月は眠れぬ 〜 Sleepless Moon

-

เขียนโดย triomagicalgirls

วันที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2558 เวลา 15.54 น.

  4 บท
  1 วิจารณ์
  6,174 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2558 16.12 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

1) Sleepless Moon 01

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

ไดสุเกะ

เกล็ดน้ำแข็งเบาบางโปรยปลิวลงจากท้องฟ้าพรมย้อมผืนดินให้กลายเป็นสีขาวโพลนอย่างแผ่วเบา ยิ่งขับเน้นเสียงหัวเราะและเสียงเครื่องดนตรีจากงานเลี้ยงให้ยิ่งดูสนุกสนาน จนชายหนุ่มร่างสูงในชุดคาริกินุสีขาวที่ยืนพิงเสาเรือนแยกซึ่งอยู่ด้านนอกอดรู้สึกอิจฉาไม่ได้

... งานชมหิมะงั้นเหรอ 
น่าสนุกจังเลย ...

ชายหนุ่มทอดสายตาจับจ้องแสงไฟจากงานเลี้ยงด้วยดวงตากลมโตเป็นประกายแห่งความอยากรู้อยากเห็น

สำหรับโอคามิโนะ ไดสุเกะผู้นี้แล้ว ไม่ว่าเมื่อไหร่ แสงสีและเสียงหัวเราะของเหล่าผู้คนก็มักจะดึงดูดความสนใจของเขาได้เสมอ

อาจจะเป็นเพราะต้องติดตามอาจารย์ไปฝึกวิชาองเมียวตามลำพังตั้งแต่เล็กก็เป็นได้ ความโดดเดี่ยวจึงทำให้เขารู้สึกหลงใหล การอยู่รวมกันของผู้คนจำนวนมากๆ เช่นงานเลี้ยงแบบนี้

"ขอภัยที่ให้รอเจ้าค่ะ ท่านองเมียวเชิญด้านนี้"

ไดสึเกะหันไปตามเสียงเรียก ก่อนจะสาวเท้าก้าวตามสาวรับใช้ในชุดจูนิฮิโตะเอะลายสึบากิสีขาวไปอย่างเสียไม่ได้

อย่างไรก็ตาม การเขาซึ่งไม่ได้มีหน้าตาทางสังคมโดดเด่น หรือไม่แม้แต่จะเป็นลูกหลานชนขั้นสูงตระกูลไหน ถูกเชื้อเชิญมาคฤหาสน์แห่งนี้ แน่นอนว่าหาใช่เพื่อร่วมงานเลี้ยงชมหิมะซึ่งจัดขึ้นอย่างเอิกเกริกแต่อย่างใด

ทว่ามาเพื่อรักษาอาการฝันร้ายจนนอนไม่หลับของบุตรีหัวแก้วหัวแหวนของท่านไดนากอนต่างหาก

... นั่นแหละ คือหน้าที่ขององเมียวจิอย่างเขา ...

###

เสียงประตูไม้เลื่อนเปิดออก เผยให้เห็นม่านมู่ลี่ขนาดใหญ่อยู่เบื้องหน้า เสียงซุบซิบและเสียงชายผ้าเสียดสีกันดังลอดออกมาจากหลังมู่ลี่ไม้ไผ่

ก่อนที่เสียงอ่อนระโหย ราวกับอ่อนแรงเต็มทีของหญิงสาวนางหนึ่งดังขึ้นสยบเสียงการเคลื่อนไหวต่างๆ ให้เงียบสงัดลง

"อาการของข้าพอมีทางรักษาหรือไม่ ข้าหวาดกลัวเหลือเกิน..."

เสียงแหบโหยนั้นสั่นไหวอย่างน่าสงสาร องเมียวหนุ่มจึงหลับตาลงพร้อมทั้งตั้งจิตค้นหาต้นตอแห่งความชั่วร้ายนั้น

ครั้นเมื่อดวงตากลมโตสีน้ำตาลลืมเปิดขึ้นอีกครั้ง เขาจึงมองทะลุม่านไม้ไผ่เห็นเส้นด้ายสีดำคล้ายใยแมงมุมหลายต่อหลายเส้นพันอยู่รอบตัวหญิงสาวสูงศักดิ์

สิ่งนี้เองที่คอยดูดพลังชีวิตและก่อให้เกิดฝันร้าย หากปล่อยไว้เช่นนี้ หญิงสาวผู้นี้ก็คงจะถูกดูดพลังชีวิตจนตายในที่สุด

"ขออนุญาติ..."

ชายหนุ่มกล่าวพลางผุดลุกขึ้นแล้วเดินตรงเข้าไปใกล้ม่านไม้ไผ่ท่ามกลางความตื่นตระหนกของท่านหญิงแหละเหล่านางกำนัลซึ่งส่งเสียงโวยวายกันวุ่นวายไปหมด

ทว่าอีกเพียงนิดก็จะเข้าใกล้เขตของม่านมู่ลี่แล้วแท้ๆ องเมียวหนุ่มกลับหยุดอยู่ยืนอยู่ตรงนั้น แล้วพึมพำคาถาอะไรบางอย่างที่ไม่มีใคร ณ ที่แห่งนั้นเข้าใจ

จากนั้นจึงดึงพัดกระดาษสีขาวเช่นเดียวกับชุดออกมา ฟันสะพายแหล่งไปที่ร่างของท่านหญิงอย่างแรง จนกระทั่งม่านมู่ลี่ขาดแหว่งตามรอยฟันนั้นอย่างน่าตกใจ

ทว่า... สิ่งที่สร้างความประหลาดใจให้แก่ท่านหญิงมากกว่า ร่างกายที่เบาสบายขึ้นของตนเองคือ รูปโฉมขององเมียวหนุ่มเบื้องหน้า

ท่าทีอันองอาจหลังปราบปีศาจร้าย ประกอบกับใบหน้าอันหล่อเหลาและเยาว์วัยผิดจากองเมียวคนอื่นๆ ที่เคยเจอมา ทำให้จิตใจของหญิงสาวผู้ถูกเก็บไว้ในห้องหอเต้นระรัวอย่างไม่อาจห้าม

ครั้นเมื่อพิธีการทุกอย่างเสร็จสิ้นลง หญิงสาวกลับรู้สึกเสียดายที่ไม่อาจจะได้พบเขาอีก ดังนั้นจึงได้ใช้ความกล้าทั้งหมดเรียกรั้งเขาเอาไว้

"เดี๋ยวก่อน!! แล้วข้าจะมั่นใจได้เช่นไรว่าฝันร้ายจะไม่มาเยือนอีก?"

ใบหน้าหล่อเหลา ราวกับเจ้าชายนั้นนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะล่วงหยิบเอาถุงเครื่องรางออกมาจากอกเสื้อใบหนึ่ง แล้วสอดเข้ามาภายในม่านไม้ไผ่

มือที่รอดผ่านเข้ามานั้นทั้งเรียวยาว และขาวเนียน จนไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นมือของผู้ชายธรรมดา ไม่ใช่ลูกท่านหลานเธอที่ไหน

"หากท่านยังกังวล ขอให้นำสิ่งนี้สอดไว้ใต้หมอนแล้ว พักผ่อนอย่างสบายใจเถอะ ข้ารับรองว่าจะไม่มีสิ่งใดมารบกวนท่านหญิงอีกแล้ว"

องเมียวหนุ่มกล่าวพลางยิ้มอย่างอ่อนโยนก่อนจะขอตัวถอยออกไป

...

ฮิโรชิ

วันนี้หิมะตกอีกแล้ว ละอองหิมะบางเบาร่วงหล่นทับถมบนพื้นดินจนกลายเป็นสีขาวโพลนไปทั่วบริเวณตำหนัก ยามมือเล็กบางนั้นสัมผัสเกล็ดน้ำแข็งก็ละลายกลายเป็นน้ำจากอุณหภูมิของร่างกาย

ข้ายังมีชีวิตอยู่...

ร่างโปร่งในชุดคาริกินุสีเข้มกำลังยืนอยู่กลางสวนส่วนตัวที่โปรยปรายด้วยหิมะ ภาพนี้สร้างความตื่นตระหนกให้ผู้ที่อยู่ตำหนักนี้มาเนิ่นนาน เสียงเรียกชื่อทำให้เขาหยุดแหงนมองฟ้าสีหม่น ดวงตาเรียวสวยสอดส่ายสายตาหาต้นเสียง

"ท่านฮิโรชิ!!!"

โดนจับได้เสียแล้วสิ...

เขาถอดถอนลมหายใจที่กลายเป็นไอขาวพร้อมกับร่างของคนรับใช้ชายที่วิ่งเข้ามาหาอย่างร้อนรน

"มาทำอะไรอยู่ที่นี่ขอรับ ยืนตากหิมะเช่นนี้ได้อย่างไร รีบเข้าไปข้างในเถิด"

ใบหน้าอ่อนเยาว์ฉายรอยยิ้มนุ่มนวลแทนคำขอโทษที่สร้างความลำบากใจให้แก่อีกฝ่าย เสียงไพเราะหลุดออกจากริมฝีปากบางสีชมพูกล่าวถ้อยคำเสนาะหู

"ข้าออกมาเดินชมสวนเสียหน่อย แต่หิมะตกลงมาพอดี"

"ร่างกายของท่านไม่แข็งแรง ออกมาข้างนอกในสภาพอากาศเช่นนี้ไม่ได้นะขอรับ หากล้มหมอนนอนเสื่อจะกลายเป็นเรื่องใหญ่"

เจ้าของตำหนักนิ่งเงียบ ไม่ได้กล่าวคำแก้ตัวอื่นอีก เพราะจริงดั่งที่ผู้ต่ำกว่าเอ่ย ร่างผอมบางเดินเข้าไปในเรือนส่วนตัวเพื่อพักผ่อนต่ออีกสักครู่ ก่อนจะเตรียมตัวไปงานเลี้ยงประจำฤดูซึ่งได้รับเกียรติให้เป็นแขกที่ขาดเสียไม่ได้

###

ชายหนุ่มร่างบอบบางสวมชุดสีม่วงเข้มก้าวเท้าลงจากเกี้ยวส่วนตัวก่อนเดินเยื้องย่างเข้าสู่ประตูของเจ้าบ้าน แม้รูปร่างจะไม่ได้สูงใหญ่จนโดดเด่น ทว่าด้วยกิริยาท่วงท่าอันสง่างามและมีเสน่ห์อันลึกลับก็ทำให้ผู้พบเห็นต่างต้องหยุดมองบุรุษผู้เป็นถึงข้าราชการชั้นสูงแห่งราชสำนัก คามิโนะมิยะ ฮิโรชิ

งานเลี้ยงชมหิมะฤดูหนาวของท่านไดนากอนยังจัดอย่างยิ่งใหญ่ไม่แพ้ปีก่อน แขกเหรื่อมากมายเป็นชนชั้นสูงที่เขาคุ้นหน้าคุ้นตาเป็นอย่างดี ด้วยเหตุนี้ตลอดเส้นทางการเดินเข้าสู่ตัวงานจึงเสียเวลากล่าวคำทักทายและพูดคุยแก่คนรู้จักอยู่พักใหญ่ แม้จะเหน็ดเหนื่อยกับการต้องปั้นสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส ทว่าเขาชินชากับชีวิตเช่นนี้เสียแล้ว

เพราะท่ามกลางวงสังคมเช่นนี้ก็มีข่าวและข้อมูลดีๆ ซ่อนอยู่ไม่น้อย

ท่านไดนากอนออกมาต้อนรับเขาด้วยตนเองเพราะสนิทกัน ใบหน้าของเจ้าภาพงานเลี้ยงมีรอยยิ้ม กระนั้นก็แฝงความกังวลจนผู้ฟังรู้สึกได้ เขาจึงออกถามด้วยความสงสัยไม่ได้

คำตอบออกมาว่าบุตรีของท่านกำลังล้มป่วยด้วยอาการนอนไม่หลับ สร้างความสนใจให้แก่เขาไม่น้อย เขาไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าบนโลกใบนี้จะมีฝันร้ายที่สามารถทำให้คนนอนไม่หลับได้ด้วย

แต่เอาเถอะ... เรื่องเหลือเชื่อไม่ใช่ว่าจะมีได้แค่เรื่องเดียวเสียหน่อย อย่างน้อยเขาก็เคยเจอเรื่องที่ไม่น่าเป็นไปได้มาแล้วนับไม่ถ้วน...

ที่สำคัญกว่าคือ เขากำลังหมายตาบุตรีของท่านไดนากอนอยู่ เพียงแต่ยังไม่ได้ปริปากออกมาให้ใครได้รับรู้ เขาก็เป็นเฉกเช่นบุรุษทั่วไปที่สนใจในอิตสตรี

โดยเฉพาะหญิงสาวที่ยังรุ่นและงดงามเป็นที่เลืองลือ ความสนใจหมายปองยิ่งมากขึ้นเป็นทวีคูณ

"ข้าแวะดูอาการของท่านหญิงได้หรือไม่?" เขาตัดสินใจเอ่ยปากถามท่านไดนากอนด้วยน้ำเสียงแสดงความห่วงใยถึงอาการของอีกฝ่าย

"ไม่ได้หรอก ตอนนี้ท่านองเมียวกำลังทำพิธีปัดเป่าอยู่ ให้ท่านเข้าไปไม่ได้"

คิ้วเรียวเลิกขึ้นด้วยความประหลาดใจ ที่นี่ในคืนนี้มีองเมียวมาด้วยงั้นหรือ...?

...

ไดสุเกะ

... เฮ้อ ช่างเป็นท่านหญิงที่อ่อนไหวเสียจริง ...

องเมียวหนุ่มกล่าวกับตัวเองในใจ ขณะที่ทอดสายตามองสวนญี่ปุ่นซึ่งถูกปกคลุมด้วยหิมะจนขาวโพลน ดูงดงามราวกับโลกแห่งความฝัน

สาเหตุที่เขายังคงยืนอยู่ในเรือนแยก แม้ว่าการขับไล่สิ่งชั่วร้ายจะเสร็จสิ้นไปแล้ว คือคำขอร้องอย่างเอาแต่ใจของท่านหญิงซึ่งหวาดกลัวฝันร้ายจับใจ ดังนั้นจึงสั่งให้เขาคอยเฝ้าระวังอยู่ข้างๆ เผื่อเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นจะได้ช่วยเหลือได้ทันท่วงที

"ข้าไม่เชื่อ!!! หากคืนนี้ฝันร้ายมันกลับมาอีก ข้าคงทนไม่ได้แน่..."

หญิงสาวในชุดจูนิฮิโตเอะซึ่งทำจากผ้าไหมเนื้อดี พร้อมกับกลิ่นเครื่องหอมชั้นสูงวิ่งออกจากม่านไม้ไผ่เพื่อฉุดร้งชายหนุ่มไว้ ท่ามกลางเสียงหวีดร้องห้ามปรามของเหล่าพี่เลี้ยงและนางกำนัลที่ดูแลเธออยู่

"ได้โปรด... อย่าทิ้งข้าไว้คนเดียว"

ไม่เพียงแต่นางกำนัลพี่เลี้ยงเท่านั้น แม้แต่ไดสุเกะซึ่งถูกหญิงสาวฉุดรั้งไว้จากด้านหลังก็ตกใจกับการกระทำของเธอมากเช่นกัน

เมื่อเห็นเช่นนั้น เขาจึงพยายามปลอบใจเธอด้วยการอธิบายว่า ปีศาจร้ายที่รบกวนเธออยู่นั่นถูกกำจัดไปแล้ว ไม่อาจจะรบกวนการพักผ่อนของเธอได้อีก

แต่ไม่ว่าจะพยายามอธิบายกี่ครั้งกี่หน แต่เธอกลับยังยืนยันด้วยดวงตาเป็นประกายด้วยหยาดน้ำตา ทันทีที่หยาดน้ำไหลทิ้งตัวลงอาบดวงหน้างดงาม หากแต่เปราะบางไม่ต่างหิมะในฤดูหนาว

ไดสุเกะก็ตัดสินใจว่าจะไม่ทนดูภาพอันชวนปวดใจนี้อีกต่อไป

"เข้าใจแล้ว ...หากท่านหญิงต้องการเช่นนั้น ข้าก็จะคอยเฝ้าระวังไม่ให้สิ่งใดมารบกวนท่านได้อีก"

องเมียวหนุ่มกล่าวพลางยิ้มให้อีกฝ่ายอย่างจนใจ เพราะภาพเบื้องหน้าช่างบีบคั้นให้เขาไม่อาจตัดใจทิ้งสาวงามผู้อ่อนแอทิ้งไว้ตามลำพังได้

จึงได้แต่เฝ้าอยู่ข้างๆ เพื่อส่งสาวงามเข้าสู่ห้วงแห่งนิทราอย่างปลอดภัย แล้วจึงออกมาเดินเล่นเปลี่ยนบรรยากาศตามลำพังเช่นนี้

###

... เอ๊ะ?! นี่มันทางที่เดินมาเมื่อกี้นี่นา แล้วทางที่จะกลับไปเรือนแยกมันทางไหนกันแน่เนี่ย?! ...

หลังจากเดินชมความงามของสวนกว้างจนพอใจแล้ว ก็คิดว่าควรจะกลับไปทำงานต่อเสียที ทว่าเมื่อหันหลังกลับไป เดินยังไงก็ไม่ถึงเรือนแยกของท่านหญิงเสียที แถมยิ่งเดินเหมือนกับจะเดินวนอยู่ในทางเดินเดิมเสียทุกทีด้วย

ขณะที่กำลังกลุ้มใจเรื่องเส้นทางอยู่นั้น ฝั่งตรงข้ามของทางเดินก็ปรากฎร่างของชายหนุ่มในชุดสีม่วงเข้มขึ้น องเมียวหนุ่มคลี่ยิ้มอย่างดีใจ ก่อนสาวเท้าเข้าไปใกล้ร่างนั้นอย่างรวดเร็ว

ทว่า...

ยิ่งเข้าใกล้ร่างเพรียวบางในชุดคาริกินุสีม่วงเข้มมากเท่าไหร่ ใบหน้าขององเมียวหนุ่มกลับยิ่งแสดงความเคร่งเครียดมากขึ้นเท่านั้น

ที่เป็นเช่นนี้เพราะสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายอันตรายที่น่าสลดหดหู่สายหนึ่งโชยมาจากร่างกายอีกฝ่าย กลิ่นแห่งความตายอันรุนแรงที่มักพบได้ในคนป่วยหนักใกล้ถึงฆาตเท่านั้น

ดังนั้นเขาจึงได้แปลกใจว่า ร่างเบื้องหน้าไม่เพียงแต่เดินเหินได้ปกติเท่านั้น หากแต่กลิ่นเหล้ารุนแรงที่โชยมาพร้อมกัน บอกเขาว่าร่างบางยังสามารถร่ำสุราในงานเลี้ยงได้โดยไม่มีอาการเมามายอีกต่างหาก

"...."

พวกเขาต่างคนต่างเดินมาบรรจบกันตรงกลางทางเดิน ด้วยความร้อนใจเมื่อนึกถึงโชคชะตาของอีกฝ่ายที่บังเอิญไปรับรับรู้อย่างไม่ตั้งใจ ทำให้ไดสุเกะเผลอส่งเสียงเรียกชายหนุ่มในชุดม่วงให้หันกลับมา

"ช้าก่อน ท่าน...!!"

ฝ่ายนั้นจึงตวัดสายตาเย็นชาไม่ต่างสายลมฤดูหนาวกลับมามององเมียวหนุ่มราวกับจะถามว่ามีธุระอะไร

...

ฮิโรชิ

งานเลี้ยงชมหิมะเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะของแขกเหรื่อและเครื่องดนตรีที่บรรเลงเคล้าคลอบรรยากาศให้คึกคักตลอดทั้งคืน

กระนั้นก็ไม่อาจทำให้จิตใจของข้าราชการหนุ่มร่างบางสนุกสนานตามผู้คนส่วนมากได้ สุราที่ร่ำดื่มแด่การเฉลิมฉลองส่งผลให้คู่สนทนาของเขาเริ่มลิ้นอ่อนพูดฟังไม่รู้เรื่องจนต้องขอตัวออกไปสูดอากาศข้างนอกให้หายวิงเวียนศีรษะ

ส่วนเขาน่ะหรือ ได้แต่ปลีกตัวออกมายืนชมหิมะตกเพียงลำพังตรงชานเรือนที่ห่างไกลฝูงชน ในมือยังคงถือจอกเหล้าที่ดื่มพร่องไปแล้วนับครั้งไม่ถ้วนเพื่อเป็นเพื่อนแก่คู่สนทนาไม่ให้ผิดสังเกตว่าเหตุใดไม่แตะต้องของมึนเมาทั้งที่เป็นบุรุษทั้งแท่ง

ฤทธิ์ของเหล้าไม่อาจทำอะไรเขาได้แม้แต่นิดเดียว หากให้เปรียบเทียบคงได้ว่าการดื่มสุราเหมือนเฉกเช่นเดียวกับการดื่มน้ำเปล่าบริสุทธิ์ธรรมดา ไม่รู้สึกรส กลิ่นใดๆ ที่ทำให้เกิดอาการเมามายได้

แน่นอนว่าเรื่องนี้ชายหนุ่มไม่เคยบอกเล่าแก่ใครเช่นเดียวกัน ภาพที่ทุกคนเห็นจึงเป็นชายร่างเล็กผู้เป็นคอทองแดงแม้ว่าร่างกายจะไม่ได้สู้แข็งแรงเท่าใดนัก โชคดีที่ว่าไม่มีใครจะทักท้วง จะมีก็แต่หมอประจำตัวที่เคยตักเตือนให้ระมัดระวังบ้างยามเข้างานสังสรรค์ใดๆ ที่มีสุราเข้ามาเกี่ยว

เกล็ดสีขาวละมุนล่องลอยท่ามกลางท้องฟ้าที่ราวกับระบายทับด้วยหมึกสีดำสนิท ค่ำคืนนี้หิมะแลดูงดงามจนอยากจะดื่มดำกับความงามนี้ด้วยความสงบเงียบ มากกว่าต้องมาอยู่ท่ามกลางฝูงชนเสียงอึกทึกน่ารำคาญ

เรื่องของบุตรีท่านไดนากอนปลุกกระตุ้นความใคร่รู้แก่เขาเป็นอย่างยิ่ง ด้วยความที่หมายตาท่านหญิงตามเสียงร่ำลือถึงความงามที่มีมากเกินกว่าจะพร่ำพรรณาด้วยคำพูดออกมาได้ ชายหนุ่มเหยียดยิ้มด้วยความรู้สึกอันท้าทาย ต่อให้รู้ว่าการแหวกม่านประเพณีนั้นเป็นเรื่องไม่สมควรกระทำก็ตามที

ของที่ยิ่งปกปิดมากเท่าไร ยิ่งนำพาความอยากรู้อยากเห็นให้เปิดออกมามากขึ้นเท่านั้น

ท่านหญิงงดงามสักเท่าไรกันหนอ น่าไปยลโฉมพิสูจน์ด้วยตาของตนเองเสียจริง...

ฮิโรชิยังยิ้มด้วยความสงบใจก่อนวางจอกเหล้าทิ้งเอาไว้ เลือกที่จะออกเดินตามหา 'เป้าหมาย' ที่ตนตั้งใจหมายตามาพักใหญ่แล้ว

###

เนื่องจากมาเยี่ยมเยือนบ้านของท่านไดนากอนบ่อยครั้ง เส้นทางภายในบ้านหลังนี้จึงนับว่าเป็นที่คุ้นเคยสำหรับข้าราชการหนุ่มเป็นอย่างยิ่ง

มีบริเวณเดียวที่ไม่เคยย่างกรายเข้าไปคือเรือนของท่านหญิงอยู่แยกออกมาจากเรือนหลัก ด้วยเหตุที่ว่าเป็นบุตรีที่ผู้เป็นพ่อนั้นแสนรักแสนหวงราวกับแก้วตาดวงใจจึงแทบไม่มีชายอื่นใดได้ยลโฉมท่านหญิงเลย

เขาก้าวเดินต่อบนทางเดินด้วยฝีเท้าที่เบาและเงียบกริบ ไม่ให้เกิดเสียงแปลกปลอมขึ้นมา ทางเดินนี้อยู่ติดกับสวนกว้างซึ่งบัดนี้ย้อมด้วยสีขาวโพลนสะอาดตาจากหิมะของคืนนี้ ฮิโรชิหยุดมองสวนกว้างอยู่ครู่หนึ่งแล้วเริ่มเดินต่อ

เดินไปสักพักเขาก็มองเห็นร่างของใครอีกคนอยู่ที่สุดทางเดิน จากคะเนด้วยสายตาแล้วเป็นชายหนุ่มในชุดคาริกินุสีขาวสะอาดเช่นเดียวกับหิมะที่กำลังโปรยปราย ใบหน้าคมดูหล่อเหลาและเยาว์วัยล้อมรอบด้วยเส้นผมสีน้ำตาลแก่ หมวกทรงสูงที่สวมอยู่ทำให้ฮิโรชินึกขัดตาและไม่สบอารมณ์อย่างบอกไม่ถูก

คงเรียกได้ว่ารู้สึกไม่ถูกชะตาแม้เพียงเห็นครั้งแรกก็ได้กระมัง

ไม่ช้าพวกเขาก็เดินมาบรรจบและสวนกันบนทางเดินนั้นเอง เมื่อคิดว่าคงพ้นแล้วและไม่ต้องเจอกันอีก

"ช้าก่อน ท่าน...!!"

เสียงทุ้มนุ่มหูก็ร้องเรียกให้เขาต้องหันมองอย่างอารมณ์เสียที่ขัดจังหวะให้เสียเวลา เจ้าของดวงตากลมโตผู้สวมหมวกทรงสูงแสดงอาการสะดุ้งเล็กน้อยก่อนพึมพำ

"ท่านกำลังมีเคราะห์ ข้าสัมผัสได้..."

เขาเลิกคิ้วด้วยความไม่เข้าใจในสิ่งที่ชายชุดขาวเอ่ยขึ้นมาโดยไม่มีปี่มีขลุ่ย สีหน้าอีกฝ่ายจึงดูปั้นยากราวกับกำลังสรรหาคำพูดที่ดีกว่านี้เพื่อทำให้เขาเข้าใจว่ากำลังพูดธุระใดกันแน่

"พักนี้ท่านเข้าไปพัวพันกับสิ่งชั่วร้ายหรือไม่ ข้าหมายถึง... พักนี้ท่านป่วยไข้ไม่สบายหรือเปล่า..." คำพูดทั้งหมดถูกเอ่ยออกมารวดเดียวดั่งกำลังแสดงว่าเจ้าของคำพูดนี้ร้อนใจขนาดไหน กลับกันทางฝั่งเจ้าของเรื่องที่ถูกเอ่ยทักยังคงนิ่งเฉยกับคำพูดอันห่วงใยนี้

"อย่ามาเอ่ยคำพูดชุ่ยๆ กับข้านะ" ฮิโรชิตอบกลับด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นยิ่งกว่าน้ำแข็ง ไม่รู้ว่าชายหนุ่มตรงหน้าต้องการสิ่งใด ทว่าคำพูดของอีกฝ่ายสร้างความหงุดหงิดที่มีอยู่แล้วให้ทวีมากยิ่งขึ้น "หากเจ้าไม่มีธุระกับข้าแล้วก็จงไสหัวไปซะ"

ฮิโรชิสบัดชายแขนเสื้ออย่างแรงก่อนมุ่งหน้าเดินต่อไป คราวนี้เสียงเดิมก็ยังตามหลังมาติดๆ

"เดี๋ยวก่อน!!"

อะไรกันนักกันหนา น่ารำคาญเสียจริง...!!!!

ข้าราชการหนุ่มตวัดสายตาแหลมคมทิ่มแทงอีกฝ่ายที่เริ่มมีสีหน้าผวาเล็กน้อย ริมฝีปากบางสีแดงเรื่อเอ่ยคำถามแสนแผ่วเบา

"ข้าหลงทาง ท่านพอจะ... ช่วยบอกทางแก่ข้าได้หรือไม่?"

ร่างเล็กบางถอนหายใจด้วยความปลดปลง แต่ก็ถือเสียว่าทำบุญให้คนหลงทางตาดำๆ ก็แล้วกัน จะได้จบเรื่องจบราวเสียที

"เจ้าจะกลับเรือนหลักใช่หรือไม่ เดินกลับเส้นทางที่ข้าเดินมาอีกไม่ไกลก็จะถึงเอง"

"ไม่ใช่! เรือนของท่านหญิงต่างหาก" ชายชุดขาวเอ่ยเสียงดัง ก่อนลดเสียงลดเมื่อรู้สึกตัว "ข้าเดินวนหาเส้นทางมาพักใหญ่แล้ว แต่ก็กลับไปเรือนแยกของท่านหญิงไม่ได้"

ฮิโรชิเริ่มไม่ไว้ใจคนตรงหน้ามากยิ่งขึ้นเพราะเป็นบุรุษแปลกหน้าที่จะมุ่งหน้าสู่เรือนของท่านหญิง ดวงตาเรียวหรี่มองเพื่อประเมินอีกฝ่าย

ถึงเขาเองก็เป็นชายหนุ่มที่บุกเข้าเรือนหญิงสาวยามวิกาล แต่อย่างน้อยก็ดูน่าเชื่อถือว่าเจ้าคนตรงหน้านี่ก็แล้วกัน!!!

"เจ้ามีธุระอะไรถึงไปที่นั่น?"

"ข้าเป็นองเมียว..." อีกฝ่ายเกาแก้มเบาๆ ราวกับกำลังหลบซ่อนความเขินอายเอาไว้ ยิ่งทำให้ฮิโรชิรู้สึกไม่สบอารมณ์คนตรงหน้ามากขึ้น

นี่น่ะหรือ... องเมียวที่ท่านไดนากอนพูดถึง...

ดวงตากลมโตสีน้ำตาลอ่อนฉายแววไร้เดียงสาแก่เขาราวกับลูกหมากำลังมองหาคนรับเลี้ยงดู จนไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นแววตาของคนเป็นองเมียวปราบปีศาจร้ายได้ สงสัยท่านไดนากอนจะจ้างมาผิดคนเสียแล้วกระมัง

"แล้วท่านล่ะ มาทำอะไรแถวนี้หรือ?" คำถามหลุดออกจากปากองเมียวหนุ่มผู้ใสซื่อ ไร้ความรู้สึกจับผิดเฉกเช่นเขา ฮิโรชิสะดุ้งก่อนรีบสรรหาคำแก้ตัวกลบเกลื่อน

"ข้า... มาเดินเล่น..."

"งั้นหรือ ถ้าหากท่านไม่รู้เส้นทางก็ไม่เป็นไร เดี๋ยวข้าจะลองเดินดูอีกครั้ง..." รอยยิ้มเจื่อนๆ ปรากฏบนใบหน้าคมเข้มก่อนร่างสูงกว่าจะหันหลังเพื่อกลับไปเดินเส้นทางเดิมที่เขาตั้งใจจะมุ่งหน้าไปในทีแรก

ไม่ได้การ...! แบบนี้ข้าคงต้องทำเช่นนี้ก่อน...!!

"เดี๋ยว!"

ร่างในชุดสีขาวรีบหันควับมากอย่างรวดเร็วจนน่าตกใจ ข้าราชการหนุ่มประหลาดใจกับท่าทางเช่นนั้นเล็กน้อยก่อนยอมชี้เส้นทางแก่ก้างที่มาขวางคอคืนนี้

"เส้นทางข้างหน้าเจ้าเดินตรงไป พอถึงทางแยกก็เลี้ยวขวาแล้วเดินตามทางก็จะถึงเรือนแยกของท่านหญิงเอง"

องเมียวหนุ่มยิ้มกว้างเมื่อรู้เส้นทาง เขากล่าวคำขอบคุณด้วยความยินดี

"ขอบคุณท่านมาก หากไม่ได้ความช่วยเหลือของท่าน ข้าคงแย่"

ยิ่งสร้างความหงุดหงิดให้ข้าราชการหนุ่มมากยิ่งขึ้น เพราะแผนที่วางไว้ล่มไม่เป็นท่าด้วยคนเพียงคนเดียว

ชายหนุ่มร่างผอมบางสะบัดหน้าเดินจากไปพร้อมเก็บซ่อนความขุ่นเคืองเอาไว้ในใจ เขาต้องเป็นฝ่ายบ่าถอยก่อน เพราะคืนนี้ไม่ใช่คืนของเขา

ชายหนุ่มในชุดคาริกินุสีขาวผู้นี้เขาจะจดจำไม่มีวันลืม ในฐานะคนที่ทำให้เขาอดอาหารมื้อหนึ่งที่หมายตาไว้แรมเดือน

...

ไดสึเกะ

...เฮ้อ โล่งอกไปที นึกว่าจะทำให้โกรธซะแล้ว ...

องเมียวหนุ่มลูบอกตัวเองเบาๆ พลางถอนหายใจอย่างโล่งอก ก็อย่างว่าแหละนะ อยู่ๆ ถูกบอกว่าตัวเองใกล้ตายแบบนั้น ไม่โดนหาเรื่องไล่ออกจากคฤหาสน์แห่งนี้ก็ดีถมไปแล้ว

แต่ว่าฝ่ายนั้นก็ท่าทางเป็นคนดีอยู่เหมือนกัน ทั้งๆ ที่ถูกเขาบอกข่าวร้าย แถมทำให้หงุดหงิดแบบนั้นแท้ๆ กลับยอมบอกทางกลับไปยังเรือนแยกให้แก่คนแปลกหน้าอย่างเขา

พอคิดแบบนั้นแล้ว ไดสึเกะยิ่งรู้สึกเสียดายที่คนนั้นดีๆ อย่างนั้นต้องมีชะตาชีวิตอันน่าเศร้า

... จะมีทางไหนช่วยเปลี่ยนชะตาได้บ้างไหมนะ ...?

ระหว่างที่จมอยู่กับความคิดของตัวเองอยู่นั้น อยู่ๆ หูก็ได้ยินเสียงฝีเท้าถี่กระชั้น เคลื่อนเข้ามาใกล้ด้วยความเร็วสูง ราวกับรีบวิ่งมาอย่างเร่งร้อน

ครั้นพอหันไปมองตาต้นเสียงก็เห็นนางกำนัลบาดเจ็บจนเลือดอาบย้อมเสื้อคลุมจนกลายเป็นสีแดงฉานนางหนึ่งวิ่งตรงมายังจุดที่เขายืนอยู่

"เกิดอะไรขึ้น?!"

ชายหนุ่มรีบสาวเท้าเข้าไปพยุงนางกำนัลผู้นั้นทันที หากแต่นางกลับเร่งเร้าให้เขากลับไปที่เรือนแยกอย่างเร่งร้อน

"...ทะ... ท่านองเมียว แย่แล้วเจ้าค่ะ!!! ...ท่านหญิง..."

พอได้ยินแบบนั้น องเมียวหนุ่มจึงรีบหันหลังวิ่งไปทางเรือนแยก

ทันใดนั้นเอง!!! นางกำนัลที่ตามอยู่เบื้องหลังก็ค่อยๆ กลายร่างเป็นปีศาจแมงมุมยักษ์ หากแต่ยังหลงเหลือรอยฟันจากพัดเอาไว้อย่างชัดเจน

นางปีศาจอ้าปากกว้างปล่อยใยแมงมุมออกมารัดเป้าหมายที่วิ่งอยู่เบื้องหน้า โดยไม่รู้ชะตากรรมของตนเองแม้แต่น้อย

ทว่าทันทีที่ใยแมงมุมตรงเอาบีบรัดร่างในชุดขาวกลับกลายเป็นแค่ตุ๊กตากระดาษเป็นโดยพลัน

!!!!!

"อุ๊บ เกือบไปแล้ว ...ก็คิดอยู่เหมือนกันว่า เขตแดนของข้า คนธรรมดาไม่น่าจะผ่านเข้าออกได้ง่ายๆ นะเนี่ย ..."

องเมียวหนุ่มที่เพิ่งกระโดดหลบจากการโจมตีขึ้นไปยืนบนหลังคาย่อตัวลงกล่าวกับตัวเองอย่างโล่งอก ท่าทางสบายๆ แบบนั้นยิ่งทำให้ปีศาจแมงมุมอารวาดหนักจนสวนสวยถูกย่ำตนพินาศไปทั้งแถบ

"หนอย!!! เป็นแค่ตัวประหลาดไม่สมบรูณ์แท้ๆ บังอาจมาขัดขวางทางข้า ตายซะเถอะ!!!"

ปีศาจแมงมุมกวาดขาหน้าอันใหญ่โตเข้าโจมตีหมายจะตัดคอชายหนุ่มเสีย หากแต่ฝ่ายองเมียวที่คุ้นเคยกับการต่อสู้เช่นนี้เป็นอย่างดีกลับหลบการโจมตีได้อย่างหวุดหวิด สิ่งที่ขาแมงมุมตัดได้จึงมีแต่หมวกทรงสูงที่ชายหนุ่มสวมอยู่เท่านั้น

ทว่าทันทีที่หมวกถูกฟันร่วงหลุดลงมา มันกลับเผยหูแบบจิ้งจอกสองข้าง ทำให้ชายหนุ่มดูแปลกตาจากชายหนุ่มทั่วไป

"กรี๊ดดดดดดดดดด!!!!"

...

ฮิโรชิ

เสียงกรีดร้องเรียกความสนใจของข้าราชการหนุ่มซึ่งกำลังหงุดหงิดให้หยุดชะงัก ดวงตาเรียวคมตวัดหาทิศทางของเสียง

แม้จะไม่รู้ว่าสาเหตุของเสียงกรีดร้องซึ่งตามมาด้วยเสียงอึกทึกดังรุนแรงว่าเป็นเสียงของอะไร แต่ร่างเล็กก็รีบมุ่งตรงไปตามทิศทางของเสียงในทันที

"เกิดอะไรขึ้น!?" ฮิโรชิไม่ได้พกดาบหรืออาวุธใดๆ แต่ก็พอหวังว่าพลังที่มีพอจะทำอะไรได้บ้าง

ภาพเบื้องหน้าเป็นกลุ่มควันฟุ้งกระจาย ค่อยๆ ปรากฏร่างสูงใหญ่ในชุดขาวที่เขาเพิ่งเดินจากมา องเมียวหนุ่มยืนหอบหายใจพลางจัดหมวกทรงสูงบนศีรษะให้เข้าที่เข้าทาง

"นี่เจ้า... ทำอะไรน่ะ!?" ข้าราชการหนุ่มมองอีกฝ่ายที่เหมือนคนแปลกหน้าไม่อาจไว้ใจได้ องเมียวหนุ่มมองไปรอบๆ แล้วตอบ

"เมื่อกี้ข้าเพิ่งกำจัดปีศาจไป เป็นปีศาจที่ทำให้ท่านหญิงฝันร้าย"

ตาเรียวเล็กหรี่ลงแสดงถึงความไม่เชื่อในสิ่งที่คนตรงหน้าเอ่ย คำถามต่อมาจึงตามมาติดๆ

"ไหนล่ะหลักฐาน!? ข้าไม่เห็นว่าจะมีอะไร นอกจากสวนที่เละเทะเท่านั้น!!"

"มันสูญสลายไปหมดแล้ว ทั้งร่างกายและวิญญาณ" องเมียวอธิบาย ก่อนคลี่ยิ้มโล่งอกในที่สุด "ต่อจากนี้ท่านหญิงจะไม่ฝันร้ายอีกแน่นอน"

ฮิโรชิกำลังจะเถียงต่อ ทว่าเสียงฝีเท้าอันรีบเร่งของคนกลุ่มหนึ่งทำให้เขาต้องหันไปมอง ท่านไดนากอนและแขกเหรื่อบางส่วนตามมาดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

"ท่านองเมียว เกิดอะไรขึ้น!! แล้วลูกสาวข้าล่ะ!?" น้ำเสียงร้อนรนที่เต็มไปด้วยความห่วงใยในบุตรสาว ทำให้องเมียวหนุ่มยิ้มให้ด้วยความสงบ

"ไม่ต้องห่วงขอรับท่านไดนากอน ข้าได้จัดการปีศาจตนนั้นไปอย่างถาวรแล้ว" ร่างสูงเดินขึ้นมาจากสวนซึ่งเคยงดงาม ก่อนก้มศีรษะเพื่อแสดงความขอโทษ "ข้าต้องขออภัยที่ทำให้สวนของท่านต้องเสียหายมากเพียงนี้"

"ช่างมันเถอะ เรื่องแบบนั้น ถ้ามันทำให้ลูกข้าหายดีเรื่องเท่านี้ไม่เป็นปัญหาเลย" ทั้งที่เป็นสวนซึ่งท่านไดนากอนรักหนักหนารองจากลูก ท่านเสนาบดีกลับทำราวกับไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร สร้างความขุ่นเคืองในใจฮิโรชิอย่างบอกไม่ถูก

ทำอย่างกับส่งเสริมเจ้าคนไม่รู้หัวนอนปลายเท้าเช่นนี้ ไม่เห็นว่ามันสมควรตรงไหน...!!

"ข้าคงต้องขอตัวลาแล้ว..." องเมียวในชุดสีขาวเอ่ยพลางก้มศีรษะน้อยๆ ซึ่งผู้ว่าจ้างก็พยักหน้าเป็นคำตอบ

ในจังหวะที่ร่างสูงกว่าเดินผ่านนั่นเอง ฮิโรชิรู้สึกว่าตนเองกำลังถูกดวงตากลมโตขององเมียวผู้นั้นมองสำรวจ เขาเกลียดการกระทำเช่นนี้เพราะรู้สึกเหมือนตนเองเป็นสิ่งของที่โดนคนจับจ้องตามใจชอบ

"น่าหงุดหงิดเสียจริง...!!" ข้าราชการหนุ่มพึมพำเมื่อร่างในชุดขาวห่างไปไกลลับตา

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา