The Last Night
เขียนโดย pyclub70
วันที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2558 เวลา 20.31 น.
แก้ไขเมื่อ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2559 20.39 น. โดย เจ้าของนิยาย
16) 014-เนเน๊ะ
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
014-เนเน๊ะ
เมื่อรุ่งสางมาเยือน
เนเน๊ะตื่นเป็นคนแรก เธอลุกขึ้นยืนบิดขี้เกียจสองสามท่าก่อนไปนั่งรับชมอาทิตย์ขึ้น เธอเริ่มสับสนและตั้งคำถามว่าตนเองเป็นใคร?และทำไมต้องเป็นผู้ที่ถูกเลือก? แล้วผู้ที่ถูกเลือกมีความหมายอย่างไร? เธอไม่เข้าใจจริงๆ.. คืนแห่งความมืดเข้ามาเกี่ยวข้องได้อย่างไร? ทุกคนที่ได้พบปะเขาต้องการอะไร? แล้วมันอีกนานไหมกว่าจะสิ้นสุด? บุตรแห่งเพทราคืออะไร? เสียงที่คอยเตือนนั้นเป็นใคร? เราเป็นตัวถ่วงใช่ไหม? แล้วอย่างเราจะทำอะไรได้...?
...ในอดีตก่อนหน้านี้ เนเน๊ะอยู่กับยายแขขาวตั้งแต่แบเบาะ พอโตขึ้นเธอก็ไม่วายจะถามว่าพ่อและแม่ของตัวเองเป็นใคร ซึ่งคำตอบที่ได้จากยาย หลายครั้งเป็นแค่การพูดอย่างหยาบๆปัดไปทั่วว่า"ข้าไม่รู้!!" ถึงยายแขขาวจะไม่บอกอะไรเกี่ยวกับเธอ แต่เธอก็ไม่เสียใจ
เนเน๊ะมีชีวิตอยู่ท่ามกลางความสับสน ตั้งแต่จำความได้และด้วยวัยเพียงแค่5ขวบ เธอต้องรับคำสั่งเด็ดขาดจากยายแขขาวให้ไปหาสมุนไพรดราก้อนสกายอันหายากสุดล้ำ โดยยายเธอจะปลุกตั้งแต่ก่อนรุ่งสาง ใช้คำขู่บังคับให้ไปทันทีและเมื่อกลับมายายแขขาวจะคอยสอนเรื่องสรรพคุณของสมุนไพรต่างๆอย่างเคร่งขัด หากเธอจำไม่ได้จะต้องโดนไม้เรียวฟาดจนกว่าจะจำได้ บ่อยครั้งที่เนเน๊ะต้องร้องไห้จากการถูกฟาดและหลายครั้งเนเน๊ะต้องจดจำความรู้สึกนั้นไว้ในใจ
เป็นอย่างนี้ปีแล้วปีเล่า บางวันเธอต้องหาสมุนไพรจนค่ำกว่าจะเจอ อาหารที่ใช้ประทังชีวิตก็มีเพียงแค่มื้อเดียวเท่านั้น หนำซ้ำเนเน๊ะยังถูกสั่งห้ามเล่นกับเด็กคนอื่นๆในหมู่บ้าน เธอจึงโดดเดี่ยวและไม่เคยเรียนรู้โลกจนคนในหมู่บ้านอดสงสารไม่ได้
เธอไม่เคยท้อกับคำของยาย เพราะไม่รู้ว่าความหมายของชีวิตคืออะไร แค่เธอรู้ว่ามีหน้าที่ให้ทำก็ทำไป
นานวัน สิ่งนี้จึงบ่มเพาะเกิดเป็นความมุ่งมั่น ความพยายาม ความเพียร ความมานะ ความอดทน ความอดกลั้นอันหาที่สุดไม่ได้ ทว่าแม้จะมีสิ่งนี้อยู่กับตัวแต่เธอเองก็ไม่เคยรับรู้ว่ามันมี ชีวิตประจำวันของเนเน๊ะช่างแสนน่าเบื่อเหลือเกิน เพื่อนก็ไม่มี.. เธอเหงา.. เหงาเหลือเกิน.. มีเพียงแค่สายลมเท่านั้นคอยปลอบประโลม
~ชะตาที่เกิดมาพร้อมความหวังมันช่างยากยิ่งนัก~
"ฮื่อ ฮือ ฮือ..ฮื้อฮือฮือฮื่อ.. ฮื่อฮือฮื้อฮือฮื่อฮื้อ.."เสียงฮัมเพลงทำนองโศกแว่วๆของเนเน๊ะ ปลุกทุกคนอย่างไม่ตั้งใจ
เมื่อแสงอรุณมา เยือนกลุ่มกิเรเร่จึงออกเดินทางหลังทำกิจวัตรช่วงเช้าเสร็จมุ่งหน้าสู่ที่ราบมูไจ ทุกคนก้าวฝีเท้าอย่างไม่เหน็ดเหนื่อย เร่งแล้วเร่งอีกไม่หวั่นต่อลมหนาว หมอกที่บังตา ท้องฟ้าที่ปิดและสภาพร่างกายที่ทรหด ทุกสิ่งอย่างที่เป็นอุปสรรคไร้ผลสิ้นเชิงกับความมุ่งมั่นของกลุ่มกิเรเร่ แม้สภาพจิตใจจะไม่เกินร้อยก็ตาม
...ข้ามวันข้ามคืนจนแล้วจนรอด ในที่สุดทุกคนก็เห็นทุ่งหญ้าเขียวขจีหมอบอยู่เบื้องล่างเทือกเขาเออร์เนส กำลังใจเริ่มฟื้นคืนความเหนื่อยถูกสลัดทิ้ง เพียล่าดูมีความสุขมากกับการข้ามเทือกเขาเออร์เนสและไม่อีกกี่อึดใจก็จะลงสู่ที่ราบมูไจ
ทุกคนเดินมายังเนินเขาชั้นสุดท้าย โดยยืนเรียงหน้ากระดาน เมื่อเห็นดังนั้นเพียล่านึกสนุกบอกให้ทุกคนจับมือกัน แม้จะยังงงๆ แต่ทุกคนก็ทำตามและหลังจากนั้น..
"ยะฮู่...!!!!"เพียล่าจับมือชาร์ลกับวิคเตอร์มุ่งนำหน้ากระโดดลงไถลไปตามเนินหญ้าอย่างสนุกสุดเหวี่ยง
"เหวอ!!!!!"เนเน๊ะถึงกับลั่นอุทานแถแถ่ดๆๆๆ เธอเป็นเพียงคนเดียวที่เอาคว่ำหน้าลง จากการไม่ทันตั้งตัวเหมือนชาร์ลแกล้งเธอยังไงไม่รู้
"ฮ่าๆๆ"โอ'เกนท์รู้สึกมันส์กับวิคเตอร์
"เฮ่ยๆๆๆๆๆๆ หินๆๆๆๆๆ"วูดตันตาเหลือกร้องลั่นหลังใกล้กระแทกกับโขดหินเล็กๆ ทั้งที่ยังอ้าขากว้างสุดและหุบไม่ได้จากความเร็วที่ไถลมา
"โอ้ววววว!! โน้ววววว!!"
เต็มๆ เข้าเป้าเต็มๆ สีหน้าวูดตันเปล่งเป็นสีเขียวอ้าปากค้างอยู่ที่คำว่าโน้ววววว และตาเบิกโพลงใหญ่กว่าเก่ากับโขดหินเล็กๆซึ่งอยู่ข้างหน้า..โดยไม่มีท่าทีว่าจะหลบพ้น
"ม่ายยยย!! บะบะจะจะเฮ่ยเฮ่ย!!"
"โอ้ววววว!! เย่!!"
เต็มๆ เข้าเป้าเต็มๆอีกครั้ง คราวนี้สีหน้าวูดตันเปล่งเป็นสีม่วงปรี๊ดสะบัดริมฝีปากไปตามความจุกเสียด และที่เลวร้ายไปกว่านั้นเขาพลัดปล่อยมือจากโอ'เกนท์ จนกลิ้งเป็นลูกขนุนขลุ้งๆๆ
"ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ"ทุกคนในกลุ่มกิเรเร่ขำกันจนท้องแข็งกับความซวยของวูดตัน เว้นแต่เนเน๊ะที่...
"เหวอ..."
"ไปไปไปไป ทางอื่นสิคะคุณวูดตัน"เนเน๊ะซึ่งเอาหน้าลงกำลังแถ ร้องลั่นไปยังจุดนัดพบกับวูดตันที่กลิ้งมาไม่เป็นท่า..
5 4 3 2 1 ...
ชั่วพริบตาเนเน๊ะสลับขั้วได้โดยใช้เท้ายันลงพื้นและตอนนี้เอง..
"ไม่เนเน๊ะ.. ไม่นะ.. เนเน๊ะ..!!!"
"เหวอออออออ!!"
เฮื๊อกกกกก!!!
"โอ้วววววววว พระเจ้า.. สะสะสะสูญพันธ์แน่ฉัน มะมะหมดกัน #`°${|\°¢£^`¢$=€{¢{€#%'&!(ฉอดๆๆๆๆๆ)"วูดตันแหกปากลั่นทุ่ง ความรู้สึกตอนนี้เหมือนโลกทั้งใบแตกสลายหลังเนเน๊ะทะยานใช้ฝ่าเท้าอย่างบังเอิญ เข้าโจมตีกล่องดำของวูดตันเข้าอย่างจัง เนเน๊ะยกมือขึ้นปิดตาแต่เว้นช่องนิ้วไว้เพื่อมองไปยังวูดตันที่ดิ้นอย่างกับหนอนโดนน้ำร้อนลวก
"อึ๋ยยยย"
"ขอโทษนะคะ"
"เนเน๊ะ.. เนเน๊ะ..!! ธะธะเธอมัน มัน..."
โดยวิธีนี้นี่เองที่เพียล่าคิด มันสามารถช่วยประหยัดเวลาได้เยอะเลยทีเดียว ทั้งสนุกทั้งเจ็บและต้องมีคนเจ็บอย่างทุลักทุเล
"ฮ่าๆๆ ไงล่ะผู้พิทักษ์แห่งป่ากระจับแตกไหมล่ะ วะฮ่าๆๆ"โอ'เกนท์ชอบใจนักกับภาพนี้ของวูดตันที่ดิ้นทุลนทุลาย
"ฮ่าๆๆๆๆๆ"เพียล่า ชาร์ล วิคเตอร์และเนเน๊ะประสานเสียงหัวเราะของโอ'เกนท์พร้อมกัน
----------------
หลังจากองค์กรเรเมดี้ได้สำรวจพบเงามืดแบล็คซี จึงได้ส่งสารไปยังนักรบทั่วทุกมุมโลกที่ต้องการกำจัดคืนแห่งความมืดให้สลายไป ส่วนใหญ่แล้ว จะมีก็แต่นักรบตามชนเผ่าเท่านั้น ที่ส่งสารกลับตอบรับยินดีต่อความประสงค์ขององค์กรเรเมดี้
เงามืดแบล็คซี
ตามตำนานกล่าวไว้ว่า"เป็นพื้นมหาสมุทรอันเกรี้ยวกราดคึกคะนอง ในส่วนใต้ของมหาสมุทรโมซาร่าอันหฤโหดและพิศวง มีสิ่งชั่วร้ายต่างๆนาๆ อาทิเช่น เรเรเรอสูรจำพวกปากจำนวนฝูงใหญ่,เมชิเอร่าอสูรเงือกกินคน,ซอร์อสูรหมึกพันโยช,ออคคิวอสูรฝูงนรกติดปีก,เทรซ่าเจ้าแห่งท้องทะเล ฯลฯ ท้องฟ้าที่นั่นมืดคล้ำ แผ่นน้ำเป็นสีดำ คลื่นน้ำคลื่นลมปรวนแปร เท่าที่ผ่านมาไม่มีมนุษย์คนใดที่ข้ามเขตไปแล้วจะย้อนคืนมาได้ แม้แต่ทวยเทพก็ยังหวาดหวั่นในคาบสมุทรนี้" นี่เป็นอีกส่วนของบันทึกการเดินทางแห่งข้าของนักเดินทางโซโชรอน
ชาร์ลรู้สึกเป็นกังวลกับการเดินทางไปยังแบล็คซีหลังได้รับข้อความจากองค์กรเรเมดี้ จึงส่งสารกำชับกลับไปยังองค์กรเรเมดี้เพื่อยับยั้งการเดินทางไปที่นั่น
เมื่อองค์กรเรเมดี้รับสารจากชาร์ล จึงได้ส่งสารระงับการเดินทางเป็นการด่วนโดยเน้นย้ำถึงความปลอดภัย
เหล่านักรบต่างๆได้รับสารจากองค์กรเรเมดี้อีกครั้ง ต้องแปลกใจและไตร่ตรองถึงเงามืดแบล็คซี ในสารกำชับไว้ว่า"ให้จับตาดูไปก่อน ติดตามความเคลื่อนไหวโดยตลอด และจงอย่าประมาทอย่างเด็ดขาด"
ณ ที่ราบมูไจชาร์ลได้รับสารจากองค์กรเรเมดี้อีกครั้งก็รู้สึกโล่งใจ หนุ่มมาดผู้ดีถอนหายใจเบาๆและคิดในใจว่า'ถ้าเราไม่ได้อ่านหนังสือของโซโชรอนมาก่อนแล้วล่ะก็.. ป่านนี้คงจะมีการสูญเสียมากมายเลยทีเดียว'
---------------
"แพ้ครั้งที่312"เสียงนี้ว่าแล้วจึงอัญเชิญเทพอสูรกลับสู่ภพภูมิ
"หึ" ....ร่างจักรพรรดินีสาวปล่อยเสียงหลุดออกมาหลังต้องเจอกับความพ่ายแพ้ยับเยิน
"ปีศาจในคืนแห่งความมืดน่ะรึ ข้าอยากจะรู้จังมันจะแน่สักแค่ไหนเชียว" จักรพรรดินีแห่งจักรวรรดิลามิเรสทรงเอ่ยขึ้นกับกาลูรัส ซึ่งเป็น1ใน7อัครองครักษ์ผู้ใช้ศาสตร์แห่งมนตราสายอัญเชิญ ที่มีชื่อเสียงแห่งยุคสมัยหลังเสร็จสิ้นการท้าชิงอันดับ1กับเทพอสูรจิววีลีซาร์
"แพ้อีกแล้วนะฝ่าบาท"กาลูรัสสนใจเรื่องการประลองมากกว่าปีศาจในความมืดจึงตัดบทจักรพรรดินี
"ข้ารู้ละ"จักรพรรดินีหันกลับมองหน้ากาลูรัสโดยทรงยังถือดาบโซเดียค์อยู่
"ข่าวแว่วมาว่า แม้แต่ธาราเทพ,เรอิส ไนท์,จอมพลซิกม่า ที่ติด1ใน10จอมดาบอันดับโลกหรือแม้แต่ไอ้บ้าคาสึยะ ก็ยังมิอาจฆ่าเงาปีศาจได้ แต่หากเป็นท่าน ก็คงไม่แน่ ที่จะ..."กาลูรัสต้องสะอึกหลังมีเสียงแทรกขึ้น
"ทำไม!! เป็นข้าแล้วจะทำไม หากยังไม่ลองแล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าข้าทำไม่ได้!!"จักรพรรดินีองค์นี้ทรงเกลียดการเปรียบเทียบเป็นที่สุดจึงออกเสียงแน่น พลางใช้ดาบโซเดียค์ตวัดกลางอากาศหนึ่งครั้งไปทางโขดหิน เพียงแค่การตวัดเท่านั้น โขดหินก็ร่วงถล่มลงมาหลายริ้วอย่างสวยงามเพื่อระบายอารมณ์
"สักวันข้าจะเอาชนะเทพอสูรนั่นและก้าวขึ้นมาเป็นที่หนึ่ง!!"จักรพรรดินีแห่งจักรวรรดิลามิเรสทรงหายใจแรงขึ้นจนสีหน้าดูจริงจังมากก่อนว่าต่อ..
"แต่ตอนนี้ข้าต้องการไปยังเงามืดแบล็ดซีเพื่อพิสูจน์ให้รู้ทั่วๆกันว่า ข้า!! ต่างจากพวกนั้นและข้าก็จะไปเพียงแค่ลำพังเท่านั้น"เสียงกำชับเด็ดขาดดังลั่น โดยไม่มีหน้าไหนกล้าคัดค้าน
สิ้นเสียงองค์จักรพรรดินี ผู้สร้างนิมิตจึงวาดมือเกิดเป็นประตูห้วงมิติออกจากลานประลองที่จำกัดขอบเขต
----------------
ณ มหาปราสาทครูลินเทาท์แห่งจักรวรรดิครูฟ บทสนทนาลึกลับระหว่างนายเสียงเข้มกับบ่าวเสียงแหลม ดังเล็ดลอดไปยังหูนกพิราบตาสวดตัวหนึ่ง....
"เรียกตัวเรอิส ไนท์กลับมาด่วน!!"
"แล้วท่านจอมพลซิกม่ากับธาราเทพล่ะท่าน"
"โธ่.. ไอ้บื้อเอ๊ย ซิกม่าน่ะหรอมันแก่ใกล้จะลงโรงละ ส่วนไอ้ธาราเทพมันใช่ทหารซะที่ไหนล่ะ เรียกไปก็ปากเปียกปากแฉะซะป่าวๆ"
"ได้เลยขอรับนายท่าน"
"อืม ดีมาก"
แต็ก แต็ก แต็ก แต็ก...(เสียงรองเท้าแตะดังกระทบพื้นหินอย่างเชื่ิองช้า)
"....นั่นแกจะไปไหนน่ะ"
"ไปตามเรอิสไงท่าน"
"เจ้าอยากหัวขาดรึยังไง!! ทางนั้นมันเป็นทางไปห้องลูกสาวข้า!! ไอ้เบื้อกเอ้ยยยยย!!!"
"อุ้ย ขอประทานโทษขอรับนายท่าน"
"แฮ่ๆ"
-------------
เวลาผ่านไปนาน วูดตันลุกขึ้นได้รีบอำลาไปโดยด่วน
"ฮ่าๆๆๆ แล้วเจอกันนะวูดตัน"โอ'เกนท์ตะโกนไล่หลังวูดตันที่กระโจนดีดตัวขึ้น พุ่งเข้าป่าหายกริ๊บ ทุกคนยังคงยิ้มชอบใจพลางโบกมือลาวูดตัน
"โว้วๆๆๆ เนเน๊ะกระโดดโลดเต้นใหญ่เลยฮ่าๆ คงจะดีใจล่ะสิที่วูดตันไม่เอาเรื่องฮ่าๆ"โอ'เกนท์ยังคงขำไม่หยุดกับอาการดีใจของเนเน๊ะ ที่ไปทำลายกล่องดำของวูดตัน
"หึ หึ หึ"เพียล่าแสยะยิ้มเล็กน้อย
"ก็นะ.."เนเน๊ะตอบอย่างเขิน
"สุสานสุดท้ายอยู่ไกลจากที่ราบมูไจไม่เท่าไร แต่คงจะหายากเอาการเพราะถูกซ่อนไว้ด้วยมนตรา"ชาร์ลกล่าวอย่างสันทัด
"!!??"โอ'เกนท์ทำท่าประหลาดใจ
"หน่าา อย่าคิดเยอะเลยพวกเรามาถึงขนาดนี้แล้ว"เพียล่าปลอบขวัญ
"เนเน๊ะๆ มากันได้แล้วนะ"สาวนักรบร้องเตือนเนเน๊ะที่ยังสนุกกับทุ่งดอกไม้และผีเสื้อ
ที่ราบมูไจแห่งนี้นั้น กว้างไกลพอกันกับทุ่งล้านแสง ตระการตาไปด้วยมวลดอกไม้หลากสีหลากกลิ่นนานาพรรณแสนจะค้นหา ที่ชวนหลงใหล เคล้าคลอด้วยมวลผีเสื้อนับหมื่นที่คอยจุ่มน้ำหวานและบ้างก็แอบขโมยจูบของเนเน๊ะและเพียล่า จนทั้ง2ต้องส่ายหน้าเบาๆไล่มันไป อากาศที่นี่ช่างสุขสันต์แผ่วพริ้วด้วยลมโชย
แต่ที่แห่งนี้เอง กลุ่มกิเรเร่เดินไปสักพักก็พบใครคนหนึ่งอยู่ห่างไปไกล
"นั่นใคร"เพียล่าพูดพลางชี้นิ้วไปทางนั้น
"เอ๊ะ! มีคนอาศัยอยู่ที่นี่รึนี่?"วิคเตอร์เองยังงงๆ
"ไปหาเขากัน"ชาร์ลเอ่ยอย่างไม่รีรอ รีบเดินไปยังตรงนั้น
เมื่อทุกคนมาถึง ก็พบว่าเขา ซึ่งเป็นคนจริงๆและยังเป็นเด็กชายรุ่นราวคราวเดียวกับเนเน๊ะอีกด้วย
"สวัสดี"เพียล่ากล่าวคำทักทาย
".........."เด็กชายผู้ลึกลับเงียบกริบ ทำให้ชาร์ลไม่รอช้ายิงคำถาม
"นายมาทำอะไรที่นี่?"
"................"เด็กชายยังคงเงียบ
"นี่ๆๆๆๆ ถามแล้วทำไมไม่ตอบล่ะ"โอ'เกนท์ถามพลางกระทุ้งด้ามหอกลงพื้น
"เอิ่มมมม..."เด็กชายลึกลับทำท่าเหมือนคิดอะไรบางอย่าง ก่อนเอ่ยว่า...
"เนเน๊ะๆ เนเน๊ะใช่ไหม?"
ในที่สุดดอกพิกุลก็ไม่หล่นจากปากของเด็กชายผู้ลึกลับ หลังเอ่ยทักเนเน๊ะที่แอบอยู่หลังชาร์ล
"นายเป็นใคร..??"เนเน๊ะทำตาโตใส่ ยิงคำถาม
"ห๋าาาา รู้จักด้วยรึนี่"โอ'เกนท์สะดุดใจเล็กน้อย
"ไม่ค่ะ หนูไม่รู้จักกับเขานะ"เนเน๊ะใช้สายตาซื่อสัตย์สื่อสารกับโอ'เกนท์ จนชายร่วงท้วมเชื่อว่าเธอไม่ได้โกหก
"จำฉันไม่ได้ก็ไม่เป็นไร ฮ่าๆ"เด็กชายผู้ลึกลับหัวเราะร่า
"กำลังจะไปสุสานสุดท้ายกันใช่ไหมล่ะ"เพียงแค่การเดา ก็ทำให้รู้ว่าพวกเพียล่าต้องการไปที่นั่น จิตวิทยาง่ายๆของเด็กชายผู้ลึกลับผู้นี้ได้ผลแฮะ
"นายรู้ได้ไง"ชาร์ลถึงกับตะลึงเชียว
"นายเป็นใครกันแน่?!!"เพียล่าเริ่มใช้คำถามจิก
"จะไปไหมล่ะผมมีทางลัดนะ"
นั่นๆๆเด็กชายผู้ลึกลับยังมีทางลัดอีกซะด้วย เขากล่าวด้วยท่าทีเหมือนตัวเองเป็นฝ่ายเป็นต่อ
"วิเศษที่สุด"ว่าแล้วโอ'เกนท์จึงยกด้ามหอกขึ้น
หลังจากกลุ่มกิเรเร่หารือกัน ทุกคนลงความเห็นว่าจะเชื่อใจเจ้าหมอนี่ในการนำทาง แต่ลึกๆทุกคนคงภาวนาไม่ให้หมอนี่เป็นเหมือนวูดตันที่ชอบขี้โม้..
"ตกลงฉันให้นายนำทาง"เพียล่าเลิกคิ้วใส่ วัดใจกับเด็กชายผู้ลึกลับ
"อ่ะ งั้นตามมาเลยนะ"
ทันใดนั้นแสงสว่างประหลาดคล้ายดั่งทางเข้าอุโมงค์ก็ปรากฏขึ้นเป็นวงแสงสีคล้ำขนาดใหญ่ ทุกคนตกตะลึงกันอย่างมาก ..นี่ๆๆๆนี่มันจะง่ายเกินไปไหม!?
เด็กชายคนนั้นเดินนำหน้าเข้าไปและทำท่าควักมือเรียกที่เหลือให้ตามมา
เพียงไม่กี่อึดใจ ก็ไปโผล่อีกที่หนึ่งซึ่งต่างกันมากกับที่ราบมูไจ
ณ ตอนนี้ที่กลุ่มกิเรเร่ยืนอยู่นั้น เป็นที่เปิดโล่งกว้างเห็นก้อนเมฆ สองข้างทางมีเสายักษ์ตั้งขนาบทางเดิน ตั้งเรียงรายเป็นระเบียบฝั่งละ10ต้นน่าจะได้ ทางเดินนั้นปูด้วยหินสลักจรดไปยังบันไดขั้นถี่สูงท่วมหัวหลายเท่า และตรงนั้นเหมือนจะมีสิ่งคล้ายประตูบานคู่บานใหญ่ปิดสนิทรอการถูกผลักเข้าไปอยู่เป็นเนืองๆ
"ที่นี่ที่ไหน"เพียล่าตะลึงกับความงามสุดบรรยาย
"สุสานสุดท้ายไง"เด็กชายตอบกลับโดยไม่สนใจสิ่งรอบตัว
"แม้จะโล่งแต่ก็ดูอึดอัดนะ"ชาร์ลว่าแล้วก็คลายกระดุมเม็ดแรกออก
"ระวังด้วยนะ.."เด็กชายลึกลับกล่าวด้วยความเยือกเย็น ซึ่งรับกับท่าทางที่เอื่อยเฉื่อยจึงทำให้ทุกคนลังเลที่จะเชื่อ
เมื่อทุกคนเตรียมตัวจะก้าวขึ้นบันได ขั้นแรกที่อยู่ห่างออกไปไม่ถึง5วา...
ทันใดนั้นกลับเกิดอสูรยามเฝ้าสุสานขึ้นมา!!!
-----
ต้องขอโทษด้วยครับที่ไรท์ไม่ตรวจสอบอักษรให้ดี
พิมพ์หล่นพิมพ์ผิดพิมพ์เกินเยอะมาก
ต้องขอโทษด้วยนะครับ ขอโทษจริงๆครับT^T
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ