ตราบฟ้าไร้ดาว
5.8
เขียนโดย Kankrao
วันที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2558 เวลา 15.46 น.
27 ตอน
2 วิจารณ์
32.01K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 1 กันยายน พ.ศ. 2558 16.01 น. โดย เจ้าของนิยาย
8) ผิดหรือที่สงสัยในตัวเธอ ๑๐๐%
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ“สวัสดีครับคุณสุ ต้องชมช่างของคุณสุมากกว่าครับที่ทำให้ผมออกมาดูดีแบบนี้”
“โอ๊ย!!! คนหล่อๆ ไม่ทำอะไรยังหล่อเลยค่ะ จริงมั้ยคะคุณย่า”
ดลยาที่กำลังถูกช่างเอาเทียร่าติดไว้บนผมส่งยิ้มให้ “ถ้าไม่หล่อย่าจะตกลงแต่งงานด้วยเหรอคะคุณสุ” สุภาภรณ์ถึงกับหัวเราะร่าออกมา ส่วนคู่หมั้นเพียงแค่ยิ้มน้อยๆ ให้เท่านั้น
แต่พอคิดขึ้นได้เลยหันไปหาตากล้องสาวที่กำลังวุ่นอยู่กับการตั้งกล้องกับทีมงาน “เอ๋ย! มารู้จักเจ้าบ่าวคุณย่าเร็วๆ เข้า เด็กๆ ด้วย ใครยังไม่เคยเห็นว่าที่เจ้าบ่าวรูปหล่อรีบมายกมือไหว้ด่วน แล้วจะได้รีบทำงานกัน”
และอีกครั้งเมื่อวริญรำไพเงยหน้าจากงานหันหลังกลับไปหาลูกค้าซุปเปอร์วีไอพีที่เจ้านายต้องมาประคบประหงมทุกย่างก้าว ก็เกิดอาการ
“...”
อึ้งจนพูดอะไรไม่ออก “นี่คุณชลธิปหรือคุณร๊อก เจ้าบ่าวแสนรูปหล่อและเพอร์เฟคของคุณย่าที่เอ๋ยบอกว่ายังไม่ได้เห็นหน้าไงจ๊ะ ทีนี้ก็... ” วริญรำไพไม่ได้ยินคำแนะนำของเจ้านายด้วยน้ำ เมื่อมีคำถามร้อยแปดแล่นอยู่ในหัว
“สวัสดีครับคุณเอ๋ย สบายดีแล้วนะครับ”
“...”
จนไม่ได้ยินเสียงของผู้ชายที่มีหน้าตาละม้ายคล้าย ‘พี่หินที่แสนดี’ เอื้อนเอ่ยใดๆ สายตาก็จ้องมองอย่างพินิจเพื่อความแน่ใจ แม้หนุ่มตรงหน้าจะมีร่างกายที่สูงใหญ่กว่า ผิวขาวกว่า เสียงทุ้มและทรงอำนาจกว่า
แต่วริญรำไพก็ไม่อาจจะปัดข้อสงสัยออกไปได้ ว่าระหว่างหนุ่มคนนี้กับพี่หินนั้น มีความสัมพันหรือมีความเกี่ยวข้องกันยังไง ทางไหน เพราะไม่อยากจะเชื่อว่าคนที่ไม่เกี่ยวข้องกันจะหน้าตาคล้ายกันได้ขนาดนี้
+++++++++++++++
“พี่เอ๋ย! จะถ่ายใต้ต้นไหนกันแน่ อินจะได้รีบโกยดอกตาเบบูญามาไว้ให้หนาๆ หน่อย”
อินทิรามาสะกิดแขนเบาๆ นั่นถึงทำให้ความคิดอันล่องลอยกลับไปเมื่อสิบสองปีก่อน ย้อนคืนกลับมาหาความจริงตรงหน้า ความจริงที่ว่าตัวเองจะต้องลงมือทำงานแล้ว
และดูเหมือนจะเป็นงานที่ยากที่สุดเท่าที่วริญรำไพเคยทำมาก็ว่าได้ เมื่อทุกครั้งที่แนบดวงตาไปหาเฟรมกล้อง ก็ต้องเห็นใบหน้าอันหล่อเหลาของเจ้าบ่าว ที่มีเงาของพี่หินมายืนยิ้มอยู่ใกล้ๆ ทุกครั้งไป
“ร๊อกคะ ขยับมาใกล้ๆ ย่าหน่อยสิคะ ย่าจะซับเหงื่อให้ค่ะ”
นั่นก็ช่างเป็นภาพบาดตาเฉือนหัวใจยิ่ง ที่เห็นพี่หินขยับกายไปใกล้ๆ คู่หมั้น ยื่นใบหน้าอันหล่อเหลาคมคายเข้าไปใกล้ๆ แล้วปล่อยให้ว่าที่คู่หมั้นจับทิชชูซับไปจนทั่วใบหน้า
“ร๊อกคะ ชิมแซนวิชปลาอินทรีย์สิคะ เชฟของร๊อกทำได้อร่อยมากๆ เลยค่ะ อ้าปากเร็วค่ะ”
พอถึงเวลาเบรคก็มีพนักงานยกกาแฟกับของว่างมาเสิร์ฟให้ถึงซุ้ม ว่าที่เจ้าสาวกับเจ้าบ่าวก็นั่งกินคู่กัน เมื่อว่าที่เจ้าสาวตักอาหารยื่นไปให้ ว่าที่เจ้าบ่าวก็อ้าปากรับอย่างไม่เกี่ยงงอน
“อร่อยมั้ยคะ” ว่าที่เจ้าสาวยิ้มให้อย่างกระตือรือล้น ทำเอาทุกคนอิจฉาไปตามๆ กัน
“อืม! อร่อยดีครับ เมนูนี้ผมยังไม่ได้ชิมเลย”
เสียงที่ว่าที่เจ้าบ่าวเอื้อนเอ่ยกับเจ้าสาวนั้น แม้ตากล้องที่ยืนอยู่ไกลออกไปและพยายามจะหันหลังให้ทั้งสองสักแค่ไหน แต่ก็ยังได้ยินชัดเจน และเป็นเสียงที่คล้ายเสียงพี่หินเหลือเกิน
+++++++++++++++
“เอ๋ย! พี่ต้องกลับไปประชุมงานคุณนุ๊กคุณกัณก่อนนะ ฝากดูแลทางนี้ด้วย เย็นๆ พี่จะรีบกลับมา”
เกือบสิบเอ็ดโมงระหว่างรอเจ้าบ่าวกับเจ้าสาวเบรคดื่มน้ำอยู่ สุภาภรณ์เลยเข้ามากระซิบกระซาบ แล้วก็รีบเดินผละไปโดยไม่สนว่าลูกน้องจะอยากเอ่ยอะไรออกมาบ้าง
วริญรำไพได้แต่หันกลับมาหางานด้วยการเดินแบกกล้องอันใหญ่ไปยังแนวโคนต้นตาเบบูญา หัวก็คิดพลิกแพลงการจับภาพสวยๆ เอาไว้ แล้วหันไปกวักมือเรียกอินทิราอย่างเร่งรีบ
“พี่ว่าเปลี่ยนจากท่าให้ลูกค้ายืนพิงที่โคนต้นไม้ เป็นมายืนอยู่ระหว่างกลางสองต้นไม้นี้ แล้วให้ซันกับแซ้งปีนขึ้นไปโปรยดอกไม้ลงมาจะดีกว่า ตรงพื้นนี้อินก็กวาดดอกไม้พวกนั้นมาโรยให้เต็มเลย”
วริญรำไพปรายตาไปหาสองหนุ่มที่ทำงานสารพัดในทีม ปากก็อธิบายท่าที่ตัวเองอยากได้ มือก็ชี้ตรงนั้นทีตรงนี้ทีเพื่อให้อินทิราเห็นภาพตาม จะได้เอาไปต่อยอดให้งานออกมาสวยๆ
แม้จะลำบากใจ แม้จะเจ็บปวดหัวใจ ที่ต้องคอยกดชัดเตอร์กักเก็บภาพคนหน้าเหมือน ผู้ชายที่ตัวเองมอบหัวใจมาให้ตลอดสิบสองปี และจะยังคงมอบให้เรื่อยไปสักแค่ไหน
+++++++++++++++
แต่ก็มีสปิริตมากพอที่จะไม่เอาเรื่องส่วนตัวกับเรื่องงานเข้ามาปะปนกัน แม้มันจะยากยิ่งสักแค่ไหนก็ตาม และยากยิ่งเมื่อหันไปหาสองคู่รักพูดคุยกัน หัวเราะให้กันขณะนั่งพักให้หายเหนื่อย
‘พี่สัญญาว่าพี่จะไม่มองใคร พี่จะเก็บเงินรอเอ๋ย แล้วก็สร้างบ้านหลังนี้ไว้รอเอ๋ย พอแต่งงานกันแล้วเราก็จะไปอยู่ด้วยกัน แล้วมีลูกตัวเล็กๆ ด้วยกัน เช้าๆ เราก็จะจูงลูกไปส่งที่โรงเรียนเหมือนรูปนี้ไงล่ะ ตกลงหรือเปล่า’
‘ก็ได้ พี่หินสัญญาเอ๋ยแล้วนะ ห้ามผิดสัญญาด้วย’
‘สัญญาด้วยชีวิตว่าพี่จะรักเอ๋ยและจะรอแต่งงานกับเอ๋ยคนเดียวเท่านั้น เอ๋ยก็ห้ามรักใครเด็ดขาดนะ ต้องรักและต้องรอแต่งงานกับพี่คนเดียวเท่านั้น สัญญามาเลย’
และเมื่อภาพของบ่ายวันที่อยู่ใต้ต้นเหรียงลอยเด่นขึ้นมาในความทรงจำ ย้ำเตือนให้หัวใจที่พานพบแต่ความเจ็บช้ำ ต้องสั่นสะเทือนอีกวาระ น้ำตาก็พาลไหลออกมาอย่างยากจะหลีกเลี่ยงได้
“อ้าว! พี่เอ๋ยจะไปไหน”
จนต้องรีบผละจากกล้องแล้วรีบวิ่งหนีเข้าไปในตัวตึกที่อยู่ห่างออกไปไกลไม่น้อย แต่สองเท้าของสาวหัวใจที่แตกสลายก็ไม่เคยหวั่นเกรง เพราะอยากจะหนีจากสภาพตรงหน้าให้เร็วที่สุด
และพอเข้าไปอยู่ในห้องน้ำได้ ก็ถึงกับปล่อยน้ำตาให้ไหลออกมา สลับกับเสียงสะอื้นไห้ออกมาทันที ด้วยทานทนกับสภาพที่เป็นอยู่ไม่หวาดไหว
+++++++++++++++
จากเมื่อเช้าที่ดีใจ ตกใจจนช๊อกเมื่อได้เห็นใบหน้าของพี่หินมาอยู่ใกล้ๆ จนบอกกับตัวเองว่าจะต้องตามหาเขาคนนั้นเพื่อถามไถ่ให้ได้ว่ามีความเกี่ยวข้องกับพี่หินยังไง หรือเขาคนนั้นคือพี่หินที่จากไปกัน
แต่ไม่กี่นาทีหลังจากนั้น ความดีใจ ความตกใจก็หลายเป็นเหมือนหอกมาทิ่มตำหัวใจที่เจ็บช้ำให้แหลกละเอียดลงอีก เมื่อพบว่าเขากลายเป็นคนหน้าเหมือนพี่หินที่มีเจ้าของจับจองไปเรียบร้อยแล้ว และไร้ซึ่งวี่แววที่เขาจะจดจำหรือรู้จักน้องสาวคนนี้ได้เลยด้วยซ้ำ
“พี่เอ๋ยคะ! อยู่ในนั้นหรือเปล่า เป็นอะไรหรือเปล่าคะ ทุกคนรออยู่ค่ะ”
สองมือบางรีบยกขึ้นปาดน้ำตาออกอย่างรวดเร็ว เมื่อเสียงเคาะประตู และเสียงเรียกดังแทรกเข้ามา “พี่ไม่เป็นไร เดี๋ยวพี่ตามอีกไปจ้ะ อินไปเตรียมงานรอพี่ได้เลย”
“ค่ะๆ มีอะไรก็โทรบอกอินนะคะพี่”
“จ้ะ”
น้ำจากก๊อกถูกสองมือเล็กเรียวรองไว้แล้วสาดใส่หน้า เพื่อหมายจะทำลายล้างคราบน้ำตาให้หมดไป และมันก็ช่วยได้อย่างไม่ต้องกังขา
ทว่าน้ำตาที่ตกอยู่ภายใน ขณะทำงานอยู่นั้น แทบไม่เคยเหือดหายไปจากตัวเลย แต่วริญรำไพก็ต้องฝืนทน เพื่อให้งานในวันนี้จบสิ้นลง วันนี้ๆ วันนี้เท่านั้น จะไม่มีพรุ่งนี้ที่ทุกข์ทรมานแบบนี้อีกแล้ว
++++++++++++++
“ไม่ได้นะเอ๋ย! จู่ๆ จะมาขอไม่ทำงานนี้ต่อได้ยังไง คุณย่าเห็นฝีมือการถ่ายภาพครั้งแรกก็ปิ๊งเอ๋ยเลย แล้วแกก็ย้ำมาตลอดว่าจะต้องเป็นเอ๋ยเท่านั้น แกถึงขนาดขู่พี่เลยนะว่าถ้าไม่ได้เอ๋ยถ่ายรูปให้แกจะจ้างออแกไนซ์อื่นน่ะ มีปัญหาอะไรบอกพี่ได้มั้ย หรือว่าไม่ชอบใจคุณย่ากับคุณร๊อก หรือไม่พอใจน้องๆ คนไหน บอกพี่มาพี่จะจัดการให้”
แต่เจ้านายก็ตอบเสียงแข็ง เมื่อลูกน้องเอาของฝากไปให้แล้วขอถอนตัวจากงานในเช้าวันถัดมา “ว่าไงล่ะเอ๋ย มีปัญหาอะไรบอกพี่มาสิ”
“...”
“ถ้าเอ๋ยตอบพี่ไม่ได้ พี่ก็ให้ถอนตัวไม่ได้นะ ยัยอิ้งก็ไม่ว่างเพราะติดงานน๊อตกับคุณบี ไหนจะงานคุณนุ๊กกับคุณกัณอีก แล้วที่สำคัญนะ เมื่อวานพี่ขอเช่าโลเคชั่นกับคุณร๊อก แกบอกว่าไม่คิดค่าเช่าถ้าเราจะเอาลูกค้าไปจัดงานแต่งที่โรงแรมแก แถมให้ห้องทีมงานเราไว้ใช้งานละสองห้องด้วย คนแฟร์ๆ แบบนี้หาได้ที่ไหน ถ้าเอ๋ยถอนตัวนะรับรองเงินค่าจัดงานหลายล้านของพี่หายวับไปแน่ๆ”
“งั้นก็เปลี่ยนให้เอ๋ยไปทำแทนอิ้งสิคะ ให้อิ้งมาทำงานนี้แทนเอ๋ย”
“ไม่ได้! พี่ก็บอกแล้วว่าคุณย่าระบุมาว่าคนถ่ายภาพให้แกทั้งพรีเวดดิ้งและงานแต่งจะต้องเป็นเอ๋ยเท่านั้น ไม่งั้นแกจะยกเลิกงานทุกชิ้นเลย ขนาดพี่บอกว่าจะเป็นคนถ่ายให้แกยังไม่ยอมเลย อ้างว่าเกรงใจๆ แต่พี่รู้ว่าแกไม่กล้าบอกตรงๆ ว่าฝีมือพี่จัดจ้าน ดุเด็ด เผ็ดมัน”
++++++++++++++
เพราะสุภาภรณ์เองก็ต้องลงมือเป็นตากล้องเอง ถ้าถึงเวลาที่ลูกน้องไม่ว่าง และดึงช่างภาพจากสตูอื่นมาช่วยไม่ได้ แต่การดีไซด์ท่านั้นจะแตกต่างกับของลูกน้อง
“ไม่เหมือนฝีมือเอ๋ยที่จะออกมาหวานๆ อ่อนช้อยๆ ละมุลละมัย มุมกล้องก็แปลกแหวกแนวไม่ซ้ำใคร เอ๋ยมีปัญหาอะไรบอกพี่มาสิ มันหนักหนาถึงขนาดจะต้องถอนตัวเลยเหรอ”
“...”
ด้วยไม่อาจจะบอกใครได้กับเรื่องในอดีตอันแสนระทมทุกข์เพราะรักแรกและรักสุดท้าย อีกทั้งไม่อยากจะรื้อฟื้นความทรงจำที่ทำให้เรี่ยวแรงที่จะลุกขึ้นมาทำงานหดหาย ถ้าเพียงมีใครมาสะกิดแผลในใจ
“ถ้าเอ๋ยตอบพี่ไม่ได้ ก็ทำงานนี้ให้จบซะ ถ่ายชุดเปิดตัว ชุดไทยอีกแค่สองวัน แล้วก็ถ่ายพรีเซ้นท์อีกวันหรืออย่างมากก็สองก็เสร็จ โลเคชั่นก็ในโรงแรมทั้งหมด ไม่ต้องย้ายไปไหนสะดวกสบายจะตาย”
“...”
เพราะเหตุผลของเจ้านายฟังดูดีจนแย้งไม่ออก “มีอะไรก็เก็บไว้ในใจให้พี่หน่อยนะเอ๋ย เพื่อเงิน เพื่องาน และเพื่อน้องๆ ที่พี่ต้องหาเงินหางานมาป้อนให้สตูเรา เอ๋ยเข้าใจพี่ใช่มั้ย”
“ค่ะ”
“ดีมาก งั้นก็ไปทำงานได้แล้ว วันนี้บ่ายๆ พี่จะแวะไปดูก็แล้วกันนะ”
“ค่ะ”
วริญรำไพเห็นเจ้านายก้มหน้าลงไปหาเอกสารบนโต๊ะแล้วก็รู้ทันทีว่าไม่ประสงค์จะคุยต่ออีก เพราะเวลาทำงานเจ้านายจะไม่อยากให้ใครกวนใจเด็ดขาด เลยจำใจต้องเดินออกจากสตูตรงไปหาวีโก้แชมป์คู่กาย แล้วบึ่งไปยังโรงแรมด้วยอาการฝืนใจอย่างยิ่งยวด
+++++++++++++++
“ใช้โลเคชั่นบันไดด้านหลังก่อนนะอิน จะได้ไม่ร้อนมาก บ่ายค่อยย้ายเข้าข้างใน”
พอไปถึงหน้างานได้หลังสั่งน้องๆ แล้ว “ค่ะพี่ อ้อ! พี่ติ้งบอกว่าข้างบนเสร็จแล้วอีกเดี๋ยวจะลงมาค่ะ” อินทิราเป็นคนที่ใครทำงานด้วยแล้วจะสบายใจเพราะมีมนุษยสัมพันดีเลิศ
ผิดกับช่างภาพสาวที่พูดน้อย ยิ้มยากที่กำลังเดินออกไปดูโลเคชั่นด้านนอกที่เป็นบันไดหินอ่อนกว้างสิบเมตร ทอดยาวจากตัวตึกทรงนาฬิกาทรายลงไปหาชายหาดที่มีฝูงนกนางนวลโบกโบยบินไปมานับร้อยตัว
ทำให้คิดถึงบ้านและคิดถึงพี่หินขึ้นมาอีกแล้ว กล้องที่คล้องคออยู่ถูกเรียกใช้งานเพื่อเก็บภาพความประทับใจเอาไว้ทันที แล้วสายตาก็เห็นภาพว่าที่บ่าวสาวกำลังเดินออกมาจากตัวตึกพร้อมกัน
มีทีมงานทั้งของตัวเองและพนักงานโรงแรมมาช่วยกันยกหางชุดเจ้าสาวกับเทียร่าที่ยาวถึงเก้าเมตรตามหลังมาอีกนับสิบคน ชัดเตอร์ถูกกดภาพตรงหน้าซ้ำๆ กันหลายสิบครั้ง
ขณะที่หัวใจก็สั่นสะเทือนขึ้นมาอย่างยากจะหลีกเลี่ยงได้ เมื่อไม่อาจจะละทิ้งงานจากลูกค้าที่หน้าตาเหมือนพี่หินของไปได้ “สวัสดีค่ะคุณเอ๋ย ทานอะไรกันมาหรือยังคะ”
ดลยาที่แม้จะยุ่งวุ่นวายกับชุด ก็ยังมีกระจิตกระใจหันไปตามช่างภาพผู้พูดน้อย เลยได้รอยยิ้มที่น้อยนิดและครู่เดียวจากช่างภาพเท่านั้น “ยังเลยค่ะ แต่น้องๆ เตรียมกาแฟมาไว้แล้วค่ะ”
+++++++++++++++
“ได้ยังไงคะ กาแฟที่โรงแรมของร๊อกอร่อยที่สุดในโลกค่ะ คุณเอ๋ยต้องชิมนะคะ จริงมั้ยคะร๊อก” ดลยาเกาะแขนแฟนหนุ่มเขย่าเบาๆ อย่างกระตือรือล้น
“ครับ! เด็กกำลังยกมาพอดี ลองชิมดูนะครับ”
“ใช่ค่ะ แถมมีครัวซองสูตรพิเศษของเชฟด้วยนะครับ และที่สำคัญมื้อเที่ยงวันนี้เราก็มีเมนูพิเศษไว้ให้ชิมในห้องอาหารเลยค่ะ จริงมั้ยคะร๊อก”
“ครับ”
ชลธิปเลยหันไปหาสาวผมยาวมากๆ ที่เขามักจะเห็นความเศร้าเหงาอยู่ในดวงตาคู่นั้นทุกครั้งที่มองไปหา และทุกครั้งที่ว่าง มือบางๆ สีน้ำผึ้งคู่นั้นก็มักจะกดชัดเตอร์เก็บภาพต่างๆ ไว้ไม่เคยหยุดหย่อน
“ขอบคุณค่ะ เดี๋ยวเอ๋ยขอตัวไปบริฟงานกับน้องๆ ครู่หนึ่งนะคะ”
วริญรำไพไม่อยากแม้แต่ต้องมองหรือสบตากับคนตรงหน้าด้วยซ้ำ เลยหยิบยกเอาเรื่องงานมาอ้าง และผละจากทั้งคู่ไป และเลือกที่จะเริ่มงานทันทีเมื่อกาแฟกับครัวซองในมือลงไปอยู่ในท้องเรียบร้อยแล้ว
“คุณย่าโพสต์ท่ายืนหันข้างกอดเอวคุณร๊อกไว้แล้วหันมาหากล้องนะคะ พอเอ๋ยนับถึงสามก็ยิ้ม”
วริญรำไพที่ยืนอยู่บันไดอลูมิเนียมตรงชายหาดต้องร้องบอก “ซันกับแซ้งไปช่วยอินกับพี่ติ้งดูชายกระโปรงดีกว่า เอาสองคนนั้นมาจับบันไดให้พี่ จะได้รู้ว่าต้องให้มันปลิวยังไง”
+++++++++++++++
ร่างบอบบางที่นั่งอยู่บนบันไดยังไม่พอใจกับภาพที่จะได้ เลยก้มลงไปหาสองน้องที่ช่วยกันจับบันไดไว้ทันที แม้จะกลัวว่าสองหนุ่มที่เป็นพนักงานของโรงแรมจะละเลยต่อหน้าที่ประคองบันไดจนทำให้ตัวเองตกลงไปสักแค่ไหน แต่เพื่อชิ้นงานที่ดีกว่าก็ต้องเสี่ยง
“ระวังๆ ด้วยนะคะคุณเอ๋ย”
ดลยาเองก็อดห่วงแทนไม่ได้ และเพิ่งจะรู้ซึ้งถึงที่มาของภาพสวยๆ จากฝีมือตากล้องสาวว่าลำบากยังไงก็ตอนที่ได้ร่วมงานกันนี้เอง ทำให้ปลื้มใจประทับใจกับการทุ่มเทแรงกายให้งานของสาวบนบันไดเพิ่มมากขึ้นอีก
“อินๆ เอาด้ายสีขาวเส้นเล็กๆ มาร้อยชายกระโปรงให้ยาวๆ แล้วค่อยถือดีกว่า เวลาลมพัดจะได้พริ้วได้ภาพสวยกว่า แล้วพอพี่บอกให้คลายด้ายก็คลายพร้อมกันทั้งสี่คนเลยนะ”
เพราะอยากได้ภาพที่มีชายกระโปรงลอยละล่องแบบเต็มๆ บันไดก็แคบไปไม่มีที่ให้น้องๆ ที่ประคองชายกระโปรงไว้วิ่งหนีหลบให้หลุดเฟรมได้ วริญรำไพถึงร้องสั่งออกไปอีก ส่วนตัวเองก็ยังคงนั่งอยู่บนบันได
และจับภาพทุกช็อตทุกมุมไว้เรื่อยๆ “หญิงๆ ลงมาจับภาพจากตรงที่พี่อยู่ด้วยสิ เอาหมวกลงมาให้พี่ด้วย” ปากก็ร้องเรียกนุชนาที่ทำหน้าที่ถ่ายวีดีโอเก็บไว้ทุกซอกทุกมุมไม่แพ้กัน
ระหว่างรอน้องๆ วริญรำไพก็ยกสองมือขึ้นไปด้านหลังแล้วรวบผมแบ่งเป็นสามช่อ ถักเปียอย่างคล่องแคล่ว แล้วดึงช่อผมมาพากไว้กับไหล่เมื่อต้องเปียไล่ยาวๆ ลงมาจนสุดปลายผม หนังยางที่อยู่บนแขนก็ถูกดึงมารัดไว้อย่างเร่งรีบ เมื่อน้องๆ ทำตามที่สั่งเรียบร้อยแล้ว
=====================================
เปิดจอง 'ตราบฟ้าไร้ดาว / Remembrance'
ตั้งแต่วันนี้ ถึงวันที่ 28 ตุคาลมค่ะ
ราคาเล่มละ 320.- บาทค่ะ
๑. ค่าจัดส่งแบบลงทะเบียน (ในประเทศเท่านั้น) ค่ะ
๒. พลาสติกหุ้มปก
๓. ของสมนาคุณระดับพรีเมี่ยม (อาจจะเป็น) กระเป๋าเครื่องสำอาง หรือ สมุกพกปกหนังพร้อมปากกา หรือจะเป็นกระเป๋าผ้าดิบ จะนำภาพมาลงทีหลังค่ะ
ท่านที่สนใจกรุณาเข้าไป กรอกในใบจองได้ที่ FanPage 'กันเกรา ธัญญรัตน์ วรนัน นักเขียน' ได้ค่ะ ใบสั่งจองจะอยู่ด้านบนสุดเลยนะคะ หรือจะทิ้งข้อความไว้ที่ Inbox ก็ได้ค่ะ
หรือจะเมลไปที่ e-mail: nujanc@hotmail.com
หลังจากชำระเงินแล้ว กรุณาส่งภาพถ่ายสลิปหรือหลักฐานการโอนเงินมาอีกครั้งเพื่อยืนยันนะคะ ถ้าใครโอนผ่านตู้ ATM ไม่อยากยุ่งยากอะไรมากก็ให้ส่งข้อความเข้ามาที่
มือถือเบอร์ 085-3894727 ค่ะ
(กรุณาโอนแบบมีเศษสตางค์นะคะ เผื่อสะดวกในการตรวจเช็คค่ะ)
%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%
เธอคือพสุธาที่แห้งแล้ว
เขาคือแสงแดดที่ตามแผดเผา
++++++++++++++++++
พี่หิน หนุ่มน้อยนิรนามผู้มามอบโลกใบใหม่ที่สดใสสวยงามให้น้องเอ๋ย และจากไปพร้อมกับโลกใบนั้น ทิ้งไว้แต่โลกมืด โลกไร้สุขและสิ้นหวังเอาไว้ให้น้องสาวที่เขาเองก็รักปานดวงใจ
‘พี่รักเอ๋ยนะจ๊ะ สามสี่วันที่ออกเรือ พี่คงจะต้องเป็นบ้าแน่ๆ เพราะคิดถึงเอ๋ย แล้วเอ๋ยล่ะ รักพี่และจะคิดถึงพี่หรือเปล่า’
‘ไหนบอกให้พี่ชื่นใจหน่อยสิจ๊ะคนดี’
‘บอกให้พี่ได้ยินหน่อยสิจ๊ะคนดีของพี่ เดี๋ยวเราต้องรีบกลับเข้าบ้านกันแล้วนะ’
‘ถ้าเอ๋ยไม่บอก พี่ต้องตายเพราะอยากรู้แน่ๆ เลย นะนะ บอกพี่ที’
‘ถ้าเอ๋ยไม่บอก พี่ต้องตายเพราะอยากรู้แน่ๆ เลย นะนะ บอกพี่ที’
‘ถ้าเอ๋ยไม่บอก พี่ต้องตายเพราะอยากรู้แน่ๆ เลย นะนะ บอกพี่ที’
++++++++++++++++++
วรินรำไพ หรือ เอ๋ยหญิงสาวผู้ไม่หลงเหลือหัวใจให้ใครได้แล้วนอกจาก 'พี่หิน' คนเดียวเท่านั้น
“พี่หินจ๋า! เอ๋ยมารับพี่หินแล้ว พี่หินอยู่ไหนจ๊ะ พี่หินกลับมาหาเอ๋ยสิจ๊ะ”
น้ำตาที่ไม่เคยเหือดแห้งนั้น หลั่งไหลลงมาอีกมากมาย เมื่อภาพในค่ำคืนนั้นลอยมาอยู่ตรงหน้าสาวน้อยที่กำลังเจ็บเสียด แน่นที่อกเพราะความเสียใจ
“เอ๋ยรักพี่หินจ๊ะ พี่หินได้ยินมั้ยจ๊ะ ว่าเอ๋ยรักพี่หิน”
“เอ๋ยจะรักเพียงพี่หินคนเดียวเท่านั้น พี่หินต้องกลับมาหาเอ๋ยนะจ๊ะ เอ๋ยรู้ว่าพี่หินยังไม่ตาย”
ร่างเล็กยกเสื้อผ้าพี่ชายขึ้นมากอดไว้ ก่อนจะแนบแก้มลงไปหา ปล่อยให้หยาดหยดน้ำตาไหลรินลงไปใส่ ประหนึ่งอยากให้พี่ชายที่แสนดีมาซับน้ำตาที่หลั่งรินออกมาเพราะความเสียใจอย่างสุดซึ้งก็ไม่ปาน
“เอ๋ยจะรอพี่หินอยู่ตรงนี้ตลอดไป พี่หินได้ยินมั้ยจ๊ะ ว่าเอ๋ยจะรอพี่หินคนเดียว และจะรักพี่หินคนเดียวเท่านั้น”
ประโยคอ้อนวอนของพี่ ตกย้ำซ้ำเติมให้น้ำตาน้องหลั่งรินออกมามากมายแล้วแทบจะกลายเป็นสายเลือด เพราะความเสียดายที่ไม่ได้บอกคำที่พี่อยากได้ยินออกไป ถ้าเพียงแต่น้องคนนี้ล่วงรู้ว่าความตายจะมาพรากพี่ไปจากน้องในรวดเร็วขนาดนี้
“เอ๋ยรักพี่หินจ๊ะ รักและจะรอให้พี่หินกลับมาหาเอ๋ยอีก กลับมาสร้างบ้านในฝันของเรา กลับมาอยู่กับเอ๋ย มีลูกตัวเล็กๆ กับเอ๋ย แล้วเราจะจูงลูกไปส่งโรงเรียน เหมือนที่พี่หินบอกไว้ไงจ๊ะพี่หินจ๋า”
กายเล็กๆ และยังกอดเสื้อผ้าพี่หินอยู่นั้น ค่อยๆ รูดเลื่อนไปตามผนังเก๋งเรือลงไปหาพื้น เมื่อมีประโยคอ้อนวอนของพี่ลอยมาตอกย้ำความผิดพลาดไม่ขาดหาย
และถ้าเพียงเลือกได้อีกครั้ง ถ้าเพียงย้อนเวลากลับมาได้อีกครั้ง ถ้าเพียงมีพี่ชายที่แสนดีอยู่ข้างกายอีกครั้ง ถ้าเพียงค่ำคืนสุดท้ายที่ได้อยู่กับพี่ชายแบบนั้นอีกครั้ง
“เอ๋ยรักพี่หินจ๊ะ รักมาก รักมากยิ่งกว่าสิ่งใดในโลก และพี่หินจะอยู่ในใจเอ๋ยตลอดไปจ๊ะ แล้วเอ๋ยก็จะรอ รอวันที่พี่หินกลับมาหาเอ๋ย กลับมาฟังคำบอกรักจากเอ๋ย กลับมาทำความฝันที่เรามีด้วยกัน เอ๋ยจะรอพี่หินจ๊ะ ต่อให้เอ๋ยจะต้องไปตลอดชีวิต เอ๋ยก็จะรอพี่หินคนเดียว จะรักและจะรอพี่หินของเอ๋ยคนเดียว ไม่ว่าจะนานแค่ไหน เอ๋ยก็จะรอ”
++++++++++++++++++
ชลธิป จิระธนานนท์ หรือ คุณร๊อคผู้บริหารหนุ่มเจ้าของ‘ตาเบบูญา บางปูปาร์ค รีโซเทล แอนด์ สปา’ผู้ที่หวนกลับมาทำร้ายคนที่เขารักปานดวงใจโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว กระทั่งวินาทีสุดท้าย
“นรกสำหรับคุณไง!”
เขาคว้าแขนเล็กๆ ไว้แล้วกระชากตามตัวไปอย่างแรง
“เงียบทำไม! ถึงเวลาที่คุณจะต้องอธิบายให้ผมฟังได้แล้ว ว่าคุณทำยังไงถึงได้รอดจากการติดคุก ถ้าเหตุผลเพียงเพราะคุณอยากได้ตัวผม เงินผม คุณก็บอกมาดีๆ สิ ผมจะจัดให้!”
“...”
“เงียบทำไม! คุณบอกผมมาสิว่าทำไม! ตอบผมมาให้ได้! ไม่อย่างนั้นคุณจะต้องเสียใจกับการกระทำของคุณเอง! ตอบผมมา!!!”
ประตูห้องเปิดออกได้ ร่างผอมบางก็ถูกกระชากแขนอย่างแรงเข้าไปในห้องจนกระแทกกับตู้เสื้อผ้า ทว่าวริญรำไพก็ไม่คิดจะพูดอะไรออกมา นอกจากมีน้ำตาไหลรินอาบสองแก้มเท่านั้น
“คุณพูดไม่ออกเหรอ! หรือบอกผมไม่ถูกว่าคุณใช้วิธีไหน ถึงได้รอดคุกมา!”
“ฉันเปล่า ฉันไม่ได้ทำอะไร คุณก็รู้ว่ามันเป็นอุบัติเหตุ”
“ผมไม่โง่พอที่จะเชื่อคำของคุณ เหมือนพ่อผม เหมือนพ่อตาผม เหมือนทนายนั่น หรือเหมือนไอ้หน้าโง่คนไหนทั้งนั้น เพราะผมรู้ดีว่าคุณมันแผนสูง คุณมันเก่งเรื่องมารยาสาไถจนผมเกือบจะหลงเชื่ออยู่แล้ว บอกผมมาสิ ว่าคุณไปทำอีท่าไหนทุกคนถึงได้เชื่อคุณนัก คุณลงทุนเอาตัวไปประเคนให้ถึงเตียง เหมือนที่ประเคนให้ไอ้ล่ำนั่นหรือเปล่า!!!”
“ฉันเปล่า คุณกำลังเข้าในฉันผิด”
“ใช่! ผมเข้าใจคุณผิด ผิดมาโดยตลอดที่คิดว่าคุณมันเป็นคนดี! คนซื่อ คนสะอาดบริสุทธิ์! แต่ตอนนี้ผมเข้าใจถูกต้องแล้ว ว่าคุณมันเลวยังไง! คดยังไง! สปรกแค่ไหน! ในตัวคุณมันเต็มไปด้วยคราบคาวของผู้ชายรวยๆ กี่สิบคนแล้ว หรือกี่เที่ยวแล้วล่ะ คุณถึงได้พ้นผิด คุณไปแบให้ตั้งแต่ร้อยเวรที่โรงพักยันไอ้ทนายมือหนึ่งนั่นเลยหรือเปล่า! พวกเขาถึงได้เชื่อ จนปล่อยให้คุณออกมายืนหน้าตาเฉยแบบนี้ได้ ทีนี้ก็ถึงเวลาที่คุณจะทำให้ผมเชื่อเหมือนคนพวกนั้นบ้างแล้วล่ะ”
“ไม่จริง! ฉันไม่เคยทำอะไร คุณกำลังเข้าใจผิดค่ะ ฉันไม่เคยทำแบบนั้น!”
“ผมไม่เชื่อ!!! หรือถ้าคุณอยากให้ผมเชื่อ ก็ให้ผมพิสูจน์สิ! ว่าคุณมันบริสุทธิ์จริง! อย่าดีแต่เสแสร้ง!” เขาเข้าไปจับสองไหล่เหวี่ยงไปหาเตียง
“โอ๊ย!!!”
จนร่างผอมๆ ร้องด้วยความจุก “คุณเจ็บเหรอ! แค่นี้มันยังน้อยไป! มันยังไม่สาสมที่คุณทำให้ผมเจ็บ! ต่อไปนี้คุณก็เชิญมีชีวิตอยู่ในขุมนรกกับผมก็แล้วกัน!”
ร่างเล็กๆ ถูกร่างใหญ่ๆ ล็อกไว้กับเตียงทันที ปากก็ร้องขอ อ้อนวอนต่อเขาทั้งน้ำตา “อย่า!!! ได้โปรด!!! อย่า!!!”
“นี่เป็นคือคำพิพากษาสูงสุดจากผมสำหรับผู้หญิงชั่วอย่างคุณ!!!”
“อย่า!!! ได้โปรดอย่าทำ...”
เรี่ยวแรงในกายที่เคยมีตอนนี้หดหายไปหมดแล้ว เมื่อถูกอีกกายตรึงไว้กับเตียงใหญ่ แล้วระดมจูบอย่างรุนแรง ไร้ซึ่งความปรานีใดๆ จนเดาได้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับตัวเอง เมื่อเขายื่นความจำนงค์ให้รู้อย่างโจ่งแจ้ง
“อย่า!!! ได้โปรด!!! อย่าทำอย่างนี้กับฉัน!!!”
“อย่ามาขอชีวิตจากยมบาลอย่างผม! เพราะไม่มีทางที่ผมจะปล่อยให้คุณลอยนวลอยู่ได้โดยไม่ต้องชดใช้อะไรแน่!!! คุณต้องตาย! และต้องตายทั้งเป็นด้วย!!!”
++++++++++++++++++ดลยา นิติพงษ์พาณิชย์ หรือ คุณย่าสาวผู้เกิดมามีทุกอย่างพร้อมสรรพ ไม่ว่าจะเป็นรูปสมบัติ ทรัพย์สมบัติและมีเป็นที่รักของผู้คนรอบข้าง เพราะเธอนั้นแสนดีจนเป็นที่เลื่องชื่อจนได้หัวใจของชลธิปไปครอบครอง
“มาแล้วตากล้องมือดีที่คุณย่าจองตัวไว้ เอ๋ยมารู้จักคุณย่าเร็วๆ เข้า”
พอไปถึงซุ้มเรือนไทยที่ใช้เป็นที่ตระเตรียมข้าวของ เจ้านายสาวก็รีบลากแขนให้เดินตรงไปหาว่าที่เจ้าสาวที่อยู่ในชุดขาวสะอาดตา สวยงามราวเทพธิดาจำแลงกายมาก็ไม่ปาน
“สวัสดีค่ะคุณเอ๋ย ได้เจอตัวกันสักทีนะคะ หลังจากที่คาดกันมาสองสามรอบแล้ว”
ดลยาเป็นฝ่ายเอ่ยด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสก่อน วริญรำไพที่ยกมือไหว้ดวงกมลแล้วถึงได้หันไปหาลูกค้าซุปเปอร์วีไอพี “สวัสดีค่ะคุณย่า ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ”
แล้วก็ยกมือไหว้ทักทายพร้อมส่งยิ้มบางๆ เพียงเล็กน้อยให้ตามสไตล์ที่ทุกคนมักจะคุ้นเคย “เช่นกันค่ะ ยังไงก็ต้องใช้ฝีมือถ่ายภาพย่าออกมาให้สวยที่สุดเลยนะคะ”
“ค่ะ งั้นเอ๋ยขอตัวไปเตรียมกล้องก่อนนะคะ”
ดลยาหันไปหาดวงกมลกับสุภาภรณ์แล้วยิ้มให้อย่างรู้กัน เพราะตอนที่แต่งตัวอยู่บนห้อง ทั้งสองบอกไว้แล้วว่าตากล้องสาวผมยาวถึงเอวเป็นคนพูดน้อย เก็บเนื้อเก็บตัว ไม่ค่อยสังสรรหรือสุงสิงกับใครมากนอกจากจะเกี่ยวข้องกันในเนื้องาน
++++++++++++++++++
อติรัตน์ จิระธนานนท์ผู้หญิงที่กุมชะตากรรมทุกคนไว้ในมือ ผู้หญิงที่เห็นแก่ตัว ไม่สนใจใครหรืออะไรทั้งสิ้นนอกจากหน้าตาทางสังคม ความเหมาะสม และผลประโยชน์
“ไม่ต้องมาสำบัดสำนวนกับฉันให้มากความหรอก!! เท่าไหร่บอกมา!!!”
“ห้าล้านพอมั้ย!!!” อติรัตน์รีบยื่นข้อเสนอ
“ถ้าน้อยไปก็สิบล้าน!!! แล้วเธอก็ต้องปิดปากให้เงียบ!!! อย่าบอกเรื่องนี้กับใคร!!!”
“งั้นก็ยี่สิบล้าน! ค่าช่วยชีวิตลูกฉัน อีกสิบล้าน! สำหรับเธอที่ต้องปิดปากเงียบ อีกสิบล้าน! สำหรับการเดินไปจากชีวิตลูกฉันซะ และอีกสิบล้าน! สำหรับการไปแล้วไม่ต้องหวนกลับมาหาลูกฉันอีก ทั้งหมดห้าสิบล้าน!!! ฉันว่าเธอรวมคนทั้งเกาะหาไปตลอดชาติก็ไม่มีทางได้เห็นเงินก้อนนี้ด้วยซ้ำ”
“ว่าไง!! จะเอาหรือไม่เอา! อย่ามาลีลาเพื่อจะขึ้นค่าปิดปากนะฉันไม่ชอบ! หรืออยากได้เท่าไหร่ก็บอกมา! ฉันจะชดใช้ให้!!!”
“อย่ามาเล่นลิ้นกับฉันนะ! บอกมาอยากได้เท่าไหร่ฉันจะจ่าย!!!”
“อย่ามาตีฝีปากกับฉัน!!! เธออยากได้อะไรฉันจะชดใช้ให้!!!”
“บอกมาว่าต้องการเท่าไหร่! ฉันจะจ่ายให้!!! แล้วรีบไสหัวออกไปจากชีวิตพวกฉันสักที!!! ฉันเบื่อที่จะต้องตามแก้ปัญหาที่เธอคอยตามสร้างให้เต็มทีแล้ว!!!”
“ทำไมฉันต้องสนด้วย!!!”
++++++++++++++++++
“โอ๊ย!!! คนหล่อๆ ไม่ทำอะไรยังหล่อเลยค่ะ จริงมั้ยคะคุณย่า”
ดลยาที่กำลังถูกช่างเอาเทียร่าติดไว้บนผมส่งยิ้มให้ “ถ้าไม่หล่อย่าจะตกลงแต่งงานด้วยเหรอคะคุณสุ” สุภาภรณ์ถึงกับหัวเราะร่าออกมา ส่วนคู่หมั้นเพียงแค่ยิ้มน้อยๆ ให้เท่านั้น
แต่พอคิดขึ้นได้เลยหันไปหาตากล้องสาวที่กำลังวุ่นอยู่กับการตั้งกล้องกับทีมงาน “เอ๋ย! มารู้จักเจ้าบ่าวคุณย่าเร็วๆ เข้า เด็กๆ ด้วย ใครยังไม่เคยเห็นว่าที่เจ้าบ่าวรูปหล่อรีบมายกมือไหว้ด่วน แล้วจะได้รีบทำงานกัน”
และอีกครั้งเมื่อวริญรำไพเงยหน้าจากงานหันหลังกลับไปหาลูกค้าซุปเปอร์วีไอพีที่เจ้านายต้องมาประคบประหงมทุกย่างก้าว ก็เกิดอาการ
“...”
อึ้งจนพูดอะไรไม่ออก “นี่คุณชลธิปหรือคุณร๊อก เจ้าบ่าวแสนรูปหล่อและเพอร์เฟคของคุณย่าที่เอ๋ยบอกว่ายังไม่ได้เห็นหน้าไงจ๊ะ ทีนี้ก็... ” วริญรำไพไม่ได้ยินคำแนะนำของเจ้านายด้วยน้ำ เมื่อมีคำถามร้อยแปดแล่นอยู่ในหัว
“สวัสดีครับคุณเอ๋ย สบายดีแล้วนะครับ”
“...”
จนไม่ได้ยินเสียงของผู้ชายที่มีหน้าตาละม้ายคล้าย ‘พี่หินที่แสนดี’ เอื้อนเอ่ยใดๆ สายตาก็จ้องมองอย่างพินิจเพื่อความแน่ใจ แม้หนุ่มตรงหน้าจะมีร่างกายที่สูงใหญ่กว่า ผิวขาวกว่า เสียงทุ้มและทรงอำนาจกว่า
แต่วริญรำไพก็ไม่อาจจะปัดข้อสงสัยออกไปได้ ว่าระหว่างหนุ่มคนนี้กับพี่หินนั้น มีความสัมพันหรือมีความเกี่ยวข้องกันยังไง ทางไหน เพราะไม่อยากจะเชื่อว่าคนที่ไม่เกี่ยวข้องกันจะหน้าตาคล้ายกันได้ขนาดนี้
+++++++++++++++
“พี่เอ๋ย! จะถ่ายใต้ต้นไหนกันแน่ อินจะได้รีบโกยดอกตาเบบูญามาไว้ให้หนาๆ หน่อย”
อินทิรามาสะกิดแขนเบาๆ นั่นถึงทำให้ความคิดอันล่องลอยกลับไปเมื่อสิบสองปีก่อน ย้อนคืนกลับมาหาความจริงตรงหน้า ความจริงที่ว่าตัวเองจะต้องลงมือทำงานแล้ว
และดูเหมือนจะเป็นงานที่ยากที่สุดเท่าที่วริญรำไพเคยทำมาก็ว่าได้ เมื่อทุกครั้งที่แนบดวงตาไปหาเฟรมกล้อง ก็ต้องเห็นใบหน้าอันหล่อเหลาของเจ้าบ่าว ที่มีเงาของพี่หินมายืนยิ้มอยู่ใกล้ๆ ทุกครั้งไป
“ร๊อกคะ ขยับมาใกล้ๆ ย่าหน่อยสิคะ ย่าจะซับเหงื่อให้ค่ะ”
นั่นก็ช่างเป็นภาพบาดตาเฉือนหัวใจยิ่ง ที่เห็นพี่หินขยับกายไปใกล้ๆ คู่หมั้น ยื่นใบหน้าอันหล่อเหลาคมคายเข้าไปใกล้ๆ แล้วปล่อยให้ว่าที่คู่หมั้นจับทิชชูซับไปจนทั่วใบหน้า
“ร๊อกคะ ชิมแซนวิชปลาอินทรีย์สิคะ เชฟของร๊อกทำได้อร่อยมากๆ เลยค่ะ อ้าปากเร็วค่ะ”
พอถึงเวลาเบรคก็มีพนักงานยกกาแฟกับของว่างมาเสิร์ฟให้ถึงซุ้ม ว่าที่เจ้าสาวกับเจ้าบ่าวก็นั่งกินคู่กัน เมื่อว่าที่เจ้าสาวตักอาหารยื่นไปให้ ว่าที่เจ้าบ่าวก็อ้าปากรับอย่างไม่เกี่ยงงอน
“อร่อยมั้ยคะ” ว่าที่เจ้าสาวยิ้มให้อย่างกระตือรือล้น ทำเอาทุกคนอิจฉาไปตามๆ กัน
“อืม! อร่อยดีครับ เมนูนี้ผมยังไม่ได้ชิมเลย”
เสียงที่ว่าที่เจ้าบ่าวเอื้อนเอ่ยกับเจ้าสาวนั้น แม้ตากล้องที่ยืนอยู่ไกลออกไปและพยายามจะหันหลังให้ทั้งสองสักแค่ไหน แต่ก็ยังได้ยินชัดเจน และเป็นเสียงที่คล้ายเสียงพี่หินเหลือเกิน
+++++++++++++++
“เอ๋ย! พี่ต้องกลับไปประชุมงานคุณนุ๊กคุณกัณก่อนนะ ฝากดูแลทางนี้ด้วย เย็นๆ พี่จะรีบกลับมา”
เกือบสิบเอ็ดโมงระหว่างรอเจ้าบ่าวกับเจ้าสาวเบรคดื่มน้ำอยู่ สุภาภรณ์เลยเข้ามากระซิบกระซาบ แล้วก็รีบเดินผละไปโดยไม่สนว่าลูกน้องจะอยากเอ่ยอะไรออกมาบ้าง
วริญรำไพได้แต่หันกลับมาหางานด้วยการเดินแบกกล้องอันใหญ่ไปยังแนวโคนต้นตาเบบูญา หัวก็คิดพลิกแพลงการจับภาพสวยๆ เอาไว้ แล้วหันไปกวักมือเรียกอินทิราอย่างเร่งรีบ
“พี่ว่าเปลี่ยนจากท่าให้ลูกค้ายืนพิงที่โคนต้นไม้ เป็นมายืนอยู่ระหว่างกลางสองต้นไม้นี้ แล้วให้ซันกับแซ้งปีนขึ้นไปโปรยดอกไม้ลงมาจะดีกว่า ตรงพื้นนี้อินก็กวาดดอกไม้พวกนั้นมาโรยให้เต็มเลย”
วริญรำไพปรายตาไปหาสองหนุ่มที่ทำงานสารพัดในทีม ปากก็อธิบายท่าที่ตัวเองอยากได้ มือก็ชี้ตรงนั้นทีตรงนี้ทีเพื่อให้อินทิราเห็นภาพตาม จะได้เอาไปต่อยอดให้งานออกมาสวยๆ
แม้จะลำบากใจ แม้จะเจ็บปวดหัวใจ ที่ต้องคอยกดชัดเตอร์กักเก็บภาพคนหน้าเหมือน ผู้ชายที่ตัวเองมอบหัวใจมาให้ตลอดสิบสองปี และจะยังคงมอบให้เรื่อยไปสักแค่ไหน
+++++++++++++++
แต่ก็มีสปิริตมากพอที่จะไม่เอาเรื่องส่วนตัวกับเรื่องงานเข้ามาปะปนกัน แม้มันจะยากยิ่งสักแค่ไหนก็ตาม และยากยิ่งเมื่อหันไปหาสองคู่รักพูดคุยกัน หัวเราะให้กันขณะนั่งพักให้หายเหนื่อย
‘พี่สัญญาว่าพี่จะไม่มองใคร พี่จะเก็บเงินรอเอ๋ย แล้วก็สร้างบ้านหลังนี้ไว้รอเอ๋ย พอแต่งงานกันแล้วเราก็จะไปอยู่ด้วยกัน แล้วมีลูกตัวเล็กๆ ด้วยกัน เช้าๆ เราก็จะจูงลูกไปส่งที่โรงเรียนเหมือนรูปนี้ไงล่ะ ตกลงหรือเปล่า’
‘ก็ได้ พี่หินสัญญาเอ๋ยแล้วนะ ห้ามผิดสัญญาด้วย’
‘สัญญาด้วยชีวิตว่าพี่จะรักเอ๋ยและจะรอแต่งงานกับเอ๋ยคนเดียวเท่านั้น เอ๋ยก็ห้ามรักใครเด็ดขาดนะ ต้องรักและต้องรอแต่งงานกับพี่คนเดียวเท่านั้น สัญญามาเลย’
และเมื่อภาพของบ่ายวันที่อยู่ใต้ต้นเหรียงลอยเด่นขึ้นมาในความทรงจำ ย้ำเตือนให้หัวใจที่พานพบแต่ความเจ็บช้ำ ต้องสั่นสะเทือนอีกวาระ น้ำตาก็พาลไหลออกมาอย่างยากจะหลีกเลี่ยงได้
“อ้าว! พี่เอ๋ยจะไปไหน”
จนต้องรีบผละจากกล้องแล้วรีบวิ่งหนีเข้าไปในตัวตึกที่อยู่ห่างออกไปไกลไม่น้อย แต่สองเท้าของสาวหัวใจที่แตกสลายก็ไม่เคยหวั่นเกรง เพราะอยากจะหนีจากสภาพตรงหน้าให้เร็วที่สุด
และพอเข้าไปอยู่ในห้องน้ำได้ ก็ถึงกับปล่อยน้ำตาให้ไหลออกมา สลับกับเสียงสะอื้นไห้ออกมาทันที ด้วยทานทนกับสภาพที่เป็นอยู่ไม่หวาดไหว
+++++++++++++++
จากเมื่อเช้าที่ดีใจ ตกใจจนช๊อกเมื่อได้เห็นใบหน้าของพี่หินมาอยู่ใกล้ๆ จนบอกกับตัวเองว่าจะต้องตามหาเขาคนนั้นเพื่อถามไถ่ให้ได้ว่ามีความเกี่ยวข้องกับพี่หินยังไง หรือเขาคนนั้นคือพี่หินที่จากไปกัน
แต่ไม่กี่นาทีหลังจากนั้น ความดีใจ ความตกใจก็หลายเป็นเหมือนหอกมาทิ่มตำหัวใจที่เจ็บช้ำให้แหลกละเอียดลงอีก เมื่อพบว่าเขากลายเป็นคนหน้าเหมือนพี่หินที่มีเจ้าของจับจองไปเรียบร้อยแล้ว และไร้ซึ่งวี่แววที่เขาจะจดจำหรือรู้จักน้องสาวคนนี้ได้เลยด้วยซ้ำ
“พี่เอ๋ยคะ! อยู่ในนั้นหรือเปล่า เป็นอะไรหรือเปล่าคะ ทุกคนรออยู่ค่ะ”
สองมือบางรีบยกขึ้นปาดน้ำตาออกอย่างรวดเร็ว เมื่อเสียงเคาะประตู และเสียงเรียกดังแทรกเข้ามา “พี่ไม่เป็นไร เดี๋ยวพี่ตามอีกไปจ้ะ อินไปเตรียมงานรอพี่ได้เลย”
“ค่ะๆ มีอะไรก็โทรบอกอินนะคะพี่”
“จ้ะ”
น้ำจากก๊อกถูกสองมือเล็กเรียวรองไว้แล้วสาดใส่หน้า เพื่อหมายจะทำลายล้างคราบน้ำตาให้หมดไป และมันก็ช่วยได้อย่างไม่ต้องกังขา
ทว่าน้ำตาที่ตกอยู่ภายใน ขณะทำงานอยู่นั้น แทบไม่เคยเหือดหายไปจากตัวเลย แต่วริญรำไพก็ต้องฝืนทน เพื่อให้งานในวันนี้จบสิ้นลง วันนี้ๆ วันนี้เท่านั้น จะไม่มีพรุ่งนี้ที่ทุกข์ทรมานแบบนี้อีกแล้ว
++++++++++++++
“ไม่ได้นะเอ๋ย! จู่ๆ จะมาขอไม่ทำงานนี้ต่อได้ยังไง คุณย่าเห็นฝีมือการถ่ายภาพครั้งแรกก็ปิ๊งเอ๋ยเลย แล้วแกก็ย้ำมาตลอดว่าจะต้องเป็นเอ๋ยเท่านั้น แกถึงขนาดขู่พี่เลยนะว่าถ้าไม่ได้เอ๋ยถ่ายรูปให้แกจะจ้างออแกไนซ์อื่นน่ะ มีปัญหาอะไรบอกพี่ได้มั้ย หรือว่าไม่ชอบใจคุณย่ากับคุณร๊อก หรือไม่พอใจน้องๆ คนไหน บอกพี่มาพี่จะจัดการให้”
แต่เจ้านายก็ตอบเสียงแข็ง เมื่อลูกน้องเอาของฝากไปให้แล้วขอถอนตัวจากงานในเช้าวันถัดมา “ว่าไงล่ะเอ๋ย มีปัญหาอะไรบอกพี่มาสิ”
“...”
“ถ้าเอ๋ยตอบพี่ไม่ได้ พี่ก็ให้ถอนตัวไม่ได้นะ ยัยอิ้งก็ไม่ว่างเพราะติดงานน๊อตกับคุณบี ไหนจะงานคุณนุ๊กกับคุณกัณอีก แล้วที่สำคัญนะ เมื่อวานพี่ขอเช่าโลเคชั่นกับคุณร๊อก แกบอกว่าไม่คิดค่าเช่าถ้าเราจะเอาลูกค้าไปจัดงานแต่งที่โรงแรมแก แถมให้ห้องทีมงานเราไว้ใช้งานละสองห้องด้วย คนแฟร์ๆ แบบนี้หาได้ที่ไหน ถ้าเอ๋ยถอนตัวนะรับรองเงินค่าจัดงานหลายล้านของพี่หายวับไปแน่ๆ”
“งั้นก็เปลี่ยนให้เอ๋ยไปทำแทนอิ้งสิคะ ให้อิ้งมาทำงานนี้แทนเอ๋ย”
“ไม่ได้! พี่ก็บอกแล้วว่าคุณย่าระบุมาว่าคนถ่ายภาพให้แกทั้งพรีเวดดิ้งและงานแต่งจะต้องเป็นเอ๋ยเท่านั้น ไม่งั้นแกจะยกเลิกงานทุกชิ้นเลย ขนาดพี่บอกว่าจะเป็นคนถ่ายให้แกยังไม่ยอมเลย อ้างว่าเกรงใจๆ แต่พี่รู้ว่าแกไม่กล้าบอกตรงๆ ว่าฝีมือพี่จัดจ้าน ดุเด็ด เผ็ดมัน”
++++++++++++++
เพราะสุภาภรณ์เองก็ต้องลงมือเป็นตากล้องเอง ถ้าถึงเวลาที่ลูกน้องไม่ว่าง และดึงช่างภาพจากสตูอื่นมาช่วยไม่ได้ แต่การดีไซด์ท่านั้นจะแตกต่างกับของลูกน้อง
“ไม่เหมือนฝีมือเอ๋ยที่จะออกมาหวานๆ อ่อนช้อยๆ ละมุลละมัย มุมกล้องก็แปลกแหวกแนวไม่ซ้ำใคร เอ๋ยมีปัญหาอะไรบอกพี่มาสิ มันหนักหนาถึงขนาดจะต้องถอนตัวเลยเหรอ”
“...”
ด้วยไม่อาจจะบอกใครได้กับเรื่องในอดีตอันแสนระทมทุกข์เพราะรักแรกและรักสุดท้าย อีกทั้งไม่อยากจะรื้อฟื้นความทรงจำที่ทำให้เรี่ยวแรงที่จะลุกขึ้นมาทำงานหดหาย ถ้าเพียงมีใครมาสะกิดแผลในใจ
“ถ้าเอ๋ยตอบพี่ไม่ได้ ก็ทำงานนี้ให้จบซะ ถ่ายชุดเปิดตัว ชุดไทยอีกแค่สองวัน แล้วก็ถ่ายพรีเซ้นท์อีกวันหรืออย่างมากก็สองก็เสร็จ โลเคชั่นก็ในโรงแรมทั้งหมด ไม่ต้องย้ายไปไหนสะดวกสบายจะตาย”
“...”
เพราะเหตุผลของเจ้านายฟังดูดีจนแย้งไม่ออก “มีอะไรก็เก็บไว้ในใจให้พี่หน่อยนะเอ๋ย เพื่อเงิน เพื่องาน และเพื่อน้องๆ ที่พี่ต้องหาเงินหางานมาป้อนให้สตูเรา เอ๋ยเข้าใจพี่ใช่มั้ย”
“ค่ะ”
“ดีมาก งั้นก็ไปทำงานได้แล้ว วันนี้บ่ายๆ พี่จะแวะไปดูก็แล้วกันนะ”
“ค่ะ”
วริญรำไพเห็นเจ้านายก้มหน้าลงไปหาเอกสารบนโต๊ะแล้วก็รู้ทันทีว่าไม่ประสงค์จะคุยต่ออีก เพราะเวลาทำงานเจ้านายจะไม่อยากให้ใครกวนใจเด็ดขาด เลยจำใจต้องเดินออกจากสตูตรงไปหาวีโก้แชมป์คู่กาย แล้วบึ่งไปยังโรงแรมด้วยอาการฝืนใจอย่างยิ่งยวด
+++++++++++++++
“ใช้โลเคชั่นบันไดด้านหลังก่อนนะอิน จะได้ไม่ร้อนมาก บ่ายค่อยย้ายเข้าข้างใน”
พอไปถึงหน้างานได้หลังสั่งน้องๆ แล้ว “ค่ะพี่ อ้อ! พี่ติ้งบอกว่าข้างบนเสร็จแล้วอีกเดี๋ยวจะลงมาค่ะ” อินทิราเป็นคนที่ใครทำงานด้วยแล้วจะสบายใจเพราะมีมนุษยสัมพันดีเลิศ
ผิดกับช่างภาพสาวที่พูดน้อย ยิ้มยากที่กำลังเดินออกไปดูโลเคชั่นด้านนอกที่เป็นบันไดหินอ่อนกว้างสิบเมตร ทอดยาวจากตัวตึกทรงนาฬิกาทรายลงไปหาชายหาดที่มีฝูงนกนางนวลโบกโบยบินไปมานับร้อยตัว
ทำให้คิดถึงบ้านและคิดถึงพี่หินขึ้นมาอีกแล้ว กล้องที่คล้องคออยู่ถูกเรียกใช้งานเพื่อเก็บภาพความประทับใจเอาไว้ทันที แล้วสายตาก็เห็นภาพว่าที่บ่าวสาวกำลังเดินออกมาจากตัวตึกพร้อมกัน
มีทีมงานทั้งของตัวเองและพนักงานโรงแรมมาช่วยกันยกหางชุดเจ้าสาวกับเทียร่าที่ยาวถึงเก้าเมตรตามหลังมาอีกนับสิบคน ชัดเตอร์ถูกกดภาพตรงหน้าซ้ำๆ กันหลายสิบครั้ง
ขณะที่หัวใจก็สั่นสะเทือนขึ้นมาอย่างยากจะหลีกเลี่ยงได้ เมื่อไม่อาจจะละทิ้งงานจากลูกค้าที่หน้าตาเหมือนพี่หินของไปได้ “สวัสดีค่ะคุณเอ๋ย ทานอะไรกันมาหรือยังคะ”
ดลยาที่แม้จะยุ่งวุ่นวายกับชุด ก็ยังมีกระจิตกระใจหันไปตามช่างภาพผู้พูดน้อย เลยได้รอยยิ้มที่น้อยนิดและครู่เดียวจากช่างภาพเท่านั้น “ยังเลยค่ะ แต่น้องๆ เตรียมกาแฟมาไว้แล้วค่ะ”
+++++++++++++++
“ได้ยังไงคะ กาแฟที่โรงแรมของร๊อกอร่อยที่สุดในโลกค่ะ คุณเอ๋ยต้องชิมนะคะ จริงมั้ยคะร๊อก” ดลยาเกาะแขนแฟนหนุ่มเขย่าเบาๆ อย่างกระตือรือล้น
“ครับ! เด็กกำลังยกมาพอดี ลองชิมดูนะครับ”
“ใช่ค่ะ แถมมีครัวซองสูตรพิเศษของเชฟด้วยนะครับ และที่สำคัญมื้อเที่ยงวันนี้เราก็มีเมนูพิเศษไว้ให้ชิมในห้องอาหารเลยค่ะ จริงมั้ยคะร๊อก”
“ครับ”
ชลธิปเลยหันไปหาสาวผมยาวมากๆ ที่เขามักจะเห็นความเศร้าเหงาอยู่ในดวงตาคู่นั้นทุกครั้งที่มองไปหา และทุกครั้งที่ว่าง มือบางๆ สีน้ำผึ้งคู่นั้นก็มักจะกดชัดเตอร์เก็บภาพต่างๆ ไว้ไม่เคยหยุดหย่อน
“ขอบคุณค่ะ เดี๋ยวเอ๋ยขอตัวไปบริฟงานกับน้องๆ ครู่หนึ่งนะคะ”
วริญรำไพไม่อยากแม้แต่ต้องมองหรือสบตากับคนตรงหน้าด้วยซ้ำ เลยหยิบยกเอาเรื่องงานมาอ้าง และผละจากทั้งคู่ไป และเลือกที่จะเริ่มงานทันทีเมื่อกาแฟกับครัวซองในมือลงไปอยู่ในท้องเรียบร้อยแล้ว
“คุณย่าโพสต์ท่ายืนหันข้างกอดเอวคุณร๊อกไว้แล้วหันมาหากล้องนะคะ พอเอ๋ยนับถึงสามก็ยิ้ม”
วริญรำไพที่ยืนอยู่บันไดอลูมิเนียมตรงชายหาดต้องร้องบอก “ซันกับแซ้งไปช่วยอินกับพี่ติ้งดูชายกระโปรงดีกว่า เอาสองคนนั้นมาจับบันไดให้พี่ จะได้รู้ว่าต้องให้มันปลิวยังไง”
+++++++++++++++
ร่างบอบบางที่นั่งอยู่บนบันไดยังไม่พอใจกับภาพที่จะได้ เลยก้มลงไปหาสองน้องที่ช่วยกันจับบันไดไว้ทันที แม้จะกลัวว่าสองหนุ่มที่เป็นพนักงานของโรงแรมจะละเลยต่อหน้าที่ประคองบันไดจนทำให้ตัวเองตกลงไปสักแค่ไหน แต่เพื่อชิ้นงานที่ดีกว่าก็ต้องเสี่ยง
“ระวังๆ ด้วยนะคะคุณเอ๋ย”
ดลยาเองก็อดห่วงแทนไม่ได้ และเพิ่งจะรู้ซึ้งถึงที่มาของภาพสวยๆ จากฝีมือตากล้องสาวว่าลำบากยังไงก็ตอนที่ได้ร่วมงานกันนี้เอง ทำให้ปลื้มใจประทับใจกับการทุ่มเทแรงกายให้งานของสาวบนบันไดเพิ่มมากขึ้นอีก
“อินๆ เอาด้ายสีขาวเส้นเล็กๆ มาร้อยชายกระโปรงให้ยาวๆ แล้วค่อยถือดีกว่า เวลาลมพัดจะได้พริ้วได้ภาพสวยกว่า แล้วพอพี่บอกให้คลายด้ายก็คลายพร้อมกันทั้งสี่คนเลยนะ”
เพราะอยากได้ภาพที่มีชายกระโปรงลอยละล่องแบบเต็มๆ บันไดก็แคบไปไม่มีที่ให้น้องๆ ที่ประคองชายกระโปรงไว้วิ่งหนีหลบให้หลุดเฟรมได้ วริญรำไพถึงร้องสั่งออกไปอีก ส่วนตัวเองก็ยังคงนั่งอยู่บนบันได
และจับภาพทุกช็อตทุกมุมไว้เรื่อยๆ “หญิงๆ ลงมาจับภาพจากตรงที่พี่อยู่ด้วยสิ เอาหมวกลงมาให้พี่ด้วย” ปากก็ร้องเรียกนุชนาที่ทำหน้าที่ถ่ายวีดีโอเก็บไว้ทุกซอกทุกมุมไม่แพ้กัน
ระหว่างรอน้องๆ วริญรำไพก็ยกสองมือขึ้นไปด้านหลังแล้วรวบผมแบ่งเป็นสามช่อ ถักเปียอย่างคล่องแคล่ว แล้วดึงช่อผมมาพากไว้กับไหล่เมื่อต้องเปียไล่ยาวๆ ลงมาจนสุดปลายผม หนังยางที่อยู่บนแขนก็ถูกดึงมารัดไว้อย่างเร่งรีบ เมื่อน้องๆ ทำตามที่สั่งเรียบร้อยแล้ว
=====================================
เปิดจอง 'ตราบฟ้าไร้ดาว / Remembrance'
ตั้งแต่วันนี้ ถึงวันที่ 28 ตุคาลมค่ะ
ราคาเล่มละ 320.- บาทค่ะ
๑. ค่าจัดส่งแบบลงทะเบียน (ในประเทศเท่านั้น) ค่ะ
๒. พลาสติกหุ้มปก
๓. ของสมนาคุณระดับพรีเมี่ยม (อาจจะเป็น) กระเป๋าเครื่องสำอาง หรือ สมุกพกปกหนังพร้อมปากกา หรือจะเป็นกระเป๋าผ้าดิบ จะนำภาพมาลงทีหลังค่ะ
ท่านที่สนใจกรุณาเข้าไป กรอกในใบจองได้ที่ FanPage 'กันเกรา ธัญญรัตน์ วรนัน นักเขียน' ได้ค่ะ ใบสั่งจองจะอยู่ด้านบนสุดเลยนะคะ หรือจะทิ้งข้อความไว้ที่ Inbox ก็ได้ค่ะ
หรือจะเมลไปที่ e-mail: nujanc@hotmail.com
หลังจากชำระเงินแล้ว กรุณาส่งภาพถ่ายสลิปหรือหลักฐานการโอนเงินมาอีกครั้งเพื่อยืนยันนะคะ ถ้าใครโอนผ่านตู้ ATM ไม่อยากยุ่งยากอะไรมากก็ให้ส่งข้อความเข้ามาที่
มือถือเบอร์ 085-3894727 ค่ะ
(กรุณาโอนแบบมีเศษสตางค์นะคะ เผื่อสะดวกในการตรวจเช็คค่ะ)
%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%
เธอคือพสุธาที่แห้งแล้ว
เขาคือแสงแดดที่ตามแผดเผา
++++++++++++++++++
พี่หิน หนุ่มน้อยนิรนามผู้มามอบโลกใบใหม่ที่สดใสสวยงามให้น้องเอ๋ย และจากไปพร้อมกับโลกใบนั้น ทิ้งไว้แต่โลกมืด โลกไร้สุขและสิ้นหวังเอาไว้ให้น้องสาวที่เขาเองก็รักปานดวงใจ
‘พี่รักเอ๋ยนะจ๊ะ สามสี่วันที่ออกเรือ พี่คงจะต้องเป็นบ้าแน่ๆ เพราะคิดถึงเอ๋ย แล้วเอ๋ยล่ะ รักพี่และจะคิดถึงพี่หรือเปล่า’
‘ไหนบอกให้พี่ชื่นใจหน่อยสิจ๊ะคนดี’
‘บอกให้พี่ได้ยินหน่อยสิจ๊ะคนดีของพี่ เดี๋ยวเราต้องรีบกลับเข้าบ้านกันแล้วนะ’
‘ถ้าเอ๋ยไม่บอก พี่ต้องตายเพราะอยากรู้แน่ๆ เลย นะนะ บอกพี่ที’
‘ถ้าเอ๋ยไม่บอก พี่ต้องตายเพราะอยากรู้แน่ๆ เลย นะนะ บอกพี่ที’
‘ถ้าเอ๋ยไม่บอก พี่ต้องตายเพราะอยากรู้แน่ๆ เลย นะนะ บอกพี่ที’
++++++++++++++++++
วรินรำไพ หรือ เอ๋ยหญิงสาวผู้ไม่หลงเหลือหัวใจให้ใครได้แล้วนอกจาก 'พี่หิน' คนเดียวเท่านั้น
“พี่หินจ๋า! เอ๋ยมารับพี่หินแล้ว พี่หินอยู่ไหนจ๊ะ พี่หินกลับมาหาเอ๋ยสิจ๊ะ”
น้ำตาที่ไม่เคยเหือดแห้งนั้น หลั่งไหลลงมาอีกมากมาย เมื่อภาพในค่ำคืนนั้นลอยมาอยู่ตรงหน้าสาวน้อยที่กำลังเจ็บเสียด แน่นที่อกเพราะความเสียใจ
“เอ๋ยรักพี่หินจ๊ะ พี่หินได้ยินมั้ยจ๊ะ ว่าเอ๋ยรักพี่หิน”
“เอ๋ยจะรักเพียงพี่หินคนเดียวเท่านั้น พี่หินต้องกลับมาหาเอ๋ยนะจ๊ะ เอ๋ยรู้ว่าพี่หินยังไม่ตาย”
ร่างเล็กยกเสื้อผ้าพี่ชายขึ้นมากอดไว้ ก่อนจะแนบแก้มลงไปหา ปล่อยให้หยาดหยดน้ำตาไหลรินลงไปใส่ ประหนึ่งอยากให้พี่ชายที่แสนดีมาซับน้ำตาที่หลั่งรินออกมาเพราะความเสียใจอย่างสุดซึ้งก็ไม่ปาน
“เอ๋ยจะรอพี่หินอยู่ตรงนี้ตลอดไป พี่หินได้ยินมั้ยจ๊ะ ว่าเอ๋ยจะรอพี่หินคนเดียว และจะรักพี่หินคนเดียวเท่านั้น”
ประโยคอ้อนวอนของพี่ ตกย้ำซ้ำเติมให้น้ำตาน้องหลั่งรินออกมามากมายแล้วแทบจะกลายเป็นสายเลือด เพราะความเสียดายที่ไม่ได้บอกคำที่พี่อยากได้ยินออกไป ถ้าเพียงแต่น้องคนนี้ล่วงรู้ว่าความตายจะมาพรากพี่ไปจากน้องในรวดเร็วขนาดนี้
“เอ๋ยรักพี่หินจ๊ะ รักและจะรอให้พี่หินกลับมาหาเอ๋ยอีก กลับมาสร้างบ้านในฝันของเรา กลับมาอยู่กับเอ๋ย มีลูกตัวเล็กๆ กับเอ๋ย แล้วเราจะจูงลูกไปส่งโรงเรียน เหมือนที่พี่หินบอกไว้ไงจ๊ะพี่หินจ๋า”
กายเล็กๆ และยังกอดเสื้อผ้าพี่หินอยู่นั้น ค่อยๆ รูดเลื่อนไปตามผนังเก๋งเรือลงไปหาพื้น เมื่อมีประโยคอ้อนวอนของพี่ลอยมาตอกย้ำความผิดพลาดไม่ขาดหาย
และถ้าเพียงเลือกได้อีกครั้ง ถ้าเพียงย้อนเวลากลับมาได้อีกครั้ง ถ้าเพียงมีพี่ชายที่แสนดีอยู่ข้างกายอีกครั้ง ถ้าเพียงค่ำคืนสุดท้ายที่ได้อยู่กับพี่ชายแบบนั้นอีกครั้ง
“เอ๋ยรักพี่หินจ๊ะ รักมาก รักมากยิ่งกว่าสิ่งใดในโลก และพี่หินจะอยู่ในใจเอ๋ยตลอดไปจ๊ะ แล้วเอ๋ยก็จะรอ รอวันที่พี่หินกลับมาหาเอ๋ย กลับมาฟังคำบอกรักจากเอ๋ย กลับมาทำความฝันที่เรามีด้วยกัน เอ๋ยจะรอพี่หินจ๊ะ ต่อให้เอ๋ยจะต้องไปตลอดชีวิต เอ๋ยก็จะรอพี่หินคนเดียว จะรักและจะรอพี่หินของเอ๋ยคนเดียว ไม่ว่าจะนานแค่ไหน เอ๋ยก็จะรอ”
++++++++++++++++++
ชลธิป จิระธนานนท์ หรือ คุณร๊อคผู้บริหารหนุ่มเจ้าของ‘ตาเบบูญา บางปูปาร์ค รีโซเทล แอนด์ สปา’ผู้ที่หวนกลับมาทำร้ายคนที่เขารักปานดวงใจโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว กระทั่งวินาทีสุดท้าย
“นรกสำหรับคุณไง!”
เขาคว้าแขนเล็กๆ ไว้แล้วกระชากตามตัวไปอย่างแรง
“เงียบทำไม! ถึงเวลาที่คุณจะต้องอธิบายให้ผมฟังได้แล้ว ว่าคุณทำยังไงถึงได้รอดจากการติดคุก ถ้าเหตุผลเพียงเพราะคุณอยากได้ตัวผม เงินผม คุณก็บอกมาดีๆ สิ ผมจะจัดให้!”
“...”
“เงียบทำไม! คุณบอกผมมาสิว่าทำไม! ตอบผมมาให้ได้! ไม่อย่างนั้นคุณจะต้องเสียใจกับการกระทำของคุณเอง! ตอบผมมา!!!”
ประตูห้องเปิดออกได้ ร่างผอมบางก็ถูกกระชากแขนอย่างแรงเข้าไปในห้องจนกระแทกกับตู้เสื้อผ้า ทว่าวริญรำไพก็ไม่คิดจะพูดอะไรออกมา นอกจากมีน้ำตาไหลรินอาบสองแก้มเท่านั้น
“คุณพูดไม่ออกเหรอ! หรือบอกผมไม่ถูกว่าคุณใช้วิธีไหน ถึงได้รอดคุกมา!”
“ฉันเปล่า ฉันไม่ได้ทำอะไร คุณก็รู้ว่ามันเป็นอุบัติเหตุ”
“ผมไม่โง่พอที่จะเชื่อคำของคุณ เหมือนพ่อผม เหมือนพ่อตาผม เหมือนทนายนั่น หรือเหมือนไอ้หน้าโง่คนไหนทั้งนั้น เพราะผมรู้ดีว่าคุณมันแผนสูง คุณมันเก่งเรื่องมารยาสาไถจนผมเกือบจะหลงเชื่ออยู่แล้ว บอกผมมาสิ ว่าคุณไปทำอีท่าไหนทุกคนถึงได้เชื่อคุณนัก คุณลงทุนเอาตัวไปประเคนให้ถึงเตียง เหมือนที่ประเคนให้ไอ้ล่ำนั่นหรือเปล่า!!!”
“ฉันเปล่า คุณกำลังเข้าในฉันผิด”
“ใช่! ผมเข้าใจคุณผิด ผิดมาโดยตลอดที่คิดว่าคุณมันเป็นคนดี! คนซื่อ คนสะอาดบริสุทธิ์! แต่ตอนนี้ผมเข้าใจถูกต้องแล้ว ว่าคุณมันเลวยังไง! คดยังไง! สปรกแค่ไหน! ในตัวคุณมันเต็มไปด้วยคราบคาวของผู้ชายรวยๆ กี่สิบคนแล้ว หรือกี่เที่ยวแล้วล่ะ คุณถึงได้พ้นผิด คุณไปแบให้ตั้งแต่ร้อยเวรที่โรงพักยันไอ้ทนายมือหนึ่งนั่นเลยหรือเปล่า! พวกเขาถึงได้เชื่อ จนปล่อยให้คุณออกมายืนหน้าตาเฉยแบบนี้ได้ ทีนี้ก็ถึงเวลาที่คุณจะทำให้ผมเชื่อเหมือนคนพวกนั้นบ้างแล้วล่ะ”
“ไม่จริง! ฉันไม่เคยทำอะไร คุณกำลังเข้าใจผิดค่ะ ฉันไม่เคยทำแบบนั้น!”
“ผมไม่เชื่อ!!! หรือถ้าคุณอยากให้ผมเชื่อ ก็ให้ผมพิสูจน์สิ! ว่าคุณมันบริสุทธิ์จริง! อย่าดีแต่เสแสร้ง!” เขาเข้าไปจับสองไหล่เหวี่ยงไปหาเตียง
“โอ๊ย!!!”
จนร่างผอมๆ ร้องด้วยความจุก “คุณเจ็บเหรอ! แค่นี้มันยังน้อยไป! มันยังไม่สาสมที่คุณทำให้ผมเจ็บ! ต่อไปนี้คุณก็เชิญมีชีวิตอยู่ในขุมนรกกับผมก็แล้วกัน!”
ร่างเล็กๆ ถูกร่างใหญ่ๆ ล็อกไว้กับเตียงทันที ปากก็ร้องขอ อ้อนวอนต่อเขาทั้งน้ำตา “อย่า!!! ได้โปรด!!! อย่า!!!”
“นี่เป็นคือคำพิพากษาสูงสุดจากผมสำหรับผู้หญิงชั่วอย่างคุณ!!!”
“อย่า!!! ได้โปรดอย่าทำ...”
เรี่ยวแรงในกายที่เคยมีตอนนี้หดหายไปหมดแล้ว เมื่อถูกอีกกายตรึงไว้กับเตียงใหญ่ แล้วระดมจูบอย่างรุนแรง ไร้ซึ่งความปรานีใดๆ จนเดาได้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับตัวเอง เมื่อเขายื่นความจำนงค์ให้รู้อย่างโจ่งแจ้ง
“อย่า!!! ได้โปรด!!! อย่าทำอย่างนี้กับฉัน!!!”
“อย่ามาขอชีวิตจากยมบาลอย่างผม! เพราะไม่มีทางที่ผมจะปล่อยให้คุณลอยนวลอยู่ได้โดยไม่ต้องชดใช้อะไรแน่!!! คุณต้องตาย! และต้องตายทั้งเป็นด้วย!!!”
++++++++++++++++++ดลยา นิติพงษ์พาณิชย์ หรือ คุณย่าสาวผู้เกิดมามีทุกอย่างพร้อมสรรพ ไม่ว่าจะเป็นรูปสมบัติ ทรัพย์สมบัติและมีเป็นที่รักของผู้คนรอบข้าง เพราะเธอนั้นแสนดีจนเป็นที่เลื่องชื่อจนได้หัวใจของชลธิปไปครอบครอง
“มาแล้วตากล้องมือดีที่คุณย่าจองตัวไว้ เอ๋ยมารู้จักคุณย่าเร็วๆ เข้า”
พอไปถึงซุ้มเรือนไทยที่ใช้เป็นที่ตระเตรียมข้าวของ เจ้านายสาวก็รีบลากแขนให้เดินตรงไปหาว่าที่เจ้าสาวที่อยู่ในชุดขาวสะอาดตา สวยงามราวเทพธิดาจำแลงกายมาก็ไม่ปาน
“สวัสดีค่ะคุณเอ๋ย ได้เจอตัวกันสักทีนะคะ หลังจากที่คาดกันมาสองสามรอบแล้ว”
ดลยาเป็นฝ่ายเอ่ยด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสก่อน วริญรำไพที่ยกมือไหว้ดวงกมลแล้วถึงได้หันไปหาลูกค้าซุปเปอร์วีไอพี “สวัสดีค่ะคุณย่า ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ”
แล้วก็ยกมือไหว้ทักทายพร้อมส่งยิ้มบางๆ เพียงเล็กน้อยให้ตามสไตล์ที่ทุกคนมักจะคุ้นเคย “เช่นกันค่ะ ยังไงก็ต้องใช้ฝีมือถ่ายภาพย่าออกมาให้สวยที่สุดเลยนะคะ”
“ค่ะ งั้นเอ๋ยขอตัวไปเตรียมกล้องก่อนนะคะ”
ดลยาหันไปหาดวงกมลกับสุภาภรณ์แล้วยิ้มให้อย่างรู้กัน เพราะตอนที่แต่งตัวอยู่บนห้อง ทั้งสองบอกไว้แล้วว่าตากล้องสาวผมยาวถึงเอวเป็นคนพูดน้อย เก็บเนื้อเก็บตัว ไม่ค่อยสังสรรหรือสุงสิงกับใครมากนอกจากจะเกี่ยวข้องกันในเนื้องาน
++++++++++++++++++
อติรัตน์ จิระธนานนท์ผู้หญิงที่กุมชะตากรรมทุกคนไว้ในมือ ผู้หญิงที่เห็นแก่ตัว ไม่สนใจใครหรืออะไรทั้งสิ้นนอกจากหน้าตาทางสังคม ความเหมาะสม และผลประโยชน์
“ไม่ต้องมาสำบัดสำนวนกับฉันให้มากความหรอก!! เท่าไหร่บอกมา!!!”
“ห้าล้านพอมั้ย!!!” อติรัตน์รีบยื่นข้อเสนอ
“ถ้าน้อยไปก็สิบล้าน!!! แล้วเธอก็ต้องปิดปากให้เงียบ!!! อย่าบอกเรื่องนี้กับใคร!!!”
“งั้นก็ยี่สิบล้าน! ค่าช่วยชีวิตลูกฉัน อีกสิบล้าน! สำหรับเธอที่ต้องปิดปากเงียบ อีกสิบล้าน! สำหรับการเดินไปจากชีวิตลูกฉันซะ และอีกสิบล้าน! สำหรับการไปแล้วไม่ต้องหวนกลับมาหาลูกฉันอีก ทั้งหมดห้าสิบล้าน!!! ฉันว่าเธอรวมคนทั้งเกาะหาไปตลอดชาติก็ไม่มีทางได้เห็นเงินก้อนนี้ด้วยซ้ำ”
“ว่าไง!! จะเอาหรือไม่เอา! อย่ามาลีลาเพื่อจะขึ้นค่าปิดปากนะฉันไม่ชอบ! หรืออยากได้เท่าไหร่ก็บอกมา! ฉันจะชดใช้ให้!!!”
“อย่ามาเล่นลิ้นกับฉันนะ! บอกมาอยากได้เท่าไหร่ฉันจะจ่าย!!!”
“อย่ามาตีฝีปากกับฉัน!!! เธออยากได้อะไรฉันจะชดใช้ให้!!!”
“บอกมาว่าต้องการเท่าไหร่! ฉันจะจ่ายให้!!! แล้วรีบไสหัวออกไปจากชีวิตพวกฉันสักที!!! ฉันเบื่อที่จะต้องตามแก้ปัญหาที่เธอคอยตามสร้างให้เต็มทีแล้ว!!!”
“ทำไมฉันต้องสนด้วย!!!”
++++++++++++++++++
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7.7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
4.3 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
5.3 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ