The Last Night

9.2

เขียนโดย pyclub70

วันที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2558 เวลา 20.31 น.

  40 ตอน
  16 วิจารณ์
  37.76K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2559 20.39 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

27) ตอนพิเศษเรื่องเล่าของลิลลี่

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

~ตอนพิเศษเรื่องเล่าของลิลลี่~

 

 

"ห่ะ.. ห่ะ.. ห่ะ.. "

เสียงเหนื่อยหอบดังขึ้นต่อเนื่องจากเด็กสาวในท่ายืนค้ำเข่า พลางเหลือบตามองไปข้างหลัง เพื่อดูให้แน่ใจว่าสิ่งนั้นเลิกไล่ตามแล้ว

 

"ลิลลี่ไหวไหม"

เสียงจากสาวน้อยร่างหนึ่งแตะไหล่เธอเบาๆกระซิบถาม

 

"หวังว่ามันคงไม่ตามมาแล้วนะ"

และเสียงจากสาวน้อยอีกร่างทางด้านขวาลิลลี่เอ่ยเบาๆ

 

        ทั้งสามหยุดพัก จากการวิ่งหนีสิ่งเลวร้ายที่สุดในชีวิต พวกเธอเหนื่อยล้าและดูเหมือนหมดหวัง กับการถูกไล่ล่าหมายเอาชีวิต

        ทางเลือกสุดท้ายที่เหลืออยู่คือ ต้องวิ่งและภาวนาให้พระอาทิตย์ขึ้นโดยเร็ว

 

        สามสาววัยรุ่นได้แก่ ลิลลี่ วีวี่และมาเชลจากหมู่บ้านสวีทติ้งค์ดรีมกำลังตกอยู่ในคืนแห่งความมืด อย่างไม่ทันตั้งตัวหลังออกเสาะหาของป่าและเก็บฟืน

         พวกเธอชะล่าใจ จนช้าไปหลายก้าว ตะวันลับลา ลางมรณะแย้งบอกเหตุ แต่ความไร้เดียงสาของพวกเธอจึงนำพาชะตาอันหดหู่มาเยือน..

 

"วีวี่ เธอนำไปก่อนเลยนะแล้วก็ตามคนในหมู่บ้านมาช่วยเราด้วยล่ะ"มาเชลเอ่ย ด้วยความหวังจากดวงตาเป็นประกาย

 

"ลิลลี่เธอไหวนะ"มาเชลหันกลับมามองลิลลี่ที่ยังเหนื่อยไม่เสร็จ

 

"ฉะ.. ฉันไหว"น้ำลายหนึ่งเฮือกถูกกลืนลงไป ก่อนลิลลี่ตอบมาเชลด้วยเสียงแหบแห้ง ทว่าเสียงตอบกลับกับสภาพร่างกายของลิลลี่ไม่ได้ตรงกันเลยแม้แต่น้อย

 

         ในตอนนี้ วีวี่ได้นำหน้าไปยังหมู่บ้าน ส่วนมาเชลที่ประคองลิลลี่ก็พยายามเคลื่อนที่อย่างช้าๆ

 

    เวลาเริ่มนับถอยหลัง!!

 

"    ... ในตอนนั้นฉัน.. ฉัน.. เห็นอัศวินควบม้าไล่ตามพวกเรามาในความมืด ฉัน,มาเชล,วีวี่และเฮอร์บัฟต่างวิ่งหนีเอาตัวรอดจากสิ่งนั้น ทุกสิ่งทุกอย่างมันมืดไปหมด ไม่มีแสงดาว ไม่มีแสงจันทร์ แล้วก็เหน็บหนาวเหลือเกิน

         พวกเราวิ่งมาทางหลัก ทางกลับหมู่บ้านที่เป็นทางเกวียน พวกเราวิ่ง.. วิ่ง.. แล้วก็วิ่ง ตะตะ แต่เฮอร์บัฟดันไปวิ่งชนเข้ากับผาหินริมทาง เขาล้มลงและร้องให้ช่วย ฉันหันกลับไป ฉันเห็นเพียงแค่ภาพลางๆของเขา

         เขายื่นมือออกมากับส่งสายตาหดหู่ ไม่ช้าอัศวินตนนั้นก็ใช้ดาบกระชากหัวของเฮอร์บัฟจนเลือดพุ่งกระจายออกเป็นทาง หัวของเฮอร์บัฟลอยขึ้นสูง ฉันตกใจ ตะตะแต่จะให้ทำไงได้ ฉันรู้สึกละอาย ที่ไม่สามารถช่วยเพื่อนได้เลย

         ฮะ..ฮะ..ฮึก.ฮึก.. จากนั้น ฉะฉัน และ พวกยังคงก้มหน้าก้มตาวิ่งไปเรื่อยจนใกล้เจอทางลัดเข้าหมู่บ้าน  มาเชลวิ่งนำหน้าตามมาด้วยวีวี่และฉัน

         ฉันหันกลับไปมองอีกครั้ง มันคือ อัศวินควบม้าสีทมิฬในชุดเกราะมือข้างขวาถือดาบเล่มเงา บนบ่าของมันไร้หัวและมือข้างซ้ายของมันถือวัตถุคล้ายศีรษะมนุษย์ ใช่ ใช่!! มันคือศีรษะมนุษย์แน่!!

         ฉันเห็นนัยน์ตาของมัน ดวงตาของมันสีแดงฉาน เพ่งมองมาทางฉัน กับเผยอปากยิ้มแว่วส่งเสียงหัวเราะคิกๆ

         แล้วฉันก็.. วิ่งเข้าสู่ทางลัด ทั้ง2ข้างทางมีแต่ต้นไม้มีหนามแหลมคมยื่นโผล่ออกมาและเป็นทางแคบ ตอนนั้น..ฉันเหนื่อยและหยุดพัก มาเชลเข้ามาประคองฉัน และพวกเราจึงตกลงกันว่า ให้วีวี่วิ่งออกนำไปก่อน เพื่อตามคนในหมู่บ้านมาช่วยพวกเรา วีวี่บอกให้คอยและวิ่งหายไปตามทางทันที

         ฉันกับมาเชลที่ประคองกันไป ต้องเดินกันอย่างระแวง ฉันผวาสุดๆ เดินได้ทุกๆสามก้าว ต้องหันกลับไปมองข้างหลัง หลายครั้งที่หันมองกลับมาก็พบแต่ความมืด อัศวินตนนั้นได้หายไป แต่ฉันยังไม่วางใจ

         เรายังเดินกันต่อไป มาเชลเป็นคนนำทางและพยุงฉันให้ก้าวตาม ฉันรู้สึกยิ่งเดินเหมือนยิ่งไกลออกไปทุกที สักพักมาเชลก็กรีดร้องออกมา เธอ.. เธอ.. สัมผัสกับบางอย่างที่เปียกแฉะมันเหนียวและส่งกลิ่นคาว

        ตอนนั้นมาเชลเสียสติ ฉันเขย่าตัวเธอ พร้อมถามว่าเกิดอะไรขึ้น มาเชลไม่ตอบได้แต่นั่งร้องไห้

        จนกระทั่ง ฮึกๆ.. จนกระทั่งฉัน ฉัน ใช้มือสัมผัสกับสิ่งตรงหน้า มันคือเลือด.. เลือดที่ไหลลงจากคอของวีวี่ หัวของวีวี่ถูกปักไว้กับต้นไม้หนามและร่างของเธอก็กองอยู่เบื้องล่าง

         ฉันตกใจอยู่ชั่วครู่ ก่อนคว้าแขนมาเชลแล้วไปต่อ เราสองคนเดินผ่านป่าหนามอย่างทุลักทุเล

        จนเมื่อมาถึงหมู่บ้าน ฉันต้องแปลกใจ มัน.. มัน.. มันไม่ใช่หมู่บ้านที่ฉันเคยเห็น ทุกอย่างกระจัดกระจายพังเละเทะ ไม่มีแสงไฟ ไม่มีใครอยู่แม้แต่คนเดียว

        ฉันเดินตรงไปยังบ้านของฉัน และเมื่อแง้มประตูเข้าไป พบว่าพ่อกับแม่และน้องสาวฉันตายกันอย่างน่าอนาถ สภาพศพนั้นไร้ชิ้นดี

        ฉันตกใจทำอะไรไม่ถูก ฉันปล่อยมาเชลออกจากมือและเดินเข้าบ้าน ฉันทรุดลงต่อร่างพวกเขา แต่ขณะที่น้ำตาฉันยังไม่ทันไหล ฉันต้องตกใจอีกครั้ง เมื่อเสียงของมาเชลกรีดร้องอย่างทรมาน

         ฉันหันกลับไป เห็นอัศวินร่างเดิม มันกระชากผมมาเชลจนคอโก่ง มาเชลทรุดนั่งเตะขาทุลนทุลาย สองมือของเธอปัดสู้มือกับมัน จนสุดท้ายมันก็ยกร่างของมาเชลขึ้น ขาของเธอแกว่งไปมา มาเชลร้องไห้.. ร้องจนสุดเสียงอย่างทรมาน

         หลังจากนั้น ฮึกๆ..ฮือ.. หลังจากนั้น มันก็ใช้ดาบปาดคอมาเชลอย่างช้าๆ จนคอของเธอเกือบขาดรอมร่อ มีเพียงแค่เนื้อคอบางๆเท่านั้นที่ยึดหัวกับร่างเธอไว้

         หัวของเธอถูกมันยกขึ้นยึดไว้ด้วยมือ ส่วนร่างของเธอก็ห้อยโตงเตง อาบไปด้วยเลือด ชโลมลงถึงปลายเท้าหยดลงสู่พื้นอย่างน่าสังเวช 

         ก่อนร่างของมาเชลหลุดลงพื้น มือของมันยังจับผมเธอไว้แน่น ดวงตาของมาเชลลุกโพลงมองมาทางฉัน และปากของเธอก็แสยะยิ้มออกมา

        ฉันรู้สึกสะเทือนใจ รู้สึกหดหู่ รู้สึกกลัว รู้สึกหวาดระแวง รู้สึกน่าสมเพช ที่ต้องรับรู้ชะตากรรมของฉันจะเป็นอย่างไร ฮือๆๆๆ...

        แต่เมื่อสติกลับมา ฉันลุกพรวดวิ่งออกจากตรงนั้น แต่มันก็ควบม้าวิ่งตามมา ฉันลัดเลาะซอกซอยตามหมู่บ้านหวังให้มันสะดุดล้ม แต่ไม่เป็นตามหวัง

        ฉันคิดอะไรไม่ออกและหมดหวัง ฉันวิ่งไปตามทางอีกหมู่บ้านหนึ่ง..

        ในตอนนี้ มันยังคงวิ่งตามมา และฟันฉับ!! หวังให้หัวฉันขาดในหลายต่อหลายครั้ง แต่ฉันก็หลบได้ทุกครั้ง

        จนในที่สุด ฉะ..ฉะ..ฉัน ฉันหมดแรง แล้วก็ล้มลง และฉันก็เห็นมัน มันที่ถือหัวมาเชลไว้ มันควงดาบก่อนหนึ่งรอบอย่างเยือกเย็นก่อนฟันลงมาที่ฉัน!!

        ฉันร้องครวญคราง กับความทรมานที่ถูกฟัน ตะ. ตะ. แต่ฉัน.. ยังโชคดีมาก ถูกฟันตรงต้นแขนจากการเอี้ยวตัวหลบเล็กน้อย

        เสี้ยวนั้นเอง ฉันเห็นเงาของใครหลายคนเข้าห้ำหั่นกับอัศวินตนนั้น ไม่นาน แสงสว่างพลันสว่างขึ้นและหายไป ก้อนเมฆอึมครึมสลายไป จนเห็นแสงดาวแสงเดือน อากาศหนาวเหน็บก็หายไป

         ฉัน..ฉันแปลกใจจริงๆ เมื่อเห็นใครคนหนึ่งเดินเข้าหาฉัน เขายกมือขึ้นมายังแผลของฉัน แล้วเกิดแสงประหลาด แต่ไม่น่าเชื่อแผลที่ถูกฟันจะหายเป็นปลิดทิ้ง

         ฉันฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว ทันทีที่ฉันจะขอบคุณ พวกเขาทั้งหมดก็อันตธานหายไปอย่างไร้ร่องรอย

         ฉันจึงเดินกลับหมู่บ้านไป แต่แล้ว.. ก็พบว่าทุกอย่างยังพังยับเยิน หัวและร่างของมาเชลยังกองอยู่ที่เดิม แสงเดือนจ้าขึ้น ฉันต้องตะลึงเมื่อพบว่า.. รอบๆตัวฉัน มีแต่ซากศพก่ายกองกันไปทั่ว เศษชิ้นเนื้อกระจัดกระจายเต็มไปหมด กลิ่นคาวเลือดฟุ้งเข้าจมูกฉันจนแทบจะอาเจียน

         ฉันสำรวจรอบๆทั่วหมู่บ้านได้ไม่นาน รุ่งอรุณก็มาเยือน ฉันมั่นใจแน่ว่า ฉันเป็นคนเดียวที่มีชีวิตหลงเหลืออยู่ในหมู่บ้าน นอกจากนั้น ทุกคนตายหมด... "ลิลลี่เล่าด้วยหน้าเศร้า พร้อมดวงตารื้นน้ำรอช่วงไหลอยู่รอมร่อ

 

~ตอนพิเศษเรื่องเล่าของลิลลี่2~

 

         หมู่บ้านสวีทติ้งค์ดรีม เพียงชั่วข้ามคืน ต้องพลันร้างสลายล้มตายหมดสิ้น ทิ้งไว้แต่กองเลือดและชิ้นเนื้อของชาวบ้านเกือบร้อยชีวิต

         แต่เศษมนุษย์เหล่านี้ จะถูกกลืนกินด้วยฝูงแร้งตัวอ้วนนับพันกับหมาป่าหิวโซหลายฝูง พร้อมกองทัพแมลงวันนับหมื่นและสัตว์กินซากหลากพันธุ์ ซึ่งมาชุมนุมกันโดยมิได้นัดหมายจากกลิ่นเลือด มหกรรมอาหารสดรสคาวจึงบังเกิด

        สาวรุ่นร่างหนึ่งที่ยังหลงเหลืออยู่เพียงคนเดียวในหมู่บ้าน นามว่า"ลิลลี่" เธอเฝ้ามองดูบรรยากาศแวดล้อมอย่างหดหู่ภายใต้แสงตะวันย่ำรุ่ง

        ลิลลี่เฝ้ามองซากศพ ถูกแทะเล็มถูกฉีกดึงถูกแก่งแย่งกันจากฝูงสัตว์หิวกระหาย เครื่องในมนุษย์ถูกกระชากสาวออกเป็นสายด้วยจะงอยปากฝูงอีกา และห่าแร้งที่รุมตอมแย่งกันเขมือมลงคอ ส่วนชิ้นเนื้อนวลอวบทั้งหลาย ถูกแทะเล็ม ขบดึงเหลือแต่กระดูก โดยฝูงหมาป่ากระหายเร่งรีบเคี้ยวกลืนลงท้องกัน อย่างตะกละตะกลาม

         เวลาผ่านไปไม่เท่าไร บรรดาสัตว์กินซากก็อิ่มหมีพีมัน ทิ้งไว้แต่ส่วนหัวมนุษย์ที่ขบยากปล่อยให้เหล่าแมลงวันฝังตัวอ่อน สิ้นสุดมหกรรมอาหารสดรสคาวสัตว์กินเนื้อทั้งหลายพลันแยกย้าย โดยไม่สนใจลิลลี่ที่ยืนตาเหลือกนิ่งอึ้งจากภาพบรรยากาศนรกจำลอง

 

        ลิลลี่เริ่มก้าวขาสำรวจจนทั่ว ความรู้สึกสะอิดสะเอียนอยากอาเจียนเกิดขึ้นกับเธอ เธอวิ่งไปข้างบ้านหลังหนึ่ง เพื่อสำรอก

        พลันนั้น เธอกลับเห็นศีรษะหญิงใหญ่ตั้งอยู่ทางด้านขวา ดวงตานั้นเหลือกโพลง ปากอ้าค้างจนเห็นลิ้นไก่ ส่งกลิ่นสาปคาวเลือดฟุ้งเตะจมูก

         ขณะยังสำรอก ปากจากหัวนั้นกลับเผยอ ขยับแว่วเสียงหัวเราะคิกๆ ไม่ช้าดวงตาก็กลิ้งกลอก ลิลลี่ผวาถอยหลังล้ม ก่อนขวัญกระเจิงแล้ววิ่งหนีไปยังทางหมู่บ้านใกล้เคียง

 

"        ... ตะตะ แต่มันยังไม่จบแค่นี้ อาทิตย์ฉายอุทัย ฉันจึงสำรวจเดินวนรอบหมู่บ้าน ซากศพไร้ชิ้นดีของพวกเขาที่สิ้นชีพ ถูกกัดกินด้วยสัตว์น่ากลัวทั้งหลาย

         ฉะฉะ.. ฉันทนไม่ไหวกับภาพนั้น ที่พบเห็น มันชวนอาเจียนและคลื่นไส้ จนฉันต้องปล่อยมันออกมา ขอโทษด้วยกับความทุเรศของฉัน

         แต่ยังไม่ทันที่ฉันจะอาเจียนเสร็จ หัวของเรอทาร์ที่ฉันบังเอิญเห็นเริ่มผิดเพี้ยนไป เขา.. เขาหลอกหลอนฉัน จากเสียงหัวเราะและดวงตาที่กวาดกลับซ้ายกลอกขวา มันช่างน่าขนลุกซะจริง

          ฉัน... ตกใจทำอะไรไม่ถูก จึงล้มลงไปก่อนวิ่งพรวดอย่างเร็ว หนีไปตามทางหมู่บ้านใกล้เคียง

         ฉันวิ่งเร็วมาก.. จนเมื่อฉันเหนื่อย ฉันก็หันกลับ พบว่า.. ฉันวิ่งมาไกลพอสมควร จนหมู่บ้านของฉันลิบตาไป

          ในตอนนั้น สองข้างทางมีแต่ป่าไม้รกทึบ และทางข้างหน้าที่ฉันมานะก้าวไป มันเป็นทางแคบรกชัน ไต่ระดับขึ้นสูงไปตามแนวหุบเขามัวร์

          ฉันหิวข้าว.. ฉัน ฉัน.. เหนื่อย ฉันกลัว ฉันหวาดผวา ฉันว้าเหว่และเหงา อารมณ์ในตอนนั้น มันแทรกกันหลายอย่าง..

         ตะวันจนบ่ายคล้อย ตั้งแต่เย็นวานฉันยังไม่ได้กินอะไร แต่แม้จะเพลียเท่าไรจนไร้แรงก้าว ฉันก็ยังพยายามมุ่งต่อไป

         จนกระทั่งย่ำเย็น.. ฉันเดินมาได้ถึงเขตป่าทางเข้าหมู่บ้านไนท์ฮอลโล่ ฉันเดินเลยไปจากป้ายบอกทาง แล้วฉันก็ล้มลงหมดสติ....   "

 

อึกๆๆๆ...(เสียงกระดกน้ำหลายอึกดังออกจากลำคอของลิลลี่ก่อนเล่าต่อ...)  

 

"         ....ห่ะ แต่เมื่อตื่นขึ้น ฉันต้องแปลกใจเมื่อฟื้นตัวอยู่บนเตียงภายในบ้านหลังหนึ่ง ซึ่งมีเตาผิงที่ยังระอุคอยให้แสง

         แต่ฉันกลับแปลกใจออกไปอีก เมื่อรู้สึกว่าที่นี่มีแค่ฉันคนเดียว ด้วยความหิว ฉันจึงพยายามควานหากลิ่มหอมของอาหาร ใช่..อาหารมันวางอยู่บนโต๊ะ มันคือขนมปังสามแท่งที่เพิ่งอบเสร็จใหม่ๆกับน้ำเปล่าในขวดใส

         ฉันเสียมารยาท หยิบกินหมดเกลี้ยง.. จะให้ทำไงล่ะก็มันหิวหนิ แค่นั้นยัง ไม่พอฉันยังรุกล้ำความเป็นส่วนตัวของเจ้าของบ้านอีกหลายอย่าง

         แต่... แต่อย่างหนึ่ง ที่ๆ ทำให้ฉันต้องกลัว กระจกโต๊ะเครื่องสำอางมันดึงดูดฉัน มันมีอะไรบางอย่างแฝงอยู่ในนั้น ฉันรู้สึกได้ ฉันจ้องมองกับเงาตัวเองที่ไม่ชัดเท่าไรในกระจกที่ขึ้นฝ้าปุปะบานนั้น ซึ่งมันดูเก่ามากเมื่อมองใกล้ๆ

         ตอนนั้น ฉันหลงตัวเอง หลงกับความงามที่ฉันมี ฉันยื่นหน้าเข้าประชิดกระจกและเอื้อมมือขึ้นแตะแก้มตัวเอง......

         ทว่า บางอย่างคล้ายมือคนโผล่ออกกระชากหัวฉัน กระแทกเข้ากับกระจกจนมันร้าวยุบลงไป

         ฉันล้มลงก้มจ้ำเบ้า จากแรงสะท้อนพร้อมเอามือกุมหน้าผาก ฉันมึนงงมาก จึงคลานไปควานหาผ้าจากตู้เสื้อผ้า เพื่อนำมาซับเลือด

         ฉันเปิดตาแค่ข้างเดียวและคลานด้วยแขนเพียงข้างเดียว จนในที่สุด ฉันก็ได้ผ้ามาซับเลือด สติเริ่มกลับคืน ฉันลุกขึ้นนั่งพับเพียบก่อนมองไปทางกระจกใบเดิม

         ไม่ช้า ฉันก็ยืนขึ้น ซึ่งไฟในเตาผิงมันก็แรงขึ้นด้วย แต่ตอนนั้น ฉันไม่สนใจอะไรแล้วล่ะเพราะอะไรจะเกิดขึ้นมันคงไม่แปลก ฉันเดินเข้าหากระจกนั่นอีกครั้ง ไฟจากเตาผิงส่องแรงมาก จนเห็นใบหน้าฉันครบถ้วนในชิ้นส่วนของกระจกที่ร้าว

         ฉันหายใจแรง เฝ้ามองมัน มองใบหน้าตัวเองที่เปื้อนเลือด ..ฮึกๆ ความผิดปกติที่ฉันเพิ่งสังเกตุเห็นเกิดขึ้นแต่ตอนไหนไม่รู้

        ฉันมองรอบๆพบว่า ในห้องมีแต่รอยเลือด ที่ยังใหม่สดละเลงไปทั่ว ไม่เว้นแม้แต่พื้นที่ฉันเหยียบ

        ..ช่วงนี้เองหัวใจฉันเต้นถี่แรง ในหัวมีแต่ภาพหลอน ฉันสะบัดไปซ้ายทีขวาที มันระแวงไปหมด ฮ่ะ ฮ่ะฮึก.. ฉันหาประตูไม่เจอ ฮึก.. หน้าต่างก็ไม่มี กลิ่นคาวเลือดเริ่มกระตุ้นโสตประสาทฉัน

         บางอย่าง!! บางอย่าง มันคืบคลานออกจากตู้เสื้อผ้า ฉันต้องถอยหลังชิดผนังเฝ้ามองมัน ชายร่างผอมสูงโผล่ออกมาอย่างช้าๆ ตัวมันเหี่ยวแห้ง มีแต่หนังติดกระดูก ร่างของมันชโลมไปด้วยเมือกเหนียวน่าขยะแขยงและเปลือยกาย หน้าตาของมันเละเทะเหมือนโดนไฟคอกและไร้เส้นผม

         มันเอียงคอมองฉัน ก่อนย่องเข้ามา ฉันเบียดกายชิดผนังจ้องมองมันอย่างตะลึงและหวาดกลัว

         ตะตะแต่ แต่ว่าฉันขาแข็งยืนนิ่ง เหมือนถูกสะกด ไม่ช้า มันก็พุ่งมือทั้งสองเข้ากดไหล่ฉัน ก่อนดึงฉันออกเพื่อพลิกตัวและผลักฉันให้กระแทก จนหน้าฉันชิดผนัง ฉันรู้สึกว่ามีเลือดไหลลงมาจากแผลเดิม

         มือของฉันสองข้าง ถูกมันรวบไขว้ขึ้น มัน.. มัน..!! ฮึกๆๆฮึกๆๆ ฮือๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ"  

ถึงช่วงนี้ ลิลลี่ก้มลงเอาแต่มือปิดหน้าปล่อยโฮลั่น จนไม่สามารถเล่าต่อได้..

 

        

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.4 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.2 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา