ลิขิตรักฉบับคานทอง

6.3

เขียนโดย Dashathone

วันที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2558 เวลา 23.38 น.

  14 บท
  1 วิจารณ์
  17.97K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 19 กันยายน พ.ศ. 2558 14.14 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

9) ฉบับที่ 9 ว่าที่ ‘คุณผู้หญิง’

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
 
ฉบับที่ 9
ว่าที่ ‘คุณผู้หญิง’
 
คฤหาสน์ภาวสุทธิธานันท์
   “มากันแล้วเหรอคะ คุณผู้ชายรออยู่ในห้องรับแขกค่ะ” หญิงสูงวัยแม่บ้านคนเก่าคนแก่ของบ้านออกมาต้อนรับ เมื่อเห็นภวินท์ลงจากรถยนต์คันหรูแล้วเดินไปเปิดประตูรถอีกด้านข้างคนขับ ปรากฏร่างหญิงสาวหน้าตาสะสวยหมดจดผิวขาวอมชมพูกำลังก้าวลงมา เมื่อชายหนุ่มยื่นมือไปรับมือเรียวสวยด้วยท่าทางอ่อนโยน นางอมยิ้มเล็กน้อยกับภาพที่เห็น แล้วจึงเดินนำทั้งสองคนในห้องรับแขก
   “อ้าว มากันแล้วเรอะ ยินดีต้อนรับหนูเกรซว่าที่ลูกสะใภ้ของ    บ้านภาวสุทธิธานันท์นะ” คุณภวัตฒ์พ่อของชายหนุ่มลุกขึ้นยืนทักทาย โดยการเดินอ้าแขนกว้างเข้าไปโอบกอด ‘ว่าที่ลูกสะใภ้’ อย่างณธิดา พร้อมรอยยิ้มอบอุ่นจนคนเห็นสัมผัสได้ ทำให้รู้สึกว่าเป็นการต้อนรับอย่างเป็นทางการ เพราะหญิงสาวเป็นผู้หญิงคนแรกที่ลูกชายสุดที่รักพาเข้าบ้านมาเปิดตัวกับเขา
   “สวัสดีค่ะ คุณลุง” ณธิดายกมือไหว้ผู้อาวุโสกว่าอย่างนอบน้อม เธอออกจะตื่นเต้นแต่ก็ผิดคาดไปจากที่คิดไว้ ที่พ่อของภวินท์ให้ความเป็นกันเองขนาดนี้ตั้งแต่แรกเจอ
   “มานั่งข้างลุงเถอะมา”  ด้วยความที่อยากแกล้งลูกชายต่อเมื่อเห็นสายตาละห้อยส่งมาให้ คุณภวัตฒ์จึงโอบไหล่หญิงสาวแล้วประคองไปนั่งข้างๆท่านบนโซฟาหนานุ่มแบรนด์หรู แล้วหันไปยักคิ้วข้างเดียวให้เจ้าลูกชายตัวแสบอย่างท้าท้าย  
   “พ่อครับ นั่นว่าที่แฟนผมนะครับ” ภวินท์เอ่ยขึ้นหลังจากที่ถูกทั้งสองเมินอยู่นาน แถมยังรู้สึกอิจฉาผู้เป็นพ่อนัก ที่ได้ใกล้ชิดณธิดามากกว่าเขาด้วยซ้ำ ซึ่งทำได้มากสุดก็แค่เคยจับมือ หรืออาจรวมถึงหอมแก้มแบบบังเอิญอีกต่างหาก!
“แกน่ะแค่ว่าที่แฟน แต่สำหรับพ่อหนูเกรซคือว่าที่ลูกสะใภ้นะเจ้าวินท์” คุณภวินท์ยังคงแหย่ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนไม่เลิก อย่างน้อยก็อยากกระตุ้นให้ลูกชายอยากเป็นฝั่งเป็นฝาเร็วๆ เมื่อคิดว่าเจอคนที่ใช่แล้ว ก่อนที่จะโดนคนอื่นช่วงชิงไปซะก่อน
   “ว่าไงครับเกรซ คุณพ่อเปิดทางให้ขนาดนี้แล้ว” ภวินท์หันมาถามหญิงสาวซึ่งนั่งข้างๆพ่อตัวเองอยู่บนโซฟาฝั่งตรงข้าม
   “เอ่อ..ฉันว่า...” ส่วนคนที่ถูกเรียกว่า ‘แฟน’ และ ‘ลูกสะใภ้’ กำลังอึกอัก หน้าแดง ทำเอาเธอไปไม่เป็นเอาดื้อๆ แม้ว่าเธอจะอายุสามสิบกว่า แต่ก็เป็นผู้หญิงที่เวลาถูกแซวก็เขินอายเป็นเช่นกัน เพิ่งรู้ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้นเป็นอย่างนี้นี่เอง ก็ใครจะไปคิดว่ารุกหนักทั้งพ่อและลูกแบบนี้
   “เอาล่ะ ไว้ทานอาหารไปคิดไปก็ได้ จริงไหมเจ้าวินท์ ฮ่าๆๆ” คุณภวัตฒ์เดินนำคนทั้งสองไปที่โต๊ะอาหาร เมื่อเห็นหญิงสาวยังคงลังเลที่จะตอบคำถาม แต่ท่านสัมผัสได้ว่าคนทั้งสองมีใจให้กันไม่น้อย เพราะถ้าไม่คิดอะไรกับลูกชายของท่านเลย ก็คงไม่ยอมให้พามาด้วยตั้งแต่เพิ่งรู้จักกันได้เพียงหนึ่งเดือนหรอก ส่วนคนที่ถูกเมินอย่างภวินท์ก็เดินตามหลังพ่อและหญิงสาวไปด้วยใบหน้าบึ้งตึง
หลังจากทานอาหารเสร็จ สองหนุ่มสาวย้ายกันไปนั่งที่ระเบียงริมสระว่ายน้ำ เพื่อดื่มชาและขนมที่หญิงสาวเอามาเป็นของฝากคนที่คฤหาสน์นี้ด้วย
   “ทำไมคุณถึงพาฉันมาพบพ่อคุณล่ะคะ” ณธิดาเปิดฉากถามทันทีที่นั่งลงบนเก้าอี้ ไม่คิดว่าชายหนุ่มจะจริงถึงขั้นพามาพบผู้ใหญ่เร็วขนาดนี้
   “เกรซครับ” ภวินท์เอื้อมมือหนาไปดึงมือบอบบางของหญิงสาวมากุมไว้ด้วยฝามืออุ่นทั้งสองข้างของเขา ดวงตาสีน้ำตาลหม่นแวววาวสะท้อนเงาของผู้หญิงตรงหน้า ราวกับจะสื่อสารความนัยทั้งหมดที่มีต่อเธอผ่านทางสายตา ที่ใครๆก็มักกล่าวว่าดวงตาเป็นหน้าต่างของหัวใจก็คงจะไม่ผิดนัก
   “ผมไม่รู้ว่าคุณอยากให้ผมพิสูจน์ตัวเองแบบไหน แต่การที่พาคุณมาวันนี้ ก็เพื่ออยากให้คุณรู้ว่า คุณเป็นผู้หญิงคนแรกและคนเดียวที่ผมจะพาเข้าบ้าน ผมอยากให้คุณเป็นส่วนหนึ่งในครอบครัวเราครับ” ความจริงแล้วการที่บิดาของเขาเชิญชวนหญิงสาวมาที่บ้านนั้น เป็นเพราะภวินท์เป็นคนเอ่ยเล่าเรื่องทั้งหมด รวมถึงความรู้สึกที่มีต่อเธอให้ท่านฟัง หวังว่าบิดาจะช่วยกระตุ้นให้หญิงสาวตัดสินใจตอบตกลงเป็นแฟนกับชายหนุ่มเร็วขึ้น อีกอย่างชายหนุ่มเองก็อยากให้เกียรติณธิดาโดยการบอกให้ผู้ใหญ่รับรู้ด้วยเช่นกัน
“ขอบคุณมากนะคะที่ให้เกียรติฉัน” ณธิดากล่าวขอบคุณอย่างจริงใจ เธอเอามือบอบบางอีกข้างที่ว่าง วางทับบนหลังมือหนาอบอุ่นของภวินท์ ดวงตากลมโตทอประกายสุขใสสื่อความหมายอย่างที่เธอพูดจริงๆ
“แล้วก็ขอบคุณที่จริงใจต่อกันด้วยค่ะ” คราวนี้ไม่เพียงแค่ดวงตาแววหวานเท่านั้นที่ส่งมา แต่ยังยิ้มกว้างหวานหยดมาให้ ทำให้คนมองอย่างภวินท์ถึงกับตาพร่า หัวใจเต้นรัวถี่ขึ้นจนอื้ออึงไปทั้งอกด้านซ้าย ลมหายใจติดขัดขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ ชายหนุ่มจ้องมองดวงหน้าสวยพริ้มตรงหน้าราวกับตกอยู่ในภวังค์ ดึงดูดให้เขาเคลื่อนใบหน้าคมเข้าใกล้ใบหน้าสวยหวานมากขึ้น จนปลายจมูกของเขาและเธอชนกัน ลมหายใจอุ่นๆที่รินรดแลกเปลี่ยนกันนั้น เป็นแรงผลักดันให้ภวินท์เอียงใบหน้าตัวเองไปด้านข้างให้ได้องศาพอเหมาะ จรดริมฝีปากหยักหนาแนบชิดกับริมฝีปากอวบอิ่มนุ่ม ค่อยๆละเลียดชิมหยอกเย้าให้หญิงสาวเผยอเปิดรับให้ลิ้นร้อนสอดเข้าไปตักตวงความหอมหวานปานน้ำผึ้งในปากของอีกฝ่าย การตอบรับการรุกรานที่ไม่ชำนิชำนาญของหญิงสาวบ่งบอกว่านี่เป็นจูบแรกของเธอ! ส่งผลให้ภวินท์รู้สึกว่ารสจูบครั้งนี้อ่อนโยน อ่อนหวาน เคลิบเคลิ้ม และอิ่มเอมในเวลาเดียวกัน ใครจะไปคิดว่าผู้หญิงอายุสามสิบบวกๆ  ยังไม่เคยจูบกับใครมาก่อน มันให้ความรู้สึกภูมิใจอยู่ลึกๆ งั้นก็แสดงว่า.....
   “กรี้ดๆๆๆๆ แกกล้าจูบกับพี่วินท์ของฉันได้ยังไง ยัยป้าวัยดึก!!!” เสียงกรีดร้องราวกับโดนน้ำร้อนลวกของหญิงสาววัยยี่สิบปี ช่วยเรียกสติของคนทั้งคู่ให้ผละจากกันโดยอัตโนมัติ ภวินท์ถอนจูบอย่างแสนเสียดายจากการดื่มด่ำความหวานล้ำจากริมฝีปากเซ็กซี่ของณธิดา ส่วนเจ้าของใบหน้าสวยอมชมพูก็สีเข้มขึ้นไปอีกด้วยความเขินอายเมื่อเพิ่งรู้ตัวว่าเผลอไผลเสียจูบแรก ให้กับชายหนุ่มวัยเด็กกว่ามาก ‘น่าอายชะมัด!!!’
   “ระรินดาว” ภวินท์เรียกชื่อน้องสาวบุญธรรมด้วยน้ำเสียงเบื่อหน่าย เขาเบื่อระดับเสียงแสบแก้วหูเพราะกลัวประสาทหูจะเสียซะก่อน รวมถึงอารมณ์เสียที่เธอเข้ามาขัดจังหวะความเป็นส่วนตัวเขาและคนรักด้วย ‘โธ่...จูบรสน้ำผึ้งของผม’
   “ก็พี่วินท์มานั่งจูบกับยัยป้าวัยดึกในบ้านทำไมล่ะคะ” ระรินดาวถามด้วยน้ำเสียงกระแทกกระทั้น ปรายตามองคนที่ตัวเองเรียกว่า ‘ป้า’ ด้วยดวงตาแอบอิจฉาและอารมณ์เสียสุดๆ ยัยป้านี่เป็นใคร กล้าดียังไงถึงกล้ามาจูบพี่ชายบุญธรรมของเธอ ขนาดเธอโตมากับเขาแท้ๆ ยังไม่เคยได้แม้กระทั่งความใกล้ชิดเอื้อเอ็นดูเลยด้วยซ้ำ เขามักวางตัวเว้นระยะห่างกับเธอเสมอ แถมยังหวงเนื้อหวงตัวอีกต่างหาก ยัยป้าหน้าสวย!  ใช่สวย! แต่ก็ไม่ควรมาชุบมือเปิบจูบตัดหน้าเธอแบบนี้สิ
   ส่วนคนที่ถูกเรียกว่า ‘ป้า’ อย่างณธิดาถึงกับจุก ไม่คิดว่าจะได้ฉายา ‘วัยดึก’ แถมมาด้วยอีกต่างหาก เธอเดินอ้อมโต๊ะผ่านหน้าระรินดาวไปยืนแนบชิดเคียงข้างชายหนุ่ม ใช้มือเรียวขาวนุ่มทั้งสองข้างสอดเข้าไปคล้องแขนแข็งแรงของชายหนุ่มข้างกาย ลากผ่านลำแขนลงมาที่มือหนา สอดนิ้วมือตัวเองประสานกับนิ้วมือของภวินท์ แล้วกระชับให้แน่นขึ้น ร่างสูงหันใบหน้าหล่อเหลาคมเข้มมามองใบหน้าสวยหวานของคนที่ยืนจับมือตัวเองอย่างถือวิสาสะ เขาเต็มใจและดีใจจนเนื้อเต้น เมื่อหญิงสาวที่เขาหลงรักแสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของต่อหน้าคนอื่นบ้าง ไม่ใช่เฉยชาเหมือนที่ผ่านมา ต่างกับระรินดาวมองการกระทำของคนทั้งสองด้วยแววตาร้อน เหยียดยิ้มที่มุมปาก โดยไม่ได้รับความสนใจจาก ณธิดาและภวินท์ ซึ่งกำลังจ้องตากันและกันราวกับว่าบนโลกใบนี้มีแค่เธอกับเขาแค่สองคนเท่านั้น
   “ฉันเข้าใจนะคะ ว่าคุณออกจะหวงพี่ชายคุณมาก แต่ก็อย่าลืมว่าเขาต้องการคนที่จะมาเป็นแฟนไม่ใช่น้องสาว  จริงไหมคะวินท์” หลังจากจ้องตากับเขาอยู่หลายนาที จนหัวใจคนแก่กว่าอย่างเธอแทบวาย เลยหันหน้ามาพูดกับหญิงสาวอายุน้อยเสียงเรียบ ซึ่งเธอเกือบจะลืมไปด้วยซ้ำหากจ้องตาชายหนุ่มนานกว่านี้อีกหน่อย
   “แต่คุณก็อย่าลืมนะคะ ว่าเราอยู่บ้าน...หลังเดียวกัน” ระรินดาวตอบโต้หญิงสาวอย่างเย้ยหยัน แล้วปรายตาไปมองภวินท์พร้อมรอยยิ้มยั่วยวนเต็มที่ ด้วยอยากยั่วอารมณ์ของ ‘ว่าที่สะใภ้’ ที่เหล่าแม่บ้านต่างพูดถึงว่าสวยน่ารักนักหนา แถมดูดีมีการศึกษาอีกต่างหาก ก็คงจะจริงกระมัง เพราะเท่าที่เธอสังเกตตั้งแต่หัวจรดเท้าแล้ว ผู้หญิงคนนี้เหมาะสมกับตำแหน่งสะใภ้ของคฤหาสน์ภาวสุทธิธานันท์ที่สุด เมื่อเทียบกับผู้หญิงที่คอยมาเกาะแกะพี่ชายบุญธรรมของเธอ ที่สำคัญไปกว่านั้นคือ การรับมือกับผู้หญิงที่พยายามจะมานั่งตำแหน่งนี้ด้วยสติและไหวพริบ ไม่แรงมาแรงตอบ ซึ่งทำให้ดูเป็นผู้หญิงมีเสน่ห์ที่น่าค้นหา และเดาใจยาก เพราะไม่ได้แสดงออกอย่างออกหน้าออกตาจนเกินงาม หวังว่าพี่ชายของเธอจะเอาผู้หญิงอย่างเธอคนนี้มาเป็นพี่สะใภ้เธอให้ได้
   “พอแล้วริน อย่าก้าวร้าวกับคนของพี่ เกรซคือคนที่พี่เลือก ถ้ายังอยากอยู่บ้านหลังนี้ต่อ ก็ควรให้เกียติคนที่พี่รักด้วย” ภวินท์ตักเตือนน้องสาวบุญธรรมเสียงจริงจัง หวังว่านี่จะช่วยให้สติกับเธอบ้าง แต่ก็แอบเห็นใจอีกฝ่ายที่กำพร้าพ่อแม่มาตั้งแต่เกิด เพราะหญิงสาวเป็นลูกบุญธรรมที่คุณอาหญิงของเขาอุปการะ และพามาอยู่ด้วยเพราะเห็นว่าไม่มีลูกไว้คอยดูแลยามแก่เฒ่า ทำให้ได้รับการตามใจเพราะหวังว่าจะช่วยทดแทนในสิ่งที่เด็กสาวคนนี้ขาดไป
   “เชอะ!” ระรินดาวสะบัดก้น เดินกระแทกท้าวหันหลังเข้าบ้านไปด้วยความมั่นไส้ ‘ไว้จะคิดค่าตอบแทนให้คุ้มเลยคอยดู’
   “คุณนี่เสน่ห์แรงนะพ่อหนุ่ม” เสียงประชดชันของคนที่ยืนอยู่ข้างๆนั้น เรียกความสนใจจากชายหนุ่มให้หันมามอง ภวินท์หรี่ตากจ้องหน้าหญิงสาวด้วยแววตาล้อเลียน แล้วระเบิดเสียงหัวเราะออกมาดังลั่น บริเวณสระว่ายน้ำของบ้าน
   “หัวเราะอะไร” ณธิดาถามเสียงเครียดกลบเกลื่อน แถมด้วยฝ่ามือเรียวลงบนต้นแขนล่ำของเขาหนึ่งทีหนักๆ
   “มีความสุขก็ต้องหัวเราะสิครับเกรซ” น้ำเสียงอารมณ์ดีของ ภวินท์ทำให้ได้รับค้อนวงใหญ่จากหญิงสาวเพราะหมั่นไส้ ที่เขารู้ทันการกระทำของเธอ
   “ผมอารมณ์ดีที่แฟนแสดงออกว่าหึงหวงต่อหน้าคนอื่น” เขาตอบพร้อมรอยยิ้มกว้างในหน้าจนกลัวว่ามันจะฉีกไปถึงใบหู
   “น้องสาวคุณก็แสบนะ” ณธิดาตอบแล้วสะบัดหน้าหันไปอีกทาง ทำให้ภวินท์ฉวยโอกาสหอมแก้มนุ่มนิ่ม โดยที่เธอไม่ทันได้ตั้งตัว
   “คุณวินท์!!” พอรู้ตัวหญิงสาวหันมาเรียกชายหนุ่มเสียงดังกลบเกลื่อนอาการหน้าแดงของตัวเองแทน
   “ครับ ที่รัก” ภวินท์รับขานแข็งขัน แต่สายตาที่ส่งมานั้นแพรวพราวเจ้าเล่ห์ชอบกลนัก
   “ไปส่งฉันได้แล้วค่ะ”
   “ครับผม แต่ต้องมีค่าจ้างนะเกรซ”
   “อะไรล่ะ ฉันไม่ได้ขอให้คุณพามาสักหน่อย” เธอเอ่ยถามด้วยความไม่แน่ใจ เมื่อเห็นแววตาแววนั่นมันไม่น่าไว้ใจเอาซะเลย
   “จุ๊บๆๆ” ภวินท์ไม่ตอบคำถามด้วยคำพูด แต่เขากลับก้มลงมาจุ๊บปากอวบอิ่มเธอเร็วๆสามครั้งติดกันแทน เรียกเลือดฝาดบนแก้มอมชมพูของของหญิงสาวให้แดงขึ้นไปอีก เขาถือโอกาสจูงมือที่ยังคงสอดประสานไม่ยอมปล่อยนั้น พาณธิดาเดินไปที่รถเพื่อขับไปส่งหญิงสาวที่คอนโดฯเธอ ซึ่งตั้งอยู่ถัดจากร้านขนมหญิงสาวอีกสามซอยของใจกลางเมืองทำเลเศรษฐกิจเมืองกรุง
   แต่เมื่อกลับมาถึงคฤหาสน์ เท้าที่กำลังจะก้าวขึ้นบันไดไปยังห้องนอนเขาที่อยู่บนชั้นสอง เป็นอันต้องหยุดชะงักเมื่อระรินดาก้าวออกมาออกมาจากมุมมืดของโถงทางเดิน หลังจากที่นั่งรออยู่นานกว่าชายกนุ่มกลับมาถึง
   “มีอะไรรึเปล่าริน” ภวินท์เอ่ยถามเมื่อเห็นระรินดาวเดินออกมา แล้วทำท่าแบมือกระดิกปลายนิ้วราวกับจะขออะไรสักอย่าง
   “อ้าว ก็ค่าแสดงของรินไง แหม อุตส่าตั้งใจซะแนบเนียน หวังว่าพี่สะใภ้จะหึงหวงจนตอบตกลงเป็นแฟนพี่วินท์นะ” เป็นเพราะบุญคุณของครอบครัวภาวสุทธิธานันท์ที่มีต่อเธอนั้นมากมายล้นเหลือ จนเธอไม่สามารถกล้าที่จะคิดเทียบชั้นไปคิดอะไรกับเขา หรือคิดเกินกว่าพี่ชายบุญธรรมได้ แม้ว่าเธอจะรู้สึกดีลึกๆเมื่อได้อยู่ใกล้เขาก็ตาม แต่ชายหนุ่มไม่มีทางคิดกับเธอไปมากกว่านี้แน่นอน การยอมรับและอยู่ในฐานะน้องสาวเขาจึงเป็นสิ่งที่เธอเลือก เพื่อให้ได้อยู่ใกล้เขาได้นานขึ้นเท่านั้นเอง
   “แต่ต้องโดนหักครึ่งหนึ่งนะ เพราะเธอมาผิดหวังหวะตอนที่พี่กำลังจูบกัน” ภวินท์พูดเองก็เขินเองเมื่อนึกถึงภาพการจุมพิตหวานล้ำราวน้ำผึ้งบริสุทธิ์นั่น ทำให้ผิวหน้าสีแทนคมเข้มยิ่งเข้มขึ้นไปอีก รวมถึงดวงตายิ้มได้เป็นประกาย จนคนมองอย่างระรินดาวอดนึกหมั่นไส้คนมีความรักอย่างพี่ชายเธอไม่ได้
   “แต่มันก็ได้ผลไม่ใช่เหรอค่ะ” เพราะเธอมั่นใจว่าณธิดาแสดงออกว่าหึงหวงภวินท์จริง ไม่ใช่แค่การกระทำเท่านั้น แม้แต่ดวงตาก็วาวโรจน์ด้วย เป็นลูกผู้หญิงด้วยกันทำไมเธอจะดูไม่ออก
   “ก็จริง แล้วอยากได้อะไรล่ะเรา” มันก็จริงอย่างที่น้องสาวเขาว่า ก็ไม่มากเกินไปหากจะตบรางวัลผู้ร่วมแผนการบ้าง
   “ค่าใช้จ่ายทริปไปเที่ยวมัลดีฟแบบส่วนตั๊วส่วนตัว เป็นไงค่ะ” คำว่า ‘ส่วนตั๊วส่วนตัว’ ที่เธอหมายถึงก็คือการไปกลับด้วยบริการราวกับเป็นเจ้าหญิง พักรีสอร์ทสุดหรู มื้ออาหารจากเชฟฝีมือดัง มีคนรับใช้ส่วนตัวตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง และก่อนกลับแวะช้อปปิ้งไม่อั้นเป็นการตบท้ายด้วย แค่นี้เจ้าของบริษัทค้าเพชรอย่างพี่ชายเธอคงกระเป๋าไม่ฉีกหรอก
   “ตกลง” ภวินท์ตอบเสียงเรียบ แล้วเดินส่ายหัวให้กับความงกของน้องสาวขึ้นบันได้ไปห้องนอนของคน ถ้าคิดอีกทีลงทุนแค่นี้ก็ถือว่าคุ้มค่า กับการที่ได้ทั้งจูบและจุ๊บกับผู้หญิงที่เขารัก เพราะมันเทียบกับเขาความสุขที่ได้ใกล้ชิดกับณธิดามากขึ้น จ่ายแค่นี้ไม่สะทกสะท้านระบบการเงินในบัญชีของเขาหรอกมั้ง
ปล. ติดตามพูดคุยกันได้ที่ Dashathone

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
6 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา