ลิขิตรักฉบับคานทอง

6.3

เขียนโดย Dashathone

วันที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2558 เวลา 23.38 น.

  14 บท
  1 วิจารณ์
  17.96K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 19 กันยายน พ.ศ. 2558 14.14 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

8) ฉบับที่ 8 พิสูจน์ใจ

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

ฉบับที่ 8

พิสูจน์ใจ

 

ร้าน House of Choco & Bake

   “เกรซ ว่าไงล่ะ มีเรื่องอะไรรึเปล่า เห็นอ้ำๆอึ้งๆนานแล้วนะ” ทั้งรันดาและพิมพ์ภัทรถูกโทรตามให้มาที่ร้านทันทีหลังเลิกงาน เมื่อเห็นว่าณธิดายังไม่ปริปากพูดอะไรแม้แต่คำเดียวตั้งแต่มาถึงร้าน หญิงสาวเอาแต่ถอนหายใจอยู่หลายรอบ

   “เอ่อ คือ เมื่อวานคุณวินท์เขา....ขอคบกับเกรซน่ะค่ะ” ณธิดาจำเป็นต้องพูดออกมาอย่างไม่มีทางเลือก ก็เพราะเธอต้องการที่ปรึกษา แม้เธอพยายามครุ่นคิดหาเหตุผลต่างๆนาๆว่าควรจะตัดสินใจอย่างไรดี หากไม่มีอุปสรรคเรื่องความแตกต่างของอายุระหว่างเธอกับเขา อาจจะทำให้เธอตัดสินใจง่ายกว่านี้ คงไม่มีผู้หญิงคนไหนอยากจะผิดหวังตั้งแต่มีแฟนคนแรก หรือ รักแรกของลูกผู้หญิงหรอกนะ แต่เธอก็ไม่มีเวลามากขนาดนั้น หากต้องรอให้เขาพร้อมที่จะแต่งงานกับเธอ ซึ่งก็ไม่รู้ว่าอีกกี่ปี

   “แกว่าอะไรนะ/จริงเหรอเกรซ” พิมพ์ภัทรและรันดาต่างก็โพล่งออกมาพร้อมกันด้วยความตกใจ ก็ใครจะไปคิดว่าบอสหนุ่มของเธอจะใจร้อนอย่างกับวัยรุ่นมัธยมปลาย เพราะเขาเพิ่งจะมาสารภาพและถามข้อมูลของณธิดาจากพวกเธอเมื่อวันก่อนนี้เอง

“เดี๋ยวนะ แกบอกว่าบอสขอคบเป็นแฟน แล้ว...แล้วแกตอบเขาไปว่าอะไร” เป็นพิมพ์ภัทรที่เอ่ยถามคนแรก เมื่อระงับความอยากรู้และความตื่นเต้นไว้ไม่ไหว ราวกับว่าตัวเองเป็นคนถูกขอซะเอง

   “นั่นสิเกรซ พี่ก็อยากรู้ เล่าตั้งแต่ประโยคแรกเลยนะ เดี๋ยวนี้เลยเกรซ” รันดาเองก็อยากรู้จนแทบทนไม่ไหว เห็นบอสเธอเงียบขรึมแบบนั้น แต่พอเจอรักแรกพบจุกอกเข้าไป ถึงกับต้องรุกหนักจนน้องสาวต่างสายเลือดที่คงความโสดมานานอย่างณธิดาหวั่นไหวอยู่ไม่น้อย ดูท่าแล้วหญิงสาวอาจจะสละคานทองเร็วๆนี้ซะแล้ว เรื่องราวที่ภวินท์คุกเข่าขอณธิดาเป็นแฟน ถูกถ่ายทอดออกจากริมฝีปากอวบอิ่มยาวเหยียด รวมไปถึงเหตุผลที่เธอยังไม่ตอบตกลงทันที ท่ามกลางอาการลุ้นจนตัวโก่งของสองสาวต่างวัยอย่างรันดาและพิมพ์ภัทร 

   “พี่ว่ามันก็จริงอย่างที่คุณวินท์พูดนะ เกรซควรจะให้โอกาสตัวเอง แม้จะไม่รู้อนาคตว่าจะเป็นยังไงก็ตาม แต่อย่างน้อยเกรซก็ยังได้เริ่มต้นที่จะมีความรักกับใครสักคนน่ะ” รันดาพยายามพูดให้แง่คิดกับณธิดาด้วยความหวังดี เพราะเธอมั่นใจว่าเจ้านายหนุ่มรักและจริงจังกับหญิงสาวจริงๆ อีกอย่างเธอก็รับปากว่าจะช่วยเชียร์เขาให้สมหวังกับหญิงสาว แต่ลึกๆแล้วเธอเริ่มสังเกตเห็นว่าฝ่ายณธิดาเองก็มีใจให้ชายหนุ่มไม่น้อย ไม่อย่างนั้นแล้วคงไม่มานั่งปวดหัวครุ่นคิดหาคำตอบให้ยุ่งยากหรอก

   “ฉันเห็นด้วยกับพี่ดานะเกรซ แกควรเริ่มต้นได้แล้วนะ อีกอย่างคุณวินท์เขาก็ดูจริงจังมาก ไม่งั้นคนที่มีผู้หญิงมาให้เลือกมากมายอย่างเขา คงไม่ลงทุนทำขนาดนี้หรอก ที่สำคัญนะผู้ชายอายุยี่สิบห้าทั่วไปคงจะไม่พูดถึงเรื่องแต่งงานออกมาหรอก” พิมพ์ภัทรกล่าวสมทบด้วยเหตุผลน่าเชื่อถือ ขณะสายตาก็จ้องดูปฏิกิริยาว่าเพื่อนรักจะคล้อยตามรึเปล่า แต่ณธิดากลับเม้มริมฝีปากครุ่นคิดอย่างหนักตามที่ทั้งสองคนพูด มันก็เป็นเรื่องจริงว่าเธอควรจะให้โอกาสตัวเองได้ลิ้มลองมีความรักดูสักที แม้มันจะผิดหวัง แต่อย่างน้อยเธอก็เคยได้รักใครสักคน ถึงอย่างนั้นก็เถอะ เธอขอให้มั่นใจในความรู้สึกของตัวเองมากกว่านี้ก่อน มากพอที่จะพูดได้เต็มปากว่าเธอพร้อมจะเดินเคียงข้างเขาตลอดไป

   “ว่าไงจ้ะ” เมื่อรอมาสักพัก รันดาจึงเอ่ยถามอย่างอดไม่ไหว ส่วนพิมพ์ภัทรเองก็จ้องหน้าเพื่อนอย่างรอคอยคำตอบ

   “เอ่อ เกรซ....คิดว่า.....”

 

 

บริษัท PW Grand Diamond

   “อรุณสวัสดิ์ค่ะวินท์ ไม่เจอกันนานสบายดีนะคะ” เสียงทักที่เคยคุ้นหูทำให้ขาที่กำลังก้าวเข้าไปในห้องทำงานใหญ่ของภวินท์ชะงักทันควัน ภาพที่ปรากฏอยู่ตรงหน้า ทำให้ชายหนุ่มหรี่ตามองหญิงสาวที่กำลังเดินเข้ามาหาด้วยความประหลาดใจ ‘เธอมาได้ยังไง’

แพท หรือ พิรารัตน์ เป็นรักครั้งแรกของเขา เมื่อครั้งยังเรียนอยู่ต่างประเทศ จนถึงขั้นวางแผนอนาคตด้วยกัน แต่ก็ต้องเลิกราหลังจากคบกันเพียงหนึ่งปี เพราะเธอคิดว่าเขาจนกว่ามหาเศรษฐีตาน้ำข้าวผู้นั้น การต้องอกหักจากรักครั้งแรกทำให้เขาซวนเซไปพักใหญ่ ก่อนจะกลับมาตั้งใจเรียนให้จบ แล้วรีบเก็บกระเป๋ากลับเมืองไทยทันที เมื่อต้องมารับตำแหน่งต่อจากบิดา เขาก็ทุ่มเทเวลาทั้งหมดให้กับงาน เลิกสนใจผู้หญิงทุกคนที่พยายามมาตีสนิทด้วย ทำให้เขากลายเป็นคนเย็นชาในสายตาทุกคนที่ได้พบเห็น ยกเว้นเพื่อนสนิทและครอบครัว จนกระทั่ง....เกรซ ผู้หญิงหน้าตาสวยพริ้มแถมเซ็กซี่คนนั้น ที่เขาได้เจอเธอในลิฟต์เมื่อเดือนก่อน ทำให้หัวใจที่แห้งเหี่ยวกับมาชุ่มชื่น และยอมเปิดให้กับความรักอีกครั้ง ‘แปลก’ ทั้งๆที่เขาอยู่ต่อหน้าผู้หญิงที่ได้ชื่อว่าเป็น ‘รักครั้งแรก’ แต่ในสมองเขากลับมีภาพของผู้หญิงที่เขาเพิ่งเอ่ยปากขอคบกับเธอเมื่อวันก่อนนี่เอง ‘เป็นแม่มดรึไง’ ถึงณธิดาจะเป็นแม่มด เขาก็ยอมให้เธอ ‘ร่ายมนต์’ ให้รักให้หลงเธอทุกวันทุกคืนด้วยความยินดีเลยทีเดียว

   “ถึงกับตะลึงเลยเหรอคะ วินท์” หญิงสาวก้าวเท้าบนรองเท้าส้นเข็มเข้ามายืนแนบแขนแข็งแรงของชายหนุ่ม ใช้มือเรียวสวยซึ่งทาเล็บด้วยสีแดงสอดคล้องแขนชายหนุ่มอย่างถือสิทธิ์ จ้องมองเข้าไปในดวงตาคมเข้มด้วยสายตาเชิญชวน ที่เธอมาวันนี้ก็เพื่ออยากรื้อฟื้นความหลังครั้งเก่า เมื่อครั้งเขาและเธอเคยคบกันอย่างลึกซึ้ง เธอเพิ่งจะรู้ว่าที่แท้เขาก็เป็นถึงทายาทเจ้าของบริษัทจำหน่ายเครื่องเพชรอันดับหนึ่งของเมืองไทย เธอได้เห็นเขาบนปกนิตยสารนักธุรกิจชั้นนำเมื่อเดือนที่แล้ว นี่เธอเคยทิ้งเพชรเม็ดงามแบเขาไปได้ยังไง เธอจะต้องทำให้เขากลับมาหลงเสน่ห์เธอเหมือนที่ผ่านมาให้ได้ ของมันเคยๆกันอยู่ ยังไงก็ต้องสำเร็จ!

   ….เงียบ....

   ภวินท์ยังคงมีท่าทีเฉยชากับผู้หญิงที่เคยเป็นแค่อดีตสำหรับเขา พิรารัตน์เคยทอดทิ้งเขาอย่างไม่ใยดียังไง เขาจำได้ขึ้นใจ ที่สำคัญเขาเป็นคนเจ็บแล้วจำ ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องกลับไปยอมเจ็บซ้ำเป็นครั้งที่สองอีก

   “จะไม่ทักทายคนเคย....รักกันหน่อยเหรอคะวินท์” เมื่อเห็นว่าภวินท์ยังคงนิ่ง พิรารัตน์จึงใช้ไม้เด็ด โดยการเขย่งปลายเท้า เอาริมฝีปากเคลือบลิปสติกสีแดงจะแนบข้างริมฝีปากหนาของอีกฝ่าย หวังให้เขาหันมาตอบสนองเธออย่างเร่าร้อนเหมือนที่ผ่านมา แต่ภวินท์เบี่ยงหน้าหลบ แกะแขนหญิงสาวออกราวกับรังเกียจเดียดฉันท์ แล้วเดินไปนั่งที่โต๊ะทำงานตัวใหญ่ด้วยท่าทางนิ่งๆ หยิบแฟ้มเอกสารออกมาอ่านเหมือนหญิงสาวเป็นเพียงธาตุอากาศน่าขยะแขยงก็ไม่ปาน

“วินท์คะ!” เมื่อไม่ได้ดังใจ พิรารัตน์จึงเอ่ยเสียงดังแข็งกร้าวอย่างขัดใจ

“สวัสดี” ชายหนุ่มตอบกลับด้วยน้ำเสียเฉยชาราวกับเบื่อหน่ายเต็มที

“คือ เมื่อวานแพทอ่านนิตยสารธุรกิจเห็นคุณขึ้นปก คุณไม่เห็นบอกบ้างเลยว่าเป็นลูกเจ้าของบริษัทค้าเพชรรายใหญ่” พิรารัตน์ทำเสียงออดอ้อนปนน้อยใจหวังว่าเขาจะงอนงอเธอเหมือนแต่ก่อนเก่า

“มันก็ดีไม่ใช่เหรอ การที่ผมไม่อวดอ้างว่าเป็นลูกใคร มันทำให้ผมได้เห็นธาตุแท้ของคุณ” ภวินท์เงยหน้าขึ้นมา พูดแดกดันด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แล้วกลับไปให้ความสนใจงานตรงหน้าต่อ

“วินท์!!!” พิรารัตน์ทำท่าจะกรี้ดใส่หน้าเขา แต่นึกขึ้นได้ว่าจุดประสงค์ของเธอคืออะไร ก็แสร้งวางมาดสงบเหมือนเดิม

“แหม...วินท์ก็ หลังเลิกงานเราไปทานข้าวแล้วก็ฟังเพลงกันนะคะ ในฐานะคนคุ้นเคยกันดี” หญิงสาวพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน เดินไปนั่งบนที่พักแขนของเก้าอี้ เอาแขนเรียวทั้งข้างโอบรอบลำคอ แนบใบหน้าแต่งแต้มอย่างพิถีพิถันคลอเคลียอยู่กับแก้มของเขาอย่างจงใจ หวังทอดสะพานให้เขาตอบรับคำชวนของเธอ เพื่อจุดถ่านไฟเก่าให้รุกโชนขึ้นอีกครั้ง

“ผมไม่ชอบกินของเก่า” คนที่ถูกเปรียบว่าเป็น ‘ของเก่า’ ถึงกับผงะเด้งตัวออกจากชายหนุ่มทันที

“แล้วผมก็ไม่ชอบฟังเพลงเดิมๆ” ภวินท์พูดกระทบขึ้นก่อนที่          พิรารัตน์จะส่งเสียงอะไรออกมาด้วยซ้ำ เขาใช้สายตาเย็นชามองเธออย่างเหยียดๆ เพราะเขาเกลียดผู้หญิงที่เห็นค่าในตัวเขา ก็ต่อเมื่อรู้ว่าเขามีเงินเท่านั้น

“มันจะมากไปแล้วนะวินท์ แพทก็แค่ชวนไปกินข้าวในฐานะที่เราเคยรู้จักกัน ทำไมต้องว่ากันขนาดนี้ด้วย แล้วที่วินท์ไม่มีแฟน ไม่ใช่ว่ารอแพทอยู่หรอกเหรอ” พิรารัตน์คิดว่าการที่เขายังไม่เปิดตัวคบกับใครให้สังคมได้รับรู้ ก็แสดงว่าเขาอาจจะยังรอเธออยู่ก็ได้ เธอจึงคิดทบทวนวางแผนเข้าใกล้เขา และจะทำให้เขากลับมาเป็นของเธออีกครั้งให้ได้ เพื่อ.........สิ่งที่มีค่าที่สุดในชีวิตเธอตอนนี้

“ผมจะคบจะเลิกกับใคร ทำไมผมต้องบอกคนอื่น แล้วคุณรู้ได้ยังไงว่าผมไม่มีแฟน”

“หมายความว่าไงคะ แล้วมันเป็นใคร” พิรารัตน์ถามด้วยท่าทีร้อนรน ถ้าหากเขากำลังคบกับอยู่ ก็เท่ากับว่าเธอกำลังมีคู่แข่ง แต่เธอไม่สนเพราะเธอมั่นใจว่าตัวเองเพียบพร้อมทั้งรูปร่างหน้าตาทรงเสน่ห์ รวมทั้งทรัพย์สมบัติก็ไม่น้อยหน้าใครเช่นกัน

“ผู้หญิงคนนั้นเป็นใครไม่สำคัญเท่ากับว่า เธอเป็นเพชรเม็ดงามที่เปล่งประกายทั้งๆที่ยังไม่ได้เจียระไน ไม่เหมือนคุณหรอก ต่อให้เจียระไนยังไงก็ยังไม่ส่องประกายออกมา” คำด่าเปรียบเปรยที่ออกมาจาก        ริมฝีปากหยักนั้น ทำให้คนฟังอย่างพิรารัตน์แทบกระอักด้วยความเจ็บใจ ตั้งใจจะมาเผด็จเขา แต่กลับโดนสวนกลับแบบไม่ไว้หน้ากันสักนิด แล้วอย่างนี้สิ่งที่เธอวางแผนมาพึ่งร่มเงาของเขาคงสลายกลายเป็นเพียงอากาศธาตุ

“ไม่ว่าผู้หญิงคนนั้นจะวิเศษยังไง วินท์ก็ต้องเป็นของแพทเท่านั้น!!!” พิรารัตน์กระแทกเท้าเดินออกจากห้องทำงานใหญ่ทันที เธอต้องรู้ให้ได้ว่านังผู้หญิงที่คิดจะเป็นศัตรูกับเธอมันเป็นใคร เมื่อเสียงประตูห้องทำงานปิดลง ภวินท์ก็เกิดความกังวลว่าพิรารัตน์อาจจะตามไประรานณธิดาที่ร้านขนมเธอเข้าสักวัน เขาต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อให้แน่ใจว่า “ผู้หญิงของเขา” จะปลอดภัยจากอดีตที่แสนเจ็บปวด และเขาไม่เคยคิดถึงมันอีกเลยนับตั้งแต่ได้เจอ...ณธิดา ณราวรกาลกุณ

 

ร้าน House of Choco & Bake

   “เกรซคิดว่าจะให้โอกาสตัวเองได้ลองคบกับคุณวินท์ แต่...ขอเวลาให้เกรซมั่นใจความรู้สึกของตัวเองสักพักว่ารักผู้ชายคนนี้จริง”      ณธิดาพูดเสียงเนือย ดวงตาเหม่อลอยออกไปด้านนอกร้าน มองไปที่ตึกสำนักงานตรงข้าม ราวกับจะส่งคำตอบไปให้เจ้าของคำถาม ผู้ซึ่งนั่งทำงานอยู่ชั้นบนสุดของบริษัทเครื่องเพชรชื่อดัง

   “ก็ยังดีที่คิดจะลองคบเป็นแฟนกับบอสของพวกเรา แต่อย่าช้านะ เพราะมีสาวๆต่อคิวรอยาวเป็นกิโลเมตร ที่สำคัญแกก็อายุไม่น้อยแล้วนะ ถ้าชักช้าระวังมดลูกจะลาจากไปซะก่อนนะเพื่อนรัก” พิมพ์ภัทรหวังว่าทั้งคำแซวและประชดชัน จะช่วยกระตุ้นการตัดสินใจของเพื่อนเธอบ้าง เพราะกลัวว่าณธิดาจะชวดรถด่วนขบวนสุดท้ายซะก่อน

   “จริงด้วยเกรซ ถ้าเป็นพี่นะ จะตกลงตั้งแต่บอสเริ่มคุกเข่าแล้วล่ะน้องรัก ถ้าอย่างเรามามัวเหนียมอายคิดมาก เดี๋ยวไม่ทันพวกชะนีไฮโซที่จ้องจะงาบกันทั่วประเทศกันพอดี” รันดาเองก็ช่วยกระตุ้นต่อมความรู้สึกของน้องคนสนิทอีกแรง หวังว่าเจ้านายเธอจะไม่ ‘กินแห้ว’ หรอกนะ

   “แหม พี่ดากับภัทรก็เวอร์ไป ถึงเกรซจะอายุมากและไม่ไฮโซก็เถอะ แต่อย่าลืมนะว่าเกรซก็เป็นชะนีเหมือนกัน” ณธิดาย้อนกลับคำประชดของเพื่อนต่างวัยแฝงด้วยความนัย ดวงตาแพรวพราว ขอให้เธอมั่นใจก่อนเถอะว่ารักเขาอย่างเต็มหัวใจ บางทีเธออาจจะได้งัดมารยาหลายร้อยเล่มเกวียนที่เก็บไว้จนขึ้นสนิมมาใช้กับเขาเป็นคนแรกก็ได้

   “ทำอะไรอยู่ครับสาวๆ” เสียงนุ่มทุ่มฟังดูสุภาพที่ดังขึ้นนั้น เรียกความสนใจจากสาวๆซึ่งกำลังนินทากันอย่างสนุก ให้หันกลับมามองเขาทันที

   “ธีร์/พี่ธีร์/พี่ธีร์” ทั้งสามสาวต่างก็อุทานออกมาพร้อมกันราวกับนัดหมาย เมื่อเห็นชายหนุ่มที่คุ้นเคยกันดีตั้งแต่สมัยมหาวิทยาลัยเดินเขามาที่โต๊ะ ธีร์ภพหย่อนก้นนั่งระหว่างณธิดาและพิมพ์ภัทร ทั้งสามคนต่างก็มีความรู้สึกแตกต่างกันออกไป

   ธีร์ หรือ ธีรภพ เป็นชายหนุ่มร่างสูง ผิวขาว หน้าตาหล่อน่ารักสไตล์หนุ่มเกาหลี เขาเป็นผู้ชายสุภาพ อ่อนโยน ขยัน และเรียนเก่งจนได้ทุนไปเรียนต่างประเทศหลายปี แล้วตอนนี้กลับมาใช้ทุนเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยรัฐบาลชื่อดัง วันนี้เขาตั้งใจจะเริ่มสานสัมพันธ์กับคนที่เขารู้สึกชอบตั้งแต่เห็นเธออยู่ปีหนึ่งเมื่อหลายปีก่อน ระหว่างที่อยู่ต่างประเทศ เขายังคงติดตามข่าวของเธอมาตลอด ทำให้เขารู้ว่าเธอยังโสด และยังไม่เคยคบกับใครมาก่อน เพราะฉะนั้นหากเขาจะกลับมาเริ่มต้นจีบอย่างจริงจังก็คงไม่ผิดนัก

   “พี่ธีร์กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่คะ ทำไม...ภัทรไม่เห็นรู้เรื่องเลย ทั้งๆที่เกาะติดเฟสบุ๊คพี่ตลอด” พิมพ์ภัทรเอ่ยตามด้วยน้ำเสียงปนน้อยใจ แววตาไหวระริก เพราะเธอเป็นแฟนคลับแอบติดตามความเคลื่อนไหวเขาอยู่เงียบๆ แต่เธอกลับไม่รู้ว่าเขากลับมาเมืองไทยเมื่อไหร่ เธอชอบเขาเพราะธีร์ภพเป็นคนสุขภาพ เก่ง และขยัน แม้จะมีฐานะปานกลางก็ตาม ซึ่งตอนนี้ก็นับว่ามีงานการมั่นคงทำและไม่ได้น่าเกลียดอะไร หากเทียบกับฐานะทางบ้านของเธอ

   “พอดีตอนนี้พี่ต้องเตรียมการสอนน่ะ เลยไม่ได้บอกใครจ้ะ”      ธีร์ภพยังคงพูดน้ำเสียงนุ่มทุ้มน่าฟังและสุภาพ เขารู้ว่าพิมพ์ภัทรรู้สึกเช่นไร แต่ตอนนี้เขายังคงเห็นเธอเป็นน้องสาวที่น่ารักเสมอ โดยรักษาระยะห่างระหว่างกันเอาไว้บ้าง ที่สำคัญเขาเองก็อยากทำตามหัวใจของตัวเองมากกว่า

   “แล้วน้องเกรซล่ะครับ จะไม่ถามพี่บ้างเหรอ” ชายหนุ่มหนึ่งเดียวในกลุ่มหันมาถามณธิดา เมื่อเห็นว่าหญิงสาวเอาแต่เงียบ หวังว่านี่จะเป็นการเริ่มต้นที่ดีสำหรับเขา หากอยากจะสนิทสนมกับเธออย่างจริงจัง หลังจากที่รอคอยมาหลายปี

   “เอ่อ...” ณธิดาเป็นใบ้กะทันหัน ใครจะไปคิดว่าคนที่หล่อนเคยแอบปลื้มสมัยยังเป็นนักศึกษา วันนี้เขาจะมานั่งข้างๆแล้วถามคำถามที่เธอก็ไม่แน่ใจว่าอยากรู้รึเปล่า หากเป็นเมื่อก่อนเธอคงจะดีใจเป็นที่สุด ที่ได้เจอเขาอีกครั้งหลังจากที่ไม่ได้ข่าวเลย หลังจากเขาได้ทุนไปเรียนต่อ ความรู้สึกเหล่านั้นกลับเลือนรางไปตั้งแต่เมื่อไหร่ อาจจะตั้งแต่ได้เจอกับ.....ภวินท์ พ่อหนุ่มน้อยวัยเบญจเพสก็ได้

   “ตื้ด ตื้ด” ยังไม่ทันที่ณธิดาจะได้ตอบคำถามของธีร์ภพ ก็มีเสียงข้อความเตือนจากโทรศัพท์ขึ้นซะก่อน แต่สิ่งที่ทำให้หัวใจหญิงสาวเต้นระรัว คิ้วเรียวขมวดด้วยความแปลกใจนั้น ไม่ใช่ชื่อผู้ส่งแต่เป็นข้อความที่ส่งมาต่างหาก

   ‘เย็นนี้ผมจะไปรับคุณทานข้าวที่บ้านนะครับ

     พ่อผมยากเจอคุณ     ด้วยรัก........วินท์

 

   “งั้นวันนี้ธีร์ต้องเป็นเจ้ามือเลี้ยงพวกเรานะ ไม่ได้เจอกันตั้งนาน มันต้องสังสรรค์กันหน่อย” รันดาเอ่ยทำลายความเงียบ เมื่อเห็นณธิดาเอาแต่จ้องโทรศัพท์อยู่นาน

   “น้องเกรซ...เอ่อ...กับภัทรล่ะไปด้วยกันนะ” เขาหันมาหาณธิดาก่อน แต่เมื่อเห็นเจ้าตัวเอาแต่ก้มดูโทรศัพท์ เลยหันไปถามพิมพ์แทนด้วยกลัวอีกคนจะพาลน้อยใจ

   “ภัทรไปอยู่แล้วค่ะ ว่าแต่เกรซมีนัดกับใครรึเปล่า” พิมพ์ภัทรเป็นเพื่อนที่รู้ใจณธิดาเสมอ เมื่อเห็นสีหน้าลำใจที่จะปฏิเสธฉายชัดขึ้น เมื่อเพื่อนรักเงยหน้าขึ้นมา

   “เอ่อ ขอโทษนะคะพี่ธีร์ คือ...เกรซมีนัดกะทันหันค่ะ” เธอตัดสินใจในเสี้ยววินาที ความจริงก็อยากอยู่พูดคุยกับเพื่อนและรุ่นพี่มากกว่า แต่พ่อของภวินท์เป็นผู้ใหญ่เลยไม่อยากเสียมารยาท แม้จะไม่ได้โทรมาเชิญด้วยตัวเองก็ตาม

   “ไม่เป็นไรครับ ไว้พี่จะแวะมาชิมขนมที่ร้านบ่อยๆนะ” แม้จะผิดหวังแต่ชายหนุ่มยังคงพูดด้วยเสียงสุภาพอ่อนโยน รวมถึงสายตาสื่อความนัยว่าเขาหมายความอย่างนั้นจริง ส่วนคนสังเกตการณ์อย่างรันดาและพิมพ์ภัทรสบตากันอย่างรู้ทัน ‘สงสัยงานนี้บอสจะมีคู่แข่งเสียแล้ว’

 ปล. ติดตามพูดคุยกันได้ที่ Dashathone

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
6 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา