The Last Night

9.2

เขียนโดย pyclub70

วันที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2558 เวลา 20.31 น.

  40 ตอน
  16 วิจารณ์
  37.76K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2559 20.39 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

15) 013-เทือกเขาเออร์เนสขุนเขาแห่งบรรพชีวิน

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

013-เทือกเขาเออร์เนสขุนเขาแห่งบรรพชีวิน

 

           เทือกเขาเออร์เนสขุนเขาแห่งบรรพชีวิน ด้วยขนาดที่ใหญ่และสูงเปรียบเสมือนเป็นหลังคาโลก เป็นศูนย์รวมแหล่งนิเวศวิทยาและมรสุมของสภาพภูมิอากาศที่แปรปรวนหลากหลายฤดูซ้อนทับกันไปตามขนาดความยาว ความอลังการนั้นเหนือเกินคำบรรยาย เชิงเขาด่านแรกเริ่มที่จักรวรรดิลามิเรสทางตะวันตกส่วนใต้พาดผ่านอาณาจักรไทรเลียน หมู่บ้านกามาส หมู่บ้านเอลูลู หมู่บ้านชายทะเลเลฟ่อนเวสท์และที่สำคัญยังพาดผ่านข้ามมหาสมุทรโมซาร่า โดยในช่วงนี้เอง เทือกเขาเออร์เนสได้ยกตัวลอยอยู่เหนือมหาสมุทรโมซาร่าขึ้นสูงไปเข้าสู่หมอกเนริน่าเหนือน้ำทะเลหลายพันวา จนเรือเดินสมุทรยักษ์ใหญ่ขนาดสำเภาค้ำฟ้ารอดผ่านไปได้อย่างสบายและทอดตัวลงแผ่นดินจักรวรรดิเมลเฟรไฮจ์พาดผ่านอาณาจักรลอร์เซล อาณาจักรฮีรอส หมู่บ้านไดราร่าจรดไปถึงอาณาจักรลองคิ เทือกเขาเออร์เนสอันครั่นคร้าม เป็นที่หมายตาของนักผจญและนักปีนเขาที่ชอบความท้าทาย ซึ่งหลายต่อหลายชีวิตต้องจบลงด้วยสภาพภูมิอากาศอันทารุณ แต่ก็ยังมีส่วนน้อยพิชิตได้และปกธงไว้จุดสูงสุดเพื่อเป็นเกียรติยศอย่างภาคภูมิ

 

               ~~~~~~~~~~~~

 

        ...ทางทิศใต้หมู่บ้านกามาสมีพรมแดนติดกับเทือกเขาเออร์เนส

 

         กลุ่มกิเรเร่มุ่งหน้าไปทันทีขึ้นเทือกเขาเออร์เนสตามเส้นทางหฤโหด เพื่อข้ามไปสู่อีกฝั่งหนึ่งนั่นคือที่ราบมูไจ 

         หลังออกจากหมู่บ้านกามาสไปทางใต้ทุกคนเดินเรียบตามลำธารสายเล็กๆ ที่เป็นดั่งเส้นเลือดใหญ่ของหมู่บ้านกามาส อันชุ่มไปด้วยลำน้ำสีฟ้าใสไม่ต่างกับท้องฟ้า สองข้างทางเป็นโขดหินเรียบตัดเดินสบาย ปกคลุมไปด้วยไม้ดอกขนาดใหญ่สีม่วงทั้งพุ่มเล็กพุ่มใหญ่ระโยงระย้าลงมา ประดับเรียงรายตระการตาทั้ง2ฝั่ง เห็นยอดเขาจุดยอดสุดของเทือกเขาเออร์เนสเมื่อเงยหน้าขึ้น ทัศนียภาพนี้ช่างชวนฝันยิ่งนัก

 

"ว้าววว"เนเน๊ะเปรยขึ้นด้วยอาการตื่นตาตื่นใจกับความมหัศจรรย์ของธรรมชาติ โดยหมุนตัวไปรอบๆจนปลายผมปลิวพริ้วไสวอย่างกับเจ้าหญิงในนิทาน ท่ามกลางมวลพฤกษาส่งกลิ่นเย้ายวน

 

"อิจฉานายจังโอ'เกนท์"วิคเตอร์ที่เป็นคนเมือง อดไม่ได้ที่จะชม

 

"มัวแต่ชื่นชมกันนะพวกนาย ลืมไปแล้วรึไงเรามาทำไรกัน นี่คงไม่ใช่ทัศนศึกษาหรอกนะ"เพียล่าพยายามกล่าวถึงจุดประสงค์อันแท้จริง ในตำแหน่งรั้งท้ายกลุ่ม

 

"อีกไม่กี่ก้าวก็จะขึ้นเชิงเขาแล้วนะ"ชาร์ลซึ่งนำหน้าเอ่ยไปทางด้านหลัง เมื่อเห็นป่าหมอกอันดูลึกลับอยู่ข้างหน้า

 

"ก็นะ... มันสวยใช่ไหมล่ะตรงนี้เขาเรียกว่า"ดอกไม้เทพธิดา"น่ะ เป็นทางที่ทอดไกลมากๆ จะเดินเท่าไรก็ไม่เหนื่อย วะฮ่าๆ"ชายร่างใหญ่ยิ้มหยุมหยิม สัมทับไปตามธรรมชาติที่เป็นเหมือนสวนหลังบ้าน

 

        ผ่านไปราวชั่วโมงถึงบันไดเขาซึ่งเป็นป่าหมอก..

 

"โหวววว อากาศแจ่มสบายอยู่ดีๆก็มีหมอกแฮะ"วิคเตอร์เหลียวซ้ายแลขวาพูดขึ้นเป็นคนแรกหลังเดินเข้ามาได้ไม่ไกล

 

"ระวังตัวกันด้วยล่ะ"เพียล่ากล่าวเตือน

 

"นั่นสิเพราะเราไม่รู้ว่าข้างหน้าจะมีอะไร"ชาร์ลพูดพลางหักกิ่งไม้ทิ้งไว้ เพื่อจะได้ไม่หลงกับมาที่เดิม

 

"ป่าหมอกนี่ช่างน่ากลัวจัง"เนเน๊ะเล็งเห็นความผิดปกติอยู่ด้านหลัง

 

        เรือนยอดไม้สงบนิ่งกลับไหวติง สั่นกระพือคล้ายดั่งมีลมพัด แต่ทว่าตอนนี้ไม่มีลมซักแอะ

 

"ระวังตัว!!"เพียล่าง้างธนูกวาดไปรอบๆ พร้อมกับโอ'เกนท์ที่เลื่อนหอกออกและวิคเตอร์ที่ชักดาบรอ ส่วนเนเน๊ะกับชาร์ลไม่มีวิชาการต่อสู้ ได้ขยับกายเข้ามาอยู่กลางวง

 

          ยอดไม้ไหวติงได้ซักพักก็เงียบไป.. และใครคนหนึ่งพลันปรากฎตัวขึ้น เขาใส่ชุดคลุมหัวจรดเท้าสีน้ำตาลเข้มเดินออกมาจากโพรงรากไม้ใหญ่อย่างรุงรัง

 

"นายเป็นใคร"เพียล่าถามก่อนร่างนั้นจะเข้ามาใกล้ ในตอนนี้เนเน๊ะเบิ่งตามอง เริ่มตะหงิดๆกับร่างนั้น

 

        ร่างนั้นไม่ฟังคำเพียล่า เขาเดินก้มหน้าปัดเนื้อปัดตัวมาใกล้เรื่อยๆ จนลูกธนูดอกแรกถูกปล่อยออกไปพุ่งหาร่างนั้น จวนจะถึงตัว ลูกธนูดอกนั้นกลับพุ่งลงพื้นปักดินกลายเป็นกิ่งเถาวัลย์เล็กๆไปโดยปริยาย ร่างนั้นเดินเข้าหาเนเน๊ะ ขณะทุกคนยังอึ้ง

 

"เฮ่อ.. กว่าจะมุดออกมาได้ยากจริงๆเล้ยย"

 

"เฮ่.. เนเน๊ะ นี่ฉันเอง ฮ่าๆๆๆๆ"

 

"ต้องขอโทษด้วยคร้าบทุกคนๆที่ทำให้ตกใจ กระผมมีนามว่า"วูดตัน"ผู้พิทักษ์แห่งป่า ฮ่าๆๆๆ"

 

"กระผมขอแสดงความยินดีด้วยนะคร๊าบบบ ที่นำทางเนเน๊ะไปสู่จุดประสงค์ เนเน๊ะๆฉันดีใจนะที่เธอมีพรรคพวกดีขนาดนี้"ร่างนั้นเผยกายออกพูดพลางเดินไปรอบๆก่อนหันหน้าเข้าหาเนเน๊ะที่ยืนเกาหัว ไม่ช้าทุกคนจึงลดอาวุธลง

 

"ค่ะ"เนเน๊ะรับสั้นๆ

 

"รู้จักกันหรอเนเน๊ะ"เพียล่าจ้องมองร่างนั้นไม่หยุดยั้งและครุ่นคิดอะไรบางอย่าง

 

"ใช่ค่ะ หนูเคยเจอกับเขาน่ะค่ะ"เนเน๊ะยังงงๆกับสิ่งที่เกิดขึ้น

 

"หืม??"เพียล่าตั้งข้อสงสัยกับวูดตันที่เหมือนจะรู้คำทำนายเหมือนตน

 

"อ่าานะ เนเน๊ะฉันจะเดินทางไปกับเธอด้วยจนกว่าจะออกจากเทือกเขาเออร์เนสแห่งนี้ ฮ่าๆเพราะฉันคือผู้พิทักษ์ป่ายังไงล่ะ ฮ่าๆ"วูดตันพร่ำเหมือนไม่รู้สถานการณ์เอาซะเลย กับกลุ่มกิเรเร่ที่ตรึงเครียดและสับสน

 

"หมอนี่ท่าจะเพี้ยนนะวิคเตอร์แถมยังขี้คุยอีกต่างหาก"โอ'เกนท์เลื่อนหัวไปกระซิบกับวิคเตอร์

 

"นั่นสิ"วิคเตอร์กระซิบตอบเบาๆ

 

"ฮ่าๆ หวังว่าทุกคนไม่ขัดข้องนะ"วูดตันคิดเข้าข้างตัวเอง

 

"ให้ตายสิ"ชาร์ลส่ายหน้านิดๆด้วยความหวังว่าจะเชื่อใจได้

 

".............."เพียล่าไร้คำอธิบายใดๆต้องจำยอมให้วูดตันร่วมเดินทาง

 

          จนแล้วจนรอด สุดท้ายกลุ่มกิเรเร่ก็ได้ผู้นำเดินทางคนใหม่อย่างจำใจ นั่นคือวูดตัน  แต่ทว่ามันไม่เลวเลยทีเดียวที่ให้วูดตันนำทาง

 

"หากหมอกไพรีแห่งเออร์เนสจำเสียงข้าได้ จงเปิดทางโดยพลัน!!"สิ้งเสียงวูดตันหมอกที่เคยหนาทึบได้กระจายเปิดเป็นทาง ทุกคนถึงกับตะลึงในความสามารถ ไม่มีคำพูดใดออกจากปากได้แต่ก้มหน้าเดินขึ้นไปตามทาง

 

          เวลาร่วงเกิน2ชั่วโมงในที่สุดทุกคนก็มาถึงยอดเขาชั้น2 ซึ่งเป็นทางราบไต่ระดับตลอดแนว อันมีป่าสนยักษ์ขนาดหลายคนโอบตั้งเรียงรายไร้ระเบียบ ปกคลุมไปด้วยหิมะบางตา

 

         ด้วยความไม่ย่อท้อ ทุกคนไม่หวั่นเกรงต่ออุปสรรค เพื่อจุดหมายแล้วไม่ว่าจะยังไงก็ต้องลุย..

 

จนกระทั่ง...

 

วันที่1ผ่านไป.. ดั่งสายลม

 

วันที่2ผ่านไป.. ดั่งสายธาร

 

วันที่3ผ่านไป.. ดั่งลมหายใจ

 

วันที่4ผ่านไป.. ดั่งความฝัน

 

วันที่5ผ่านไป.. ดั่งตั้งใจ

 

         กระทั่งถึงวันที่6ของการเดินทาง ก็มาสู่จุดสูงสุดปลายหลังคาโลกในยามสนธยา ทุกคนค้างแรมกันที่นี่ ด้วยความหนาวเย็นกองไฟเล็กๆถูกก่อขึ้นจากความมานะของโอ'เกนท์ ทำให้ทุกคนคลายหนาวผ้าคลุมหลังถูกนำมาห่อตัว แสงอาทิตย์เลือนลาง มีแต่หมอกเท่านั้นปกคลุมหนาทึบ จนมองไม่เห็นยอดสนยักษ์ที่สูงเกิน80วา..

 

        รุ่งอรุณวันที่7 ทุกคนตื่นจากนิทราด้วยความหนาวเหน็บ แม้จะเหนื่อยแต่มันก็คุ้มกับภาพเบื้องล่างริมผา ทะเลหมอกสุดคะเนปกยอดเขาเบื้องล่าง รับกับแสงอรุณส่องปลายฟ้ากระทบกัน เกิดเป็นดั่งพสุธาแห่งม่านวิมานเทพด้วยสีชมพูอมส้มปนม่วง เมื่อแสงยามเช้าส่องต้องผิวหน้าทุกคนกำลังใจคล้ายสายธารายังคงไหลมาสร้างเสริม ม่านหมอกจางลงกลุ่มกิเรเร่จึงมุ่งหน้าไปต่อ..

 

       ...ไม่กี่นานเท่าใดที่ราบมูไจก็ใกล้แค่เอื้อม...

 

        ....ยิ่งสูงยิ่งหนาวยิ่งหนาวยิ่งเปลี่ยวยิ่งเปลี่ยวยิ่งต้องระวัง....

 

        การเดินทางลุล่วงผ่านมาถึงวันที่7 กลุ่มกิเรเร่ยังคงอยู่บนเทือกเขาเออร์เนส ซึ่งเป็นไปด้วยความลำบากแสนยากเข็ญและสภาพร่างกายที่อ่อนเพลียไร้แรงยืน

        ใบไม้จากสนยักษ์เริ่มไหวติงลมพัดโชยเข้ากระแทกตา เสียงกีบเท้าของม้าดังมาอ่อนๆ ท่ามกลางสนามหิมะประปรายใกล้เข้าหากลุ่มกิเรเร่ สัญชาตญาณเพียล่าร่ำร้องถึงภัยอันตรายที่เริ่มใกล้ จึงสั่งให้ทุกคนเตรียมตัวรับมือ เพียล่าขึ้นคันธนูรอ วิคเตอร์เผยดาบรับ โอ'เกนท์ก็ใช่ย่อยสองมือจับมั่นที่ด้ามหอกอันแหลมคม แหวนของเนเน๊ะส่งสัญญาณสั่นระริกออกมาบอกถึงอันตราย ส่วนวูดตันได้แต่กำมือสองข้างแน่นลำตัวไว้ข้างลำตัว

 

'สิ่งนั้นไม่เคยมีอยู่ที่นี่ ต้องเป็นอะไรที่ไม่ดีแน่ๆ'วูดตันรำพึงในใจหลังใช้สัมผัสแห่งป่าตรวจพบความผิดปกติ

 

          เพียล่าร่ายมนต์เพื่อสร้างเขตอาคมคุ้มกันเนเน๊ะและชาร์ล ทุกคนยืนเรียงกันเป็นวงกลม4ทิศล้อมรอบเนเน๊ะกับชาร์ลโดยเฝ้ามองไปทุกทาง เสียงม้าเงียบไป หัวใจทุกคนเริ่มเต้นแรงขึ้น กลุ่มกิเรเร่ยังคงระวัง เพ่งมองไปทางเสียงเงียบอย่างไม่คาดสายตา

        ไม่นาน ม้านัยน์ตาสีแดงวิ่งเข้ามาอย่างเกรี้ยวกราดพร้อมกับอัศวินแห่งด้านมืด มันวิ่งเข้ามาทั่วทุกทิศจนไม่สามารถนับจำนวนได้

        เริ่มจะจวนตัวทุกขณะ เพียล่าไม่รอช้ายิงธนูเข้าสกัดทันที

 

การประจัญบานเริ่มต้นขึ้น

 

        เพียล่าสั่งให้โอ'เกนท์คุ้มครองเนเน๊ะและชาร์ล วิคเตอร์วิ่งเข้าไปเปิดฉากใช้ดาบหวดอัศวินแห่งด้านมืดก่อนพวกมันจะหลั่งไหลมามากเกินรับมือ แม้จะมีเขตอาคม แต่มันก็ไม่ได้ช่วยอะไรมากนักกับความอุ่นใจ ชาร์ลและเนเน๊ะเริ่มถูกห้อมล้อมไปด้วยพวกอัศวินแห่งด้านมืด เห็นดังนั้น โอ'เกนท์จึงใช้ความสามารถในการใช้หอกกวัดแกว่งไปหลายขบวนท่าจนศัตรูล้มตายไปเป็นเบือ รายแล้วรายเล่าเหล่าอัศวินด้านมืดถูกคมศรของเพียล่าปลิดชีพอย่างไม่หยุดหย่อน บางรายถึงกับกระเด็นถูกปักคาติดต้นสนจากแรงเหนี่ยวคันธนู ส่วนวูดตันที่คุยนักคุยหนาว่าตนเองเป็นผู้พิทักษ์แห่งป่าได้แต่ที่ยืนตะลึงขาสั่นพั่บๆ แอบหลังต้นไม้ชะเง้อมองลุ้นจนตัวโก่ง ทางด้านวิคเตอร์ เพียล่าและโอ'เกนท์ยังคงสังหารศัตรูล้มตายไปเป็นจำนวนมาก โดยยังไม่มีใครพลาดท่า ทุกคนในกลุ่มเริ่มแสดงความเหนื่อยหอบออกมาอย่างเห็นได้ชัด หลังเหลืออัศวินด้านมืดเพียงนายเดียวที่อยู่ห่างออกไป ซึ่งน่าจะเป็นหัวหน้าอย่างแน่นอน อัศวินตนร่างใหญ่นั้นยืนถือดาบตาแดงก่ำจ้องมาทางเนเน๊ะที่กุมชายเสื้อของชาร์ลไว้แน่น ทั้ง3จึงยืนล้อมเนเน๊ะไว้ อัศวินเริ่มย่างกรายเข้ามา เพียล่ายืนอยู่ตรงกลางจึงปล่อยศรออกไป ทว่าอัศวินร่างนั้นกลับใช้ดาบฟันลูกธนูขาดเป็นสองท่อนพลาดเป้าไป เพียล่าจึงยิงสกัดอีกครั้งแต่ไร้ผล วิคเตอร์รีบวิ่งเข้าสกัดฟาดดาบลงสะพายแล่ง แต่แล้วอัศวินด้านมืดก็กันได้โดยใช้คมดาบรับ พร้อมทั้งสวนกลับด้วยหมัดและเท้าอย่างเหนือชั้นจนวิคเตอร์กระเด็นลงไปนอนกองกับพื้น เหลือเพียงเพียล่าและโอ'เกนท์เท่านั้นจะต่อกรกับอัศวินด้านมืด เมื่ออัศวินมาถึงตรงหน้าเพียล่าและทำท่าจะฟัน หอกของโอ'เกนท์ก็พุ่งลอยเข้าทะลวงลำไส้อัศวินตนนั้น จนเซถลาถอยหลังและยืนนิ่งไปชั่วขณะก่อนใช้มือดึงหอกออกและกำไว้แน่น เมื่อตั้งหลักได้อัศวินด้านมืดวิ่งเข้าหาโอ'เกนท์ที่ไม่มีอาวุธในมือ มันใช้ด้ามหอกฟาดเข้าลำตัวเหวี่ยงร่างโอ'เกนท์ปลิวไปติดกับต้นไม้ที่ห่างออกไป ไม่เพียงเท่านั้น มันยังขว้างหอกไล่ไปอีกต่างหาก ทว่ามันพลาดเป้าไปเพียงไม่ถึงคืบก็เข้าหัวโอ'เกนท์ เพียล่าสั่งให้เนเน๊ะกับชาร์ลหนีไป ทั้ง2ไม่ขัดข้องรีบวิ่งอย่างไม่รีรอ เห็นดังนั้นอัศวินด้านมืดจึงรีบไล่ตามไปโดยเมินเพียล่าที่ตั้งท่ารับการโจมตี ..แต่แล้วเพียล่าต้องวิ่งตามไปสกัดมันเพื่อถ่วงเวลาให้เนเน๊ะและชาร์ลหนีรอด วิคเตอร์เริ่มฟื้นตัวได้ไม่รอช้ารีบตามมันไปอีกคน วูดตันเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดยังคงยืนขาสั่นพั่บๆ แต่ยังพอมีประโยชน์อยู่บ้าง เขาเข้าไปช่วยเหลือโอ'เกนท์ที่จุกเจียนตาย จนกระทั่งโอ'เกนท์ฟื้นตัวได้จึงลุกพรวดวิ่งตามอัศวินไปอีกคน สิ่งนี้เองทำให้ความกล้าของวูดตันเพิ่มขึ้นได้ เมื่อเห็นโอ'เกนท์วิ่งนำตนจึงวิ่งตามไปติดๆอย่างกล้าๆกลัวๆ ..ชาร์ลและเนเน๊ะจับมือกันวิ่งหนีตายสุดชีวิตจากการไล่ล่าสุดระห่ำของอัศวินด้านมืดและด้วยความเป็นเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ เนเน๊ะเริ่มเหนื่อยหอบและหมดแรง เธอก้าวขาช้าลง.. ช้าลง.. จนในที่สุด ก็ล้มลงคว่ำหน้าไปกับหิมะ ชาร์ลยังวิ่งต่อไปโดยปล่อยมือเนเน๊ะอย่างไม่ตั้งใจและไม่รู้ตัว แต่เสียงร้องขอความช่วยเหลือจากเนเน๊ะดังขึ้น เขาหันกลับและลังเลจะเข้าไปช่วยหลังเห็นอัศวินด้านมืดตนนั้นกระโดดลอยสูง เงื้อดาบขึ้นทิ่มปลายดาบลงยังร่างเนเน๊ะหมายจะเสียบร่างเนเน๊ะให้คาไปกับพื้นหิมะ.. เพียงเสี้ยววินาทีเท่านั้น ที่ปลายดาบอันแหลมเฉียบจะทะลุร่างเนเน๊ะ กลับมีบางสิ่งพุ่งมาด้วยความเร็วแสงทะลวงเข้าปีกขวาจากทางด้านหลังทะลุไปด้านหน้า อัศวินด้านมืดพุ่งไปตามแรงนั้นเลยร่างเนเน๊ะไปเสียหลักล้มลงก่อนใช้มือข้างหนึ่งยันพื้นหายใจหอบแฮ่ก      ณ ตอนนี้เองดั่งฟ้าประทานสวรรค์ทรงโปรดวิคเตอร์สบโอกาสเหวี่ยงคมดาบเข้าตัดศีรษะอัศวินด้านมืด จนหัวปลิวลอยหมุนกลับหลังกระเด็นไปตกตรงหน้าเนเน๊ะ สายตาของอัศวินด้านมืดที่สิ้นชีพยังเบิกตาโพลงจ้องมองเนเน๊ะอย่างอาฆาตเครียดแค้น และเหมือนมันจะงึมงำอะไรบางอย่างจับใจความไม่ได้กับเนเน๊ะที่มองตอบอย่างหวาดกลัว

 

        การต่อสู้จบลง ทุกคนปลอยภัยไม่มีใครตายแต่บาดเจ็บกันระนาว

 

        การเดินทางในวันที่7ของการเดินทางข้ามเทือกเขาเออร์เนสจบลงอย่างไม่ประทับใจเท่าไร ก่อนพลบค่ำกลุ่มกิเรเร่อดทนรนเร่งฝีเท้าหาที่พักผ่อนเลยไปไกลจากจุดเกิดเหตุ

 

       แสงตะวันลาลับไป แสงกองไฟสว่างขึ้น เสบียงที่ตุนไว้ถูกนำมาเป็นมื้อเย็นที่แสนธรรมดาอีกมื้อหนึ่ง 

        ในตอนนี้ทุกคนดูเหนื่อยล้าและวิตก ทั้งสภาพแวดล้อมที่ทารุณและเหตุการณ์เมื่อครู่นี้ กลุ่มกิเรเร่นำโดยเพียล่าส่อแววด้วยความสัมพันธ์เริ่มสั่นคลอน วิคเตอร์และโอ'เกนท์ปรายตามองเนเน๊ะอย่างหยาบๆ ทั้ง2ที่มั่นใจอยู่แล้วว่าเนเน๊ะจะต้องเป็นตัวถ่วง พลอยจะทำให้ทุกคนเสี่ยงชีวิตไปตามๆกันกับเพียงแค่เพียล่ามั่นใจว่าเนเน๊ะจะสยบคืนแห่งความมืดได้ วิคเตอร์และโอ'เกนท์ได้แต่คิดปลงๆ ครั้นจะออกจากกลุ่มตอนนี้ก็กลัวจะถูกตราหน้าหาว่าขี้ขลาดและถ้าอยู่ต่อก็ไม่รู้ว่าจะจบชีวิตอย่างมีความหมายหรือไม่..

 

         เนเน๊ะเองก็คิดไม่ตกว่าทำไม ทำไมต้องเป็นเช่นนี้ เธอทำอะไรผิดหนักหนาเหรออัศวินตนนั้นจึงจ้องมองอย่างอาฆาตและหมายจะเอาชีวิต เนเน๊ะได้แต่ครุ่นคิดและก้มหน้าซบเข่ารู้สึกผิดที่ต้องเป็นตัวถ่วง แต่ก็ไร้ซึ่งน้ำตาของเด็กผู้หญิง

 

          หลังความเงียบครอบคลุมอยู่นานพร้อมกับความมืดหลังอาทิตย์ลับลาเพียล่าก็เอ่ยขึ้น..

 

"คงจะประมาณอีก3วันใช่ไหมโอ'เกนท์กว่าเราจะถึงที่ราบมูไจ"

 

"ใช่"โอ'เกนท์ตอบอย่างไร้อารมณ์

 

"อืม ขอให้พวกเราอดทนกันหน่อยก็แล้วกัน"เพียล่าเองก็เอ่ยอย่างหมดอาลัย

 

"ฉันเองพร้อมทุกเมื่อ"วิคเตอร์ขบฟันพูดคล้อยตามเพียล่า

 

"ฉันเองก็เช่นกัน"โอ'เกนท์ต้องจำยอมเห็นด้วยกับวิคเตอร์เนื่องด้วยเหตุผลส่วนตัวบางประการที่ซ่อนไว้อยู่ลึกๆ

 

"เนเน๊ะไหวนะ"เพียล่าโยนคำเอ่ยเอ็นดูเธอ

 

"ค่ะ"เธอรับอย่างหวาดๆ

 

"คืนนี้เอาเป็นว่าพักผ่อนให้เต็มอิ่มนะ ราตรีสวัสดิ์ทุกคน"เพียล่าส่งท้ายก่อนทุกคนเตรียมตัวนอน

 

       ส่วนชาร์ลนั้นกลับเกิดความละอายขึ้นมาในใจกับเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ในคืนนี้เขาหลับไม่ลง ได้แต่นอนเบิกตาค้างนำท่อนแขนก่ายหน้าผากคิดมากไปว่าเราทำถูกแล้วอย่างงั้นรึ ที่พาทุกคนมาเสี่ยงชีวิตแบบนี้ แต่เขาก็ปลอบใจตัวเองว่า"ไม่ๆๆ ฉันทำถูกแล้ว ถึงไม่ลองเสี่ยงยังไงๆคืนแห่งความมืดก็พรากชีวิตมวลมนุษย์ไปอยู่ดี.. เฮ่อ..."และแขนที่ก่ายหน้าผากยังไม่มีทีท่าว่าจะลดลงพร้อมกับดวงตาจ้องมองหมอกรอบกาย

 

         แม้จะมีคำราตรีสวัสดิ์จากเพียล่า ทุกคนจึงเอนกายพักผ่อนตามอิริยาบท แต่ทว่ากลับไม่มีใครหลับลงได้แม้แต่คนเดียว บรรยากาศยิ่งดึกยิ่งเงียบ ราตรีนี้ช่างขมขื่นเสียเหลือเกิน เวลาบัดนี้ปาเข้าไปก็เกินสองยามแล้ว

 

 

              ~~~~~~~~~~~~~~

 

 

"จงฆ่ามัน"

"จงริษยา"

"จงมอบความตายให้แก่มัน"

"อย่านะ ได้โปรดอย่าผนึกข้าไว้เลย ฮึกๆ.. ฮือๆๆ.."

"เจ้ามันเลวทราม"

"เจตนาแห่งไฟจะทำลายเจ้า"

"ในกาลนี้ขอให้เจ้าปรากฎ...."

"ฟังสิฟังนั่นคือเสียงจากห้วงความทุกข์"

"ได้โปรดอย่าทรมานข้า ได้โปรดเถอะเอวา ข้าวิงวอนเจ้าล่ะ"

"สายลมอันโหยหวยชวนให้ข้าพริ้วไหวไปตามกาล"

"ให้ข้าตายเสียเถิด"

"จงฟัง!!!พระบิดาจะสาปแช่งเจ้า!!"

"เนฟร่า.. เจ้าอยู่แห่งหนใด หากสัญญาแห่งข้าไม่ลืมเลือนไปจากใจเจ้า เจ้าต้องจำอีกครึ่งหนึ่งของดวงวิญญาณได้แน่ กาลนั้นเราจะพบกันในห้วงนิทราซึ่งเป็นนิรันดร์"

"ฝันแห่งฝันเจ้าจงแตกสลายไปซะ!!!!"

"เนฟร่า.....!!!!!!!"

 

        "ห่ะ.. ห่ะ.. ห่ะ.."เสียงเหนื่อยหอบจากเนเน๊ะสะดุ้งตื่นดังขึ้น หลังฝันไปว่าได้เห็นเหตุการณ์หลายอย่างที่ไม่คุ้นเคยและเสียงหลายเสียงชายหญิงพูดซ้อนกัน แทบจับใจความไม่ได้ เนเน๊ะเหงื่อไหลซิ่กลุกพรวดขึ้นมาแลซ้ายแลขวามองไปรอบๆ พบว่าทุกคนต่างหลับสนิท'ฝันแบบนี้นี่มันอะไรกัน'เนเน๊ะตั้งคำถามกับตัวเอง

 

        แสงจากกองไฟเริ่มสลัว เนเน๊ะนั่งชันเข่ามองไปยังกองฟืนเริ่มมอดลงจากน้ำค้างอันพรั่งพรูใกล้รุ่งสาง ขณะเนเน๊ะเพ้อไปไกล กลางกองไฟกลับมีแสงสว่างสีขาวพรึ่บขึ้นมาก่อนปรากฎเป็นเทพีหน้าตาสละสวย งามจนไร้ที่ติด ในชุดขาวผมสีทอง ผิวนวลดุจปุยฝ้าย นัยน์ตาเขียวอ่อนใสยิ้มบางๆให้กับเนเน๊ะที่จ้องมองอย่างตะลึง ก่อนเอ่ยขึ้นอย่างน่าสนใจ

 

"บุตรแห่งเพทราเอ๋ย เจ้าจงฟัง นี่คือความปรารถนาสุดท้ายของข้า ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เจ้าจงอย่าหวั่นไหวเจ้าจงมุ่งต่อไปกับความมุมานะของเจ้า ข้าคาดหวังกับเจ้าไว้อย่างมหาศาล แม้ศรัทธาแห่งเจ้าจะหมดไป แต่ศรัทธาแห่งดารุสจะคอยค้ำจุนไปชั่วนิรันดร์"สิ้นเสียงนี้ ร่างนั้นพลันสลายไป กลายเป็นควันโดยที่เนเน๊ะยังมิทันจะเอ่ยปากถาม คำเอ่ยลึกลับนี้ได้สร้างคำถามให้เนเน๊ะที่เริ่มสงสัยอีกแล้ว ว่าตนเองเป็นใคร

 

        ราตรีนี้ยาวไกล เนเน๊ะยังคงก้มหน้าชันเข่า เธอหลับไม่ลงด้วยยังรู้สึกแปลกใจกับหลายๆเรื่องที่เกิดกับเธอ

 

จนกระทั่ง...

 

"เนเน๊ะ ยังไม่หลับอีกรึไง"เสียงอ่อนโยนจากเพียล่าถามใส่หลังเขยื่อนกายเข้าหาเนเน๊ะ พร้อมก่ายแขนเข้าไหล่สาวน้อยจนหัวซบกัน

 

"คุณเพียล่าคะ ขอบคุณนะคะที่ช่วยชีวิต"เนเน๊ะตอบเสียงเอื่อยหน้าตาอ่อนเพลีย

 

"เนเน๊ะ เธอไม่ต้องห่วงหรอกนะ ไม่ว่าจะยังไงฉันจะดูแลเธอเอง ฉันจะปกป้องเธอด้วยชีวิตไม่ต้องเป็นกังวลไปนะ"ในฐานะผู้รู้ทำนายเพียล่าไม่ยอมเสียเนเน๊ะไปง่ายๆอย่างแน่นอน

 

"ค่ะ ขอบคุณค่ะ"เนเน๊ะกล่าวพร้อมซบลงไหล่อันอบอุ่นของเพียล่า จนผล็อยหลับไปในที่สุด

 

"..........."เห็นดังนั้นเพียล่าจึงยิ้มเล็กๆพลางลูบผมเนเน๊ะ เพื่อเป็นการกล่อมขวัญ

 

"เจ้าจะรู้ไหมนะว่าข้าเป็นใคร"เพียล่าพร่ำในใจหลังมองดูเนเน๊ะหลับไหลในอ้อมกอดตน

 

       

 

          

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.4 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.2 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา