ทัณฑ์สวาทจอมเถื่อน

-

เขียนโดย ศิริพารา

วันที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2558 เวลา 12.17 น.

  10 ตอน
  0 วิจารณ์
  13.24K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2558 12.19 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

4) ทัณฑ์สวาทจอมเถื่อน ตอนที่ 4 100%

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

มนตร์ลดาถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก เมื่อการเซ็นสัญญาเช่าร้านกับชายท่าทางอันธพาลที่ชื่อว่าคาฟูจบลงได้ ยังดีที่ฟาเบียโน่เตือนเอาไว้ก่อนหน้านี้แล้วว่าพวกมันต้องให้เซ็นสัญญาเปล่า แต่มนตร์ลดาไม่ยอมคาฟูพยายามเกลี้ยกล่อมบอกว่ามันเป็นสัญญาเช่าทั่วไป เมื่อมีปัญหาไม่จ่ายค่าเช่าเกิดขึ้นเท่านั้นจึงจะกรอกรายละเอียดลง ทั้งยังยกเอาเรื่องความสัมพันธ์ที่รู้จักมักคุ้นกับเปาโลพ่อเลี้ยงของเธอมาช้านาน แต่ทั้งสายตาจาบจ้วงลวนลามที่มองมานั้นทำให้หญิงสาวต้องยกเอาชื่อของฟาเบียโน่มาอ้างทันที

                พอพวกมันได้ยินชื่อแล้วถึงกับหน้าถอดสีแต่ยังปากดีหาว่าคนอย่างเธอไม่มีทางที่จะไปรู้จักมักคุ้นกับอภิมหาเศรษฐีอย่างคนในตระกูลโอลีเวย์ร่าได้ สุดท้ายหญิงสาวต้องควักเอานามบัตรใบจิ๋วที่ฟาเบียโน่ให้ไว้ออกมาโชว์ให้พวกมันดู พวกมันถึงได้ยอมลงรายละเอียด มนตร์ลดาจึงได้ยอมเซ็นเอกสารแล้วเก็บเอาไว้กับตัวเองฉบับหนึ่ง

                “ฉันคงไม่ต้องขอบอกขอบใจเธอหรอกนะเพราะถือว่าเธอทำเพื่อครอบครัวของเราอยู่แล้ว” เปาโลพูดกับมนตร์ลดาหลังจากที่ออกไปส่งคาฟูและบรรดาสมุนอีกสองคนแล้ว

                “ก็แล้วแต่คุณค่ะ ที่ฉันทำก็ไม่ได้หวังว่าจะได้อะไรตอบแทนแต่ที่ทำเพราะไม่อยากให้แม่ต้องมีเรื่องกินแหงแคลงใจกับคุณ นี่สัญญาเก็บเอาไว้กับคุณก็แล้วกัน” มนตร์ลดายื่นสัญญาที่เพิ่งจรดปากกาลงชื่อไปให้กับพ่อเลี้ยง

                “ฉันจะบอกจันทร์ว่าเธอเต็มใจเองนะ ฉันไม่ได้บังคับ” เปาโลเรียกชื่อเล่นของภรรยาอย่างชัดเจน เมื่อเช้าตรู่เขาตื่นขึ้นมาดักรอลูกเลี้ยงอยู่หน้าร้านแต่ยังไม่ได้เอ่ยปากทวงบุญคุณว่าอย่างไร ลูกเลี้ยงหน้าสวยก็เป็นคนเอ่ยปากออกมาเองว่ายอมเป็นพยานให้ เปาโลยิ้มกริ่มเมื่อได้ทุกอย่างดั่งใจพร้อมนัดแนะเวลาให้มนตร์ลดากลับมาทำสัญญาตอนแปดโมงเช้าเพราะมันเป็นเวลาที่จันทร์แรมต้องออกไปจ่ายตลาดทุกวัน

                “ก็แล้วแต่คุณ” มนตร์ลดาพูดพร้อมกับเดินจากมา หญิงสาวกะว่าจะออกมาเดินรับอากาศในตอนสายของชายหาดที่คลาคล่ำไปด้วยผู้คนไม่ว่าจะเป็นกลางวันหรือกลางคืน เสน่ห์ของชายหาดโคปาคาบานา นั้นให้ความรู้สึกแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง

                กลางวันชายหาดแห่งนี้จะเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวมากหน้าหลายตา ใส่ชุดว่ายน้ำนอนอาบแดดอยู่บนชายหาด บางคนวิ่งออกกำลังกายเพราะชาวบราซิลส่วนมากอยากมีรูปร่างสวยงาม ผู้ชายก็อยากมีรูปร่างแข็งแกร่ง อกกว้างเต็มไปด้วยกล้ามเนื้ออย่างคนสุขภาพดี ผู้หญิงก็อยากมีรูปร่างทรงนาฬิกาทรายคืออกเป็นอก เอวคอดและสะโพกดินระเบิดกันทั้งนั้น คนท้องถิ่นก็เดินเร่ขายของที่ระลึกให้นักท่องเที่ยว สินค้าพื้นเมืองแปลกตาจึงเป็นสิ่งที่หาได้ง่ายจากชายหาดแห่งนี้

                เสียงบีบแตรซ้ำๆหลายๆครั้งที่ดังขึ้นเรียกความสนใจของหญิงสาวให้หันไปมองตามเสียงนั้น รถกระบะกลางเก่ากลางใหม่คันหนึ่งวิ่งเข้ามาจอดหน้าร้าน สายตากลมโตของมนตร์ลดามองเห็นแม่ของตัวเองเปิดประตูก้าวลงมาจากรถคันดังกล่าว พร้อมกับเด็กวัยรุ่นคนหนึ่งซึ่งวิ่งอ้อมจากฝั่งคนขับไปยังกระบะหลังเพื่อขนของมากมายลงมาวางไว้หน้าร้าน

                “อ้าว!... ทำไมหนูถึงได้กลับมาอีกล่ะลูก แม่นึกว่าหนูไปทำงานแล้วซะอีก” จันทร์แรมถามลูกสาวอย่างแปลกใจพลางหิ้วถุงของสด ผักผลไม้มากมายเข้าไปเก็บในร้าน

                “วันนี้เจ้านายใจดีให้หยุดวันนึงค่ะแม่” มนตร์ลดาตอบพลางกระวีกระวาดช่วยขนของเข้ามาเก็บในร้าน

                จันทร์แรมขมวดคิ้ว ใช้มือข้างหนึ่งรั้งต้นแขนบอบอบางของลูกสาวพร้อมจ้องตาถามอย่างคาดคั้น “แล้วใครดูแลภรรยาของเซญอร์ฟาเบียโน่แทนหนู เธอไม่สบายอยู่แล้วเขาจะให้หนูหยุดได้ยังไงกัน หนูมาทำอะไรตรงนี้?”

                “แม่คะ... ทำไมแม่ต้องซักเหมือนหนูกำลังทำอะไรผิดล่ะคะ” มนตร์ลดาลากเสียงยาวเบี่ยงเบนประเด็นไม่ตอบคำถามทั้งยังไม่กล้าสบสายตาอีกด้วย

                “มิ้นต์! มองตาแม่เดี๋ยวนี้ หนูปิดบังอะไรแม่อยู่” จันทร์แรมทำเสียงดุถามลูกสาวที่ยอมช้อนดวงตาขึ้นและส่งยิ้มแหยๆให้ เท่านั้นเองสัญชาตญาณของคนเป็นแม่ที่มองลูกสาวของตัวเองอย่างทะลุปรุโปร่งก็รู้แล้วว่าลูกสาวปิดบังอะไรอยู่ “หนูขัดคำสั่งแม่ใช่ไหม หนูมาเซ็นสัญญาเป็นพยานให้ลุงเปาโลใช่ไหม มนตร์ลดา!!?”

                “คือ... หนู” มนตร์ลดาอ้ำอึ้งไม่กล้าตอบ แต่ก็ต้องรีบเดินตามแม่ของตัวเองที่ก้าวฉับๆเข้าไปในร้านพร้อมส่งเสียงเรียกสามี

                “เปาโล... เปาโลคุณอยู่ไหน? ฉันมีเรื่องจะคุยด้วย!”

                “แม่คะ!... ฟังหนูก่อนหนูเต็มใจทำเอง ลุงเปาโลไม่ได้บังคับหนูหรอกค่ะ” มนตร์ลดารีบพูดไล่หลังแต่มารดาหาไม่ฟัง ทั้งยังแกะมือของเธอที่เกาะแขนออกพร้อมเดินเข้าไปหาสามีอย่างเอาเรื่อง

                “คุณทำอย่างนี้ไม่เห็นฉันอยู่ในสายตาแล้วใช่ไหมเปาโล? ฉันบอกคุณแล้วใช่ไหมว่าฉันไม่อยากให้ลูกสาวของฉันเข้ามาพัวพันกับเรื่องนี้” จันทร์แรมเสียงดังจนเปาโลคาดไม่ถึงว่าภรรยาที่เคยเป็นคนอ่อนหวาน จะขึ้นเสียงกับตนเองได้ถึงเพียงนี้

                “หนูมิ้นต์ทำไมไม่บอกแม่เราไปว่าลุงไม่ได้บังคับ หนูเต็มใจทำเอง” เปาโลหันไปพูดกับมนตร์ลดาด้วยน้ำเสียงไม่พอใจแทน

                “คุณไม่ได้บังคับลูกสาวฉันตรงๆหรอก แต่คนมีหัวคิดที่ไหนก็คิดออกว่าคุณพูดแบบนั้นมันเป็นการกดดัน กดดันให้ต้องช่วยเหลือ ไม่มีลูกสาวคนไหนที่จะอยากเห็นกิจการของครอบครัวต้องเจ๊งไปกับตาหรอก” จันทร์แรมสรุปเอาคำพูดของเปาโลที่ได้พูดเมื่อวานมาย้ำอีกครั้ง

                “ใช่ผมยอมรับว่าใช้คำพูดกดดัน แต่มันไม่เห็นจะแปลกตรงไหน เราครอบครัวเดียวกันก็ต้องช่วยเหลือกัน เราทุกคนมีเงินใช้มีที่อยู่ก็เพราะร้านนี้ พอถึงตอนที่ต้องขยับขยายร้านก็ต้องร่วมแรงร่วมใจช่วยกันสิ คุณพูดแบบนี้มันจะเห็นแก่ตัวไปหน่อยนะ” เปาโลเริ่มขึ้นเสียงกลับบ้าง

                “หึ... จะคิดยังไงก็เรื่องของคุณ คุณรู้ไหมว่าฉันเบื่อกับสภาพที่เป็นอยู่นี้แค่ไหน ฉันเคยบอกคุณไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งว่าฉันไม่อยากเปิดบาร์ คุณไม่รู้จริงๆเหรอว่าทำไมฉันถึงไม่อยากทำมันถึงฉันจะรู้อยู่แก่ใจว่ามันทำเงินให้เรามากกว่าร้านอาหารที่ทำอยู่นี่ คุณเคยมองดูอัลเวสบ้างรึเปล่า? ตอนนี้ลูกใช้ชีวิตเหมือนผู้ชายอายุสามสิบทั้งที่อายุไม่ถึงสิบเจ็ดปีดีด้วยซ้ำ หนังสือไม่เรียน กินเหล้า สูบบุหรี่นอนกับผู้หญิงแต่ละคืนไม่เคยซ้ำหน้า อย่าคิดว่าฉันไม่รู้นะว่าคุณเองก็ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นเรื่องพวกนี้ด้วย!!”

                เปาโลถึงกับพูดไม่ออก ใช่ว่าเขาจะไม่รู้ว่าลูกชายทำอะไรลงไปบ้างแต่มันก็เป็นเรื่องทั่วไปที่ลูกผู้ชายจะต้องพบเจอ เพียงแค่ลูกชายของเขาอาจจะพบเจอประสบการณ์ชีวิตเร็วกว่าคนทั่วไปสักหน่อย “ไม่เห็นต้องซีเรียสกับเรื่องของอัลเวสเลยนี่ ถึงเขาจะเกเร ไม่เรียนหนังสือแต่ก็ทำงานหาเงินมาจุนเจือครอบครัว แล้วเรื่องที่คุณว่ามา มันก็เป็นเรื่องที่ผู้ชายทั่วไปต้องพบเจออยู่แล้ว ขอร้องล่ะที่รัก... ตอนนี้เราอยู่ที่รีโอเดอจาเนโรเมืองแห่งแสงสีและความสนุกสนาน ไม่ใช่เมืองอันเงียบสงบอย่างประเทศของคุณนะ”

                “เอาล่ะ... ต่อไปนี้จะทำอะไรก็ไม่ต้องมาปรึกษาฉัน ฉันก็คงทำได้แค่สวดมนต์ภาวนาไม่ให้ลูกชายคนเดียวโตขึ้นมาเป็นอาชญากร มิ้นต์ก็ทำอย่างที่คุณต้องการไปแล้วจะเปลี่ยนแปลงก็ไม่ได้ แต่หากว่าคุณยังดูถูกฉันแบบเมื่อกี้นี้อีกเราคงอยู่ด้วยกันไม่ได้แล้ว!!”

                เปาโลตกใจกับท่าทางและน้ำเสียงเย็นชาของคู่ชีวิตที่อยู่ด้วยกันมาถึงสิบแปดปี ถึงแม้ว่าพักหลังมานี้ความคิดเห็นของตนและภรรยาจะไม่ลงรอยกันสักเท่าไหร่ แต่ความรักที่มีให้เธอจากวันแรกที่ได้พบกันจนกระทั่งถึงวันนี้ไม่เคยเปลี่ยนไปเลย

                “ที่รักๆ คุณเข้าใจอะไรผิดรึเปล่า ผมไม่เคยคิดดูถูกคุณเลยนะ!” เปาโลเดินไปขวางร่างของภรรยาที่ทำท่าว่าจะเดินจากตนเองไป

                “คุณพูดเปรียบเทียบประเทศของฉันกับประเทศของคุณ เฮอะ!... ประเทศไหนๆก็มีทั้งพื้นที่ที่เจริญและก็เงียบสงบด้วยกันทั้งนั้น ถ้าคุณไม่พอใจที่จะให้อัลเวสเติบโตขึ้นในแบบที่ฉันอยากให้เขาเป็น มันก็คงไม่มีประโยชน์ที่เราจะอยู่ด้วยกันอีก แล้วตอนนี้ฉันก็ยังไม่อยากเห็นหน้าคุณยังไม่พร้อมที่จะคุยกับคุณ” พูดจบก็คว้าข้อมือของลูกสาวที่ยืนนิ่งเดินเข้าไปด้านในเพื่อที่จะขึ้นไปชั้นบน

 

                มนตร์ลดายิ้มอย่างเอาใจให้มารดาที่ยังหน้าตึงอยู่ หลังจากที่ทั้งคู่เดินขึ้นมานั่งลงบนโซฟาชั้นบนของร้าน

                “ไม่ต้องมาทำหน้าสำนึกผิดเอาใจแม่อย่างนั้นหรอก ทำไมมิ้นต์ไม่เชื่อที่แม่พูดบ้างนะ!?”

                มนตร์ลดารู้ดีว่าแม่ของตัวเองยังโกรธอยู่เพราะตั้งแต่ไหนแต่ไรมาหากเธอดื้อแพ่งไม่ฟังคำตักเตือนของท่าน สรรพนามที่เรียกนั้นจะเป็นชื่อจริงหรือไม่ก็ชื่อเล่น แต่หากอยู่ในอารมณ์ปกติท่านจะเรียกลูกสาวคนเดียวอย่างเอ็นดูว่า ‘หนู’ ทุกคำพูด

                “โธ่! แม่ขา... ไม่เห็นต้องโมโหขนาดนั้นนี่คะ หนูเต็มใจทำเอง ลุงเปาโลไม่ได้บังคับหรอกค่ะ อีกอย่างหนูว่าที่ลุงเปาโลพูดมาก็มีส่วนถูกอยู่บ้างนะคะเราครอบครัวเดียวกันต้องช่วยเหลือกัน ถึงแม้ว่าหนูจะไม่ค่อยเห็นด้วยในเรื่องของอัลเวสก็เถอะ แต่ก็อย่างที่แม่ว่าน้องอยู่แบบนี้ก็ยังอยู่ในสายตาดีกว่าให้เขาเตลิดไปกับเพื่อน”

                “ไม่ต้องมาพูดดี รู้ไหมว่าทำไมแม่ถึงไม่อยากให้มิ้นต์มีส่วนเกี่ยวข้องกับสัญญานั่น คาฟูกับลูกสมุนของมันเป็นแต่ก่อนนี้ก็เป็นพวกนักเลงเรียกเก็บค่าคุ้มครองดีๆนี่แหละ แต่พอตำรวจเข้ามาควบคุมพวกมันก็เปลี่ยนมาเป็นนายหน้าแทน ค่าเช่าที่มันแพงเกินจริงนั่นก็เพราะส่วนนึงเป็นของพวกมัน แล้วไอ้พวกนี้มันค้าของผิดกฏหมายทุกอย่าง ทั้งยาเสพติด โสเภณีที่เดินหาแขกอยู่ตามชายหาดนี่ก็ต้องแบ่งค่าตัวให้พวกมันกันทั้งนั้น” จันทร์แรมหันมาจับไหล่บอบบางของลูกสาวพร้อมมองหน้าด้วยสายตาเป็นห่วง กังวล “หนูรู้ตัวไหมลูก... ว่าตัวเองหน้าตาสะสวย ใครพบเห็นก็ถูกตาต้องใจ ถ้าพบคนดีก็ดีไป ถ้าพบคนไม่ดีภัยจะมาถึงตัว ความสวยความสาวของผู้หญิงมันเป็นเหมือนดาบสองคนนะลูก... จำคำของแม่เอาไว้ เราอยู่ต่างบ้านต่างเมืองต้องดูแลตัวเองให้ดี แม่ไม่อยากคิดเลยว่าถ้าคาฟูมันได้มีโอกาสเห็นหน้าหนูแล้วมันจะเกิดอะไรขึ้น คนชั่วพวกนี้มันทำทุกอย่างได้แบบที่คนดีๆอย่างเราคาดไม่ถึงหรอกลูก”

                มนตร์ลดาโผเข้ากอดมารดาทันทีเข้าใจในทุกเหตุผลว่าทำไมท่านถึงได้กังวลมากถึงเพียงนี้ “ขอโทษค่ะแม่ หนูไม่รู้จริงๆว่าแม่กังวลใจเรื่องนี้ หนูคิดแค่เพียงว่าอยากช่วยก็เลยทำลงไปโดยที่ไม่ได้บอกแม่ก่อน หนูแค่ไม่อยากให้แม่กับลุงเปาโลต้องมีเรื่องบาดหมางกัน ขอโทษนะคะหนูไม่รู้จริงๆ”

                จันทร์แรมยิ้ม ลูบผมสลวยเส้นเล็กราวไหมชั้นดีที่ซุกซบอยู่กับหน้าอกของตัวเอง สิ่งที่แสดงออกมานั้นมันเป็นสัญชาตญาณของแม่ทุกคนย่อมต้องปกป้องลูกของตนเองอย่างดีที่สุด ไม่ว่าภัยพาลนั้นจะเกิดขึ้นหรือยังไม่เกิดขึ้นก็ตาม คำว่ายอมตายแทนได้นั้นมันเกิดขึ้นตั้งแต่ที่เขาก่อตัวเป็นสิ่งมีชีวิตเล็กๆฝังอยู่ในท้องแล้ว

                “แม่พูดเหมือนเซญอร์ฟาเบียโน่เลยค่ะเรื่องคาฟู ก่อนที่หนูจะกลับมาที่นี่เขาก็เล่าเรื่องนักเลงพวกนี้ให้หนูฟัง ทั้งยังย้ำด้วยว่าถ้าพวกมันเล่นตุกติกให้โทรศัพท์หาเขาทันที” มนตร์ลดาพูดอยู่กับอกอุ่นของมารดา

                จันทร์แรมแปลกใจอยู่ไม่น้อยว่าระดับอภิมหาเศรษฐีอย่างคนตระกูลโอลีเวย์ร่าจะให้ความสนใจกับเรื่องเล็กน้อยในการดำเนินชีวิตของคนอื่น จึงได้แต่ซักถามลูกสาวอย่างละเอียดถึงเรื่องที่ได้คุยกันค้างเอาไว้ตั้งแต่เมื่อวานนี้ สองแม่ลูกคุยกันอยู่สักพักก็ต้องลงมาเข้าครัวทำอาหารเพราะมีลูกค้าเข้าร้านแล้ว

                ร้านอาหารของจันทร์แรมนั้นเปิดขายอาหารพื้นเมืองรสชาติดีจากเวลาสิบเอ็ดโมงจนถึงสี่โมงเย็นทุกวัน จากนั้นจะปิดร้านสองชั่วโมงเพื่อเตรียมเปิดเป็นบาร์ในตอนเย็นของทุกวัน

                มนตร์ลดาเข้ามาเป็นลูกมือในครัวช่วยมารดาตลอดทั้งวัน มันเป็นความสุขของแม่ลูกที่ได้ทำอาหารร่วมกัน คุยกันไปเรื่อยเปื่อยเสียงพูดและเสียงหัวเราะครื้นเครงจึงดังอยู่ตลอดทั้งวัน สิ่งหนึ่งที่ทำให้มนตร์ลดาแปลกใจคือมารดาออกคำสั่งตัดสินใจแทนเป็นครั้งแรกให้ตกลงรับปากไปดูแลคุณปู่ของเซญอร์ฟาเบียโน่ที่รีโอกรันดีโดซุล

                ‘แม่ว่าหนูไปอยู่ที่นั่นน่ะดีแล้ว อย่างน้อยพวกมันก็จะไม่มีโอกาสได้เห็นหน้าหนูอีก ใครจะว่าแม่เป็นกระต่ายตื่นตูมแม่ก็ไม่สน! แม่มีลูกสาวคนเดียวเท่านั้น แม่คงขาดใจตายตรงนี้ถ้าหากว่าพวกมันคิดทำอะไรเลวๆกับหนู!!’ และที่สำคัญหากลูกสาวของเธอได้ทำงานให้ตระกูลโอลีเวย์ร่า ชื่อๆนี้คงเป็นเกราะคุ้มกันภัยได้เป็นอย่างดี จันทร์แรมคิดต่อในใจพลางไม่ละมือจากการทำอาหาร มั่นใจว่าลูกสาวของตนไม่กล้าขัดคำสั่งอย่างแน่นอน

 

                ตกดึกของวันเดียวกันอเตต้าร์เคลื่อนเฮนเนสซี่ย์ เวนอม จีที(Hennessey Venom GT) รถสปอร์ตสุดหรูสีเหลืองแสบตาสายพันธุ์อเมริกัน เข้ามาจอดที่หน้าบาร์เล็กๆแห่งหนึ่งริมชายหาดโคปาคาบานา บาร์ที่เคยเข้ามาดื่มเมื่อสองวันก่อนและเขาชักติดใจในลีลา รสชาติการผสมเหล้าของบาร์เทนเดอร์หนุ่มน้อยคนนั้นแล้ว อเตต้าร์ยังเรียกเสียงกรี๊ดกร๊าดของสาวน้อยสาวใหญ่ได้ตามเคย บุคลิกของแบดบอยจอมเถื่อนกับรถสปอร์ตที่ผลิตขึ้นเพียงห้าคันต่อปี ความแรงของรถที่ว่ากันว่าเร็ว แรงที่สุดในโลกกับความหล่อเหลา ร้อนแรงของเจ้าของที่เดินลงมาจากรถ ทำเอาสาวๆบอกไม่ถูกว่าอยากลองขับขี่รถหรูหรือควบขับแบดบอยมาดเถื่อนคนนี้กันแน่!

                “อ้าว... เซญอร์วันนี้มาแต่หัวค่ำเชียวครับ” อัลเวสยังคงทำหน้าที่เป็นบาร์เทนเดอร์เอ่ยทักทายลูกค้าด้วยน้ำเสียงแจ่มใส บาร์เทนเดอร์หนุ่มจำบุคลิกที่เป็นเอกลักษณ์กระชากใจคนมองของลูกค้าผู้นี้ได้เป็นอย่างดีและคิดอยู่เสมอว่าอยากมีรูปร่างและท่วงท่าองอาจ น่าเกรงขามอย่างผู้ชายคนนี้บ้าง

                อเตต้าร์ยิ้มที่มุมปากนึกขันคำทักทายที่ทำให้รู้สึกว่าตัวเองกำลังติดเที่ยวเหมือนเด็กวัยคะนอง “พรุ่งนี้จะกลับบ้านแล้ว เลยอยากมาเที่ยวส่งท้ายสักหน่อย เหมือนเดิมซักแก้วซิ”

                เพียงไม่กี่อึดใจอัลเวสก็เสิร์ฟเครื่องดื่มให้กับลูกค้าตรงหน้าอย่างคล่องแคล่ว “ดีเลยครับวันนี้บาร์ของเรามีโชว์พิเศษ อีกประมาณชั่วโมงก็เริ่มแล้วครับ เชิญเซญอร์อยู่สนุกด้วยกันนะครับ”

                อเตต้าร์เลิกคิ้วแปลกใจ คงไม่ใช่เต้นเปลือยกายโชว์หรอกนะเพราะบาร์แห่งนี้ไม่ได้อยู่ในเขตโซนบาร์อะโกโก้สักหน่อย! “โชว์อะไร?”

                “สาวๆครับ สาวสวยทุกแบบทุกสไตล์จะมาแข่งเต้นกันที่นี่”

                “เต้นโชว์เต้ารึเปล่า? ถ้าไม่โชว์บนก็ต้องโชว์ล่างไม่งั้นไม่เสียเวลาดูหรอก!” คนห่ามบอกด้วยสีหน้าไร้จิตสำนึก

                “โชว์ไม่ได้หรอกครับเดี๋ยวตำรวจมาซิวกันหมดนี่แน่ ร้านเราไม่ได้อยู่ในพื้นที่จัดโซนบาร์อะโกโก้ครับ แต่รับรองว่ามีดีกว่าบาร์พวกนั้นแน่นอนครับ” อัลเวสบอกชายหนุ่มด้วยสายตาแพรวพราว

                “งั้นฉันไม่เสียสายตามองหรอก คงน่าเบื่อพิลึกอยู่ๆให้มามองคนเต้น” อเตต้าร์บอกอย่างหมดความสนใจไปในทันที ใจจริงเขาไม่ได้อยากมาดูเต้นโชว์เปลือยกายหรอก สัดส่วนรูปร่างของผู้หญิงที่ไหนก็เหมือนกันทั้งนั้น แล้วมันคงหมดอารมณ์เป็นบ้าที่ต้องนอนกับผู้หญิงที่อวดเนื้อหนังให้คนทั้งเมืองได้เห็น หมดอารมณ์ ห่อเหี่ยว! ไปในบัดดล ความจริงแค่อยากรู้ว่าถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนั้นขึ้นจริงๆแล้ว บาร์นี้จะถูกตำรวจจับหรือไม่ ถ้าหากไม่มีตำรวจกล้าเฉียดเข้ามา บาร์เล็กๆแห่งนี้คงมีแบ็คอัพเส้นใหญ่หนุนหลังอยู่แน่นอน

                “อย่าเพิ่งหมดอารมณ์สิครับเซญอร์ สาวๆพวกนี้มาเต้นแข่งกันให้เราดูก็จริง แต่นั่นแค่ฉากบังหน้าเท่านั้นครับ พวกเธอเป็นสาววัยรุ่นรักสนุก อยากมีรายได้พิเศษ เซญอร์ชอบคนไหนบอกผมได้เลยครับ พอพวกเธอลงจากเวทีก็พาเธอไปหาความสุขที่ห้องด้านหลังนี้ได้เลย เรื่องราคาผมไม่ยุ่งด้วยอยู่แล้วตกลงกับเธอได้ตามสบายครับ”

                อเตต้าร์ถึงบางอ้อ... หากแต่เงียบพยักหน้ารับช้าในใจพลางคิดว่าลูกใครกันว่ะ!!? ถ้าหากมีเด็กแบบไอ้หมอนี่อยู่ในประเทศนี้สักสิบเปอร์เซนต์ ชายหาดโคปาคาบานา คงได้ชื่อว่าเป็นแหล่งค้าประเวณีติดอันดับโลกแน่ๆ พร้อมทั้งเรียกเครื่องดื่มแก้วต่อไปเรื่อยๆ สายตาคมกวาดมองดูสาวแรกรุ่นรักสนุกต่างทยอยเดินเข้ามาในบาร์ ทั้งยังแสร้งทำสายตากรุ้มกริ่มราวกับสนอกสนใจพวกเธอเสียเต็มประดาให้บาร์เทนเดอร์หนุ่มได้เห็นอีกด้วย

                เฮ้อ... ภูมิใจแทนพ่อแม่ไอ้หนุ่มน้อยคนนี้ชิบหายเลยว่ะ! ทั้งค้าเนื้อสดทั้งค้ายาเสพติด!!

 

                มนตร์ลดาแอบสังเกตการณ์อยู่ด้านหลังม่านสีดำที่ทำขึ้นมาเพื่อกั้นบาร์ด้านหน้ากับส่วนที่เป็นทางเดินแคบก่อนจะถึงห้องครัวมาได้เกือบสามสิบนาทีแล้ว ตั้งแต่เริ่มแปลกใจว่าทำไมยิ่งดึกก็ยิ่งมีผู้คนเข้ามาเที่ยวในบาร์เล็กๆแห่งนี้มากมาย ห้องใต้บันไดก่อนถึงห้องครัวที่ตนเองยืนพิงผนังอยู่นี้ ด้านประตูห้องติดป้ายกำกับไว้ว่า ‘No Entry!’ ซึ่งเธอเองก็เคยเดินผ่านไปมาอยู่เป็นประจำ หากแต่ไม่เคยถามว่ามันคือห้องอะไรเพราะเข้าใจมาตลอดว่าคือห้องพักพนักงานที่ทำงานประจำในร้าน

                ด้วยความสงสัยมนตร์ลดาจึงถามพนักงานเสิร์ฟที่เดินผ่านไปมาว่า ลูกค้าเข้าร้านมากมายแบบนี้ทุกวันหรืออย่างไรและถ้าเป็นเช่นนั้นเรื่องขยายร้านก็คงไม่น่ามีปัญหาอะไร พนักงานหนุ่มคนหนึ่งตอบว่า วันนี้ลูกค้าแยะเป็นพิเศษเพราะที่ร้านมีการแข่งขันเต้นของสาวๆ จากนั้นพนักงานหนุ่มก็รีบเดินเข้าไปในครัวเนื่องจากเป็นเวลาทำงานที่วุ่นวายเพราะลูกค้าเนืองแน่น มนตร์ลดาจึงพอเข้าใจได้ว่าเสียงเพลงเร้าใจที่ดังจนพูดอะไรไม่ได้ความกันและเด็กวัยรุ่นที่ตั้งหน้าตั้งตาเต้นอยู่นั้นแท้จริงแล้ว พวกเธอเต้นแข่งขันกันเพื่อเรียกความสนใจของลูกค้านั่นเอง

                ความสงสัยเกิดขึ้นมากมาย เมื่อหนุ่มสาวคู่หนึ่งเดินกอดกันเข้าหลังม่านสีดำที่เธอยืนอยู่ พวกเขากอดจูบกันราวกับว่าอยู่ในโลกนี้กันสองคนโดยไม่ได้สนใจผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาแม้แต่น้อย สายตาหวานคมมองทั้งคู่ที่หายเข้าไปในประตูด้านหลังที่ติดป้ายห้ามเข้านี้!! หญิงสาวรู้ได้ในทันทีว่าชายหญิงคู่นั้นเข้าไปทำอะไรกัน พวกเขาคงไม่เดินกอดจูบกันแล้วหายเข้าไปในห้องเพื่อนั่งพูดคุยกันธรรมดาหรอก!!

                อัลเวสกำลังทำเรื่องไม่ดีมากเกินไปแล้ว ใจนั้นอยากไปบอกเรื่องนี้กับมารดาที่อยู่ด้านบนให้ได้รู้ แต่วันนี้ท่านอารมณ์เสียมาแล้วตั้งแต่เช้าแล้ว กว่าจะทำให้ท่านอามรณ์ดีขึ้นมาเป็นปกติก็เป็นเรื่องยากนักและมั่นใจว่าภายในใจลึกๆของท่านยังเป็นห่วงลูกชายที่กำลังมีพฤติกรรมเกินเด็กวัยรุ่นสิบเจ็ดปีไปมากแล้ว จึงไม่อยากปลุกท่านขึ้นมารับรู้ปัญหานี้อีก

                “อัลเวส... อัลเวส...” มนตร์ลดาโผล่แค่เพียงใบหน้าออกไปเรียกน้องชายต่างบิดาที่ยืนผสมเหล้าอยู่ตรงเคาน์เตอร์เพราะอยากรู้ว่าอัลเวสจะให้คำตอบเธอว่าอย่างไร อย่างน้อยถ้าเธอตักเตือนเขาบ้างเรื่องมันอาจจะไม่เลวร้ายไปกว่านี้ก็เป็นได้

                เสียงใสๆที่ดังแว่วมานั้นทำให้อัลเวสและอเตต้าร์หันไปตามเสียงเรียกทันทีและเห็นเพียงใบหน้าสวยหวานของผู้หญิงคนหนึ่งอยู่หลังม่านสีดำ พร้อมกับกวักมือเรียกอัลเวสไวๆ

                สายตาของมนตร์ลดานั้นจับจ้องอยู่ที่น้องชายเพียงคนเดียว หญิงสาวเปล่งเสียงเรียกชื่อของเขาให้รีบมาหาเธออีกครั้งหนึ่ง

                “ยุ่งยากจริงยัยนี่!!” อัลเวสบ่นว่าออกมาด้วยน้ำเสียงรำคาญเสียเต็มประดา

                อเตต้าร์ได้ยินเสียงบาร์เทนเดอร์หนุ่มทำเสียงไม่พอใจในลำคอ สายตาสีเขียวมรกตมองตามร่างของเด็กหนุ่มที่เดินออกมาจากเคาน์เตอร์และหายเข้าไปในม่านสีดำนั่น! และผู้หญิงที่เรียกไอ้หนุ่มบาร์เทนเดอร์ให้ไปหานั่น เธอคือพยาบาลที่ดูแลพี่สะใภ้ของเขานี่!! เธอมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง!?? คำถามเกิดมาขึ้นพร้อมๆกับคำตอบที่ไม่ต้องใช้เวลาคิดนาน

                ก็เธอเป็นอีหนูของพี่ชายเขานี่ ทำไมเธอจะอยู่ที่นี่ไม่ได้ แม่พยาบาลสาวร่านรัก! อเตต้าร์พ่นลมหายใจออกมาพรืดใหญ่... กลางวันทำตัวเรียบร้อยตกกลางคืนเป็นอีตัว!! ให้มันได้อย่างนี้สิแม่คุณ เขายังจำสายตาที่แม่คิตตี้นี่มองเขาด้วยความขยะแขยงในวันที่อยู่โรงพยาบาลได้ดีเชียวล่ะ นี่ถ้าโยนเงินให้สักปึกคงเปลี่ยนสายตาขยะแขยงนั่นมองเป็นยั่วยวนได้ง่ายเชียวล่ะ!...

                ก็ขนาดว่าเธอรู้จักกับฟาเบียโน่ได้แค่ไม่กี่วันยังยอมแบให้ง่ายๆในห้องทำงานเลย แล้วมันจะเป็นอะไรไปไม่ได้นอกเสียจากว่าเธอต้องการเงิน!! อเตต้าร์ยกแก้วแอลกอฮอร์ขึ้นดื่มรวดเดียวแล้วกระแทกแก้วลงบนเคาน์เตอร์อย่างแรง!

 

                “อะไร? ดึกดื่นขนาดนี้แล้วทำไมยังไม่ขึ้นไปนอนอีก!!” อัลเวสถามพี่สาวอย่างรำคาญใจ หลังจากที่เดินเข้ามาหลังม่านสีดำ

                “นายกำลังทำอะไรอยู่อัลเวส?” มนตร์ลดาไม่ตอบแต่กลับตั้งคำถามให้น้องชายตอบแทน แต่อัลเวสกลับกอดอกจ้องมองหน้าเธอด้วยความไม่พอใจ “เมื่อกี้ฉันเห็นชายหญิงคู่หนึ่งหายเข้าไปในห้องนั้น หมายความว่าไง!?”

                “ก็หมายความอย่างที่เห็น เข้าใจยังไงก็เป็นอย่างนั้น รู้แล้วจะเรียกมาถามทำไม เสียเวลาทำมาหากินหมด!” อัลเวสตอบอย่างไม่แยแสพร้อมกับจะหมุนตัวกลับเดินหนี หากแต่คำพูดของพี่สาวทำให้ต้องหันกลับมาเผชิญหน้าเธออีกครั้ง

                “หยุดทำเรื่องเลวร้ายพวกนี้ซะอัลเวสก่อนที่นายจะต้องเข้าไปอยู่ในตาราง หยุดทำเรื่องที่ทำให้แม่ต้องเสียใจทุกข์ใจเพราะห่วงเธอ รู้ไหมว่าแม่เสียใจแค่ไหนที่เห็นเธอเป็นแบบนี้! แล้วถ้าเธอไม่ฟังที่ฉันพูดฉันจะบอกแม่” มนตร์ลดาพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง

                “ฉันไม่ได้ฆ่าคนตายนะถึงจะได้เข้าไปอยู่ในตาราง เหลือเชื่อเลย! พี่อย่างเธออวยพรให้ฉันเข้าไปอยู่ในนั้นได้ยังไง”

                “ฉันไม่ได้แช่งเธอนะแต่ฉันเตือนด้วยความหวังดี เป็นนายหน้าจัดหาให้มีการค้าประเวณีก็เข้าไปนอนในคุกได้เหมือนกัน”

                “พูดอะไรของเธอ! ฉันไม่รู้เรื่องคนพวกนี้เข้ามาเที่ยวในบาร์ พวกเขาพอใจกันอยากขึ้นเตียงกันฉันจะไปห้ามได้ยังไง” อัลเวสชักโมโหเพราะมนตร์ลดากำลังด่าอ้อมๆว่าเขาเป็นแมงดา! “แล้วอย่ามายุ่งกับเรื่องของฉันอีก ถ้าไม่ช่วยก็เงียบไปเลย อยากบอกแม่ก็ทำไปถ้าเธออยากให้แม่ป่วยมากกว่านี้มันก็เรื่องของเธอ ทนดูไม่ได้ก็ไปนอนซะจะได้เลิกยุ่งเรื่องของคนอื่นสักที!!”

                มนตร์ลดาอ้าปากค้าง! ไม่คิดว่าปฏิกิริยาตอบโต้ของอัลเวสจะเป็นไปในทางที่เลวร้ายกว่าที่คาดไว้ขนาดนี้ เขาเดินกลับออกไปโดยไม่หันมาสนใจเธออีกเลยจนต้องยกมือของตัวเองขึ้นมาทาบอก ข่มความโกรธที่น้องชายของตัวเองไม่เชื่อฟังคำตักเตือนเลยแม้แต่น้อย

 

                อเตต้าร์ลุกขึ้นเต็มความสูงเมื่อเห็นบาร์เทนเดอร์หนุ่มเดินออกมาหลังม่านสีดำสวนกับหนุ่มสาวหลายคนที่เดินเข้าออกกันให้วุ่นวาย ชายหนุ่มล้วงเอากระเป๋าจากด้านหลังกางเกงยีนส์ หยิบธนบัตรใบหนึ่งวางลงบนเคาน์เตอร์เงียบๆ หากแต่แววตานั้นกลับขุ่นมัวน่ากลัวเป็นที่สุด!

                อัลเวสโค้งคำนับพร้อมหยิบธนบัตรที่มีค่ามากที่สุดเก็บใส่กระเป๋าตัวเอง มองตามลูกค้ากระเป๋าหนักที่เดินหายเข้าไปในม่านสีดำ

                “ขอให้สนุกนะครับเซญอร์” อัลเวสพูดอย่างอารมณ์ดี เด็กหนุ่มเข้าใจว่าลูกค้ากระเป๋าหนักผู้นี้คงเจอสาวๆที่ถูกใจเข้าให้แล้วถึงได้เดินหายเข้าไปหลังร้านแบบนั้น ซึ่งตามผับบาร์ส่วนมากมักมีห้องด้านหลังเพื่อรองรับอารมณ์สนุกสุดเหวี่ยงที่เกิดขึ้นของลูกค้า “แหม... เห็นเอาแต่นั่งดื่มอย่างนี้ ตาไวเหมือนกันนะเนี่ย”

                อัลเวสพูดจบก็หันมาสนใจกับลีลาเร่าร้อน สุดเหวี่ยงของสาววัยรุ่นบนเวทีแทนพร้อมกับทำหน้าที่ของตัวเองไปพร้อมกัน

 

                มนตร์ลดาหันหลังให้ม่านสีดำเพราะกำลังจะเดินผ่านหน้าห้องโสมมพวกนี้ไปยังบันได หากร่างอ้อนแอ้นยังยืนนิ่งคำพูดของน้องชายยังดังก้องอยู่ในหัว แต่ความคิดในสมองกลับหยุดชะงักลง! เพราะแรงจู่โจมมหาศาลจากด้านหลังที่เขามาเกี่ยวรัดเอาทั้งร่างเอาไว้ด้วยพละกำลังมากมาย มันมากพอที่จะทำให้สองเท้าของเธอลอยหวือขึ้นเหนือพื้น!!

                กรี๊ดดด...

                มนตร์ลดากรีดร้องสุดเสียง ตกใจสุดขีดที่จู่ๆมีผู้ชายที่ไหนก็ไม่รู้ฉุดเข้ามาในห้อง ความตกใจระคนหวาดกลัวเพิ่มมากขึ้นเพราะสายตาหวานก้มลงมองท่อนแขนที่รัดเอวของตนเองอยู่ ลอยสักแปลกตาที่โผล่ออกมาให้เห็นมันทำให้นึกไปว่าคนที่ฉุดเธอเข้ามาคือพวกนักเลงอันธพาลที่เข้ามาเที่ยวในบาร์ “ปล่อยฉันนะไอ้บ้า!!”

                อเตต้าร์รีบปล่อยร่างที่ทั้งถีบทั้งแตะเขาเป็นพัลวันลงกลางเตียงเล็กๆในห้องที่เปิดไปสีแดงอมชมพูไว้สลัวๆ แต่ก่อนที่จะได้พูดคุยกันทั้งคู่ก็หันไปตามเสียงซี้ดซ้าดที่ดังอยู่ใกล้ๆ มันลอดออกมาจากหลังแผ่นไม้อัดที่กั้นห้องให้แบ่งออกเป็นสองห้องแล้วมีแค่ผ้าม่านผืนบางปิดตรงประตูเชื่อมเท่านั้น!!

                “แกจับฉันเข้ามาในนี้ทำไมไอ้บ้า!?” มนตร์ลดาหงายหลังถอยร่นไปจนสุดขอบเตียงอีกด้านหนึ่ง!

                อเตต้าร์ห่อปากบางเฉียบของตนเข้าแสดงอาการดูถูกได้อย่างน่าเกลียด “อีหนูสมัยนี้ถามลูกค้าแบบนี้เป็นการปลุกอารมณ์หรือไง เราก็รู้ๆกันอยู่ฉันก็ไม่ใช่ไก่อ่อน ส่วนเธอก็ไม่ต้องดัดจริตหรอก”

                “ไอ้บ้า! พูดอะไรของแก ฉันไม่ได้เป็นอีหนูไม่ได้ขายตัว ฉันเป็นลูกสาวเจ้าของร้านนี้!” มนตร์ลดาพูดเร็วๆทั้งรีบชันตัวลุกขึ้นเพื่อจะออกไปให้พ้นจากห้องและเสียงครวญครางอันน่ารังเกียจนี้! ดวงตากลมโตเบิกกว้างเมื่อจำใบหน้าของเขาขึ้นมาได้ทันที เขาคือคนที่เคยเอ่ยปากทาบทามเธอให้ไปเป็นพยาบาลส่วนตัวในวันที่พบกันที่บูซิโอสเมื่อไม่กี่วันก่อนนี้เอง

                เพียงแค่โสเภณีหน้าสวยขยับตัว อเตต้าร์ก็สาวเท้าเข้าไปหาด้วยท่าทีคุกคามดึงข้อเท้าเรียวทั้งสองข้างพร้อมออกแรงลากให้หล่อนเข้ามาหาใกล้ๆ

                “กรี๊ด... ปล่อยฉันนะไอ้ลูกหมา ฉันบอกว่าไม่ใช่โสเภณี ปล่อย!! ฉันจะบอกเซญอร์ฟาเบียโน่ เขาต้องไม่ไว้ชีวิตแกแน่ถ้าแกทำกับฉันแบบนี้!!” มนตร์ลดากรีดร้องทั้งดิ้นเร่าๆหนีแต่ไม่พ้น ทั้งยังเอาชื่อของนายจ้างชั่วคราวขึ้นมาขู่หวังให้ไอ้คนชั่วนี้กลัวบ้าง! แต่มนตร์ลดาคิดผิดถนัดเขาไม่กลังทั้งยังระเบิดเสียงหัวเราะอย่างท้าทายอีกด้วย

                “ก็ลองดูไม่ได้ออกกำลังกายกับเฟลิกซ์นานแล้วอยากรู้เหมือนกันใครจะชนะ แต่ฉันไม่คิดว่าแค่อีหนูคนเดียวจะทำให้เฟลิกซ์เอาฉันถึงตายหรอก” อเตต้าร์คำรามเสียงกร้าว ทำไมถึงได้รู้สึกโกรธนักที่แม่คิตตี้เอาชื่อของพี่ชายมาขู่ “จะดัดจริตไปทำไมเนี่ย! จะเอาค่าตัวเท่าไหร่ก็ว่ามาซี้... รับรองว่าแพงแค่ไหนฉันมีเงินจ่าย ทีนี้ก็หยุดดิ้นแล้วมาอ้าขาให้ฉันดีกว่าเสียเวลาจริงๆ”

                มนตร์ลดาแทบน้ำตาร่วงเมื่อได้ยินคำพูดหยาบโลนนั้น สองมือที่เป็นอิสระอยู่นั้นยกขึ้นตบตีทำร้ายร่างกายไอ้คนใจชั่วไม่เลือกที่ทันที อเตต้าร์สะดุ้งโหยง! เมื่อกรงเล็บของแม่โสเภณีข่วนที่ใบหน้าและเนื้อตัวจนเจ็บแสบไปหมด

                “โธ่โว้ย!... บอกให้หยุด กล้าทำร้ายฉันเหรอ?!” อเตต้าร์ตวาดเสียงดังน่ากลัวจนทำให้มนตร์ลดาตัวสั่นงันงก ชะงักมือไปชั่วขณะแต่เพียงชั่วอึดใจเท่านั้น เสียงด่าทอต่อว่าก็มาพร้อมกับน้ำตาเม็ดโตๆที่ร่วงลงมาไม่ขาดสายและอาการขัดขืนปนหวาดกลัว!

                มือหนาของอเตต้าร์กระชากเสื้อยืดพอดีตัวของเธอออกทางศรีษะอย่างรุนแรง เพียงเท่านั้นความอวบอัดที่มีบราเซียร์ลูกไม้ห่อหุ้มอยู่ก็ปรากฏแก่สายตา มนตร์ลดายิ่งดิ้นรนต่อสู้เพื่อเอาตัวรอดอย่างไม่คิดชีวิต

                “ไอ้หมาขี้เรื้อน ฉันบอกให้ปล่อย! ฉันไม่ได้ขายตัว ฮือๆ ปล่อย!! กรี๊ด...”

                อเตต้าร์ผลักร่างนวลเนียนให้หงายหลังลงไปบนที่นอนเย็นเฉียบ พร้อมทั้งสอดมือเข้าไปปลดตะขอบราเซียร์ที่อยู่ด้านหน้าออก เสียงกรีดร้องดังจนแสบแก้วหูนี้มันทำให้เขาหงุดหงิด อารมณ์เสีย! ก็บอกว่าจะจ่ายไม่อั้นแล้วจะสะดีดสะดิ้งไปทำไมว่ะ!!

                “โอพระเจ้าช่วย...” เป็นครั้งแรกที่บุรุษเถื่อนอย่างอเตต้าร์ร้องเรียกหาพระเจ้าเ มื่อได้เห็นทรวงอกงดงามดีดตัวออกมาอวดโฉมให้เห็นเต็มสองตา!

                กรี๊ดดด...

                มนตร์ลดากรีดร้องเพราะความชื้นของริมฝีปากไอ้โจรหื่นกามรวบเข้าที่ยอดทรวงอกของตนเอง ขาทั้งสองข้างขยับดิ้นปกป้องตัวเองไม่ได้เพราะไอ้คนชั่วมันทิ้งน้ำหนักทั้งตัวลงมาทาบทับ มือทั้งสองข้างจึงจิกทึ้ง ขยุ้มที่หนังศีรษะสุกแรงเพื่อให้เขาละปากออกจากยอดทรวงของตนเอง

                “ปล่อยฉันนะ! ไอ้คนถ่อย ฉันจะแจ้งตำรวจจับแก ฮือๆ”

                อเตต้าร์รู้แล้วว่าทำไมพี่ชายของตัวเองถึงได้ห้ามใจตัวเองไม่อยู่มีสัมพันธ์กับแม่พยาบาลร่านรักนี้ในห้องทำงาน เพราะแม่โสเภณีนี่ให้รสชาติหวานล้ำซาบซ่านเหลือเกิน เสียแต่เล่นตัวมากไปหน่อย ยอมรับล่ะว่าชอบใจผิวเนื้อนวลเนียน นุ่มลื่นของเธอเหลือเกินมันให้รสชาติดีเป็นบ้า!

                มนตร์ลดาห่อไหลด้วยความเจ็บเพราะทุกครั้งที่ออกแรงขยุ้มหนังศีรษะให้ออกไปจากเนื้อตัวของเธอ ไอ้คนชั่วมันจะออกแรงดูดดึงทรวงอกจนรู้สึกเจ็บ!!

                “งาย... ติดใจแล้วล่ะสิ ชอบแบบซาดิสต์ก็ไม่บอก เดี๋ยวจัดให้แบบลืมไม่ลงเลย” อเตต้าร์บอกหลังจากที่เงยหน้าจากความอวบอัดเกินตัวของเธอ ทั้งยังจับแขนเรียวทั้งสองข้างไขว้ไว้ด้านหลัง สอดมือของตัวเองเข้าไปรวบข้อมือทั้งสองไว้ด้วยมือเพียงข้างเดียว อีกมือจับการถลกกระโปรงตัวยาวขึ้นมากองที่เอวคอดแล้วจัดการลอกแพนตี้ตัวบางเฉียบออกจากสะโพกผายอย่างคล่องแคล่ว

                มนตร์ลดาช่วยเหลือตัวเองไม่ได้เลยแม้แต่นิดเดียว ตอนนี้เธอกำลังจะถูกไอ้ชั่วหื่นกามที่ไหนก็ไม่รู้กำลังจะข่มขืน ปากอิ่มสีเชอร์รี่สดตะโกนร้องด่าบ้าง ร้องขอความช่วยเหลือจากใครที่ไหนก็ไม่รู้ เพราะในห้องนี้ไม่มีใครสนใจใครอยู่แล้ว

                อเตต้าร์พ่นลมหายใจออกมาหนักๆพลางจัดการถอดเพียงแค่เสื้อผ้าส่วนล่างของตนเองออก เขาไม่เคยเกิดความต้องการต่อร่างของผู้หญิงหน้าไหนเท่าผู้หญิงคนนี้มาก่อน เพียงแค่เห็นร่างเกือบเปลือยของผู้หญิงรักสนุกคนนี้ มันทำให้กายแกร่งของชายเต็มตัวอย่างเขาร้อนฉ่าขึ้นมาทันที ทั้งที่เธอไม่ได้แสดงอาการยั่วยวนเลยสักนิดแต่นั่นก็คงเป็นเพราะเขาไม่เคยเจออาการต่อต้านเอาเป็นเอาตายแบบกระมัง! มันคงตื่นเต้นเพราะจะได้ลองรักกับอีหนูที่มีเรือนร่างผุดผ่องแบบที่ไม่เคยเจอมาก่อน! ใครจะเชื่อว่าผู้หญิงพรรค์นี้จะเย้ายวนผุดผาดได้ถึงเพียงนี้

                “ขอร้องล่ะ ฉันไม่ใช่โสเภณี ฉันเป็นลูกสาวเจ้าของร้านนี้จริงๆ ปล่อยฉันไปเถอะนะ ถ้าปล่อยฉันไปตอนนี้ ฉันจะไม่เอาเรื่องเอาความ ฮือ!! ไอ้ถ่อย ไอ้เลว... ฉันบอกให้ปล่อย!!” มนตร์ลดาทั้งพูดดี ทั้งด่า เธอกลัวมากที่ได้เห็นท่าที่ไอ้โจรหื่นมันกำลังใช้ริมฝีปากแกะถุงยางอนามัยออก!

                “บอกแล้วว่าเดี๋ยวจะชอบเอง ลองกับฉันดูหน่อยเป็นไง จะได้เทียบกับที่ผ่านมาว่าชอบแบบไหนมากกว่ากัน!” พูดจบอเตต้าร์ก็แทรกร่างบดเบียดตัวตนเข้าหาความงดงามจนสุดทางทันที “อา... โอพระเจ้า!”

                “กรี๊ดดด... ฮือๆ” เสียงกรีดร้องอย่างเจ็บปวดราวกับถูกแยกร่างและเสียงสะอื้นไห้ที่ดังขึ้นทำให้อเตต้าร์หูตาสว่างพลัน!!

                เพียงแค่เข้าไปซุกซบ!... ผู้ชายที่ใช้ชีวิตมาแล้วทุกรูปแบบตอบตัวเองได้ทันทีว่าเขาพลาดไปถนัด! นี่สินะคือความแตกต่างของผู้หญิงเจนจัดกับสาวพรหมจรรย์!!! สายตาคมของอเตต้าร์จ้องมองใบหน้าที่งดงามที่เปียกชื้นไปด้วยหยาดน้ำตา เสียงกรีดร้องราวกับได้รับความเจ็บปวดสุดแสนมันเรียกสติของคนเถื่อนได้เป็นอย่างดี แต่เขาก็มาไกลจนไม่สามารถที่จะถอยหลังกลับไปได้แล้ว

                “เจ็บ... เจ็บ...” ปากอิ่มสีเชอร์รี่คร่ำครวญได้เพียงเท่านั้น ความเจ็บปวดราวกับถูกปลิดชีวิตและแยกร่างออกให้เป็นสองเสี่ยงยังตอกย้ำอยู่ดังเดิม

                “นิ่งๆสิ เดี๋ยวก็ไม่เจ็บแล้ว” อเตต้าร์ลดเสียงให้อ่อนลงกว่าครึ่ง เป็นครั้งแรกที่ร่วมรักกับผู้หญิงแล้วรู้สึกภูมิใจและขยะแขยงตัวเองในเวลาเดียวกัน หากต้องกัดฟันระงับอารมณ์ของตัวเองอย่างสุดขีด เมื่อร่างอวบอัดตรงหน้าเอาแต่ครางร้องไห้และดิ้นยุกยิกหวังจะหนีจากตน!

                “อื้อ...”

                มนตร์ลดาครางในลำคอ เมื่อใบหน้าคร้ามคมก้มลงมาบดจูบตนเองอย่างรวดเร็ว ลิ้นหนาสอดกระหวัดเข้ามาเกี่ยวลิ้นของคนที่กำลังงุนงงระคนเจ็บปวดเป็นพันวัล เขาตั้งหน้าตั้งตาจูบราวกับจะสูบเอาเลือดเนื้อ จิตวิญญาณออกมา สองมือหยาบใหญ่ก็เคล้นคลึงปลุกเร้าไปทั่วทั้งร่าง

                อเตต้าร์ถอนจูบที่ตั้งใจทำให้เธอเร่าร้อนขึ้นออกมา หลังจากที่เจ้าตัวทำท่าว่าจะหายใจไม่ทันกับจูบร้อนแรงที่มอบให้ จากนั้นจึงเลื่อนลงมาซุกไซร้ที่ลำคอระหง ลากไล้ลงมาดูดดึงทรวงอกอวบอิ่มเกินตัว โดยที่มือทั้งสองข้างก็ทำหน้าที่ปลุกเร้าร่างนวลละออจนไร้แรงต้านทาน

                ให้ตายสิ! เขาไม่เคยเสียเวลาเล้าโลมผู้หญิงหน้าไหนนานขนาดนี้เลยเพราะพวกเธอมีจุดเดือดต่ำ กำตรงนั้น ขยำตรงนี้ก็พรั่งพร้อมที่จะปลดปล่อยอารมณ์กันแล้ว แต่แม่คิตตี้คนงามนี้กลับนอนตัวอ่อน ทำอะไรไม่เป็นเลยซักอย่าง ที่แย่ไปกว่านั้นคือใบหน้างดงามของเธอยังเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตา มันยิ่งทำให้เขาต้องปลุกเร้าอารมณ์เธออย่างหนักเพราะไม่ปราถนาจะให้เธอเจ็บปวดไปมากกว่านี้

                แต่มันก็ไม่ได้แย่ไปกว่านี้นัก เพราะเสียงหวานที่ครางอืออาอยู่บนหัวของเขานี้ กับความชุ่มฉ่ำที่รินรดออกมาทำให้อเตต้าร์ใจชื้นขึ้นมาบ้าง สะโพกสอบเริ่มขยับมอบความสุขสมให้กับเธอ ในขณะเดียวกันเขาก็ไม่อาจจะอดทนกับความรัดรึงที่โอบล้อมตนเองทั้งที่แสนชุ่มฉ่ำนี้ได้อีกแล้ว

                มนตร์ลดาถึงกับพูดไม่ออก เมื่อความรู้สึกเสียวซ่านที่เคยได้เรียนรู้จากตำรากำลังเกิดขึ้นกับตนเอง สองตากำลังจ้องมองร่างแกร่งหยัดตัวขึ้นเล็กน้อย ถอดเสื้อยืดออกอย่างรวดเร็วทั้งที่ยังขยับร่างอยู่เหนือตนเองไม่หยุดหย่อน ความเจ็บปวดราวกับว่ากำลังจะตายกลับแปรเปลี่ยนเป็นความรู้สึกเสียวซ่าน วาบหวิวในทรวง จนต้องหลับตาละอายใจตัวเองที่ร่างกายกำลังตอบสนองให้กับคนใจทรามใช้กำลังข่มขืนเธอ!

                “ลืมตาซิคิตตี้ อย่าหลับตา” อเตต้าร์บอกด้วยน้ำเสียงพร่าตัด อย่างคนที่กำลังควบคุมตัวเองอย่างหนักเขาไม่เคยเหนี่ยวรั้งตัวเองให้อดทนกับจังหวะเชื่องช้า ยั่วเย้าเช่นนี้เลย นิ้วแข็งแรงเลื่อนไปบดคลึงความงดงามกลางร่างของเธอเพราะเธอยังไม่ยอมทำตามคำสั่งของตน “ลืมตาซิคนสวย... อย่าต่อต้านแล้วมันจะไม่เจ็บ หรือชอบให้ผมคลึงไปด้วยแบบนี้ ฮึ?”

                “ไอ้คน-ชั่ว-ช้า!” มนตร์ลดาต้องลืมตาตามที่เขาสั่ง หากต้องอ้าปากค้างเมื่อไอ้คนชั่วช้ายิ้มพราย เอานิ้วที่เพิ่งละออกจากตัวเธอเข้าไปในปากดูดดื่มหน้าตาเฉย! พร้อมครางซี้ดซ้าดไม่หยุดปาก!!

                “อา... ก็บอกแล้วว่าขอโทษ ไม่เจ็บแล้วนี่ ยังไงก็เสียเลือดให้ผมแล้วมาสนุกกันดีกว่าเดี๋ยวประสบการณ์ครั้งแรกของคนสวยจะไม่สวยอย่างหน้านะ...”

                มนตร์ลดาถึงกับผวาเฮือกจิกมือเข้ากับผ้าปูที่นอนยับยู่ยี่เมื่อเขาเริ่มขยับรวดเร็วขึ้นกว่าเดิม ร่างแกร่งที่โยกขยักอยู่เหนือตัวนั้นมีรอยสักรูปเสือแปลกตาราวกับเป็นสัญญลักษณ์ของพวกแก๊งอันธพาลตั้งแต่หน้าอกด้านซ้ายพาดยาวไปตามสีข้างจนถึงแผ่นหลัง ทั้งต้นแขนข้างเดียวกันยังมีกบรูปร่างแปลกตาอีกด้วย

                สายตากลมโตสำรวจเรือนร่างแกร่งได้ไม่นานก็ต้องหลับตา กัดริมฝีปากล่างไว้จนรู้สึกเจ็บเพราะกำลังต่อต้านความรู้สึกเสียวซาบซ่านที่มันกำลังก่อตัวขึ้นในร่างกายของตัวเองไม่ได้ มันเพิ่มพูนขึ้นมากมายจนไม่รู้ว่าจะรับมือกับมันอย่างไรจึงได้แต่กัดริมฝีปากล่างของตัวเองแน่นเพราะกลัวว่าเสียงครวญครางน่าอายจะเล็ดลอดออกมา!

                “ร้องออกมาดังๆสิ จะกัดปากตัวเองอย่างนั้นทำไม อย่าต่อต้านความต้องการของตัวเอง ไปให้ถึงเลยคิตตี้ คว้ามันเอาไว้ให้ได้” อเตต้าร์บอกทั้งยกขาเรียวข้างหนึ่งขึ้นพาดบ่าของตัวเอง ไล่จูบตรงข้อเท้าของเธออย่างไม่รังเกียจ เพิ่มจังหวะให้เร็วรี่เพราะต้องการส่งเธอให้ไปคว้าสายรุ้งก่อนตนอย่างที่พูดไว้

                อเตต้าร์จับจ้องภาพความงดงามตรงหน้านั้นอย่างหลงใหล ร่างอวบอัดขาวละออตากรีดร้อง บิดเร่าๆ มือเท้าบอบบางของเธอเกร็งเพื่อรับคลื่นความสุขละลอกใหญ่ที่สาดเข้ามากระทบ ความร้อนระอุที่ห่อหุ้มตัวตนของเขาก็บีบรัดจนรวดร้าว!! “อา... ไม่ไหวแล้วคิตตี้ ผมไม่ไหวแล้ว!”

                มนตร์ลดาแทบไม่รู้ว่าเขาพึมพำอะไร เพราะหลังจากที่กำลังล่องลอยอยู่บนปุยเมฆนุ่น จังหวะกระแทกกระทั้น จุ่มจ้วงของคนที่อยู่เหนือร่างนี้มันเริ่มทำให้ความรู้สึกสุดยอดที่เพิ่งไปถึงแผ่กระจายมาตามสายเลือดอย่างรวดเร็ว แต่ครั้งนี้มันช่างเพิ่มขึ้นมาอย่างไม่ทันตั้งตัวราวกับเอาปรอทที่อุณหภูมิห้องจุ่มจ้วงลงไปในน้ำเดือดพล่าน!!

                “กรี๊ด.../โอว... ยอดเยี่ยมอะไรอย่างนี้” มนตร์ลดาและอเตต้าร์กรีดร้องออกมาพร้อมๆกันเมื่อสามารถก้าวผ่านไปยังจุดสุดยอดของความสัมพันธ์หญิงชายอันเข้มข้นด้วยกันอย่างพร้อมเพรียง!!

                อเตต้าร์ทรุดลงไปคลุกเคล้ากับร่างละออตาอีกครั้ง บดจูบร้อนแรงราวกับจะถ่ายทอดความสุขสมที่เกิดขึ้นให้คนใต้ร่างได้รู้ว่าเขามีความสุขกับความสัมพันธ์ครั้งนี้แค่ไหน สองแขนแกร่งกอดรัดคนตัวเล็กใต้ร่างแน่นๆ นาน... จนอาการหอบหายใจของทั้งคู่กลับสู่ภาวะปกติอีกครั้งหนึ่ง

                หลังจากคลื่นความสุขละลอกแล้วละลอกเล่าผ่านพ้นไป ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีก็ซัดเข้าหามนตร์ลดาอีกครั้ง ความรู้สึกขยะแขยงตัวเองที่ปล่อยตัวปล่อยใจให้หลงระเริงไปกับตัณหาราคะ ที่ชายหน้าไหนก็ไม่รู้เป็นคนมอบให้ ความรู้สึกสุขสม เร่าร้อนที่ได้รู้จักมันดีมากเพียงใดความรู้สึกยอดแย่กับตัวเองก็กระหน่ำซัดกลับมามากเท่านั้น!

                อเตต้าร์ดันตัวเองขึ้นมองร่างที่สะอื้นไห้อยู่อย่างงงๆ จริงอยู่ว่าตอนแรกเขาใช้กำลังขืนใจเธอแต่เมื่อเขารู้ความจริงแล้วเขาก็ไม่ได้ทำอะไรที่มันเป็นการหักหาญน้ำใจเธอเลยสักนิด ทั้งมั่นใจว่าเธอก็ได้รับความสุขไม่น้อยไปกว่าตัวเองด้วยซ้ำ แล้วแม่คิตตี้นี่จะมาร้องห่มร้องไห้ทำไมกัน! หรือว่ามันเป็นสเต็ปของสาวเวอร์จิ้นที่หลังเสียตัวครั้งแรกแล้วต้องร้องไห้กระซิกๆหรือไงวะ!?? คนห่ามที่ไม่เคยได้รับความอ่อนโยนขัดเกลาจิตใจคิด เสียงสะอื้นไห้และน้ำตาเม็ดโตของเธอทำให้เขาเงอะงะ รู้สึกผิดทำอะไรต่อไปไม่ถูก!

                “นี่... หยุดร้องไห้แล้วลุกขึ้นมาคุยกันหน่อยได้ไหม” อเตต้าร์บอกด้วยน้ำเสียงติดรำคาญใจพร้อมเอื้อมมือไปแตะที่ข้อศอกของเธอซึ่งยังปิดหน้าปิดตาร้องไห้ แต่เธอกลับชักหนีเขาอย่างรังเกียจเต็มที อาการที่แสดงออกมาแบบนั้นมันทำให้เขาหงุดหงิดใจนัก ไม่กล้าแม้แต่จะเอื้อมมือไปแตะต้องตัวเธออีกครั้ง!!

                “อย่ามาแตะต้องตัวฉัน ไอ้คนชั่ว! แกมันใจทรามข่มขืนฉัน” มนตร์ลดากัดฟันฝืนลุกขึ้นมานั่งแล้วรีบถอยห่างไปจนถึงหัวเตียง สองมือบางรีบดึงหมอนใบเก่าๆที่วางอยู่ใกล้มือขึ้นมาปิดบังร่างเปลือยส่วนบนของตัวเอง

                อเตต้าร์พูดไม่ออก เมื่อเห็นแววตาเจ็บช้ำในดวงตากลมโตของเธอ คนเถื่อนได้แต่ถอนหายใจกลอกตาขึ้นฟ้า ขอโทษก็แล้ว! ยังไม่จบจะเอายังไงวะ!? หรือต้องให้จ่ายค่าเสียหาย “ก็... จะเอายังไงก็ว่ามาซิ แล้วก็หยุดใช้สายตาแบบนั้นมองผมได้แล้ว ตอนแรกน่ะยอมรับว่าใช้กำลัง แต่หลังๆนี่เรามีความสุขด้วยกันนะ อย่ามาเถียง!”

                มนตร์ลดาหุบปากฉับเพราะกำลังจะขยับปากเถียง แถมเขายังชี้หน้าว่าเธออีกด้วย “ไอ้หน้าตัวเมีย! แกมันคนใจหยาบ ฉันปกป้องตัวเองไม่ได้เพราะสู้กำลังแกไม่ได้ ฉันจะแจ้งตำรวจจับแก! ฉันจะไม่ปล่อยให้แกลอยนวล ฮือๆ”

                อเตต้าร์คิ้วกระตุกโกรธที่เธอต่อว่าเขาเพราะไม่เคยจะมีผู้หญิงหน้าไหนบังอาจมาด่าเขาฉอดๆแบบนี้ แต่กลับทำอะไรเธอไม่ได้มือไม้มันอ่อนปวกเปียกอยากดึงร่างที่สะอึกสะอื้นทั้งน้ำตามากอดแน่นๆนัก แต่ความปากไวและความยโสที่มีอยู่ในตัวมันก็มีอำนาจมากกว่า จนทำให้หลุดคำพูดทำร้ายจิตใจของเธออกมา “ก็ไปแจ้งตำรวจซี้... ฉันจะอยู่ตรงนี้ล่ะ รอตำรวจมาตรวจบาร์ของเธอ ไหนว่าเป็นลูกสาวเจ้าของร้านไม่ใช่เหรอ? ร้านเหล้าธรรมดาๆที่ไหนมีห้องไว้ให้ลูกค้าขึ้นเตียงกันด้วย รีบๆไปเรียกมาเลยไปคิตตี้ฉันจะรอตรงนี้แหละ”

                “คิตตี้กับผีน่ะสิ! ไอ้ลูกหมา!” มนตร์ลดาด่าว่าไม่ยั้ง ใจคิดอยากเข้าไปทำร้ายร่างกายไอ้หมอนี่ให้มันสาแก่ใจนัก แต่ก็กลัวว่ามันจะปล้ำเอาอีกและมันก็ไม่ใช่ความคิดที่ดีแน่ที่ต้องสู้กับคนที่ตัวโตยังกับตึกแบบนี้!          อเตต้าร์กัดฟันข่มใจกับคำด่าทอของเธอในใจคิดหาคำที่มาว่าเธอกลับให้ได้เจ็บๆคันๆบ้าง “คำพูดคำจาเป็นอีตัวนี่ไม่ผิดหรอก แต่แปลกนะ! บาร์เล็กๆแบบนี้จะใช้อีตัวเวอร์จิ้นรับลูกค้าด้วย หายากนะสมัยนี้ไหนว่าเป็นลูกสาวเจ้าของร้านไง ไปเรียกพ่อแม่มาเลยฉันอยากรู้นักว่าจะตอบคำถามตำรวจยังไง”

                อเตต้าร์มองท่าทางเหมือนคนกำลังคิดหนักของเธอ ใบหน้าสวยหวานเอียงซ้ายทีขวาทีอย่างคนกำลังใช้ความคิด เงียบ! นิ่ง! แล้วจู่ๆก็โพล่งขึ้นมาเสียงสูงปรี๊ด...

                “ฉันจะเอาเรื่องนี้ไปบอกกับเซญอร์ฟาเบียโน่! จะให้เขาจัดการไอ้บ้ากามอย่างแกให้สาสม”

                อเตต้าร์แสยะยิ้ม! ไม่อยากคิดเลยว่าถ้าแม่คิตตี้คนงามนี่รู้ว่าเขาคือน้องชายของเซญอร์ฟาเบียโน่ที่เธอชอบยกขึ้นมาขู่นัก แล้วเธอจะทำหน้ายังไง? “แน่ใจเหรอว่าเขาจะช่วยได้?!!”

                “ฉันเป็นพยาบาลส่วนตัวของเมียเขาทำไมเขาจะไม่ช่วย”

                “เฮอะ... ถึงจะอย่างงั้นก็เถอะ ถ้าเฟลิกซ์จะมาช่วยผู้หญิงทุกคนที่ถูกขืนใจก็คงจะตั้งมูลนิธิขึ้นมาแล้ว เมียเขาก็มีแล้วสวยจะตายไป จะมาสนใจผู้หญิงอื่นทำไม อ้อ... หรือว่าคิดจะเก็บเยื่อบางๆนั่นไว้ให้เฟลิกซ์เป็นคนจิ้ม! ถึงได้อ้างชื่อเขาบ่อยแบบนี้ สาวๆสวยๆแบบนี้จะอยากไปเป็นเมียน้อยทำไม?” อเตต้าร์ยังพูดตรงไปตรงมาแบบไม่สำนึกผิดพลางคิดว่าแม่คิตตี้นี่อาจจะกำลังอ่อยพี่ชายของเขาอยู่ก็ได้ อรอาภาถึงได้ยินเสียงดังซี้ดซ้าดขึ้นในห้องทำงาน หากแต่เขารับรองได้ด้วยชีวิตว่าทั้งคู่ยังไม่ได้มีความสัมพันธ์กันแน่ เพราะเขาคือผู้ชายคนแรกของแม่คิตตี้คนงามนี้เอง!

                “เป็นเมียน้อยเซญอร์ฟาเบียโน่ก็ยังดีกว่าโดนไอ้หมาขี้เรื้อนข่มเหง! ขอให้แกตกนรกหมกไหม้ไม่ได้ตายดี ตายไปแล้วก็ไม่ได้ผุดไม่ได้เกิด!!” มนตร์ลดาสาปแช่งด้วยความเคียดแค้น

                “เออ! เธอก็อย่าลืมเหมือนกันล่ะว่าได้ผัวคนแรกเป็นหมาขี้เรื้อนแถมทำให้ครางหงิงๆได้อีก จะไปเรียกใครก็รีบไปเรียกมาเลยฉันจะรออยู่นี่แหละ!!” พูดจบอเตต้าร์ก็ผุดลุกขึ้น คว้ากางเกงยีนส์ของตนเองเดินเข้าไปในห้องน้ำที่อยู่ใกล้ๆทันที

                เสียงปิดประตูห้องน้ำดังปัง!!! ทำให้มนตร์ลดาสะดุ้งสุดตัว หญิงสาวรีบควานหาเสื้อผ้าของตัวเองที่กระจัดกระจายอยู่บนเตียงขึ้นมาสวมอย่างลนลาน  ระหว่างที่กำลังสวมเสื้ออยู่นั้นชายหญิงคู่หนึ่งก็เดินออกมาจากห้องข้างๆที่ใช้เพียงไม้อัดกั้นไว้เท่านั้น ทั้งคู่มองมาด้วยสีหน้าขบขันหากแต่ไม่ได้ใส่ใจมากนักแล้วเดินออกไปจากห้อง มนตร์ลดาจึงหันมาจัดการกับตัวเองโดยเร็วที่สุดเพราะกลัวว่าไอ้คนหยาบคายที่หายเข้าไปในห้องน้ำ มันจะออกมาก่อนที่เธอจะออกไปจากห้องนี้ได้

                อเตต้าร์ดึงบุหรี่และไลเตอร์ออกมาจากกระเป๋ากางเกงยีนส์ของตนแล้วทิ้งทั้งสองอย่างลงบนอ่างล้างหน้าเก่าๆที่ติดไว้ข้างผนังห้องน้ำ ชายหนุ่มหลับตาพ่นควันสีเทาที่อัดเข้าปอดออกมาทางจมูกและริมฝีปาก ถอนหายใจเข้าออกหนักๆอยู่หลายครั้งเหมือนกับคนระงับสติอารมณ์อย่างหนัก

                หึ! อยากเป็นเมียน้อยอย่างนั้นเหรอ ไอ้รอยเลือดสดๆที่เห็นอยู่ปลายเตียงมันทำให้เขารู้สึกผิดที่ทำตัวเป็นไอ้หมาขี้เรื้อนหื่นกามอย่างที่เธอประณาม แต่ก็ไม่สามารถหยุดรั้งตัวเองได้เลย ไม่อาจปฏิเสธว่ากลิ่นกายของเธอช่างน่าหลงใหลนัก มันทำให้เขาสูญเสียการควบคุมตัวเองทั้งที่ผ่านมาเคยบังคับได้เป็นอย่างดี สายตาของเขามันรู้ดีทีเดียวว่าเธอมีความสุขกับเขาไปด้วยแต่ปากเธอกลับบอกว่าเสียใจ ทั้งยังบอกว่าเป็นเมียน้อยของฟาเบียโน่ยังดีกว่าเป็นเมียของเขา

                โอพระเจ้า!... ตั้งแต่เกิดมาเขากับพี่ชายไม่เคยยึดติดกับผู้หญิงคนไหน พอใจใครก็เดินเข้าไปหาเธอตรงๆ ไม่เคยคิดแย่งชิงกัน แต่กับแม่คิตตี้นี้แล้วทำไมเขาถึงโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ เมื่อเธอบอกว่าอยากเป็นเมียน้อยของฟาเบียโน่ ผู้หญิงบ้า! ไม่มีศักดิ์ศรี!! ที่เธอร้องไห้น้ำตาเป็นสายเลือดนั่นมันก็คงเป็นเพราะเสียดาย คงคิดจะเก็บไอ้เยื่อบางๆนั่นไว้มอบให้กับฟาเบียโน่ล่ะสิ!!?

                อเตต้าร์อัดบุหรี่อีกสองมวนเข้าปอดพลางจัดการสวมกางเกงอย่างรวดเร็ว เมื่อกระชากประตูห้องน้ำออกก็พบเพียงความว่างเปล่า ห้องข้างๆมีเสียงครวญครางซึ่งเขาเองก็ไม่ได้สนใจว่าจะเป็นคู่เดิมหรือคู่ใหม่ แต่ตอนนี้แม่คิตตี้ที่ขู่จะเอาตำรวจมาลากคอเขาเข้าตะรางหายหัวไปไหน?!! ไม่ถึงสิบนาทีดีอเตต้าร์ต้องออกมายืนรอหน้าห้องเพราะวัยรุ่นคู่ต่อไปอยากเข้ามาใช้บริการห้องนี้ต่อจากตนใจจะขาด

               

                อเตต้าร์ยืนรออยู่หน้าห้องนี้หนึ่งชั่วโมงเต็ม สายตาคมกริบสอดส่องหาร่างอ้อนแอ้นตลอดเวลา นี่แม่คุณไประดมตำรวจมาทั้งบราซิลหรือไงมันถึงได้นานขนาดนี้ และเขาก็ไม่ได้มีความอดทนมากมายขนาดนั้น!! สองขาแกร่งเดินออกไปหน้าบาร์เหล้าอีกครั้งหนึ่ง บาร์เทนเดอร์หนุ่มยังคงยืนอยู่ที่เดิม ตอนนี้เวลาตีสามกว่าแล้วลูกค้าในร้านจึงน้อยลงไปกว่าเดิมถนัดตา

                “อ้าว... เซญอร์ผมนึกว่ากลับไปตั้งนานแล้วเสียอีก ทำรอบได้เหรอครับถึงได้นานขนาดนี้?” อัลเวสเด็กแก่แดดถามอย่างอารมณ์ดี

                “นายเห็นผู้หญิงคนหนึ่งไหมสูงประมาณเท่านี้” อเตต้าร์ยกมือขึ้นประมาณหน้าอกของตัวเอง “ผมยาวปะบ่า หน้าสวยๆแบบผู้หญิงเอเชีย”

                “โธ่... เซญอร์ครับ ในนี้มีผู้หญิงเอเชียสวยๆนับไม่ถ้วน ข้อมูลเท่านั้นผมหาเธอไม่เจอหรอกครับ แหม... แต่เห็นเซญอร์ร้อนใจแบบนี้ เธอคงลีลาดีใช่ย่อย!” อัลเวสเล่นหูเล่นตาแพรวพราวถามอย่างสู่รู้

                “เธอใส่กระโปรงยาวๆ ใส่เสื้อยืดสีเทาน่ะ อืม... เธอยังบอกว่าเป็นลูกสาวเจ้าของร้านนี้ด้วย นายรู้จักไหม?”

                อัลเวสหน้าถอดสีหลังจากได้ยินที่ลูกค้าทิปหนักอธิบายอย่างละเอียด “อะ...เอ่อ! เมื่อกี้เซญอร์นะ...นอน กับเธอเหรอครับ?”

                “เออ!... ตกลงว่านายเห็นเธอมั้ย อ้ำอึ้งอยู่นั่นแหละ!”อเตต้าร์ตวาดพร้อมควักธนบัตรอีกสองใบยัดใส่มือบาร์เทนเดอร์หนุ่มเป็นค่าเปิดปาก “เมื่อกี้ฉันเข้าห้องน้ำ เธอบอกว่าจะออกไปแจ้งตำรวจ ฉันรออยู่เนี่ยชั่วโมงกว่าแล้วยังไม่เห็นเธอหรือว่าตำรวจซักคน”

                สมองของอัลเวสทำงานอย่างหนัก รูปพรรณสัณฐานที่ลูกค้ากระเป๋าหนักเอ่ยขึ้นมานั้นมันคือพี่สาวต่างบิดาของตนเองเป็นแน่! แล้วทำยังไงเธอถึงได้ไปขึ้นเตียงกับเซญอร์ผู้นี้ได้ ดูท่าทางแล้วก็คงจะรวยไม่ใช่น้อยดูจากรถสปอร์ตหรูราคาแพงหูฉี่ที่เขาขับมา แต่เรื่องนั้นช่างมันก่อนเถอะ! หวังว่าพี่สาวของเขาคงไม่บ้าดีเดือดไปแจ้งตำรวจมาจับเซญอร์คนนี้หรอกนะ ไม่อย่างงั้นคงได้เข้าไปนอนเล่นในตะรางอย่างที่เธอว่าจริงๆแน่ “มะ...ไม่ครับ ผมไม่เห็นเธอเลยจริงๆครับ เซญอร์คงโดนอีหนูแถวนี้หลอกเข้าให้แล้วมั้งครับ ผมคือลูกชายคนเดียวของร้านนี้เองครับ” ผมเป็นลูกชายคนเดียวและพี่สาวคนละพ่ออีกคนหนึ่งครับ อัลเวสคิดต่อในใจ ยังไงก็คงต้องให้เซญอร์มาดเถื่อนนี้กลับไปให้ได้ก่อน ไอ้เรื่องที่มนตร์ลดาจะไปแจ้งตำรวจก็ค่อยว่ากันอีกทีหนึ่ง เพราะถ้าตำรวจมาจริงๆ เซญอร์ผู้นี้คงไม่เดือดร้อนแน่เพราะเขาคงเส้นใหญ่อยู่ไม่น้อยถึงไม่ได้สะทกสะท้านเมื่อพูดถึงตำรวจ แต่ร้านนี้ต้องปิดตัวลงทันทีเพราะถือว่าเปิดแหล่งค้าประเวณีผิดกฏหมาย!!

                “นายแน่ใจนะ” อเตต้าร์คาดคั้น

                “คะ...ครับ แน่ใจครับ” อัลเวสตอบอย่างหนักแน่น และต้องวิ่งตามร้องเรียกบุรุษร่างสูงใหญ่เสียงหลงเมื่อเขาเดินกลับเข้าไปหลังม่านสีดำอีกครั้ง

                อเตต้าร์ขอยืมปากกาจากพนักงานในร้านที่เดินผ่านไปมาแล้วเปิดประตูเข้าไปในห้องที่เขาเพิ่งใช้มันกับแม่คิตตี้ที่ล่องหนหายตัวไปจากเขาเมื่อราวชั่วโมงที่ผ่านมา บัดนี้ร่างของชายหญิงคู่หนึ่งยังโรมรันพันตูกันอยู่บนเตียง ทั้งคู่หยุดชะงักจากกิจกรรมสุดเหวี่ยงที่ทำกันแล้วหันมามองผู้มาเยือนงงๆ อเตต้าร์ยกมือขึ้นเชิงขอโทษและไม่ได้สนใจพวกเขาอีกแต่จอมเถื่อนกลับหันหน้าเข้าหาผนังข้างห้องจรดปากกาเขียนข้อความบางอย่างไว้!!

                ‘ฉันยังรอให้เธอเอาคนมาลากคออยู่นะคิตตี้ 51330XXXX โทรมาหาได้ทุกเมื่อ’

            เขียนข้อความฝากไวเรียบร้อยแล้วอเตต้าร์ก็เดินออกไปอย่างหัวเสียสุดๆ แม่คิตตี้นี่ทำให้เขาโมโหซ้ำแล้วซ้ำอีก เขารึอุตส่าห์รอให้เธอไปหาใครซักคนที่เธอคิดว่าจะช่วยเธอได้มาจัดการกับเขา แต่เธอกลับหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย แถมยังหลอกเขาอีกว่าเป็นลูกสาวเจ้าของร้าน อย่าให้เจออีกทีนะ จะเอาให้ร้องไม่ออกเลย ฮึ่ม!!

 

                ในขณะที่คนด้านล่างเดินหงุดหงิดงุ่นง่านควานหาตัวสาวน้อยหน้ามนอย่างอารมณ์เสีย เจ้าตัวกลับวิ่งหนีมาอย่างไม่คิดชีวิต มนตร์ลดาปิดประตูห้องนอนส่วนตัวอย่างเบามือที่สุดเพราะกลัวว่ามารดาที่กำลังนอนหลับอยู่ห้องข้างๆจะรู้สึกตัวตื่นขึ้นมา หญิงสาวรีบวิ่งเข้าไปในห้องน้ำพร้อมทั้งเปิดฝักบัวอันใหญ่ให้สายน้ำไหลลงชำระร่างกาย สายน้ำและน้ำตาร้อนๆไหลแข่งกันโดยไม่มีทีท่าว่าจะเหือดแห้งไป มือเรียวเล็กขัดถูร่างกายของตัวเองอย่างแรงเหมือนกับจะขัดรอยจูบของคนที่พรากความสาวอันหวงแหนของตนเองไป เป็นนานกว่าที่จะก้าวออกมายืนดูร่างเปลือยเปล่าของตัวเองในกระจกเงาบานใหญ่ ริมฝีปากที่แดงอยู่แล้วกลับแดงบวมซ้ำมากขึ้นอีก ทั่วทั้งตัวมีรอยคิสมาร์กเป็นจ้ำๆสีช้ำมากมายจนนับไม่ถ้วน มันมากหลายแห่งจนต้องหลับตาลงอย่างละอายแก่ใจตัวเองเมื่อมองเห็นรอยช้ำนั้นทั่วทรวงอกทั้งสองข้าง!!

                ข่มขืนเหรอมนตร์ลดา!? เธอกล้าพูดได้เต็มปากเหรอว่าผู้ชายแปลกหน้าคนนั้นข่มขืนเธอ มันอาจจะใช่ในตอนแรกที่สู้กำลังเขาไม่ได้ แต่พอเวลาผ่านไปเธอเองต่างหากที่ปล่อยตัวปล่อยใจให้ผู้ชายที่ไหนก็ไม่รู้! เกลียดตัวเองนัก!! ไอ้โจรบ้ากามมันยังท้าทายเธอให้หาคนมาจัดการมันแต่พอเวลาผ่านไปได้คิดทบทวนถึงเหตุผลหลายสิ่งหลายอย่าง กลับเป็นเธอเองที่ไม่กล้าเอ่ยปากบอกใคร!

                เหตุผลก็คงเป็นอย่างที่ไอ้คนหยาบช้านั้นท้าทาย หากแจ้งความคนที่เดือดร้อนที่สุดก็คงต้องเป็นแม่ของเธอ ปัญหาอีกหลายอย่างที่ตามมาคงไม่ต้องบอกก็เดาได้ว่ามันจะวุ่นวายมากแค่ไหน ที่สำคัญเธอคงรับไม่ได้ที่เห็นแม่ต้องเสียใจถ้ารู้ว่าเธอโดนขืนใจในร้านเสียเอง

                มนตร์ลดารีบแต่งตัวและคลานขึ้นเตียงนอนอย่างเจ็บปวดใจ ความเจ็บทั้งใจและกายที่เพิ่งได้รับ มันยิ่งทำให้ความเหนื่อยล้าที่ได้รับนั้นมีมากเกินปกติ หญิงสาวจึงหลับไปอย่างง่ายดายเมื่อขึ้นไปนอนอยู่บนเตียงที่อบอุ่นในเวลาเพียงไม่กี่นาทีต่อมา

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา