจหนึ่ง.. พระองค์ทรงตัดสินพระทัยเด็ดขาดแล้วว่าเสด็จเยือนเขตกูกู สองขาด่วนขยับไปยังนอกประตูบานใหญ่แล้วหันขวาไปตรัสสั่งกับ1ใน7อัครองครักษ์ผู้ใช้ศาสตร์แห่งมนตราสายสร้างนิมิต ที่ซึ่งกำลังสนทนากับเหล่าบรรดาเสนาธินาการแห่งกองทัพฟาริอัสอยู่นอกระเบียง"โอลิเวียร์ เปิดวาร์ปให้ข้าที!!"
 
       ครั้งใบหูได้ยินและวิ่งมาถึงอย่างลนลานโอลิเวียร์เร่งกล่าวทูลถาม"พระองค์จักทรงไปหนใด" องค์จักรพรรดินีเชิดหน้าขึ้นอย่างทะนง ตอบโดยไม่มองหน้า
 
"หมู่บ้านกูจิแห่งป่าอิปรู เขตกูกู!!"
 
ฉับพลัน! วงแสงทรงรีสีดำขอบม่วงได้ฉายเฉิดสว่างไสว จากนั้นผู้เป็น1ใน7อัครองครักษ์จึงผายมือไปพร้อมถวายคำเชิญ ขณะจักรพรรดินีกำลังก้าวขาเหยียบวงแสงลงไปแล้วข้างหนึ่งและกำลังเยื้องกายไปต่อกลับมีเสียงจากด้านหลังดังมา
"พระองค์จักทรงไปแห่งใด"
จักรพรรดินีหันพระพักตร์ไปพบว่าเป็นกาลูรัสนั่นเองซึ่งเป็นอีก1ใน7อัครองครักษ์เช่นเดียวกับโอลิเวียร์
"แห่งใด ท่านจักตามไปรึไม่!?"จักรพรรดินีว่าแล้วจึงก้าวย่างหายเข้าไปในวงแสง กาลูรัสคงไม่รีรอและลังเลหากวิ่งตามเข้าไปซึ่งตามมาด้วยโอลิเวียร์
 
        ..วงแสงยังที่นั่นหายลับและโผล่อีกที่หนึ่ง.. นั่นคือเขตกูกูแห่งหมู่บ้านกูจิ๊
 
__________
 
       
        สถานการณ์ตอนนี้ ทุกอย่างคล้ายหยุดชะงักดั่งเวลาถูกหยุด ทุกคนทั้งหมดตกอยู่ท่ามกลางความตะลึง สับสนและต้องตระหนักไปโดยปริยายเมื่อเนเน๊ะหวีดเสียงคำรามลั่นราวราชสีห์กระหายเลือด เธอขมวดคิ้วแน่นกัดฟันกรอด นัยน์ตาถมึงทึงกวาดขวางจ้องมองไปรอบๆ หลายคนเกิดหวาดเกรงและหวั่นสะพรึงรีบหลบหลีกสายตาไปเสียดื้อๆพร้อมถอยห่าง ไม่เว้นแต่สองสาวผู้ใช้ศาสตร์แห่งมนตรายังถอยกรูดเข้าหากลุ่มคนในเงามืดด้วยสีหน้าไม่สู้ดี เหลือแต่เพียล่า วูดตันและโอราฟที่จ้องมองตอบไป ทว่า..สาวน้อยหาใช่เอาเรื่องพวกเขาหากยังกลอกลูกตาไปมาไม่เพ่งผู้ใดแน่ชัด
          ด้วยทีเผลอ อสูรบารานอสเร่งสำรอกลูกบอลแสงพุ่งลงใส่เนเน๊ะขณะไม่ทันระแวดระวัง ทุกคนมองตามบอลแสงลงมา เมื่อจวนเจียนใกล้ถึงร่างเนเน๊ะ ใครทุกคนต่างคิดไปว่าหากโดนเข้าไปจังๆแบบนั้นร่างคงแหลกเป็นจุณ สาวน้อยเหมือนไม่รู้ตัวและมิเลื่อนสายตามองสักนิด แต่ทว่า..เธอกลับสามารถใช้มือปัดลูกบอลแสงให้ปลิวไประเบิดยังอีกฝั่งได้อย่างเหลือเชื่อ
        สายตาทุกคนเพ่งมองร่างเนเน๊ะอีกครั้ง แต่แล้ว!กลับไม่เห็นว่าเธออยู่ตรงนั้นแม้แต่เงา ทั้งคณะเดินทางและกลุ่มลึกลับกลับเกิดอาการมึนงงท่าทีล่อกแล่กและถามกันไปมาด้วยสายตา ทว่าคำตอบที่ได้คงต้องแหงนมองฟ้า 
         เมื่อนั้น..คำตอบจึงประจัก เนเน๊ะลอยละล่องมุ่งตรงยังอสูรบารานอสอย่างไม่ต้องสงสัยและไม่อาจค้นคำตอบได้ พอถึงระยะกระชั้นกัน..หมัดซ้ายจากสาวน้อยถูกเหนี่ยววิ่ง เหวี่ยงซัดเข้าใบหน้าอสูรบารานอสเต็มเปาจนใบหน้าสะบัดไปพร้อมกับร่าง ที่พยายามกางปีกบินถลาปราดๆเซแหล่ไม่เซแหล่
        หลังควบคุมร่างได้มันสวนกลับด้วยหมัดตรงทันควัน
 
"เปรี้ยงงง!!"
 
หลังถูกแรงกำปั้นกระแทกอย่างจังใบหน้าเนเน๊ะหันขวับวับไป กรามส่วนล่างสั่นสะเทือนจูงให้เลือดซึมตามกระพุ้งแก้มและไหลลงมุมปาก
 
          แต่!!.. เนเน๊ะหาใช่ปลิดปลิวไปไกล หากกัดฟันสู้ล่องกายลอยกลางอากาศราวเจ้าเวหาสยายปีกแล้วพุ่งเข้าหา ดวงตาฟ้าใสเดือดระอุเป็นเปลวเพลิงลุกช่วง ทันสวนคืนด้วยหมัดซ้ายและขวาเป็นชุดต่อเนื่อง ร่างอสูรบารานอสเหวอหวาร่างตะกุกตะกักคล้ายถูกกระสุนนับพันห่าโหมโถมกาย
 
"ปั่กๆๆๆๆๆๆๆ"
 
แม้กระนั้น..แล้ว เมื่ออสูรตั้งหลักได้หลังอ่วมน่วมและตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบมานาน จึงสวนกลับเนเน๊ะเช่นกันด้วยหมัดและเขี้ยวเล็บอันห่าโถมบ้าคลั่ง
         ทันใด การดวลหมัดมวยวัดเชิงได้เริ่มขึ้นอย่างตื่นตาระหว่างอสูรบารานอสกับเนเน๊ะ ทั้งสองใส่กันไม่ยั้งเปิดการ์ดแลกชิงความเหนือชั้นและความอึด เสียงปั่กๆๆของหมัดกระแทกหน้าและลำตัวดังอยู่เนืองๆ ผู้อยู่เบื้องล่างทั้งหมดส่งเสียงเชียร์สนั่นและคอยหาโอกาสเข้าสมทบ
         แต่โอกาสนั้นริบหรี่เหลือ เมื่อทั้งสองด้านบนสลับตำแหน่งมุมมวยกันตลอด
 
"ให้ตายเถอะ!!"สาวเสียงแรกป้องปากร้องไปด้านบน"ถ้า เป็นแบบนี้ฉันก็ผนึกอสูรไม่ได้นะเซ่..!!"
 
"ฮ่าๆ ผู้ใช้ศาสตร์มนตราแห่งสายอัญเชิญสินะ"โอราฟเหล่ตาไปพูดด้วยเชิงเยาะเย้ย"อสูรนั่นจะต้องถูกกำจัดโดยเด็กคนนั่น"
 
"ใครจะยอมกันล่ะยะ!!"เธอตอบ"ถ้าเป็นแบบนั้นก็ช่วยไม่ได้"
 
          สาวเสียงแรกว่าจบ ด่วนหมุนตัวพริ้วหลายรอบก่อเกิดประกายวงแสงสีชาดยังเบื้องหลังขึ้นก่อนเอื้อมมารอบกาย แล้ววงแสงนั้นก็ลุกโชนดั่งไฟนรกบ่งบอกเปลวเพลิงระอุจนทุกคนสัมผัสได้ถึงความร้อน
          ต่อมา เธอย่อขาพลางโยกสะโพกไปด้านข้าง มือขวาแสนอ่อนช้อยได้วาดรำปรายไปปรายมาแล้วจึงใช้เรียวนิ้วนั้นลูบไล้จากหัวเข่าถึงน่อง เลิกชายกระโปรงถึงครึ่งน่องขึ้นฉายืโคนขาอวดความขาวราวกับโปรยเสน่ห์ แต่ทว่า..สิ่งที่เธอทำนั้นมันคิดคาดจากความคิดของชายหลาคนที่หวังจะเห็นทีเด็ดของเธอกลางหว่างขา จากนั้น สองมือของเธอได้รวบขึ้นจากโคนขาถึงอกแล้วผายออกไปด้านหน้า
 
"ด้วยเสียงเพรียกแห่งข้า พารานาซัสจงปรากฏ!!"สาวเสียงแรกว่าดังลั่น
        ใต้บริเวณที่เธอเหยียบ อุบัติเป็นเพลิงผลาญตีในวงแสงอักขระโบราณเก้าชั้น เกิดเป็นรอยแตกแยกและสั่นไสวดุจแผ่นดินเลื่อนลั่น สาวเสียงแรกกระโดดถอยกรูด เมื่อมือหนากว่ามนุษย์หลายเท่าชุ่มไปด้วยไฟเกี่ยวเกาะขอบรอยแยกทั้งสองและทะยานตัวขึ้นเวหา
 
    "ฟุ่ววววววว!!"
 
"โว้วๆ มีแต่ของตื่นตาตื่นใจทั้งนั้นเลยแฮะ"วิคเตอร์แสยะยิ้ม มองขึ้นเบื้องบนจับจ้องอสูรในสายอัญเชิญ"นายว่าไหมโอ'เกนท์"
 
"นั่นสิ"โอ'เกนท์ต่อคำขณะสายตาจับจ้องสิ่งเดียวกับวิคเตอร์"วิคเตอร์!! ไม่ว่ายังไง นายก็ห้ามตายนะ"หนุ่มร่างท้วมหันไปสบมองและถูกมองกลับ
ก่อนทั้งสองเลื่อนสายตามองขึ้นไป พรั่งพร้อมอวดแววตาสุกใสดุจประกายพราว
 
"เออ..!! มันแน่อยู่แล้ว"วิคเตอร์ยิ้มลอยๆ"นายเองก็อย่าตายซะล่ะ เพื่อนเอ้ย!!"
 
        หลังเสียงของทั้งสองประกาศกระหึ่ม เพียล่า ชาร์ลและวูดตันยินชัด หันสบมองกันไปมาด้วยดวงตาเปี่ยมประกายแล้วมองขึ้นฟ้า
 
'นี่สินะที่เรียกว่าพลัง'สาวนักรบเอ่ยในใจ
 
"เฮ่ๆๆ วิคเตอร์นายสัญญาอะไรกับฉันจำได้ไหม"วูดตันสลัดความขลาดแล้ววิ่งไปหาหนุ่มนักรบยังแนวหน้า
 
"วูดตัน.. นี่ฉันนะ"วิคเตอร์สีหน้ายิ้มแย้ม หันมาใช้เสียงต่ำนุ่ม"พูดไปแล้วจะเบี้ยวกันได้ไง ใช่ไหมล่า"
วูดตันพยักหน้าเข้าใจยิ้มกลับ
 
"แล้วเรา.. จะกลับบ้านด้วยกัน"เพียล่าตะโกนด้วยท่าป้องปากและโบกมือเชียร์เนเน๊ะ"กลับบ้านด้วยกันน๊าเนเน๊ะ!!"สิ้นเสียงสาวนักรบความหวังดั่งทอประกาย
ทุกคนเริ่มเชื่อในตัวเนเน๊ะมากขึ้นหลังพยักเพยิดให้กัน ก่อนส่งเสียงเชียร์ให้ดังกระหึ่มลั่นป่าขึ้นไปอีก
        ผู้ลึกลับทั้งหลายต่างงุนงง ไม่เข้าใจว่าทำไมพวกเขาเหล่าถึงเชื่อในตัวเด็กสาวคนนั้นมากมายขนาดนี้ คำตอบยังคงเป็นปริศนาหากไม่สุ่มเดาไปเรื่อยๆ
 
        โอราฟได้ฟังกลุ่มกิเรเร่สนทนากัน ยังอดชื่นชมไม่ได้กับมิตรภาพของพวกเขา
 
"ทุกคน!! ฉันเชื่อ เชื่อในสิ่งที่ทุกคนมุ่งมั่น"โอราฟกล่าวเสียงตะโกนพลางเก็บปืนลงซองแล้วผายมือ "เจตนาแบบเดียวกันนี้! ฉันเคย! เคยผ่านมา! แม้ตอนนี้เราจะช่วยอะไรเนเน๊ะไม่ได้!! แต่อย่างน้อย..!! อย่างน้อย !! เราจะไม่ทำให้เธอเสียแรงเปล่า เพราะงั้น.."ดวงตาบุรุษชุดดำเปล่งประกาย"ฉันอยากให้ทุกคน ทุกๆคน ช่วยส่งแรงใจให้เด็กนั่นด้วย!!"ว่าจบจึงก้มหน้าลงแล้วพร่ำลำพัง'บุตรแห่งเพทรา!! จงสำแดงฤทธานุภาพพลังแห่งพระบิดาเสียทีเถิด!!!'
 
         กลุ่มกิเรเร่ยืนมองเนเน๊ะนิ่งงันไม่สนใจอสูรอัญเชิญที่ทรงร่างบึกบึนมหึมา ที่ร่างกายคล้ายมนุษย์ล่ำสัน เนื้อกายสีครามคล้ำ สองเขาเหนือขมับขนาดยาวดำเหมื่อมดูน่าหวั่นเกรง ตามร่างประดับด้วยเครื่องเงินตามข้อพับต่างๆและผุดเพลิงลุกไหม้ตามส่วนนั้นๆ ในมือขวาถืออาวุธเป็นดาบยาว อันมีคมหกแฉกงอกยาวตามสัดส่วนเล่มใหญ่ซึ่งพอเหมาะจะฟาดฟันอสูรบารานอสให้แดดิ้นได้ 
         เบื้องฟ้าขณะนี้ อสูรบารานอสกับเนเน๊ะกำลังแลกหมัดกันดุเดือดและเริ่มสะบัดสะบอบ ทว่า..ด้วยเหตุใดมิหยั่งถึง อสูรพารานาซัสกลับเหวี่ยงคมดาบหมายซัดร่างสาวน้อย แต่!!!
 
        เสี้ยววินาทีนั้น!! จวนคมดาบใกล้กระชากวิญญาณเนเน๊ะทุกคนต่างคิดไปว่าสาวน้อยต้องกลายเป็นศพและร่วงผล็อย ทว่า..
 
"เคล้งงงง!!!!"
 
มันคือเสียงคมดาบปะทะกันอย่างหนักหน่วงโดยบังเอิญหรือจงใจมิอาจทราบได้จากใครผู้หนึ่ง ซึ่งโผล่มาอย่างประหลาดกลางนภาหลังแสงวงรีสีทึบฉายขึ้น 
         อย่างฉับไว ผู้นั้นบิดเอวสมทบกับพลังแรงแขนส่งร่างอสูรพารานาซัสลงกระแทกพื้นดังแอ่ก
 
"ดาบโซเดียค์!?"ชายชุดดำในมุมมืดอุทานเบาๆโดยไม่มีใครได้ยินหรือหันมา
 
"ม่ะ ไม่จริงน่ะ"เจ้าของอสูรพารานาซัสดวงตาแข็งค้าง ยืนตะลึกอ้าปากหวอ"นั่นคืออสูรที่แข็งแกร่งที่สุดของฉันแล้วนะ"
 
ร่างอสูรพารานาซัสชิดพื้นหมดรูปความหวั่นเกรง สาวเสียงแรกวิ่งมาหาอสูรอัญเชิญของตน แต่ยังไม่ถึงกลับมีเสียงหนึ่งดังขึ้นชวนสะพรึง
 
"โฟราฟาเกล เอสตาดินอฟ!!"มันคือเสียงบ่นคาถาคำโบราณงึมงำ ดังขึ้นจากผู้มาใหม่อีกคนยังเบื้องล่างที่โผล่จากแสงวงรีสีทึบ ในชุดผ้าคลุมสีเทาจรดหัวยันเท้า ขิบทองที่ชายแขนและชายผ้า ด้านหลังผ้าคลุมปักเด่นด้วยตราสัญลักษณ์แดงเดือดแห่งลามิเรส
 
        กงล้อแสงสีแดงเฉิดประดับจากพื้น อักขณะโบราณล้อมกายอุบัติขึ้นจากพื้นก่อนมุ่งเข้าล้อมร่างอสูรพารานาซัสเป็นวงใหญ่แล้วหุบลงซึ่งพอดีกับร่างโดยไม่ให้ตั้งตัวได้ บัดดล อัคคีเพลิงผลาญจักรพรรดิแห่งอินโฟโน่ได้ลุกโชติสว่างจ้าราวเปลวแสงอาทิตย์ เข้าแผดเผาร่างอสูรพารานาซัสอย่างทรมานและส่งเสียงโหยเนื่องจากตกอยู่ในวงตรา 
        ผลาญไหม้เสร็จร่างอสูรนั้น แหลกลาญเป็นจุณก่อนกลายเป็นฝุ่นธุลีแสงปลิวล่องในอากาศสลายพริบ
 
"ม่ายยยยย!!!!"สาวเสียงแรกทรุดร่างนั่งลงทั้งน้ำตา ใบหน้าสั่นๆจ้องมองพื้นที่ว่างเปล่า"ม่ะ จริง ม่ะ ไม่ ไม่จรี๊งงงงงงงงง ฮึกๆฮือๆๆ พารานาซัสนายจะจากฉันไปแล้วหรอ ฮือๆ"
    
        เสียงปล่อยโฮน่าสังเวชดังท่ามกลางสายตาสงสารใครหลายคนที่เบนมาบ่ายมองอย่างช่วยอะไรไม่ได้ สาวเสียงแรกยังคงนั่งพับเพียบ สองมือขยี้ตา ปาดน้ำตาไปพร้อมส่งสุ้มเสียงร่ำร้องเรียกชื่ออสูรพารานาซัสอย่างอาลัย แต่นี่..คงไม่ใช่เหตุการณ์ที่น่าจับตามองเท่าไรหากผู้นั้น ผู้ที่หวดอสูรพารานาซัสลงพื้นเข้าห้ำหั่นกับอสูรบารานอสโดยเมินเนเน๊ะไปเฉยๆและทำให้สาวน้อยหลุดจากการต่อสู้
          ขณะผู้มาใหม่บนเบื้องฟ้า สู้รัดฟัดเหวี่ยงกับอสูรบารานอสอย่างเอาเป็นเอาตายด้วยดาบกับกรงเล็บ นิ้วบางๆของเนเน๊ะได้สกิดไหล่ผู้มาใหม่ เมื่อเขาหันมาอย่างฉับไวโดยไม่ทันตั้งตัวหมัดเล็กๆด่วนซัดเข้าเต็มแก้ม
 
"เปรี้ยงงง!!"
 
ร่างผู้มาใหม่ทะยานลงและแน่นิ่งสนิทกับพื้นชั่วครู่ ก่อนยันร่างยืน สะบัดใบหน้าเบาๆพลางใช้มือปาดเรียวปาก เพ่งสายตาจับจ้องผู้กระทำตน
 
"ไหวไหมขอรับ!?"เสียงจากผู้มาใหม่อีกคนหนึ่งดังถามจากบริเวณใต้พุ่มต้นเซคหลังเร้นกายเงียบ จากนั้น จึงหันหน้าหาผู้เผาอสูรพารานาซัส"กาลูรัส ทำอะไรสักทีสิ!"
 
"ยุ่งน่า"เสียงจากผู้ถูกถามเปล่งอย่างรำคาญแล้วเหวี่ยงดาบโซเดียค์ขึ้นไป ส่งคลื่นคมดาบพุ่งตรงหาเนเน๊ะและอสูรบารานอสหมายจะตัดให้ขาดเป็นสองชิ้นทั้งสองร่าง
 
         ทว่า.. พลังนั้นถูกหยุดและสลายด้วยฝ่ามือของเนเน๊ะที่ยื่นออกนำหน้าขณะกำลังทะยานลงมาหวังชวนทะเลาะ ระหว่างนั้น ดวงตาของเธอเหลือกลาน หมายมุ่งสังหารผู้อยู่เบื้องล่างต่อหน้าเธอให้ได้ ซึ่งก็คือผู้ใช้ดาบโซเดียรค์นั่นเอง
 
        เมื่อถึงพื้นอย่างแยบยล หมัดเล็กๆของเนเน๊ะจึงถามถึงใบหน้าผู้นั้นอีกระลอก
 
"เปรี้ยงงง!!"
 
ผู้นั้นโดนเข้าอย่างจังเซ ร่างถลาถอยแถ่ดๆ สาวน้อยหายใจฟึดฟัดถี่รัว กระโจนกายโถมกระสุนหมัดซ้ำเข้าไปหลายดอกอย่างบ้าคลั่งโดยไม่ให้ฝ่ายตรงทันไแ
ด้ตั้งตัว
 
        ครั้งเห็นเช่นนั้นแล้ว ไม่มีแม้ใครจะกล้าเข้าห้ามหรือแยกให้ทั้งสองออกจากกันเพราะคงหวาดพลังอันน่าพรั่นพรึงรุนแรงมหาศาลซึ่งรับรู้ถึงจิตสังหารแผ่เผยมา
       ด้วยทุกการโจมตีขอทั้งสองต้องมีคลื่นระเบิดแผ่ออกปล่อยแรงลมพุ่งวาบหวาสู่ใบหน้าและร่างของทุกคน เพียล่าเสาะมองเห็นชัดถนัดขึ้นหลังเพ่งมองจนแน่ใจแล้วว่า..ผู้ที่ถูกเนเน๊ะกระทำอยู่นั้นเป็น..!!
 
"จักรพรรดินีลีอาร์!!"
สาวนักรบอุทานพร้อมกับชาร์ลและวิคเตอร์ ก่อนปรายตาหาสองชายผู้มาใหม่ซึ่งเห็นเป็นกาลูรัสและโอลิเวียร์ ผู้เคยคุ้นสำหรับเพียล่าด้วยก่อนหน้านี้ขณะยังดำรงเป็น1ใน7อัครองครักษ์ แต่ทั้งสองหาได้สนใจอดีต1ใน7อัครองครักษ์หากผู้มาจากเมืองหลวงหันมองผู้เป็นนายแทน
 
"หน๋อย!! ไอ้เด็กบ้านี่!!"ผู้มีนามว่า"กาลูรัส"อารมณ์ฉุนพร่ามดัง หันมาทางสาวน้อยแล้ววาดมืออัญเชิญบทมนตราแห่ง7เทพพาราดิน ซึ่งมีเพียงโอราฟเท่านั้นรับรู้ว่านั่นคือเทพอสูรในตำนาน
         หลังวงมนตราสีทมึนเทาขนาดมหึมาเป็นพยานยังขอบฟ้าจรดฝั่งถึงฝั่ง ฉายพร้อมกงล้ออักขระเก้าชั้นเผยจากพื้นสู่ด้านบนพลันเกิดสายลมพัดปลิวราวห่ามฤตยู ใครทุกคนยกแขนปิดหน้าป้องฝุ่นและกิ่งใบต้นเซค ส่วนสองผู้ชิงชัยนั้นหาได้ใส่ใจไม่ขณะแสงมนตราแผดเสียงตึ้มๆบนท้องฟ้า
 
"โฮ่ยๆ แค่เด็กผู้หญิงเพียงคนเดียวถึงกับจะเรียกใช้อสูรในตำนานเชียวหรือ"โอราฟเล็งไซฟ่อนยังกบาลกาลูรัส"อยากจะเสี่ยงกับฉันงั้นหรือ!?"ว่าแล้วจึงเอียงคอ แรงปอดสูดซื้ดบุหรี่มวนโต แล้วพ่นมวลควันโชยพริ้วแลคล้ายใบหน้ายมทูตแสยะยิ้มพุ่งเข้าหากาลูร้ส
 
"หึหึ คิดว่าแค่นั้นฉันจะกลัวรึไง"กาลูรัสใช้สายตาเหล่เหยียดโอราฟพลางยกยิ้มมุมปาก ด่วนวิ่งเข้าหาขณะเงื้อมือไปด้านหลัง เปล่งแม็กม่าหลอมเหลวและควันโขมงทั่วแขนแดงวาบก่อนตบลงหมายใบหน้าบุรุษชุดดำ
 
"คลึ่งงงงง!!"
 
ปฏิกิริยาเร็วปานสายฟ้า โอราฟยิ้มหยามเมื่อรับสิ่งนั้นด้วยกระบอกไซฟ่อน ทั้งสองประจันหน้ากันใกล้ กาลูรัสใส่สีหน้าจริงจัง อัดแรงเต็มเหนี่ยวกะยัดหมัดแม็กม่าลงใบหน้าฝ่ายตรงข้ามให้ได้ ทว่า..หากไม่เป็นดั่งหวังหลังยืดเยื้อกันนาน
 
        สุดท้าย.. โอราฟเหนือชั้นกว่าจึงกล่าวไป
 
"อ่อนหัดจริงนะ นี่น่ะเหรอ1ใน7อัครองรักษ์ผู้ครอบครองอสูรจิววีลีซาร์น่ะ"ว่าเสร็จบุรุษชุดดำออกแรงแขนเคลื่อนไปข้างหน้าราวกับผลักปุยนุ่น กาลูรัสล้มหงายหลังก้นจ้ำเบ้า โอราฟเขยื่อนไซฟ่อนชี้หน้าพร้อมพ่นควันจากบุหรี่มวนโตอีกครั้ง"การต่อสู้ครั้งนี้ ให้เป็นเรื่องของเขาทั้งสองเถอะ เรามันคนนอกไม่ควรอย่างยิ่งที่จะไปก้าวก่าย"เหมือนเป็นการขู่ โอราฟบอกแล้วบ่ายหน้าไปยังการต่อสู้ของเนเน๊ะก่อนหันมาพยักหน้าให้กาลูรัสอีกครั้ง
         แม้นบุรุษชุดดำได้กล่าวไปเช่นนั้นแล้ว แสงมนตราแห่งพิธีการอัญเชิญอสูรยังดำเนินต่อและผู้อัญเชิญก็ไม่มีท่าจะให้มันหยุด
"หึหึหึ หึๆๆ ฮ่าๆๆ"กาลูรัสหัวเราะในลำคอสะใจ
 
โอราฟยินเพียงแว่วๆก็กัดฟันสบถออก"ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตาสินะ!! ให้ตายเถอะ!! ขอพระองค์โปรดอภัยให้ข้าเถิด"โอราฟหลับตาเอ่ย
 
"ฮ่าๆๆ"กาลูรัสเยาะเย้ยกลบเกลื่อน
บุรุษชุดดำจำใจเหมือนถูกบังคับทางอ้อมให้กระทำการปลิดชีพกาลูรัส
 
"ปุ้งงงง"
เสียงไซฟ่อนดังขึ้นสนั่นทิ้งควันขาวปลิดปลิว กระสุนพุ่งเข้าแผ่นหลังกาลูรัสทุกเม็ดและแน่นิ่งไปหากยังมีลมหายใจรวยรินให้นึกคิดก่อนชีพวายป่วง
 
         ทั้งเจ็บใจและละอายตน กาลูรัสเลือกยิ้มอย่างลำพอง หลังเป็นเช่นนั้นแล้วก็พลอยเข้าใจไปโดยพลันขณะนอนราบเหลือบมองมวยคู่เอกและหวังให้อสูรอัญเชิญในตำนานถูกเรียกมาได้ทันเวลาเพื่อเข่นฆ่าทุกสิ่งมีชีวิตให้เรียบคาบ ทว่า ในใจเฮือกสุดท้ายเขานั้น ยังพร่ำเรียกชื่อผู้เป็นนายซ้ำๆและภาวนาให้เป็นฝ่ายชนะไปเรื่อยจนหมดลมหายใจกลายเป็นศพ
         โอราฟมีสีหน้าไม่ยินดีเท่าไรก่อนละไปทางอื่น ส่วนคนอื่นๆไม่มีใครทันเห็นเหตุการณ์การสังหารกาลูรัส เว้นแต่โอลิเวียร์ที่เห็นตั้งแต่แรกจนจบแต่ก็ทำอะไรเนื่องด้วยความขลาดเร้นกายลึกซ่อนในพุ่มต้นเซค
         ขณะนั้น หลังโดนอัดกระอ่วมมานาน ฝ่ายผู้มาใหม่เริ่มตั้งหลักได้และพอมีเวลาเหลือ เขาเลือกเก็บดาบลงฝักแล้วจึงใช้หมัดเข้าปะทะกับเนเน๊ะอย่างสมศักดิ์ศรี
 
        ครั้งเว้นระยะได้ ตัวต่อตัว ซึ่งๆหน้า ทั้งสองถอยห่างจากกันแล้วตั้งการ์ดขึ้นพลางออกเดินเป็นวงอย่างช้าๆ
        เพื่อช่วงชิงจังหวะเนเน๊ะ เป็นฝ่ายพุ่งไปสาวหมัดเข้าลำตัวอีกฝ่ายได้อย่างเต็มสูบแม่นยำ แต่กลับถูกสวด้วยหมัดตรงเข้าขมับทันควัน
         การห้ำหั่นจึงบังเกิด ทั้งสองปักหลักแลกหมัดสวนกันอย่างหยัดยืนหวังแสดงความแข็งแกร่งให้อีกฝ่ายยอมหมอบพ่าย
 
         ครั้นว่า.. เมื่อผ่านไปประมาณ3-4นาที..ยังไม่มีฝ่ายใดทรุดหมอบหากอสูรบารานอสเริ่มหมั่นไส้ที่เมินมัน ลูกบอลแสงถูงปล่อยลงกลางวงมวยเป็นสายราวกระสุนฝน เนเน๊ะและคู่ต่อสู้หาได้ใส่ใจหากกระโดดถอยห่างกันไปโดยสัญชาตญาณ มวลลูกบอลแสงระเบิดบรึ้มวืดหมดแล้วฉายแสงจ้าเข้าแยงตาคู่ชิงชัย ทั้งสองคงไม่รอให้แสงหรี่จากหายหากไม่ฉวยโอกาสโหมกายเข้าปะทะเพื่อครองความได้เปรียบ 
         ทั้งสองหาใส่ใจสิ่งรอบข้างและหลายคนรอบข้างหาได้ใส่ใจทั้งสอง หากเร่งคิดเพื่อหาวิธีกำจัดอสูรบารานอสพลางโจมตีกลับไปพลาง ผลลัพธ์ครั้นคงเดิม อสูรบารานอสไม่สะท้านสะเทือนหรือมีท่าทีจะยอมพ่าย มิหนำซ้ำยังปล่อยลูกบอลแสงเป็นชุดจนไม่มีพื้นที่ให้หลบหลีก หลายคนพลาดท่าบาดเจ็บซ้ำหนักกันขึ้นไปอีก
        กลุ่มกิเรเร่ทุกคนรวมทั้งโอราฟต่างปลิวไปไร้จุดหมายคนล่ะทางและเริ่มทรุดแรงล้า ส่วนสองสาวลึกลับเองก็ยังจนด้วยปัญญาไร้แรงมนตราใดๆจะพิฆาต เว้นแต่เนเน๊ะกับผู้มีนามว่า"จักรพรรดินีลีอาร์แห่งลามิเรส"และกลุ่มคนในเงามืดยังหยัดมั่นทัดทานพลังของอสูงบารานอสได้อย่างทัดเทียมหรือเหนือกว่าก็เป็นได้
 
         จนแล้วจนรอด จักรพรรดินีกลับเป็นฝ่ายถอนจากเนเน๊ะไปหลังเห็นว่าใครคนหนึ่งในกลุ่มเงามืดเริ่มเคลื่อนไหวโดยทะยานขึ้นฟ้ามุ่งหาอสูรบารานอส หลังลีอาร์ผละออกมาได้จึงกระโดดขึ้นสูงแล้วม้วนตัวฟาดดาบลงพื้นส่งคมคลื่นดาบให้สะท้อนกลับเพื่อดันร่างตนให้ทะยานถึงอสูรบารานอส 
         เห็นเป็นเช่นนั้น โอราฟคิดได้ไว พุ่งพรวดร่างบึกบึนวิ่งเข้าหาเนเน๊ะก่อนจับข้อมือสาวน้อยแล้วหมุนตัวเหวี่ยงไปสุดแรงเกิด ร่างเนเน๊ะปลิวลอยพุ่งไปตามทั้งสองที่นำหน้าไปก่อนแล้ว
         ผู้อยู่เบื้องล่างแลขึ้นเบื้องฟ้า เห็นเหล่าผู้พิชิตอสูรในมโนทะยานขึ้นฟ้าเรียงรายกันหมายโรมรันอสูรบารานอส ทั้งหมดจึงฝากความหวังไว้อย่างยิ่งใหญ่และส่งเสียงเชียร์พรรคพวกของตน
 
"เนเน๊ะ จัดการให้ได้น๊า"โอ'เกนท์ร้องขึ้นไป"แล้วฉันจะพาเธอไปเก็บสมุนไพรเอง"
 
        ดังนั้นแล้วฝ่ายผู้วาร์ปมาใหม่ก็ไม่น้อยหน้า
 
"ขอพระองค์ทรงเป็นผู้สยบ!!"หลังโอลิเวียร์กล้าๆกลัวๆได้ส่งเสียงไปสำทับด้วยจากมุมอับ"พลังของท่านเกินสิ่งใดจะเปรียบเปรย หากพลังนั้นรุนแรงไม่ปานเหล่า7เทพพาราดิน"
 
        เสียงเชียร์ขาดไปอีกหนึ่งเสียง  ซึ่งก็คือพวกของผู้ที่ถลาจากกลุ่มคนในเงามืดที่ยังเงียบเชียบ ส่วนสองสาวผู้ใช้ศาสตร์ได้แต่มองอย่างหมดหวังแต่ในใจหวังหาโอกาสผนึกอสูรบารานอสให้ได้
 
"ไงพวก เดิมพันหน่อยไหม ว่าสาวน้อยผู้นั้นจะเป็นผู้สยบอสูร"โอราฟหันไปว่าด้วยเชิงชั้นเซียนราวรู้คำตอบอยู่แล้ว"เธอสองคนนั่นแหละว่าไง ชอบเดิมพันไหม"
 
         สองสาวหันกลับมองพร้อมกล่าวรับคำท้า โดยสาวเสียงแรกผู้ใช้ศาสตร์มนตราแห่งสายอัญเชิญวางเดิมพันสูงที่7แสนอิค"จะมีเงินจ่ายฉันไหมล่ะหากว่าพวกฉันกำจัดได้ก่อน"  บุรุษชุดดำเผยสีหน้ายิ้มกระหยิ่มไร้แววกังวลก่อนพยักหน้าเป็นคำตอบ จากนั้นกลุ่มกิเรเร่ได้สนทนากันเองโดยไม่ให้เสียงเล็ดรอดไกลให้ใครยิน
 
"งานนี้ กินหมูแน่ๆเนอะ ลุงโอราฟ ฮ่าๆ"ทั้งที่บาดบริเวณต้นขาวิคเตอร์เจียดแรงพูดเบาๆ สบมองหางตาบุรุษชุดดำที่เหล่มา
 
"นั่นสิ ไอ่พวกนี้ไม่รู้จักเนเน๊ะซะแล้ว"โอ'เกนท์เสริมเบาๆ กำหมัดลุ้นสายตาเบิ่งฟ้าสลัว
 
"อย่าลำพองไปหน่อยเลยน่า"เพียล่ากล่าวเตือนสติ ขณะมองตามเนเน๊ะขึ้นไป
 
"หากว่าจักรพรรดินีแพ้เนเน๊ะล่ะ พวกเราจาา..ไม่"ชาร์ลแย้งขึ้นอย่างวิตก ทุกคนในกลุ่มหันมา
 
"เรื่องนั้น ไม่ต้องเป็นกังวลหรอก ถ้าเกิดอันตรายใดๆขึ้นกับพวกขององค์จักรพรรดินีของพวกนายล่ะก็ ฉันจะรับผิดชอบเอง"โอราฟบอกโดยไม่หวั่นไหว คมนัยน์ตาดุจเหยี่ยวเพ่งเล็ง นิ้วชี้เหนี่ยวไกไซฟ่อนไร้ซึ่งกระสุน อัดแรงลมสำทับส่งเนเน๊ะให้นำหน้าทั้งสอง
 
"แต่ก็หนักใจอยู่ดีนั่นแหละน่า"เพียล่าว่าหน่ายๆแล้วปล่อยคมศรขึ้น เบนความสนใจอสูรบารานอสให้มาทางกลุ่มของตน
 
"ท่ะ ท่ะ โธ่.. เพียล่า!!ทำไมทำแบบนี้!!"วูดตันแหกปากสีหน้าเหมือนถูกฉีก สองขาสั่นพั่บๆพลางชี้ลูกบอลแสงที่กำลังมาทางตน"ย๊ากกกก!!"
 
"ตรึ้มมมม!!!"
 
หลังมวลพลังกระแทกพื้น วูดตันหลบได้ทันเพราะถูกโอ'เกนท์ยันก้นกระเด็นไปไกล วิคเตอร์จึงว่าไป"ไอ่งี่เง่าเอ้ย ฮ่าๆ"
 
"วะฮ่าๆๆ ผู้ช่ำชองป่าหมดรูปเลยสินะ วะฮ่าๆๆ"โอ'เกนท์สำทับ
 
        เมื่อทั้งสามบนฟากฟ้าเรียงรายกันแล้วและถึงร่างอสูรบารานอส การประสานพลังเข้าตีโหดระห่ำจึงบังเกิดขึ้นหลังแยกฝั่งเป็นสามมุม ซึ่งต่างฝ่ายต่างก็หวังจะพิชิตให้ได้โดยไม่สนใจว่าใครจะเอื้อต่อการโจมตี อสูรบารานอสเป็นฝ่ายถูกรุมแต่ยังสู้ได้อย่างสูสี
        ระหว่างนั้น แสงประโยคอักขระอันล่องลอยจำนวนมากได้หมุนรวมกันเป็นวงใหญ่แล้วพรึ่บขึ้น!!  สร้างเป็นเทพอสูร7เจ็ดเทพพาราดินแห่งสายอัญเชิญของกาลูรัสอันน่าสะพรึงในโสตสายตาของจักรพรรดินีลีอาร์ที่ทรงเหลียวมาเพียงผู้เดียว
       
 
        
 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.4 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.2 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา