ตราบฟ้าไร้ดาว
เขียนโดย Kankrao
วันที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2558 เวลา 15.46 น.
แก้ไขเมื่อ 1 กันยายน พ.ศ. 2558 16.01 น. โดย เจ้าของนิยาย
24) สับสนใจหัวใจ ๒+++๑๐๐%
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ“พวกคุณแน่ใจเหรอ! ว่าไอ้เจ้านี่อยู่กับเด็กคนนั้น”
ชลธีดูรูปที่ได้จากสองหนุ่มชุดดำแล้วก็ย้ำถาม อติรัตน์ก็รีบหยิบไปดูอีกเพื่อความแน่ใจ ยิ่งได้เห็นสองหญิงชายเดินใกล้ชิดกัน ยิ้มให้กันอย่างสนิทสนม ก็ยิ่งมั่นใจว่าตัวเองทำถูกแล้ว ที่จะตั้งป้อมกีดกันไม่ให้ลูกเอาตัวเองเข้าไปเกี่ยวข้องกับคนพวกนี้
“แน่ใจครับ! ภาพนี้เพิ่งถ่ายมาเมื่อเช้านี่เองครับ ส่วนอีกภาพถ่ายเมื่อวานเย็น”
หนุ่มในสองหนุ่มยืนยันเสียงหนักแน่น ทำเอาสองลูกค้ากระเป๋าหนักหันไปหากันอย่างครุ่นคิด ก่อนจะเขียนเช็คสั่งจ่ายให้เป็นพิเศษนอกเหนือจากงานที่ได้คำตอบจากสองหนุ่มมาแล้วเมื่อวันก่อน
“ขอบคุณครับ ถ้ามีอะไรจะให้พวกเรารับใช้ก็ยินดีนะครับ”
“แล้วอย่าลืมเรื่องความลับด้วยล่ะ”
“ได้เลยครับ ถ้าไม่มีอะไรแล้วเราขอตัวก่อนนะครับ นัดกับลูกค้าอีกรายไว้”
“เชิญ!”
ชลธีนำทั้งสองออกจากห้องสมุด โดยมีอติรัตน์ตามออกมาไม่ห่าง “เราเย็นอยู่ต่อไปไม่ได้แล้วนะคะคุณ จะต้องรีบเอานังเด็กบ้านนอกนั่นออกจากลูกเราให้เร็วที่สุด ไม่อย่างนั้นงานแต่งได้ล่มแน่ๆ”
และทันทีที่สองนักสืบคล้อยหลังไป สองผัวเมียก็หันไปหากันด้วยใบหน้าเคร่งเครียดกับปัญหาที่ค้างคามานานนมและหาจุดจบสิ้นได้ยากเย็นนัก
“ใจเย็นสิคุณ! อย่าเพิ่งตีโพยตีพายไปก่อนไข้ มันจะได้ไม่คุ้มเสียนะ ผมบอกคุณหลายครั้งแล้วกับความใจร้อนของคุณนี่” ชลธีรีบหันไปเตือนภรรยาด้วยความอารมณ์เย็น และท่าทีสุขุมน่าเกรงขามตามบุคคลิคของเขานั่นเอง
“จะให้ใจเย็นยังไงไหวคะ! คุณไม่เห็นเหรอว่าคืนก่อนลูกเราไปหามันถึงห้อง มีอะไรกันไปถึงไหนแล้วก็ไม่รู้” อติรัตน์ออกแววกังวลขึ้นมาอีกระรอก
“แต่ไอ้ร่วมก็บอกเวลาให้เรารู้แล้วนี่ว่าลูกขึ้นไปกี่นาที เวลาแค่นั้นไม่ทันได้มีอะไรหรอกน่า”
“จะเย็นยังไงไหวคะ ถึงคืนนั้นไม่นาน แล้วที่ลูกหอบมันไปนอนบนเรืออีกทั้งวันทั้งคืนล่ะคะ ไม่ไปถึงไหนๆ หรือไม่ป่านนี้มันไม่ท้องไปแล้วเหรอคะ โอ๊ย! รัตน์จะทำยังไงกับลูกดีคะ”
“นิ่งๆ อย่าโวยวาย! แล้วก็ใจเย็นๆไว้! โน่นลูกกลับมาแล้ว อย่าเผลอแสดงอะไรให้ลูกสงสัยเชียวล่ะ”
อติรัตน์เพิ่งจะนึกขึ้นได้ว่าแฟ้มอ่อนขนาดบีห้าสีส้มที่นักสืบเอามาให้ยังอยู่ในมือตัวเอง ลูกก็เดินมาใกล้แล้ว เลยกลับเข้าไปในห้องสมุด จะเอาใส่ลิ้นชักโต๊ะที่สามีมานั่งประจำในตอนแรก
แต่ก็เปลี่ยนใจกลัวลูกจะมาเปิดเจอ แม้พักนี้ลูกจะยุ่งจนไม่มีเวลามาเข้าห้องสมุดเลยด้วยซ้ำ แต่ผู้แม่ก็เอาแฟ้มไปเสียบไว้รวมกับหนังสือบนชั้นที่ต่ำจากระดับสายตาเอาไว้ก่อน
ถึงได้รีบออกไปหาลูกกับสามีที่เดินไปห้องนั่งเล่นด้วยกันแล้ว “มีอะไรจะพูดกับพ่อกับแม่เหรอร๊อก”
แม้ชลธีจะมีท่าทีสงบกับคำบอกของลูกว่ามีเรื่องสำคัญจะคุยด้วย แต่ในใจนั้นอดหวาดหวั่นไม่ได้ว่าจะเป็นเรื่องเดียวกับที่ตัวเองและภรรยากังวลอย่างหนักในตอนนี้
“ผม! เอ่อ!”
แม้จะใช้เวลาสองคืนกับอีกสองวันเพื่อเรียกความกล้าให้ตัวเองสักแค่ไหน แต่สุดท้ายคนที่ไม่เคยทำอะไรเป็นการขัดใจพ่อแม่เลยตั้งแต่จำความได้ ไม่ว่าจะเรื่องระดับการเรียน มหาวิทยาลัยดังที่พ่อแม่หมายตาไว้อยากให้สอบเข้าเรียนได้
หรือการตัดทิ้งการเรียนหมอซึ่งเป็นอาชีพที่ตัวเองฝันใฝ่ แล้วหันมาสืบทอดกิจการหลายอย่างที่พ่อแม่เริ่มไว้ให้ รวมทั้งเรื่องชีวิตคู่ที่ยังคงเดินตามก้าวที่พ่อแม่ชี้ให้ด้วย
กระทั่งได้ค้นพบหัวใจตัวเองเมื่อไม่นานมานี้ ว่ารักใครหรือต้องการใครมากแค่ไหน และก็มากพอที่จะทำให้เขาลุกขึ้นมาแหกกฏเกณฑ์ที่พ่อแม่ขีดเขียนไว้ให้
“มีอะไรก็รีบๆ พูดมาสิ จะมัวอ้ำอึ้งเป็นเด็กอยู่ทำไม”
พ่อเป็นคนเตือนสติด้วยท่าทีเรียบขรึม จนทำให้เขาอดหวาดเกรงถึงผลจะตามมาไม่ได้ แต่สุดท้ายก็สูดหายเข้าปอดลึกๆ ก่อนตัดสินใจเอ่ย
“ผมอยากจะยกเลิกงานแต่ง หรือไม่ก็ขอเปลี่ยนเจ้าสาวครับคุณพ่อคุณแม่”
“อะไรนะ!!! ร๊อก!!!” ผู้แม่ที่แม้จะพอเดาออก แต่ก็ยังตกใจ
“ลูกพูดอะไรออกมา! บ้าไปแล้วหรือเปล่า!!!”
เพราะไม่คิดว่าลูกจะกล้าเอ่ยคำนี้ออกมาได้ จากที่แค่คิดว่าลูกคงจะแค่หลงรูปแม่ยาวผมยาวนั่นชั่วครู่ชั่วยาม พอได้เชยชมแล้วก็จะหนีไป กลับกลายเป็นอีกเรื่อง
“อะไรที่ทำให้แกลุกขึ้นมาบอกพ่อกับแม่แบบนี้ล่ะ”
ชลธีส่งสายตาดุ สีหน้าเข้มเสียงหนักแน่นทั้งดังไปหาลูก “เพราะผมคิดว่าย่าอาจจะไม่ใช่ผู้หญิงที่ผมรักมากพอที่จะแต่งงาน และอยู่กินด้วยไปจนแก่เฒ่าได้ครับคุณพ่อ”
“ร๊อก!!! ทำไมลูกถึงได้ตาต่ำแบบนี้!”
อติรัตน์ลุกขึ้นวิ่งออกจากห้องนั่นเล่นทันที แต่สองพ่อลูกไม่ได้สนใจอะไร เพราะกำลังหน้าดำคร่ำเคร่งกับเรื่องที่ถือเป็นจุดสำคัญที่สุดในชีวิตก็ว่าได้
“แต่แกก็ใช้คำว่าอาจจะ นั่นแปลว่าแกเพียงแค่ไม่มั่นใจเท่านั้น!”
“งั้นผมก็จะบอกว่า ผมมั่นใจว่าย่าไม่ใช่คนที่ผมอยากใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ด้วยแน่นอนครับ...”
“แกต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ ที่คิดจะปฏิเสธผู้หญิงดีๆ ผู้หญิงที่เพรียบพร้อม และเหมาะกับแกอย่างหนูย่า! ถ้าคนนี้หลุดมือไปแล้วแกจะไม่มีทางหาใครมาแทนที่ได้! และแก...”
“ผมหรือว่าคุณพ่อคุณแม่กันแน่ครับที่ไม่สามารถจะหาคนอย่างย่ามาแทนที่ได้ ทำไมคุณพ่อต้องให้ผมเอาชีวิตทั้งหมดที่เหลือ ไปกองไว้กับผู้หญิงที่ผมไม่ได้รักมากพอที่จะแต่งงานด้วย เพียงเพราะเธอมีฐานะการเงิน ฐานะทางสังคมตรงกับใจคุณพ่อคุณแม่ด้วยล่ะครับ! คุณพ่อเห็นผมเป็นอะไรครับ! หุ่นยนต์หรือว่าหุ่นเชิด! หรือ...”
‘เผียะ’
อติรัตน์ที่เดินกลับมาทันได้เห็นสามีตบหน้าลูกเต็มแรง จนคนเป็นลูกถึงกับหน้าหัน แล้วยกมือขึ้นลูบแก้มด้วยความเจ็บแสบ แต่ที่เจ็บมากกว่านั่นคือหัวใจ นี่เป็นครั้งที่สามในชีวิตที่เขาถูกพ่อตบ
หนึ่งคือตอนที่ไม่อยากไปเรียนต่ออังกฤษเพราะติดเพื่อนที่เมืองไทย!
สองคือตอนที่เขาไม่อยากเข้าเรียนที่ฮาร์วาร์ด!
เพียงเพราะพ่อกับแม่อยากอวดเพื่อนหรือญาติพี่น้องที่มีน้อยนิดว่ามีลูกเก่ง แล้วตอนนี้ก็คือเขาขัดขืนไม่ยอมฝืนหัวใจตัวเองอีกต่อไปแล้ว
“ต่อให้แกอายุห้าสิบ! และเก่งกาจมากกว่านี้ ฉันก็จะทำแบบนี้กับแก ถ้าแกริจะมาย้อนคำฉัน! แล้วแกจงหัดลืมตามาดูบ้างว่าถ้าไม่มีทุกอย่างที่ฉันกับปู่ย่าตายายสร้างไว้ไหน ผู้หญิงที่ไหนจะมามองแก! เพราะถ้าไม่มีเงินแกก็ไม่ต่างไปจากยาจกดีๆ นี่เอง! จำเอาไว้!”
ผู้พ่อชี้หน้าใส่ลูกแล้วด่าเสียงดังโดยไม่สนใจว่าลูกจะเสียใจกับการกระทำของตัวเองยังไง เพราะพ่อเองก็ผิดหวังในตัวลูกไม่น้อยไปกว่ากัน
“แต่ผมยินดีที่จะเป็นยาจก ถ้านั่นทำให้ผมมีความภาคภูมิใจที่ได้เลือกทางเดินของตัวเอง! โดยเฉพราะผู้หญิงที่ผมจะแต่งงานด้วย! ผมก็จะเลือกคนที่ผมค้นพบว่าเป็นคนที่ใช่กว่า และจะทำให้ผมมีความสุขมากกว่า ถ้าได้อยู่กับเธอ!”
นี่ถือเป็นครั้งแรกที่เขากล้าขึ้นเสียงเถียงพ่อออกมา น้ำตาก็ไหลออกมาพร้อมๆ กัน “ลูกหมายถึงนังคนนี้ใช่มั้ยร๊อก!!!” ผู้แม่เลยเดินเข้ามาโยนรูปสี่ห้าใบใส่หน้าลูกทันที
เขาหันไปหาแม่ แล้วก้มมองรูปที่อยู่บนโต๊ะกลางทันทีเช่นกันเพราะความสงสัย ก่อนจะหันไปมองพ่อทั้งน้ำตาอีกครั้ง
“นี่ใช่มั้ย! คือผู้หญิงที่แกคิดว่าใช่ของแก! นี่ใช่มั้ยคือผู้หญิงที่แกคิดว่าจะอยู่ด้วยแล้วมีความสุข มันอาจจะใช่ของแก แม่นี่ได้อยู่กับแกก็คงจะมีความสุขไม่น้อย เพราะมีเงินแกเอาไว้ให้ใช้ไปจนตลอดชีวิต! แต่ฉันก็เห็นว่าแม่นี่อยู่กับผู้ชายคนนี้ หรือจะผู้ชายคนไหนในโลกก็มีความสุขได้! ตราบใดที่มีเงินให้มันเอาไปผลาญเล่น!”
“ไม่จริงครับ! ผมไม่เชื่อ! คุณพ่อคุณแม่ไปเอารูปพวกนี้มาจากไหน!”
“ก็จากคอนโดฯ นังผู้หญิงที่แกไปหาเมื่อคืนก่อนไงล่ะ! ถ้าแกไม่เชื่อฉัน ก็เชิญแกตามไปดูได้ ถ้าแม่นี่จะยอมให้แกเห็นธาตุแท้ของมันนะ ไปดูให้เห็นเต็มๆ ตา! แล้วถ้าแกยังแน่ใจว่าจะยกเลิกงานแต่ง แล้วคว้าแม่นี่มาทำเมียแทน ฉันจะทำตามที่แกต้องการทันที!”
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ