จำนนเสน่หาแบดบอย
เขียนโดย ศิริพารา
วันที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2558 เวลา 21.04 น.
แก้ไขเมื่อ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558 22.11 น. โดย เจ้าของนิยาย
4) จำนนเสน่หาแบดบอย ตอนที่ 2 50%
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความพิลาสินีขับรถออกจากบ้านหลังใหญ่ที่อาศัยมาตั้งแต่เล็กจนโตด้วยหัวใจที่หนักอึ้ง เธอรู้คำตอบดีว่าชินเขตไม่สามารถจะหาเงินจำนวนมากนั้นมาอุดรอยรั่วของทั้งสองบริษัทเอาไว้ได้ แต่แค่อยากจะรู้จากปากของเขาว่า... คำพูดที่เขาโอ้อวดว่าจะรับผิดชอบเรื่องต่างๆที่เกิดขึ้นนี้เพียงผู้เดียวนั้น เขาจะใช้วิธีใดแก้ปัญหา
ในช่วงหัวค่ำที่การจราจรของเมืองหลวงเป็นไปอย่างคับคั่ง รถที่เคลื่อนไหวไปได้ทีละน้อยทำให้พิลาสินีมีเวลานึกถึงชีวิตคู่ที่เกือบจะถึงจุดล่มสลายเมื่อความไม่เข้าใจที่อัดแน่นมาตลอดหลังแต่งงาน เธอและชินเขตไม่เคยมีความสัมพันธ์ฉันสามีภรรยาเลยสักครั้ง แรกเริ่มก็คิดว่าเขาโหมทำงานเพื่อสร้างธุรกิจให้มั่นคง แต่เมื่อเวลาผ่านไปเธอก็มีความคลางแคลงใจในความสัมพันธ์ของเขาและเลขานุการสาวที่ชื่ออินทุอร ทั้งคู่เป็นเหมือนเงาตามตัวของกันและกันจนเกิดเสียงลือเกี่ยวกับความสัมพันธ์ชู้สาวของทั้งคู่หนาหู เธอเริ่มมีปากเสียงกับชินเขตเฉกเช่นภรรยาทั่วไปด้วยไม่เข้าใจว่าตนบกพร่องในส่วนใด สามีจึงต้องแยกห้องนอนมาตั้งแต่ในคืนส่งตัวเข้าหอ
เพกาเป็นคนแรกที่เธอระบายความในใจให้ฟัง ปฏิกิริยาทั้งหมดที่เธอแสดงออกมาประกอบกับเวลาที่ผ่านไปจากวันกลายเป็นเดือน จากเดือนกลายเป็นปีทำให้เพกาตั้งคำถามซึ่งทำให้เธอได้ฉุกคิดว่า... ที่เป็นทุกข์อยู่ทุกวันนี้เป็นเพราะเธอต้องการความรักจากชินเขต หรือเป็นเพราะต้องการความซื่อสัตย์จากเขา?!
หากเธอไม่ได้มีใจรักชินเขตเลยแม้แต่น้อย ก็ไม่ควรจะไปถามหาความซื่อสัตย์จอมปลอมนั่นเพราะจุดเริ่มต้นของความไม่ซื่อสัตย์นั้นเริ่มจากที่เธอไม่ซื่อสัตย์ต่อหัวใจตัวเอง
คำพูดของเพกาที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาครึ่งชีวิตทำให้เธอกลับมานั่งทบทวนความรู้สึกของตัวเอง ในวันที่หลุดพ้นจากบ่วงความทุกข์ที่ตัวเองสร้างขึ้นโดยไม่รู้ตัวก็ได้พบกับความจริงที่เป็นสาเหตุหลัก ซึ่งดูเหมือนว่าจะตอบโจทย์ทุกข้อที่ค้างคาใจได้หมดสิ้น
หากสัญญาณไฟที่เปลี่ยนเป็นสีเขียวก็ทำให้พิลาสินีละทิ้งความคิดและบังคับพวงมาลัยไปยังจุดหมายซึ่งเป็นบ้านหลังใหญ่ของชินเขต โดยส่วนใหญ่แล้วเธอจะใช้ชีวิตในบ้านหลังนี้ร่วมกับแม่สามีเสียเป็นส่วนใหญ่ ทั้งยังภาวนาให้จัดการกับปัญหารุมเร้าสิริแอทเซทได้ลุล่วง เธอคงมีโอกาสที่จะขออิสระคืนจากชินเขตเสียทีเพราะหากยังปล่อยให้คาราคาซังเช่นนี้ก็คงไม่ต่างกับต้องขังตัวเองอยู่ในกรงพันธนาการซึ่งไม่มีความเป็นธรรมกับตัวเองเสียเลย
พิลาสินีเดินทางมาถึงบ้านหลังใหญ่ของชินเขตในอีกครึ่งชั่วโมงต่อมา ความเงียบเชียบที่เกิดขึ้นในบ้านหลังใหญ่เป็นบรรยากาศปกติที่คุ้นเคย แน่นอนว่าสามีทางนิตินัยของเธอจะกลับมาทำกิจกรรมต่างๆในบ้านนับครั้งได้ ยิ่งพักหลังได้รู้ความลับว่าเขามีรสนิยมชอบเพศเดียวกันก็ยิ่งกลายเป็นคนแปลกหน้ากันมากขึ้น นี่คือเหตุผลหนึ่งที่เธอคิดว่าตัวเองโง่งมจมปลักอยู่กับความหึงหวงชินเขตและอินทุอร
บ่อยครั้งที่แม่สามีว่ากล่าวตำหนิอย่างตรงไปตรงมาว่าเธอไม่มีเสน่ห์มัดใจชาย จึงทำให้ลูกชายของนางออกไปหาเศษหาเลยนอกบ้าน ซึ่งความหมายของชวนพิศนั้นคงจะหมายถึงอินทุอร บางครั้งคำพูดเหล่านั้นมันทำให้พิลาสินีอยากหัวเราะเยาะกับความลับที่ชินเขตขอร้องให้ปกปิดเอาไว้เพราะไม่อยากให้ผู้เป็นแม่ต้องมารับรู้และความหวังพังทลายในเรื่องทายาทสืบสกุล ความไม่ชอบธรรมที่เกิดขึ้นทำให้หญิงสาวส่ายหน้าให้กับตัวเอง หากเป็นผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่งที่ชีวิตส่วนตัวไม่มีผลกระทบต่อการทำธุรกิจ เธอคงมีทางเลือกอันสวยงามกว่านี้ให้ตนเอง
เจ้าของร่างอ้อนแอ้นเดินผ่านห้องนั่งเล่นซึ่งแม่สามีมักจะนั่งดูละครหลังข่าวแต่ตอนนี้กลับว่างเปล่า นั่นก็แปลว่าคงต้องขลุกอยู่ในบ่อนประจำสักแห่ง ชินเขตไม่เคยต่อว่าผู้เป็นแม่แม้บ่อยครั้งเงินจำนวนมากจะหมดไปกับการเสียพนัน เหมือนกับว่าตามใจในเรื่องนี้เพื่อให้แม่ไม่ก้าวก่ายเรื่องส่วนตัว แน่นอนว่าชินเขตรอดตัวแต่เธอเองเป็นคนที่รับเคราะห์กับคำพูดประชดประชันของชวนพิศ
เมื่อเดินมาถึงยังประตู มือบางก็เอื้อมเปิดเข้าไปในห้องนอนตามความเคยชิน หากต้องขมวดคิ้วมุ่นเมื่อเห็นแสงไฟโคมข้างหัวเตียงทั้งสองข้าง เสียงหัวร่อต่อกระซิกสลับกับเสียงซูดปากครวญครางดังแว่วเข้ามาในโสตประสาทการได้ยิน ทั้งยังแจ่มชัดขึ้นเรื่อยๆ เมื่อก้าวเดินไปยังต้นกำเนิดเสียง...
“อู๊ว... เร็วกว่านี้ โอ... แรงกว่านี้”
เสียงกระท่อนกระแท่นที่ได้ยินทำให้พิลาสินีรู้ว่ากำลังเกิดกิจกรรมสุดเหวี่ยงภายในห้องน้ำส่วนตัวของตน มือบางที่สั่นเทาเอื้อมไปดันประตูที่แง้มเอาไว้ออกและต้องตกใจแทบสิ้นสติกับภาพที่ได้เห็น!
ไอน้ำที่เกาะอยู่บนกระจกตู้ชาวเวอร์บางจุดถูกลบด้วยทรวงอกเปลือยเปล่าและข้างแก้มของอินทุอรที่แนบกับกระจกเมื่อแรงส่งตัวจากด้านหลังบดอัดเข้ามาอย่างเต็มที่ เสียงซี้ดซ้าดของทั้งคู่ยังดำเนินต่อไปแม้ว่าจะชะงักไปชั่วครู่เมื่อเห็นบุคคลที่สาม ร่างเปลือยของชินเขตที่ยืนซ้อนอยู่ด้านหลังยังขยับเขยื้อนต่อไปราวกับว่าเธอเป็นธาตุอากาศอันไร้ตัวตน!
พิลาสินีหมุนตัวแนบแผ่นหลังเข้ากับผนังห้องน้ำด้วยความตกใจสุดขีด เสียงครางหนักๆอย่างสัตว์ที่กำลังได้รับบาดเจ็บดังกระหึ่มขึ้นพร้อมกับเสียงแหลมที่กรีดร้องออกมาเมื่อทั้งคู่ถึงจุดแตกดับอันเดือดพล่าน เป็นเสมือนเสียงร้องที่ตอกย้ำความอัปยศอดสูใจ ความนับถือที่หลงเหลืออยู่น้อยนิดบัดนี้มันสูญสิ้น ชินเขตเป็นคนตัดฟางเส้นสุดท้ายให้ขาดผึงโดยที่เธอบอกกับตัวเองว่าจะไม่อดทนอยู่ในสภาพเช่นนี้อีกต่อไป!
เสียงสนทนาของทั้งคู่กลับทำให้ฉุกคิดถึงสิ่งที่ต้องรับผิดชอบร่วมกัน แม้จะรู้แก่ใจว่าไม่อาจจะหวังในทุกการกระทำของผู้ชายคนนี้แล้วก็ตาม พิลาสินีสูดลมหายใจเข้าลึกอย่างเรียกกำลังใจให้ตัวเอง กดน้ำเสียงสั่นสะท้านให้เป็นปกติมากที่สุด
“เรามีเรื่องต้องคุยกัน ฉันจะรอในห้องนั่งเล่น” จบคำพูดก็เดินออกมาจากห้องนอนซึ่งมันคือห้องหอของเขาและเธอ พิลาสินีเดินผ่านเตียงนอนใหญ่ โซฟาปลายเตียงที่นั่งเคียงคู่กันในวันเริ่มชีวิตคู่ เธอสลัดคำอวยพรอันประเสริฐจากแขกเหรื่อ ญาติผู้ใหญ่ ชีวิตคู่ที่ล้มเหลว ไม่เหลือชิ้นดีและสัญญากับตัวเองว่านับจากวินาทีนี้จะไม่คร่ำครวญถึงสัมพันธภาพจอมปลอมนั้นอีก
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ