LIGHT AND DARKNESS.แสงสว่างและความมืด
8.3
เขียนโดย หญิงสาวผู้หลงรักเทพนิยาย
วันที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2558 เวลา 15.41 น.
2 chapter
4 วิจารณ์
4,992 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2558 18.12 น. โดย เจ้าของนิยาย
1) :เด็กสาวผู้อ่อนแอ
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความCHAPTER 1:เด็กสาวผู้อ่อนแอ
.
.
.
"555+ สมน้ำหน้า ยัยมืดมนเอ๊ย"
"นั้นสิ สะใจจริงๆ แฮะ ยัยโง่เอ๊ยแกคิดว่าฉันจะยอมเป็นเพื่อนกับแกเหรอ โง่จริงๆ"
เสียงเล็กแหลมของผู้หญิงสองคนดังขึ้นท้ามกลางความเงียบสงบภายในห้องเรียนยามเย็นโดยไร้ซึ่งผู้คนหลงเหลืออยู่เลยแม้นสักคน...
"น...ไหนบอกว่าจะเป็น พ...เพื่อนกัน" เสียงแหบแห้งเอยขึ้นจากเด็กสาวผู้มีนามว่า'ฟุยุ'ที่นอนกองอยู่บนพื้นของห้องเรียนสีขาวดังขึ้น ร่างกายของเธอในตอนนี้ไม่สามารถขยับหรือเอ่ยวาจาใดๆ ได้เลยสักนิด มันมีเพียงแค่รอยแผลและรอยช้ำแดงๆ เป็นจ้ำๆ ทั่วร่างกายขาวอันบอบบางเต็มไปหมด หยดน้ำเนตรก้อนใหญ่ของเธอหยดลงสู่พื้นอย่างหน้าสงสาร หากผู้หญิงพวกนั้นเรารู้ถึงความเจ็บปวดที่ฟุยุได้รับไม่ กลับกันพวกเธอกลับดีใจเป็นอย่างมากด้วยซ้ำ
"นี่แกแกล้งโง่หรือโง่จริงเนี้ย 555+ใครมันจะโง่ไปเป็นเพื่อนกับเธอละย่ะ!" หญิงสาวคนหนึ่งตะคอกเสียงดังใกล้ๆ หูของฟุยุพลันยกยิ้มเย็น...สายตาของผู้หญิงคนนั้นมองมาที่ ฟุยุด้วยท่าทีที่สมเพช นั้นทำให้ฟุยุเบิกตาโพรงด้วยความตกใจและหวาดกลัวในเวลาเดียวกัน นี่อย่าบอกนะว่าเธอถูกหลอกอีกแล้ว...
"เอาละๆ ทำให้เสร็จไปเลยดีกว่าเพราะวันนี้ฉันไม่ค่อยว่าง"
สิ้นเสียงของหญิงสาวผู้ใจร้าย หล่อนก็เริ่มที่จะกลั่นแกล้งฟุยุให้สาสมใจหล่อน ทั้งเตะ ทั้งจิกศีรษะ ทั้งข่วน และอีกหลายๆ อย่าง...ทำไมคนพวกนี้ถึงได้น่ากลัวซะขนาดนี้นะทั้งๆ ที่ฉันก็ไม่ได้คิดจะทำร้ายหรือหักหลัง...แต่ทำไมพวกเธอถึงทำแบบนี้กับฉัน เราเป็นเพื่อนกันไม่ใช่เหรอ?...นี่อย่าบอกนะว่าฉันทำตัวโง่อีกแล้ว นั้นสินะฉันมันโง่จริงๆ ฟุยุนึกในใจพร้อมกับยกยิ้มทั้งน้ำตาในขณะที่พวกผู้หญิงที่หักหลังเธอกำลังทำร้ายเธออยู่...
"โอเค เสร็จแล้วไปเถอะพวกเรา"
"ได้ๆ วันนี้เราไปคาราโอเกะกันนะ"
"อืม"
พอบทสนทนาของพวกผู้หญิงคนนั้นหยุดลงพวกหล่อนก็ได้หายไปภายในพริบตาเดียว โดยเหลือไว้เพียงกลิ่นไอของเลือดที่ท้วมตัวของฟุยุและพื้นสีขาวไว้เท่านั้น...ฟุยุพยายามที่จะพยุงตัวขึ้น หากแต่ก็ไร้ประโยชน์สิ้นดีในตอนนี้ร่างกายของเธอมิอาจทำอะไรได้เลย แม้นจะขยับ หนังตาหนักอึ่งจนอยากจะหลับตาลงซะตอนนี้เดี๋ยวนี้ แต่สิ่งที่เธอควรทำในตอนนี้คือทำความสะอาดห้อง ลืมความทรงจำอันแสนจะทรมานนี้ และเดินทางกลับบ้านไม่ใช่หรือ?...เรือนร่างบางพยายามดันตัวให้ลุกขึ้นอีกครั้งในสภาพที่น่าอนาถ ชุดเครื่องแบบนักเรียนที่ตอนแรกเรียบร้อยไร้ซึ่งสิ่งสกปรก หากบัดนี้มันกลับขาดวินและมีรอยเลือดเปอะไปหมด ใช่นี้มันก็ไม่ได้ต่างจากสภาพของขอทานแล้วแม้นสักนิด
มือเรียวเล็กสีขาวซืดแลดูไร้โลหิตหยิบไม้ถูพื้นขึ้นมาหวังเพื่อจะทำความสะอาดห้อง โดยที่ไม่ให้ใครรู้ว่า พวกผู้หญิงพวกนั้นทำอะไรกับฟุยุเอาไว้บ้าง ทุกอย่างนั้นล้วนทำเพื่อปกป้องไม่ให้พวกนั้นโดนคุณครูไล่ออกจากโรงเรียน นั้นทำไปเพราะว่าฟุยุยังเห็นพวกเธอยังเป็นเพื่อนอยู่น่ะสิ ฮะฮะฮะ ฉันเนี้ยโง่จังเลยนะ โง่บรมโง่เลยละ คงคิดกันอย่างนี้สินะ
ไม่นานนักห้องทั้งห้องก็ทำความสะอาดเสร็จ ในตอนนี้ฟุยุแทบจะไม่มีแรงเดินไปไหนเลยสักนิด ในตอนนี้เธออยากจะพักผ่อนเสียมากกว่า อ่า...แต่ไม่ได้นะฉันจะนอนที่นี้ไม่ได้ ห้ามนอนนะฟุยุถ้าเธอนอนเมื่อไหร่พวกนั้นอาจจะไม่อยากจะมาเป็นเพื่อนกับเธออีกแล้วนะฟุยุ ฟุยุพร่ำบอกกับอจะต้องปกป้องคนพวกนั้นให้ได้ไม่ว่าจะแลกมาด้วยชีวิต เพราะทั้งชีวิตนี้นั้นเธอคงได้แต่อยู่ตัวคนเดียวมิมีใครยืนเคียงข้าง ผู้คนซึ่งเป็นที่รักของฉันก็ถูกพรากจากกันไปหมด เหลือเพียงแค่ฉันคนเดียวเท่านั้นที่ยังอยู่บนโลกแห่งนี้...
ฟุยุพาตนเองให้เดินออกจากห้องเรียนนี้หวังเพื่องจะกลับบ้าน...แต่เมื่อเธอจะไปเปิดล๊อกเกอร์ที่เก็บพวกรองเท้าเอาไว้ก็ต้องตกตะลึงกับสิ่งที่เขียนในล๊อกเกอร์และกระดาษที่สาปแช่งฉันมันมีมากมายจนล้นตู้ ฉันค่อยๆ คลี่ออกมาทีละใบและก็ใช่อย่างที่ฉันคิดมันมีแต่กระดาษที่ต่อว่าและสาปแช่งฉัน ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย...
ไม่ใช่มีแค่จดหมายหากมันลามไปจนถึงตู้ล๊อกเกอร์ที่เต็มไปด้วยปากกาเมจิสีสันต่างๆ ที่เขียนลงในตู้ล๊อกเกอร์ของฉัน บางก็ว่าฉันบ้า ฉันโรคจิตแต่ความจริงนั้นมันไม่ใช้เลย ทำไมถึงเกลียดกันขนาดนี้กันนะทำไม ทำไม
จู่ๆ น้ำใส่ๆ ก็ไหลลงสู่พื้นดิน....
น...นี่ ฉันเป็นบ้าอะไรเนี้ย ทำไมต้องร้องไห้ด้วยเรื่องแค่นี้เองไม่เห็นจะโหดร้ายมากมายอะไรสักหน่อย คุณแม่และคุณพ่อก็บอกเอาไว้ว่าให้อดทน และเข้มแข็งเอาไว้ อย่าที่จะทำตัวอ่อนแอให้คนอื่นเห็นอย่างเด็ดขาด
ฉันค่อยๆ นำกระดาษพวกนั้นไปทิ้งด้วยเรี่ยวแรงที่ไร้ซึ่งกำลัง ก่อนที่จะพิศมองหารองเท้า...แต่ทว่า
"เฮ้อ อีกแล้วเหรอ" ฉันพึมพัมเสียงเบา จากนั้นก็เดินไปตรงถังขยะใกล้ๆ นี้ และหยิบรองเท้าผละออกมาจากทั้งขยะ ใช่เหตุการณ์นี้น่ะมันเกิดขึ้นในทุกๆ วันที่ฉันจะมาเอารองเท้ากลับบ้าน ฉันเลยเคยชินกับเรื่องพวกนี้ไปแล้วละนะ ช่างมันเถอะรีบกลับบ้านดีกว่า ฉันนึกคิดก่อนที่จะเดินทางกลับบ้าน
.
.
.
"กลับมาแล้วค่ะ คุณพ่อคุณแม่" ฉันพร่ำบอกกับบุคคลอันเป็นที่รักผู้ซึ้งไม่มีตัวตนอยู่ในโลกใบนี้อีกแล้ว ก่อนที่ฉันรีบตรงไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อและรับประทานอาหาร...
"กินละนะค่ะ" ฉันพูดก่อนจะเริ่มลงมือทานอาหารที่ซื้อเอาไว้ก่อนกลับบ้าน ความเจ็บปวดทางร่างกายและจิตใจยังคงแสดงออกมาไม่หยุดหย่อนยิ่งคิดก็ยิ่งเจ็บเป็นทวีคูณ...
ไม่นานนักฟุยุก็รับประทานอาหารเสร็จ ฟุยุรีบเดินขึ้นไปห้องนอนของตนที่อยู่ชั้นบนของบ้านหลังนี้ ก่อนที่เธอจะบอกราตรีสวัส...
และแล้วโลกแห่งความฝันก็ได้เริ่มต้นขึ้น
TBC.
สวัสดีค่ะ ไรต์มีนามว่า 'หญิงสาวผู้หลงรักเทพนิยาย' น่อ
เป็นมือใหม่ค่ะบอกเลย พึ่งแต่งเรื่องแรกด้วย อาจแต่งไม่ดีนัก แต่จะพยายามปรับปรุงค่ะ
คงจะต้องให้ดูแลกันอีกยาว แฮะ แฮะ "^^ ไว้เจอกันเเชบหน้านะค่ะ ล่าก่อนค่ะ
อย่าลืมเม้นเป็นกำลังใจนะ ถ้าเม้นแล้วจะมาอัพตอนใหม่ให้เลยค่ะ หุหุหุ
.
.
.
"555+ สมน้ำหน้า ยัยมืดมนเอ๊ย"
"นั้นสิ สะใจจริงๆ แฮะ ยัยโง่เอ๊ยแกคิดว่าฉันจะยอมเป็นเพื่อนกับแกเหรอ โง่จริงๆ"
เสียงเล็กแหลมของผู้หญิงสองคนดังขึ้นท้ามกลางความเงียบสงบภายในห้องเรียนยามเย็นโดยไร้ซึ่งผู้คนหลงเหลืออยู่เลยแม้นสักคน...
"น...ไหนบอกว่าจะเป็น พ...เพื่อนกัน" เสียงแหบแห้งเอยขึ้นจากเด็กสาวผู้มีนามว่า'ฟุยุ'ที่นอนกองอยู่บนพื้นของห้องเรียนสีขาวดังขึ้น ร่างกายของเธอในตอนนี้ไม่สามารถขยับหรือเอ่ยวาจาใดๆ ได้เลยสักนิด มันมีเพียงแค่รอยแผลและรอยช้ำแดงๆ เป็นจ้ำๆ ทั่วร่างกายขาวอันบอบบางเต็มไปหมด หยดน้ำเนตรก้อนใหญ่ของเธอหยดลงสู่พื้นอย่างหน้าสงสาร หากผู้หญิงพวกนั้นเรารู้ถึงความเจ็บปวดที่ฟุยุได้รับไม่ กลับกันพวกเธอกลับดีใจเป็นอย่างมากด้วยซ้ำ
"นี่แกแกล้งโง่หรือโง่จริงเนี้ย 555+ใครมันจะโง่ไปเป็นเพื่อนกับเธอละย่ะ!" หญิงสาวคนหนึ่งตะคอกเสียงดังใกล้ๆ หูของฟุยุพลันยกยิ้มเย็น...สายตาของผู้หญิงคนนั้นมองมาที่ ฟุยุด้วยท่าทีที่สมเพช นั้นทำให้ฟุยุเบิกตาโพรงด้วยความตกใจและหวาดกลัวในเวลาเดียวกัน นี่อย่าบอกนะว่าเธอถูกหลอกอีกแล้ว...
"เอาละๆ ทำให้เสร็จไปเลยดีกว่าเพราะวันนี้ฉันไม่ค่อยว่าง"
สิ้นเสียงของหญิงสาวผู้ใจร้าย หล่อนก็เริ่มที่จะกลั่นแกล้งฟุยุให้สาสมใจหล่อน ทั้งเตะ ทั้งจิกศีรษะ ทั้งข่วน และอีกหลายๆ อย่าง...ทำไมคนพวกนี้ถึงได้น่ากลัวซะขนาดนี้นะทั้งๆ ที่ฉันก็ไม่ได้คิดจะทำร้ายหรือหักหลัง...แต่ทำไมพวกเธอถึงทำแบบนี้กับฉัน เราเป็นเพื่อนกันไม่ใช่เหรอ?...นี่อย่าบอกนะว่าฉันทำตัวโง่อีกแล้ว นั้นสินะฉันมันโง่จริงๆ ฟุยุนึกในใจพร้อมกับยกยิ้มทั้งน้ำตาในขณะที่พวกผู้หญิงที่หักหลังเธอกำลังทำร้ายเธออยู่...
"โอเค เสร็จแล้วไปเถอะพวกเรา"
"ได้ๆ วันนี้เราไปคาราโอเกะกันนะ"
"อืม"
พอบทสนทนาของพวกผู้หญิงคนนั้นหยุดลงพวกหล่อนก็ได้หายไปภายในพริบตาเดียว โดยเหลือไว้เพียงกลิ่นไอของเลือดที่ท้วมตัวของฟุยุและพื้นสีขาวไว้เท่านั้น...ฟุยุพยายามที่จะพยุงตัวขึ้น หากแต่ก็ไร้ประโยชน์สิ้นดีในตอนนี้ร่างกายของเธอมิอาจทำอะไรได้เลย แม้นจะขยับ หนังตาหนักอึ่งจนอยากจะหลับตาลงซะตอนนี้เดี๋ยวนี้ แต่สิ่งที่เธอควรทำในตอนนี้คือทำความสะอาดห้อง ลืมความทรงจำอันแสนจะทรมานนี้ และเดินทางกลับบ้านไม่ใช่หรือ?...เรือนร่างบางพยายามดันตัวให้ลุกขึ้นอีกครั้งในสภาพที่น่าอนาถ ชุดเครื่องแบบนักเรียนที่ตอนแรกเรียบร้อยไร้ซึ่งสิ่งสกปรก หากบัดนี้มันกลับขาดวินและมีรอยเลือดเปอะไปหมด ใช่นี้มันก็ไม่ได้ต่างจากสภาพของขอทานแล้วแม้นสักนิด
มือเรียวเล็กสีขาวซืดแลดูไร้โลหิตหยิบไม้ถูพื้นขึ้นมาหวังเพื่อจะทำความสะอาดห้อง โดยที่ไม่ให้ใครรู้ว่า พวกผู้หญิงพวกนั้นทำอะไรกับฟุยุเอาไว้บ้าง ทุกอย่างนั้นล้วนทำเพื่อปกป้องไม่ให้พวกนั้นโดนคุณครูไล่ออกจากโรงเรียน นั้นทำไปเพราะว่าฟุยุยังเห็นพวกเธอยังเป็นเพื่อนอยู่น่ะสิ ฮะฮะฮะ ฉันเนี้ยโง่จังเลยนะ โง่บรมโง่เลยละ คงคิดกันอย่างนี้สินะ
ไม่นานนักห้องทั้งห้องก็ทำความสะอาดเสร็จ ในตอนนี้ฟุยุแทบจะไม่มีแรงเดินไปไหนเลยสักนิด ในตอนนี้เธออยากจะพักผ่อนเสียมากกว่า อ่า...แต่ไม่ได้นะฉันจะนอนที่นี้ไม่ได้ ห้ามนอนนะฟุยุถ้าเธอนอนเมื่อไหร่พวกนั้นอาจจะไม่อยากจะมาเป็นเพื่อนกับเธออีกแล้วนะฟุยุ ฟุยุพร่ำบอกกับอจะต้องปกป้องคนพวกนั้นให้ได้ไม่ว่าจะแลกมาด้วยชีวิต เพราะทั้งชีวิตนี้นั้นเธอคงได้แต่อยู่ตัวคนเดียวมิมีใครยืนเคียงข้าง ผู้คนซึ่งเป็นที่รักของฉันก็ถูกพรากจากกันไปหมด เหลือเพียงแค่ฉันคนเดียวเท่านั้นที่ยังอยู่บนโลกแห่งนี้...
ฟุยุพาตนเองให้เดินออกจากห้องเรียนนี้หวังเพื่องจะกลับบ้าน...แต่เมื่อเธอจะไปเปิดล๊อกเกอร์ที่เก็บพวกรองเท้าเอาไว้ก็ต้องตกตะลึงกับสิ่งที่เขียนในล๊อกเกอร์และกระดาษที่สาปแช่งฉันมันมีมากมายจนล้นตู้ ฉันค่อยๆ คลี่ออกมาทีละใบและก็ใช่อย่างที่ฉันคิดมันมีแต่กระดาษที่ต่อว่าและสาปแช่งฉัน ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย...
ไม่ใช่มีแค่จดหมายหากมันลามไปจนถึงตู้ล๊อกเกอร์ที่เต็มไปด้วยปากกาเมจิสีสันต่างๆ ที่เขียนลงในตู้ล๊อกเกอร์ของฉัน บางก็ว่าฉันบ้า ฉันโรคจิตแต่ความจริงนั้นมันไม่ใช้เลย ทำไมถึงเกลียดกันขนาดนี้กันนะทำไม ทำไม
จู่ๆ น้ำใส่ๆ ก็ไหลลงสู่พื้นดิน....
น...นี่ ฉันเป็นบ้าอะไรเนี้ย ทำไมต้องร้องไห้ด้วยเรื่องแค่นี้เองไม่เห็นจะโหดร้ายมากมายอะไรสักหน่อย คุณแม่และคุณพ่อก็บอกเอาไว้ว่าให้อดทน และเข้มแข็งเอาไว้ อย่าที่จะทำตัวอ่อนแอให้คนอื่นเห็นอย่างเด็ดขาด
ฉันค่อยๆ นำกระดาษพวกนั้นไปทิ้งด้วยเรี่ยวแรงที่ไร้ซึ่งกำลัง ก่อนที่จะพิศมองหารองเท้า...แต่ทว่า
"เฮ้อ อีกแล้วเหรอ" ฉันพึมพัมเสียงเบา จากนั้นก็เดินไปตรงถังขยะใกล้ๆ นี้ และหยิบรองเท้าผละออกมาจากทั้งขยะ ใช่เหตุการณ์นี้น่ะมันเกิดขึ้นในทุกๆ วันที่ฉันจะมาเอารองเท้ากลับบ้าน ฉันเลยเคยชินกับเรื่องพวกนี้ไปแล้วละนะ ช่างมันเถอะรีบกลับบ้านดีกว่า ฉันนึกคิดก่อนที่จะเดินทางกลับบ้าน
.
.
.
"กลับมาแล้วค่ะ คุณพ่อคุณแม่" ฉันพร่ำบอกกับบุคคลอันเป็นที่รักผู้ซึ้งไม่มีตัวตนอยู่ในโลกใบนี้อีกแล้ว ก่อนที่ฉันรีบตรงไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อและรับประทานอาหาร...
"กินละนะค่ะ" ฉันพูดก่อนจะเริ่มลงมือทานอาหารที่ซื้อเอาไว้ก่อนกลับบ้าน ความเจ็บปวดทางร่างกายและจิตใจยังคงแสดงออกมาไม่หยุดหย่อนยิ่งคิดก็ยิ่งเจ็บเป็นทวีคูณ...
ไม่นานนักฟุยุก็รับประทานอาหารเสร็จ ฟุยุรีบเดินขึ้นไปห้องนอนของตนที่อยู่ชั้นบนของบ้านหลังนี้ ก่อนที่เธอจะบอกราตรีสวัส...
และแล้วโลกแห่งความฝันก็ได้เริ่มต้นขึ้น
TBC.
สวัสดีค่ะ ไรต์มีนามว่า 'หญิงสาวผู้หลงรักเทพนิยาย' น่อ
เป็นมือใหม่ค่ะบอกเลย พึ่งแต่งเรื่องแรกด้วย อาจแต่งไม่ดีนัก แต่จะพยายามปรับปรุงค่ะ
คงจะต้องให้ดูแลกันอีกยาว แฮะ แฮะ "^^ ไว้เจอกันเเชบหน้านะค่ะ ล่าก่อนค่ะ
อย่าลืมเม้นเป็นกำลังใจนะ ถ้าเม้นแล้วจะมาอัพตอนใหม่ให้เลยค่ะ หุหุหุ
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ