I'm sorry! ขอโทษครับ สามีผมโหด

8.3

เขียนโดย LemonNest

วันที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2558 เวลา 23.30 น.

  36 chapter
  30 วิจารณ์
  56.22K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2558 23.40 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

32) ขอโทษครับ 32

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

Chapter 32

 

           

 

ฟาง

 

                “ตี๋ มึงโกรธกูจริง ๆ เหรอ” ตั้งแต่กลับมาห้องผมก็ถามมันไม่หยุด ไอ้ตี๋มันหยุดเดินหันมาพูดกับผม

 

                “ฟาง กูพูดครั้งเดียวให้รู้เรื่อง”

 

                “แล้วต้องทำยังไงมึงถึงจะหายโกรธ อย่าเพิ่งไปไหน ตอบกูก่อน” ผมดึงแขนมันเอาไว้

 

                “ตอนนี้กูอยากให้มึงไปนั่งรอที่โซฟาแล้วนั่งเงียบ ๆ ด้วยนะ ถ้ากูได้ยินเสียงมึงแม้แต่คำเดียวข้าวไม่ต้องแดก”

 

                ผมเจอเสียงมันขู่เข้าไปก็จำยอมไปนั่งรอมันอาหารที่โซฟา มีบ้างที่แกล้งเดินเข้าไปหาอะไรกินในครัวรองท้องระหว่างรอมันทำอาหาร เหล่ ๆ มองว่ามันทำอะไรกิน พอเห็นอาหารที่ส่วนใหญ่เป็นของโปรดผมก็ฉีกยิ้มขึ้นมาทันที กำลังจะอ้าปากร้องดีใจก็ต้องหุบลงเพราะไอ้ตี๋มันสั่งเอาไว้ว่าห้ามพูด

 

                “มาช่วยกูยกไปวางที่โต๊ะ” ผมที่ยืนพิงประตูอยู่เดินเข้าไปช่วยมันเงียบ ๆ เรานั่งกันคนละฝั่ง ผมจ้องหน้ามันที่ตักข้าวแล้วยื่นจานมาให้

 

                “มองอะไร ไปหยิบน้ำมาวางไว้สิ มึงเคยรู้หน้าที่ตัวเองบ้างไหมฟาง”

 

                “กะ…” ผมกำลังเถียง แต่เปลี่ยนใจเดินไปหยิบเหยือกน้ำมาวางไว้พร้อมรินลงในแก้วสองใบ

 

                “พรุ่งนี้เลิกเรียนกี่โมง”

 

                ผมมีเรียนแค่ช่วงเช้าแต่ช่วงบ่ายนัดกับพวกไอ้แตงว่าจะไปเดินเล่นกันที่สวนใกล้ ๆ ก็ไม่ได้ขอมันเอาไว้ล่วงหน้า แต่คิดว่ามันคงไม่ขัดเพราะมันเลิกงานเย็น และช่วงบ่ายผมก็ไม่มีอะไรทำด้วย

 

                “ฟาง กูถามมึงอยู่” ก็มึงไม่ให้กูพูดอะ ผมเถียงมันในใจลอยหน้าลอยตาชี้มาที่ปากตัวเองก่อนจะทำมือเป็นเครื่องหมายกากบาท

 

                “เชื่อฟังกูดีจังนะ งั้นนั่งเงียบให้มันได้ตลอด”

 

                ตี๋ยกช้อนกินข้าวหงุดหงิดในใจคิดว่าฟางกวนประสาทใส่ เหนื่อยทั้งงานเหนื่อยทั้งใจ นับวันฟางมันยิ่งเอาแต่ใจ พูดอีกอย่างทำอีกอย่าง ถึงตอนนี้มันจะทำตามที่พูดแต่ก็ไม่พ้นแยกแยะไม่ออกว่าอันไหนควรทำ อันไหนไม่ควรทำ

 

                “อิ่มแล้วก็ไปล้างจาน กูเข้าไปอาบน้ำก่อน” ผมพยักหน้าเห็นมันเหนื่อย ๆ ก็อยากให้ไปอาบน้ำจะได้สบายตัวขึ้น ระหว่างล้างจานก็คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย เมื่อล้างเสร็จก็เช็ดมือให้แห้งเดินมาหยุดที่หน้าประตูห้องนอนเอาหูแนบไปกับประตู

 

                ตี๋ที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จได้ยินเสียงโทรศัพท์ตัวเองก็เดินมาเลื่อนรับสาย เป็นไอ้ดินที่โทรมาถามว่าเกิดอะไรขึ้น ติ้วเป็นคนเล่าเรื่องฟางให้คนรักฟังเอง ดินจึงอดจะห่วงทั้งคู่ไม่ได้

 

                “เออ”

 

                (มึงเป็นยังไงบ้างวะ เห็นว่าทะเลาะกับไอ้ฟาง)

 

                “กูก็ยังสบายดี มึงจะให้กูทำยังไงนอกจากทำใจ พี่กายเขาไม่ได้อะไรนะเว้ย ไม่เชื่อมึงถามไอ้ฟินได้เลย กูไม่คิดว่าฟางจะมาระแวงเรื่องกูด้วย”

 

                (ก็มันหวงของมัน เป็นกู กูก็คิดมาก ถ้ามันเห็นแล้วไม่รู้สึกอะไรนี่สิแปลก มึงก็ใจเย็น ๆ )

 

                “ทุกวันนี้กูก็มีแค่มันคนเดียว เหนื่อยงานไม่พอมาเหนื่อยใจอีก แล้วถ้ากูเจอแบบนี้ทุกวันไม่ประสาทแดกตายไงวะ”

 

                (ปากมึงก็นะ อะไรที่มึงว่าเหนื่อยใจ มึงเบื่อไอ้ฟาง?)

 

                “ไม่ใช่ แต่กู…” กำลังน้อยใจมันต่างหาก เชื่อใจกูสักนิดก็ไม่ได้

 

                (แค่นี้ก่อนนะ กูยังไม่กินอะไรกันเลยเพิ่งถึงห้อง มึงก็ใจเย็น ๆ เดี๋ยวกูโทรหาใหม่)

 

                “อืม มึงแค่มึงที่เข้าใจกู” ตี๋โยนโทรศัพท์ไว้ข้างตัวมือคว้าผ้ามาเช็ดผมที่เปียก ฟางยืนนิ่งอยู่หน้าประตูขอบตาร้อนผ่าว

 

                กูทำให้มึงเหนื่อยขนาดนั้นเลยเหรอวะ

 

                ผมเม้มปากกลั้นสะอื้นเงยหน้าไม่ให้น้ำตาไหลลงมา ใช้หลังมือปาดน้ำมูกเบา ๆ ยังไม่พร้อมจะเจอหน้า รู้สึกผิดที่ทำให้มันลำบากใจ รู้สึกผิดที่งี่เง่าไร้เหตุผล ผมรู้ตัวทุกอย่างและตั้งใจจะเข้าไปขอโทษ แต่ตอนนี้มันไม่พร้อมสำหรับทุกอย่าง เมื่อคิดได้ก็คว้ากระเป๋าเงินกับกุญแจรถของตัวเองเปิดประตูออกไปจากห้องเงียบ ๆ

 

                หนีปัญหามันอาจจะไม่จบ แต่มันก็ยังดีกว่าที่อยู่แล้วสร้างปัญหาเพิ่มไปอีก

 

…………………………………………………

 

                ลมเย็นที่โบกพัดใบหน้าของผมมันไม่ได้ทำให้รู้สึกใจของผมสบายขึ้นเลย สองเท้าทอดน่องไปตามทางเท้าข้างถนน จอดรถนิ่งอยู่ใต้อาคารของห้างดังใกล้ ๆ

 

                ตอนไม่มีมึงกูอยู่ยังไง

 

                ผมกำลังย้อนรอยตัวเองกลับไปเป็นแบบในอดีต เที่ยวผู้หญิงออกดื่มกับเพื่อน ทำตัวเหมือนว่างทั้งที่งานท่วมหัว อยู่คนเดียวใช้ชีวิตคนเดียว กลีบปากที่เรียบตรงตั้งมุมขึ้นเมื่อนึกถึงพี่ชายตัวเองขึ้นมา ผมไม่ได้อยู่คนเดียวสักหน่อย ผมยังมีไอ้พี่ฟินอยู่

 

                “ฮัลโหล มึงว่างไหมฟิน?” เสียงเนือยเอ่ยออกไป

 

                (ไอ้ฟาง! มึงอยู่ที่ไหน?! ไอ้ตี๋มันจะแดกหัวกูอยู่แล้วที่มึงหายไป มึงบอกกูมาว่าตอนนี้มึงอยู่ที่ไหนวะ)

 

                “…มันไปหามึงเหรอ?”

 

                (เปล่า มันโทรจิกกูเพราะมึงเล่นเอารถขับหายไปเลย เสือกไม่เอาโทรศัพท์เครื่องที่ใช้ประจำไปด้วยนะ แต่ก็ยังดีที่มึงมีเครื่องสำรอง)

 

                ผมทิ้งเครื่องนี้ไว้ที่รถตลอดเวลาเผื่อใช้ยามฉุกเฉิน เบอร์นี้มีแค่ไอ้ฟินและพ่อแม่ที่รู้ เพื่อนคนอื่นผมไม่เคยบอกเลยเพราะปกติผมพกอีกเครื่องติดตัวประจำ แต่ครั้งนี้ไม่ ผมคงไม่กล้าเปิดประตูเข้าไปเพื่อไปหยิบโทรศัพท์ได้หรอก

 

                (มึงยังอยู่ไหมไอ้น้องเวร) เสียงฟินมันอ่อนลง มันคงเป็นห่วงผม

 

                “อืม กูไม่สบายใจเลยฟิน กู…ไม่ไหวแล้ว อยากจะร้องไห้แต่ร้องไม่ออก มันอัดอั้นอยู่ข้างใน อยากจะระบาย อยากจะบอกให้ใครสักคนรับรู้ความรู้สึกของกูในตอนนี้”

 

                (ฟาง…ตอนนี้กูอยู่บ้าน…ไอ้พัดมันอยู่คอนโดไม่ได้มาด้วย กลับบ้านไหม…กลับมาหากู แล้วทำทุกอย่างที่มึงอยากจะทำ แต่ตอนนี้มึงโทรบอกไอ้ตี๋มันหน่อยว่ามึงกลับบ้าน มึงโมโหหรือน้อยใจอะไรมันมึงก็ต้องบอกมันก่อน มันห่วงมึงไม่น้อยไปกว่ากูหรอก)

 

                “กูขอส่งข้อความไปแทนแล้วกัน แค่นี้นะฟิน กูจะกลับบ้าน” ผมวางสายไอ้พี่ฟินกดส่งข้อความไปบอกไอ้ตี๋ว่าผมกลับบ้าน มันรู้ว่าเป็นผมก็โทรสวนกลับมาทันที ผมกดปิดเครื่องข้ามถนนไปขึ้นรถเพื่อขับกลับบ้าน

 

                วันนี้ครอบครัวเราอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา มีผมให้พี่ฟินและพ่อแม่ที่เพิ่งกลับมาได้สองสามวัน จากตอนแรกที่ผมกำลังเศร้า ตอนนี้อารมณ์เริ่มเข้าที่ซบหน้าลงอ้อนแม่ที่ลูบหัวผมอยู่

 

                “แม่ครับ ฟางคิดถึงแม่จัง” สองมือกอดเอวที่อวบนิ่มหลับตาลงพักผ่อนชั่วครู่

 

                “อ้อนจะเอาอะไรล่ะเรา ฟินมันแกล้งลูกแม่รึเปล่าครับ”

 

                “ไม่ใช่ครับ แต่ฟางคิดถึงพ่อกับแม่จริง ๆ ฟางอยากให้พ่ออยู่ที่ไทยตลอดไป ทำไมต้องบินไปต่างประเทศบ่อย ๆ ด้วย ฟางเหงา”

 

                “พ่อเราเขาก็รักงานของเขา แม่เองก็ว่าจะจ้างลูกน้องมาขายของแทน แก่แล้วเหนื่อยง่าย ฟางก็เรียนให้จบนะลูก แม่จะได้พักบ้าง”

 

                “อีกไม่กี่ปีเอง เออ แล้วแม่เห็นไอ้สีบ้างมันบ้างรึเปล่าช่วงนี้ มันกลับมาอยู่ที่บ้านเดิมแล้วนะครับ”

 

                “ก็เจอเกือบทุกวัน แต่ได้ข่าวว่าไปอยู่หอแล้วนะ เดินทางจากนี่ไปเรียนมันไกล”

 

                “คิดถึงมันจัง” ผมเป็นอะไรก็ไม่รู้วันนี้ อ่อนไหวง่ายเป็นพิเศษ หรือเพราะจิตใจของผมมันช้ำจนบอบบางไปแล้วก็ได้

 

                ออดดดด ออดดด

 

                “ฟินไปดูซิใครมา” พ่อที่นั่งอ่านหนังสืออยู่เอ่ยปากเรียกพี่ฟิน ผมเงยหน้าจากตักแม่ขึ้นมามองไปทางหน้าบ้าน แต่ไม่เห็นหรอกครับเพราะต้นไม้บังอยู่

 

                “สวัสดีครับพ่อ แม่” ตี๋เดินตามหลังดินเข้ามามือหิ้วของมาฝากพ่อแม่ฟาง ฟินเหล่มองน้องชายตัวเองที่ซุกหน้ากับตักแม่ไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมามอง

 

                “อืม ทะเลาะกันมาล่ะสิ คุยกันดี ๆ ถ้าคุยกันไม่ได้ก็ไม่ต้องเอาลูกชายฉันไปไหนนะ” พ่อของฟางพูดขึ้น ตี๋หน้าเจื่อนลง

 

                “พ่อก็นะ ฟางลุกครับ พี่เขามาหาก็ไปคุยกับพี่เขาหน่อย” ผมกอดเอวแม่แน่น ไม่อยากคุยไม่อยากเจอหน้า

 

                “เล่นตัวจังนะ แม่หลบไปฟินจัดการเอง” ฟินมันดึงผมออกจากตัวแม่ ผมหน้างอวิ่งหนีทุกคนไปที่ห้องนอน ปิดประตูลงกลอนไม่ให้ใครเข้ามารบกวน เสียงแม่ยังคงตามหลังมา

 

                “ฟาง แม่ไม่เคยสอนให้เราหนีปัญหานะ เปิดประตูให้พี่เขาเข้าไปเดี๋ยวนี้” ผมเอาหมอนเปิดออกตะโกนออกไป

 

                “ไม่ครับ! ฟางไม่เปิด” เสียงแม่เงียบหายไป ผมเอาหมอนมาคลุมหัวตัวเองก่อนจะสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงประตูถูกเปิดออก

 

                แกร๊ก

 

                “คุยกันดี ๆ นะพี่ตี๋ น้องนิสัยไม่ค่อยดีแม่รู้ แต่นั่นก็ลูกแม่ แม่รักของแม่มากเหมือนกัน”

 

                “ครับ ขอบคุณมากนะครับ” ตี๋ยกมือไหว้ แม่ของฟางเดินจากไป

 

                ประตูปิดลงพร้อมเสียงลงกลอนและแรงยวบที่ปลายเตียง บอกไม่ถูกว่าตอนนี้ผมกำลังคิดอะไรอยู่ มันหรือผมกันแน่ที่ผิด แล้วเราควรจะทำยังไงต่อไปดี

 

                “ทำไมถึงหนีออกมา รู้ไหมกูใจจะขาดแค่ไหนตอนออกมาแล้วรู้ว่ามึงเอารถไปด้วย” ตี๋พูเสียงเรียบ ถ้าลำพังแค่เดินคงจะพอหาฟางเจอ แต่เอารถไปด้วยมันก็สามารถขับไปไกลแค่ไหนก็ได้

 

                “ถ้าจะมาด่าก็กลับไป!” ผมปาหมอนอีกใบใส่หน้ามัน ยันตัวเองลุกขึ้นนั่งกอดหมอนใบโตเอาไว้แน่น

 

                “ไม่พอใจอะไรทำไมไม่บอก แค่มึงพูดกูจะฟังทุกอย่าง” เสียงมันฟังคล้ายคนที่ผิด แต่ผมมากกว่าที่ผิด ผมหนีมันออกมา ผมทำมันเหนื่อย อีกทั้งยังไปหาเรื่องพี่อะไรนั่นที่มันฝึกงานอยู่อีก ไม่ได้คิดเลยว่าสิ่งที่ทำนั้นจะกระทบกับชีวิตมัน

 

                “…..ก็ได้ มึงอย่าให้กูพูดกูก็จะพูด” ผมสูดเข้าใจเข้าลึก ๆ ไอ้ตี๋มันก้มหน้าลงเมื่อคิดว่าผมจะต่อว่ามัน

 

                หมับ

 

                “ขอโทษ” ตี๋เงยหน้าขึ้นสบตากับฟาง ผมกดหัวมันให้ก้มหน้าลง “กูสั่งเหรอให้มึงเงยขึ้นมาน่ะห้ะ” ผมแกล้งพูด เพราะขืนมันจ้องผมตรง ๆ ใครมันจะกล้าพูดวะ ไอ้ตี๋มันจับมือผมมากุมก่อนจะไล้นิ้วลูบเบา ๆ

 

                “ครับ พี่ฟังอยู่”

 

                “เรื่องเย็นกูผิดเองแหละที่เข้าไปหาเรื่องพี่ของมึง แต่กูหวงมึง กูกลัวมึงจะหันไปชอบคนอื่น กูมันงี่เง่าแต่มึงก็เป็นแค่ของกูคนเดียว มึงต้องรักแค่กู สนใจแค่กูคนเดียว เรื่องอื่นกูอาจจะพอยอมได้ แต่เรื่องของมึงกูยอมไม่ได้ อย่า…มึงอย่าไปชอบใครนอกจากกูนะ” ตี๋ยิ้มอ่อนดันตัวฟางให้นอนหงาย ตัวเองก็นอนคว่ำหน้าซุกอยู่หน้าท้องเรียบ กอดเอวคนรักแน่น

 

                “พี่หวงฟางมากขนาดนี้ ฟางยังคิดว่าพี่จะไปรักใครได้อีก”

               

                “อย่างเช่น…พี่ดิน”

 

                “พี่กับไอ้ดินเราเป็นได้แค่เพื่อนรักเท่านั้นแหละ แล้วมันก็มีคนที่มันรักอยู่แล้ว เหมือนกับพี่ที่มีฟางอยู่ทั้งคน ถึงเราต่างไม่มีใครเราก็คงสถานะไว้แค่เพื่อน มันมากไปกว่านี้ไม่ได้แล้วครับ”

 

                “ใครจะไปรู้ พี่ดินเข้าใจมึงทุกอย่างนี่” ผมอดจะพูดไม่ได้ ไอ้ตี๋มันเขี่ยมือผมเล่นเอานิ้วเรามาประสานกัน

 

                “มันอยู่กับพี่มาตั้งกี่ปีแล้วครับ ถึงมันจะเข้าใจพี่แต่มันก็ไม่รับรู้ถึงหัวใจพี่ได้เหรอ เพราะที่ตรงนั้นพี่มีไว้ให้ฟางคนเดียว อย่าคิดมากเรื่องไอ้ดินอีกพี่ขอ”

 

                “อย่าโกหกกูนะ ห้ามโกหกกูนะตี๋”

 

                “ครับ” ผมจับไหล่ไอ้ตี๋ให้มันเลื่อนตัวเองขึ้นมานอนข้างกัน ไอ้ตี๋มันเอาหมอนที่ผมปาใส่มาหนุนหัวหันหน้าเข้าหาผมที่ตะแคงข้างเข้าหามันเช่นกัน

 

                “มองหน้าทำไม หาเรื่องพี่เหรอตี๋น้อย” ผมยิ้มออกก็พูดกวนตีนมันตามสันดาน ไอ้ตี๋มันเอามือมายีหัวผมจนยุ่ง

 

                “ใครมันจะกล้ามีเรื่องกับพี่ฟางขาโหด”

 

                “จำไว้ว่าอย่าทำกูหึง กูไม่ชอบให้ใครมายุ่งกับมึง กูรักกูหวงของกูมาก” ผมเน้นย้ำ

 

                “พอเหอะว่ะ กูไม่ถนัดแทนตัวเองว่าพี่เลย แล้วมึงจะกลับเมื่อไหร่ไอ้ฟาง หนีออกมาไม่ดูเวล่ำเวลาเลยนะ ตบสักทีดีไหม” อย่าถามถ้ามือมึงตบลงมาบนหัวกูแล้ว ผมเหลือบดูเวลาที่ผนังห้อง

 

                “อีกสักพัก กูคิดถึงพ่อกับแม่ ขออยู่อีกหน่อย”

 

                “นอนนี่ก็ได้ แต่กูคงกลับไปนอนที่ห้องว่ะ ระยะทางจากนี่ไปที่ทำงานกลัวจะไปสาย”

 

                “ไม่เอา กูนอนไม่หลับ” ผมดึงตัวไอ้ตี๋เข้ามากอด ช้อนตามองมันก่อนจะเลื่อนลงมามองริมฝีปาก

 

                “หึ อยากจูบใช่ไหม?” ผมพยักหน้า

 

                “อืม”

 

                “กูไม่ให้! เอาหน้าออกไปกูทำโทษมึงอยู่” ผมคิดว่ามันจะลืมไปแล้วนะ อะไรวะ ไอ้ที่พูดว่ารักผม ยอมทุกอย่างเมื่อกี้มันไม่ทำให้ไอ้ตี๋คล้อยตามเลยเหรอ

 

                “ตี๋ กูอยากจูบ” ผมทำปากจู๋ยื่นไปหามันอีก ไอ้ตี๋เอามือมากางดันหน้าผมไว้

 

                “ไม่ฟาง จนกว่ามึงจะสำนึกได้ว่าไม่ควรทำอีก เอาให้จำจะได้ไม่กล้า” ผมเริ่มงอแงทุบอกมันรัว ไอ้ตี๋มันรวบมือเอาไว้ก่อนจะก้มลงหอมแก้มทั้งสองข้าง

 

                “จูบด้วย!!”

 

                “ไม่เอา”

 

                “ตี๋!!” ผมกระชากหัวมันลงมาเขย่า ไอ้ตี๋มันลุกขึ้นกุมมือผมออกจากห้อง

 

                “แม่ครับ ฟางขึ้นเสียงใส่ตี๋อีกแล้ว” มันดึงผมเข้าไปหาแม่ที่นั่งอยู่กับพี่ฟิน พ่อยืนคุยโทรศัพท์อยู่ไกล ๆ

 

                “แม่บอกให้คุยกันดี ๆ ไง เรานี่ยังไงครับฟาง”

 

                “มึงโกหก”

 

                “เดี๋ยวแม่ตี พูดกับพี่แบบนั้นได้ไง แล้วไปขึ้นเสียงใส่พี่เขาทำไมฮึเรา”

 

                “เอ่อ…” ผมถึงกับอ้ำอึ้ง เพราะมันไม่จูบฟางไงแม่ อ๊ากกก กูจะพูดยังไงวะ

 

                “แม่ พัดมันส่งข้อความมาบอกว่าวันนี้ขอนอนด้วยนะ พรุ่งนี้มันจะขับรถไปส่งฟินที่ทำงานแต่เช้า ตี๋มึงก็นอนนี่ดิ กูมีเส้นทางลัดถึงไวกว่าทางข้างนอกอีก”

 

                “เอางั้นก็ได้ แต่ขอกลับไปเอาชุดที่ห้องก่อนนะ”

 

                “แล้วคืนนี้แม่ก็อดนอนกอดลูกชายเลยสิ” ผมยิ้มแป้นเมื่อเห็นโอกาสเอาคืน

 

                “ฟางนอนด้วย”

 

                “แล้วผัว เอ๊ย แฟนมึงล่ะฟาง อย่ามาทำเนียน กูรู้นะไอ้ตี๋มันไม่ให้มึง…ใช่ไหมล่ะ งอนไม่เข้าเรื่อง” ฟินมันไม่ออกเสียงแต่ผมอ่านปากมันออกว่ามันพูดอะไร

 

                “ก็ถ้ามันยังไม่ยอม ฟางก็จะไปนอนกับแม่”

 

                “งั้นพี่กลับก็ได้” ไม่ได้นะ ผมอุตส่าห์หาข้อต่อรองแต่มันก็ยังเอาตัวรอดได้

 

                “จะไปไหน ดึกแล้วก็นอนเสียที่นี่แหละ” พ่อเดินกลับเข้ามาพูดกับไอ้ตี๋ มันเกรงหน่อย ๆ

 

                “ผมขอกลับไปเอาเสื้อผ้าก่อนครับ แล้วจะมาใหม่”

 

                “ขู่จังเลยนะพ่อ พี่ตี๋รีบไปรีบมานะลูก ไม่ต้องห่วง ฟางแม่จัดการเอง”

 

                “เอ้าแม่ ฟางลูกแม่นะ ฟางจะนอนกับแม่” พ่อผลักหัวผมออกดึงแม่ไปโอบเอว

 

                “ไม่ต้องมายุ่งกับเมียพ่อ”

 

                “ฮ่า ๆ ๆ ฟินไปรอไอ้พัดหน้าบ้านนะครับ” ฟินมันหัวเราะเยาะผม ผมมองหน้าไอ้ตี๋ มันลอยหน้าลอยตายิ้มยียวนก่อนจะล็อคคอผมให้เดินไปส่งที่รถ ผมหน้างอ

 

                “จุ๊บ! ยิ้มหน่อย” มันกดปากลามาหนัก ๆ ผมอยากสอดลิ้นเอาไปแต่มันไม่ยอม

 

                “จะเอาอะแม่ง มึงใจร้ายจังวะ”

 

                “หน้ามึงตลกว่ะฟาง เดี๋ยวกูมา อย่าซนนะมึง” มันชี้นิ้วขู่สอดตัวเข้าไปในรถ ผมแบะปากพยักหน้าให้ ตี๋มันเลียริมฝีปากยั่วก่อนจะขับรถออกไป

 

                อย่าให้กูได้จูบนะ กูจะเอาให้ช้ำเลย

 

 

               

 

 

                TBC.

 

 

 

               

               

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7.2 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7.8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา