กาลกิริยา ผู้เสพดวงวิญาณ
1) กฎข้อที่ 1 ห้ามเก็บดวงวิญญาณคนตายที่ยังไม่สิ้นอายุ
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความหลังจากที่เมื่อวาน ผมถูกลาสลากไปเดทคู่กับเพื่อนของแฟนสาวของตัวเองอย่างพิมพ์แล้ว ผมก็ต้องออกจากร่างไปเก็บดวงวิญญาณที่หมดอายุไขต่อ เชื่อเถอะว่าเมื่อคืนนี้ผมแทบไม่ได้นอนเลยด้วยซ้ำ แถมเช้ามาผมก็ต้องตื่นแต่เช้าเพื่อไปเรียนหนังสือที่มหาวิทยาลัยในภาคเช้าอีกต่างหาก เพราะเหตุนี้เอง สภาพของผมถึงได้ดูเหมือนซากศพเดินได้แบบนี้
“อะไรกันเนี่ยไนท์ ทำไมสภาพนายถึงได้เหมือนซอมบี้แบบนี้ละ” ลาสเอ่ยถามหลังจากที่ออกมาจากห้องน้ำ ยังจะมาถามอีก เพราะนายนั้นแหล่ะฉันถึงได้ไม่มีเวลานอนแบบนี้
“นอนไม่เพียงพอน่ะ ช่างมันเถอะ”ผมพูดแค้นั้นก่อนจะลุกจากเตียงของตัวเองไปที่ห้องน้ำอย่างโซซัดโซเซ
“อ้าวๆ จะไหวไหมนั้น” ลาสเดินตามหลังผมอย่างเป็นห่วง
“ไม่เป็นไร ฉันสบายดี” ผมพูดก่อนจะเข้าไปทำธุระในห้องน้ำ
หลังจากที่ชำระล้างร่างกายของตัวเองเรียบร้อยแล้ว ผมก็ลากสังขารของตัวเองไปเรียนโดยมีลาสเป็นคนคอยช่วยเหลืออยู่ห่างๆ
“ฉันว่านายน่าจะนอนพักนะ ดูแล้วไม่น่าจะรอด” ลาสพูดพร้อมกับส่ายหัวไปมาอย่างเอือมระอา
“ฉันไม่เป็นไรน่า เรื่องแค่นี้เอง ทำอย่างกะฉันไม่เคยเป็น” ผมพูด ใช่แล้วละครับ ผมน่ะเจอปัญหาเรื่องนอนพักผ่อนไม่เพียงพอมาตั้งแต่ผมได้รับหน้าที่ให้เป็นกาลกิริยามาจนถึงทุกวันนี้ บางทีผมก็เคยคิดนะว่า ทำไมกาลกิริยาถึงไม่มีพลังเวทย์มนต์อย่างอื่นบ้างนะ อย่างเช่นพวกพลังฟื้นกำลังอะไรแบบนี้ อย่างน้อยๆก็น่าจะช่วยแก้ปัญหาในเรื่องการนอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอแบบที่ผมกำลังเป็นอยู่ได้บ้าง
“เฮอ ตามใจแล้วกัน แต่ถ้าไม่ไหวจริงๆก็บอกฉันแล้วกันนะ” ลาสพูดพร้อมกับตบไหล่ผมเบาๆ
“อืม ขอบใจว่ะเพื่อน” ผมกล่าวขอบคุณจากใจจริง ลาสเป็นเพื่อนที่ดีจริงๆ ถึงแม้บางครั้งจะเอาแต่ใจตัวเองไปหน่อย (อย่างเช่นเรื่องเดทคู่--) แต่ลาสก็เป็นเพื่อนคนเดียวที่ผมไว้ใจและพอจะพึ่งพาได้ในยายลำบาก
“เฮ้ย! ไม่เป็นไร แค่นายไปเดทคู่กับพวกฉันเป็นประจำก็ โอเคแล้ว ฮ่าๆๆๆ” เอิ่ม............ ผมว่าผมขอถอนคำพูดดีกว่า ไอ้หมอนี้มันไม่ใช่เพื่อนที่ดีหรอก มันร้ายกาจมาก-__-;
“กรี๊ด!!!!”
ระหว่างที่พวกผมกำลังจะเดินเข้าไปที่อาคารคณะ ก็มีเสียงกรี๊ดของผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้น ผมกับลาสรีบวิ่งเข้าไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น และสิ่งที่พวกผมเห็นก็คือ.....เลือด!!!
เลือดที่ไหลออกมาจากร่างของหญิงสาวคนหนึ่งที่นอนราบไปกับพื้น ผมรีบวิ่งเข้าไปก่อนจะเอามือแอบที่ลำคอของเธอคนนั้น และได้พบว่า.....
“เธอตายแล้ว” ผมกล่าวและหันไปทางลาสที่กำลังมองผมด้วยสายตาที่หวาดกลัว “ลาส นายไปตามอาจาย์กับ ร.ป.พ มาที่นี่เดี๋ยวนี้”
“ดะ ได้” ลาสรับคำก่อนจะวิ่งออกไปจากที่เกิดเหตุ ผมหันมาสนใจผู้หญิงตรงหน้า ก่อนจะเริ่มหาสาเหตุการตายของเธอ และพบว่าเธอมีแผลที่ถูกแทงด้วยของบางอย่าง ที่มีลักษณะเป็นแฉกห้าแฉก คล้ายๆกับซ้อมแต่มีขนาดใหญ่กว่านั้น
“นี่มันอะไรกันเนี่ย รอยแผลแบบนี้มัน....”
“เล็บน่ะ” เสียงหนึ่งดังขึ้นทางด้านหลังของผม ก่อนจะปรากฏร่างๆหนึ่งที่กำลังก้าวออกมาจากจุดที่ไม่มีแสง
“อีพี” ผมเรียกชื่อของเธอ เธอคือเพื่อนสาวของพิมพ์ แฟนสาวของลาส และพวกเราพึ่งจะได้รู้จักเธอเมื่อวานนี้เอง
“นี่ฝีมือเธอเหรอ” ผมถามอย่างใคร่รู้ แต่เธอกลับไม่ตอบคำถามของผม กลับฉีกยิ้มที่มุมปากบางๆก่อนจะกล่าวว่า
“ใครจะรู้ว่าผู้หญิงคนนี้ตายด้วยฝีมือของใคร” เธอกล่าวก่อนจะเดินมาหยุดยืนอยู่ข้างผมแล้วกล่าวต่อว่า “บางที อาจจะเป็นนายก็ได้ที่ฆ่าเธอ”
“ฉันเนี่ยนะ” ผมกล่าวถาม
“ใช่ คนของพวกนาย ‘กาลกิริยา’”
ผมเบิกตากว้างด้วยความตกใจ เธอรู้ได้ยังไงว่าผมเป็นกาลกิริยา เรื่องนี้ผมไม่เคยบอกใครแท้แต่ลาสเพื่อนสนิทของผมเอง หรือว่า....เธอเองก็เป็นกาลกิริยาเหมือนกัน
“ทำไมเธอถึงได้....”
“รู้งั้นเหรอ” เธอพูดออกมาก่อนที่ผมจะกล่าวจบ “ก็เพราะว่าฉันเป็นยมทูต คู่หูของนายไง” เธอกล่าวก่อนจะยิ้มที่มุมปากตามสไตล์ของเธอ
“ยมทูต?”
“ใช่ อย่าบอกนะว่านายไม่รู้ ว่ายมทูตกับกาลกิริยาจะต้องทำงานร่วมกัน นายเป็นคนเก็บดวงวิญญาณ ฉันคือคนนำทางดวงวิญญาณที่นายเก็บได้ไปในที่ที่ควรไป” เธอหันมาถามผม ซึ่งผมก็ทำอะไรไม่ได้มากนอกจากส่ายหัวไปมาเพื่อบ่งบอกว่า ผมไม่รู้เรื่องนี้เลย
“เฮอะ! ให้ตายเถอะ เสียงในความมืดนั้นไม่ได้บอกอะไรนายเลยหรือไง” เธอถามผมอีกครั้ง ซึ่งผมเองก็ทำได้เพียงเช่นเดิม คือการส่ายหัวปฏิเสธว่าเสียงนั้นไม่ได้บอกเรื่องแบบนี้กับผมเลยจริงๆ
“เฮอ ช่างมันเถอะ เอาเป็นว่านายกับฉันจะต้องทำงานร่วมกันหลังจากนี้ไป เข้าใจตรงกันนะ” เธอกล่าว
“อ่า เข้าใจก็ได้” ถึงแม้จะยังงงๆอยู่ก็ตามเถอะ
“แล้วนี้ นายไม่เก็บดวงวิญญาณของเธอคนนี้เหรอ” เธอกล่าวถาม
นั้นสิ! ผมจะต้องเก็บดวงวิญญาณของเธอนี้นา เมื่อคิดได้แล้วผมก็ยื่นมือที่มีนาฬิกาขึ้นมาแตะที่ตัวของหญิงสาวคนนั้นก่อนจะกล่าวคำบางอย่าง
‘ขอดวงวิญญาณท่าน จงอยู่กับเรา’
แต่แทนที่วิญญาณของผู้หญิงคนนี้จะลอยเข้ามาอยู่ในตัวของผม มันกลับไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยและมันทำให้ผมได้รู้ว่า ผู้หญิงคนนี้ยังไม่หมดอายุไขบนโลกมนุษย์และวิญญาณของเธอก็.....หายไป
“ทำไม เกิดอะไรขึ้น” อีพีถามผมเมื่อเห็นว่าผมไม่พูดอะไรอยู่นาน
“วิญญาณของเธอหายไป” ผมกล่าว
“นายหมายความว่ายังไง หายไป” เธอถามกลับ
“ก็หมายความว่า......มีคนเอาวิญญาณของเธอไปนะสิ”
“ฝีมือของกาลกิริยาคนอื่นหรือเปล่า” เธอถามต่อ
“ฉันไม่รู้”ผมตอบ ก่อนจะลุกขึ้นยืนและหันไปมองหน้าอีพีอย่างจริงจัง “แต่ฉันว่า เรื่องนี้มันมีอะไรไม่ชอบมาพากลอยู่” และเรื่องไม่ชอบมาพากลนี้ มันก็คือ จุดเริ่มต้นของเรื่องราวทั้งหมด................
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ