พิมพ์ลิขิตเเอบรัก
-
เขียนโดย Dashathone
วันที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2558 เวลา 23.29 น.
18 ตอน
2 วิจารณ์
23.64K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2558 23.39 น. โดย เจ้าของนิยาย
12) หึง rewrited
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความบทที่ 9
หึง
ณ ผับหรูหราแห่งหนึ่งย่านทองหล่อ เต็มไปด้วยนักท่องราตรีชายหญิงทั้งทั้ง ไม่ว่าชายไทยหรือต่างชาติ ต่างก็กำลังโยกย้ายวาดลวดลายบนพื้นที่หน้าเวทีอย่างสนุกสุดเหวี่ยง ตามจังหวะดนตรีหนักๆแข่งกับเสียงพูดคุยหัวเราะของเหล่าคนที่กำลังสังสรรค์กัน ไม่ได้ทำให้คนที่กำลังอยู่ในอารมณ์หึงหวงโดยไม่รู้ตัวจะรู้สึกสนุกด้วยเลยสักนิด ธีร์ภพเดินเข้ามานั่งมุมสุดริมเคาท์เตอร์บาร์เครื่องดื่ม ในมือชายหนุ่มถือแก้วเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ดีกรีแรงสีเหลืองเข้ม เขากำลังนึกถึงคำชักชวนของเพื่อนรักอย่างปารมีเมื่อช่วงเย็นก่อนหน้า มันช่างบังเอิญเสียเหลือเกิน!
“เราออกไปผ่อนคลายกันหน่อยดีไหม อย่าเพิ่งเครียด ไปสังสรรค์ด้วยกันเถอะว่ะธีร์”
เขาไม่คิดว่าการเออออแล้วออกมาดื่มกับเพื่อนในคืนนี้ จะได้เจอ....แจ็คพ็อตรางวัลใหญ่หล่นทับขนาดนี้ เขาอยากเจอพิมพ์ภัทรมากถึงมากที่สุด แต่ไม่คิดว่าจะได้เจอเจ้าหล่อนในสภาพแบบนี้ ภาพหญิงสาวที่เคยน่ารักสดใสด้วยเครื่องสำอางค์บางเบาน่ามองตามวัยอยู่เสมอ บัดนี้คนร่างเล็กที่กำลังปรากฏอยู่ในสายตาของเขานั้น ช่างแตกต่างราวกับนางฟ้าและนางร้ายในละครหลังข่าว ใบหน้าที่เคยสวยพริ้มในตอนนี้ช่างดูเซ็กซี่ยั่วยวนใจนัก ดวงตากลมโตคล้ายลูกแก้วใสนั่น ดูคมกริบเฉี่ยวน่าค้นหาด้วยอายไลน์เนอร์สีดำเข้ม ล้อมด้วยแพขนตาหนาช่วนให้ดูตาคมมีเสน่ห์ ปากเรื่ออมชมพูธรรมชาติถูกแทนที่ด้วยลิปสติกเนื้อแมทสีแดงเจิดจ้า รูปร่างเล็กบางแต่เต็มไปด้วยหน้าอกหน้าใจและก้นงอนงาม ถูกห่อหุ้มด้วยชุดเดรสสั้นรัดรูปเน้นส่วนเว้าส่วนโค้งชัดเจน เรียวขาเนียนสวยอยู่บนรองเท้าส้นสูงส้นเข็มที่น่าจะมากกว่าสามนิ้ว ส่งให้คนที่เคยมีรูปร่างเล็กกะทัดรัด กลายเป็นดูสูงสง่าน่าจับตาพองาม จนเหล่าผู้ชายทั้งหลายรอบตัวเธอหันมามองเป็นตาเดียวกัน
หวง....
คำๆเดียวที่ชัดเจนอยู่ในความรู้สึกเขาตอนนี้ที่สุด ใช่!!! เขาหวงผู้หญิงตรงหน้า หวงใบหน้าหวานพริ้มที่คอยยื่นมาใกล้ยามถามข้อสงสัย หวงดวงตากลมโตใสที่เคยมีเงาของเขาอยู่ในนั้นทั้งสองข้าง หวงริมฝีปากหวานล้ำที่เขาเคยลิ้มรสมาแล้ว ว่ามันให้ความรู้สึกหวานซาบซ่านสักเพียงใด โอ้ย! เขาหวงทุกอย่างบนร่างกายเธอ ของผู้หญิงที่ชื่อพิมพ์ภัทร
ความรู้สึกทั้งหมดนี่ไม่ใช่เพิ่งมาเกิดตอนที่เขาเปิดใจเรื่องความรู้สึกทั้งหมดกับปารมีหรอก แต่มันมีความรู้สึกแบบนี้ตั้งแต่รู้ว่าหัวใจเขาขาดเธอไม่ได้ ครั้งเมื่อตอนอยู่เมืองนอกใหม่ๆแล้ว ยิ่งพอได้คุยกับคุณระพี บิดาของหญิงสาวเมื่อตอนเย็นด้วยแล้ว ความรู้สึกของการเป็นเจ้าข้าวเจ้าของในตัวเธอยิ่งทวีรุนแรงมากขึ้นอีกเป็นเท่าตัว
“หวังว่าคำตอบของคุณ คงไม่ทำให้ผมผิดหวังหรอกนะ” เสียงราบเรียบของคนมากวัยกรอกมาตามสายทันที ที่สัญญาณรอสายหยุดลง
“ผมสัญญาว่าจะดูแลภัทรด้วยชีวิตของผมครับ” ธีร์ภพเองก็ไม่ลังเลที่จะให้คำมั่น ว่าจะดูแลแก้วตาดวงใจของท่านตลอดไป หากว่า....พิมพ์ภัทรยังรักเขาอยู่
“ขอบคุณ” คุณระพีวางสายไปแล้ว แต่คำของคุณของท่านฟังดูผ่อนคลาย คล้ายวางใจวางและเชื่อมั่นให้เขาได้ดูแลลูกสาวของท่านเต็มที่
แล้วแบบนี้จะไม่ให้เขารู้สึกหึงหวงผู้ชายทุกคนที่มองมาที่ยัยตัวเล็กของเขาได้ยังไงไหว
หึง.....ใช่ เขายอมรับว่าสิ่งที่เห็นตอนนี้ มันตอกย้ำความรู้ทั้งหมดที่มีตอนนี้ที่สุด ช่วยไม่ได้ จะหึงคนที่เขารักไม่ได้หรือ
บัดซบเอ้ย!!!
ธีร์ภพสบถออกมาทันทีที่ได้เห็นว่าคนตัวเล็กของเขากำลังทำอะไร ที่สำคัญคนคนนั้นเป็น....ผู้ชาย!!! ที่ไม่ใช่เขาอีกต่างหาก ภาพเคลื่อนไหวที่พิมพ์ภัทรกำลังยักย้ายส่ายสะโพก พูดคุยหัวเราะต่อกระซิกกับผู้ชายร่างสูงสมาร์ทหน้าตาดีคนหนึ่ง แถมผู้ชายคนนั้นยังเป็นเศรษฐีในสังคมของเธออีกด้วย แค่เห็นสายตาไอ้หนุ่มนั่นมองมาที่หญิงสาว เขาก็รู้ทันทีว่ามันคิดไปถึงไหนต่อไหนแล้ว
มันไม่แย่เท่ากับหญิงสาวยังหันมาส่งสายตาคล้ายท้าทายมาทางเขาอีก แต่อย่าหวังว่ามันจะมีโอกาสได้ทำอะไรมากกว่านั้น ถ้าหากเขายังนั่งอยู่ตรงนี้!!!
“จะไปไหนว่ะ ไอ้ธีร์ เดี๋ยวๆ....” เสียงปารมีเรียกเพื่อนรักไล่หลังไป เมื่อเห็นว่าธีร์ภพกำลังตรงดิ่งไปหาใคร เขากลัวว่าไอ้อารมณ์หึงหวงจะปะทุมากขึ้นไปอีก หากทั้งคู่ปะทะคารมณ์กันในสถานที่ที่คนเยอะขนาดนี้ รับรองเป็นข่าวดังแน่!!!
“ขอโทษครับ ผมมารับแฟนกลับบ้าน” ประโยคแรกที่ออกจากปากของธีร์ภพ เมื่อเดินมายืนตรงหน้าพิมพ์ภัทรนั้น มันไม่ใช่คำทักทายธรรมดา แต่มันเป็นการแสดงความเป็นเจ้าของในตัวเธอ! เรียกสายตาคนรอบโต๊ะของเธอและเพื่อนชายให้หันมามองเป็นตาเดียวกัน พิมพ์ภัทรมองไปรอบๆตัว ก่อนจะระงับอารมณ์หลากหลายพุ่งพล่านปนเปกันไปหมด แต่คำถามคือ....เขาทำแบบนี้เพื่ออะไร ก่อนจะหันไปเจอสายตาของเพื่อนร่วมโต๊ะที่มองมาราวกับต้องการคำอธิบายกับเหตุการณ์นี้โดยด่วน
“สวัสดีค่ะพี่ธีร์ มาเที่ยวเหมือนกันเหรอคะ นี่ณัฐเป็น....แฟ...” หญิงสาวหันไปทักทายธีร์ภพ ราวกับไม่ได้ยินสิ่งที่เขาประกาศก่อนหน้านี้ แล้วหันกลับไปแนะนำเพื่อนพร้อมส่งสายตาขอความช่วยเหลือ แต่มันก็ถูกขัดขึ้นเสียก่อนจะจบประโยค
“เพื่อน!” ธีร์ภพโพล่งออกมาเสียงดังราวกับไปโกรธใครมา
“คะ” คนหวังให้เพื่อนช่วยหันมามองธีร์ภพเป็นเชิงถามทันที ไม่ต่างกับณภัทรซึ่งกำลังจ้องมองผู้ชายมาใหม่ด้วยแววตาวาวคล้ายเจอของถูกใจ แต่ธีร์ภพกลับเข้าใจไปว่าอีกฝ่ายกำลังเยาะหยันเขาอยู่ในท่าทีนิ่งๆนั่น
“ณัฐเป็นเพื่อนภัทรก็เหมือนเพื่อนพี่ ส่วนพี่กับภัทรเรากำลังจะเป็นแฟนกัน” ชายหนุ่มไขข้อส่งสัยให้ณภัทร ก่อนจะตอกย้ำสถานะเขาและเธอในท้ายประโยค ทำเอาคนตัวเล็กหันขวับกลับมามองธีร์ภพทันที นี่พี่ธีร์ของเธอผีเข้ารึไง จะเป็นแฟนกัน! ตอนไหน เมื่อไหร่ แล้วเขาขอเธอตั้งแต่เมื่อไหร่ เล่นเอาหัวใจเธออดเต้นกระหน่ำกับคำคล้ายขอเป็นแฟนไม่ได้ แต่สิ่งที่หญิงสาวแสดงออกกลับเป็นอีกอย่าง
“หึ แต่เท่าที่จำได้ ภัทรยังไม่เคยมีแฟน จะมีก็แต่พี่ชายจอมปลอม จริงไหมคะพี่ชาย สุดที่รัก” คำย้อนของพิมพ์ภัทรคล้ายกับหอกแหลมคมที่ปักลงกลางใจ แทนลูกศรรักจากกามเทพที่เขาและเธอเคยโดนร่วมกันเมื่อสมัยเรียน
“แต่เท่าพี่จำได้ ภัทรเป็นคนบอกรักพี่ก่อนนี่ครับ” คราวนี้ชายหนุ่มไม่พูดธรรมดา แต่เดินเข้าไปยืนข้างคนร่างบาง เอื้อมมือไปรั้งเอวคอดให้เข้ามาแนบข้างตัว โน้มใบหน้าไปกระซิบชิดริมใบหูเล็ก ทว่ามันกลับดังพอที่ณภัทรจะได้ยิน อดที่กระตุกยิ้มที่มุมปากให้กับคนขี้หึงอย่างพี่ธีร์ของเพื่อนสาวไม่ได้ แต่คนถูกกระซิบกลับยืนนิ่งราวกับถูกสาป แม้จะเป็นเพียงเสียงกระซิบแผ่วเบาสุภาพและทุ้มนุ่มละมุน แต่กลับคล้ายมีดกรีดลงกึงกลางใจเธออย่างเลือดเย็น มันเหมือนกับว่าเขากำลังเยาะหยัน ว่าเธอต่างหากที่เริ่มตกลงไปในหลุมรักของเขาก่อนไม่ใช่หรือ
“ค่ะ แต่นั้นมันเป็นอดีตไปแล้ว ปัจจุบันต่างหากค่ะที่สำคัญและ…” พิมพ์ภัทรยืดตัวขึ้นอย่างยอมรับ ก่อนจะพ่นคำพูดฟังคาดไม่ถึง
“…ตื่นเต้นกว่า จริงไหมคะณัฐ” แต่ประโยคหลังหันมาสบตาหวานซึ้งกับณภัทรราวกับกำลังรักกันปานจะกลืนกิน ทั้งที่ในใจเธอกำลังตื่นเต้นสนุกสนานเมื่อได้เอาคืนคนขี้ตู่บ้าง แต่พอเห็นสีหน้าเรียบตึงของเขาแล้วก็อดจะใจอ่อนไม่ได้ อดทน อดทนไว้ภัทร หญิงสาวพยายามย้ำให้ตัวเองอย่าใจอ่อนง่ายๆ หากคิดจะยั่วเขาให้รู้ใจตัวเองแล้วล่ะก็
“หึ กลับบ้าน!” ไม่สั่งเปล่า ธีร์ภพตัดสินใจฉุดข้อมือของน้องสาวนอกไส้ให้เดินออกจากผับ ท่ามกลางสายตาสงสัยปนมึนงงของนักท่องราตรีทั้งหลาย แต่มีหรือว่าเขาจะแคร์!
“เดี๋ยวพี่ธีร์ หยุดก่อน ภัทรยังไม่ได้ลาเพื่อนเลย ปล่อย!” พิมพ์ภัทรสะลัดข้อมือตัวเองออกจากมือใหญ่ หยุดยืนหน้าลานจอดรถ ไม่ยอมเดินตามาชายหนุ่มอีก
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวพี่ให้ไอ้มีไปบอก”
“ไม่ค่ะ ภัทรยังไม่อยากกลับ”
“ต้องกลับ!”
“ทำไมคะ ทำไมภัทรต้องทำตามที่พี่ธีร์สั่งด้วย เราไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย” พิมพ์ภัทรกอดอกเชิดหน้าราวกับไม่สนใจหน้าตาบึ้งตึงของคนตรงหน้าเลยสักนิด แต่ในใจกลับพึมพำว่า....โดนซะบ้างจะได้รู้สึก
“ใช่ แต่กำลังจะเป็นเร็วๆนี้ เอ...หรือคืนนี้ดีนะ” ได้ผล คนถามหันมามองเขาทันที เห็นรอยยิ้มกว้างกับแววตาแพรวพราวของเขายื่นมาแทบชิดใบหน้าเนียนแล้ว หญิงสาวต้องปรายตามองแล้วกลืนน้ำลายเหนียวลงคออย่างยากลำบาก เพราะวันนี้ธีร์ภพต่างจากเมื่อก่อนนัก เขาดูมีแววเจ้าเล่ห์ในดวงตาคมรียาว ยิ้มสว่างไสวนั่นอีก ไม่ได้มีท่าที่สุภาพอ่อนโยนเหมือนสมัยก่อนอีกแล้ว ราวกับว่าคนตรงหน้าเป็นผู้ชายที่เธอไม่เคยรู้จักมาก่อน
“ขึ้นรถ” ขณะที่หญิงสาวกำลังตะลึงครุ่นคิดอยู่นั้น ธีร์ภพจึงได้โอกาสเปิดประตูอุ้มคนตัวบางวางบนเบาะข้างคนขับ คาดเข็มขัดนิรภัยให้ แล้วปิดประตูกดรีโมตล็อกทันที ก่อนจะเดินอ้อมไปฝั่งคนขับ เมื่อเห็นคนด้านในทุบกระจกร้องให้เขาเปิด แต่แทนที่ชายหนุ่มจะกดรีโมตปลดล็อกเพื่อเข้าไปนั่งในตำแหน่งคนขับ แต่เขากลับใช้วิธีไขกุญแจแล้วเข้าไปประจำที่อย่างรวดเร็วแทน จนหญิงสาวหันมามองแทบไม่ทัน
หึ คนเจ้าเล่ห์...
พิมพ์ภัทรได้แต่เข่นเขี้ยวในใจ เมื่อทำอะไรไม่ได้เธอจึงเชิดหน้าหันไปมองนอกหน้าต่างรถพลางกอดอกอย่างถือดีแทน
ภายในรถยนต์สปอร์ตคันหรูของพิมพ์ภัทร ที่บัดนี้มีคนขับรถหน้าตาหล่อเหลาอย่างธีร์ภพนั้น ตกอยู่ในบรรยากาศเงียบเชียบราวกับร้างผู้โดยสาร จะมีก็แต่เพียงเสียงถอนลมหายใจของหญิงสาวตัวบางสวมชุดเดรสสุดเซ็กซี่เท่านั้น ที่แสดงว่าเจ้าตัวหงุดหงิดมากแค่ไหน กับการต้องทนมานั่งรถกลับบ้านพร้อมเขาเพราะถูกบังคับ
“มือว่างรึเปล่า” อยู่ๆสารถีหนุ่มก็เอ่ยถามขึ้นทำลายบรรยากาศคุกรุ่น
“พี่ธีร์ว่าไงนะคะ” พิมพ์ภัทรหันมาถามด้วยใบหน้าฉงน แทนที่จะทำตามที่เขาต้องการ ถามอะไรของเขา
“มือว่างรึเปล่าภัทร ยื่นมาหน่อยสิ” เขาถามเสียงเรียบจนคนฟังทำหน้าเซ็ง ก่อนจะยื่นไปข้างหน้าชายหนุ่ม ทั้งๆที่หันหน้าออกไปมองวิวข้างทาง เพราะหงุดหงิดไม่น้อย
หมับ....
แต่ก็ต้องหันกลับมามองแทบไม่ทัน ความรู้สึกอุ่นวาบขึ้นที่มือเธอ เมื่อเขาเอื้อมมือหนามาคว้ามือบางของเธอไปกอบกุมไว้ ยกขึ้นจรดริมฝีปากหยักแผ่วเบาด้วยดวงตาอ่อนโยน จนคนมองอดที่จะรู้สึกว่าหน้าตัวเองในตอนนี้ คงแดงเรื่องลามไปถึงหน้าอกด้านซ้ายแล้ว แต่มันยิ่งไหลทะลักตรงไปที่ก้นบึ้งหัวใจดวงน้อยของเธอจนล้นเอ่อ เมื่อเขาสอดนิ้วยาวประสานกับนิ้วเรียวของเธอ และไม่ลืมที่จะกระชับแน่นราวกับกลัวว่าเธอจะดึงมืออก
“อุ่นไหม” เสียงนุ่มทุ้มถามขณะจ้องมองถนนข้างหน้าคล้ายกำลังจดจ่อกับการขับรถหนักหนา
....เงียบ....
คนถูกถามไม่ตอบ แต่กลับเบี่ยงใบหน้าไปมองข้างทางราวกับไม่ได้ยินคำถามของเขา แต่ทั้งดวงตากลมใสและมุมปากกลั้นยิ้มแทบไม่อยู่ หากธีร์ภพก็รู้คำตอบได้เอง เมื่อมือนุ่มกระชับสอดรับนิ้วมือของเขาอย่างเงียบๆ
“ขี้โกง” หญิงสาวว่าคนขับไม่จริงจังนัก
หลังจากนั้นก็ไม่เสียงพูดจากเขาและเธออีก ปล่อยให้เสียงดนตรีคลาสสิกบรรเลงเพลงรักหวานจากเครื่องเสียงในรถ คลอเคล้าบรรยากาศไปตลอดทาง ทว่าทั้งเขาและเธอต่างก็รู้ดีว่ามันเทียบไม่ได้เลยกับความซาบซ่านชุ่มฉ่ำหัวใจ ที่กำลังรู้สึกอยู่ในตอนนี้
เขาว่ากันว่าความสุขมักจะอยู่กับเราได้ไม่นานนั้น เห็นทีจะเป็นความจริง เมื่อรถยนต์คันหรูเลี้ยวเขามาจอดเทียบบันไดของคฤหาสน์ รถทั้งคันยังคงตกอยู่ในความเงียบ ไม่มีใครพูดหรือเอ่ยอะไรเพื่อเป็นการจากลา มือเล็กของเธอยังสอดประสานกับมือใหญ่ของเขา ราวกับต้องการซึมซับช่วงเวลาแห่งความสุขเล็กน้อยนี้ไว้ให้นานที่สุด แม้ว่ามันจะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ แต่มันมีค่าที่สุดสำหรับเขาและเธอ เพราะมันเป็นครั้งแรกที่เขาได้กอบกุมมือเล็กนุ่มนี้ไว้ด้วยมือของเขาเอง ได้แสดงออกต่อกันว่าเขารู้สึกอย่างไรกับเธอโดยไม่ต้องปกปิด ไม่มีเรื่องฐานะ เซ็กส์ หรือสังคมเข้ามาเกี่ยวข้อง มันเป็นความรู้สึกของเราที่มีต่อกัน และเขาเชื่อมั่นว่าคนข้างกายก็คงรู้สึกและอยากทำไม่ต่างจากเขานัก
หากแต่จะให้พูดตรงๆก็ยังไม่ใช่เวลาที่เหมาะสมนัก ธีร์ภพหลับตาลงช้าๆ ผ่อนลมหายใจออกแรงๆหนึ่งครั้ง ส่งผลให้คนตัวเล็กหันมามองโดยไม่ได้ตั้งใจ แล้วเธอก็ไม่อาจละสายตาจากใบหน้าอันคุ้นเลยนี้ไปได้
พี่ธีร์ของเธอมีใบหน้าหล่อเหล่าเหมือนเช่นที่ผ่านมา แต่ดูสมาร์ทขึ้นด้วยหุ่นล่ำสันกว่าเก่ามาก อาจเป็นเพราะการทานอาหารและออกกำลังกายสม่ำเสมอเมื่อช่วงเรียนอยู่เมืองนอก และเธอเพิ่งสักเกตเมื่อเลื่อนสายตาลงไปช่วงหน้าท้องเขาที่คาดว่าใต้เสื้อเชิ้ตนั่น คงเต็มไปด้วยกล้ามมัดน่าสัมผัสมากแค่ไหน หากมันเป็นลอนซิกแพ็คสวย คิดถึงตรงนี้แก้มเนียนขาวคงแดงระเรื่อไม่ต่างกับบลัชออนสีชมพูที่ใช้แต่งในคืนนี้นัก
“คิดอะไรอยู่” พิมพ์ภัทรผงะไปด้านหลังเล็กน้อย เมื่อเขาเอาหน้าหล่อๆที่กำลังฉีกยิ้มแฉ่งจนตาหยียื่นมาใกล้เพียงแค่คืบ
“เปล๊า ปล่อยมือภัทรได้แล้วค่ะ” หญิงสาวปฏิเสธเสียงสูง พยายามดึงมือให้หลุดออกจากมืออุ่น แต่ก็ไร้ผล
“ก็เห็นอยู่ว่าเรากำลังทำหน้าตาเคลื้มตอนที่มองซิกแพ็คของพี่” ชายหนุ่มไขข้อสงสัย เพราะการกระทำน่ารักน่าใครของคนตัวเล็กอยู่ในสายตาเขาทั้งหมด มีหรือที่เขาจะไม่รู้ว่าหญิงสาวคิดอะไรอยู่ เพราะมันแสดงออกมาทางดวงตากลมโตนั่น โดยที่เจ้าตัวไม่สามารถปกปิดไว้ได้เลยสักนิด
“ใคร๊ ไม่มี ภัทรไม่ได้มอง พี่ธีร์อย่ามาเดามั่วๆนะ” พิมพ์ภัทรปฏิเสธเสียงสูง ทั้งๆที่เขินอายแทบแย่เมื่อถูกอีกฝ่ายจับได้
“หึหึ ไม่มองก็ไม่มองสิ ใครว่าอะไรล่ะ” ธีร์ภพเองก็ยิ้มเอ็นดูกระจ่างในหน้าส่งไปให้ เพราะภาพของยัยตัวเล็กแก้มแดงเรื่อกับ ดวงตายิ้มได้ ส่ายหน้าไม่รู้จนผมกระจายนั่น ยิ่งน่าเอ็นดู น่ารัก และที่สำคัญคือ...น่าฟัด!
“งั้นก็ปล่อยภัทรได้แล้วค่ะ” พูดจบหญิงสาวบิดมือออกจากอุ้งมือใหญ่ หันไปเปิดประตูรถ ก่อนจะก้าวลงจากรถ แต่ก็ต้องชะงักเมื่อเขารั้งเธอด้วยเสียงนุ่มทุ้มละมุนน่าฟังทว่าหนักแน่น ผิดกกับเสียงหัวเราะในลำรอราวกับขบขันเมื่อสักครู่
“เดี๋ยวสิ” แต่พอคนตัวบางหันกลับมามองเขาแบบตรงๆ กลับไม่รู้จะเริ่มพูดสิ่งที่อยู่ในใจออกมาอย่างไรดี คล้ายกับมีก้อนอะไรมาจุกอยู่ที่ลำคอให้ตีบตันจนพูดไม่ออก ถ้าหากสารภาพแบบตรงๆ ยัยน้องน้อยของเขาจะยังยอมรับอยู่ไหม เพราะเธอมีเพื่อนชายคนใหม่เสียแล้ว แถมไอ้หมอนั่นยังร่ำรวยเป็นเศรษฐีอีกต่างหาก ดูอย่างตอนนี้สิว่าหญิงสาวเปลี่ยนไปมากนัก ถ้าเป็นสมัยก่อนเวลามีอะไรก็ตามแต่ เธอจะนึกถึงพี่ธีร์อย่างเขาก่อนคนอื่นเสมอ แต่สิ่งที่เห็นได้ชัดในตอนนี้คือ พิมพ์ภัทรมีทีท่าเฉยชาต่อเขา นิ่งไม่สนใจ ไม่ตามติด ไม่มีคำพูดว่าพี่ธีร์คะพี่ธีร์ขาอีกต่อไป กลายเป็นฝ่ายเขาต่างหาก ที่กำลังวิ่งตามหญิงสาวแทน
ธีร์ภพสูดลมหายใจเข้าลึกๆเพื่อเรียกความมั่นใจตัวเองกลับมา เอื้อมมือไปคว้ามือบางทว่านุ่มนิ่มน่าจับมากอบกุมไว้ทั้งสองข้าง จ้องมองดวงหน้าสวยพริ้มนิ่ง ก่อนจะสบเข้ากับดวงตากลมใส ตรึงให้เจ้าของใบหน้าสวยไม่อาจเบี่ยงหน้าหนีไปไหนได้อีก
“พี่รู้ว่าอดีตของเราอาจเริ่มต้นไม่ดีนัก มันอาจทำให้ภัทรเจ็บปวดทรมานมากจนกลายเป็นเฉยชา แต่นับจากวินาทีนี้ไป พี่สัญญาว่าจะดูแลภัทรด้วยหัวใจและชีวิตของพี่ รอพี่อีกสักนิดได้ไหม” ดูแลงั้นหรือ อะไรทำให้ธีร์ภพที่เคยปฏิเสธความรักที่เธอพยายามมอบให้มาตลอด เพิ่งจะมาเห็นความสำคัญในตอนนี้เนี้ยะนะ มันสายไปรึเปล่า ไม่! ไม่หรอก ไม่มีอะไรสายเกินไปสำหรับการเริ่มต้นที่จะดูแลและรักใครสักคน แต่จะให้เธอเชื่อและให้โอกาสเขาเดินเข้ามาในชีวิตเธออีกน่ะหรือ ทั้งที่ผู้ชายคนนี้เคยเอาแต่เดินหนีเธอมาหลายปี ไม่มีทาง! มันไม่ได้ง่ายขนาดนั้นหรอก อย่างน้อยๆก็ให้เธอได้เอาคืนเสียบ้าง ถึงจะสาสม! เธออยากให้เขาได้รับรู้ว่าตลอดเวลาที่ผ่านมา เธอเคยทุกข์ทรมานเจ็บปวดแสนสาหัสมากแค่ไหน เมื่อโดนปฏิเสธจากคนที่ตัวเองแอบรัก
“เพื่ออะไรคะ ทั้งที่พี่ธีร์เป็นฝ่ายปฏิเสธภัทรมาตลอด แถมยังป่าวประกาศว่าภัทรเป็นน้องสาวนอกไส้ และยังบอกว่าชอบ เกรซเพื่อนรักของภัทรอีก จะให้ภัทรเชื่อว่าพี่ธีร์เพิ่งรู้ใจตัวเอง จะให้เชื่อได้สนิทใจอย่างนั้นใช่ไหม!!!” เสียงตวาดท้ายประโยคหลุดออกมาจากริมฝีปากบางคล้ายกลับน็อตหลุด อารมณ์ที่คิดว่าจะเก็บกักควบคุมได้ กลับพุ่งกระจายออกมาราวกับระเบิดรอเวลา สติที่คิดว่ายังครบถ้วน แต่พอได้ยินประโยคที่เขาบอกให้เธอรอ รอ! รออย่างนั้นหรือ รออะไร แล้วที่เธอเป็นโสดจนไม่เหลียวแลใครเลยอย่างทุกวันนี้ ยังไม่ถือว่ารอเขาอีกรึไง ผู้ชายอะไรซื่อบื้อชะมัด!
“ถึงเวลานั้นแล้วพี่จะบอกความจริงและความรู้สึกที่พี่มีต่อภัทรทุกอย่าง นะครับ” ธีร์ภพพูดต่อเมื่อเห็นอีกฝ่ายกำลังจะลงจากรถ เมื่อเขาพิสูจน์ตัวเองกับบิดามารดาของหญิงสาวได้แล้ว เขาจะเดินกลับมาหาเธอและบอกว่าเขาคิดอย่างไรกับเธอได้เต็มภาคภูมิ
“ถ้าคุณพร้อมจะพิสูจน์ตัวเองว่ารักและจะดูแลลูกสาวผมตลอดไป มาพบผมที่บริษัท”
คำพูดปริศนาของคุณระพียังคงก้องอยู่ในหู เขาพอจะรู้ว่าท่านจะใช้วิธีไหนช่วยเหลือเขาเพื่อการันตีให้ท่านเห็น ว่าหากเขาและเธอจะแต่งงานสร้างครอบครัวด้วยกันได้อย่างไร้ข้อกังขา ลูกสาวสุดที่รักดั่งแก้วตาดวงใจของท่านจะต้องไม่ลำบาก หรือจะไม่ถูกคำครหาเรื่องความต่างทางฐานะและสังคม
“พอเถอะค่ะ ภัทรเหนื่อย....”…กับเรื่องของเรา ใช่ เธอหมายความอย่างที่พูดจริงๆ จนท้ายประโยคมันเหลือเพียงเสียงกระซิบคล้ายขาดหายไปเท่านั้น เพราะความไม่ชัดเจนของเขาในตอนนี้ หรือคำว่า น้องสาวที่ยังคงฝังลึกอยู่ในหัวใจ มันทำให้เจ็บปวดเสียจนไม่อยากเปล่งคำพูดใดๆออกมาอีก บวกกับความรู้สึกสับสนหลังจากเขาบอกให้เธอรอเพื่ออะไรสักอย่างนั่นล่ะ ทุกความรู้สึกดูวุ่นวายเกินกว่าหัวใจเธอจะทานทนรับไหว
“เดี๋ยว” ชายหนุ่มรั้งแขนเรียวของหญิงสาวไว้อีกครั้ง เมื่อสังเกตเห็นอะไรบางอย่างที่ขอบตาสวย
“จะไปทั้งอย่างนี้เหรอ”
“อะไรคะ”
“พี่จะไม่ยอมให้ภัทรจากไปพร้อมคาบน้ำตาอีกแล้ว พี่สัญญา” คนตัวโตเอื้อมมือหนาอุ่นประคองใบหน้าเนียนให้หันมาหา ใช้มืออีกข้างค่อยๆไล้เช็ดคราบหยดน้ำตาที่เอ่อล้นแพขนตาออกอย่างแผ่วเบา ตามด้วยสิ่งที่คนตัวเล็กไม่คาดคิด คือการจูบซับเปลือกตาทั้งสองข้างอย่างทะนุถนอมอ่อนโยน ระเรื่อยลงมาที่จมูกโด่งเล็ก จนกระทั่งชนเข้ากับริมฝีปากบางชมพูระเรื่อ เขาอยากรู้นักว่าจะหวานสักเพียงใด มันจะซาบซ่านเหมือนกับตอนที่ยัยตัวเล็กแอบจุมพิตเขาในห้องชมรมหรือไม่ แต่ก็ต้องยับยั้งชั่งใจไว้ก่อน ว่าตอนนี้เขาควรปลอบโยนเธอมากกว่าตักตวง ชายหนุ่มจึงทำเพียงแนบริมฝีปากหนาของตัวเองลงบนริมฝีปากบางเบาๆ ทว่าแช่เนิ่นนานอยู่อย่างนั้น
“พอเถอะคะ ขับรถดีๆนะคะ” พูดจบพิมพ์ภัทรก็ตัดสินใจผละออกแล้วก้าวลงจากรถทันที โดยไม่ทันได้ยินคนตัวโตกล่าว ฝันดีนะครับ มาให้
“ฮื่อ....” หญิงสาวหยุดยืนพิงหลังกับประตูบานใหญ่ บังคับให้ขาเรียวทั้งสองข้างไม่ล้มพับไปกองกับพื้น เอามือทาบที่อกข้างซ้าย รู้สึกคล้ายว่ามันเต้นกระหน่ำรัวจนจะกระเด็นออกมาให้ได้ หญิงสาวพยายามสูดลมหายใจเข้าออกลึกๆสองสามรอบ เพื่อลดความตื่นเต้นและเรียกสติกลับมา นี่เป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่พี่ธีร์จูบเธอก่อน! กรี้ดดดดดดด
ส่วนคนจู่โจมก็รู้สึกไม่ต่างกันนัก เขาไม่สามารถหุบยิ้มได้เลย หลังจากที่ถอนริมฝีปากออก แม้กระทั่งตอนนี้ เขายังคงยิ้มกว้างปากแทบฉีก เมื่อขึ้นมานั่งบนรถของปารมีที่มารอรับเรียบร้อยแล้ว
“ยิ้มปากฉีกขนาดนี้ คงปรับความเข้าใจกันแล้วใช่ไหม” ปารมีเองเมื่อเห็นเพื่อนมีความสุข ก็อดที่จะเอ่ยแซวไม่ได้
“เปล่า กู....มีความสุข” แต่ธีร์ภพกลับตอบเพื่อนด้วยเสียงแผ่วราวกับละเมอ ดีที่ยั้งปากไว้ได้ทันว่าตัวเองทำอะไรลงไปกับยัยตัวน้อย ก่อนที่ปารมีจะขับรถมาถึงคฤหาสน์
“วะ ฮ่าๆๆๆ ให้มันได้อย่างนี้สิวะเพื่อนรัก” คนถามเองก็พลอยมีความสุขไปด้วย เมื่อหันไปเห็นเพื่อนยามใด ธีร์ภพก็ยังคงยิ้มกริ่มดวงตาเปล่งประกาย ราวกับคนขับรถอย่างเขาไม่มีตัวตน อิจฉา! เห็นทีก่อนกับเหมือง เขาต้องแวะไปสวีตหวานกับสุดที่รักของเขาอย่างรันดาเสียแล้ว
หึง
ณ ผับหรูหราแห่งหนึ่งย่านทองหล่อ เต็มไปด้วยนักท่องราตรีชายหญิงทั้งทั้ง ไม่ว่าชายไทยหรือต่างชาติ ต่างก็กำลังโยกย้ายวาดลวดลายบนพื้นที่หน้าเวทีอย่างสนุกสุดเหวี่ยง ตามจังหวะดนตรีหนักๆแข่งกับเสียงพูดคุยหัวเราะของเหล่าคนที่กำลังสังสรรค์กัน ไม่ได้ทำให้คนที่กำลังอยู่ในอารมณ์หึงหวงโดยไม่รู้ตัวจะรู้สึกสนุกด้วยเลยสักนิด ธีร์ภพเดินเข้ามานั่งมุมสุดริมเคาท์เตอร์บาร์เครื่องดื่ม ในมือชายหนุ่มถือแก้วเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ดีกรีแรงสีเหลืองเข้ม เขากำลังนึกถึงคำชักชวนของเพื่อนรักอย่างปารมีเมื่อช่วงเย็นก่อนหน้า มันช่างบังเอิญเสียเหลือเกิน!
“เราออกไปผ่อนคลายกันหน่อยดีไหม อย่าเพิ่งเครียด ไปสังสรรค์ด้วยกันเถอะว่ะธีร์”
เขาไม่คิดว่าการเออออแล้วออกมาดื่มกับเพื่อนในคืนนี้ จะได้เจอ....แจ็คพ็อตรางวัลใหญ่หล่นทับขนาดนี้ เขาอยากเจอพิมพ์ภัทรมากถึงมากที่สุด แต่ไม่คิดว่าจะได้เจอเจ้าหล่อนในสภาพแบบนี้ ภาพหญิงสาวที่เคยน่ารักสดใสด้วยเครื่องสำอางค์บางเบาน่ามองตามวัยอยู่เสมอ บัดนี้คนร่างเล็กที่กำลังปรากฏอยู่ในสายตาของเขานั้น ช่างแตกต่างราวกับนางฟ้าและนางร้ายในละครหลังข่าว ใบหน้าที่เคยสวยพริ้มในตอนนี้ช่างดูเซ็กซี่ยั่วยวนใจนัก ดวงตากลมโตคล้ายลูกแก้วใสนั่น ดูคมกริบเฉี่ยวน่าค้นหาด้วยอายไลน์เนอร์สีดำเข้ม ล้อมด้วยแพขนตาหนาช่วนให้ดูตาคมมีเสน่ห์ ปากเรื่ออมชมพูธรรมชาติถูกแทนที่ด้วยลิปสติกเนื้อแมทสีแดงเจิดจ้า รูปร่างเล็กบางแต่เต็มไปด้วยหน้าอกหน้าใจและก้นงอนงาม ถูกห่อหุ้มด้วยชุดเดรสสั้นรัดรูปเน้นส่วนเว้าส่วนโค้งชัดเจน เรียวขาเนียนสวยอยู่บนรองเท้าส้นสูงส้นเข็มที่น่าจะมากกว่าสามนิ้ว ส่งให้คนที่เคยมีรูปร่างเล็กกะทัดรัด กลายเป็นดูสูงสง่าน่าจับตาพองาม จนเหล่าผู้ชายทั้งหลายรอบตัวเธอหันมามองเป็นตาเดียวกัน
หวง....
คำๆเดียวที่ชัดเจนอยู่ในความรู้สึกเขาตอนนี้ที่สุด ใช่!!! เขาหวงผู้หญิงตรงหน้า หวงใบหน้าหวานพริ้มที่คอยยื่นมาใกล้ยามถามข้อสงสัย หวงดวงตากลมโตใสที่เคยมีเงาของเขาอยู่ในนั้นทั้งสองข้าง หวงริมฝีปากหวานล้ำที่เขาเคยลิ้มรสมาแล้ว ว่ามันให้ความรู้สึกหวานซาบซ่านสักเพียงใด โอ้ย! เขาหวงทุกอย่างบนร่างกายเธอ ของผู้หญิงที่ชื่อพิมพ์ภัทร
ความรู้สึกทั้งหมดนี่ไม่ใช่เพิ่งมาเกิดตอนที่เขาเปิดใจเรื่องความรู้สึกทั้งหมดกับปารมีหรอก แต่มันมีความรู้สึกแบบนี้ตั้งแต่รู้ว่าหัวใจเขาขาดเธอไม่ได้ ครั้งเมื่อตอนอยู่เมืองนอกใหม่ๆแล้ว ยิ่งพอได้คุยกับคุณระพี บิดาของหญิงสาวเมื่อตอนเย็นด้วยแล้ว ความรู้สึกของการเป็นเจ้าข้าวเจ้าของในตัวเธอยิ่งทวีรุนแรงมากขึ้นอีกเป็นเท่าตัว
“หวังว่าคำตอบของคุณ คงไม่ทำให้ผมผิดหวังหรอกนะ” เสียงราบเรียบของคนมากวัยกรอกมาตามสายทันที ที่สัญญาณรอสายหยุดลง
“ผมสัญญาว่าจะดูแลภัทรด้วยชีวิตของผมครับ” ธีร์ภพเองก็ไม่ลังเลที่จะให้คำมั่น ว่าจะดูแลแก้วตาดวงใจของท่านตลอดไป หากว่า....พิมพ์ภัทรยังรักเขาอยู่
“ขอบคุณ” คุณระพีวางสายไปแล้ว แต่คำของคุณของท่านฟังดูผ่อนคลาย คล้ายวางใจวางและเชื่อมั่นให้เขาได้ดูแลลูกสาวของท่านเต็มที่
แล้วแบบนี้จะไม่ให้เขารู้สึกหึงหวงผู้ชายทุกคนที่มองมาที่ยัยตัวเล็กของเขาได้ยังไงไหว
หึง.....ใช่ เขายอมรับว่าสิ่งที่เห็นตอนนี้ มันตอกย้ำความรู้ทั้งหมดที่มีตอนนี้ที่สุด ช่วยไม่ได้ จะหึงคนที่เขารักไม่ได้หรือ
บัดซบเอ้ย!!!
ธีร์ภพสบถออกมาทันทีที่ได้เห็นว่าคนตัวเล็กของเขากำลังทำอะไร ที่สำคัญคนคนนั้นเป็น....ผู้ชาย!!! ที่ไม่ใช่เขาอีกต่างหาก ภาพเคลื่อนไหวที่พิมพ์ภัทรกำลังยักย้ายส่ายสะโพก พูดคุยหัวเราะต่อกระซิกกับผู้ชายร่างสูงสมาร์ทหน้าตาดีคนหนึ่ง แถมผู้ชายคนนั้นยังเป็นเศรษฐีในสังคมของเธออีกด้วย แค่เห็นสายตาไอ้หนุ่มนั่นมองมาที่หญิงสาว เขาก็รู้ทันทีว่ามันคิดไปถึงไหนต่อไหนแล้ว
มันไม่แย่เท่ากับหญิงสาวยังหันมาส่งสายตาคล้ายท้าทายมาทางเขาอีก แต่อย่าหวังว่ามันจะมีโอกาสได้ทำอะไรมากกว่านั้น ถ้าหากเขายังนั่งอยู่ตรงนี้!!!
“จะไปไหนว่ะ ไอ้ธีร์ เดี๋ยวๆ....” เสียงปารมีเรียกเพื่อนรักไล่หลังไป เมื่อเห็นว่าธีร์ภพกำลังตรงดิ่งไปหาใคร เขากลัวว่าไอ้อารมณ์หึงหวงจะปะทุมากขึ้นไปอีก หากทั้งคู่ปะทะคารมณ์กันในสถานที่ที่คนเยอะขนาดนี้ รับรองเป็นข่าวดังแน่!!!
“ขอโทษครับ ผมมารับแฟนกลับบ้าน” ประโยคแรกที่ออกจากปากของธีร์ภพ เมื่อเดินมายืนตรงหน้าพิมพ์ภัทรนั้น มันไม่ใช่คำทักทายธรรมดา แต่มันเป็นการแสดงความเป็นเจ้าของในตัวเธอ! เรียกสายตาคนรอบโต๊ะของเธอและเพื่อนชายให้หันมามองเป็นตาเดียวกัน พิมพ์ภัทรมองไปรอบๆตัว ก่อนจะระงับอารมณ์หลากหลายพุ่งพล่านปนเปกันไปหมด แต่คำถามคือ....เขาทำแบบนี้เพื่ออะไร ก่อนจะหันไปเจอสายตาของเพื่อนร่วมโต๊ะที่มองมาราวกับต้องการคำอธิบายกับเหตุการณ์นี้โดยด่วน
“สวัสดีค่ะพี่ธีร์ มาเที่ยวเหมือนกันเหรอคะ นี่ณัฐเป็น....แฟ...” หญิงสาวหันไปทักทายธีร์ภพ ราวกับไม่ได้ยินสิ่งที่เขาประกาศก่อนหน้านี้ แล้วหันกลับไปแนะนำเพื่อนพร้อมส่งสายตาขอความช่วยเหลือ แต่มันก็ถูกขัดขึ้นเสียก่อนจะจบประโยค
“เพื่อน!” ธีร์ภพโพล่งออกมาเสียงดังราวกับไปโกรธใครมา
“คะ” คนหวังให้เพื่อนช่วยหันมามองธีร์ภพเป็นเชิงถามทันที ไม่ต่างกับณภัทรซึ่งกำลังจ้องมองผู้ชายมาใหม่ด้วยแววตาวาวคล้ายเจอของถูกใจ แต่ธีร์ภพกลับเข้าใจไปว่าอีกฝ่ายกำลังเยาะหยันเขาอยู่ในท่าทีนิ่งๆนั่น
“ณัฐเป็นเพื่อนภัทรก็เหมือนเพื่อนพี่ ส่วนพี่กับภัทรเรากำลังจะเป็นแฟนกัน” ชายหนุ่มไขข้อส่งสัยให้ณภัทร ก่อนจะตอกย้ำสถานะเขาและเธอในท้ายประโยค ทำเอาคนตัวเล็กหันขวับกลับมามองธีร์ภพทันที นี่พี่ธีร์ของเธอผีเข้ารึไง จะเป็นแฟนกัน! ตอนไหน เมื่อไหร่ แล้วเขาขอเธอตั้งแต่เมื่อไหร่ เล่นเอาหัวใจเธออดเต้นกระหน่ำกับคำคล้ายขอเป็นแฟนไม่ได้ แต่สิ่งที่หญิงสาวแสดงออกกลับเป็นอีกอย่าง
“หึ แต่เท่าที่จำได้ ภัทรยังไม่เคยมีแฟน จะมีก็แต่พี่ชายจอมปลอม จริงไหมคะพี่ชาย สุดที่รัก” คำย้อนของพิมพ์ภัทรคล้ายกับหอกแหลมคมที่ปักลงกลางใจ แทนลูกศรรักจากกามเทพที่เขาและเธอเคยโดนร่วมกันเมื่อสมัยเรียน
“แต่เท่าพี่จำได้ ภัทรเป็นคนบอกรักพี่ก่อนนี่ครับ” คราวนี้ชายหนุ่มไม่พูดธรรมดา แต่เดินเข้าไปยืนข้างคนร่างบาง เอื้อมมือไปรั้งเอวคอดให้เข้ามาแนบข้างตัว โน้มใบหน้าไปกระซิบชิดริมใบหูเล็ก ทว่ามันกลับดังพอที่ณภัทรจะได้ยิน อดที่กระตุกยิ้มที่มุมปากให้กับคนขี้หึงอย่างพี่ธีร์ของเพื่อนสาวไม่ได้ แต่คนถูกกระซิบกลับยืนนิ่งราวกับถูกสาป แม้จะเป็นเพียงเสียงกระซิบแผ่วเบาสุภาพและทุ้มนุ่มละมุน แต่กลับคล้ายมีดกรีดลงกึงกลางใจเธออย่างเลือดเย็น มันเหมือนกับว่าเขากำลังเยาะหยัน ว่าเธอต่างหากที่เริ่มตกลงไปในหลุมรักของเขาก่อนไม่ใช่หรือ
“ค่ะ แต่นั้นมันเป็นอดีตไปแล้ว ปัจจุบันต่างหากค่ะที่สำคัญและ…” พิมพ์ภัทรยืดตัวขึ้นอย่างยอมรับ ก่อนจะพ่นคำพูดฟังคาดไม่ถึง
“…ตื่นเต้นกว่า จริงไหมคะณัฐ” แต่ประโยคหลังหันมาสบตาหวานซึ้งกับณภัทรราวกับกำลังรักกันปานจะกลืนกิน ทั้งที่ในใจเธอกำลังตื่นเต้นสนุกสนานเมื่อได้เอาคืนคนขี้ตู่บ้าง แต่พอเห็นสีหน้าเรียบตึงของเขาแล้วก็อดจะใจอ่อนไม่ได้ อดทน อดทนไว้ภัทร หญิงสาวพยายามย้ำให้ตัวเองอย่าใจอ่อนง่ายๆ หากคิดจะยั่วเขาให้รู้ใจตัวเองแล้วล่ะก็
“หึ กลับบ้าน!” ไม่สั่งเปล่า ธีร์ภพตัดสินใจฉุดข้อมือของน้องสาวนอกไส้ให้เดินออกจากผับ ท่ามกลางสายตาสงสัยปนมึนงงของนักท่องราตรีทั้งหลาย แต่มีหรือว่าเขาจะแคร์!
“เดี๋ยวพี่ธีร์ หยุดก่อน ภัทรยังไม่ได้ลาเพื่อนเลย ปล่อย!” พิมพ์ภัทรสะลัดข้อมือตัวเองออกจากมือใหญ่ หยุดยืนหน้าลานจอดรถ ไม่ยอมเดินตามาชายหนุ่มอีก
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวพี่ให้ไอ้มีไปบอก”
“ไม่ค่ะ ภัทรยังไม่อยากกลับ”
“ต้องกลับ!”
“ทำไมคะ ทำไมภัทรต้องทำตามที่พี่ธีร์สั่งด้วย เราไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย” พิมพ์ภัทรกอดอกเชิดหน้าราวกับไม่สนใจหน้าตาบึ้งตึงของคนตรงหน้าเลยสักนิด แต่ในใจกลับพึมพำว่า....โดนซะบ้างจะได้รู้สึก
“ใช่ แต่กำลังจะเป็นเร็วๆนี้ เอ...หรือคืนนี้ดีนะ” ได้ผล คนถามหันมามองเขาทันที เห็นรอยยิ้มกว้างกับแววตาแพรวพราวของเขายื่นมาแทบชิดใบหน้าเนียนแล้ว หญิงสาวต้องปรายตามองแล้วกลืนน้ำลายเหนียวลงคออย่างยากลำบาก เพราะวันนี้ธีร์ภพต่างจากเมื่อก่อนนัก เขาดูมีแววเจ้าเล่ห์ในดวงตาคมรียาว ยิ้มสว่างไสวนั่นอีก ไม่ได้มีท่าที่สุภาพอ่อนโยนเหมือนสมัยก่อนอีกแล้ว ราวกับว่าคนตรงหน้าเป็นผู้ชายที่เธอไม่เคยรู้จักมาก่อน
“ขึ้นรถ” ขณะที่หญิงสาวกำลังตะลึงครุ่นคิดอยู่นั้น ธีร์ภพจึงได้โอกาสเปิดประตูอุ้มคนตัวบางวางบนเบาะข้างคนขับ คาดเข็มขัดนิรภัยให้ แล้วปิดประตูกดรีโมตล็อกทันที ก่อนจะเดินอ้อมไปฝั่งคนขับ เมื่อเห็นคนด้านในทุบกระจกร้องให้เขาเปิด แต่แทนที่ชายหนุ่มจะกดรีโมตปลดล็อกเพื่อเข้าไปนั่งในตำแหน่งคนขับ แต่เขากลับใช้วิธีไขกุญแจแล้วเข้าไปประจำที่อย่างรวดเร็วแทน จนหญิงสาวหันมามองแทบไม่ทัน
หึ คนเจ้าเล่ห์...
พิมพ์ภัทรได้แต่เข่นเขี้ยวในใจ เมื่อทำอะไรไม่ได้เธอจึงเชิดหน้าหันไปมองนอกหน้าต่างรถพลางกอดอกอย่างถือดีแทน
ภายในรถยนต์สปอร์ตคันหรูของพิมพ์ภัทร ที่บัดนี้มีคนขับรถหน้าตาหล่อเหลาอย่างธีร์ภพนั้น ตกอยู่ในบรรยากาศเงียบเชียบราวกับร้างผู้โดยสาร จะมีก็แต่เพียงเสียงถอนลมหายใจของหญิงสาวตัวบางสวมชุดเดรสสุดเซ็กซี่เท่านั้น ที่แสดงว่าเจ้าตัวหงุดหงิดมากแค่ไหน กับการต้องทนมานั่งรถกลับบ้านพร้อมเขาเพราะถูกบังคับ
“มือว่างรึเปล่า” อยู่ๆสารถีหนุ่มก็เอ่ยถามขึ้นทำลายบรรยากาศคุกรุ่น
“พี่ธีร์ว่าไงนะคะ” พิมพ์ภัทรหันมาถามด้วยใบหน้าฉงน แทนที่จะทำตามที่เขาต้องการ ถามอะไรของเขา
“มือว่างรึเปล่าภัทร ยื่นมาหน่อยสิ” เขาถามเสียงเรียบจนคนฟังทำหน้าเซ็ง ก่อนจะยื่นไปข้างหน้าชายหนุ่ม ทั้งๆที่หันหน้าออกไปมองวิวข้างทาง เพราะหงุดหงิดไม่น้อย
หมับ....
แต่ก็ต้องหันกลับมามองแทบไม่ทัน ความรู้สึกอุ่นวาบขึ้นที่มือเธอ เมื่อเขาเอื้อมมือหนามาคว้ามือบางของเธอไปกอบกุมไว้ ยกขึ้นจรดริมฝีปากหยักแผ่วเบาด้วยดวงตาอ่อนโยน จนคนมองอดที่จะรู้สึกว่าหน้าตัวเองในตอนนี้ คงแดงเรื่องลามไปถึงหน้าอกด้านซ้ายแล้ว แต่มันยิ่งไหลทะลักตรงไปที่ก้นบึ้งหัวใจดวงน้อยของเธอจนล้นเอ่อ เมื่อเขาสอดนิ้วยาวประสานกับนิ้วเรียวของเธอ และไม่ลืมที่จะกระชับแน่นราวกับกลัวว่าเธอจะดึงมืออก
“อุ่นไหม” เสียงนุ่มทุ้มถามขณะจ้องมองถนนข้างหน้าคล้ายกำลังจดจ่อกับการขับรถหนักหนา
....เงียบ....
คนถูกถามไม่ตอบ แต่กลับเบี่ยงใบหน้าไปมองข้างทางราวกับไม่ได้ยินคำถามของเขา แต่ทั้งดวงตากลมใสและมุมปากกลั้นยิ้มแทบไม่อยู่ หากธีร์ภพก็รู้คำตอบได้เอง เมื่อมือนุ่มกระชับสอดรับนิ้วมือของเขาอย่างเงียบๆ
“ขี้โกง” หญิงสาวว่าคนขับไม่จริงจังนัก
หลังจากนั้นก็ไม่เสียงพูดจากเขาและเธออีก ปล่อยให้เสียงดนตรีคลาสสิกบรรเลงเพลงรักหวานจากเครื่องเสียงในรถ คลอเคล้าบรรยากาศไปตลอดทาง ทว่าทั้งเขาและเธอต่างก็รู้ดีว่ามันเทียบไม่ได้เลยกับความซาบซ่านชุ่มฉ่ำหัวใจ ที่กำลังรู้สึกอยู่ในตอนนี้
เขาว่ากันว่าความสุขมักจะอยู่กับเราได้ไม่นานนั้น เห็นทีจะเป็นความจริง เมื่อรถยนต์คันหรูเลี้ยวเขามาจอดเทียบบันไดของคฤหาสน์ รถทั้งคันยังคงตกอยู่ในความเงียบ ไม่มีใครพูดหรือเอ่ยอะไรเพื่อเป็นการจากลา มือเล็กของเธอยังสอดประสานกับมือใหญ่ของเขา ราวกับต้องการซึมซับช่วงเวลาแห่งความสุขเล็กน้อยนี้ไว้ให้นานที่สุด แม้ว่ามันจะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ แต่มันมีค่าที่สุดสำหรับเขาและเธอ เพราะมันเป็นครั้งแรกที่เขาได้กอบกุมมือเล็กนุ่มนี้ไว้ด้วยมือของเขาเอง ได้แสดงออกต่อกันว่าเขารู้สึกอย่างไรกับเธอโดยไม่ต้องปกปิด ไม่มีเรื่องฐานะ เซ็กส์ หรือสังคมเข้ามาเกี่ยวข้อง มันเป็นความรู้สึกของเราที่มีต่อกัน และเขาเชื่อมั่นว่าคนข้างกายก็คงรู้สึกและอยากทำไม่ต่างจากเขานัก
หากแต่จะให้พูดตรงๆก็ยังไม่ใช่เวลาที่เหมาะสมนัก ธีร์ภพหลับตาลงช้าๆ ผ่อนลมหายใจออกแรงๆหนึ่งครั้ง ส่งผลให้คนตัวเล็กหันมามองโดยไม่ได้ตั้งใจ แล้วเธอก็ไม่อาจละสายตาจากใบหน้าอันคุ้นเลยนี้ไปได้
พี่ธีร์ของเธอมีใบหน้าหล่อเหล่าเหมือนเช่นที่ผ่านมา แต่ดูสมาร์ทขึ้นด้วยหุ่นล่ำสันกว่าเก่ามาก อาจเป็นเพราะการทานอาหารและออกกำลังกายสม่ำเสมอเมื่อช่วงเรียนอยู่เมืองนอก และเธอเพิ่งสักเกตเมื่อเลื่อนสายตาลงไปช่วงหน้าท้องเขาที่คาดว่าใต้เสื้อเชิ้ตนั่น คงเต็มไปด้วยกล้ามมัดน่าสัมผัสมากแค่ไหน หากมันเป็นลอนซิกแพ็คสวย คิดถึงตรงนี้แก้มเนียนขาวคงแดงระเรื่อไม่ต่างกับบลัชออนสีชมพูที่ใช้แต่งในคืนนี้นัก
“คิดอะไรอยู่” พิมพ์ภัทรผงะไปด้านหลังเล็กน้อย เมื่อเขาเอาหน้าหล่อๆที่กำลังฉีกยิ้มแฉ่งจนตาหยียื่นมาใกล้เพียงแค่คืบ
“เปล๊า ปล่อยมือภัทรได้แล้วค่ะ” หญิงสาวปฏิเสธเสียงสูง พยายามดึงมือให้หลุดออกจากมืออุ่น แต่ก็ไร้ผล
“ก็เห็นอยู่ว่าเรากำลังทำหน้าตาเคลื้มตอนที่มองซิกแพ็คของพี่” ชายหนุ่มไขข้อสงสัย เพราะการกระทำน่ารักน่าใครของคนตัวเล็กอยู่ในสายตาเขาทั้งหมด มีหรือที่เขาจะไม่รู้ว่าหญิงสาวคิดอะไรอยู่ เพราะมันแสดงออกมาทางดวงตากลมโตนั่น โดยที่เจ้าตัวไม่สามารถปกปิดไว้ได้เลยสักนิด
“ใคร๊ ไม่มี ภัทรไม่ได้มอง พี่ธีร์อย่ามาเดามั่วๆนะ” พิมพ์ภัทรปฏิเสธเสียงสูง ทั้งๆที่เขินอายแทบแย่เมื่อถูกอีกฝ่ายจับได้
“หึหึ ไม่มองก็ไม่มองสิ ใครว่าอะไรล่ะ” ธีร์ภพเองก็ยิ้มเอ็นดูกระจ่างในหน้าส่งไปให้ เพราะภาพของยัยตัวเล็กแก้มแดงเรื่อกับ ดวงตายิ้มได้ ส่ายหน้าไม่รู้จนผมกระจายนั่น ยิ่งน่าเอ็นดู น่ารัก และที่สำคัญคือ...น่าฟัด!
“งั้นก็ปล่อยภัทรได้แล้วค่ะ” พูดจบหญิงสาวบิดมือออกจากอุ้งมือใหญ่ หันไปเปิดประตูรถ ก่อนจะก้าวลงจากรถ แต่ก็ต้องชะงักเมื่อเขารั้งเธอด้วยเสียงนุ่มทุ้มละมุนน่าฟังทว่าหนักแน่น ผิดกกับเสียงหัวเราะในลำรอราวกับขบขันเมื่อสักครู่
“เดี๋ยวสิ” แต่พอคนตัวบางหันกลับมามองเขาแบบตรงๆ กลับไม่รู้จะเริ่มพูดสิ่งที่อยู่ในใจออกมาอย่างไรดี คล้ายกับมีก้อนอะไรมาจุกอยู่ที่ลำคอให้ตีบตันจนพูดไม่ออก ถ้าหากสารภาพแบบตรงๆ ยัยน้องน้อยของเขาจะยังยอมรับอยู่ไหม เพราะเธอมีเพื่อนชายคนใหม่เสียแล้ว แถมไอ้หมอนั่นยังร่ำรวยเป็นเศรษฐีอีกต่างหาก ดูอย่างตอนนี้สิว่าหญิงสาวเปลี่ยนไปมากนัก ถ้าเป็นสมัยก่อนเวลามีอะไรก็ตามแต่ เธอจะนึกถึงพี่ธีร์อย่างเขาก่อนคนอื่นเสมอ แต่สิ่งที่เห็นได้ชัดในตอนนี้คือ พิมพ์ภัทรมีทีท่าเฉยชาต่อเขา นิ่งไม่สนใจ ไม่ตามติด ไม่มีคำพูดว่าพี่ธีร์คะพี่ธีร์ขาอีกต่อไป กลายเป็นฝ่ายเขาต่างหาก ที่กำลังวิ่งตามหญิงสาวแทน
ธีร์ภพสูดลมหายใจเข้าลึกๆเพื่อเรียกความมั่นใจตัวเองกลับมา เอื้อมมือไปคว้ามือบางทว่านุ่มนิ่มน่าจับมากอบกุมไว้ทั้งสองข้าง จ้องมองดวงหน้าสวยพริ้มนิ่ง ก่อนจะสบเข้ากับดวงตากลมใส ตรึงให้เจ้าของใบหน้าสวยไม่อาจเบี่ยงหน้าหนีไปไหนได้อีก
“พี่รู้ว่าอดีตของเราอาจเริ่มต้นไม่ดีนัก มันอาจทำให้ภัทรเจ็บปวดทรมานมากจนกลายเป็นเฉยชา แต่นับจากวินาทีนี้ไป พี่สัญญาว่าจะดูแลภัทรด้วยหัวใจและชีวิตของพี่ รอพี่อีกสักนิดได้ไหม” ดูแลงั้นหรือ อะไรทำให้ธีร์ภพที่เคยปฏิเสธความรักที่เธอพยายามมอบให้มาตลอด เพิ่งจะมาเห็นความสำคัญในตอนนี้เนี้ยะนะ มันสายไปรึเปล่า ไม่! ไม่หรอก ไม่มีอะไรสายเกินไปสำหรับการเริ่มต้นที่จะดูแลและรักใครสักคน แต่จะให้เธอเชื่อและให้โอกาสเขาเดินเข้ามาในชีวิตเธออีกน่ะหรือ ทั้งที่ผู้ชายคนนี้เคยเอาแต่เดินหนีเธอมาหลายปี ไม่มีทาง! มันไม่ได้ง่ายขนาดนั้นหรอก อย่างน้อยๆก็ให้เธอได้เอาคืนเสียบ้าง ถึงจะสาสม! เธออยากให้เขาได้รับรู้ว่าตลอดเวลาที่ผ่านมา เธอเคยทุกข์ทรมานเจ็บปวดแสนสาหัสมากแค่ไหน เมื่อโดนปฏิเสธจากคนที่ตัวเองแอบรัก
“เพื่ออะไรคะ ทั้งที่พี่ธีร์เป็นฝ่ายปฏิเสธภัทรมาตลอด แถมยังป่าวประกาศว่าภัทรเป็นน้องสาวนอกไส้ และยังบอกว่าชอบ เกรซเพื่อนรักของภัทรอีก จะให้ภัทรเชื่อว่าพี่ธีร์เพิ่งรู้ใจตัวเอง จะให้เชื่อได้สนิทใจอย่างนั้นใช่ไหม!!!” เสียงตวาดท้ายประโยคหลุดออกมาจากริมฝีปากบางคล้ายกลับน็อตหลุด อารมณ์ที่คิดว่าจะเก็บกักควบคุมได้ กลับพุ่งกระจายออกมาราวกับระเบิดรอเวลา สติที่คิดว่ายังครบถ้วน แต่พอได้ยินประโยคที่เขาบอกให้เธอรอ รอ! รออย่างนั้นหรือ รออะไร แล้วที่เธอเป็นโสดจนไม่เหลียวแลใครเลยอย่างทุกวันนี้ ยังไม่ถือว่ารอเขาอีกรึไง ผู้ชายอะไรซื่อบื้อชะมัด!
“ถึงเวลานั้นแล้วพี่จะบอกความจริงและความรู้สึกที่พี่มีต่อภัทรทุกอย่าง นะครับ” ธีร์ภพพูดต่อเมื่อเห็นอีกฝ่ายกำลังจะลงจากรถ เมื่อเขาพิสูจน์ตัวเองกับบิดามารดาของหญิงสาวได้แล้ว เขาจะเดินกลับมาหาเธอและบอกว่าเขาคิดอย่างไรกับเธอได้เต็มภาคภูมิ
“ถ้าคุณพร้อมจะพิสูจน์ตัวเองว่ารักและจะดูแลลูกสาวผมตลอดไป มาพบผมที่บริษัท”
คำพูดปริศนาของคุณระพียังคงก้องอยู่ในหู เขาพอจะรู้ว่าท่านจะใช้วิธีไหนช่วยเหลือเขาเพื่อการันตีให้ท่านเห็น ว่าหากเขาและเธอจะแต่งงานสร้างครอบครัวด้วยกันได้อย่างไร้ข้อกังขา ลูกสาวสุดที่รักดั่งแก้วตาดวงใจของท่านจะต้องไม่ลำบาก หรือจะไม่ถูกคำครหาเรื่องความต่างทางฐานะและสังคม
“พอเถอะค่ะ ภัทรเหนื่อย....”…กับเรื่องของเรา ใช่ เธอหมายความอย่างที่พูดจริงๆ จนท้ายประโยคมันเหลือเพียงเสียงกระซิบคล้ายขาดหายไปเท่านั้น เพราะความไม่ชัดเจนของเขาในตอนนี้ หรือคำว่า น้องสาวที่ยังคงฝังลึกอยู่ในหัวใจ มันทำให้เจ็บปวดเสียจนไม่อยากเปล่งคำพูดใดๆออกมาอีก บวกกับความรู้สึกสับสนหลังจากเขาบอกให้เธอรอเพื่ออะไรสักอย่างนั่นล่ะ ทุกความรู้สึกดูวุ่นวายเกินกว่าหัวใจเธอจะทานทนรับไหว
“เดี๋ยว” ชายหนุ่มรั้งแขนเรียวของหญิงสาวไว้อีกครั้ง เมื่อสังเกตเห็นอะไรบางอย่างที่ขอบตาสวย
“จะไปทั้งอย่างนี้เหรอ”
“อะไรคะ”
“พี่จะไม่ยอมให้ภัทรจากไปพร้อมคาบน้ำตาอีกแล้ว พี่สัญญา” คนตัวโตเอื้อมมือหนาอุ่นประคองใบหน้าเนียนให้หันมาหา ใช้มืออีกข้างค่อยๆไล้เช็ดคราบหยดน้ำตาที่เอ่อล้นแพขนตาออกอย่างแผ่วเบา ตามด้วยสิ่งที่คนตัวเล็กไม่คาดคิด คือการจูบซับเปลือกตาทั้งสองข้างอย่างทะนุถนอมอ่อนโยน ระเรื่อยลงมาที่จมูกโด่งเล็ก จนกระทั่งชนเข้ากับริมฝีปากบางชมพูระเรื่อ เขาอยากรู้นักว่าจะหวานสักเพียงใด มันจะซาบซ่านเหมือนกับตอนที่ยัยตัวเล็กแอบจุมพิตเขาในห้องชมรมหรือไม่ แต่ก็ต้องยับยั้งชั่งใจไว้ก่อน ว่าตอนนี้เขาควรปลอบโยนเธอมากกว่าตักตวง ชายหนุ่มจึงทำเพียงแนบริมฝีปากหนาของตัวเองลงบนริมฝีปากบางเบาๆ ทว่าแช่เนิ่นนานอยู่อย่างนั้น
“พอเถอะคะ ขับรถดีๆนะคะ” พูดจบพิมพ์ภัทรก็ตัดสินใจผละออกแล้วก้าวลงจากรถทันที โดยไม่ทันได้ยินคนตัวโตกล่าว ฝันดีนะครับ มาให้
“ฮื่อ....” หญิงสาวหยุดยืนพิงหลังกับประตูบานใหญ่ บังคับให้ขาเรียวทั้งสองข้างไม่ล้มพับไปกองกับพื้น เอามือทาบที่อกข้างซ้าย รู้สึกคล้ายว่ามันเต้นกระหน่ำรัวจนจะกระเด็นออกมาให้ได้ หญิงสาวพยายามสูดลมหายใจเข้าออกลึกๆสองสามรอบ เพื่อลดความตื่นเต้นและเรียกสติกลับมา นี่เป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่พี่ธีร์จูบเธอก่อน! กรี้ดดดดดดด
ส่วนคนจู่โจมก็รู้สึกไม่ต่างกันนัก เขาไม่สามารถหุบยิ้มได้เลย หลังจากที่ถอนริมฝีปากออก แม้กระทั่งตอนนี้ เขายังคงยิ้มกว้างปากแทบฉีก เมื่อขึ้นมานั่งบนรถของปารมีที่มารอรับเรียบร้อยแล้ว
“ยิ้มปากฉีกขนาดนี้ คงปรับความเข้าใจกันแล้วใช่ไหม” ปารมีเองเมื่อเห็นเพื่อนมีความสุข ก็อดที่จะเอ่ยแซวไม่ได้
“เปล่า กู....มีความสุข” แต่ธีร์ภพกลับตอบเพื่อนด้วยเสียงแผ่วราวกับละเมอ ดีที่ยั้งปากไว้ได้ทันว่าตัวเองทำอะไรลงไปกับยัยตัวน้อย ก่อนที่ปารมีจะขับรถมาถึงคฤหาสน์
“วะ ฮ่าๆๆๆ ให้มันได้อย่างนี้สิวะเพื่อนรัก” คนถามเองก็พลอยมีความสุขไปด้วย เมื่อหันไปเห็นเพื่อนยามใด ธีร์ภพก็ยังคงยิ้มกริ่มดวงตาเปล่งประกาย ราวกับคนขับรถอย่างเขาไม่มีตัวตน อิจฉา! เห็นทีก่อนกับเหมือง เขาต้องแวะไปสวีตหวานกับสุดที่รักของเขาอย่างรันดาเสียแล้ว
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ