Club:PS ชมรมคนไม่เคยเหงา
-
เขียนโดย SirSnack
วันที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2558 เวลา 11.27 น.
6 ตอน
0 วิจารณ์
8,273 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 30 กันยายน พ.ศ. 2558 19.46 น. โดย เจ้าของนิยาย
1) สาวน้อยสีซากุระ
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ ตุบ!! เสียงของผลไม้ที่ร่วงจากลำต้นที่สูงใหญ่ลงไปกระแทกเข้ากับหัวของเด็กชายตัวน้อยที่นอนหลับอยู่ใต้ต้นไม้ต้นนั้น โอ้ย!! “ หา? หนอยแกไอแอปเปิ้ลเวร!!!! สวนดอกทานตะวันแบบนี้ หมายความว่าเรามาแอบงีบตอนหลังเลิกเรียนที่สวนอีกแล้วหรอเนี่ยอะ แย่แล้วต้องรีบกลับบ้านแล้ว การ์ตูนกัปตันใส่สูทใกล้จะฉายแล้วด้วย ” เสียงพึมพัมของเด็กนักเรียนประถมปลายผมสั้นสีน้ำเงินเข้มในชุดพละโรงเรียนที่ค่อยๆลุกขึ้นยืน ก่อนจะบิดขี้เกียจไปมาแล้วจึงก้มลงไปหยิบกระเป๋าสีดำใบเล็กที่วางอยู่ข้างๆ
เอ๋ เด็กผู้หญิงผมสีฟ้าตรงนั้นมันซากิจังนี่นา แล้วก็อาจารย์ไดกิด้วย ยังไม่กลับบ้านกันอีกงั้นหรอเนี่ย แอบเล่นอะไรสนุกๆโดยที่ไม่ชวนเรางั้นหรอ อย่างนี้ต้องแอบตามไปให้ตกใจซะเลย เด็กชายตัวน้อยหันไปเห็นเพื่อนของเขากำลังเดินเข้าไปในห้องดนตรีที่อยู่ไม่ไกลจากสวนหลังโรงเรียนมากนัก ก่อนที่เขาจะรีบวิ่งตามไปอย่างไม่รีรอ
ภาพเหล่านั้นค่อยๆจางหายไป ก่อนจะปรากฏภาพของผู้คนพร้อมกับเสียงซุบซิบ พึมพัม นินทาและต่อว่าตัวเขา ไม่เว้นแม้แต่แม่แท้ๆของเขาเอง “ ทำไมเธอถึงทำแบบนี้ ” “ ไม่มีใครเชื่อคำพูดของเด็กอย่างแกหรอก ” “ ทำไมชั้นจะต้องมาเป็นที่ปรึกษาให้กับห้องที่มีเด็กอย่างแกด้วยนะ ” “ แกผิดเองที่มายุ่งไม่เข้าเรื่องนะไอ้หนู ” “ ไอเด็กเหลือขอเอ้ย!! ” “ ชั้นไม่เคยมีลูกอย่างแก ” “ ไล่ออก!!! แบบนี้มันต้องไล่ออกสถานเดียวครับครูใหญ่ ”
โป๊ก!!! ภาพและเสียงทั้งหมดจางหายอีกครั้งพร้อมกับเสียงหัวของเด็กหนุ่มกระแทกกับพื้น “ โอ้ย!! ให้ตายซิฝันถึงเรื่องนี้อีกแล้วหรอเนี่ย ” เด็กหนุ่มมัธยมปลายผมสีน้ำเงินหัวกระเซิงปูดโนเล็กน้อยค่อยๆลุกขึ้นมาเก็บเตียงหลังจากดิ้นตกลงมาจนตื่น
“ พี่!!! พ่อบอกว่าให้ลงมากินข้าวได้แล้วไม่งั้นจะหักค่าขนมนะ ” เสียงตะโกนที่ดังทะลุกำแพงเก็บเสียงชั้นดีของผมมาจากชั้นล่างได้แบบนี้ก็ไม่ใช่ใครที่ไหนหรอกครับ น้องสาวของผมเอง
“ ชั้นยังไม่ได้พูดอะไรเลยนะ!!!! ” เสียงตะโกนอีกเสียงดังตามมาติดๆ
“ รับทราบแล้วครับท่านลอร์ด แต่กระผมขอตัวไปอาบน้ำก่อนนะ ” เด็กหนุ่มเดินไปเปิดประตูก่อนจะตะโกนตอบ
สวีสดีครับ ผมชื่อ โกโต คาซุมิ อายุ 16 ปีอาศัยอยู่กับพ่อและน้องสาว ผลการเรียนพอจะไปวัดไปวาได้ ตอนนี้กำลังจะเริ่มเข้าเรียน ม.ปลายที่โรงเรียนวีลัส ความสามารถพิเศษไม่มีแต่ถ้าเป็นสิ่งที่ถนัดที่สุดก็คงจะเป็นการหาเรื่องชกต่อยไปทั่วนั่นแหละ ประวัติย่อๆก็คงประมาณว่าเป็นเด็กที่น่าสงสารละมั้ง พ่อกับแม่ของผมแยกทางกันเมื่อ 3 ปีก่อน ถ้าถามถึงเหตุผลละก็ คงจะเป็นเพราะผมนั่นแหละถึงแม้พ่อจะไม่ได้บอกแบบนั้นก็ตาม ชีวิตของผมเปลี่ยนไปเป็นคนละขั่วกับเมื่อก่อนเพราะผมทำสิ่งที่ตัวเองคิดว่าถูกต้องลงไปแต่ผลตอบแทนที่ได้มันช่างน่าเศร้าจนไม่อยากจะพูดถึง เรื่องราวชีวิต 16 ปีของผมก็มีอยู่แค่นี้แหละ
ตุบๆๆๆๆ เสียงวิ่งลงบันไดด้วยความรีบร้อนของเด็กหนุ่มมัธยมปลายหลังจากอาบน้ำเสร็จ
“ ตื่นได้ซักทีนะ ไอ้ตัวกินบ้านกินเมืองเอ้ย วันนี้แกต้องไปปฐนนิเทศไม่ใช่รึไง แล้วทำไม............ ” บลา บลา บลา ผู้ชายคนที่นั่งถือสือพิมพ์พร้อมกับกำลังพูดคำว่า บลาๆๆ ซ้ำไปซ้ำมาอยู่นั่นไม่ใช่ใครที่ไหนเค้าคือ โกโต ชุน พ่อของผมเอง ถึงจะเห็นแบบนี้แต่ผมนับถือเค้ามากเลยนะ(จริงๆนะ)
“ พี่!! รีบๆกินได้แล้วต้องไปส่งหนูที่โรงเรียนด้วยนะจำได้มั้ย ” ส่วนเด็กผู้หญิงที่กำลังบ่นพร้อมล้างจานอยู่ก็คือ คามิน น้องสาวของผมที่เป็นเจ้าของคลื่นเสียงอันทรงพลังเมื่อเช้านั่นเอง ตั้งแต่แม่กับพ่อหย่ากัน เธอก็ทำตัวได้ดูจะเป็นผู้ใหญ่มากกว่าผมซะอีก ทั้งผลการเรียนที่ดีเยี่ยม หน้าตาก็ดี กีฬาก็เป็นถึงกัปตันชมรมบาสเก็ตบอลหญิง ม.ต้น อีกไม่นานผมคงถูกส่งชื่อเข้าชิงรางวัลออสก้าสาขาพี่ชายยอดแย่ตลอดกาลในไม่ช้า
“ อ่า รู้แล้วละหน่า ” คาซุมิหันไปตอบ ก่อนจะนั่งลงบนโต๊ะกินข้าว บลาๆๆ โดยไม่สนใจสิ่งที่พ่อของเขากำลังพูดอยู่เลยแม้แต่น้อย
“ เอ๋? นี่พี่ไม่ตื่นเต้นเลยหรอ ” มาอีกแล้วคำถามจุกจิกน่ารำคาญของยัยนี่
“ เรื่องอะไรล่ะ ”
“ ก็ปฐมนิเทศไง ไม่รู้สึกตื่นเต้นที่จะได้เจอเพื่อนใหม่บ้างเลยหรอ ” คามินชะโงกหน้าเข้าไปใกล้พร้อมถามคาซุมิ
“ เอาหน้าออกไปไกลๆชั้นเลยนะ ” คาซุมิที่กำลังกินข้าวด้วยมือขวาอยู่ ใช้มือซ้ายดันหน้าของคามินออกห่างจากตัว
“ ทำอะไรของพี่เนี่ย ว่าแต่ตกลงตื่นเต้นมั้ยล่ะ ” คามินหงุดหงิดเล็กน้อยหลังโดนดันออกมาก่อนจะถามต่อ
“ นิดหน่อยละมั้ง ” ไม่เลยซักนิดคือคำตอบที่ออกมาจากใจผม เพราะว่าโรงเรียนที่ผมเข้าเรียนต่อส่วนใหญ่ก็มีแต่พวกหน้าเดิมๆที่รู้จักวีรกรรมอันเลื่องลือของผมเป็นอย่างดี ทำให้ไม่ว่ายังไงมันก็คงจะไม่เปลี่ยนไปหรอก ชีวิตประจำวันของผมน่ะ
หลังจากที่กินข้าวเสร็จผมและคามินก็สะพายกระเป๋าเป้เดินออกมาจากบ้าน
จะว่าไปชีวิตประจำวันของผมก็มีเรื่องที่จะต้องทำเพิ่มมาอีกหนึ่งอย่าง ก็คือผมจะต้องขับรถมอเตอร์ไซด์ที่พึ่งได้มาจากพ่อไม่นานนี้ไปส่งน้องสาวทุกเช้าแล้วถึงจะไปเรียนได้ มันช่างเป็นความลำบากของแรงงานทาสอย่างผมที่ถูกเรียกว่าพี่จริงๆ คาซุมิคิด ก่อนที่น้ำตาจะไหลออกมาอย่างไม่รู้ตัว
“ อะเออพี่ เป็นอะไรรึป่าว ”
“ ไม่หรอก ชั้นเข้าใจดี ว่าชั้นมันเป็นได้แค่แรงงานทาสเท่านั้น ” คาซุมิตอบพร้อมทำท่ากระซิก
“ เห้ย!!! คาซุมิขับมอเตอร์ไซด์ก็ระวังๆหน่อยล่ะ ” เสียงตะโกนโหวกเหวกของพ่อผมเองครับ คนระแวกนี้เค้าคงชินกันแล้วละ
“ จับแน่นๆนะคุณน้องสาว ” คาซุมิหันไปพูดกับคามินก่อนจะขับมอเตอร์ไซด์ออกไป
“ นี่พี่ ”
“ หา มีอะไรงั้นหรอครับแม่ ” ผมหันไปตอบพร้อมอมยิ้มให้ตามประสาคนอารมณ์ดี
“ อยากตายใช่มั้ยแกน่ะ ”
“ ขอโทษครับท่านลอร์ด ว่าแต่มีอะไรหรอ ”
“ อะเออ พยายามหาเพื่อนให้ได้นะ ” เสียงพูดที่สั่นลงไปมากของคามิน
“ หา? เพื่อนก็มีอยู่ตั้งหนึ่งคนไงล่ะ ” ผมหันไปตอบด้วยสีหน้าแบบคนอารมณ์ดีเช่นเดิม
“ อย่างเจ้านั่นหนูไม่นับหรอก ” คามินตอบด้วยเสียงฟึดฟัดพร้อมทำหน้ามู่ทู่
“ เห้อ แน่นอนจะหาให้ได้เลยละ ” ผมนี่เป็นคนไม่ดีจริงๆเลยนะโกหกได้แม้กระทั่งน้องสาวที่แสนน่ารักของตัวเอง ก็คนที่จะมาเป็นเพื่อนกับเด็กที่ถูกตราหน้าว่าเป็นเด็กเหลือขออย่างผมน่ะมันไม่มีหรอก
เอี๊ยด มอเตอร์ไซด์สีขาวขับมาจอดอยู่หน้าโรงเรียนมัธยมต้นแห่งหนึ่ง “ เอาล่ะถึงแล้วครับท่านลอร์ด ช่วยกรุณาลงไปไวๆด้วยครับเพราะว่าตอนนี้ท่านพี่กำลังจะสายแล้ว ”
“ ระรู้แล้วหน่า ” คามินตอบก่อนจะรีบลงจากรถมอเตอร์ไซด์
“ โอเค งั้นชั้นไปก่อนนะ ”
พยายามเข้าล่ะพี่ เด็กสาวผมสั้นสีน้ำเงินเข้มยืนจ้องไปที่มอเตอร์ไซด์สีขาวที่ค่อยๆหายไปจากระยะการมองเห็นของเธอด้วยรอยยิ้ม
เห้อ หลังจากผ่านเควสใหม่ในวันนี้สำเร็จ ในที่สุดเราก็มาทันจนได้ คุ้มค่ากับที่ฝึกหนักใช้ทางลัดมาตลอดปิดเทอมจริงๆ คาซุมิจอดรถจักรยานยนต์ไว้ที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตใกล้ๆก่อนจะรีบวิ่งไปที่หน้าโรงเรียน
สังคมขนาดย่องั้นหรอ ฝึกการใช้ชีวิตงั้นหรอ สำหรับหลายๆคนน่ะอาจจะใช่แต่สำหรับผมแล้วไอที่ที่เป็นเหมือนบ้านตุ๊กตาขนาดใหญ่ของพวกผู้ใหญ่เนี่ย มันก็แค่สถานที่อันเน่าเฟะที่มีไว้เพื่อตัดสินความเป็นคนจากฐานะ หน้าตา ความเก่ง แล้วก็ความโด่งดังก็เท่านั้น คาซุมิคิดก่อนจะเดินทำหน้าตาเบื่อโลกไปที่ประตูหน้าของโรงเรียนท่ามกลางเสียงซุบซิบนินทาของนักเรียนคนอื่นๆที่ยืนอยู่รอบข้างเขา
“ สวัสดีครับ/ค่ะ อาจารย์ ” ภาพที่แสนงดงามของอาจารย์ที่ยืนต้อนรับเด็กนักเรียน ทุกคนเห็นเป็นอย่างงั้นล่ะสินะ เดี๋ยวผมจะเปิดโปงด้านมืดของภาพนี้ให้ดูละกัน คอยดูปฎิกิริยาของอาจารย์คนนี้ตอนเจอหน้าผมดีๆละ
“ สวัสดีครับ ” ผมยกมือไหว้พร้อมพูดว่าสวัสดีตามแบบฉบับดั่งเดิมเปะแต่อาจารย์ที่ยืนรับไหว้นักเรียนอยู่หน้าประตูกลับทำหน้าเหมือนกับว่าผมเป็นแค่อากาศไม่มีตัวตนและไม่พูดอะไรตอบกลับมาเลยแม้แต่น้อย ที่มันเป็นแบบนี้ก็คงเพราะว่าผมกับอาจารย์แกเราเคยอยู่โรงเรียนประถมเดียวกันน่ะครับ ซึ่งดูเหมือนว่าเค้าจะจำผมได้และผมก็จำเค้าได้เหมือนกัน คาซุมิคิดขณะที่ก้มหน้าเดินเข้าประตูโรงเรียนไป
“ นั่นมัน โกโต คาซุมิ นี่ ” “ หมอนั่นเรียนโรงเรียนนี้หรอเนี่ย ” “ แย่เลยแหะอุตส่าห์นึกว่าจะไม่ต้องมาเจอมันอีกแล้วเชียว ” ยังเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยนเลยแหะจะเรียกว่าคิดถึงดีมั้ยนะ เสียงซุบซิบของพวกนักเรียนไม่เว้นแม้แต่ครูเนี่ย คาซุมิเดินเข้าศูนย์ประชุมของโรงเรียนไปโดยพยายามไม่สนใจกับเสียงนินทารอบข้าง
คาซุมิเดินเข้าไปนั่งข้างๆนักเรียนชายผมสั้นสีน้ำตาลคนหนึ่งที่กวักมือเรียกเค้า
“ เห้ย!!! มาสายนะคาซุมิ ” อ่อ ผมลืมเล่าเรื่องของไอ้หมอนี่ไปเลย มันชื่อ เซคิ ทาโร่ เป็นเพื่อนผมมาตั้งแต่สมัยประถมและยังเป็นเพื่อนคนเดียวที่ผมเหลืออยู่ตอนนี้
“ พอดีว่าต้องไปส่งน้องสาวที่โรงเรียนก่อนน่ะ แล้วทำไมแกถึงมาเช้าได้ละเนี่ยปกติแกเข้าเรียน 10 โมงไม่ใช่รึไง ”
“ ก็วันนี้มันวันปฐมนิเทศนะเฟ้ย ชั้นมีภารกิจอันยิ่งใหญ่ที่จะต้องมาสอดส่องสาวๆอยู่แล้ว ” เสียงพูดพร้อมหน้าตาหื่นกระหายของมันทำให้ผมรู้สึกตลกได้ตลอดจริงๆ
สวัสดีและขอต้อนรับนักศึกษาใหม่ทุกๆท่านเข้าสู่โรงเรียนมัธยมปลายวีลัสของเราซึ่งเป็นโรงเรียนมัธยมปลายชั้นแนวหน้าของประเทศนะครับ แล้วตอนนี้ก็ได้เวลาอันสมควรแล้วขอเชิญนักศึกษาใหม่ทุกๆท่านพบกับนักจิตวิทยาชื่อดังของโลกและ ผอ. โรงเรียนคนปัจจุบันท่าน ด็อกเตอร์ ดาวิด ฮิวโมลัส ครับ
“ มาแล้วสินะ ” สาเหตุหลักๆที่ผมยอมมาปฐมนิเทศในวันนี้ก็เพราะว่าอยากเจอ ผอ. คนนี้แหละ เค้าเป็นหนึ่งในนักจิตวิทยาด้านพฤติกรรมของมนุษย์ชั้นแนวหน้าของโลกที่ผมยอมรับและนับถือมากๆ คาซุมิรีบหันไปมองเวทีทันที หลังจากได้ยินเสียงประกาศผ่านทางลำโพงของโฆษกประจำโรงเรียน
อึ่ดๆๆๆ บรรยากาศเงียบขนาดที่ได้ยินเสียงแอร์เลยงั้นหรอ หลังจากเสียงประกาศก็ไม่เห็นมีใครหรืออะไรโผล่ออกมาจากหลังเวทีเลยแหะ
อะเอ่อ ขออภัยด้วยครับทุกๆท่านในตอนนี้ท่าน ผอ. ดาวิดยังมาไม่ถึงน่ะครับ งั้นเรามาพบกับท่านรอง ผอ.กันก่อนนะครับ เสียงประกาศดังขึ้นอีกครั้งท่ามกลางเสียงซุบซิบที่ดังกระหึ่ม หลายๆคนที่ไม่ชินกับบรรยากาศแบบนี้คงจะตกใจกันพอสมควรแต่ผมซึ่งเป็นผู้ชายที่ต้องแบกรับเสียงซุบซิบนี้มาถึง 5 ปีแค่นี้น่ะทำอะไรแก้วหูอันแข็งกล้าของผมไม่ได้หรอกนะ
“ น่าเบื่อกว่าที่คิดอีกแหะ คาซุมิโดดไปนั่งเล่นกันมั้ย ”
“ นั่นสินะ ที่ชั้นมาปฐมนิเทศก็เพราะอยากเจอ ผอ. ถ้าไม่มาก็โดดดีกว่างั้นไปเจอกันข้างนอก ” ทำไมผมต้องแยกกับทาโร่ด้วยน่ะเหรอก็เพราะว่าสิทธิพิเศษที่ไม่ว่าจะทำอะไรก็ไม่มีใครสนใจนั้นมีแค่ผมคนเดียวที่มี(คงเป็นข้อดีอย่างเดียวของผมละมั้ง) ทำให้ทาโร่ต้องแอบไปปีนออกทางห้องน้ำส่วนผมก็เดินสบายๆออกจากห้องประชุมไป
หาววว “ น่าเบื่อสุดๆไปเลยแหะสุดท้ายก็ไม่ได้เจอด็อกเตอร์ ดาวิด ” ผมเดินบ่นพึมพัมมาที่หน้ารั้วเหล็กหลังโรงเรียนก่อนจะปีนข้ามไป สวนเล็กๆด้านหลังรั้วเหล็กของโรงเรียนคือสถานที่อนุรักษ์พันธุ์ไม้ที่เต็มไปด้วยความร่มรื่นของธรรมชาติและความเงียบสงบปราศจากผู้คนและเสียงนินทาที่แสนจะน่ารำคาญ
แต่ในขณะที่ผมกวาดสายตาไปทั่ว ตาของผมก็ไปสะดุดเข้ากับภาพของหญิงสาวในชุดสีฟ้าอ่อนๆที่กำลังนั่งอ่านหนังสือท่ามกลางกลีบดอกซากุระที่ร่วงโรย ดูจากตราโรงเรียนบริเวณอกเสื้อชุดกันหนาวแล้วเธอคงจะอยู่โรงเรียนนี้เช่นเดียวกันกับผม ผิวขาวที่ดูจะนุ่มเหมือนปุยเมฆ ผมยาวสีชมพูอ่อนๆคล้ายสีของดอกซากุระ แล้วก็ดวงตาสีฟ้ากลมโตที่มุ่งมั่นและดูจะมีสมาธิเอามากๆ ดูเหมือนว่าเธอจะกำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ในที่ลับที่ผมพึ่งจะค้นพบเมื่อตอนมาสอบเข้าที่นี่ ถ้าเป็นหลายๆคนคงจะไม่พลาดโอกาสในการเข้าไปชวนคุยที่เหมือนฟ้าจะประทานมาให้ แต่สำหรับผมขอผ่านดีกว่า ผมคิดได้ดังนั้นก็ค่อยๆหันหลังอย่างเงียบที่สุด
“ แย่จริงๆเลยแหะ ถ้ามีคนแปลกหน้ามาแล้ว มันก็ไม่ใช่สถานที่ลับของเราอีกแล้วสิ ” ผมบ่นพึมพัมเบาๆกับตัวเอง ก่อนจะหันหลังกลับไปทางประตูเหล็กที่ปีนเข้ามาแต่ก็เจอเข้ากับใบหน้าพร้อมเสียงหอบ แฮ่กๆ รัวๆของชายที่มีใบหน้าคุ้นเคยถึงจะไม่อยากจะคุ้นเคยเท่าไหร่ก็เถอะ ในสภาพเปียกโชกไปด้วยเหงื่อและแววตาที่เต็มไปด้วยความสงสัย เขากำลังจ้องไปที่เด็กสาวคนนั้นตาเป็นมัน
“ เห้ย นี่คาซุมิคนรู้จักงั้นหรอ ” เป็นคำถามที่ผมไม่คิดเลยว่าจะได้ยินอีกครั้งในชาตินี้
‘ จะไปรู้จักได้ยังไงละ แค่เธอบังเอิญมาเจอที่ลับของพวกเราเท่านั้นเอง ’ ผมกระซิบเบาๆไปที่ข้างๆใบหน้าหื่นๆของทาโร่
“ งั้นหรอๆ แต่ชั้นว่าวันนี้แหละมันถึงเวลาที่เราจะเปลี่ยนจากดูโอเป็นทริโอแล้วละนะคาซุมิคุง ” ทาโร่พูดจบก็วิ่งปรี่เข้าไปหาเธอทันที
“ เห้ย!! เดี๋ยวก่อนสิเจ้าบ้า ” ขอโทษครับพ่อ ผมไม่สามารถหยุดไอ้บ้านี่ได้ทัน คาซุมิโห่ร้องด้วยความสำนึกผิด
ว้าย!! เสียงกรี๊ดด้วยความตกใจของสาวน้อยที่อ่านหนังสืออยู่ดีๆก็มีไอบ้าที่ไหนไม่รู้เอาหน้าไปโผล่ตรงหน้าเธอพอดี
“ สวัสดีครับผมชื่อ เซคิ ทาโร่ ครับเป็นนักเรียนมัธยมปลายปี 1 เหมือนกันยินดีที่ได้รู้จักครับ ” ทาโร่แนะนำตัวพร้อมก้มหัวโดยไม่สนใจความเห็นคนรอบข้างว่ามีใครถามมันบ้างมั้ยเลยซักกะนิด
ปัก “ เจ้าบ้าทำอะไรของแก ” คาซุมิตะโกนพร้อมรีบวิ่งไปถีบทาโร่อย่างจัง
“ ขอโทษนะ ที่เพื่อนชั้นทำให้ตกใจ ” แต่ถ้าเธอเห็นผมอาจจะตกใจยิ่งกว่าก็ได้ คาซุมิคิดพร้อมก้มหัวขอโทษ
“ อะเออ ไม่เป็นไร ” หึ ว่าแล้ว ท่าทีรังเกียจแบบนั้นสงสัยจะรู้จักชั้นสินะ มันก็ไม่แปลกหรอกที่จะทำหน้าแบบนั้น เห้ย เดี๋ยวก่อนสิเธอไม่ได้มองเรานี่หว่า คาซุมิเหลือบไปเห็นสายตาของสาวน้อยจ้องไปที่ด้านหลังของเขา
“ ไอ้บ้าเอ้ย เลิกทำท่าทางแบบนั้นซักทีสิเว้ย ” คาซุมิกระโดดดร็อปคิ๊กใส่ทาโร่ที่ยืนทำหน้าหื่นอยู่ข้างหลัง
“ ช่วยไม่ได้นี่ มันเป็นสัญชาตญาณของลูกผู้ชายตัวจริงนะเฟ้ย ”
“ หุปปากไปเลย อย่ามาทำให้คำว่าลูกผู้ชายต้องแปดเปื้อนเพราะนิสัยของแกคนเดียวสิฟะ ” คาซุมิตะคอกพร้อมเขย่าตัวทาโร่ไปมา
คิก คิก คิก เธอกำลังหัวเราะงั้นหรอ เพราะเรางั้นหรอ เธอไม่กลัวเรางั้นหรอ เธฮไม่รู้จักตัวผมงั้นหรอคำถามมากมายผุดขึ้นมาบนหัวของผมที่กำลังอ่ำอึ้งจนพูดอะไรไม่ออก
เอ๋ เด็กผู้หญิงผมสีฟ้าตรงนั้นมันซากิจังนี่นา แล้วก็อาจารย์ไดกิด้วย ยังไม่กลับบ้านกันอีกงั้นหรอเนี่ย แอบเล่นอะไรสนุกๆโดยที่ไม่ชวนเรางั้นหรอ อย่างนี้ต้องแอบตามไปให้ตกใจซะเลย เด็กชายตัวน้อยหันไปเห็นเพื่อนของเขากำลังเดินเข้าไปในห้องดนตรีที่อยู่ไม่ไกลจากสวนหลังโรงเรียนมากนัก ก่อนที่เขาจะรีบวิ่งตามไปอย่างไม่รีรอ
ภาพเหล่านั้นค่อยๆจางหายไป ก่อนจะปรากฏภาพของผู้คนพร้อมกับเสียงซุบซิบ พึมพัม นินทาและต่อว่าตัวเขา ไม่เว้นแม้แต่แม่แท้ๆของเขาเอง “ ทำไมเธอถึงทำแบบนี้ ” “ ไม่มีใครเชื่อคำพูดของเด็กอย่างแกหรอก ” “ ทำไมชั้นจะต้องมาเป็นที่ปรึกษาให้กับห้องที่มีเด็กอย่างแกด้วยนะ ” “ แกผิดเองที่มายุ่งไม่เข้าเรื่องนะไอ้หนู ” “ ไอเด็กเหลือขอเอ้ย!! ” “ ชั้นไม่เคยมีลูกอย่างแก ” “ ไล่ออก!!! แบบนี้มันต้องไล่ออกสถานเดียวครับครูใหญ่ ”
โป๊ก!!! ภาพและเสียงทั้งหมดจางหายอีกครั้งพร้อมกับเสียงหัวของเด็กหนุ่มกระแทกกับพื้น “ โอ้ย!! ให้ตายซิฝันถึงเรื่องนี้อีกแล้วหรอเนี่ย ” เด็กหนุ่มมัธยมปลายผมสีน้ำเงินหัวกระเซิงปูดโนเล็กน้อยค่อยๆลุกขึ้นมาเก็บเตียงหลังจากดิ้นตกลงมาจนตื่น
“ พี่!!! พ่อบอกว่าให้ลงมากินข้าวได้แล้วไม่งั้นจะหักค่าขนมนะ ” เสียงตะโกนที่ดังทะลุกำแพงเก็บเสียงชั้นดีของผมมาจากชั้นล่างได้แบบนี้ก็ไม่ใช่ใครที่ไหนหรอกครับ น้องสาวของผมเอง
“ ชั้นยังไม่ได้พูดอะไรเลยนะ!!!! ” เสียงตะโกนอีกเสียงดังตามมาติดๆ
“ รับทราบแล้วครับท่านลอร์ด แต่กระผมขอตัวไปอาบน้ำก่อนนะ ” เด็กหนุ่มเดินไปเปิดประตูก่อนจะตะโกนตอบ
สวีสดีครับ ผมชื่อ โกโต คาซุมิ อายุ 16 ปีอาศัยอยู่กับพ่อและน้องสาว ผลการเรียนพอจะไปวัดไปวาได้ ตอนนี้กำลังจะเริ่มเข้าเรียน ม.ปลายที่โรงเรียนวีลัส ความสามารถพิเศษไม่มีแต่ถ้าเป็นสิ่งที่ถนัดที่สุดก็คงจะเป็นการหาเรื่องชกต่อยไปทั่วนั่นแหละ ประวัติย่อๆก็คงประมาณว่าเป็นเด็กที่น่าสงสารละมั้ง พ่อกับแม่ของผมแยกทางกันเมื่อ 3 ปีก่อน ถ้าถามถึงเหตุผลละก็ คงจะเป็นเพราะผมนั่นแหละถึงแม้พ่อจะไม่ได้บอกแบบนั้นก็ตาม ชีวิตของผมเปลี่ยนไปเป็นคนละขั่วกับเมื่อก่อนเพราะผมทำสิ่งที่ตัวเองคิดว่าถูกต้องลงไปแต่ผลตอบแทนที่ได้มันช่างน่าเศร้าจนไม่อยากจะพูดถึง เรื่องราวชีวิต 16 ปีของผมก็มีอยู่แค่นี้แหละ
ตุบๆๆๆๆ เสียงวิ่งลงบันไดด้วยความรีบร้อนของเด็กหนุ่มมัธยมปลายหลังจากอาบน้ำเสร็จ
“ ตื่นได้ซักทีนะ ไอ้ตัวกินบ้านกินเมืองเอ้ย วันนี้แกต้องไปปฐนนิเทศไม่ใช่รึไง แล้วทำไม............ ” บลา บลา บลา ผู้ชายคนที่นั่งถือสือพิมพ์พร้อมกับกำลังพูดคำว่า บลาๆๆ ซ้ำไปซ้ำมาอยู่นั่นไม่ใช่ใครที่ไหนเค้าคือ โกโต ชุน พ่อของผมเอง ถึงจะเห็นแบบนี้แต่ผมนับถือเค้ามากเลยนะ(จริงๆนะ)
“ พี่!! รีบๆกินได้แล้วต้องไปส่งหนูที่โรงเรียนด้วยนะจำได้มั้ย ” ส่วนเด็กผู้หญิงที่กำลังบ่นพร้อมล้างจานอยู่ก็คือ คามิน น้องสาวของผมที่เป็นเจ้าของคลื่นเสียงอันทรงพลังเมื่อเช้านั่นเอง ตั้งแต่แม่กับพ่อหย่ากัน เธอก็ทำตัวได้ดูจะเป็นผู้ใหญ่มากกว่าผมซะอีก ทั้งผลการเรียนที่ดีเยี่ยม หน้าตาก็ดี กีฬาก็เป็นถึงกัปตันชมรมบาสเก็ตบอลหญิง ม.ต้น อีกไม่นานผมคงถูกส่งชื่อเข้าชิงรางวัลออสก้าสาขาพี่ชายยอดแย่ตลอดกาลในไม่ช้า
“ อ่า รู้แล้วละหน่า ” คาซุมิหันไปตอบ ก่อนจะนั่งลงบนโต๊ะกินข้าว บลาๆๆ โดยไม่สนใจสิ่งที่พ่อของเขากำลังพูดอยู่เลยแม้แต่น้อย
“ เอ๋? นี่พี่ไม่ตื่นเต้นเลยหรอ ” มาอีกแล้วคำถามจุกจิกน่ารำคาญของยัยนี่
“ เรื่องอะไรล่ะ ”
“ ก็ปฐมนิเทศไง ไม่รู้สึกตื่นเต้นที่จะได้เจอเพื่อนใหม่บ้างเลยหรอ ” คามินชะโงกหน้าเข้าไปใกล้พร้อมถามคาซุมิ
“ เอาหน้าออกไปไกลๆชั้นเลยนะ ” คาซุมิที่กำลังกินข้าวด้วยมือขวาอยู่ ใช้มือซ้ายดันหน้าของคามินออกห่างจากตัว
“ ทำอะไรของพี่เนี่ย ว่าแต่ตกลงตื่นเต้นมั้ยล่ะ ” คามินหงุดหงิดเล็กน้อยหลังโดนดันออกมาก่อนจะถามต่อ
“ นิดหน่อยละมั้ง ” ไม่เลยซักนิดคือคำตอบที่ออกมาจากใจผม เพราะว่าโรงเรียนที่ผมเข้าเรียนต่อส่วนใหญ่ก็มีแต่พวกหน้าเดิมๆที่รู้จักวีรกรรมอันเลื่องลือของผมเป็นอย่างดี ทำให้ไม่ว่ายังไงมันก็คงจะไม่เปลี่ยนไปหรอก ชีวิตประจำวันของผมน่ะ
หลังจากที่กินข้าวเสร็จผมและคามินก็สะพายกระเป๋าเป้เดินออกมาจากบ้าน
จะว่าไปชีวิตประจำวันของผมก็มีเรื่องที่จะต้องทำเพิ่มมาอีกหนึ่งอย่าง ก็คือผมจะต้องขับรถมอเตอร์ไซด์ที่พึ่งได้มาจากพ่อไม่นานนี้ไปส่งน้องสาวทุกเช้าแล้วถึงจะไปเรียนได้ มันช่างเป็นความลำบากของแรงงานทาสอย่างผมที่ถูกเรียกว่าพี่จริงๆ คาซุมิคิด ก่อนที่น้ำตาจะไหลออกมาอย่างไม่รู้ตัว
“ อะเออพี่ เป็นอะไรรึป่าว ”
“ ไม่หรอก ชั้นเข้าใจดี ว่าชั้นมันเป็นได้แค่แรงงานทาสเท่านั้น ” คาซุมิตอบพร้อมทำท่ากระซิก
“ เห้ย!!! คาซุมิขับมอเตอร์ไซด์ก็ระวังๆหน่อยล่ะ ” เสียงตะโกนโหวกเหวกของพ่อผมเองครับ คนระแวกนี้เค้าคงชินกันแล้วละ
“ จับแน่นๆนะคุณน้องสาว ” คาซุมิหันไปพูดกับคามินก่อนจะขับมอเตอร์ไซด์ออกไป
“ นี่พี่ ”
“ หา มีอะไรงั้นหรอครับแม่ ” ผมหันไปตอบพร้อมอมยิ้มให้ตามประสาคนอารมณ์ดี
“ อยากตายใช่มั้ยแกน่ะ ”
“ ขอโทษครับท่านลอร์ด ว่าแต่มีอะไรหรอ ”
“ อะเออ พยายามหาเพื่อนให้ได้นะ ” เสียงพูดที่สั่นลงไปมากของคามิน
“ หา? เพื่อนก็มีอยู่ตั้งหนึ่งคนไงล่ะ ” ผมหันไปตอบด้วยสีหน้าแบบคนอารมณ์ดีเช่นเดิม
“ อย่างเจ้านั่นหนูไม่นับหรอก ” คามินตอบด้วยเสียงฟึดฟัดพร้อมทำหน้ามู่ทู่
“ เห้อ แน่นอนจะหาให้ได้เลยละ ” ผมนี่เป็นคนไม่ดีจริงๆเลยนะโกหกได้แม้กระทั่งน้องสาวที่แสนน่ารักของตัวเอง ก็คนที่จะมาเป็นเพื่อนกับเด็กที่ถูกตราหน้าว่าเป็นเด็กเหลือขออย่างผมน่ะมันไม่มีหรอก
เอี๊ยด มอเตอร์ไซด์สีขาวขับมาจอดอยู่หน้าโรงเรียนมัธยมต้นแห่งหนึ่ง “ เอาล่ะถึงแล้วครับท่านลอร์ด ช่วยกรุณาลงไปไวๆด้วยครับเพราะว่าตอนนี้ท่านพี่กำลังจะสายแล้ว ”
“ ระรู้แล้วหน่า ” คามินตอบก่อนจะรีบลงจากรถมอเตอร์ไซด์
“ โอเค งั้นชั้นไปก่อนนะ ”
พยายามเข้าล่ะพี่ เด็กสาวผมสั้นสีน้ำเงินเข้มยืนจ้องไปที่มอเตอร์ไซด์สีขาวที่ค่อยๆหายไปจากระยะการมองเห็นของเธอด้วยรอยยิ้ม
เห้อ หลังจากผ่านเควสใหม่ในวันนี้สำเร็จ ในที่สุดเราก็มาทันจนได้ คุ้มค่ากับที่ฝึกหนักใช้ทางลัดมาตลอดปิดเทอมจริงๆ คาซุมิจอดรถจักรยานยนต์ไว้ที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตใกล้ๆก่อนจะรีบวิ่งไปที่หน้าโรงเรียน
สังคมขนาดย่องั้นหรอ ฝึกการใช้ชีวิตงั้นหรอ สำหรับหลายๆคนน่ะอาจจะใช่แต่สำหรับผมแล้วไอที่ที่เป็นเหมือนบ้านตุ๊กตาขนาดใหญ่ของพวกผู้ใหญ่เนี่ย มันก็แค่สถานที่อันเน่าเฟะที่มีไว้เพื่อตัดสินความเป็นคนจากฐานะ หน้าตา ความเก่ง แล้วก็ความโด่งดังก็เท่านั้น คาซุมิคิดก่อนจะเดินทำหน้าตาเบื่อโลกไปที่ประตูหน้าของโรงเรียนท่ามกลางเสียงซุบซิบนินทาของนักเรียนคนอื่นๆที่ยืนอยู่รอบข้างเขา
“ สวัสดีครับ/ค่ะ อาจารย์ ” ภาพที่แสนงดงามของอาจารย์ที่ยืนต้อนรับเด็กนักเรียน ทุกคนเห็นเป็นอย่างงั้นล่ะสินะ เดี๋ยวผมจะเปิดโปงด้านมืดของภาพนี้ให้ดูละกัน คอยดูปฎิกิริยาของอาจารย์คนนี้ตอนเจอหน้าผมดีๆละ
“ สวัสดีครับ ” ผมยกมือไหว้พร้อมพูดว่าสวัสดีตามแบบฉบับดั่งเดิมเปะแต่อาจารย์ที่ยืนรับไหว้นักเรียนอยู่หน้าประตูกลับทำหน้าเหมือนกับว่าผมเป็นแค่อากาศไม่มีตัวตนและไม่พูดอะไรตอบกลับมาเลยแม้แต่น้อย ที่มันเป็นแบบนี้ก็คงเพราะว่าผมกับอาจารย์แกเราเคยอยู่โรงเรียนประถมเดียวกันน่ะครับ ซึ่งดูเหมือนว่าเค้าจะจำผมได้และผมก็จำเค้าได้เหมือนกัน คาซุมิคิดขณะที่ก้มหน้าเดินเข้าประตูโรงเรียนไป
“ นั่นมัน โกโต คาซุมิ นี่ ” “ หมอนั่นเรียนโรงเรียนนี้หรอเนี่ย ” “ แย่เลยแหะอุตส่าห์นึกว่าจะไม่ต้องมาเจอมันอีกแล้วเชียว ” ยังเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยนเลยแหะจะเรียกว่าคิดถึงดีมั้ยนะ เสียงซุบซิบของพวกนักเรียนไม่เว้นแม้แต่ครูเนี่ย คาซุมิเดินเข้าศูนย์ประชุมของโรงเรียนไปโดยพยายามไม่สนใจกับเสียงนินทารอบข้าง
คาซุมิเดินเข้าไปนั่งข้างๆนักเรียนชายผมสั้นสีน้ำตาลคนหนึ่งที่กวักมือเรียกเค้า
“ เห้ย!!! มาสายนะคาซุมิ ” อ่อ ผมลืมเล่าเรื่องของไอ้หมอนี่ไปเลย มันชื่อ เซคิ ทาโร่ เป็นเพื่อนผมมาตั้งแต่สมัยประถมและยังเป็นเพื่อนคนเดียวที่ผมเหลืออยู่ตอนนี้
“ พอดีว่าต้องไปส่งน้องสาวที่โรงเรียนก่อนน่ะ แล้วทำไมแกถึงมาเช้าได้ละเนี่ยปกติแกเข้าเรียน 10 โมงไม่ใช่รึไง ”
“ ก็วันนี้มันวันปฐมนิเทศนะเฟ้ย ชั้นมีภารกิจอันยิ่งใหญ่ที่จะต้องมาสอดส่องสาวๆอยู่แล้ว ” เสียงพูดพร้อมหน้าตาหื่นกระหายของมันทำให้ผมรู้สึกตลกได้ตลอดจริงๆ
สวัสดีและขอต้อนรับนักศึกษาใหม่ทุกๆท่านเข้าสู่โรงเรียนมัธยมปลายวีลัสของเราซึ่งเป็นโรงเรียนมัธยมปลายชั้นแนวหน้าของประเทศนะครับ แล้วตอนนี้ก็ได้เวลาอันสมควรแล้วขอเชิญนักศึกษาใหม่ทุกๆท่านพบกับนักจิตวิทยาชื่อดังของโลกและ ผอ. โรงเรียนคนปัจจุบันท่าน ด็อกเตอร์ ดาวิด ฮิวโมลัส ครับ
“ มาแล้วสินะ ” สาเหตุหลักๆที่ผมยอมมาปฐมนิเทศในวันนี้ก็เพราะว่าอยากเจอ ผอ. คนนี้แหละ เค้าเป็นหนึ่งในนักจิตวิทยาด้านพฤติกรรมของมนุษย์ชั้นแนวหน้าของโลกที่ผมยอมรับและนับถือมากๆ คาซุมิรีบหันไปมองเวทีทันที หลังจากได้ยินเสียงประกาศผ่านทางลำโพงของโฆษกประจำโรงเรียน
อึ่ดๆๆๆ บรรยากาศเงียบขนาดที่ได้ยินเสียงแอร์เลยงั้นหรอ หลังจากเสียงประกาศก็ไม่เห็นมีใครหรืออะไรโผล่ออกมาจากหลังเวทีเลยแหะ
อะเอ่อ ขออภัยด้วยครับทุกๆท่านในตอนนี้ท่าน ผอ. ดาวิดยังมาไม่ถึงน่ะครับ งั้นเรามาพบกับท่านรอง ผอ.กันก่อนนะครับ เสียงประกาศดังขึ้นอีกครั้งท่ามกลางเสียงซุบซิบที่ดังกระหึ่ม หลายๆคนที่ไม่ชินกับบรรยากาศแบบนี้คงจะตกใจกันพอสมควรแต่ผมซึ่งเป็นผู้ชายที่ต้องแบกรับเสียงซุบซิบนี้มาถึง 5 ปีแค่นี้น่ะทำอะไรแก้วหูอันแข็งกล้าของผมไม่ได้หรอกนะ
“ น่าเบื่อกว่าที่คิดอีกแหะ คาซุมิโดดไปนั่งเล่นกันมั้ย ”
“ นั่นสินะ ที่ชั้นมาปฐมนิเทศก็เพราะอยากเจอ ผอ. ถ้าไม่มาก็โดดดีกว่างั้นไปเจอกันข้างนอก ” ทำไมผมต้องแยกกับทาโร่ด้วยน่ะเหรอก็เพราะว่าสิทธิพิเศษที่ไม่ว่าจะทำอะไรก็ไม่มีใครสนใจนั้นมีแค่ผมคนเดียวที่มี(คงเป็นข้อดีอย่างเดียวของผมละมั้ง) ทำให้ทาโร่ต้องแอบไปปีนออกทางห้องน้ำส่วนผมก็เดินสบายๆออกจากห้องประชุมไป
หาววว “ น่าเบื่อสุดๆไปเลยแหะสุดท้ายก็ไม่ได้เจอด็อกเตอร์ ดาวิด ” ผมเดินบ่นพึมพัมมาที่หน้ารั้วเหล็กหลังโรงเรียนก่อนจะปีนข้ามไป สวนเล็กๆด้านหลังรั้วเหล็กของโรงเรียนคือสถานที่อนุรักษ์พันธุ์ไม้ที่เต็มไปด้วยความร่มรื่นของธรรมชาติและความเงียบสงบปราศจากผู้คนและเสียงนินทาที่แสนจะน่ารำคาญ
แต่ในขณะที่ผมกวาดสายตาไปทั่ว ตาของผมก็ไปสะดุดเข้ากับภาพของหญิงสาวในชุดสีฟ้าอ่อนๆที่กำลังนั่งอ่านหนังสือท่ามกลางกลีบดอกซากุระที่ร่วงโรย ดูจากตราโรงเรียนบริเวณอกเสื้อชุดกันหนาวแล้วเธอคงจะอยู่โรงเรียนนี้เช่นเดียวกันกับผม ผิวขาวที่ดูจะนุ่มเหมือนปุยเมฆ ผมยาวสีชมพูอ่อนๆคล้ายสีของดอกซากุระ แล้วก็ดวงตาสีฟ้ากลมโตที่มุ่งมั่นและดูจะมีสมาธิเอามากๆ ดูเหมือนว่าเธอจะกำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ในที่ลับที่ผมพึ่งจะค้นพบเมื่อตอนมาสอบเข้าที่นี่ ถ้าเป็นหลายๆคนคงจะไม่พลาดโอกาสในการเข้าไปชวนคุยที่เหมือนฟ้าจะประทานมาให้ แต่สำหรับผมขอผ่านดีกว่า ผมคิดได้ดังนั้นก็ค่อยๆหันหลังอย่างเงียบที่สุด
“ แย่จริงๆเลยแหะ ถ้ามีคนแปลกหน้ามาแล้ว มันก็ไม่ใช่สถานที่ลับของเราอีกแล้วสิ ” ผมบ่นพึมพัมเบาๆกับตัวเอง ก่อนจะหันหลังกลับไปทางประตูเหล็กที่ปีนเข้ามาแต่ก็เจอเข้ากับใบหน้าพร้อมเสียงหอบ แฮ่กๆ รัวๆของชายที่มีใบหน้าคุ้นเคยถึงจะไม่อยากจะคุ้นเคยเท่าไหร่ก็เถอะ ในสภาพเปียกโชกไปด้วยเหงื่อและแววตาที่เต็มไปด้วยความสงสัย เขากำลังจ้องไปที่เด็กสาวคนนั้นตาเป็นมัน
“ เห้ย นี่คาซุมิคนรู้จักงั้นหรอ ” เป็นคำถามที่ผมไม่คิดเลยว่าจะได้ยินอีกครั้งในชาตินี้
‘ จะไปรู้จักได้ยังไงละ แค่เธอบังเอิญมาเจอที่ลับของพวกเราเท่านั้นเอง ’ ผมกระซิบเบาๆไปที่ข้างๆใบหน้าหื่นๆของทาโร่
“ งั้นหรอๆ แต่ชั้นว่าวันนี้แหละมันถึงเวลาที่เราจะเปลี่ยนจากดูโอเป็นทริโอแล้วละนะคาซุมิคุง ” ทาโร่พูดจบก็วิ่งปรี่เข้าไปหาเธอทันที
“ เห้ย!! เดี๋ยวก่อนสิเจ้าบ้า ” ขอโทษครับพ่อ ผมไม่สามารถหยุดไอ้บ้านี่ได้ทัน คาซุมิโห่ร้องด้วยความสำนึกผิด
ว้าย!! เสียงกรี๊ดด้วยความตกใจของสาวน้อยที่อ่านหนังสืออยู่ดีๆก็มีไอบ้าที่ไหนไม่รู้เอาหน้าไปโผล่ตรงหน้าเธอพอดี
“ สวัสดีครับผมชื่อ เซคิ ทาโร่ ครับเป็นนักเรียนมัธยมปลายปี 1 เหมือนกันยินดีที่ได้รู้จักครับ ” ทาโร่แนะนำตัวพร้อมก้มหัวโดยไม่สนใจความเห็นคนรอบข้างว่ามีใครถามมันบ้างมั้ยเลยซักกะนิด
ปัก “ เจ้าบ้าทำอะไรของแก ” คาซุมิตะโกนพร้อมรีบวิ่งไปถีบทาโร่อย่างจัง
“ ขอโทษนะ ที่เพื่อนชั้นทำให้ตกใจ ” แต่ถ้าเธอเห็นผมอาจจะตกใจยิ่งกว่าก็ได้ คาซุมิคิดพร้อมก้มหัวขอโทษ
“ อะเออ ไม่เป็นไร ” หึ ว่าแล้ว ท่าทีรังเกียจแบบนั้นสงสัยจะรู้จักชั้นสินะ มันก็ไม่แปลกหรอกที่จะทำหน้าแบบนั้น เห้ย เดี๋ยวก่อนสิเธอไม่ได้มองเรานี่หว่า คาซุมิเหลือบไปเห็นสายตาของสาวน้อยจ้องไปที่ด้านหลังของเขา
“ ไอ้บ้าเอ้ย เลิกทำท่าทางแบบนั้นซักทีสิเว้ย ” คาซุมิกระโดดดร็อปคิ๊กใส่ทาโร่ที่ยืนทำหน้าหื่นอยู่ข้างหลัง
“ ช่วยไม่ได้นี่ มันเป็นสัญชาตญาณของลูกผู้ชายตัวจริงนะเฟ้ย ”
“ หุปปากไปเลย อย่ามาทำให้คำว่าลูกผู้ชายต้องแปดเปื้อนเพราะนิสัยของแกคนเดียวสิฟะ ” คาซุมิตะคอกพร้อมเขย่าตัวทาโร่ไปมา
คิก คิก คิก เธอกำลังหัวเราะงั้นหรอ เพราะเรางั้นหรอ เธอไม่กลัวเรางั้นหรอ เธฮไม่รู้จักตัวผมงั้นหรอคำถามมากมายผุดขึ้นมาบนหัวของผมที่กำลังอ่ำอึ้งจนพูดอะไรไม่ออก
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ