月は眠れぬ 〜 Sleepless Moon
เขียนโดย triomagicalgirls
วันที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2558 เวลา 15.54 น.
แก้ไขเมื่อ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2558 16.12 น. โดย เจ้าของนิยาย
2) Sleepless Moon 02
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความไดสุเกะ
วันต่อมา
ณ สำนักองเมียวชานเมืองหลวง
หลังจากกลับจากคฤหาสน์ท่านไดนะกอน ไดสึเกะก็ใช้เวลาแทบทั้งวันหมกมุ่นกับการรื้อค้นตำราและม้วนคัมภีรย์เกี่ยวกับปีศาจเสียวุ่นวาย จนกองตำราแทบจะเรียกได้ว่าฝังร่างเขาได้ทั้งตัว
... ไม่ว่ายังไงก็ติดใจอยู่ดีนี่นา ...
ชายหนุ่มบ่นกับตัวเองพลางนึกถึง 'กลิ่น' ที่เขาสัมผัสได้จากร่างของขุนนางหนุ่มในชุดม่วงเข้มผู้นั้น
เมื่อแรกพบกัน 'กลิ่นความตาย' อันรุนแรงที่โชยมาจากชายหนุ่มในเสื้อผ้าชั้นสูงนั้น เขาเข้าใจว่า เป็นเพราะชายหนุ่มเคราะห์ร้ายมีชะตาถึงฆาต จึงมีกลิ่นคล้ายกับคนตาย
หากแต่เมื่อได้พบอีกครั้ง หลังจากเสร็จงาน 'กลิ่นความตาย' ที่สัมผัสได้ยามชิดใกล้นั้น กลับชี้ชัดว่า ตัวชายหนุ่มเองต่างหากที่เป็นต้นกำเนิดแห่งความตายนั้น
ทว่า... ต้นกำเนิดกลิ่นแห่งความตายที่เขาคุ้นเคยกลับเป็นซากศพที่ไม่อาจขยับเขยื้อนหรือแม้แต่เอื้อนเอ่ยใดๆ ผิดกับชายหนุ่มท่าทางสูงศักดิ์ที่เขาพบเจอ
คนธรรมดาไม่มีทางมีกลิ่นความตายรุนแรงขนาดนี้ แต่ขณะเดียวกัน ปีศาจทั้งหลายที่เขาพบมา ก็ไม่มีตนไหนกลบกลิ่นปีศาจได้หมดจดจนเขาแทบสัมผัสไม่ได้แบบนี้เลยสักตนเดียว
... ท่านเป็นใครกันแน่? ....
ความขัดแย้งที่แปลกประหลาดนั้นกระตุ้นความสนใจของเขาอย่างยิ่งยวด ...ถึงขนาดอดหวังอยู่ในใจลึกๆ ไม่ได้ว่า อาจจะได้พบกับ 'พวกเดียวกัน' เข้าแล้วก็เป็นได้
เหมือนกับเขาที่ไม่อาจเป็นปีศาจเต็มตัวได้ เพราะมีเลือดปีศาจหมาป่าอยู่เพียงครึ่งเดียว
แต่ในขณะเดียวกัน หูหมาป่าที่ตั้งเด่นอยู่บนหัวทั้งสองข้างนั่น ก็มีแต่จะคอยประกาศให้คนอื่นรู้ว่าเขาไม่ใช่มนุษย์
เขาที่ไม่อาจเป็นได้ทั้งปีศาจและมนุษย์ จึงไม่เคยมีสิ่งที่สามารถเรียกได้ว่า 'พวกเดียวกัน' มาก่อน ดังนั้นเมื่อได้รับรู้ถึงลักษณะพิเศษของชายหนุ่มจึงอดไม่ได้ที่จะติดใจ และลงมือค้นหาข้อมูลอย่างเอาเป็นเอาตายเช่นนี้
"อ๊ะ!! เจอแล้ว!!"
องเมียวหนุ่มร้องอุทานอย่างยินดี พร้อมกับกวาดสายตาอ่านข้อมูลที่ถูกบันทึกไว้บนตำราเก่าแก่อย่างรวดเร็ว
แต่ว่าจังหวะนั้นเอง ภูติรับใช้ที่เขาเสกจากกระดาษ เพื่อใช้งานจิปาถะทั่วไป ก็แทรกตัวผ่านกองภูเขาตำราโผล่หน้ามายื่นจดหมาย ซึ่งประทับตราดอกเบญจมาศ (ตราประทับประจำราชวงศ์) แห่แก่เขาฉบับหนึ่ง
"เฮ้อ ให้ตายสิ"
องเมียวหนุ่มมองตราประทับบนจดหมายแล้วถอนใจอย่างกลัดกลุ้ม
นี่มันเกิดอะไรขึ้นในเมืองหลวงกันนะ ถึงได้ส่งคนมาเชิญเขาเข้าวังในเวลาค่ำมืดแบบนี้
...
ฮิโรชิ
แย่แล้วล่ะสิ... หากไม่รีบเอาไปให้ล่ะก็ท่านหญิงจะต้องบ่นแน่...
หญิงรับใช้ในตำหนักของบุตรีท่านไดนากอนคนหนึ่งกำลังรีบเร่งนำผ้าห่มผืนหนานุ่มมุ่งหน้าไปที่เรือนที่ท่านหญิงพักผ่อน คืนวันนี้อากาศหนาวและลมแรง ท่านหญิงต้องการความอบอุ่นมากเป็นพิเศษจึงสั่งให้เธอนำผ้ามาเพิ่ม
แต่จะว่าไปหลังจากเมื่อคืนวาน ท่านหญิงก็ดูจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมที่ช่างเอาแต่ใจแต่ก็ร่าเริงสดใส ในฐานะของบ่าวรับใช้ย่อมรู้สึกยินดีที่ได้รับใช้ท่านหญิงอีกครั้ง แม้จะเป็นคำสั่งที่เล็กน้อยและจุกจิกมากเพียงใดก็ตามที
หญิงสาวคิดพลางยิ้มน้อยๆ ขณะฝีเท้ายังคงเร่งตรงไปทางเรือนพักผ่อนที่เลียบข้างอดีตสวนสวยของท่านไดนากอนที่พังราบจากเรื่องเมื่อคืนวาน บนทางเดินนี้ทำให้เธอนึกอีกเรื่องขึ้นมาได้
เมื่อคืนที่ผ่านมา ขณะที่กำลังทำงานบ้านเล็ก น้อยๆ และจำเป็นต้องเดินผ่านทางเดินนี้ หญิงสาวบังเอิญเดินสวนทางกับชายหนุ่มสูงศักดิ์คนหนึ่งเข้า
เธอไม่รู้หรอกว่าเขาเป็นใคร แต่ท่าทางที่ดูนุ่มนวลและใจดีอ่อนโยนซึ่งเธอรู้สึกได้ ทำให้เธอชะงักงันไปครู่หนึ่ง ประกอบกับใบหน้าหล่อเหลาและการแต่งตัวที่ดูสะอาดสะอ้านทำให้หัวใจของเธอเผลอหลงใหลในรูปโฉมของอีกฝ่ายเข้าเสียแล้ว
ได้ยินจากรุ่นพี่สาวรับใช้ด้วยกันในภายหลังว่าท่านผู้นั้นคือท่านองเมียวที่ท่านไดนากอนจ้างวานให้ปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายออกจากท่านหญิง ยิ่งทำให้ความรู้สึกชอบบุรุษผู้นั้นทวีมากยิ่งขึ้น
แล้วเราจะมีโอกาสได้พบกันอีกไหมนะ...?
แต่คงจะเป็นไปไม่ได้ เพราะนี่เป็นงาน หากท่านองเมียวกลับมาที่นี่อีกครั้ง ย่อมแสดงว่าท่านหญิงก็ต้องเจอกับเรื่องเลวร้ายอีกเป็นแน่ ภาพของท่านหญิงที่นอนหลับไม่ได้เพราะฝันร้ายทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจมาตลอด สาวรับใช้ผู้ซื่อสัตย์ได้แต่ถอนหายใจกับความฝันอันลมๆ แล้งๆ ของเธอที่ไม่มีทางสมหวัง
ระหว่างที่เธอใกล้จะถึงเรือนพักผ่อนของท่านหญิงแล้ว หูของเธอก็แว่วเสียงฝีเท้าของใครบางคน ที่ใกล้เข้ามา ความหวาดระแวงถึงภัยอันตรายทำให้เธอหยุดเดินและเหลียวมองรอบกายด้วยความระมัดระวัง
ค่ำมืดดึกดื่นเช่นนี้ไม่น่ามีผู้ใดเดินบริเวณนี้ได้อีกแล้ว...
จู่ๆ ลมหายใจอุ่นร้อนรดลงใบหูของหญิงสาว เธอร้องกรี๊ดออกมา ทว่ากลับถูกมือใหญ่ปิดปากเอาไว้เสียก่อน เธอพยายามจะส่งเสียงร้องของความช่วยเหลือ แต่ก็ไม่เป็นผล มือนั้นปิดปากเธอแน่นเสียยิ่งกว่าอะไร หญิงสาวหลับตาพลางนึกถึงใบหน้าของท่านองเมียวหนุ่มเมื่อคืนวานด้วยไม่มีที่พึ่งใดอีกแล้ว
“ไม่ต้องกลัวข้าหรอก ข้าไม่ทำอะไรอันตรายเจ้าทั้งนั้น...” เสียงไพเราะดังขึ้นที่ข้างหูของหญิงสาว แม้ไม่เห็นหน้าทว่าเธอพอจะรับรู้ได้ว่ามันจะเป็นเช่นนั้นจริง หากเธอทำตามที่บุรุษปริศนาเอ่ย
ไม่ช้ามือใหญ่ก็คลายออกเพื่อให้เธอสามารถพูดได้ ทว่าวงแขนแข็งแรงที่โอบกอดเธอเอาไว้ก็ยังอยู่ที่ตำแหน่งเดิมไม่ให้ขยับไปไหน สาวรับใช้ใจเต้นระรัว ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป
“ท่าน... เป็นใคร...?” เสียงของเธอแผ่วเบายิ่งกว่ากระซิบ
“ข้าเป็นผู้ออกตามหาของสิ่งหนึ่ง แล้วเจอเจ้าเข้าพอดี” เสียงของชายหนุ่มลึกลับฟังดูแสนคุ้นหูเหลือเกิน ทว่าก็เหมือนกับการเดินตามหาของในหมอกควันสลัวที่ไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหน ทำไมทั้งที่คุ้นกับเสียงนี้มากแท้ๆ แต่หญิงสาวกลับนึกชื่อของเจ้าของเสียงนี้ไม่ออกเลย
“แล้วท่านต้องการอะไรจากข้า ปล่อยข้าเถอะเจ้าค่ะ ข้าไม่มีอะไรให้ท่านทั้งนั้น...” แม้จะรับรู้ได้ว่าชายที่อยู่เบื้องหลังคงไม่ทำอันตรายเธอ หากแต่ความหวาดกลัวว่าจะถูกพบเห็นก็ทำให้เธออยากรีบสลัดออกจากอ้อมกอดนี้ให้เร็วที่สุด
“มีสิ เจ้ามีสิ่งที่ข้าตามหา ได้โปรดยกมันให้ข้าได้หรือไม่?”
“สิ่งนั้นคืออะไร...?”
“ความทรงจำของเจ้าไงล่ะ...” สิ้นคำตอบ เจ้าของเสียงไพเราะเสนาะหูก็ก้มโน้มลงต่ำไปที่ตำแหน่งลำคอของหญิงสาว ความรู้สึกเจ็บจี๊ดแล่นผ่านจนเธอสะดุ้งตัวเบาๆ ทว่ามันไม่ได้อยู่ยาวนาน เป็นเพียงชั่วขณะอันแสนสั้นราวกับเวลาที่โบยบิน หญิงสาวเริ่มรู้สึกหน้ามืดเฉกเช่นเดียวกับคนที่เพิ่งเสียเลือด วงแขนที่เคยโอบกอดเธอค่อยๆ คลายออก แต่ก็ทำให้เธอมองเห็นหน้าของบุรุษปริศนาอย่างชัดเจน
“ท่าน...!”
ใบหน้ารูปไข่แลดูเยาว์วัยผิดกับอายุจริงปรกล้อมด้วยเส้นผมสีน้ำตาลอ่อน สิ่งที่โดดเด่นในครานี้คือดวงตาเรียวสวยที่บัดนี้กลายเป็นสีแดงดั่งโลหิตผิดมนุษย์ทั่วไปและเลือดที่ติดอยู่ตรงมุมปากหยักบางได้รูป ท่านผู้นี้เธอรู้จักเป็นอย่างดีเพราะเป็นแขกที่มาเยี่ยมเยือนบ้านของท่านไดนากอนเป็นประจำ ข้าราชการชั้นสูงแห่งราชสำนัก
“ท่าน...ฮิโรชิ...”
เธออยากจะกล่าวมากกว่านั้น ทว่าสติสัมปชัญญะก็ดับวูบลง พร้อมกับภาพของท่านฮิโรชิเปื้อนเลือดที่จะไม่อาจอยู่ในความทรงจำของเธอได้อีกต่อไป....
“เฮ้อ...” เขาถอนหายใจ หลังจากดูดเลือดของหญิงรับใช้ซึ่งเจอตัวโดยบังเอิญ เผื่อว่าเขาจะได้ข้อมูลอะไรเกี่ยวกับองเมียวผู้นั้นจากเลือดของเธอบ้าง แต่ก็ไม่พบอะไร นอกจากความรู้สึกชอบพอในรูปลักษณ์ของอีกฝ่ายเท่านั้น
แบบนี้ยิ่งน่าหงุดหงิด... ฮิโรชิทำเสียงจี๊ปาก เมื่ออ่านความทรงจำของหญิงสาวขณะดูดเลือดเสร็จ หนำซ้ำตอนที่เขาจับตัวเธอเอาไว้ เธอก็ยังคิดถึงแต่เจ้าองเมียวที่ไม่รู้หัวนอนปลายเท้านั้นอีก ข้าราชการหนุ่มผู้เป็นปีศาจดูดเลือดยามราตรียิ่งรำคาญเมื่อยิ่งสืบหาตัวตนของโอคามิโนะ ไดสุเกะผู้นั้นแล้วต้องเจอเรื่องที่ทำให้หัวใจหงุดหงิดได้ตลอดเวลา
ฮิโรชิใช้หลังมือเช็ดมุมปากที่ติดเลือดของหญิงสาว ก่อนอุ้มร่างที่หลับใหลไม่ได้สติไปวางไว้ที่ห้องนอนของเธอเองให้เรียบร้อย ดวงตาเรียวคมมองผ้าห่มในมือซึ่งเธอกำเอาไว้แน่นแล้วถอนหายใจอีกครั้ง เขาค่อยๆ ดึงผ้าห่มออกมาจากมือของเธอแล้วหันหลังเดินออกจากห้องไปเพื่อทำหน้าที่แทนเธอให้เสร็จ
ในคืนนี้... ขอข้าไปเยือนเพียงหน้าประตูเรือนของท่านหญิงก่อนก็แล้วกัน...
...
ไดสึเกะ
ยานพานะอันเรียบง่ายไร้การตกแต่งใดๆ บ่งบอกนิสัยสมถะของผู้เป็นเจ้าของได้เป็นอย่างดี
มีเพียงสีขาวบริสุทธิ์ของตัวรถ และวัวเผือกสีขาวปลอดเท่านั้น ที่พอจะเรียกได้ว่าพอจะสะดุดตาคนอยู่บ้าง
นายทวาณประจำประตูพระราชวังเห็นรถเทียมวัวสีขาวแล่นเข้ามาด้วยความเร็วดุจลมพัดก็รีบดึงประตูให้เปิดออกโดยพลัน ด้วยกลัวว่า จะถูกรถชนจนพังกลายเป็นเรื่องเป็นราวไป
... ใครจะอยากมีเรื่องกับพวกองเมียวกัน ...
โดยเฉพาะองเมียวที่เก่งกาจราวกับปีศาจเช่นองเมียวโอคามิผู้นี้ มีแต่พวกอายุสั้นอยากลงหลุมเร็วๆ เท่านั้นแหละที่คิดจะต่อกรกับชายหนุ่ม
... ทำไมต้องว่าแต่รีบร้อนเข้าวังยามค่ำคืนแบบนี้ด้วยนะ?...
###
"โอ้!! มาแล้วเรอะ ท่านองเมียว จักรพรรดิ์ท่าน ทรงร้อนพระทัยอย่างยิ่งทีเดียว"
ทันทีที่รถเทียมวัวสีขาวเข้าเทียบลานกว้างซึ่งมีทางเดินทอดยาวสู่พระราชวังมังกรเขียว อันที่ประทับของจักรพรรดิ์
ท่านเสนาฝ่ายซ้ายซึ่งเป็นขุนนางคนสนิทของจักรพรรดิ์ก็รีบสาวเท้าเข้ามาหาองเมียวหนุ่มอย่างร้อนใจ
"นี่มันเกิดอะไรขึ้นขอรับ ทำไมถึงได้ดูร้อนรนขนาดนี้?"
เมื่อถามสาเหตุออกไป ท่านเสนาฯ ก็เล่าคดีการตายปริศนาของสาวชั้นสูงให้ฟังอย่างหมดเปลือกระหว่างที่พวกเขาเดินเข้าไปในตำหนักมังกรเขียว
จากปากคำของท่านเสนาฯ หญิงสาวผู้เคราะห์ทุกคนมีจุดที่เหมือนกันคือ เป็นสาวงามเลืองชื่อและทุกศพแห้งกรังราวกับถูกสูบเลือดออกจนหมดตัว
นอกจากนี้สาเหตุที่ผู้กุมอำนาจอันหนึ่งของประเทศต้องร้อนใจจนตามเขามาในเวลานี้ก็คือ การเสียชีวิตปริศนารายล่าสุด
นางเป็นนางกำนัลห้องเครื่องที่จักรพรรดิ์เคยหมายตาไว้ว่าจะรับเข้ามาเป็นสนม หากแต่ก่อนจะได้ทำพิธีส่งตัวอย่างเป็นทางการ นางกลับถูกปีศาจเล่นงานเสียก่อน
"...องเมียวจิเอ๋ย ..."
เสียงสั่นเครือ หากแต่ยังคงไว้ซึ่งความหยิ่งทะนงของจักรพรรดิ์ เอ่ยกล่าวเรียกจากหลังม่านไม้ไผ่ในท้องพระโรง ขณะที่องเมียวหนุ่มนั่งคุกเข่าอยู่บนพื้นหินด้านนอก
"..."
ไร้คำตอบใดๆ จากริมฝีปากอวยอิ่มแดงระเรื่อของชายหนุ่ม ทั้งนี้เพราะในหัวเขานั้นมีแต่ข้อความที่ผ่านตาจากตำราเก่าแก่ ซึ่งแทบจะซ้อนทับกับคดีการตายปริศนาที่เกิดขึ้นได้อย่างพอดิบพอดี
เพราะปีศาจที่จะก่อให้เกิดการตายรูปแบบนี้ได้มีเพียงอย่างเดียว
... ผีดิบที่ดำรงชีวิตได้ด้วยเลือดสดๆ ...
... ตัวประหลาดที่ไม่ได้เป็นทั้งมนุษย์และปีศาจ ...
... คนที่เขาเคยหวังว่าจะได้เป็น 'เพื่อน' คนแรก ...
"...เพื่อเห็นแก่ความสงบของเมืองหลวง เจ้าจะช่วยจัดการกับปีศาจร้ายให้เราที จะได้ไหม?"
คำประกาศิตที่หลุดออกมาจากหลังม่าน คือคำสั่งที่ไม่อาจปฎิเสธได้ หากรักที่อยากจะมีชีวิตที่สงบสุขอยู่ในสังคมแห่งนี้ ชายหนุ่มขบริมฝีปากแน่นด้วยความฝืนใจ ก่อนจะตอบรับคำสั่งด้วยเสียงอันแผ่วเบา
"กระหม่อม ....รับบัญชาพะยะค่ะ"
... ทำไมกัน!!!...
... ทำไมท่านถึงต้องเป็นผีดูดเลือดด้วย!!! ....
...
ฮิโรชิ
"ฮัดเช่ย!"
"อ้าว เป็นอะไรไปล่ะท่านฮิโรชิ ไม่สบายหรือ?"
น้ำเสียงเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วงจากเพื่อนร่วมงาน ทำให้ข้าราชการหนุ่มร่างเล็กได้แต่หัวเราะกลบเกลื่อน ขณะอ่านเอกสารที่ตนเองต้องรับผิดชอบอยู่ภายในโถงทำงานที่มีเหล่าข้าราชการระดับสูงทำงานร่วมกันอยู่
"ข้าคิดว่าเพราะอากาศเปลี่ยนแปลง เลยจามได้ง่ายเช่นนี้"
"งั้นหรือ อย่าลืมรักษาสุขภาพด้วยล่ะ"
ชายหนุ่มพยักหน้าขอบคุณรับความหวังดีนั้น ก่อนก้มหน้าก้มตาทำงานต่อ
ภายนอกทุกคนคิดว่าเขาเป็นคนร่างกายอ่อนแอที่เจ็บไข้ได้ป่วยง่ายดายยามที่อากาศเปลี่ยนแปลง ทว่าความจริงแล้วไม่ว่าจะเป็นหิมะหรือแสงแดดก็ไม่อาจทำให้ร่างกายของเขารู้สึกสะทกสะท้านใดๆ ได้
เพราะเขาคือปีศาจดูดเลือด ที่มีพละกำลังและความทนทานของร่างกายมากกว่ามนุษย์โดยทั่วไป การได้ดูดเลือดจากมนุษย์จะช่วยทำให้เขาคงความแข็งแกร่งเช่นนี้ได้ยาวนานเป็นสัปดาห์เลยทีเดียว
ส่วนสาเหตุของการจามนั้น ฮิโรชิคาดเดาว่าคงมีใครบางคนกำลังนึกถึงเขาอยู่มากกว่าความอ่อนแอที่เสแสร้งให้คนอื่นเข้าใจผิด
เหอะ... จะมีใครคิดถึงคนอย่างข้าด้วยรึ... ปีศาจหนุ่มสะท้อนใจ ปกติเวลาออกล่า "อาหาร" เขาจะหมายตาหญิงสาวรูปโฉมงดงามและมีความสามารถที่น่าหลงใหลแล้วจึงเข้าใกล้เป้าหมาย เมื่อสบโอกาสถึงได้ลงมือ "รับประทานอาหาร" หรือก็คือการดูดเลือดจากร่างของหญิงสาวในปริมาณที่ทำให้เขาสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ต่อไปโดยที่พวกเธอเหล่านั้นจะไม่ถึงขั้นเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิต
และขั้นตอนสุดท้ายที่สำคัญที่สุดซึ่งเขาต้องทำทุกครั้งที่ออกล่าเหยื่อคือการลบความทรงจำของพวกเธอที่มีต่อเขาทิ้งเพื่อความปลอดภัยของพวกเธอเองและเก็บรักษาความลับที่เขาเป็นปีศาจดูดเลือดเอาไว้
ด้วยเหตุนี้ข้าราชการหนุ่มที่ภายนอกดูเหมือนจะมีความสัมพันธ์กับหญิงงามมากมาย แต่แท้ที่จริงแล้วเขาไม่เคยมีสายสัมพันธ์อันแท้จริงแก่หญิงใด
ไม่มีใครที่จดจำเรื่องราวของเขาได้อย่างลึกซึ้่งเลยสักคนเดียว
เพราะชะตาชีวิตของเขาถูกกำหนดเอาไว้เช่นนั้น ชีวิตของเขาจึงเป็นความโดดเดี่ยวที่ไม่มีใครสามารถทำความเข้าใจได้
ดวงตาเรียวสวยเหม่อลอย กระทั่งได้ยินเสียงพูดคุยของผู้คนในโถงใหญ่ท่าทางอึกทึกเอะอะ ฮิโรชิเงยหน้าขึ้นมาจากกระดาษเอกสารอีกครั้ง
"เสียงดังอะไรกันหรือ?" ข้าราชการหนุ่มถามด้วยความสนใจ เมื่อเห็นว่ามีคนจับกลุ่มคุยกันท่าทางจริงจังผิดปกติ
"ท่านได้ยินข่าวนี้แล้วหรือยัง?" คนหนึ่งในกลุ่มเอ่ยขึ้น "ว่าที่สนมขององค์จักรพรรดิ์ตายด้วยสาเหตุประหลาด!"
ฟังจากเรื่องในวงสนทนาแล้ว มีคนพบศพของนางกำนัลว่าที่สนมขององค์จักรพรรดิ์เมื่อวานนี้ในห้องพัก ไม่ใช่เพียงแค่การตายที่แสนกะทันหันที่ไม่ทันตั้งตัวเท่านั้น สภาพศพนั้นยิ่งไม่น่าดูและไม่น่าเชื่อว่าเป็นฝีมือของมนุษย์ธรรมดา เนื่องจากศพแห้งกรังราวกับเลือดถูกสูบออกไปจนหมด
ไหนจะมีเหตุคล้ายกันก่อนหน้านี้อีกสองสามเหตุการณ์ ทว่าข่าวเริ่มแพร่สะพัดเพราะคดีล่าสุดนี้เกี่ยวข้องกับองค์จักรพรรดิ์โดยตรง
ฮิโรชิขมวดคิ้ว เมื่อได้ยินชื่อที่ผู้คนต่างพากันขนานให้กับฆาตกรในคดีนี้ ชื่อนั้นคือปีศาจดูดเลือด...
ปีศาจดูดเลือดงั้นหรือ... เขาก้มมองมือของตนเองที่บัดนี้ยังคงเป็นมือของมนุษย์ธรรมดา หากแต่เวลายามค่ำคืนที่ต้องออกหาอาหาร มือนี้จะแปรเปลี่ยนกลายเป็นกรงเล็บที่สามารถฉีกดึงเนื้อมนุษย์ให้ขาดเป็นชิ้นๆ ได้อย่างง่ายดาย
ทว่าเขาก็ไม่เคยตั้งใจใช้มันปลิดชีพผู้ใด จะมีก็เพียงแต่คำพูดและเล่ห์กลที่หลอกล่อให้เหยื่อหลงเข้ามาติดกับเขาเพียงเท่านั้น
นอกจากเขา ยังมีปีศาจดูดเลือดอยู่อีกงั้นหรือ?
เขาไม่รู้ว่าคดีครั้งนี้เป็นฝีมือของปีศาจดูดเลือดจริงตามที่ผู้คนร่ำลือกันหรือไม่ ทว่าในฐานะของคนที่มีหน้าที่ดูแลความสงบสุขของบ้านเมืองเช่นเขา ฮิโรชิก็ไม่อาจปล่อยเรื่องนี้ไปได้ง่ายๆ เช่นเดียวกัน
หากคนร้ายเป็นปีศาจประเภทเดียวกับเขา แล้วเขาควรจะทำเช่นไรต่อไปดี?
ฮิโรชิไม่ได้กังวลถึงเรื่องมีพวกเดียวกับตนเองหรือไม่ แต่ความมั่นคงในฐานันดรของตนเองก็เป็นสิ่งที่ชายหนุ่มกังวลว่ามีโอกาสสั่นคลอน หากถูกล่วงรู้ว่าตนเองก็เป็นปีศาจดูดเลือดเช่นเดียวกับคนร้ายคดีฆ่าต่อเนื่องนี้
คิ้วโก่งขมวดแน่นเมื่อนึกว่าเขาจะต้องงเริ่มต้นสืบคดีนี้เพียงลำพังพร้อมกับการปกปิดสถานะปีศาจดูดเลือดของตนเองระหว่างการตามหาข้อมูลเพิ่มเติมอีกด้วย
...
ไดสึเกะ
ยามราตรี ณ เมืองหลวงทางทิศเหนือซึ่งถือกันว่าเป็นทิศอัปมงคล เป็นอยู่ของหมู่ผีและสุสานนั้นดำมืดและเงียบสนิท ดังนั้นสายลมสีขาวปลอดจากชานเมือนพัดผ่านมา มันจึงเด่นสะดุดตาเป็นพิเศษ
เมื่อสายลมนั้นคลายความเร็วลง และร่อนลงที่บริเวณหลุมศพของสาวงามผู้อับโซค มันกลับกลายเป็นสุนัขป่าสีขาวขนาดยักษ์ตัวหนึ่ง ซึ่งเริ่มใช้ขาหน้าตะกรุยดินที่กลบหลุมศพอย่างแรง จนร่างอันแห้งกรัก ผมเผ้าหลุดร่วงจนเห็นกระโหลกก็ปรากฎให้เห็นในเวลาไม่นาน
สภาพศพเบื้องหน้า ช่างดูโหดร้าย จนแทบจะจินตนาการไม่ออกเลยว่า เมื่อครั้งมีชีวิตอยู่พวกนางมีความงามเลิศล้ำเพียงใด
หมาป่าสีขาวใช้จมูกซุกไซ้ดมกลิ่นศพของหญิงสาวอยู่พักใหญ่ ก่อนจะละความสนใจ แล้วใช้ขาหลังโกยดินกลบลงไปในหลุมเช่นเดิม จากนั่นจึงกระโดดไปยังหลุมศพของหญิงสาวเคราะห์ร้ายคนต่อไป
... ยกโทษให้ด้วยเถอะนะ ...
... ถ้าเลือกได้ข้าก็ไม่อยากทำแบบนี้หรอก ...
หมาป่าหนุ่มพงกหัวเป็นเชิงขอโทษขอโพยเจ้าของหลุมศพก่อนที่จะใช้ขาหน้าตะกุยดินเปิดหลุมเช่นเดียวกับหลุมที่แล้ว
ศพที่ถูกฝังอยู่ข้างใต้ใส่ชุดพิธีการแถมปักด้วยดิ้นเงินสลับดิ้นทองทั่งชุด ดูหรูหลายกว่า ศพหลุมอื่นๆ ที่เขาไปสำรวจมาวันนี้
ที่สำคัญข้าวของเครื่องใช้ รวมทั้งโลงศพที่บรรจุร่างของเธอก็ยังดูใหม่ ราวกับเพิ่งถูกฝังได้ไม่นาน ดังนั้นหญิงสาวเบื้องหน้านี้คงเป็นว่าที่พระสนมคนใหม่ที่เค้าว่ากัน
ฟุดฟิด
ฟุดฟิด
จมูกสีชมพูยื่นเข้าไปใกล้เพื่อซึมซับกลิ่นทั้งหลายที่ติดอยู่กับร่างของเธอ ด้วยความหวังที่ว่าจะมีกลิ่นของคนร้ายติดอยู่บ้าง
... กลิ่นของปีศาจดูดเลือด ...
ไม่ว่าจะตรวจสอบสักกี่ศพก็ตามทุกศพล้วนมีกลิ่นความตายอันรุนแรงของปีศาจดูดเลือดติดอยู่ทั้งนั้น
ข้อเท็จจริงที่ถูกยืนยันด้วยจมูกของสัตว์ป่าที่ไม่วันผิดเพี้ยน ช่างบีบเค้นให้ก้อนเนื้อที่อยู่ในอกเจ็บหน่วงๆ ขึ้นมา
ถ้าเลือกได้เขาไม่เคยนึกอยากให้มันกลายมาเป็นแบบนี้ ... กับ 'พวกเดียวกัน' ที่เพิ่งเจอเป็นครั้งแรก
... ทำไมเราถึงต้องเป็นศัตรูกันด้วย ...
องเมียวหนุ่มในร่างหมาป่าแหงนหน้าขึ้นมองพระจันทร์ที่โผล่พ้นเมฆออกมา ฉายลำแสงอ่อนละมุนตกกระทบบนขนสีขาวละเอียดของมัน ราวกับจะปลอบใจ
หมาป่าหนุ่มส่ายหัวแรงๆ ทีหนึ่งเพื่อสบัดความเศร้าหมองออกจากหัวตนเอง แล้วจึงหันหลังเตรียมจะกลับไปยังที่พำนักของตน ก่อนที่จะมีใครมาเห็นร่างนี้เข้า
อันที่จริงแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะร่างนี้สามารถเร่งความเฉียบคมของประสาททั้งห้าได้ถึงขั้นสูงสุดล่ะก็ เขาเองก็ไม่เคยคิดที่จะแปลงร่างกลับเป็นหมาป่าเลยสักนิด
เพราะนอกจากจะเปลืองพลังงานอย่างมหาศาลแล้ว ยังใช้ความสามารถใดๆ ตอนเป็นมนุษย์ไม่ได้อีก นับเป็นจุดอ่อนร้ายแรงสำหรับเขาแท้ๆ
แต่เนื่องจากอยากจะหาเบาะแสจับคนร้ายให้เร็วขึ้นอีกสักนิด แม้แค่วันเดียวก็ยังดี เพราะงั้นเลยจำใจต้องใช้วิธีอันตรายแบบนี้
แกร๊ก...!!!
เสียงกับดักล่าสัตว์ดังขึ้นจากใต้เท้า กว่าจะรู้ตัวขาหน้าข้างหนึ่งก็ถูกกับดักตรึงไว้จนขยับไม่ได้เสียแล้ว
... เฮ้ย!!! นี่มันอะไรกัน อย่ามาล้อเล่นนะ!!! ...
"...หึหึ เสร็จข้าล่ะ ทีนี่ดูสิว่า แกรู้อะไรมาบ้าง ..."
เสียงยะเยือกที่ลอยมากับสายลมพร้อมกับกลิ่นเฉพาะตัวอันเป็นเอกลักษณ์ ทำให้หมาป่าสีขาวชะงักการฉุดร้ังขาหน้าของตนออกจากกับดักด้วยความตกใจ
... เสียงนี้มัน ...
... ให้ตายเถอะ ทำไมต้องเป็นเวลานี้ด้วยนะ!!!...
...
ฮิโรชิ
ก่อนอื่นต้องไปสืบที่สุสาน...
ร่างผอมบางในชุดสีเข้มเร่งฝีเท้าด้วยความเร็วเหนือมนุษย์จนกลืนหายไปกับความมืดแห่งราตรี มุ่งหน้าสู่ทิศเหนือซึ่งเป็นที่ตั้งของสุสานคนตายเพื่อเริ่มต้นการสืบสภาพศพของหญิงสาวผู้เคราะห์ร้ายซึ่งมีอยู่หลายรายภายในระยะเวลาเพียงเดือนเดียว
ฟังข้อมูลเบาะแสจากผู้ที่เกี่ยวข้อง พวกเธอเหล่านั้นขึ้นชื่อเรื่องความงามและยังเยาว์วัย ดูไม่น่าจะมีเรื่องบาดหมางกับผู้ใดจนต้องมาจบชีวิตลงโดยรวดเร็วเช่นนี้
หลุมศพที่ยังดูใหม่ ทำให้รู้ได้ว่าเจ้าของมาพักผ่อนอย่างนิจนิรันดร์ได้ไม่นาน ชายหนุ่มเพ่งสายตา แน่นอนว่าไม่มีอะไรที่เปลี่ยงแปลง เพราะถึงจะเป็นปีศาจดูดเลือดที่มองเห็นได้ชัดเจนในเวลากลางคืน ทว่าการมองทะลุวัตถุทึบแสงก็เกิดขอบเขตความสามารถของเขา
ครั้นจะให้ใช้จอบพลั่วขุดตักดินเปิดหน้าศพ ก็ไม่ใช่วิสัยของผู้ดีชนชั้นสูงเฉกเช่นเขา งานที่ต้องออกแรงใช้กำลังเพียงอย่างเดียวไม่เคยอยู่ในความคิดของชายหนุ่มสูงศักดิ์แม้แต่น้อย
ระหว่างที่กำลังจะหาวิธีดูสภาพศพเช่นไรโดยที่มือไม่ต้องสกปรกเลอะเทอะ พลันหูที่มีสัมผัสไวเป็นพิเศษก็แว่วเสียงลมแปลกประหลาดผ่านเข้ามา
ดวงตาเรียวสีโลหิตปราดมองไปตามต้นทางที่มาจากทางทิศใต้ จากประสบการณ์ที่มีมาเนิ่นนาน เสียงลมหวีดหวิวเหนือธรรมชาติเช่นนี้ไม่ใช่เสียงของลมพายุธรรมดาที่เคยเจอมาก่อนแน่
หรือว่าบางที...
ฮิโรชิคิดได้ดังนั้นก็รีบเตรียมการบางอย่าง แม้จะเป็นแผนการที่ฉุกละหุกสักเล็กน้อย เพราะไม่คิดว่าเวลาจะมาถึงรวดเร็วเช่นนี้ แต่เขามั่นใจว่าผลที่ได้รับจะต้องคุ้มค่าอย่างแน่นอน
###
เสียงหายใจแรงดังฮึดฮัดพร้อมกับร่างใหญ่ยักษ์ที่ปกคลุมด้วยขนหนาสีขาวติดกับดักล่าสัตว์ที่ฮิโรชิเตรียมเอาไว้เพื่อว่าจะเจออะไรที่มีประโยชน์เข้า
และก็เป็นอย่างที่เขาคาดการณ์ คดีที่เกิดขึ้นนั้นกระทบถึงองค์จักรพรรดิ์ พระองค์จึงรับสั่งให้องเมียวลึกลับซึ่งเป็นที่ไว้วางใจมาร่วมสืบคดีนี้อย่างไม่ต้องสงสัย
ด้วยเหตุนี้เขาจึงได้พบกับผู้ที่มีจุดหมายเดียวกัน ณ ที่แห่งนี้ซึ่งน่าจะรวบรวมข้อมูลน่าสนใจได้มากมาย
มีหมาป่าที่ไหนที่สามารถเหาะกลางอากาศแล้วมาขุดหลุมศพได้ หากไม่ใช่ข้ารับใช้ขององเมียวที่มีฝีมือ...?
ดวงตากลมโตสีน้ำตาลอ่อนของหมาป่าขาวจ้องเขม็งมาทางเขาที่ยืนถือโซ่ล่ามคุมเชิงอยู่ไม่ไกล ปีศาจหนุ่มเหยียดยิ้มพอใจกับเหยื่อที่ตกมาได้ก่อนเอ่ยถามเสียงเย็นเยือก
"หืม... เป็นลูกสมุนของเจ้าองเมียวในชุดขาวสินะ แกน่ะ"
หมาป่าไม่ตอบ ได้แต่พยายามยกตัวสองขาให้สูงขึ้นเพื่อดิ้นให้หลุดจากกับดักพิเศษที่เขาทำเอาไว้ แต่ก็ไร้ประโยชน์ เพราะตอนนี้กรงเล็บของกับดักได้เกี่ยวกดแน่นลงไปในเนื้อของเจ้าหมาป่าเสียแล้ว หากเขาไม่ได้เป็นคนปลดออกก็ไม่มีทางที่เหยื่อตัวนี้จะเป็นอิสระได้
ฮิโรชิมองสำรวจหมาป่ายักษ์ตั้งแต่หัวจรดเท้า หากไม่นับรูปร่างที่ใหญ่มากและขนสีขาวที่สะอาดสะอ้านเป็นพิเศษแล้ว ไม่ว่ามองทางไหนก็เหมือนหมาป่าธรรมดาๆ ตัวหนึ่ง
แล้วเขาจะเค้นคำตอบจากทาสของเจ้าองเมียวนั่นได้อย่างไรดี
สัตว์ตัวใหญ่หยุดออกแรงแล้วยืนจ้องมองเขาอีกครั้ง ฮิโรชิจ้องตาตอบ ก่อนจะรู้สึกหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูกที่โดนสายตาของสัตว์อันเต็มไปด้วยขนมองเขาด้วยความแข็งกร้าวเช่นนี้
ปีศาจหนุ่มเลื่อนสายตาลงต่ำ มองเห็นเลือดสีแดงที่ซึมไหลออกจากปากแผลที่ถูกกับดักกดทับเอาไว้ที่ขาหน้าของเจ้าหมาป่า
ปกติแล้วเขาสามารถอ่านความรู้สึกและความทรงจำจากเลือดมนุษย์ที่ดูดมาได้ ทว่ากับสัตว์สี่เท้าแล้ว เขาไม่เคยมีประสบการณ์เช่นนั้นมาก่อน ด้วยถือว่าเป็นสัตว์เดรัจฉานชั้นต่ำที่เขาไม่ควรเข้าไปแตะต้องเลือดของพวกมันจนทำให้ตนเองต้องแปดเปื้อนไปด้วย
ไม่มีทางที่เขาจะยอมดูดเลือดเจ้าหมาที่ตัวเต็มไปด้วยขนแบบนี้เด็ดขาด...!
"นี่ ถ้าพาข้าไปหาเจ้านายของแกล่ะก็ ข้าจะปล่อยให้เป็นอิสระก็ได้นะ" เขาลองยื่นข้อเสนอให้แก่หมาป่ายักษ์ที่ท่าทางจะไม่ได้ดุร้ายอย่างที่คิด ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนขมวดเขม็งมองเขา ก่อนสะบัดหน้าหนีราวกับปฏิเสธข้อเสนอนี้อย่างไม่แยแส
สร้างความหงุดหงิดและเสียหน้าให้แก่ข้าราชการชั้นสูงเช่นเขายิ่งกว่าอะไร ด้วยที่ว่าถูกสัตว์สี่ขาไม่ใยดีกับข้อเสนอที่หยิบยื่นด้วยความสงสารเห็นใจแม้แต่นิดเดียว
"ก็ดี! ถ้าแกชอบให้ข้าทรมานมากกว่าล่ะก็..." ฮิโรชิเอ่ยเสียงแข็งพลางกระตุกโซ่โลหะในมืออย่างแรงจนร่างใหญ่โตของหมาป่าลอยขึ้นเหนือพื้นอย่างไม่น่าเชื่อ
"ข้าก็จะสนองให้จนกว่าเจ้านายของแกจะมารับตัวกลับไปก็แล้วกัน!"
สิ้นคำพูด คราวนี้ปีศาจหนุ่มรู้สึกถึงพละกำลังที่โต้ตอบกลับมาจากโซ่เส้นเดียวกันในมืออย่างรุนแรง ดวงตาเบิกกว้างด้วยความประหลาดใจ ก่อนพบว่าหมาป่าสีขาวกำลังพยายามสะบัดตัวเองให้หลุดจากโซ่พันธนาการขาเอาไว้อีกครั้ง
"อย่าพยายามอย่างไร้ประโยชน์เลยดีกว่า!!!" ฮิโรชิคำรามแล้วออกแรงดึงโซ่ด้วยพลังอันมหาศาลของปีศาจอีกครั้ง เขาได้ยินเสียงหมาป่าร้องหงิงหลุดออกมา เศษเสี้ยววินาทีที่เผลอลังเลนั่นเอง เสียงหอนยาวของหมาป่าดังขึ้นท่ามกลางความเงียบสงัดแห่งค่ำคืน
ทันใดนั้นสายลมประหลาดเช่นเดียวกับที่เขารู้สึกได้ยามที่หมาป่าตัวนี้ปรากฏตัวก็ก่อเกิดขึ้นอีกครั้ง ลมพายุหมุนอย่างรุนแรงรอบๆ ตัวเขาและหมาป่า ก่อนที่พลังของสายลมนั้นจะทำให้โซ่โลหะขาดลงราวกับเป็นเพียงแค่เชือกฟาง
"บ้าจริง!"
ร่างสีขาวที่ได้รับอิสระพุ่งกระโดดเข้าไปในสายลมหมุนที่พัดพาให้หายวับไปในทันที ฮิโรชิวิ่งตามไปไม่ได้ จึงได้แต่มองภาพนั้นแล้วส่งเสียงจี๊ด้วยความเจ็บใจเพราะเสียท่าง่ายๆ ให้กับสมุนขององเมียวผู้ไม่ถูกชะตาเอาเสียเลย
"อย่าให้ข้าเจอหน้าอีกเป็นครั้งที่สอง! คราวหน้าข้าจะขังแกจนลืมวันลืมคืนเลย คอยดู!!" ปีศาจดูดเลือดหนุ่มได้แต่ตะโกนโวกเวกโวยวายเพื่อระบายความไม่ได้ดั่งใจที่เกิดขึ้นอีกครา
หมดกัน ข้อมูลที่คิดว่าจะได้มาอยู่ในมือแล้วแท้ๆ ...!!!
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ