Blood vagabond เลือดหัวขโมย

6.3

เขียนโดย ป่าสีดำ

วันที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2558 เวลา 21.08 น.

  3 ตอน
  0 วิจารณ์
  5,709 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2558 23.49 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

2) กุหลาบสีเงิน

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

       ช่วงเวลาสำคัญมักเป็นช่วงเวลาที่แสนธรรมดา ฉันยังคงนอนอยู่ในห้องหันไปมอดูโต๊ะไม้ที่วางอยู่ปลายเท้าตอนแรกก็รู้สึก อิ่มอกอิ่มใจที่ได้มองมันแต่เพียงแค่เวลาผ่านไปสามสี่วันความรู้สึกนั้นได้หายไป ฉันเดินไปที่โต๊ะนั้นอย่างฉนงตัวเองก่อนจะหัวเหราะเบาๆที่ลำคอ ล้มลงสำรวจมันอีกครั้งแม้จะทำมาแล้วนับไม่ท่วน 
"แกมันก็แค่โต๊ะธรรมดานี้เอง นึกว่าจะมีคาถาอาคมเรียกเงินเรียกทองติดอยู่ซะอีก" ฉันลากมันออกจากผนังดูตรงจุดมุมแต่เมื่อได้ไปแตะแถวๆขาโต๊ะมันรอยต่ออยู่ที่ขาข้างซ้ายและมีอยู่ทั้ง 4 มุมฉันตัดสินใจคว่ำโต๊ะ ราบกับพื้นฉันลองดึงมันออกด้วยแรงมือมันหลุดออกมาเป็นปลอกไม้สีเงินแกะสลักรูปกุหลายจีนละเอียดอ่อนมันคือปลอกดาบเมื่อฉันดึงดามจับออกก็มีใบมีดสีเงินมันวาวค่อยๆปรากฏออกมาสท้อนตามันดูปราณีตระเอียดอ่อน หัวใจของฉันเต็นแรงเหมือนเจอขุมทรัพษ์ ฉันดึงออกมาอีก สามข้าง
 

 

      นานมาแล้ว ที่สัตว์กลายพันธ์ที่ตำนานต่างเรียกขาลว่ามังกรได้สูญพันธ์ไปจากโลกใบนี้เหลือไว้เพียงแต่เทพนิยายภาพยนต์ หลากหลายเผ่าพันธ์ที่ฝากไว้เพียงแต่นาม
  ครอบครัวของพวกเราและกลุ่มเผ่าพันธ์เลือดมังกรสายเลือดภูเขาดำ ผมคือหนึ่งครอบครัวในที่แห่งนี้ พวกเราใช้ชีวิตเหมือนคนทั่วไปแต่ไม่ใช่ทั้งหมดพวกเราจะเกิดมาเพื่อสิ่งเดียวกันเหมือนคำสาป หลายๆคนเคยลองออกไปใช้ชีวิตในเมืองและพวกเขาก็ไม่สามารถพ้นคำสาปได้ เพียงแต่เวลา 13 วันเท่านั้นพวกเขาจะกลับมาพร้อมกับร่างกายขดงอ คำสาปนี้ยังคงอยู่แม้ว่าจะนานมาแล้วหลายพันปี และพวกเรา เลือดภูเขาสีดำ ยังคงรอคอยผู้ปรดปล่อย
   ที่แห่งนี้ไม่มีคนนอกเข้ามานอกเสียงจากพวกเรา ความเจริญที่ตื่นตาตื่นใจเช่นเครื่องหมุนไอศครีมเสื้อผ้าเทคโนโลยีได้ถูกนำเข้ามาสร้างสีสันให้พวกเราแต่เวลาเดียวกันมันกลับทำให้เราอยากรู้ว่าข้างนอกนั้นเป็นอย่างไร
       ผมกำลังฝึกวิชาป้องกันตัวกับน้าชายเขาเป็นหนุ่มชายชาตรีที่มีใบหน้านิ่งขรึมเขายิ้มน้อยตั้งแต่ที่เขาเสียหญิงสาวที่รักให้กับเจ้าเจ้าภูเขาไป เหลือไหวเพียงบาดแผลกลางหลังแม้นานมาแล้วแต่มันยังเหมือนเมื่อวานนี้
"สิท อย่าเหมอสิ" น้ากรีตร้องบอกหลังจากที่ผมเอาแต่มองแผลที่วันนี้มันดูเข้มและเห็นชัดมากกว่าปกติ จนไม่มีสมาธิกับการต่อสู้จนผงะเชล้มลง
"น้ากรีต แผลหน้ามัน.." ผมชี้ไปที่แผลของน้าเขาทำหน้างง
"มันทำไม" ชายหนุ่มร่างใหญ่หันก้มพายายามมองแผลที่อยู่ข้างหลัง แต่เพียงไม่กี่วินาที แผลนั้นก็จางลง
"ปล่าๆ คงตาฝาด" ผมว่า
"นายแพ้นะ จัดการเรื่องหาหารอาทิตย์นี้ด้วยละ" 
    เราอาศัยอยู่กับแม่ที่เป็นที่นับหน้าถือตาในหมู่บ้านแต่นั้นไม่ได้หมายความว่าพวกเราจะมีศิทธิพเศษอะไร แต่สำหรับแม่เราแล้วที่เธอพิเศษนั้งเป็นเพราะเธอมีพลังวิเศษที่พรสวรรค์ของพวกเราจะถูกมอบมามีเอกลักษณ์เฉพาะตัว
"รินดา รินดา" เสียงชายวัยกลางคนที่สวมเสื้อกล้ามทับด้วยเสื้อเซิ้ตลายสก๊ดตสีเขียวเก่าๆยืนเรียกหน้ารั่วไม้เตี้ยๆหน้าบ้านเรียกความสนใจพวกเรา น้ากรีตเดินไปดูเมื่อเสียงที่เรียกนั้นเป็นลุงหนัวหน้ากลุ่มผู้ปกป้อง เขามาพร้อมกับพากผู้ใหญ่พวกเขามีอาวุธติดตัวเหมือนจุกนม
"มีธุระอะไรกับพี่สาวผมครับ ลุงนัน ผมจำได้ว่า คำทำนานจะออกมทุกๆอาทิตย์ก็จริงแต่นี้ยังไม่ครบ 7 วันนะครับ" กรีตเข้าไปต้อนรับด้วยท่าทางไม่เต็มใจนักเพราะเขาไม่ค่อยชอบใจนักที่พวกเขาชอบใช้งานพี่สาวของเขาเหมือนสิ่งของ นั้นเป็นเพราะความสามารถของเธอเป็นหนึ่งเดียวของคนที่นี้เท่านั้นที่จะมี พลังของเธอทั้งแข็งแกร่งแม่นยำไม่มีใครเปรียบนับตั้งแต่มีหมู่บ้านมา
"รินดาต้องให้คำทำนานเราวันนี้ ก่อนที่จะไม่มีเวลา" ลุงนันเท้าเอาอย่างเอาเรื่อง
"ให้เขาเข้ามา" เสียงของผู้หญิงที่เป็นปัญหาร้องออกคำสั่ง "กรีต นายอย่าสร้างปัญหาตอนนี้เลย"คนเป็นพี่ย่ำคำสั่ง
"แต่พี่.." ดูเหมือนน้องชายไม่ชอบใจนัก
"กรีต" เธอเรียกเพื่อให้ความหมั่นใจว่าเธอไม่เปลี่ยนใจ จนคนเป็นน้องชายถ่อยให้พวกอาวุโสเข้ามา"เชิญพวกท่าน ผู้พิทัก"
 
   ภายในห้องที่เป็นที่โล้งกว้างไม่มีเครื่องอำนวยความสดวงมากนัก มีเพียงเตียงนอนที่ยับ เธอถือกระโถที่มีคราบเลือดมาไกล้ๆและถุยน้ำลายลงไป ก่อนจะหยิบผ้าเซ็ดหน้ามาปาดปาก
"เราไม่อยากทำแบบนี้หรอกนะคุณรินดา แต่ มัน.." รินดาใช้มือปรามก่อนจะพยักหน้าเข้าใจนั้งลงที่โต๊ะไม้
   ทุกสิ่งเงียบสงบ มีเพียงลมหายใจของคนทั้งสี่ ที่ค่อยๆหายไปเมื่อรินดาหลับตาทำสมาธิ ภาพนิมิตก็ไหลเข้ามาในห้ว อย่างช้าๆมันเป็นภาพที่ชัดเจนแต่ตัดกันไปมา แต่ภาพที่เห็นมันเป็นความหายนะ ไฟ และเสียงกรีดร้อง กรงเล็บ ดวงตาสีแดงดวงโตก่อนที่ความเจ็บปวดที่ตรงเนื้อตัวของรินดาจะลุกรามมันเป็นความร้อนของเปรวไฟ
"อ๊ายยย" เสียงร้องทำเอาทุกคนสดุ้ง เสียงเปิดประตูพรวดเป็นร่างของลูกชายสิทและกรีตที่มาพร้อมกับตะหลิวในมือ
"เกิดอะไรขึ้น.." เซ ตาแก่ที่มีชื่อเสียงเรื่องโชคการต่อสู้ถาม
"พวกท่านจงฟังให้ดี สิ่งที่จะช่วยพวกเราได้มีเพียงแค่ สามสิ่ง หนึ้ง กรีต4เล่มที่ถูกขโมษไป สองจิตวิญญาณผู้ถูกเลือก สิ่งที่สาม...." รินดามองไปที่สิทลูกชายวัย 19ปีที่กำลังโตเป็นหนุ่มแต่โชคชะตาได้กำหนดให้เขามีเวลาใช้ชีวิตเพียงเท่านั้น
"ดวงใจของผู้กล้า"
 
         เมื่อ2000ปีก่อน มีมังกรที่รักอิสะระมันไม่เคยมีอนาเขตเป็นของตัวเอง มันบินไปเรื่อยๆทั้งพื้นที่สีเขียวป่ากว่างที่มีเหล่ามังกรหนุ่มปรกครองมันได้บินมาที่ยอดเขาแสนหนาวแหนบ ก่อนจะพบกับมังกรสีเงินตัวเมีย ทั้งสองตัวเกียวพาราสีกันเป็นท่วงท่าเต้นรำ ด้วยความรัก มันจึงบินพามังกรสาวมาที่ดินแดนแห่งหนึ่งที่อุดมไปด้วยพรรณไม้และสัตว์นาๆชนิด หุบเขาสีเขียวที่อุดมไปด้วยดอกกุหลายหลากสี พวกมันมีครอบครัวเพิ่มขึ้นมันมีลูกสาวตอนมันออกล่าหาอาหาร พ่อมังกรเผ่าคอยดูลูกน้อยด้วยความรัก ทุกๆครั้งที่ออกไปหาอาหารนอกจากจะมีเนื้อประสุสัตว์ที่มนุยษ์เลี้ยง มันยังชอบของมันวาวเครื่องเพรชและเงินทอง เพื่อมาเป็นของขวัญ ทุกๆคืน ดวงดาวบนยอดเขาที่ประกายสุขสวย ลูกมังกรที่หัดบิน ได้บินไปเจอกับหมู่บ้านเล็กๆ ก่อนจะบินผ่านลงมาที่อ่างน้ำตกขนาดใหญ่ ลูกมังกรบินลงมาอย่างเงียบเฉียบ มันฟังเสียงน้ำ แต่ไม่มีเพียงมันเท่านั้น เสียงดนตรี ลอยตามลม จากไกล้ๆ ลูกมังกร รอดูต้นเสียงก็เจอกับเด็กหนุ่มกำลังเป่าใบไม้ ลกมังกรยังเด็กและไร้ประสบการณ์ เธอจึงเคลื่อนตัวไปไกล้ๆ เสียงใบไม้ที่ลูกมังกรผ่านทำให้เสียงเป่าใบไม้หยุด
"ใคร นั้นใคร" เด็กหนุ่มตะโกนถามแต่ไร้เสียงตอบ เขาทีท่าทางระวังตัวกลัวเป็นเสื้อหรือโจร
"ใคร " ด้วยความสามารถ นักล่าที่มังกรมีนั้นคือการเลียนเสียง "ใคร" เสียงที่ลูกมังกรเลียนไปนั้นเป๋นเสียงของเด็กผุ้หญิง มันไม่ลังเลเลยที่จะทำแบบนั้นเพียงแค่ให้เด็กชายนั้นเป่าใบไม้อีกครั้ง
"เฮ ออกมาเจอกันหน่อยสิ " เขายังคงไม่ยอมไว้ใจง่ายๆ
"ใคร" ลูกมังกรที่ไม่รู้ภาษา ทำได้เพียงแค่เลียนทำพูดเท่านั้น "เจอกัน หน่อย"
 เด็กชายลงจากต้นไม้ตามเสียงนั้น เขาเดินมาที่พุ้มไม้ ไอร้อนจากลมหายใจลูกมังกรทำให้เด็กชายรู้สึกประหลาดใจอยากรู้อยากเห็น เพียงแค่เขาอ้อมพุ้มไม้ใหญ่นั้น ก็พบกับหางที่มีหนามเกร็ดสีเงินเงาวาว มันทำให้เขาตกใจ ลูกมังกรจึงเดินออกจากพุ้มไม้เขาของมันที่ดูผ่านๆนึกว่าเป็นกิ่งไม้มันเป็นเขาสีเงิน ใบหน้าที่ลมร้อนจากลมหายใจยืนมาไกล้ๆเด็กหนุ่ม
"เฮ เจอกันหน่อย" ลูกมันกรเลียนเลียงเมื่อครู่ เด็กหนุ่มกรีดร้องวิ่งหยี
"ปีศาท ปีศาท" หลังจากวันนั้นเรื่องเล่าของปีศาทในป่าก็เป็นที่เรื่องรือ
    ลูกมังกรบินกลับรัง ในหัวคิดแต่เสียงเด็กชายเป่าใบไม้และภาพที่เด็กชายวิ่งหนีไป
"ปีศาท" ลูกมังกรร้องเสียง ทำเอาพ่อและแม่ของมันหันมามองก่อนจะไม่สนใจ
  คือนั้นลูกมังกรมองดวงดาวบนฟ้าที่มีสีขาวสว่างที่สุดท้องฟ้า เธออธิถานให้ตัวเองเป็นมนุยษ์เพื่อที่จะได้พบกับเด็กหนุ่มคนนั้น แค่อยากจะฟังเสียงดนตรีนั้นอีกครั้ง

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
5 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา