The Last Night
เขียนโดย pyclub70
วันที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2558 เวลา 20.31 น.
แก้ไขเมื่อ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2559 20.39 น. โดย เจ้าของนิยาย
20) 018-คืนสู่อ้อมดิน
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
018-คืนสู่อ้อมดิน
ชาร์ลเร่งรีบออกนำไปยังเกทวาร์ป พร้อมกับกำอัญมณีสีอำพันไว้แน่น หมายจะรู้ให้ได้ว่าหากใส่สิ่งคล้ายกุญแจบนแท่นเกทวาร์ปครบแล้วจะเกิดสิ่งใดขึ้น
"ชาร์ล นายพร้อมนะ"โอ'เกนท์ถามชาร์ลที่มาถึง ก่อนใครหลังจ้องมองสิ่งนั้นอยู่นาน
"ฉันจะใส่ล่ะนะ"ชาร์ลเอ่ย พลางหว่านสายตาเงยมองทุกคนก่อนยื่นสิ่งที่อยู่ในมือซึ่งสว่างด้วยแสงสีเหลืองอำพัน ลงไปยังบนแท่นเกทในช่องว่างอีกหนึ่งช่อง
กลุ่มกิเรเร่ทุกคน รวมถึงคาลาเนสยืนล้อมเกทวาร์ปเป็นวงกลม หลังอัญมณีสีอำพันถูกใส่ลงไป แสงทับทิมเพลิงแสงมรกตแสงอำพันฉายตัดกัน เกิดแสงหลากสีหลายโทนสว่างโดยรอบส่องไกลสวยงาม ชาร์ลร่ายมือวนเหนืออัญมณี3ดวงพลางบริกรรมคาถากำกับตามภาษาโบราณในใจกลางบนแท่นเกทวาร์ป
แสงสว่างลึกลับสามสีแผ่ออกเป็นวงกลมจากใต้แท่นเกทวาร์ปขยายเข้าคลอบคลุมทุกคน ก่อนหมุนวนจากช้าค่อนเร็วขึ้นและเร็วขึ้น ทุกคนสบตากันอย่างตื่นเต้นและลุ้นระทึกขณะแสงลึกลับยังคงหมุนเร็วต่อเนื่อง
จนกระทั่ง แสงสว่างวาบใหญ่ฉายขึ้นจากพื้นเข้าประสาทสัมผัสแห่งการมองเห็น ห้วงมิติลึกลับถูกเปิดออก พวกเขาทั้งหมดถูกส่งมายังอีกสถานที่หนึ่ง ซึ่งมืดมิดสนิท คบไฟที่ติดมือมาก็มอดไหม้ดับสิ้นไป
"ทุกคนอยู่กันครบไหม?"เสียงเพียล่าเอ่ยถามเรียกสมาชิกอย่างไวหลังมาถึง
"ค่ะ"เนเน๊ะตอบคนแรก
"อยู่ครับ"คาลาเนสตอบเป็นคนที่สอง
"อ่า ฉันอยู่ตรงนี้"ชาร์ลพูดพร้อมใช้เท้าเคาะพื้น
"มันมืดมาก.."โอ'เกนท์ตกตะลึง
"ทำไมนายไม่เอาพระอาทิตย์ใส่กระเป๋ามาด้วยล่ะ"วิคเตอร์แซวโอ'เกนท์ที่ดูปล้ำๆเปล๋อๆ แต่หนุ่มเคราสวยกลับไม่ได้สนปากวิคเตอร์เพราะมัวแต่ตกตะลึงค้างอยู่
" ..โล่งอกไปที อยู่กันครบนะ"เพียล่าผ่อนลมหายใจจากการเรียกสำรวจสมาชิก
"จะเอาไงต่อ?"โอ'เกนท์เลียปากก่อนกลืนน้ำลายถามออกไป แต่ยังไม่มีใครทันจะตอบเสียงจากคาลาเนสพรวดดังขึ้นสนั่น
"แสงแห่งนิมิตจงบังเกิด!!"
สิ้นเสียงคาลาเนสเอ่ยคาถา ทุกมุมทุกจุดพลันสว่างขึ้นมาทันใจเป็นแสงนวลตา มันคือห้องโถงหกเหลี่ยมขนาดใหญ่ มีเกทวาร์ปตั้งใกล้กับผนังด้านหลังของเนเน๊ะ ทั่วทั้งห้องผนังแต่ละด้าน ทั้งเพดานหรือพื้นโถงตกแต่งไปด้วยหินสีครามต่อเนื่อง จนเห็นเป็นภาพองค์รวมในสถาปัตยกรรมมิ่งฝัน ด้านตรงข้ามเกทวาร์ปมีแผ่นหินยักษ์สีครามขนาดใหญ่กว้างพอกันกับผนังด้านนั้น ซึ่งสลักลวดลายคล้ายมนุษย์สตรีดูก้ำกึ่งคล้ายปีศาจถูกผนึก ทุกคนออกสำรวจทุกด้านทุกซอกทุกมุม กระทั่งสำรวจถึงสถาปัตยกรรมพิลึกนี้ วนไปวนมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนแน่ใจว่าพื้นที่นี้คงไม่มีอะไรดูดีไปกว่าแผ่นหินยักษ์สลักลายก้ำกึ่ง ทุกคนดูไม่เอะใจ แต่คาลาเนสนั้นเอาแต่ยืนเฝ้ามองแผ่นหินสีครามด้วยใจจดใจโดยไม่มีใครสังเกต คาลาเนสเริ่มหลั่งน้ำตาเขาดูเศร้าและหดหู่ จนกระทั่งน้ำตาหยดแรกไหลผ่านแก้มลงสู่พื้น เสียงกระทบพื้นของน้ำตาหยดนั้นฟังดูเสนาะยิ่งนักและหยดต่อๆมาที่ร่วงลงพื้น มันคล้ายกับทำนองแห่งความโศก คาลาเนสสะอึกสะอื้นทรุดลงก้มหน้าคุกเข่า... น้ำตาที่ไหลลงเป็นสายไม่มีใครตีความได้เลยว่าเขาร่ำไห้ด้วยเหตุผลใด หลังทุกสายตาพบความผิดปกติกับคาลาเนส กลุ่มกิเรเร่ทุกคนจึงจับจ้องแผ่นหินลายสลักสีครามนั่น ตอนนี้เอง ไม่อาจทราบได้ว่าเพราะแรงอธิฐานหรือแรงศรัทธาใดทำให้ก่อเกิดปาฏิหารย์ รูปสลักสตรีในแผ่นหินสีครามฉายแสงออกเป็นวงกว้างเจิดจรัสทั่วทั้งดวง ลายสลักรูปสตรีในแผ่นหินสีครามเริ่มขยับกายดิ้นรนพยายามหาทางหลุดพ้นออกมาให้ได้ ไม่ว่าสิ่งใดอันเกิดอยู่เบื้องหน้ากลุ่มกิเรเร่ ในห้วงลึกพวกเขาเองจะไม่หวั่นไหวและเตรียมพร้อมรับมือ ไม่ว่าสิ่งนั้นจะมาดีหรือร้ายพวกเขาจะไม่ประมาทในทุกขณะลมหายใจ เพียล่าร่ายคาถาสร้างเขตอาคมให้กับเนเน๊ะและชาร์ลหลังพบความไม่ชอบมาพากล เพียล่า โอ'เกนท์และวิคเตอร์เข้าสู่ท่าเตรียมพร้อมรับศึก แต่ทว่าคาลาเนสกลับร่ำไห้หนักกว่าเดิมหลังร่างนั้นตะเกียกตะกายผุดออกจากแผ่นหินสีครามอย่างสมบูรณ์ ปรากฏเป็นร่างสตรีผมยาวสีน้ำเงินจรดพื้น เปลือยกายแต่มีผิวสีครามเข้มโดยทั่วเพื่อปกปิดส่วนสำคัญ ร่างของเธอใหญ่โตจนศีรษะเกือบติดเพดานแต่เท้านั้นกลับลอยเหนือพื้นประมาณคืบหนึ่ง โดยรวมแล้วร่างสตรีนี้มีกายสีครามรายล้อมประดับไปด้วยริ้วผ้าทรงริบบิ้นยาวสีขาว ลอยล่ะล่องพาดคอพาดเอวพาดแขนและพาดขาระลิ่วไปมาและใบหน้าไม่ส่งอารมณ์จนสัมผัสได้ถึงความเยือกเย็น หลังเผยกายออกจนครบร่างนั้นใช้มือวาดลวดลายทำนิ้วพริ้วไหวเกิดเป็นหนามน้ำแข็งขนาดใหญ่หลายชั้นผุดขึ้นรอบกายจากพื้น ไล่เป็นวงออกไปจนกลุ่มกิเรเร่ต้องกระโดดถอยหลบ เหลือเพียงแต่คาลาเนส ซึ่งไม่ได้หลบแต่อย่างใดเพราะวิถีอาวุธไม่ได้ฟาดผ่านมาทางเขา แถมคาราเนสยังเงยหน้าเปี่ยมน้ำตามองร่างนั้นราวกับจะสื่ออะไรบางอย่าง เพียล่าตั้งหลักได้ไม่รอช้าง้างคันธนูอันหนักอึ้งปล่อยลูกศรวิถีตรงเข้าทำลายร่างนั้น ทว่า..ลูกศรนั้นกลับทะลุร่างคาลาเนสหลังพุ่งพรวดอ้าแขนรับ เพื่อเบี่ยงวิถีและปกป้องร่างสตรีน้ำแข็งที่ไหวกายหลบ เพียล่าสะดุ้งตกใจ เมื่อร่างคาลาเนสจวนล้มลงพร้อมละอองเลือดไหลหลั่ง ใบหน้าอันไม่ส่งอารมณ์ร่างนั้นเริ่มมีน้ำตาเข้าประคองร่างคาลาเนสไว้ในอ้อมกอดก่อนตกถึงพื้น คาลาเนสไร้การตอบสนอง กลุ่มกิเรเร่เกิดความสับสน ร่างสตรีน้ำแข็งส่งเสียงกรีดร้องโหยหวนโดยไม่ขยับปากพร้อมกับใบหน้าเครียดแค้นประหนึ่งดั่งกล่องดวงใจถูกทำลาย ก่อนบรรจงวางร่างคาลาเนสลงอย่างเชื่องช้าแล้วหันขวับเหลือกดวงตาคู่ใหญ่ใส่กลุ่มกิเรเร่บอกความเป็นนัยดั่งมีความหมายว่าต้องตาย คนแรกที่ร่างนั้นหมายตาคือเพียล่า ร่างนั้นเงื้อมือที่ว่างเปล่าขึ้นและเขวี้ยงออกไปเกิดเป็นหอกน้ำแข็งตรงไปยังเพียล่า แต่ด้วยไหวพริบเพียล่าหลบด้วยการใช้เท้าไต่ผนังกระโดดม้วนตัวหลบอย่างทันท้วงที พร้อมกับสวนกลับด้วยคมศรอีกครั้งขณะยังหมุนตัวอยู่กลางอากาศ ทว่าบาเรียสีครามคล้ายรวงผึ้งปรากฏขึ้นก่อนถึงร่างนั้นคมศรของเพียล่ากลับสลายไป โอ'เกนท์และวิคเตอร์วิ่งแยกกันคนล่ะทางเพื่อดึงความสนใจ หอกยาวอันแหลมคมพรวดทะลวงเข้าน่องขวากับดาบไร้เสียงเฉือนเข้าน่องซ้าย และตามมาด้วยคมศรวิถีโค้งอันปล่อยจากด้านหน้าแต่อ้อมเข้าด้านหลัง สามการโจมตีนี้ทำให้ร่างนั้นสั่นไหวก่อนระเบิดพลังเป็นม่านน้ำแข็งปลายแหลมไล่เป็นวงพุ่งออกทุกทิศ โชคดีเพียล่าหลบทัน แต่พลันนั้นโอ'เกนท์และวิคเตอร์ต้องกระเด็นติดผนังแทบปางตายแน่นิ่งไป เนเน๊ะกระตุกชายเสื้อสเวทเตอร์ของชาร์ลไว้แน่นพลางซบลงจากความด้อยความสามารถของตน ส่วนชาร์ลเองคงได้แต่กลืนน้ำลายหลายเฮือก ตอนนี้เหลือเพียงแต่เพียล่าเท่านั้นยังหยัดสู้ ลูกศรหลายดอกถูกปล่อยออกไป แต่มันไร้ผลโดยสิ้นเชิงเนื่องด้วยบาเรียสีครามคอยคุ้มกันร่างนั้น นานเข้าเพียล่าเริ่มเหนื่อยหลังสู้กันไปเรื่อยจนแสดงจุดอ่อนออกมา ร่างนั้นไม่รีรอ รีบล่องกายเข้าหาเพียล่าที่ดูทรุดด้วยดาบน้ำแข็งเล่มโตหวดอย่างเต็มแรงลงไปยังร่างเพียล่าจนร่างสตรีน้ำแข็งสะเทือนไปตามแรงเหวี่ยง แต่ทว่า..!!"สถานการณ์สร้างฮีโร่"คำๆนี้ดูเหมือนใช้ได้จริงกับเนเน๊ะที่ด่วนควักมีดพกออกเข้าสกัดสตรีน้ำแข็งอย่างทันเวลา เพียล่ารอดตายอย่างหวุดหวิด ...จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อใบหน้าไม่ส่งอารมณ์ต้องปะทะอย่างจังกับใบหน้าอันเย็นเยือก ทั้งสองในตอนนี้ต่างไร้จิตใจเข้าฟาดฟันกันอย่างดุเดือดจนผนังและเพดานบางส่วนถล่มลงมา ลึกๆแล้วต่างฝ่ายต่างก็มีเหตุผลในการสู้นั่นคือการปกป้อง การสู้ยังคงดำเนินไปอย่างเอาเป็นเอาตาย พลังของเนเน๊ะในตอนนี้แข็งแกร่งกว่าตอนสู้อสูรยามหลายเท่านักแต่ก็ยังไร้การควบคุม ส่วนพลังของสตรีน้ำแข็งก็ใช่ย่อยเธอแข็งแกร่งยิ่งกว่าสิ่งใดเยี่ยง ในช่วงนี้เองคาลาเนสเริ่มรู้สึกตัวพร่ำเพ้อหลุดเสียงคำว่า"แม่"ออกมาไม่ขาดสาย ร่างนั้นพลันหันขวับกลับไปมองด้วยความรู้สึกบางอย่างจนเพียล่าเริ่มฉงนใจ การเมินคู่ต่อสู้เป็นเหตุให้สตรีน้ำแข็งเสียท่าและประมาท เนเน๊ะกระโจนเข้าโอบรัดคอจากด้านหลัง ทะยานเอื้อมมีดเข้าปาดคอเกิดแผลร่องลึกยาวอย่างเลือดเย็นก่อนถูกสะบัดให้ปลิวไป ทว่าร่างนั้นไม่รู้สึกสะทกสะท้านเลยแม้แต่น้อย เพียงแต่ยื่นมือใหญ่อันเย็นเชียบเข้าปาดแก้มคาลาเนสอย่างประณีตก่อนล้มฟุบลงเข้าโอบร่างเด็กชาย พร้อมน้ำตาหมื่นหยดกับเสียงสะอื้นดังขึ้นอย่างกังวาล หลังประสบความลุล่วง เนเน๊ะที่ปลิวมาพลันผล็อยหมดสติกองลงใกล้ผนังอย่างน่าเป็นห่วงจนเพียล่าต้องไปพยุงกลับมา จากไอเย็นกลายเปลี่ยนเป็นไออุ่นนุ่มละมุน คาลาเนสรับรู้ถึงความคุ้นเคยดั่งวันวานครั้งเก่าก่อน ร่างใหญ่โตค่อยๆทยอยหดเล็กลงกลายเป็นร่างมนุษย์ในชุดราตรีสีครามเผยใบหน้าสะสวยสะท้อนนัยน์ตาเศร้าหมอง เฝ้ามองร่างเด็กชายเบื้องหน้าอย่างอาวรณ์ แผลของคาลาเนสเริ่มสมานตัวแต่แผลของสตรีน้ำแข็งเริ่มฉีกขาดจนร่างไม่สามารถคงสภาพไว้ได้ ค่อยๆเริ่มสลายไปทีล่ะน้อย เนเน๊ะหมดสติไปหลังจากคลั่งจนไม่สามารถรับรู้เหตุการณ์ได้ หลังฟื้นขึ้นเธอสะกิดเพียล่าจากด้านหลังใช้สายตาแทนคำถามจากคำพูด เพียล่าหลุบตาลงแล้วโอบสาวน้อยไว้ก่อนทั้งสองมองไปยังภาพเบื้องหน้า กลุ่มกิเรเร่ต่างหยุดนิ่งได้แต่ยืนมองภาพนั้นด้วยอาลัย คาลาเนสเอื้อมแขนคว้าแผ่นหลังร่างนั้นเข้ากอดแน่นสนิทหลังสติกลับคืน ไออุ่นที่ยิ่งใหญ่ได้แผ่ออกจนกลุ่มกิเรเร่สัมผัสได้จนขนลุกเกลียว
"คาลาเนส แม่ขอโทษที่ทำให้ลูกสูญเสีย"ร่างสตรีน้ำแข็งเอ่ยออกด้วยเสียงละมุน แต่สะอึกสะเอื้อนพลางซบน้ำตาลงข้างใบหน้าเด็กชายจนแก้มแนบเนียน
"แม่ครับ ผม รัก แม่"
"ตะตะแต่ว่า.. ทำไมล่ะ ทำไม!!?
แม่อยู่ในร่างมนุษย์แล้วหนิ ทำไม..ร่างของแม่ค่อยๆสลายไปล่ะ"คาลาเนสเอื้อนเอ่ยเสียงละล่ำละลัก เผยสีหน้าสงสัยปนเศร้าตะโกนข้างหูของสตรีน้ำแข็งหรือผู้เป็นแม่ในอ้อมกอดแห่งไออุ่น น้ำตาที่หยดลงเป็นสายขุ่นเคืองกับสภาพความเป็นจริงและไม่มีน้ำหยดไหนเลยจะสามารถอธิบายหาคำตอบของคำถามนี้ได้ ไม่นานร่างนั้นจึงระเหยเป็นละอองล่องลอยในอากาศจนสลายไปในที่สุด
"............."
การจากลาของมารดาไม่จำเป็นต้องมีคำพูดใดเลิศเลอ แค่มีหยดน้ำจากนัยน์ตาเป็นพยานแห่งสายใยก็เพียงพอ ไออุ่นสุดท้ายของมารดาคาลาเนสซึบซับได้อย่างหมดจดหลังร่างสตรีน้ำแข็งสลายไปเขาคว้าได้เพียงอากาศเท่านั้น ซ้ำแล้วซ้ำเล่าเขาคว้าได้เพียงอากาศ โลกทั้งใบที่เคยสดใสกลับกลายเป็นสีเทา หลายปีหลายเดือนหลายวันที่เฝ้าคอยมาอย่างยาวนานกลับกลายเป็นแค่อากาศ อากาศ!? ใช่!!แค่อากาศเท่านั้นที่ไขว่คว้าได้.. คาลาเนสเจ็บปวดใจสูญเสียทุกสิ่งบาปจากมารดาต้องพลันสลายไปกับร่างอันอัปยศ ถ้ารู้ว่าผลลัพธ์ออกมาเป็นเช่นนี้เขายังจะยืนยันเฝ้ารอคำตอบอยู่ไหมนะ.. ช่างน่าละอาย ช่างขมขื่นกับความจริงเสียเหลือเกิน
" ..ในกาลนี้ข้าขออธิฐานในกาลนิรันดร์ หากพระผู้เป็นเจ้ารับฟังข้า ข้าปรารถนาให้ลมหายใจครึ่งหนึ่งของข้าไปสู่มารดา ตราบใดที่ศรัทธาแห่งข้ายังไม่หมดต่อพระองค์ ขอพระองค์ทรงโปรดสร้างปาฏิหารย์ด้งยเถิด"หลังคาลาเนสยืนกายขึ้นประกบมืออธิฐานร้องขอวิงวอนต่อพระผู้เป็นเจ้าด้วยเสียงละล่ำละลักทั้งน้ำตา แต่ทว่าปาฏิหารย์นั้นไร้ผลบังเกิดคาลาเนสจำต้องทรุดลงกับความหวังสุดท้าย ร่ำไห้หนักกว่าเก่าได้แต่พร่ำเพ้อไปเรื่อยพลางใช้กำปั้นทุบพื้น
"ทำไม!! ทำไมล่ะ..!!ทั้งๆที่ ทั้งๆ ที่ได้เจอแม่แล้วแท้ๆ ทำไมพระผู้เป็นเจ้าถึงทำกับข้าเช่นนี้!! ตอบข้าที!! ทำไม!!! ฮึกๆๆฮือๆๆๆ"คาลาเนสบ้าคลั่งร้องเสียงหลงกังวาลไปทั่ว กับบทฟูมฟายของเด็กขี้แงยากจะหยุดลงจนกำปั้นมีเลือดไหลซิบ ส่วนเนเน๊ะที่ไม่รู้สึกตัวว่ามีส่วนผิด เธอเดินมาเคียงข้างและแตะไหล่เบาๆเพื่อปลอยโยนแต่คาลาเนสยังก้มหน้าร่ำไห้ กลุ่มกิเรเร่ในตอนนี้คงได้แต่ยืนมองด้วยความหดหู่ เพียล่าน้ำตาคลอรับรู้ถึงความรู้สึกแห่งการพลัดพราก
"คาลาเนส"เสียงเอื่อยดังขึ้นเบาๆ เนเน๊ะนั่งลงเคียงคาลาเนสแล้วเข้าสวมกอดกันกลมลูบผมลูบหลังแบ่งปันความรู้สึก ทุกคนรู้สึกผิดและละอายใจ ที่ทำได้ก็มีแต่ยืนล้อมคาลาเนสและสรรหาคำมาปลอบใจไปพลาง
ขณะคาลาเนสร่ำไห้ไม่หยุดในอ้อมกอดของเนเน๊ะ ละอองแสงแห่งมวลพลังบางอย่างเริ่มรวมตัวกันแน่นกลายเป็นผลึกสีฟ้าใสขนาดเล็กกว่าฝ่ามือ ลอยเด่นท่ามกลางโถงและค่อยๆทะยานลงเข้าหาคาลาเนส เขารับสิ่งนั้นด้วยฝ่ามือหลังผละออกจากเนเน๊ะ ในผลึกนั้นมีคำสลักชื่อไว้บางอย่างเขารับรู้ได้ทันทีว่าชื่อนั้นคือชื่อของมารดา ใช่แล้วล่ะมันคือสิ่งที่มารดาเขาประทานให้เป็นสิ่งสุดท้ายไว้ดูต่างหน้า ซึ่งมีความหมายว่าแม่ของเขาจะอยู่กับเขาไปชั่วนิรันดร์ หรืออีกชื่อของผลึกก็คือ"ผลึกอสูรเฮเดียร์"
คาลาเนสลุกยืนกำสิ่งนั้นประทับอกระลึกถึงแม่เป็นครั้งสุดท้ายก่อนใช้มือปาดน้ำตาจนหมดเกลี้ยงหยุดร่ำไห้ เพื่อแสดงความเป็นชายอย่างปิติ
"แม่ครับ ผมจะไม่ทำให้แม่ผิดหวัง"คาลาเนสเงยหน้าเปร่งวาจาลั่นโถง
"............."ทุกคนนิ่งเงียบ มีเพียงสายตาเท่านั้นที่ฉายแววยินดีส่งไปทางคาลาเนส
"เราไปกันเถอะ"ชาร์ลเอ่ยขึ้นหลังแลเห็นทุกคนหมดกังวล ไม่ช้าทุกคนจึงล้อมเกทวาร์ปอีกครั้งชาร์ลเริ่มร่ายมนต์บริกรรมคาถาอีกรอบเพื่อกลับสู่ยังที่เดิม
ทันทีที่มาถึงจุดเดิมในตอนนี้คาลาเนสเหมือนคิดอะไรออกจึงเอ่ยไป...
"ทุกคนครับ ผมขอเข้ากลุ่มด้วยคนนะครับ"
"อ่า ได้สิ"ชาร์ลยิ้มรับคำของคาลาเนสก่อนใครเพื่อนโดยไม่ลังเล
"ยินดีต้อนรับนะ"เพียล่ายิ้มเอียงคอเอ่ย
"มาด้วยกันนะคาลาเนส"เนเน๊ะเบี่ยงหน้าขยิบตาข้างหนึ่งพลางยื่นมือเข้าหา
"ไอ้เจ้าบ้าเอ้ย!! น่าจะรับคำฉันตั้งแต่แรกไปแล้วก็หมดเรื่อง วะฮ่าๆๆๆๆ"โอ'เกนท์เอ่ยจบก็ยกนิ้วโป้งข้างหนึ่งไปทางคาลาเนสส่วนอีกข้างหนึ่งก็กางนิ้วชี้กับนิ้วโป้งคาบคาง
"ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ"เสียงหัวเราะของทุกคนลั่นขึ้นกับความเปิ่นของโอ'เกนท์
"ครับ ขอบคุณครับ"คาลาเนสเกาหัว เอ่ยขณะยังขำคล้อยไปตามทุกคน แต่ในจิตของวิคเตอร์นั้นไม่สบอารมณ์สักเท่าไรที่ต้องร่วมเดินทางกับเด็ก
...ปริศนาพื้นที่1972ยังคงความลึกลับต่อไป ในบานประตูคู่ใหญ่พระอาทิตย์ทรงแฉกกับเบ้าหลายหลุมมีความหมายอย่างไร เมื่อไขข้อกังขาชวนพิศวงนี้ได้ข้างในจะมีอะไร กลุ่มกิเรเร่ดีใจจนลืมสิ้นและไม่สนใจเมื่อเทียบกับสิ่งที่ชาร์ลได้รู้มา ปริศนาที่ไร้ร่องรอยยากจะหาคำตอบยังคงทำหน้าที่ลึกลับต่อไป เพื่อรอการถูกเปิดในสักวัน...
'ยังเหลืออีกหนึ่งพื้นที่ที่ยังไม่ได้ไปหนิ'วิคเตอร์ฉุกคิดในใจก่อนหันขวับไปตามหนทางนั้น โดยไม่มีใครสังเกตทันว่าวิคเตอร์มองอะไร
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ