Lightillusen- ศึกมนตราทะลุมิติ
เขียนโดย MaJesteR
วันที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2558 เวลา 18.46 น.
แก้ไขเมื่อ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2558 19.15 น. โดย เจ้าของนิยาย
4) Facing the Republic of The Ancient
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ01
ฟรอสต์!!!
เกิดอะไรขึ้น? แลนด์ตกใจกับสิ่งเกิดขึ้นกับตัวเขา ฟรอสต์ได้หายไปในแสงสว่างนั่น แต่เหมือนเขาจะพูดอะไรทิ้งท้ายไว้ด้วยรอยยิ้ม แต่แลนด์ได้ยินไม่ถนัด แลนด์ตบหน้าสองครั้งเพื่อเรียกสติคืนมาและพยายามที่จะลืมๆเรื่องนั้นไปเสีย เขาเดินสำรวจรอบๆห้องโถง รินยังคงนอนอยู่ เขาอุ้มเดินไปที่ห้องของเขา และวางเธอลงที่เตียงของเขาอย่างนุ่มนวล พลางลูบหัวเธอเบาๆ และห่มผ้าให้เธอ และเดินออกมา ก็เจออีฟยืนอยู่ตรงหน้าห้องของเธอพอดีเช่นกัน เธอเหลือบๆมองหน้าแลนด์ ไม่กล้าที่จะสบตาของแลนด์ตรงๆ แลนด์ก็ยิ้มให้เธอ และยื่นมือออกมาและพูดว่า “ไปเดินด้วยกันไหม?” เธอตกใจกับคำพูดของแลนด์ หน้าของเธอแดงขึ้น ในใจก็อยากจะตอบตกลง แต่ร่างกายยังคงวางท่าอยู่ ไม่ยื่นมือไปจับเสียที แลนด์เห็นดังนั้นจึงแกล้งพูดไปว่า “งั้นฉันไปก่อนนะถ้าเธอไม่อยากไปด้วยกันนะ” จากนั้นก็หันหน้าและก้าวเดินออก
อีฟตกใจเป็นอย่างมาก ก็พุ่งตัวมาเกาะ และคล้องแขนอย่างรวดเร็ว จนน่าตกใจ เธอพูดทั้งที่แก้มป่องอยู่ว่า “ใครบอกว่าไม่อยากไปเล่า!” แลนด์ยิ้มและลูบหัวเธอเบาๆ แต่เขากลับโดนหัวของเธอกระแทกเข้าที่คางเต็มๆด้วยการกระโดดกระแทกอย่างรุนแรง เธอยังคงทำหน้าแก้มป่องอยู่ แลนด์ก็ยิ้ม และทั้งคู่ก็เดินควงออกจากอีแลนเดียไปทั้งอย่างนั้น ช่างดูเหมือนกับคู่บ่าวสาวที่กำลังจะก้าวออกจากโบสถ์
ทั้งสองออกมาสู่ข้างนอกก็พบกลับว่า พวกตนอยู่ท่ามกลางหมู่บ้านแห่งหนึ่งที่ กว้างขวางมากๆ เต็มไปด้วยตึกสูงใหญ่ จำนวนที่อยู่ติดกันจนแน่น ทำให้ดูกลับว่าที่นี้เหมือนเป็นศูนย์กลางของเมืองที่ทันสมัย ที่นี้อะไรๆก็ล้ำสมัยไปซะหมด จนดูไม่เหมือนว่าเป็นโลกใบเดียวกันเลย แลนด์ตื่นเต้นกับความล้ำยุคของสถานที่แห่งนี้มากๆ เขาเดินจูงมืออีฟเดินสำรวจรอบๆ แลนด์สัมผัสได้ถึงความผิดปกติของเธอ มือของเธอ เหงื่อออกจนชุ่ม และสั่นเทา แลนด์แปลกใจถึงหันไปดู เขาก็ตกใจกับอาการของอีฟ เธอสั่นไปทั่วทั้งร่าง เมื่อเห็นชายคนหนึ่งเดินผ่านเขาไป
ชายร่างเล็กแต่สูงกว่าแลนด์เล็กน้อย สวมเสื้อแจ็กเก็ตสีขาวมีฮู้ด ผมหยักศกทั้งหัว ขาวโผลนเหมือนกับหิมะ กางเกงขายาว รองเท้าเตะธรรมดา ก็ดูเป็นผู้ชายทำธรรมดาในสายตาของแลนด์ มันทำให้เขาสงสัยว่าทำไว้อีฟ ต้องสั่นกลัวเขาถึงขนาดนี้ เธอมองตามเขาไม่โดยไม่กระพริบตา จนเขาเดินหายลับไปในฝูงชน
เธอถอนหายใจด้วยความโล่งอก เธอล้มลง เข่าอ่อน แลนด์ประคองเธอไว้ได้ทัน
“นี้เธอไม่เป็นอะไรใช่มั้ย??” แลนด์ถามด้วยความเป็นห่วง
เธอส่ายหน้าและค่อยๆดึงร่างเล็กๆ ของเธอขึ้นยืนอีกครั้ง เธอมองขึ้นฟ้าก็เห็นตึกขนาดใหญ่ที่สูงลับฟ้า มันสูงพอๆกับอีแลนเดียเลย เพียงแต่ความล้ำสมัยมันต่างกัน อีแลนเดียเป็นเพียงแค่ต้นไม้ขนาดใหญ่ธรรมดา ที่บังเอิญภายในใช้เป็นที่อยู่ได้ แต่ตึกนี้มันช่างดูยิ่งใหญ่ กว้างขวาง ทรงพลัง น่ากลัว และความรู้สึกอื่นๆอีกหลายๆอย่างที่บอกไม่ถูก
ทันใดนั้น ชายคนนั้น ก็โผล่มาอยู่ตรงหน้าเธอ เขาสวมหมวกฮู้ดอยู่ เขามองตาอีฟและเผยรอยยิ้มที่น่ากลัว เธอช็อคจนตาค้าง ลั่นไปทั้งร่าง แลนด์เห็นดังนั้น จึงรีบวิ่งเข้ามาใกล้และผลักเขาออกไป และเสี้ยววินาทีที่มือของแลนด์จะสัมผัสร่างของเขา เขาก็เอี้ยวตัวหลบและก็พุ่งขึ้นมา ยืนตรงหน้าแลนด์ ดวงตาของทั้งสองจ้องมองกัน หนึ่งดวงสีแดง มองด้วยความมุ่งมั่น อีกดวงหนึ่งเป็นดวงตาที่ประหลาด นัยน์ตาเป็นสัญญาลักษณ์แปลกๆ เหมือนกับปุ่มสวิสต์เปิดเป็นเครื่องมือไฟฟ้า
“ถอย! แลนด์” อีฟตะโกนลั่นขึ้น
แลนด์ตกใจและถอยหลังออกมาทันที แต่ทว่าชายคนนั้นก็โผล่มาอยู่ตรงหน้าแลนด์อีกครั้งอย่างรวดเร็ว เขายิ้มออกมา ช่วงเวลาเพียงไม่ถึงวินาที หมัดที่มองไม่เห็นก็เข้ากระแทกช่วงท้องของแลนด์อย่างรุนแรง จนเขากระเด็นออกไป กระแทกกับบ้านหลังหนึ่ง
ชาวเมืองพากันแตกตื่น ทำให้เกิดความวุ่นวายขึ้น จากนั้นเขาก็เดินมาที่อีฟ และพูดว่า “ยินดีต้อนรับกลับมานะ หึหึ” อีฟตกใจกับคำพูดของเขามาก จากนั้นเธอก็หมดสติไปโดยการตบท้ายทอยด้วยสันมือ
แลนด์ได้สติคืนมา เขาค่อยๆลืมตาขึ้นก็พบว่าเขาอยู่ในห้องนอนที่ไม่คุ้นตา เขาพยายามกวาดตามองรอบข้าง เขายังคงมึนหัวเล็กน้อย อาการจุกก็ยังคงอยู่ เขาพยายามฝืนลุกขึ้นนั่งและก็ไม่สามารถทำได้
อย่าเพิ่งลุกเลย เสียงที่ห้าวดังขึ้นจากนอกห้อง จากนั้นก็มีคนเดินเข้ามา แลนด์หันไปมองทางต้นเสียงทันทีก็พบ เด็กสาวคนหนึ่ง เธอยิ้ม รอยยิ้มของเธอมันทำให้เด็กหนุ่มชะงัก เขาตะลึงกับสาวน้อยที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขา เธอเป็นเด็กผู้หญิงที่สูงถึงคิ้วของเขา ผมสั้นเพียงประบ่า ยาวตรง สีม่วงสด เธอคาดผมตรงกระหม่อมด้วยริบบิ้นสี สีแดงเลือด ผูกกันเป็นหูกระต่ายสองข้าง ทัดหูด้วยผมทางด้านซ้าย เธอสวมเครื่องแบบยีนส์สีดำ กระโปรงทรงเอรัดรูปยาวเพียงครึ่งขาอ่อน เผยให้เห็นขาเรียวๆขาวๆของเธอ และด้วยเครื่องแบบนี้มันช่างทำให้ เห็นสัดส่วนที่ชวนน่าหลงใหลยิ่งนัก เธอคาดปลอกแขนสีแดง เขามองเรือนร่างของสาวน้อยแล้วเคลิ้มจนมองตั้งแต่ศีรษะไล่ลงมาเรื่อยๆ เรื่อยๆ เรื่อยๆ จนไปสะดุดที่รองเท้าสีแดงสะท้อนแสงของเธอ มันชั่งขัดกันอย่างเห็นได้ชัด
“อ้าวๆ ยังไม่ตายอีกเหรอ?” เสียงที่คุ้นเคยดังขึ้น มันเป็นเสียงที่แลนด์ได้ยินแล้วรู้สึกหงุดหงิดใจมาก เขามองไปที่ประตู มีชายคนหนึ่ง สวมชุดแบบเดียวกันกับ เด็กสาวคนที่เดินมาก่อน คือเอสนั่นเอง แลนด์ตกจั้งการ์ดขึ้นทันที
ฮ่ะๆ ไม่ต้องหรอกนะ เด็กสาวหัวเราะ เธอยิ้มให้แลนด์ จากนั้นเธอก็เดินมาตรงหน้าแลนด์พร้อมๆกับเอส เอสทำหน้าฉุนกึกเหมือนมองมาที่แลนด์ จากนั้นเด็กสาวก็เริ่มพูดว่า
สวัสดี แลนด์ อีเกล เรียกฉันว่า อีลก็แล้วกันนะ เธอพยายามแนะนำตัวเอง แลนด์ก็พยักหน้าตอบ และมองฆ้อนมาที่เอส เขาก็มองกลับมาเช่นกัน ทั้งสองจ้องหน้าเขม่นกัน
เราไม่มีเวลาแล้วนะ! อีลพูดขึ้นมา แลนด์ตกใจจนชะงัก และเงียบลง อีลจึงเล่าต่อไปว่า
ตอนนี้ เมืองของพวกเรา X-City ถูก จักรวรรดิ์ ดิ แอนเซี่ยน เข้าปกคลุมอยู่ ! พวกมันพยายามที่จะรวมโลกทั้งหมดให้เป็นหนึ่งเดียว
นั่นก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอ แลนด์แย้งขึ้นมา อีลส่ายหน้า
ใช่มันดีแล้ว ถ้า พวกมันเป็นคนดีนะ อีลหลับตาซ้ายลง หันข้างเล็กน้อย จากนั้นจึงพูดต่อไปว่า “ตอนนี้พวกมันพยายามที่จะปกครองโลกทั้งหมด มันสามารถครอบครองไปได้ถึง 6 ดินแดนแล้ว หรือเพียงนี้ที่ตรึงกำลังเข้ายึดครองแล้ว จากนั้นพวกมันจะทำให้โลกเข้ามารวมกันเป็นหนึ่งเดียว ถ้าจากนั้นฝันร้ายจะเริ่มต้นขึ้น….”
แลนด์อึ้งไปกับคำพูดของอีล แต่เข้าก็สงสัยเล็กน้อย จึงถามกลับไป “รวมโลก? ยังไงล่ะ” ทันใดนั้นเอสก็เดินมาตบหัวแลนด์ครั้งหนึ่ง และพูดไปว่า “แกนี้มันสมองทึบจริงๆหรือยังไงห้ะ? ก็อีฟยังไงล่ะพวกมันจะใช้อีฟเป็นเครื่องสังเวย เพราะพลังที่มากมายของเธอ และความพิเศษของเธอสามารถทำได้ นี้กินนอนกันมาทุกวันไม่ได้รู้เรื่องเลย??”
แลนด์หน้าแดงทันที แต่ก็ทำท่าทีอารมณ์ขึ้นสุดขีดเพื่อกลบเกลื่อน “สังเวย? ไม่จริงนะ” แต่สหายทั้งสองพยักหน้าตอบ จากนั้นอีลยืนมือออกมาและพูดว่า “นายจะร่วมมือกับเราไหม?”
แลนด์ยิ้มและพูดว่า “พวกนายก็ร้ายใช่ย่อยนะ” เอสยิ้มและตอบกลับว่า “เพราะอย่างนี้ไงฉันถึงเกลียดนาย ไอ้คนชอบรู้ทัน!”
เมื่อตกลงจับมือกันเรียบร้อยแล้ว อีลก็เดินออกจากห้องไป เอสนั่งลงที่เก้าอี้ที่อยู่ข้างๆเตียงและพูดว่า “หมอนั่น…..” แลนด์แสดงอาการงงๆเล็กน้อย เลยซ้ำคำพูดของเอสอกครั้ง หมอนั่น??
ชายผมขาวคนนั้นไง “เขาชื่อ ADD เขาเป็นพี่ชายแท้ๆของอีฟเข้าเป็นคนที่ดีมากๆเลยนะ แต่ทว่าความซื่อสัตย์และซื่อตรงที่มากจนเกินไปของเขา ทำให้เขาตกเป็นเหยื่อของ ดิ แอนเซี่ยนได้ง่ายๆ โดยการหลอกใช้เขา โดยเงื่อนไขอะไรซักอย่าง แผนของเราคราวนี้ เราจะช่วยได้ทั้งโลก และสองพี่น้องนั่นด้วย” เอสพูดด้วยสีหน้าจริงจัง
แลนด์พยักหน้าตอบ และหันมองขึ้นไปที่ตึกที่สูงที่สุดของเมืองแห่งนี้…
เวลาผ่านไปจน มืดค่ำ
แลนด์ลุกขึ้นจากเตียงของเขา จัดเสื้อผ้าข้าวของเรียบร้อย เซตผมนิดหน่อย ยิ้มให้กระจกเบาๆ และเดินออกมาจากห้อง ก็พบรินยืนอยู่ตรงหน้า เขาคุกเข่าลง ลูบหัวเธอเบาๆและพูดว่า “ไม่ต้องห่วงนะเดี๋ยวพี่จะไปช่วยพี่สาวออกมาเองนะ รินรออยู่ที่นี้ไปก่อนนะ ดึกแล้วนะ รีบนอนเดี๋ยวไม่สูงนะเออ”
รินตกใจและรีบวิ่งเข้าไปที่ห้องของเธอทันที ก่อนที่ประตูห้องจะถูกปิดลง เธอพูดขึ้นว่า “สู้ๆนะคะ พี่ชาย”
แลนด์ยิ้ม และเดินออกมาจนถึงประตูหน้า ก็พบเบิร์นยืนขวางเขาอยู่ ทั้งสองจ้องตากัน เบิร์นเปิดด้วยคำถามก่อน “นายจะไม่ให้ฉันช่วยจริงๆเหรอ?”
แลนด์พยักหน้าตอบ และพูดว่า “ก็จริงอยู่ที่ตัวฉันอาจจะมีพลังไม่เพียงพอ แต่ทว่า เบิร์น ฉันมีพลังของทุกคน ทั้งนายและฟรอสต์ รวมถึงเบลจังที่งีบหลับอยู่ในกระเป๋าเสื้อของฉันด้วย ฉันทำได้แน่นอน อีกอย่างฉันอยากให้นายปกป้องเธอไว้ ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับที่นี้ ถ้ามีนาย เธอจะปลอดภัย ฉันเชื่อให้ตัวนาย”
เบิร์นพยักหน้าตอบ และถอยออก เปิดทางให้แลนด์เดินออกไปได้ จากนั้นเขาพูดว่า “ไปจัดการมันให้หมอบเลย ไอ้พวกขี้ขโมย”
แลนด์หันมายิ้ม “ได้เลย”
แลนด์เดินออกมาจากอีแลนเดีย เขามองไปที่ท้องฟ้าที่มืดสลัว กวาดสายตาไปยังตึกที่เป็นเป้าหมาย ก็สังเกตได้ถึงความผิดปกติที่ชั้นบนสุด กลุ่มเมฆลอยตัวต่ำลง และก่อตัวเป็นรูปร่างประหลาด ทำให้เขาสังหรณ์ใจไม่ค่อยดีและรีบวิ่งเข้าป่าที่อยู่ข้างหน้าเพื่อตรงไปยัง ตึกนั่นทันที
ในระหว่างที่วิ่งไปด้วยความเร็ว แลนด์ได้ยินเสียงเหมือนมีคนวิ่งตามมา ตามมา ใกล้เข้ามา ใกล้ขึ้น จนขนาบข้าง วิ่งคู่เขาไป แลนด์หันไปยิ้ม เพราะชายคนนั้นก็คือเอสนั่นเอง
รอก่อนนะ…อีฟ พวกเราจะไปช่วยเดี๋ยวนี้ล่ะ!
มาช้านะนาย.......
แลนด์พูดขึ้นโดยที่หันไปทางของเอสที่วิ่งขนาบเข้ามา เอสยิ้มตอบ และพูดว่า “มันต้องเตรียมตัวนิดหน่อยนะ” จากนั้นเอสก็ยกนิ้วโป้งชี้ไปทางด้านหลังของเขา
แลนด์หันมองตามไป ก็พบกับ อีล ที่วิ่งตามมา เธอยิ้มให้เขา นั่นมันทำให้เขาประหลาดใจไม่ใช่น้อย แต่ที่น่าตกใจยิ่งกว่านั้นคือ เหล่ากำลังพลที่มากมาย กำลังตามหลังเธอมาติดๆ
นี้คือ กำลังของพวกเรา พวกเราก็คือ อัศวินดำ (Black Knight) พวกเราเป็นกิลด์เพียงกิลด์ที่คิดจะต่อต้าน จักรวรรดิ ดิ แอนเชี่ยน เพราะว่าพวกเราเห็นมันหมดแล้วยังไงล่ะ วิธีการที่ชั่วร้าย มันทำลายไม่เรื่องหน้า เพียงเห็นว่าเป็นศัตรู พวกมันคิดว่าพวกตนเป็นพวกที่ถูกต้องเสมอ และตอนนี้กิลด์มากกว่า 90% ตกอยู่ใต้อำนาจของพวกมันโดยที่ไม่อาจจะขัดขืนได้…
เฮือก
แลนด์สะดุ้งขึ้น และนึกถึงกิลด์ของเขาทันที เบิร์น ฟรอสต์ เอส ริน ทุกคนที่อยู่ที่อีแลนเดียจะปลอดภัยไหม? มันยังคงเป็นคำถามในใจของเขา
ถ้าขัดขืนกิลด์จะต้องพินาศเลยอย่างนั้นเหรอ แลนด์ถามขึ้นมา และนึกถึงภาพของอีแลนเดียที่โดยเผาทำลายอย่างโหดร้าย เหล่าสหายของเขากรีดร้องด้วยความเจ็บปวด ที่ยิ่งกว่านั้น รินที่ล้มลงต่อหน้าเขากลับถูกไฟครอกไปทั้งตัว ช่างเป็นภาพที่น่าหดหู่ยิ่งนัก แลนด์รีบตบหัวตัวเองเพื่อที่จะหยุดความคิดเหล่านั้นในหัวของเขาทันที
อยู่ๆแลนด์ก็มีข้อสงสัยขึ้นจะหันกลับไปถามอีลที่วิ่งตามอยู่ “แล้วพวกมัน มีอำนาจมากมายมหาศาลขนาดนี้ละก็ ทำไมพวกมันไม่เปลี่ยนโลกด้วยตัวเองเลยล่ะ อำนาจล้นฟ้าขนาดนี้ มันน่าจะทำได้อย่างง่ายดายเลยไม่ใช่เหรอ?”
อีลมองมาที่แลนด์ด้วยหน้านิ่งและส่ายหน้า พลางถอนหายใจ เหนื่อยใจกับแลนด์จริงๆ และพูดว่า “นายนี้มันโง่หรือไม่อาจจำอะไรได้เลยรึยังไงห้ะ?”
Majester (มาเจสเตอร์) คือบุคคลที่เป็นจอมเวทย์ที่แข็งแกร่งที่สุด ซึ่งเงื่อนไขที่จะได้ครอบครองนามอันทรงเกียรตินี้ยังคงเป็นปริศนาอยู่ มาเจสเตอร์ไม่ใช่เพียงผู้ที่แข็งแกร่งที่สุด เขาว่ากันว่า เขาจะอยู่ในดินแดนลึกลับที่เรียกกันว่า Great Spirit (เกรท สปิริต) ซึ่งสิ่งนั้นคือศูนย์รวมแห่งพลังทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น ภูติ อย่างเช่น เบลจังของนาย หรือวิญญาณ หรือพลังอื่นๆ ศาสตร์ต่างๆ จะอยู่ภายในนั้น เรียกง่ายๆว่า ผู้ที่อยู่ในนั้นจะกลายเป็นนักปราชญ์ผู้รอบรู้ทุกๆสิ่งในโลกแห่งนี้เลยก็ว่าได้
และเนื่องจาก รู้ทุกเรื่องอย่างหมดเปลือก จึงสามารถทำอะไรก็ได้ บนโลกนี้ จะสามารถเปลี่ยนแปลงสิ่งต่างๆบนโลกนี้ จะเพิ่มหรือจะลบสิ่งต่างๆนั้นก็ไม่ใช่เรื่องยากเลย ยิ่งมาเจสเตอร์คนปัจจุบันเป็นผู้ชำนาญในเรื่องของเวทย์กาลเวลายิ่งด้วยแล้ว พลังของเขาจะสามารถทำให้โลกเปลี่ยนไปได้ดั่งใจหวังดุจเป็นพระเจ้าเลย
หลังจากที่แลนด์ฟังเรื่องราวมานั้น เขาก็อึกจนพูดอะไรไม่ออก จากนั้นอีลก็พูดต่อไปอีกว่า
อีฟ คือมาเจสเตอร์คนปัจจุบัน ก็ไม่รู้หรอกนะว่าเกิดอะไรขึ้นจึงทำให้พลังของเธออ่อนลง และมาอยู่กลับนายได้ แน่นอนว่าการที่จะได้เป็นมาเจสเตอร์คนใหม่ได้ต้องเอาชนะเธอให้ได้ใน GS และพวกมันพยายามที่จะทำการเช่นนั้นอยู่ยังไงล่ะ
แลนด์สงสัย “ถ้าอีฟเก่งขนาดนั้น ก็ไม่น่าจะถูกจดการได้ง่ายๆนินา”
อีลส่ายหน้า และตอบกลับว่า
อย่างที่บอกเธอกำลังอ่อนแอลง ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเธอ เหมือนว่าเธอจะถูกลบความทรงจำด้วยละมั้ง แต่สิ่งที่พวกนั้นคิดจะทำก็คือ การที่ทรมานเธอในเครื่องอะไรซักอย่างเพื่อลดพลังของเธอไปเลยๆ จากนั้นเมื่อเธอไร้พลังแล้วก็จะพาเธอไปยัง GS และสังหารเธอซะ นี้แหละเบื้องหลังความจริงที่พวกมันคิดจะทำ
แลนด์นิ่งเงียบไป เขายังคงวิ่งฝ่าป่าต่อไปเรื่อยๆ กัดฟันแน่น กำหมัดแน่นจนเส้นเลือดขึ้น “ถ้าอย่างนั้นก็ถ้าดวลแบบดีๆเลยสิว่ะ” แลนด์โมโหจนถึงขั้นขีดสุด เขาพูดขึ้นว่า “เบลจัง ให้ฉันยืมพลังอีกครั้งนะ ครั้งนี้ฉันต้องช่วยเธอคนนั้น ช่วยอีฟ ” เบลได้ยินดังนั้น ร่างภูติของเบลจังจึงสว่างขึ้นและค่อยๆเปลี่ยนรูปร่างจนกลายเป็นก้อนพลังงานและพุ่งเขาใส่แลนด์ ทำให้เกิดการประสานวิญญาณขึ้นทันที
จากนั้นพวกเขาก็มาหยุดอยู่ตรงทางเข้า X-tower แล้ว
แลนด์เงยหน้ามอง ตึกสูงใหญ่ที่ตั้งอยู่ตรงหน้าของเขา เงยมองตามความสูงของมันจนเกือบที่จะหงายหน้า จากนั้น เอสก็เดินมาตบไหล่ของเขาและพูดว่า “จะพูดให้ง่ายๆ พวกเราจะเข้าไปถล่มที่แห่งนี้ ซึ่งตึกแห่งนี้ เดิมที่เป็นตึกที่เอาไว้ฝึกยังไงล่ะ ผู้คนเก่งๆจะก็มาฝึกจากที่นี้ทั้งนั้นล่ะ แต้ทว่าเมื่อ ADD ยึดที่นี้ได้สำเร็จมันก็กลายเป็นสถานที่ที่น่ากลัว มันไม่ใช่ฐานทัพลับ แต่มันฐานทัพที่เต็มไปด้วยกองกำลังรบมหาศาลเลยละ และอย่างที่เคยกล่าวไว้ในห้องพยาบาล คนเดียวที่จะช่วยเธอได้ มีเพียงแค่นาย แลนด์ นายจำเป็นต้องขึ้นไปบนสุดยอดนั้น และช่วยเธอออกมา พวกเราจะสนับสนุนให้นายขึ้นไปให้ง่ายที่สุด”
แลนด์พยักหน้าตอบ
อีลเดินออกมา ตรงหน้าประตูและหันกลับมามองเหล่าสมาชิกกลุ่มอัศวินดำ เธอยิ้ม และพูดว่า “นี้คงเป็นศึกสุดท้ายระหว่างเรากับพวกมัน คราวนี้จะไม่มีคำว่าแพ้หรือถอยทัพอีก จะสู้จนขาดใจ สู้เพื่อทุกคน เพื่อโลกใบนี้ พวกเราจะชนะใช่มั้ย”
โอ้สสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสส
เสียงร้องลั่นของเหล่าสมาชิก ดังสนั่นไปทั่ว จนทำให้แลนด์จึงต้องอุดหูของเขาทันที
ใช่มั้ยยยย??
โอ้สสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสส
สิ้นเสียงอีลก็หันหลังกลับและเปิดประตูตรงหน้า และพูดว่า “บุกได้!”
จากนั้นทุกนายก็วิ่งเข้าประตูบานนั้นเข้าไปทันที ก็แปลกใจที่ว่า เจอห้องเปล่าๆ ว่างๆ ที่มืดสนิท อีลที่สามารถมองเห็นได้ที่มืด เธอกวาดมองรอบข้างทันที เธอก็เห็นว่า ตึกนี้มันมีลักษณะที่ข้างในที่กลวงจนไปถึงข้างบน นอกจากสายตาพิเศษที่สามารถมองเห็นได้ในที่มืดแล้ว เธอจะมองได้ไกลมากกว่า 1 กิโลเมตร ทำให้เธอเห็นสิ่งที่อยู่ข้างบน สูงจากจุดที่พวกเธอยืนอยู่ ราวๆ 50 ชั้นของตึกใหญ่
ชิ
เธอทำเสียง แสดงความไม่พอใจออกมา และยืนคิดวิเคราะห์สถานการณ์อยู่
ทันใดนั้น ไฟจากตะเกียงที่อยู่รอบๆตัวตึกก็ค่อยๆ ลุกไหม้ขึ้น มันค่อยๆสว่างขึ้นทีละอันทีละอัน เวียนรอบจนครบรอบ จากนั้น ไฟจากจุดที่สูงกว่าก็ค่อยจุดขึ้น ไปเรื่อยๆ เป็นเช่นนี้ไปเรื่อยๆจนทำให้มองเห็นได้ทั่วทั้งตึก แถมยังมองได้ถึง ชั้นบนสุดที่มีเพดานกั้นไว้
ทันใดนั้นก็มันวัตถุประหลาด ตกลงมาจากเพดานนั้น มันกระแทกเสียงดังและทำให้เกิดควันฟุ้งกระจาย ปรากฏร่างของชายหนุ่มคนหนึ่ง รูปร่างดี มีกล้ามเล็กน้อย ใส่เสื้อคลุมแขนกุดสีดำสนิท ที่เสื้อมีสายรัด เขาก็รัดไว้อย่างเรียบร้อย กางเกงขายาวสีดำ ผมสีดำตรง ที่ไม่ยาวมาก เพียงแค่คลุมหัวได้ทั้งหมดจนเหมือนหัวเห็ด มันลืมตาขึ้นมองมาที่พรรคพวกของแลนด์ ดวงตาสีเหลืองนั้น ทำให้แลนด์เสียววูบขึ้นมาทันที เพราะแววตานั้นมันแฝงไปด้วยจิตสังหารมหาศาล เหมือนสัญชาติญาณของสัตว์ป่าที่ยืนตรงหน้าของเขา
อีล กับ ตกใจจนยืนนิ่งไปเลย เอสหันไปดูอาการของเธอ และโบกมือไปทางเหล่าสหาย ให้เตรียมพร้อมไว้
“ไม่ไหวหรอก” เสียงเล็กๆ ที่แทบไม่ได้ยินถูกเปล่งออกไป จนแลนด์ร้อง หะ
“ไม่ไหวยังไงล่ะ ยังไงพวกเราก็เอาชนะเขาไม่ได้!” อีลตะโกนเสียงดังใส่แลนด์ กระชากคอเสื้อของเขาดึงลงมาเพื่อจะดูหน้าของเขาชัดๆ และเธอก็พูดว่า
“คนคนนั้น คือ 1 ใน 4 จักรพรรดิ เซตน์ ที่คอยปกป้องมาเจสเตอร์ยังไง พลังของพวกมัน เรียกได้เข้าขั้นปีศาจได้เลย และนอกจากนั้น ตำแหน่งที่รองลงมาจากนั้น คือเหล่าการ์เดี้ยน จะเป็นกิลด์หลักที่ขึ้นตรงกับจักรวรรดิ ทำภารกิจเพื่อพวกมัน นายลองคิดดูสิ ว่าขนาดที่ เซตน์มาอยู่ที่นี้ได้ พวกเราจบแล้ว ตายหมดแน่!”
แลนด์ไม่เข้าใจในสิ่งที่เธอพูด เขามองไปที่เซตน์ที่ยิ้มให้เขาอย่างอ่อนโยนแฝงไปด้วยความเลือดเย็นเล็กน้อย และหันมามองที่อีลเสียสติไปแล้ว และเขาก็ตบไหล่อีลสองข้าง และปลดมือเธอจากคอเสื้อของเขา ปัดๆเล็กน้อยให้มันเข้ารูปและ เดินออกมาตรงหน้าของเซตน์
เซตน์ยิ้ม และพูดขึ้นว่า “นายจะดวลตัวต่อตัวกับผมอย่างนั้นเหรอ” แลนด์พยักหน้าตอบ
จากนั้นเขาก็พูดอีกว่า “เมื่อกี้… แอบได้ยินนะครับ ผมมาคนเดียวครับ ผมมาช่วยเพียงแค่คุณพี่ ADD ครับ คือมาขั้นขวางพวกคุณทั้งหมดครับ”
ไม่ยอมหรอกน่า แลนด์พุ่งเข้าไปทันที สร้อยข้อมือของเขาสว่างขึ้น ปรากฏเป็นดาบแสงอีแลนเดอร์ทันที ภาพที่เห็นมันทำให้เซตน์ตกใจ และถอยหลังหนึ่งก้าวทันที
ย้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกก
แลนด์หวดดาบใส่เป้าหมายอย่างรุนแรง และด้วยพลังของรูนธาตุแสงทำให้วิถีดาบนั้นพุ่งไปอยางรวดเร็วจนแถบมองไม่ทัน แต่ทว่าก็เกิดเรื่องเหลือเชื่อเช่นกัน ที่ว่า อยู่ๆแลนด์ที่พุ่งเข้าไปโจมตีเป้าหมาย ที่อยู่ตรงหน้าเหล่าอัศวินดำ แลนด์หายไปโดยไม่ทราบสาเหตุ สร้างความตื่นตกใจให้กับกองทัพเป็นอย่างมาก
แต่ทว่าสายตาของ อีล กับเอส ที่มองเห็นเหตุการณ์อย่างชัดเจน พวกเขาเห็นในช่วงเวลาไม่ถึง 0.5 วินาที ที่ดาบของแลนด์จะไปถึงตัวของเซตน์
แลนด์ฟันอย่างรุนแรง แต่ทว่าในช่วงเวลานั้น เซตน์ใช้มือ รับดาบที่อัดรูนไว้อย่างเต็มเปี่ยมจนเกิดแสงสีเหลืองทองได้อย่างสบายใจ และมืออีกข้างของเขาก็ผลักกระแทกร่างของแลนด์อย่างรุนแรง จนเขาลอยขึ้นไปพร้อมดาบของเขาทันทีอย่างรวดเร็ว
ภาพนั้น ทำให้ทั้งสองช็อคเป็นอย่างมาก เอสกัดฟันและพุ่งเข้าไป พร้อมกับพูดว่า “โจมตี!” จากนั้นทุกนายก็โจมตีเซตน์ทันที โดยที่เขายืนรอด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม
….
แลนด์ที่ลอยอยู่ เขากำลังลอยพุ่งขึ้นสูงขึ้นเรื่อยๆ เขากัดฟันหลับตา และนึกถึงช่วงเวลานั้น ช่วงเวลาเพียงไม่ถึงวินาที ที่เซตน์รับดาบของเขาไว้ เขาพูดว่า “คนที่นายต้องสู้ด้วย ไม่ใช่ผมหรอกครับ เพียงแต่คุณได้รับคำเชิญให้ขึ้นไปข้างบนนั้นได้ครับ นอกนั้น ผมจะไม่ยอมให้ผ่านไปได้ครับ” และเขาก็ยิ้มปิดท้ายให้แลนด์หลังจากที่ซัดแลนด์ลอยขึ้นไปแล้ว
แลนด์ลอยสูงยิ่งขึ้นไปอีก ไปเรื่อยๆด้วยความเร็วจนกระแทกกับกำแพงเพดานนั้น ก็ทำให้เขารู้ว่ามันไม่ใช่กำแพง แต่มันคือประตูมิติหรืออะไรซักอย่าง เมื่อร่างกายของเขากระแทกมัน เขาก็หายไปในเพดานนั้นทันที
….
แลนด์ค่อยๆลืมตาขึ้นช้าๆ เขางัวเงีย และในที่สุดเขาก็ลืมตาขึ้นได้เสียที เขาก็ตกใจกับสถานที่ที่เขาอยู่ เขาน่าจะอยู่ที่ชั้นบนสุดของ X-tower นินา แต่ที่นี้มันที่ไหน มันเป็นห้องที่ใหญ่มากๆ รอบข้าง เต็มไปด้วยเหล่าหมู่ดาว เหมือนกับว่าแลนด์ได้อยู่ที่ที่สูงมากๆ จนสามารถมองเห็นดาวได้ในระดับสายตาแบบนี้ เขากำลังตะลึงอยู่ กับสถานที่ที่เขาอยู่ ในห้องนั้นเป็นห้องที่ปิดมิดชิด มีเพียงแค่ ประตูบานใหญ่ ที่อยู่ตรงหน้าเขา แต่ห่างออกไปไกลหลายร้อยเมตร ห้องที่เขาอยู่มันกว้างใหญ่มากๆ
ในระหว่างที่เขากวาดตามองรอบข้าง
ตึก..ตึก..ตึก
เสียงฝีเท้าของใครบางคนดังขึ้น แลนด์ตกใจ แต่ทว่าบุคคลนิรนามนี้ก็พูดขึ้นมาว่า “ไม่ได้เจอกันนานนะ แลนด์ อีเกล ดูท่าทางจะเก่งขึ้นมาหน่อยแล้วสินะ”
เสียงที่คุ้นเคยนี้มันทำให้แลนด์ กลั้นโมโหเอาไว้แทบไม่อยู่ จนทำให้เขาหลุดจากการประสานวิญญาณทันที เขาหันกลับไปมองที่ต้นเสียงด้วยใบหน้าที่โกรธกริ้ว
แก……………………..
ก็ผมชาย ผมหยักศกสีขาว สวมฮู้ดมีหมวก กำลังยืนเอามีล้วงกระเป๋ากางเกงทั้งสองข้างอย่างสบายใจ ดวงตารูปสวิทช์นั่น มันทำให้แลนด์จำได้ดี เขากำลังยิ้มให้กับแลนด์
แก…………………… ADD!!
ADD พูดขึ้นว่า "การเตรียมการเรียบร้อยแล้ว ทุกอย่างเป็นไปตามแผน ทุกอย่าง...."
การเผชิญหน้าอีกครั้ง ตัวต่อตัวระหว่าง แลนด์ กับ ADD ?
Facing the Republic of The Ancient
02
ทุกอย่างมันเป็นไปตามแผนแล้ว….
คำพูดดังกล่าวมันยังคงดังก้องอยู่ในหัวของแลนด์ ถึงแม้จะไม่เข้าใจได้ถึงความหมายของมัน แต่เขารู้สึกได้ว่า มันเป็นเรื่องที่อันตรายและไม่อาจให้อภัย ดังนั้น มันจึงยิ่งทำให้เขา โมโหยิ่งๆกว่าเดิม
เขาพุ่งตรงไปยัง ADD ทันที ยกดาบแสงของเขาขึ้นหมายที่จะสังหารเป้าหมายทันที
เดี๋ยวก่อนแลนด์! เบลร้องขึ้นดัง แต่ทว่าเสียงของเธอก็ไม่อาจที่จะหยุดแลนด์ไว้ได้อีกแล้ว แลนด์พุ่งเข้าไป หวดดาบของเขาใส่เป้าหมายทันที แต่ทว่า ADD ก็เอียงคอหลับไปได้สบายๆ และเขาก็ยิ้มเยาะ
มันยิ่งกระตุกต่อมโมโหของเขาให้ยิ่งๆขึ้นไปอีก แลนด์เลือดขึ้นหน้าแบบสุดๆ แลนด์ระดมเหวี่ยงดาบแบบไม่ยั้งคิด เหวี่ยงซ้าย หวดขวา ตวัดขึ้น สับลง โจมตีโดยไม่หยุดหย่อนอย่างบ้าคลั่ง แต่ทว่า ความคล่องตัวของ ADD นี้ก็น่าทึ่งเช่นกัน เขาสามารถเบี่ยงตัว ขยับนิดเขยิบหน่อย ก็สามารถหลบเพลงดาบที่กวัดแกว่งอย่างมั่วซั่วของแลนด์ได้สบายๆ
แลนด์โจมตีอย่างต่อเนื่องไปเรื่อยๆ อีกฝ่ายก็หลบกันไปเรื่อยๆ มันกินเวลาไปนานพอสมควร จนแลนด์เริ่มที่จะอ่อนล้า ความเร็วในการเหวี่ยงดาบของเขาลดลงอย่างเห็นได้ชัด จน ADD จับทางดาบได้ และให้สองมือตะปบอีแลนเดียได้อย่างง่ายได้
เขายิ้ม และพูดว่า “แบบนี้นายเอาชนะฉันไม่ได้หรอกนะ”
จากนั้นเขาก็แทงเข่าเข้าที่กลางลำตัวของแลนด์ ความรุนแรงนั้นทำให้เขาทรุดจนตัวงอตามแรงกระแทก และนิ่งไปในที่สุด
แลนด์ แลนด์ ไม่เป็นไรนะ เบลจังบินออกมาและพยายามที่จะเขย่าเรียกสติของแลนด์ แต่ร่างกายเล็กๆของเธอไม่อาจทำให้แลนด์รู้สึกได้ เพียงแต่จะได้ยินเสียงของเธอ
ADD มองมาที่เบล และถลึงตาใส่ ดวงตาของเขา มันเป็นสัญลักษณ์ปุ่ม power ของเครื่องใช้ไฟฟ้า เบลจังตกใจและหันกลับไปมองที่ตาของเขาพอดี
เธอนะ ยังไม่ถึงเวลาไม่ใช่เหรอ? นัยน์ตาของ ADD นั้นทรงพลังมาราวกับว่ามันสกดให้เบลจังต้องจ้องมาที่เขาตลอดเวลา ทันใดนั้น ดวงตาข้างขวาของเขาก็ดับลง กลายเป็นดวงตาที่ไร้นัยน์ตา สัญลักษณ์ประหลาดบนตาของเขาหาย พร้อมกับการที่เบลจัง ล้มลงอย่างไม่ทราบสาเหตุได้
Shut down
แลนด์ได้สติคืน พยายามส่ายหัว แต่ก็ยังคงมึนๆ และอาการบาดเจ็บที่ช่วงท้องยังคงอยู่ มันปวดจุกตลอดเวลา แต่เขาก็ต้องตะลึงกับภาพที่ได้เห็นตรงหน้า
เบลจังถูกสยบโดยADD มันเป็นภาพทำให้แลนด์ตกใจเป็นอย่างมาก
และมันก็ทำให้แลนด์เดือดดานยิ่งกว่าเดิม มันทะลุปรอทไปแล้ว ตอนนี้ไม่มีใครสามารถหยุดเขาได้แล้ว แลนด์มอง ADD ด้วยสายตาแห่งความเคียดแค้น ทันใดนั้น
“ แลนด์……” เสียงของเบลดังขึ้นให้หัวของแลนด์ แลนด์ตกใจ
“ เบลจัง…” เธอเป็นอะไรไหม?
“ไม่เป็นไรหรอก นายยังอาการหนักกว่าฉันอีกนะ แลนด์คุง”
ภาพในหัวของแลนด์ ปรากฏเป็น ร่างของภูติเอลฟ์สาว ยืนอยู่ตรงหน้าของแลนด์ เธอชั่งสง่างาม ทำให้สายตาของแลนด์เผลอจับต้องอย่างเลี่ยงไม่ได้ ภูติร่างสวมชุดสีเขียวอมเหลือง เป็นเดรสยาวคลุมเข่า ผ่ากลางและค่อนข้างรัดรูป เผยให้เห็นสัดส่วนที่น่าหลงใหล ปีกทั้งสองข้างคล้ายปีกของแมลงปอ เธอเปล่งประกายอยู่ในหัวของเขา มันน่าแปลกใจตรงที่ว่า ทำไมเธอถึงมีขนาดของร่างกายที่เท่ากับแลนด์ เหมือนกับว่าเป็นเด็กสาวธรรมดาคนหนึ่งที่คอสเพลย์เป็นแฟรี่สาว น่ารักๆ
“อย่าจ้องกันนักสิ …….” เธอบิดตัวเล็กน้อย พร้อมๆกับหลบสายตาของแลนด์ ด้วยใบหน้าที่แดงๆเล็กน้อย “เบลจัง.. เธอน่ารักมากเลย” แลนด์เอ่ยปากชม
“ขอบคุณนะแลนด์ แต่ทว่ามาธุระของพวกเราก่อนเลยดีกว่า” เธอตัดบททันที
ตอนนี้นายกำลังโมโหขั้นสูงสุด ฉันรู้ว่านายต้องการที่จะช่วยอีฟ อย่างมากที่สุด แต่ทว่าในการต่อสู้ที่ฉลาดนายต้องใจเย็น และวิเคราะห์สถานการณ์ให้ได้นะ
แลนด์พยักหน้าตอบ..
“แต่ว่า….” เขาพยายามค้าน
“เพราะอย่างนี้ไง นายถึงได้แพ้ แลนด์” เบลพูดตัดทันที
คำพูดของเบลทำให้แลนด์ ชะงักทันที เขานิ่งไม่ได้พูดโต้ตอบอะไร เขาพยายามคิดและทบทวนถึงเหตุผลที่ว่าทำไมเขาถึงแพ้ และที่สำคัญทำไมเขาจึงประสานวิญญาณกับเบลจังไม่ได้
ฟิ้ววววววววววว
แลนด์ถอนหายใจครั้งใหญ่ เขาหลับตาขึ้นมามองตาเบลที่อยู่ตรงหน้า เขายิ้ม เบลยิ้มตอบ จากนั้นทั้งสองก็ขยับเข้ามาใกล้กัน แลนด์กระซิบข้างหูเธอเบาๆ
ขอโทษนะเบลจัง…..
เสียงของแลนด์มันทำให้เบลกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ เธอโผกอดแลนด์แน่น เธอยิ้มอย่างมีความสุข และพูดทั้งรอยยิ้มว่า “อืม เรามาพยายามกันอีกครั้งเถอะนะ”
หึหึ
ADD หัวเราะอย่างโรคจิตก่อนที่ง้างขาพร้อมที่จะเตะแลนด์อย่างรุนแรง แต่ทว่าพริบตาที่ขาของ ADD จะปะทะกับร่างกายของแลนด์ แลนด์ก็ใช้รับมือไว้ได้ทัน
สิ่งที่เกิดขึ้นมันสร้างความพอใจให้กับ ADD เป็นอย่างมาก เขาหัวเราะออกมาเบาๆ และยิ้มมุมปากอย่างพอใจ กับภาพที่แลนด์สามารถรับลูกเตะของเขาได้อย่างสมบรูณ์แบบ
“คราวนี้ ฉันจะไม่ยอมให้นายเอาชนะฉันได้ง่ายๆหรอกนะ…. ADD” แลนด์พูดขึ้นพร้อมกับค่อยๆลืมตาทั้งสองข้างของเขา มันเปลี่ยนสีไป จากสีแดงเลือดกลายเป็นสีเหลืองอมเขียวแฝงประกายสีทองอยู่ภายใน เช่นเดียวกันกับผมของเขา มันก็กลายเป็นสีเหลืองอมเขียวด้วยเช่นกัน
แววตาที่มุ่งมั่นของแลนด์ ส่งผ่านความตั้งใจของเขามาถึง ADD จนทำให้เขาเกาหัว ขยี้ผมสีขาวของเขา เขาหลบตาแลนด์และพูดเบาๆว่า “นายมันไม่เข้าใจด้วยจริงๆสินะ”
ก่อนที่เขาจะหันกับมา มองความมุ่งมั่น ความตั้งใจ ความฝัน ความหวังของแลนด์ และหัวเราะอย่างสะใจใหญ่โต ก่อนที่เขาจะยกขาอีกข้างขึ้นให้เขาอยู่ในสภาพลอยอยู่กลางอากาศ จากนั้นเขาผลิกตัวกลางอากาศและใช้เท้าอีกข้างที่ไม่ได้โดนจับได้ถีบเข้าหน้าของแลนด์ แลนด์มองเห็นทันแต่ก็ไม่สามารถหลบได้ทันเนื่องจากความเร็วของ ADD และการเคลื่อนที่ต่อเนื่อง มันนุ่มนวลและงดงามจนทำให้เขาไม่อาจที่จะจับจุด และการโจมตีของ ADD ได้
ลูกถีบยอดหน้าเข้าเป้าเต็มๆ แรงถีบของเขาก็ไม่ใช่ธรรมดา มันทำให้แลนด์เลือดกำเดาไหลออกมาเป็นทางได้แลนด์
เป็นอะไรมั้ยแลนด์? เบลจังพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนสื่อถึงความเป็นหวงอย่างมาก ในหัวของเขา จนทำให้แลด์รับรู้ได้
แลนด์ควักผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋ากางเกงขึ้นมาเช็ดเลือดของเขาให้เรียบร้อยเสีย จากนั้นเขาก็โยนมันทิ้งไป
ทิ้งทำไมล่ะ? นายอาจจะต้องใช้มันเลือดอีกเยอะเลยนะ ADD พูดถากถาง
แต่คราวนี้คำพูดของ ADD มันไม่มีผลใดกับแลนด์ เขายังคงสงบนิ่ง เยือกเย็นอยู่ เขามองมาที่ ADD และพูดว่า “มาต่อกันเลยดีกว่า” จากนั้นเขาก็หยิบดาบที่หล่นอยู่ข้างๆเขาขึ้นมาตั้งท่าพร้อม ซึ่งมันก็สร้างความพอใจให้กับ ADD จนเขาหลุดหัวเราะออกมาอีกครั้ง
อีกด้านหนึ่ง ที่ X-tower
ย้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
ตูมมมมตามมมมมมมมมมมมมมม
เกิดการปะทะกันอย่างรุนแรงราวกับเกิดสงคราม และใช้อาวุธระดับนิวเคลียร์เข้าห้ำหั่นกัน และยังคงเกิดการระเบิดอีกอย่างต่อเนื่อง
เอสกำลังปะทะกับเซตน์อยู่ ด้วยดาบญี่ปุ่นที่ห่อหุ้มด้วยกระแสไฟฟ้าของเขา มันเสริมการโจมตีของเขาให้ หนักหน่วงยิ่งขึ้น ทะลุทะลวงมากยิ่งขึ้น ทรงพลังมากยิ่งกว่าเดิม แต่ทว่าทางของเซตน์ที่ยอมหยิบอาวุธออกมาจนได้หลังกว่าที่ต่อสู้ด้วยมือเปล่ามานานกว่า10 นาที
ย้ากกกกกกกกกกกกกกกก
ดาบของเอสฟาดฟันเข้าไปที่เป้าหมายอย่างรวดเร็วแต่ว่า เพียงแค่ด้ามจับของเคียวเล่มใหญ่ สีดำทมิฬของเขา เพียงแค่ด้ามจับก็ยาวเท่าส่วนสูงของเขาแล้ว มันหนาและแข็งแรงเป็นอย่างมาก และใบมีดของเคียวที่ใหญ่โต สามารถสับ หั่น ทุกสิ่งที่ขวางหน้าได้อย่างง่ายดาย
ทั้งสองยังคงปะทะกันอยู่ ด้วยการประชันแรง อาวุธของทั้งสองปะทะกันอยู่ โดยที่ต่างฝ่ายต่างดันให้อีกฝ่ายเพลี่ยงพล้ำไป
อยู่ๆเซนต์ก็พูดขึ้นมาว่า “นายรู้หรือป่าวว่าหมอนั่น หายไปนานแค่ไหนแล้ว??”
เอสกัดฟันและตะคอกกับไปพร้อมกับออกแรงดัน “15 นาทีไง ไม่รู้จักเวลารึยังไงล่ะห้ะ?”
“ปิ้ง ป๊อง ถูกต้องแล้วนะคร้าบบบ” เซนต์ยิ้ม
รอยยิ้มของเขาทำให้เอสไม่พอใจอย่างรุนแรง “ยิ้มอะไรของแก”
ใบหน้าของเซนต์กลับมาสู่ความจริงจังอีกครั้ง และเขาตอบกลับไปว่า “ก็จริงอยู่ครับว่าที่นี้เวลาผ่านไปเพียงแค่ 15 นาที แต่สถานที่ที่เขาอยู่ ณ ตรงนั้น มันผ่านไปแล้ว 1 ชั่วโมงนะครับบบ”
เอสตกใจ จนนิ่งค้างไป แต่เซตน์ก็ไม่ได้โจมตีสวนกลับ ทำเป็นแกล้งๆชนพลังกันอยู่ จากนั้นเขาก็กำลังจะอ้าปากพูดบางอย่างขึ้น
กลับมาที่ สถานแห่งหนึ่ง
อ้าคคคคคคคคคคคค
เสียงร้องของชายหนุ่ม ที่โดนซัดกระเด็น จนไถลพื้นออกไปไกล เนื้อตัวมอมแมม และบาดเจ็บพอสมควร กับชายหนุ่มอีกคนที่เดินตามมา และหัวเราะเยาะด้วยความสะใจ จากนั้นก็ลงมือเตะเขาอีกครั้ง จนกระเด็นออกไปอีก เช่นเดิม เขาก็เดินตามไป แต่คราวนี้เขาหยิบนิ่ง และพูดว่า
เพื่อเป็นรางวัลที่ต่อสู้มาได้ถึงขนาดนี้ ฉันจะเล่าความจริงของเหตุการณ์คราวนี้ให้ฟังก็ได้
คะ….ความจริงอย่างนั้นเหรอ?
ทั้งเอส อีล แลนด์ ต่างพากันอึ้งกันจนนิ่งไปเลย ทางเอสก็ผ่อนอาวุธลง และยืนมองหน้าเซนต์ เขาก็ยิ้มให้ ส่วนของแลนด์ ที่บาดเจ็บจากการต่อสู้มาอย่างหนัก ก็พยายามที่จะลุกขึ้นนั่ง
จากนั้นเหตุการณ์ก็ได้ถูกถ่ายทอดให้ทั้งสามคนฟัง…
“อันดับแรก พวกนายรู้ใช่ไหมว่า มาสเจสเตอร์คืออะไร? ใช่ครับมาสเจสเตอร์คือตัวตนที่แข็งแกร่งที่สุดให้โลกแห่งนี้ เป็นผู้ปกครองโลกทั้งใบ ไม่ใช่ปกครองทางด้านวัตถุอย่าง จักรวรรดิ์ ดี แอนเชี่ยน นะ แต่ทว่าครอบครองโลกอย่างสมบรูณ์แบบทุกอย่างบนโลกนี้..”
“ใช่แล้ว คือเธอ อีฟ น้องสาวของฉันที่นายรู้จักนั่นล่ะ เธอคือมาสเจสเตอร์ในยุคนี้และมีพลังมากมายที่สุด มากพอที่จะเปลี่ยนโลกได้”
“แต่ทว่า อีฟ..เธอถูกแยกออกเป็นสองคน ซึ่งมีตัวตนอยู่จริง เราเรียกคนหนึ่งเป็นร่างเนื้อ ซึ่งร่างเนื้อ เธอได้อยู่กับนาย เพราะว่าเธอต้องการอย่างนั้น โดยที่ร่างเนื้อนั้นทำงานผ่านความคิดที่ส่งผ่านจากร่างภูติที่อยู่ใน GS ยังไงล่ะ แต่ส่วนร่างภูติก็แยกส่วนออกมาชัดเจน เหมือนกับว่าเป็นคนละคน แต่ว่า ร่างภูติสามารถควบคุมร่างเนื้อได้อย่างสมบรูณ์”
แลนด์ทำหน้างง และตอบกลับไปว่า “ไม่ใช่ว่าพวกนายต้องการที่จะครอบครอง เธออย่างนั้นหรือยังไง?”
ADD หยุดพูด และยืนคิดซักครู่ “ใครเป็นคนที่บอกนายถึงเรื่องนั้น”
อีล ยังไงล่ะ! แล้วสรุปมันจริงหรือไม่จริง? แลนด์ตะคอกเสียงดัง
“ใจเย็นสิแลนด์คุง ใจร้อนรีบไปมันก็ไม่มีความหมายหรอกนะ” ADD หยักไหล่ จากนั้นเขาก็หันหลังให้แลนด์และเริ่มพูดต่อ
“ในโลกที่ใกล้จะพินาศเต็มทนแล้วเนี้ย ไม่มีใครหรอกที่สามารถหยุดได้ แม้กระทั่งนายที่มีพลัง SOL (Spirit Of Light) ใช่คนคนเดียวที่สามารถหยุดความน่ากลัวของโลกนี้ได้ มีเพียงแค่หล่อนคนเดียวเท่านั้น จึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมหล่อนถึงต้องมาอยู่ที่นี้ยังไง”
ไม่เห็นจะเกี่ยวอะไรกันเลย แลนด์ตอบกลับทันที
หุปปากและฟังเงียบๆก่อนจะได้มั้ย ห้ะ? ADD ตะคอกเสียงดังกลับ
การทำให้ร่างทั้งสองมาพบ กันทำให้เกิดการประสานวิญญาณเข้ากับร่างกายของหล่อนเอง หรือเราเรียกว่า การคืนชีพยังไงล่ะ เพื่อให้เธอสามารถใช้พลังได้อย่างเต็มที่ เพราะเพียงแค่พลังของตัวเธอ เพียงแค่คนเดียวมันไม่สามารถทำได้ ดังนั้นจึงจำเป็นต้องใช้ร่างต้นที่แท้จริงของเธอ เพื่อที่จะหยุดเหตุการณ์ในครั้ง นี้ล่ะ เป้าหมายของพวกเรา สี่จักรพรรดิ และ มาสเจสเตอร์
แลนด์อึ้ง จนนิ่งค้างไปเลย เขาพยายามคิดอยู่ในหัว และก็แอบหัวเราะเบาๆ ที่ว่า อยู่ดีๆเด็กสาวที่เขาเจอข้างทาง จะเป็นคนที่เธอต้องการที่พบตัวเขามากที่สุด จากนั้นก็ร่วมเดินทางกันมา มีช่วงเวลาด้วยกันมาตลอดจนถึงวันนี้ อยู่ๆเธอกลายเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุด มีอำนาจที่จะช่วยโลก
แลนด์กำลังคิดว่ามันเป็นเรื่องตลกแน่ๆ และหัวเราะออกมาเบาๆ จากนั้นเขาจึงถามต่อไปว่า “ถ้าอีฟฟื้นขึ้นมาแล้ว จากนั้นจะเกิดอะไรขึ้นต่ออย่างนั้นเหรอ?”
ADD ตอบด้วยใบหน้าที่เศร้าหมอง “โลกใบนี้จะโลกทำลาย และการสร้างโลกใหม่จะเริ่มต้นขึ้น”
คำตอบนั่นมันทำให้แลนด์ตกใจจนอ้าปากค้างไปเลย
มันเป็นหน้าที่ของเธอ….. ADD พยายามที่จะหลบสายตาของแลนด์
ทุกคน ทุกอย่าง ความทรงจำ ความรู้สึก ความสุข ความทุกข์ ความพินาศ ทุกสิ่งบนโลกจะทำให้กลายเป็นศูนย์ จากนั้นโลกใบใหม่จะถูกสร้างขึ้น ฉันก็ไม่รู้หรอกนะ พวกเราจะเป็นอย่างไรกันต่อ แต่ขอบอกได้แค่อย่างเดียวว่า ทุกอย่าง…. มันเป็นความต้องการของพระเจ้า
สิ้นเสียงของ ADD แลนด์ก็กลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่ เขาร้องไห้หนักมาก ความรู้สึกที่สั่งสมมาทั้งหมด ความผูกพันธ์ ที่มีต่อกัน ระหว่างเขาและอีฟ มันกำลังจะหายไป เมื่อคิดได้เช่นนั้น ความรู้สึกทั้งหมดของเขาก็ทะลักออกมา กลายเป็นบ่อน้ำตาที่ไม่อาจจะห้ามไว้ได้
หลังจากที่บ่อน้ำตาที่แตกไปแล้วนั้น แลนด์ก็มีความคิดอย่างหนึ่งเข้ามาในหัว ว่าถ้าเธอทำอย่างนั้นจริง แล้วทุกคนจะเห็นด้วยกับเธอหรือ จะไม่มีการคัดค้านใดๆเลยอย่างนั้นเหรอ? เธอจะปลอดภัยดีเหรอ? เมื่อคิดได้เช่นนั้น แลนด์จึงถามไปทันทีว่า “ตอนนี้เธออยู่ที่ไหน ผมอยากไปพบกับเธอ! ”
“นั้นสินะ…” ADD หลับตาและยิ้ม ก่อนที่เขาจะผายมือไปข้างหน้า จากนั้นแลนด์ก็ลุกขึ้น ปัดเสื้อผ้าเนื้อตัวที่เปรอะเปื้อน และเดินตาม ADD แอดต่อไป
จนกระทั่งไปถึงประตูบานหนึ่ง มันเป็นประตูไม้สักอย่างดี ดูหรูหรา พวกเขาหยุดนิ่งอยู่ตรงหน้าประตูบานใหญ่นั้น และมองดูความสวยงามของลวดลาย ประดับตามขอบประตู มันเป็นลายมังกรที่ขอบด้านซ้าย ส่วนด้านขวาเป็นลายสิงห์
หลังจากที่อึ้งตะลึกไปกับความยิ่งใหญ่ และความงามอันเป็นธรรมชาติ ADD ยิ้มและเอื้อมมือข้างขวาออกไปแตะกับประตูนั่นและมองผ่านมันไปด้วยความมุ่งมั่น
ทันใดนั้น ประตูประหลาดนั้นก็เปิดออกทันที สร้างความตกใจให้กับแลนด์จนอ้าปากค้าง สิ่งที่ปรากฏตรงหน้าพวกเขาทั้งสอง มันเป็นสิ่งที่ไม่อาจจะระบุได้ ไม่สามารถอธิบายได้ง่ายๆด้วยคำพูด มันเป็นอะไรที่ทำให้ชวนรู้สึก หยึยๆ อยู่ตรงหน้า สีฟ้าๆ
“อะไรนะ?” แลนด์สงสัย
“ประตูมิติยังไงล่ะ แค่นี้ดูไม่ออกรึยังไงฟ่ะ?” ADD ขึ้นเสียงเล็กน้อย
จากนั้นทั้งสองคนก็เดินเข้าไปในประตูมิตินั้น สัมผัสแรกเมื่อแลนด์ได้ก้าวเท้าเข้าไปในมิตินั่น เขาก็รู้สึกเหมือนถูกดูดเข้าได้ ด้วยพลังมหาศาลเหมือนกับเครื่องดูดฝุ่นที่ดูดเหล่าฝุ่นละอองที่ฟุ้งกระจายอยู่ตามพื้น
ว๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
เส้นทางในประตูมิตินั้นช่างกว้างใหญ่ มันเหมือนรูโพลงหนอนที่ทอดยาวไม่รู้จบ มันเงียบสงัดและมืดสนิท หนาวเหน็บ อ้างว้าง เดียวดาย
วุ่มมมม
ชั่วพริบตาแสงสว่างก็ผุดขึ้นมา สายตาของแลนด์มองเห็นแสงสีฟ้าอ่อนๆ มันชั่งสว่างไสวและสวยงามเสียเหลือเกินราวกับว่าเป็นรุ่งอรุณแห่งเช้าวันใหม่
วินาทีที่แลนด์ลืมตาขึ้น เขาก็กลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่ เมื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้าของเขา เป็นต้นไม้ขนาดใหญ่ที่กำลังห่อหุ้มวัตถุบางอย่างอยู่ แก้วใส ทรงกลมรี ขนาดใหญ่พอที่จะยัดใครซักคนลงไปได้ ภายในบรรจุร่างของเด็กสาวคนหนึ่งไว้
แลนด์รีบวิ่งไปที่แคปซูลนั้นทันที โดยไม่ทันสังเกตว่า ADD นั้นหายไปแล้ว แลนด์ร้องไห้และวิ่งไปเกาะที่แคปซูลทันที ตอนนี้ไม่อาจที่จะอธิบายความรู้สึกของพ่อหนุ่มคนนี้ได้เลย มันเป็นรอยยิ้มที่ไม่ได้สือถึงความสุข น้ำตาทีไหลพรากก็ไม่ใช่ความเศร้า เมื่อได้เห็นสิ่งที่เห็นตรงหน้า
ร่างของเด็กสาวผมขาวในสภาพเปลือยเปล่า ไร้สติ เธอดูในแคปซูล ในน้ำเหมือนอยู่ในครรภ์แรกเกิดเลย เธอกอดเข่า ดูดนิ้วโป้ง ดัง จ๊วบๆ ให้ความรู้สึกน่ารักน่าเอ็นดูไปอีกแบบ
หยุดแค่นั้นล่ะ! เสียงที่ก้าวร้าว และทุ้มต่ำ ดังขึ้นมาจากไกลๆ จนทำให้แลนด์สะดุ้งเล็กน้อย จนเมื่อเขาหันกลับไปมองทางต้นเสียงก็พบกับ ชายหนุ่มคนหนึ่ง สวมเสื้อผ้าที่ดูเรียบง่าย เพียงแค่กางเกงขาสามส่วน เสื้อยืด รองเท้าแตะ แลดูสบายๆ และให้ความรู้สึกที่ชิวมากๆ
ชายหนุ่มผมสีดำสนิท เผยแววตาสีดำสนิท ให้ความรู้สึก มืดมน น่ากลัว สิ้นหวัง และแผ่ออร่าที่น่ากลัวออกมา
แลนด์ชักดาบออกมาทันที ตั้งท่าพร้อมสู้ทันที เข้าสู่โหมดประสานวิญญาณอย่างรวดเร็ว
โอ๋ๆ ไม่ต้องรีบขนาดนั้นก็ได้นะพ่อหนุ่ม ชายหนุ่มค่อยๆบรรจงเดินมาจนถึงตรงหน้า พร้อมแสดงท่าทีห้ามแลนด์
อีฟของคืนชีพขึ้นมาอีกครั้ง มีเพียงเธอเท่านั้นที่จะช่วยโลกใบนี้ได้ แลนด์ระลึกได้ถึงคำพูดของ ADD ขึ้นมา จากนั้นเขาก็ตั้งมั่นพร้อมที่จะจับดาบสู้ทันที
คราวนี้ฉันจะปกป้องเธอให้ได้นะ อีฟ ถ้าเป็นพลังของฉันกับเบลจัง ต้องทำได้แน่นอน
ชายคนนั้นเดินเข้ามาโซเซ จากนั้นก็พุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว อย่างคาดไม่ถึง จู่โจมด้วยหมัดตรง แต่แลนด์เบี่ยงตัวหลับได้อย่างฉิวเฉียด และสังเกตเห็น ที่มือของเขา ว่ามีก้อนพลังกลมๆ สีดำสนิท กำลังหมุนเวียน อยู่บนฝ่ามือของเขา
แลนด์ตกใจกับการโจมตีนั่น จนชะงักเล็กน้อย เมื่อเขาตั้งหลักได้ เขาก็ง้างมือขวา แบออกกล้วง จิกข้อหนึ่งลงมือเล็กน้อย เหมือนกับว่ากำลังถืออะไรที่มองไม่เห็นอยู่
ลุยกันเลยแลนด์ เสียงจากเบลจังดังขึ้นให้หัวของแลนด์ ทันใดนั้น มือขวาของเขาก็สว่างขึ้น มันค่อยๆเปล่งแสงสีเหลืองทองออกมา จากนั้นแสงทั้งหมดก็มันรวบรวมอยู่บนฝ่ามือของเขา ก่อรูปขึ้นจนกลายเป็นลูกบอลกลมๆ ขนาดฝ่ามือสีเหลืองทองขึ้น
อุตส่าห์ฝึกมาทั้งคืน เจอนี้หน่อย Holy Light Cannon!!
อีกฝ่ายเผยรอยยิ้มออกมา “มันต้องอย่างนี้มันถึงจะสนุก!”
ย๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
เปรี๊ยงงงงงงงง
พลังทั้งสองเข้าปะทะกันอย่างรุนแรง จนเกิดเป็นแรงกระแทก กระแสไฟฟ้าที่รุนแรง สั่นสะเทือนไปทั่วทั้งมิติแห่งนั้น แต่ถึงอย่างนั้น ทั้งแลนด์และชายนิรนามก็ไม่ย่อถ้อ ยังคงต้านทานพลังกันอยู่ต่อไป
ทั้งสองไม่มีทีท่าที่จะยอมแพ้ ต่างฝ่ายมีเป้าหมายที่ชัดเจนโดยอ่านจากสายตาทั้งคู่ดูแล้ว คือจัดการศัตรูที่อยู่ตรงหน้านี้ให้ได้อย่างไม่ต้องสงสัย
ตูมมมมมมมมมมมมมมมมมมม
ในที่สุด พลังทั้งสองก็ทนแรงอัดจากเจ้าของไม่ไหวจนระเบิดออกอย่างรุนแรง สร้างความเสียหายออกเป็นวงกว้าง ทั้งคู่กระเด็นออกไปจากจุดปะทะคนละทิศคนละทาง
แลนด์ล้มกลิ้งไม่เป็นท่า ไถลไปกับพื้นไกล จนในที่สุด เมื่อหยุดนิ่ง แลนด์ก็นิ่งตามด้วยอาการชาเนื่องจากความเสียหายที่ได้รับนั้นชั่งมากมายยิ่งนัก แต่ในทางตรงกันข้าม เมื่อเกิดความเสียหายขนาดนี้ อีกฝ่ายก็น่าจะบาดเจ็บพอๆกัน เมื่อคิดได้เช่นนั้น แลนด์คุกเข่าพยายามที่จะลุกขึ้น แต่เขาก็ต้องประหลาดใจ เมื่อให้ชายหนุ่มผมดำ ยืนอยู่ตรงหน้าของเขา มองลงด้วยหน้าตาเหยียดหยาม
นายจำฉันไม่ได้อย่างนั้นเหรอ? แลนด์ อีเกล?
คำถามนั้น มันทำให้แลนด์ได้หยุดคิดย้อนกลับไป ชายตรงหน้านี้ เขาเคยพบมาก่อนด้วยอย่างนั้นเหรอ มันมีอยู่ในส่วนหนึ่งของความทรงจำด้วยอย่างนั้นเหรอ
เมื่อเห็นแลนด์ที่กำลังตกตะลึงอยู่นั้น ชายหนุ่มผมดำ ยิ้มและใช้มือสบัดผมสีดำของเขา มันชั่งดูสลวยราวกับเส้นผมที่อ่อนนุ่มของหญิงสาวแรกแย้ม
หนังชีวิตมันต้องหลายตอนจบนะ แลนด์ อีเกล!
Facing the Republic of The Ancient II
03
อะไรของนาย!?
แลนด์ตะคอกกลับไปด้วยท่าทีก้าวร้าว แต่ก็แอบแปลกใจที่อีกฝ่ายดูเผินๆแล้ว แทบจะไม่ได้รับความเสียหายใดๆเลย
แลนด์กัดฟันแน่นด้วยความโกรธที่ไม่อาจจะควบคุมได้ จึงรวบรวมพลังอีกครั้ง และพุ่งเข้าไปโจมตีอีกครั้งอย่างรวดเร็ว……ผิดคาด ภาพในหัวของแลนด์ขาดสะบั้น พลังของแลนด์ถูกปัดไปได้อย่างง่ายดายด้วยมือข้างเดียว และแรงอัดจากท่าไม้ตายของเขา ทำให้เกิดแรงกระแทกทำร้ายตัวเขาเองอีกครั้งจนกระเด็นออกไปไกล
แลนด์นอนร้องโอย ในขณะที่ล้มเกลือกกลิ้งอยู่ที่พื้น อีกฝ่ายก็เดินมายิ้มเยาะให้ในความน่าสมเพชของเขา แลนด์บาดเจ็บพอสมควร มันมากพอที่จะทำให้เขาจุกจนกุมท้องนอนตัวงอ
แลนด์เหลือบขึ้นไปมอง หญิงสาวที่อยู่ในแคปซูลเธอยังคงหลับใหลอยู่อย่างสงบ แลนด์ยิ้มและพยายามที่จะเอื้อมมือไปที่เธอ
ผวัะ
ร่างของแลนด์รับรู้ได้ถึงแรงกระแทกอย่างรุนแรง มันเข้ามาเป็นกลางท้องของเขา ลูกเตะที่รุนแรงมากพอที่จะทำให้ร่างของเขาลอยขึ้นฟ้าไปได้อย่างง่ายดาย
สติที่ขาดสะบั้นขัดกับร่างกายที่ลอยพุ่งทะยานสู่ฟ้าอย่างรวดเร็ว และตกลงมากระแทกพื้นอย่างรุนแรง เกิดแรงสั่นสะเทือนไปทั่วบริเวณ
จากการประเมินแลนด์น่าจะหมดสภาพที่จะทำอะไรได้อีกแล้ว ชายหนุ่มผมดำมองลงมาที่แลนด์ที่นอนเดี้ยงอย่างไร้สติด้วยใบหน้านิ่ง ดวงตาสีดำคู่นั้นมันดูไร้ความรู้สึกแต่กลับให้ความรู้สึกที่น่าหดหู่อย่างบอกไม่ถูก
เมื่อคิดได้อย่างนั้นเขาจึงเดินผ่านแลนด์ที่นอนนิ่งไป เมื่อเขาเข้าใกล้กับอีฟแล้ว เขาเผยรอยยิ้มที่น่าขยะแขยง หัวเราะอย่างสะใจ เอื้อมมือจะได้แตะแคปซูล
แต่แล้วร่างกายของเขาก็หยุดชะงัก เขาไม่สามารถเดินต่อไปได้ จนรู้สึกว่าเหมือนมีอะไรที่ดึงขาของเขาไว้ จนท้ายที่สุดต้องสบัดผมสั้นๆสีดำสนิทของเขาและก้มลงมองดูข้างล่าง
สายตาจ้องเขม่งมาที่เขา จนเขาชะงักและสัมผัสได้ถึงออร่าที่น่ากลัว บางทีมันอาจจะไม่ใช่ความมุ่งมั่นหรือความดื้อดึง มันอาจเป็นเพียงสัญชาติญาณของสัตว์เท่านั้นเอง
ดวงตาสีแดงกร่ำจ้องโดยไม่กระพริบตาแม้แต่วินาทีเดียว มันใกล้เคียงกับสายตาแห่งความเคียดแค้น จนเกิดแผ่ออร่าออกมาจนทำให้ดวงตาสีดำที่ถูกจ้องนั้นเกิดความขุ่นเคือง และสร้างความให้พอใจ ใบหน้าที่บูดเบี้ยวของหมอนั่นตราตรึงอยู่ในดวงตาคู่สีแดงนั้น จนสัมผัสได้ถึงแรงต่อต้านเหมือนเกิดเป็นกระแสไฟฟ้า เปรี้ยะๆ ตลอดเวลา
จนในที่สุดดวงตาสีดำแห่งความว่างเปล่าก็ดับมืดลง เขาหลับตาและหันหน้าหลบสายตาของแลนด์ และแกว่งขาไปมา สะบัดขาอย่างรุนแรงแต่แลนด์ที่เกาะเขาไว้อย่างมั่นคงก็ไม่มีทีท่าว่าจะปล่อยให้หลุดมือไปได้
“มือนายมันเป็นตีนตุ๊กแกหรือยังไงห้ะ”
อีกฝ่ายเหวี่ยงสะบัดด้วยความโมโหและรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ จนเขาทนไม่ไหวและใช้มือทั้งสองข้างจิกหัวแลนด์และยกร่างของเขาขึ้นและเหวี่ยงลอยขึ้นฟ้าไปไกล
สิ่งมีชีวิตรูปร่างมนุษย์ที่ถูกโยนออกไปเหมือนเป็นวัตถุที่ไร้ค่า มีเสี้ยวเวลาเล็กน้อยก่อนที่จะตกลงสู่พื้นเหมือนกับขยะที่กำลังลอยเข้าไปหาถังขยะ
“ไม่ยอมแพ้ลองน่า!”
แลนด์พลิกตัวกลางอากาศ รวบรวมพลังใหม่อีกครั้ง ใช้ช่วงหน่วงเวลาที่ลอยอยู่กลางอากาศให้เกิดประโยชน์สูงสุด
“เบลจัง อีกครั้งนะ เรามาลุยกันอีกครั้งนะ”
“อืมม”
ย้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
แลนด์พุ่งตกลงมาอย่างรวดเร็ว ดวงตาสีแดงกร่ำเผยให้เห็นสัญชาติญาณที่จะเอาตัวรอดให้ได้ และตอนนี้มันก็คงกำลังสั่งให้แลนด์ เอาชนะศัตรูที่อยู่ตรงหน้าให้ได้
HolyLight Cannon!
แลนด์สร้างลูกบอลที่บีบอัดพลังงานมหาศาล อยู่บนฝ่ามือของเขาโจมตีเป้าหมายอย่างรวดเร็ว ด้วยแรงโน้มถ่วงของโลกผนวกกับความเร็วของพลังธาตุแสงจึงเกิดเป็นความเร็วมหาศาลที่น่าเหลือเชื่อ
“อย่างนี้สิ มันถึงจะสนุก แลนด์ อีเกล”
ฝ่ายตั้งรับยิ้มอย่างพอใจและอ้าแขนรอรับการโจมตีของแลนด์
เปรี้ยงงงง
ลูกบอลแสงของแลนด์กระแทกกับอาณาเขตป้องกันอย่างรุนแรง พลังทั้งสองต่อต้านกันโดยไม่มีใครยอมแพ้ใคร จนเกิดเป็นกระแสไฟฟ้าดังขึ้น เปรี้ยะๆ กระแสลมพัดกระจายออกไปอย่างรุนแรงราวกับพายุหมุนที่มีความเร็วไม่ต่ำกว่า 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมงโดยมีศูนย์กลางอยู่ที่จุดปะทะอยู่ที่แลนด์กับชายหนุ่มปริศนา
ย้ากกกกกกกกกกกก
แลนด์พยายามที่จะใส่พลังเพิ่มขึ้นไปอีก ทำให้ลูกบอลพลังแสงของเขาเกิดการหมุนควงมากยิ่งขึ้นลักษณะเหมือนกับสว่านที่กำลังเจาะต้นไม้ใหญ่ มันค่อยๆเจาะทะลวงเข้าไปเรื่อยๆ เรื่อยๆ
เพล้งงงงงงงงงงง
บาเรียแตกออก ภาพที่เห็นเหมือนกับเศษกระจกที่แตกออกหลังถูกทุบอย่างรุนแรง เกิดเป็นช่องว่าง รูโบ๋ เท่าขนาดตัวของแลนด์ แลนด์เล็ดลอดเข้าไปได้ เขาจึงทิ้งร่างตามแรงโน้มถ่วงและทะลุผ่านอาณาเขตป้องกันไปได้
พลังที่รุนแรงของแลนด์ กระแทกกับอาณาเขตป้องกันอย่างรุนแรงจนมันสิ้นพลังไป แลนด์กำลังดิ่งเข้าไปหาเป้าหมายทันที ทั้งสองปะทะกันด้วยสายตาที่ก้าวร้าว
ทันใดนั้นแสงจากกำไลข้อมือของแลนด์ก็เปล่งแสงสว่างขึ้น ปรากฏเป็นดาบยาวสีเหลืองทองนามว่า “:อีแลนเดีย” แลนด์ตกถึงพื้นด้วยการย่อขาลงเล็กน้อยเพื่อลดความเสียหาย
จากนั้นแลนด์เริ่มกระหน่ำโจมตีทันที เขาเหวี่ยงดาบ ฟันซ้าย ฟันขวา ตัดล่าง ฟันเฉียง สับลง อย่างต่อเนื่องแต่ก็ไม่เป็นผลเป้าหมายสามารถอ่านการเคลื่อนไหวได้และเอียงตัวหลบได้อย่างสบายๆ พร้อมทั้งรอยยิ้มที่แฝงไปด้วยการเยาะเย้ยและการดูถูก
แลนด์เคลื่อนไหวเร็วขึ้นเรื่อยๆ เพลงดาบที่ฟาดฟันอย่างต่อเนื่อง ท่วงท่าที่อ่อนช้อยและงดงาม แต่ทว่าก็ยังคงไม่โดนเป้าหมายเสียที การเคลื่อนไหวที่น่ารำคาญนั้นมันสามารถหลบวิถีดาบได้อย่างสมบรูณ์
จนในที่สุดเมื่อแลนด์เร็วอย่างขึ้นไปอีก ในช่วงพริบตาก็เกิดกระแสลมพัดขึ้นไปทำให้ผมของเขาลอยตั้งขึ้น แววตาที่แฝงไปด้วยจิตสังหาร และแผ่รังสีชั่วร้ายอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน แลนด์ใส่พลังมากกว่าปกติโดยที่ไม่รู้ตัว จนทำให้เขาเร็วกว่าทุกที ร่างกายของเขาเปล่งแสงสีเหลืองทองสว่างขึ้น แสงที่ห่อหุ้มร่างกายของเขา ทำให้เขาเคลื่อนไหวได้อย่างใจมากยิ่งขึ้น
พริบตาที่แลนด์ไปถึงจุดที่เร็วที่สุดนั้น แลนด์โจมตีเป้าหมายด้วยการแทงที่รุนแรงและรวดเร็วดุจแสงจนตาแถบมองไม่เห็น มันเป็นการโจมตีเพียงครั้งเดียวที่แลนด์ก็ไม่รู้สึกตัวเลยว่าเกิดอะไรขึ้น เขารู้แค่ว่าเขาเร็วกว่าปกติมาก และเร็วยิ่งก่าตอนประสานพลังกับเบลจังมาก มันได้ผลการโจมตีครั้งนี้เข้าเป้าถึงแม้อีกฝ่ายจะเบี่ยงตัวหลบได้เล็กน้อย จึงได้รับความเสียหายเล็กน้อย แต่มันก็เพียงพอที่สร้างบาดแผลถลอก รอยบาดได้ จึงทำให้เป้าหมายเกิดอาการช็อคเล็กน้อยจนต้องหยุดนิ่ง ระเบิดความโกรธอย่างรุนแรงจนแสดงออกท่าสีหน้าได้อย่างชัดเจน ใบหน้าที่บูดบึ้ง ร่างกายที่กระตุกเกร็ง
เขาเหวี่ยงแขนขวาอย่างรวดเร็ว จนแลนด์มิอาจมองทันได้จึงโดนฝ่ามือที่หุ้มด้วยแสงสีดำฟาดเข้าที่หน้าอย่างรุนแรงจนกระเด็นล้มกลิ้งหลายตลบ และคืนสภาพเดิมทันที
เมื่อแลนด์ตั้งตัวได้ แลนด์คุกเข่าใช้พลังทั้งหมดให้การดีดตัวพุ่งเข้ามาโจมตีอย่างรวดเร็ว แลนด์เหวี่ยงดาบที่เปล่งแสงสีเหลืองทอง แต่ว่าคราวนี้มันไม่เป็นผลอะไร อีกฝ่ายใช้มือเปล่า ไม่สิถ้าจะเรียกให้ถูกต้องเรียกว่ามือเปล่าที่ห่อหุ้มไปด้วยเปลวไฟแสงสีดำอมม่วงห่อหุ้มเหมือนกรงเล็บ
กรงเล็บสีดำนั้นสามารถรับลำแสงจากอีแลนเดียได้อย่างสบายๆ มิหน่ำซ้ำมันยังดูดกลืนแสงของอีแลนเดียจนมันค่อยๆจางลงจางลงเรื่อยๆ จนไร้ซึ่งแสงสว่างอีกต่อไป มันสร้างความตกใจให้กับแลนด์เป็นอย่างมากเขาจึงรีบดึงดาบกลับมาทันที
“นายเป็นใครกันแน่??”
“หึหึ ถ้าอยากรู้ขนาดนั้น จะบอกให้ก็ได้เป็นของขวัญที่อุตส่าห์ทำให้ฉันเกิดบาดแผลได้”
นายหนุ่มผมดำหัวเราะแห้งๆ มือสีดำของเขาค่อยๆสลายหายไป เขาอยู่ในสภาพที่นิ่งสงบ ลืมตาขึ้นมาพร้อมกับพูดว่า
“ฉันคือราชาแห่ง จักรวรรดิ ดี แอนเชียน [คิง] ฉันจะกำจัดเธอ [มาสเจสเตอร์] และขึ้นเป็นจ้าวโลกคนใหม่ ฉันจะสร้างโลกใบนี้อย่างที่ฉันต้องการ ใครหน้าไหนที่คิดจะขวางฉัน มันผู้นั้นจะต้องตาย!”
แลนด์กำหมัดแน่น ตอบกลับด้วยเสียงที่ก้าวร้าว
“แกคิดจะปกครองที่โหดร้ายนี้ ต้องพลังและวิธีการที่โหดร้ายรึยังไงห้ะ??”
“เพราะพวกมันทั้งหมดต้องเชื่อฟังฉันคนเดียว!”
“นี้แก!! ไอ้บ้าเอ้ย!! ฉันจะหยุดแกเอง!!”
“นี้แกคิดว่า แค่แกคนเดียวจะหยุดฉันได้หรือยังไง??”
ย้ากกกกกกกกกกกกกกกกก
แลนด์วิ่งตรงไปยังคิงทันที รวบรวมพลังที่ฝ่ามือขวาอีกครั้ง วิ่งตรงมายังเป้าหมายอย่างรวดเร็ว ง้างมือขวาออกเป็นวงกว้างใส่พลังทั้งหมดไว้ที่การโจมตีครั้งนี้
Holylight Cannon
แลนด์ยืนมือออกไปข้างหน้าเพื่อจะโจมตีคิงอย่างรวดเร็ว แต่ทว่ารอยยิ้มที่ชั่วร้ายก็ถูกเผยออกมา
shield barrier
อาณาเขตป้องกันถูกกางออกมา เป็นพื้นฐานทรงกลมขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 2 เมตร ห่อหุ้มร่างกายของคิงไว้ พลังทั้งสองปะทะกันอย่างรุนแรง แลนด์สัมผัสได้ว่าเกราะป้องกันคราวนี้มันแข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิมเป็นอย่างมาก มันยากที่จะเจาะเข้าไปได้
เพล้งงงงงงงงงงงงง
ภาพที่เหลือเชื่อ เกิดขึ้นตรงหน้าทั้งสองคน เมื่อเกราะบาเรียที่เป็นพลังป้องกันสูงสุดนั้นแตกกระจาย ละเอียดเป็นเศษผงต่อหน้าต่อตาชายหนุ่มทั้งสอง จนสร้างความตกตะลึงให้กับทั้งสองฝ่ายเป็นอย่างมาก
แขนขวาของแลนด์โดนแรงกระแทกดีดกลับออกมา พร้อมๆกับบาเรียที่แตกสลายในชั่วพริบตา ทั้งสองหันกลับไปมองข้างหลังพร้อมๆกัน ด้วยใบหน้าที่ตกตะลึง
“มันไม่เป็นการต่อสู้ของนายเพียงคนเดียวหรอกนะ แลนด์! แต่มันเป็นการต่อสู้ของพวกเรา!”
เสียงอันอ่อนโยน ฟังแล้วรื่นหัวที่คุ้นเคยไหลผ่านเข้ามาในหูของแลนด์ทำให้ประสาทสัมผัสของแลนด์รับรู้ได้ทันทีว่าเป็นเสียงของใครจึงรีบหันกลับไปมองทันที
พบกับร่างของหญิงสาว ผมยาวตรงสีดำแต่มีผมสองเส้นบางๆชี้ขึ้นมาเหมือนหนวดแมลงสาบ สวมที่คาดผมกำมะหยี่สีดำ ดวงแดงสีแดงกร่ำ ผิวกายขาวดุจหิมะ เธอจ้องมองมาแลนด์ และเผยรอยยิ้มหวานๆ ที่ชวนให้อมยิ้มตามเสมอ เธอสวมเดรสสีดำยาวลากถึงพื้น โดยที่ท่อนบนเป็นเสื้อที่ผ่ากลาง เผยความเย้ายวนเล็กน้อย เสื้อทั้งสองข้างถูกเชื่อมด้วยเส้นด้ายหนาในลักษณะไขว้กันไล่ลงไปทั่วลำตัว สวมปลอกแขนยาวสีดำตั้งแต่ครึ่งท่อนแขนด้านบนลากยาวไปถึงมือ เหมือนกับว่าเป็นถุงมือ ปลอกแขนประดับด้วยขนสัตว์ไปด้วยท่อนล่างเป็นกระโปรงยาวลากพื้นสีดำเช่นกัน เป็นภาพทรงซ้อนๆกันสองสามชั้น ปลายผ้าตกแต่งด้วยผ้าลูกไม้สีขาวอ่อนๆ สวมรองเท้าส้นเตี้ยสีดำ ด้านหลังประดับด้วยปีกผีเสื้อใหญ่ สีดำประดับด้วยลวดลายสีชมพูตามใบปีก ให้คามรู้สึกเหมือนกับราชินีแห่งภูติก็ว่าได้
แววตาที่อ่อนโยนเปลี่ยนไป กลายเป็นแววตาที่แข็งกร้าว เธอมองไปยังคิง
“อีฟ?”
แลนด์พยายามที่จะเรียกเธอ พยายามที่จะเอื้อมมือไปหาเธอ เขาพยายามเดินเข้าไปหาหญิงสาวผมสีดำช้าๆ เธอสวมกอดเขาอย่างอ่อนโยน และพูดกับเขาว่า
“ฉันกลับมาแล้วนะ แลนด์”
“ฉันตามหาเธอมาตลอด อีฟ เธอหายไปไหนมา?”
“ฉันอยู่กับเธอตลอดมา และฉันจะอยู่กับเธอตลอดไปนะ”
อีฟคลายมือของจากแลนด์ที่ร้องไห้ฟูมฟาย เธอเอื้อมมือไปเช็ดน้ำตาให้เขาและพูดอย่างอ่อนโยนว่า
“โลกใบนี้ฉันจะช่วยเอง”
“มันหนักเกินไป สำหรับเธอ เธอคนเดียวนะ ให้ฉันช่วยเถอะ”
อีฟจับมือทั้งสองข้างของแลนด์ด้วยสองมือ ยิ้มให้เขาอย่างอ่อนโยน
“ขอบคุณมากๆนะแลนด์”
.
.
“ขอโทษนะที่ขัดช่วงเวลาหวานซึ้งที่เพิ่งได้เจอกันใหม่ๆ แต่จากนี้ก็ขอให้ตายไปทั้งคู่ก็แล้วกันนะ”
ทั้งแลนด์อีฟหันขวับทันที อีฟผละออกจากแลนด์ เดินออกมาเผชิญหน้ากับคิง เมื่อทั้งสองจ้องตากัน สิ่งมหัศจรรย์จึงเกิดขึ้น เกิดกระแสไฟฟ้าอย่างรุนแรง แรงกดดัน คลื่นพลังที่แผ่ออกมาจากทั้งสองคน มันกำลังต่อต้านกันอย่างรุนแรง แต่ระดับพลังที่ไม่น่าเชื่อ
“ฉันขอเวลา 3 นาที ฉันจะร่ายเวทย์สูงสุด ฉันจะสามารถจัดการหมอนี้และช่วยโลกได้ แลนด์ช่วยฉันถ่วงเวลาหมอนี้ให้หน่อยเถอะนะ” อีฟพูดผ่านทางโทรจิต เสียงของเธอไหลผ่านเข้ามาในหัวของแลนด์เท่านั้น เขารีบพยักหน้าตอบทันที
จากนั้นแลนด์ตั้งท่า พร้อมดาบของเขา ด้วยแววตาที่มุ่งมั่น ตอนนี้ดวงตาและสีผมของเขาเปลี่ยนเป็นสีเขียวอมเหลือง ซึ่งเขาอยู่ในสภาพประสานวิญญาณกับเบลจังอยู่ คราวนี้ไม่เหมือนครั้งก่อนๆ เขาดูนิ่งสงบ เยือกเย็น และทรงพลัง ดาบของเขาเปล่งแสงสีทองล้วน เป็นประกายอย่างที่เคยเป็นมาก่อน
“นี้แกคิดจะหยุดฉันจริงๆอย่างนั้นรึยังไง?”
“เออ..ไม่ใช่แค่หยุด ฉันจะจัดการให้ได้เลย ช่วงเวลาที่ [เธอคนนั้น] ขอมาฉันจะไม่ให้เปล่าประโยชน์!”
“ถ้าอย่างนั้น ฉันจะขยี้แกให้แหลกตอนนี้เลย!”
เข้ามา!! ทั้งสองแผดเสียงอันก้าวร้าวออกมา และพุ่งเข้าไปโจมตีทันทีด้วยความเร็วและพลังที่น่าเหลือเชื่อ
อีกด้านหนึ่ง อีฟดับดวงตาสีแดงกร่ำลง ประสานมือทั้งสองข้างไว้ที่กลางอก เกิดวงแหวนเวทย์รอบตัวเธอ แสงสว่างๆค่อยๆสว่างขึ้นเรื่อยๆ
“ฝากด้วยนะแลนด์….”
เวทมนต์สูงสุด – World Jugdement!
Facing the Republic of The Ancient III
04
World Judgement!?
“อะไรเวทย์นั้นถูกร่ายแล้วอย่างนั้นเหรอ” g
บทสนทนาระหว่าง อีล เอส และเซตน์ ที่ปะทะกันอยู่ที่ X-tower
“ใช่แล้ว มันถูกร่ายออกมาแล้ว เวทย์นั้น โลกใบนี้จะถูกเปลี่ยนไป…” เซตน์หลับตาพูด
“โลกจะเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นแล้ว มันก็ขึ้นอยู่ที่เธอแล้วสินะ….. อีฟ” อีลเงยหน้ามองฟ้าและภาวนา
“ไหนๆ โลกใหม่ก็จะถูกสร้างขึ้นมาแล้ว เรามาซัดกันแบบจริงๆจังๆซักรอบไหมล่ะ?” เอสให้ข้อเสนอ
ทั้งอีลและเซตน์พยักหน้าตอบทันที ภาพที่เห็นคือทั้งสามคนยืนรอบวงพูดคุยกัน ท่ามกลางสหายจากอัศวินดำที่ล้มบาดเจ็บอยู่เป็นกอง เหลือเพียงแค่สามคนเท่านั้นที่ยังคงอยู่ แต่เซตน์ยังคงมีข้อสงสัย
“แต่ทว่า แลนด์ อีเกล คนนั้นจะทำได้อย่างนั้นเหรอ การปะทะกับคิงนั้น เหมือนเอาชีวิตไปทิ้งเลย แม้กระทั่งพวกเรา 4 จักรพรรดิที่ถูกขนานนามว่า แข็งแกร่งที่สุด 4 คน ก็ยังไม่อยากจะต่อสู้ด้วยเลย”
“มีแค่หนทางเดียวคือเชื่อในตัวหมอนั่นละ [แลนด์ อีเกล] คือคนที่ [ปรินเซส] เลือกนะ เขาจะต้องมีความพิเศษอยู่อย่างแน่นอน พวกเราทำได้เพียงแค่นั้น….”
คำพูดจากสามผู้นำแห่งสนามรบที่ x-tower พูดคุยถึงอนาคตของโลกที่สิ้นหวัง แต่ก็ยังเหลือเปลวไฟแห่งความหวังที่ชื่อว่า แลนด์ อีเกล อยู่ภายใน….
ตัดฉากมาที่สถานที่แห่งหนึ่ง..
แสงสว่างค่อยๆ เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แสงที่ห่อหุ้มร่างของเด็กสาวภูติสีดำ มันค่อยๆขยายตัวขึ้นเรื่อยๆ เรื่อยๆ จนกลายเป็นลำแสงสีขาว มีแสงสีดำวิ่งวนรอบอยู่เหมือนเป็นเครื่องประดับ พุ่งทะยานสู่ท้องฟ้า ตอนนี้การดำเนินทางเวทมนต์เดินหน้ามาอีกหนึ่งขั้นแล้ว
แลนด์เห็นดังนั้นจึงมุ่งมั่นคอยสกัดคิงที่จะเข้ามาจัดการกับอีฟ คิงเบ่งพลังอันมหาศาลพร้อมกับเสียงร้องที่รุนแรง สั่นสะเทือนไปทั่วปฐพี แลนด์พุ่งออกไปโดยทิ้งอีฟยืนร่ายเวทย์อยู่ข้างหลังต่อไป เข้าไปปะทะกับ คิงอย่างไม่เกรงกลัวต่อพลังมหาศาลของคิง
“ขอชมเชยในความกล้าหาญนะที่คิดจะต่อกรกับฉันคนนี้” คิงกล่าวคำสรรเสริญจากใจจริง ทันใดนั้นกรงเล็บสีดำอมม่วงก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าของแลนด์ คราวนี้มันดูทรงพลังยิ่งความเดิมจนแลนด์สัมผัสได้ถึงความแตกต่างความพลังของมันที่เพิ่มขึ้น สร้างความกดดันขนาดใหญ่เฮือกให้แลนด์ จนเขาต้องถอยหลังหนึ่งก้าว และครุ่นคิด
เมื่อเขานึกถึงคำพูดของตัวเองที่เคยได้กล่าวไว้กับอีฟแล้ว เขาจับดาบมั่น ตั้งท่าพร้อมโจมตีทันที
“แลนด์ ระวังนะ คราวนี้พลังของเจ้านั้นจะรุนแรงยิ่งกว่าเดิมมากๆ” เบลเตือนด้วยเสียงที่ดังอยู่ในหัวของแลนด์
แลนด์พยักตอบรับ มองดูสถานการณ์อย่างใจเย็น คราวนี้แลนด์สุขุมมากกว่าเคยๆ คอยดูท่าทีของศัตรู คาดเดาการเคลื่อนไหวต่อไปของมัน ด้วยท่ายืนที่พร้อมสู้
คิงเห็นแลนด์ตั้งท่าพร้อมสู้ แต่ไม่ยอมเข้ามาจึงถอนหายใจเฮือกใหญ่ๆ และพูดว่า “ถ้าแกไม่คิดจะเข้ามา ทางฉันจะเข้าไปแทนนะ เตรียมตัว!”
พรึ่บบ!!
สิ้นเสียงพูดของคิง แลนด์ก็ได้ยินเพียงแค่เสียงของฝีเท้าแค่ครั้งเดียวเท่านั้น มันสร้างความตกใจให้กับแลนด์มาก ถึงจะไม่เข้าใจแต่คิงก็โผล่มาอยู่ตรงหน้าของแลนด์แล้ว แลนด์ชะงักไปหนึ่งจังหวะกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า จนเผลอลืมดูรอบข้าง ไม่ทันไร กรงเล็บสีดำอมม่วงจากมือขวาก็พุ่งเข้ามาหาเขาจากด้านข้าง มันแหวกว่ายผ่านอากาศมาอย่างรวดเร็ว
แลนด์หันข้างไปมองหากรงเล็บนั้น แต่ว่าไม่ทันไรมันก็อยู่ตรงหน้าเขาเสียแล้ว แลนด์ไม่อยากเชื่อตัวเอง ตั้งแต่ที่คิงปรากฏตัวตรงหน้าและโจมตี เวลาก็ไหลผ่านไปไม่ถึง 1 วินาที เขาครุ่นคิดอยู่ในใจ เพียงแค่ 1 วินาที 1 วินาที คนเราจะสามารถเร็วได้ขนาดนี้เลยอย่างนั้นเหรอ??
“ทำได้สิ….แลนด์!”
เสียงสูงของหญิงสาวดังขึ้น มันแฝงไปด้วยความอ่อนโยน มากพอที่หัวใจของแลนด์จะสัมผัสจนทำให้หัวใจของเขาสั่นไหวมากกว่าเดิม เขาคิดอยู่ในใจก็ยังมองหาต้นตอของเสียงดังกล่าวนั่นไม่เจอ แต่เขาก็เชื่อมั่นว่านั้นจะต้องเป็นเสียงของ [เธอคนนั้น] อย่างแน่นอน
“มั่นใจในตัวเองเข้าไว้สิ เธอและเบลจัง…พวกเธอเป็นคู่หูที่เร็วที่สุดในโลกนะ”
ถ้อยคำที่นุ่มนวลค่อยๆเลือนหายไปจากหัวของแลนด์ พร้อมๆกับเสี้ยววินาทีที่กรงเล็บจะข่วนใบหน้าของแลนด์ แลนด์เพ่งสมาธิให้มากขึ้น ใช้เวลาเพียงแค่เสี้ยววินาที โน้มตัวไปด้านหลัง หลบการโจมตีพิฆาตของคิงได้อย่างฉิวเฉียด
การเคลื่อนไหวนั้นมันไม่ใช่ระดับมือสมัครเล่น คิงคิดเช่นนั้นและมองที่แลนด์อีกครั้งก็ต้องตกตะลึงกับ ร่างกายของแลนด์ มันค่อยๆส่องแสงสว่างขึ้นเรื่อยๆ ขึ้นเรื่อยๆ แสงสว่างสีเหลืองทองเหมือนกับทุ่งข้าวที่สุกงอม
“Hyper Linked?”
คำถามที่ยังเวียนวนอยู่ในหัวของคิง คำตอบที่ยังคงหาไม่ได้กับปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นกับแลนด์ มันเป็นสภาวะอะไรก็ไม่อาจจะรู้ได้ แต่ที่แน่ๆ นี้คงไม่ใช่แลนด์ในเวลาปกติอย่างแน่นอน เพราะสามารถสัมผัสได้ถึงพลังมหาศาลที่กำลังเอ่อล้นออกมาจากร่างกายที่บอบบางนั้น
แลนด์ตั้งขามั่น ยืดขาเล็กน้อยและถีบตัวกับพื้นอย่างรุนแรง เป็นแรงส่งให้เขาวิ่งตรงมาข้างหน้าได้เร็วยิ่งขึ้น เมื่อเขาขยับร่างกาย แสงสีเหลืองทองที่ห่อหุ้มร่างของเขาพุ่งตามทุกการเคลื่อนไหวเหมือนกับลำแสงจากปืนเลเซอร์ แถมยังเปล่งประกายระยิบระยับสีทอง ชั่งเป็นแสงสีสวยงามยิ่งนัก
ความรู้สึกที่คุ้นเคยและความเร็วที่เคยชิน ใช่ ความรู้สึกต่างๆที่ได้ทำหล่นไประหว่างทางที่จะมาถึงที่นี้ แลนด์สัมผัสได้ว่าตัวเขาเริ่มไม่เป็นตัวเองตั้งแต่เมื่อไหร่กัน แต่คราวนี้แลนด์ตั้งมั่น นึกถึงภาพ ความสุข และช่วงเวลาดีๆที่เคยได้มีมาร่วมกับอีฟ หรือน้องสาวสุดน่ารักอย่างริน และการเดินทางที่สนุกสนานของเขา สิ่งเขานี้มันคอยผลักดันให้เขาพุ่งต่อไปข้างหน้า…
Lighting accel!
แสงสว่างจากร่างกายของแลนด์ มันสว่างจ้าขึ้นมาเหมือนกับระเบิดแสงทำให้มองรอบข้างไม่เห็น จากนั้นจากจุดกึ่งกลางนั้นมีลำแสงสีเหลืองทองพุ่งออกมาอย่างรวดเร็ว คราวนี้มันเร็วกว่าทุกที มันเร็วยิ่งกว่า [Lighting break] หลายเท่าตัว
ลำแสงสีเหลืองทองพุ่งไปยังคิงอย่างรวดเร็ว การเคลื่อนไหวที่รวดเร็วอย่างนี้มันแทบจะมองด้วยตาเปล่าไม่ทัน แต่ทว่ามันไม่เป็นอย่างที่คิด คิงยื่นกรงเล็กสีม่วงดำออกมารับลำแสงที่พุ่งเข้ามาจังๆ พลังทั้งสองปะทะกันอย่างรุนแรง ดูเผินๆแสงสีทองจะชนะการดวลครั้งนี้ได้ เพราะมันสามารถดันให้คิงถอยหลังลากพื้นไปได้ไกล เมื่อถอยกลับไปไกลขึ้นเรื่อยก็เกิดแรงเสียดทานมากขึ้น ทุกครั้งที่ถอยกลับไปจะมีประกายไฟกระเด็นออกมา เหมือนการดริฟท์ของรถ
ยิ่งดริฟท์ออกไปไกล แรงเสียดทานยิ่งเพิ่มมากขึ้น จนไปถึงจุดหนึ่งคิงสะบัดมือของเขา ก็สามารถทำลายลำแสงสีทองของแลนด์ได้อย่างง่ายดาย แต่ทว่าเมื่อแสงหายไปต่อหน้าต่อตา แต่ว่าไม่ปรากฏร่างของแลนด์อย่างทุกที คิงพยายามมองหาแลนด์..
Holylight Cannon!
เสียงของพลังเวทย์ที่หมุนวนอยู่บนฝ่ามือของแลนด์ พุ่งตรงมายังคิงจากด้านหลัง จากจุดบอดที่สายตามองไม่เห็น
“อะไรกัน ความเร็วนี้? หรือว่า…??”
ตูมมมมมมมมมมมมมมมมมม
การโจมตีครั้งนี้สำเร็จผล ลูกกระสุนแสงกระแทกเป้าหมายเต็มๆ ทำให้เกิดการระเบิดอย่างรุนแรงและผลักให้คิงกระเด็นออกไป ทำให้เกิดควันฟุ้งกระจายไปทั่วพื้นที่
“สำเร็จไหม??”
“มันไม่ง่ายอย่างนั้นหรอกแลนด์” เบลเตือนสติ
เมื่อควันค่อยๆเจือจางลง ปรากฏร่างของชายหนุ่มผมสีดำ เขาแสดงแววตาอำมหิตภายใต้นัยน์ตาสีดำขลับ ที่ไร้ชีวัน ไม่อาจจะเดาใจได้เลย เขายกมือขวาขึ้นมาเช็ดเลือดที่ไหลอยู่ตรงมุมปากอยู่หนึ่งสาย เมื่อเช็ดมันเสร็จเรียบร้อยแล้ว เขาส่งสายตามาที่แลนด์ สร้างแรงกดดันมหาศาลแก่เขา มันมากพอที่จะทำให้แลนด์ชะงักและไม่อาจจะขยับร่างกายได้เลย
ไม่ถึงอึกใจเดียว คิงก็โผล่มาอยู่ตรงหน้าแลนด์เหมือนกับว่าเทเลพอร์ตมา ถึงแม้แลนด์จะเคยเห็นมาหลายครั้งแล้วแต่ก็ยังคงชะงักทุกครั้งเมื่อคิงเคลื่อนไหวเช่นนี้
“ข้ามเวลา?”
“มันไม่ใชอะไรที่เข้าใจยากอย่างนั้นหรอก แลนด์คุง”
“แลนด์คุง??”
คำพูดทิ้งท้ายของคิงกระตุกต่อมโมโหของแลนด์ได้เป็นอย่างดี แลนก์เหวี่ยงดาบโจมตีสวนกลับไปทันที แต่ก็เหมือนเดิมอีกฝ่ายก็ยังคงหลบได้อย่างง่ายๆ เมื่อแลนด์ไม่มีทางเลือกเขาจึงโจมตีอย่างต่อเนื่อง โดยการฟันไม่ยั้งมือ ซึ่งการโจมตีที่ดูเหมือนจะโจมตีมั่วซั่ว แต่มันไม่ได้เป็นอย่างนั้นซะที่เดียว ในบรรดาการโจมตีที่มากมาย ก็มีวิถีดาบเหวี่ยงเข้าเป้าไปอย่างไม่ได้ตั้งใจจนต้องป้องกัน
“ดูท่าทางจะเหวี่ยงดาบดีขึ้นมานิดนึงแล้วสินะ”
คิงพูดเย้ย แกว่งกรงเล็บสีดำอันทรงพลังโจมตีสวนกลับทันที มันความเร็วที่ไม่น่าเชื่อหรือเขามองการเคลื่อนไหวของแลนด์ออกแล้ว กรงเล็บที่มือขวาของเขาพุ่งเข้ามาหาแลนด์ตรงๆ ผ่านวิถีดาบของแลนด์ได้สบายๆ เหมือนกับว่าทะลุช่องมาได้อย่างสมบรูณ์แบบ
“ชิ”
แลนด์จำต้องหยุดเพลงดาบลงก่อน และเบี่ยงหน้าหลบการโจมตีของคิง มันช้าไปแล้ว เขาไม่อาจที่จะหลบได้พ้นทั้งหมด เพียงแค่ปลายกรงเล็บที่โดนแบบถากๆ ก็สร้างบาดแผลยาวบนใบหน้าของแลนด์ จนเป็นเหตุให้เลือดไหลเป็นสายน้ำได้
“อะไรกัน? โดนเฉียดๆ ทำไมเลือดไหลขนาดนี้?”
แลนด์ร็สึกแปลกใจกับเลือดที่ไหลไม่หยุดจากบาดแผลเพียงค่อยรอยขีดเส้นเดียวที่ยาวประมาณ 5 เซนติเมตร แลนด์พยายามยกมือขึ้นเช็ดแต่เลือดก็ไม่ยงคงไหลอย่างต่อเนื่องเหมือนสายน้ำ
“ไม่ต้องทำหน้าเหมือนไม่รู้อะไรหรอกน่า ฮ่าๆ”
คิง หัวเราะเยาะอย่างพอใจ พลางมองดูแลนด์ที่กำลังหน้างงงวยกับเลือดที่ยังคงไหลอยู่ คิงหลับตาและพูดว่า
“คุณสมบัติของพลังธาตุมืดคือ [แตกหัก] ยังไงล่ะ ซึ่งความสามารถนี้ ทำให้นายแตกหักจากข้างใน ถึงแม้นายจะได้รับความเสียหายเพียงน้อยนิด แต่ภายในของแลนด์จะรับรู้ได้เลย ว่ามันแทบจะระเบิดออกมาได้เลย”
“ไม่จริงน่า”
จากสายตา และหน้าตาที่เหมือนกับจะเชื่อในสิ่งที่พูด แต่ก็ต้องยอมรับกับสภาพในความเป็นจริง
“แค่รอยข่วนแค่นั้น ยังเลือดไหลขนาดนั้นเลย ถ้าบาดแผลใหญ่กว่านี้จะเป็นยังไงนะ”
สิ้นเสียงของคิง แลนด์ชะงักและสัมผัสได้ถึงพลังเวทย์มหาศาล และพยายามที่จะมองหาจากทุกๆมุม แต่ก็ไม่พบอะไรนอกจากการสั่นสะเทือนของบริเวณพื้นที่ทั่วห้อง
ทันใดนั้น เกิดวงแหวนเวทย์สีม่วง ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 1 เมตร สองวง วงหนึ่งอยู่ที่ใต้เท้าเขา กับอีกวงหนึ่งอยู่เหนือหัวเขา 2 เมตร
“แย่ละสิ!”
แลนด์ไม่รอช้ารีบกระโดดจากบริเวณดังกล่าวทันที จนพ้น เขามองดูสถานการณ์รอบๆ ก็พบว่าเมื่อร่างของเขาหลุดจากวงแหวนเวทย์ไปแล้ว คิงก็เริ่มเคลื่อนไหว เขาหายไปจากสายตาของแลนด์อย่างรวดเร็ว แลนด์เกลือกตามองดูรอบๆอย่างกระวนกระวาย แต่ก็ไม่พบเขา รู้สึกตัวอีกที่เขาก็โผล่มาอยู่ข้างหลังแล้ว
“Blink ยังไงล่ะ”
“Blink?”
** คำอธิบาย Blink เป็นการเคลื่อนด้วยความเร็วสูง ราวกับหายตัวไปในกาลเวลาซึ่งมันจะเกี่ยวข้องกับการกระพริบตาของเป้าหมาย เมื่อเป้าหมายกระพริบตาลง เสี้ยววินาทีที่จะลืมตากลับคืนมา ให้เร่งความเร็วในการเคลื่อนที่ ก็จะทำให้เหมือนกับหายตัวไปได้อย่างนั้นเอง
แลนด์หันกลับไปมองที่หลัง แต่ไม่อาจที่จะพลิกร่างกายของเขากลับไปได้ทันแล้ว เขาตะลึงกับคิงที่ง้างกรงเล็บสีดำอมม่วงที่มือขวาของเขา คราวนี้มันใหญ่กว่าเดิมสองเท่าเหมือนกับว่ามันได้สูบพลังของมือซ้ายเข้าไปด้วยแล้ว
“วงแหวนเวทย์นั้นไม่ใช่ตัวหลอกอย่างที่นายเข้าใจหรอก แต่มันเป็นการโจมตีที่ต้องใช้เวลาและต้องขอให้อยู่ในนั้นก่อนก็แล้วกันนะ”
ฉวัะ!!
กรงเล็บสีดำที่น่ากลัวราวกับปีศาจได้แทงผ่านร่างของแลนด์ ทะลุไปหลายจุด ไม่ว่าจะเป็น ไหล่ขวา ไหล่ซ้าย กลางลำตัว รวมถึงขาทั้งสองข้าง จากนั้นเขาก็ชักมือออกมา ความเจ็บปวดผุดขึ้นมาทันที แลนด์กรีดร้องด้วยความเจ็บปวด แผดเสียงร้องดังสนั่นไปทั่ว แต่มันก็ไม่พอสำหรับความเสียหายที่ได้รับ และผลจากพลังธาตุมืดด้วย คราวนี้ไม่ใช่สายน้ำเล็กแล้ว ตอนนี้กลายเป็นน้ำตกขนาดใหญ่ที่สูบเลือดของแลนด์ให้หมดตัวได้ในพริบตา
แลนด์ส่งลอยอยู่กลางอากาศ ร่างที่ไร้เรี่ยวแรง สติที่เลือนลาง ร่างกายที่ไม่ยอมฟังสมองสั่งการ เขาสัมผัสได้ว่าตอนนี้เขากำลังจะตายอย่างนั้นเหรอ? เขาทิ้งร่างกายให้ล่องลอยอยู่กลางอากาศทั้งอย่างนั้น
“มันยังไม่จบแค่นี้นะ….แลนด์คุง”
สิ้นเสียงที่ทุ้มต่ำ แลนด์รู้ตัวอีกครั้ง เขาพบว่าร่างของเขากำลังลอยอยู่อย่างไร้เรี่ยวแรง คิงก็จะโจมตีครั้งต่อไปทันทีด้วยกรงเล็บที่หันหลังมือฟาดเข้าที่ใบหน้าของแลนด์ แรงที่มหาศาลนำพาร่างของแลนด์ตกไปกระแทกพื้นที่มีวงแหวนเวทย์ทันที
“มันจบแล้วล่ะ อีเกลคุง…. Hell Crusher! ”
วงแหวนเวทย์ส่องแสงสีม่วงรับหากันทั้งสองวง ทำให้รู้สึกเหมือนถูกล้อมด้วยพลังที่น่ากลัว ทันใดนั้นมือขนาดใหญ่ก็ออกมาจากวงแหวนเวทย์ด้านล่าง ตบร่างของแลนด์ลอยขึ้นสูง จากนั้นวงแหวนเวทย์บนก็ไม่ยอมแพ้มีมือขนาดใหญ่สีม่วงออกมาเช่นกัน เมื่อมันม่วงออกมาทั้งสองข้างแล้ว มันจิกข้อนิ้วเล็กน้อย และกลายสภาพเป็นกรงเล็บปีศาจอย่างที่เคยเห็น คราวนี้เห็นกันชัดๆเนื่องจากขนาดที่ใหญ่โตของมัน ทำให้เห็นภายใต้กรงเล็บนั่น ห่อหุ้มไปด้วยเปลวไฟสีม่วงอมดำมันแฝงไปด้วยความรู้สึกมากมายในนั้น ความเศร้า หดหู่ สิ้นหวัง ไร้ซึ่งหนทาที่จะต่อกร
ตูมมมมมมมมมมมมมมม
มือทั้งสองข้างพุ่งเข้าหากันอย่างรวดเร็ว ชนกันอย่างรุนแรงโดยที่แลนด์ยังลอยดูตรงนั้นไร้ซึ่งการป้องกัน และระเบิดอย่างรุนแรง พลังรูนสีดำอมม่วง แตกออกเป็นวงกว้างเหมือนกับซุปเปอร์โนวา เมื่อมันระเบิดออก สร้างความเสียหายให้กับบริเวณรอบข้างเป็นอย่างมาก คลื่นสั่นสะเทือน กระแสลมพัดกรรโชก
กลายเป็นภาพโศกนาฏกรรมที่น่าเศร้าต่อหน้าของอีฟ ในขณะที่เธอร่ายเวทย์ได้ราวๆ 50 % เธอแทบจะกลั้นความรู้สึกไว้ไม่อยู่ ถึงแม้จะไม่ขยับร่างกาย ยังคงร่ายเวทย์ต่อ แต่สีหน้ามันแสดงความรู้สึกออกมาอย่างชัดเจน น้ำตาที่ไหลพรากจากดวงตาสีแดงของเธอ ใบหน้าที่สิ้นหวัง ของเธอสร้างความพอใจให้กับคิงเป็นอย่างมาก
คิงลงสู่พื้นอย่างปลอดภัย และค่อยๆเดินตรงมายังราชินีผีเสื้อสีดำที่ยังคงตรึงร่างอยู่เนื่องจากการร่ายเวทย์มนต์จะทำให้ไม่สามารถขยับร่างกายได้ จากสีหน้าที่เศร้าหมอง แปรเปลี่ยนกลายเป็นความโกรธแค้นที่แทบจะระเบิดออก มันพร้อมที่จะปะทุได้ทุกเวลา มันมากขึ้นเรื่อยๆ เรื่อยๆ ทุกวินาทีที่หมอนั่นเดินย่างก้าวเข้ามาใกล้เรื่อยๆ เธอพยายามประคองสติเอาไว้ กลั้นอารมณ์ไว้ และคิดเสมอว่าตอนนี้เธอมีสิ่งสำคัญที่ต้องทำอยู่
“แลนด์….”
เสียงร้องที่โหยหา มันไม่ได้รับการตอบรับจากปลายทาง และตอนนี้คิงยืนอยู่ตรงหน้าของเธอแล้ว
“แลนด์ อีเกลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลล”
เธอแผดเสียงร้องอย่างสุดเสียงเรียกหาเผื่อว่าเขาจะได้ยินเสียงนี้
ตูมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม
เกิดการระเบิดอย่างรุนแรงขึ้นจากด้านหลัง ทำให้ทั้งสองตกใจเป็นอย่างมาก เมื่อหันไปมองดูก็ต้องตะลึงกับภาพที่ได้เห็น… สิ่งที่อยู่ตรงหน้าพวกเขาคือ???
Facing the Republic of The Ancient IV
05
เป็นไปไม่ได้?? ทำไม??.. ทำไมนายถึง?
คำถามที่ไม่สามารถหาคำตอบยังคงเวียนวนอยู่ในหัวของคิง ทั้งๆที่ความเป็นจริงแลนด์สมควรที่จะตายไปนานแล้ว พลังโจมตีของคิงก็ไม่ใช่น้อย แถมด้วยความเสียหาย [แตกหัก] ที่เพิ่มขึ้นมาอีกด้วยแล้ว นอกจากกับว่าตายก็ไม่มีอะไรที่น่าจะเป็นไปได้อีกแล้ว นั่นเป็นในกรณีโจมตีปกติ แต่เขาได้รับความเสียหายที่รุนแรงกว่าการโจมตีปกติ 1504% จากเวทย์ [Hell Crusher] ด้วยแล้วยิ่งจะเป็นไม่ได้เลยที่จะรอดได้
แต่ภาพที่น่าสะพรึงจนพูดไม่ออกตรงหน้าของคิงและอีฟ คือร่างออร่าสีทองอร่าม รูปเป็นเด็กชายสมส่วน ยืนนิ่งอยู่ตรงหน้าทั้งสอง แสงสว่างค่อยๆเลือนลาง เผยให้เห็น เส้นผมสีเหลืองทองที่พริ้วไสวไปตามลม มันยืนชี้ฟ้าเหมือนใส่เจลแต่งผมมาเป็นอย่างดี มันไม่ใช่เพราะพวกมันตั้งสู่ท้องฟ้าต้านแรงโน้มถ่วงด้วยตัวของมันเอง แสงสว่างค่อยลดลงจนลงมาถึงลำตัว เผยให้เห็นใบหน้าที่มุ่งมั่น แววตาสีเขียวน้ำทะเลที่แฝงไปด้วยความรู้สึกไม่ยอมแพ้ เนื้อตัวเต็มไปด้วยบาดเจ็บและคราบเลือด ถึงแม้ว่าบาดแผลจะปิดสนิทไปแล้วก็ตามมันก็ยังคงทิ้งร่องรอยเอาไว้อยู่บ้าง แสงสว่างเลือนหายไปจากร่างของเขา ก็ปรากฏร่างของแลนด์ที่สวมชุดคลุมสีเหลืองทอง ประดับด้วยลวดลายแทบสีเขียวอ่อนๆ ตามขอบและตะเข็บรวมไปชายผ้าคลุมด้วย มันเป็นชุดคลุมยาวถึงเข่า พริ้วไหวล้อกับกระแสลมที่ปั่นป่วน ถือดาบยาวรูปทรงประหลาดสีเหลืองทอง และมองมาที่คิง
“แก…..”
คิงกัดฟันและแสดงท่าทีที่ร้อนรน แต่พยายามที่จะควบคุมสติ กลั้นอารมณ์เอาไว้และเดินตรงมายังแลนด์ที่แสดงออร่าที่น่าทึ่งออกมา
“เป็นไปได้ยังไงกัน..?”
“นี้มันอะไรกัน?”
ดูเหมือนว่าแลนด์ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขา แต่สัมผัสได้ถึงพลังมหาศาลที่เอ่อล้นออกมาจากร่างที่ผอมบางซึ่งซ่อนอยู่ในเสื้อผ้าที่สวมใส่สบายๆ ภายใต้ผ้าคลุมสีเหลืองทอง
ขอย้อนกลับไปเมื่อซักครู่…
ตูมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม
ความเสียหายจากสกิลของคิงนั้นสามารถปลิดชีวิตของแลนด์ได้ในทันที ในขณะที่ควันกำลังฟุ้งกระจาย ร่างไร้ชีวิตจของแลนด์ล่องลอยอยู่อากาศ สติที่ดับวู่มทันที บรรยากาศที่เงียบสงัด ความคิดในหัวของเขาว่างเปล่า มืดมนและไร้ซึ่งทางออก
“นี้…..ฉัน…..ตายแล้วอย่างนั้นเหรอ?”
แลนด์เหมือนล่องลอยอยู่กลางอากาศอันกว้างขวาง ไร้ซึ่งแสงสว่าง เขาพยายามมองหาความเป็นได้ของการมีอยู่ของสิ่งมีชีวิตแต่ก็ไม่พบอะไรเลย.. เขาเศร้าหมอง
เขาแหวกว่ายในห้วงอวกาศที่ไร้ซึ่งจุดสิ้นสุด ควานหาสิ่งที่เขาอยากจะพบเจอแต่มันก็ไม่สัมฤทธิ์ผลใดๆ เขากำลังรู้สึกสนุกเหมือนได้ว่ายน้ำท่ากบในทะเลสาบ จนกระทั่งไปพบกับสิ่งที่ไม่คาดหวังนั้นคือห่วงโซ่ที่ถักทอเป็นเป็นสายลากยาวไปข้างหน้า ดูเหมือนว่าโซ่หลายๆสายก็พุ่งที่ไปจุดหมายที่อยู่ข้างหน้าจุดที่เป็นดั่งแสงสว่างที่อยู่ห่างออกไปไกล
แลนด์เอื้อมมือออกไป พยายามที่จะคว้าแสงสว่างนั้นไว้ซึ่งไม่อาจจะเอื้อมไปถึงได้ เขาจึงตัดสินใจที่จะว่ายผ่านห้วงอวกาศอันมืดมิดไป
“อย่างน้อยแสงสว่างมันก็ดีกว่าความมืดแหละนะ!”
วิ้งงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง
แสงสว่างค่อยๆเปล่งแสงขึ้นเรื่อยความเข้มค่อยเพิ่มขึ้นจนบังวิสัยทัศน์ไปจนหมด ท้ายที่สุดแสงสว่างก็กระจายออกไปห่อหุ้มร่างของแลนด์ไว้และดูดเขาเข้าไปข้างใน
“นี้มันอะไรกัน??”
การที่ถูกดูดเข้ามานั้นน่าตกใจแล้ว แต่สิ่งที่อยู่ตรงหน้าแลนด์น่าตกใจยิ่งกว่า สิ่งนั้นคือร่างของชายหนุ่มในสภาพเปลือยท่อนบน ร่างกายที่ผอมบางแต่ก็แฝด้วยกล้ามเนื้อที่เป็นมัดเล็กน้อยแต่น่าเสียดายที่ต้องแปดเปื้อนด้วยรอยขีดข่วน รูโบ๋ และคราบเลือด ร่างดังกล่าวถูกพันธนาการด้วยโซ่เหล็กขึ้นสนิมเหมือนกับว่าเป็นการปิดผนึกอะไรซักอย่าง
แลนด์ต้องอ้าปากค้างเมื่อเขาเพ่งร่างเปลือยที่บาดเจ็บนั้น นั่นมันคือร่างของเขาเอง? มันสร้างความตกใจให้เขาเป็นอย่างมาก ทำไมเขาถึงมาอยู่นี้? เกิดอะไรขึ้นกับเขา? คำถามต่างๆที่หาคำตอบไม่ได้ทำให้เขารู้สึกหดหู่
“ยอมแพ้แล้วอย่างนั้นเหรอ?”
เสียงที่ไม่รู้จักดังขึ้นในหัวของเขา จากทิศทางที่ไม่มีใครรู้
“ใครกัน?”
“ยอมแพ้แบบนี้ มันดีแล้วอย่างนั้นเหรอ?”
เสียงที่ไม่รู้จักยังคงถามคำถามเขา เสียงของมันยังดังก้องเหมือนเป็นเสียงสะท้อนในหัวแลนด์ตลอดเวลา
“แล้วมันจะทำอะไรได้ล่ะ ลำพังแค่ฉันคนเดียวจะไปทำอะไรได้?”
“นายคนเดียวอย่างนั้นเหรอ?” เสียงปริศนาตอบกลับด้วยเสียงห้วนๆ
“อย่าเพิ่งลืมฉันไปสิ แลนด์…”
เสียงที่อ่อนนุ่ม ฟังแล้วแทบจะเคลิ้บหลับทุกทีมันเป็นเสียงที่คุ้นเคย แลนด์เห็นร่างของภูติสาวสีเขียวเหลืองตีปีกบินส่องประกายระยิบระยับผ่านหน้าแลนด์ไป เกาะอยู่ที่ร่างเปลือยที่ถูกจองจำ
“แลนด์ที่ฉันรู้จัก ไม่ใช่คนอ่อนแอที่จะยอมแพ้อะไรง่ายดายอย่างนี้หรอกนะ!” เสียงของภูติสาวเปลี่ยนไปกลายเป็นการขึ้นเสียงและแหบแห้ง
แลนด์กัดฟัน กำมัดแน่น พยายามระงับความรู้สึกเอาไว้ พยายามจะค่อยๆผ่อนคลายมัน
“ใครมันจะไปยอมแพ้ล่ะ! ถ้าฉันแข็งแกร่งกว่านี้…ถ้าฉันมีพลังมากกว่านี้ ฉันจะช่วยทุกคน ช่วย[เธอคนนั้น] ได้ ฉัน…….”
ภูติสาวยิ้มและเอื้อมมือออกมา
“มาสิแลนด์ ศึกครั้งนี้มันยังไม่จบลงซักหน่อย ยังมีอะไรที่ต้องทำอีกมากเลยนะ พวกเรามาชนะกันเถอะ!”
แลนด์พยายามที่จะเอื้อมมือออกไป ตอบรับมือของเบลจัง พยายามที่จะเอื้อมแต่ก็ยังไม่ถึง
“เป็นอะไรไปล่ะ อีกแค่นิดเดียวเองนะ แลนด์”
เสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นในหัวของเขาจากก้นบึ้งของหัวใจของเขา มันเป็นเสียงหญิงสาวที่สร้างขวัญและกำลังใจให้กับแลนด์เป็นอย่างมาก เขานึกถึงหน้าของเจ้าของเสียงที่ยิ้มให้เขาอย่างอ่อนโยน และออกแรงเอื้อมมือออกไปอย่างสุดแรงโดยไม่สนใจว่าแขนจะหลุดจากไหล่หรือเปล่า ในที่สุดเขาทำได้ มือของเขาประสานกับมือเล็กๆของภูติสาวได้ จากนั้นร่างของภูติสาวก็ส่องแสงสว่างวาบ จนมองอะไรไม่เห็น…
.
.
“ไม่ว่าแกจะไปทำอีท่าไหนมา แกก็เอาชนะฉันไม่ได้หรอกน่า!”
คิงพูดจาเกรี้ยวกราด และทำท่าทางใหญ่โต
แลนด์ในสภาวะใหม่ที่ส่องประกายแสงที่สดใส อยู่ในสภาพที่สงบนิ่งยืนมองสถานการณ์อย่างรอบคอบ
วุ่ม
แลนด์หายไปจากตำแหน่งเดิมอย่างรวดเร็ว โผล่อีกทีที่ข้างหลังของคิงพร้อมกับตั้งท่ากางศอกไว้ แทงศอกเข้าที่กลางหลังเขาหนึ่งทีจนเขากระเด็นออกไปไกล
ความเสียหายไม่ได้มากมายนัก แต่สร้างความบาดหมางในจิตใจของคิงจนถึงขั้นขีดสุด เขากลับมาใช้พลังกรงเล็บสีม่วงอมดำอีกครั้ง
“เข้ามา!” ทั้งสองคนพูดพร้อมกัน
จากนั้นทั้งสองคนก็พุ่งเข้าหากันอย่างรวดเร็ว ความเร็วมหาศาลทำให้ดูเหมือนกับเป็นลำแสงสีทองกับลำแสงสีดำ มันปะทะกัน แยกออกจากกันตั้งหลัก และปะทะกันอย่างต่อเนื่อง ซ้ำไปมาอยู่หลายครั้ง จนมาถึงจุดหนึ่งที่แสงสีดำพุ่งมาด้วยความเร็วสูงกว่าปกติสองเท่า จนแสงสีทองไล่ไม่ทันและกำลังจะเสียเปรียบ
วุ่มมมม
แสงสีทองหายไปต่อหน้าต่อตาคิง สร้างความประหลาดใจให้เป็นอย่างมากจนกรอกตาหาด้วยอาการเลิ่กลั่ก
HolyLight Cannon
เสียงลูกบอลแสงที่หมุนอยู่มันฝ่ามือข้างซ้ายของแลนด์ ง้างแขนกว้างและเหวี่ยงกลับเขามากระแทกที่หลังของคิงอย่างรุนแรง…..ลูกบอลแสงสัมผัสร่างของคิง มันแตกออกและระเบิดอย่างรุนแรง ผลักเขากระเด็นออกไปในทิศตรงกันข้ามกระแทกกับฉาก ไม่สิกำแพงที่มองเห็นทำเป็นอาณาเขตให้เหมือนกับฉากต่อสู้
พลังของแลนด์ที่เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด สร้างความเสียหายให้กับคิงไปอย่างมากจนเขานอนแผ่หราอยู่ไกลๆ
“นายไปถึงจุดนั้นแล้วสินะ ไม่น่าเชื่อว่าจะมีใครนอกจากฉันที่ไปถึงได้”
“?”
คำพูดของแลนด์ทำให้แลนด์สับสนเล็กน้อย อยู่ๆคิงก็ปรากฏตรงหน้าเขาอย่างไม่ทราบสาเหตุ แววตาที่ดุร้ายราวกับปีศาจฉายมาที่แลนด์จนทำให้เขาขยับร่างกายป้องกันตามสัญชาตญาณ
ตูมมมมมมมมมมมมมม
แลนด์กระเด็นออกไป ล้มเกลือกกลิ้งหลายตลบ พยายามที่จะตั้งฐานให้มั่น เมื่อเขายืนขึ้นหมัดขวาของเขาส่องแสงสีเหลืองทองสว่าง และเขาก็พลิกตัวหมุนกลับฟาดแขนขวาด้วยท่า Cross Line มันกระแทกกับกรงเล็บของคิงอย่างน่าตกใจ พลังทั้งสองปะทะกันอย่างรุนแรงและดีดออกอย่างรุนแรงผลักทั้งสองคนออกห่างจากกัน
ทั้งสองยืนมองหน้ากันด้วยท่าทีเคร่งขรึม ก่อนที่จะแลนด์ทรุดจนต้องคุกเข่าลง
“ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่า อย่างแกคนเดียวเอาชนะฉันไม่ได้หรอกหรอกน่า”
คิงคอยๆเดินเข้ามาใกล้ เปลี่ยนกรงเล็บอันทรงพลังให้กลายเป็นดาบที่มืดมิด ฟันตัดขวางทันที เคราะห์ดีที่แลนด์ยกแขนขึ้นตั้งการ์ดทัน ดาบของคิงปะทะกับพลังออร่าของแลนด์ แน่นอนที่ว่าดาบแห่งความมัวหมองที่จะเอาชนะและสับแขนแลนด์รวมไปถึงผลักเขากระเด็นออกไปไกล จนล้มนอนนิ่ง สภาวะสีทองก็เลือนหายไป
“ฮ่าๆ เท่านี้มันก็จบแล้ว แลนด์ อีเกล!”
คิงยกดาบสีดำขึ้นสูง พูดจาเยาะเย้ยอย่างน่าพอใจ
Ice Break!
คลื่นไอเย็นพุ่งมาจับดาบของคิงจนแข็งทั่วทั้งดาบทำให้ไร้ซึ่งความคมรวมไปถึงข้อต่อแขนกับไหล่ที่ถูกล็อคไปด้วย ภาพที่เห็นสร้างความตื่นตกใจให้กับทั้งสองคนเป็นอย่างมาก
Burning Flare!
เปลวไฟลูกใหญ่พุ่งมาจากทิศทางตรงกันข้ามโจมตีคิง เผาไหม้ร่างของเขาจนระเบิดอย่างรุนแรงจนกระเด็นล้มกลิ้งออกไป
“นี้มัน…?”
เกิดคำถามขึ้นในใจของแลนด์ ใจหนึ่งก็สงสัย อีกใจกับปลาบปลื้มในความช่วยเหลือ เขารีบหันไปมองหาที่มาของพลังปริศนาทันที
“นายเนี้ยนะ ถ้าปล่อยใครคลาดสายตาล่ะก็เป็นอย่างนี้ทุกทีเลย”
“นั้นสินะ นายนี้มันเลือดร้อนจังเลยนะ”
เสียงบทสนทนาจากเสียงที่คุ้นเคย ทำให้เขากลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่เมื่อได้เห็นพวกเขาทั้งสองคน
“พวกนายมาที่นี้ได้ยังไงกัน? เบิร์น! ฟรอสต์?”
ชายหนุ่มสองคนยิ้มให้ แสงเงาจากดวงจันทร์เริ่มเจือจางลง เผยให้เห็นร่างของชายหนุ่มสองคน คนหนึ่ง ผมสั้นหยักศกสีส้มอมแดง ดวงตาสีส้มอมแดงอ่อนๆเป็นประกายให้ความรู้สึกลุกโชนตลอดเวลา สวมชุดนอนลายหมีทั้งตัว รองเท้าแตะ ดูขัดกับสถานการณ์อย่างรุนแรง อีกคนหนึ่งก็ดูดีเกินงาม เส้นผมสีขาวเงิอ่อนช้อย ดวงตาสีฟ้าเป็นประกาย มาพร้อมกับทักซิโด้สีขาว กางเกงสแลคสีขาว รองเท้าหนังสีดำขลับเรียบๆแต่ดูหรูหราเหมือนว่ากำลังจะออกงานราตรีที่ไหนซักแห่ง
“เบิร์น…ทำไมนายมาอยู่ที่นี้ล่ะ? แล้วริน? ริน….เธอปลอดภัยใช่ไหม?”
เด็กหนุ่มผมสีแดงพยักหน้า
“เมื่อกี้มีชายหญิงคู่หนึ่งมาที่อีแลนเดีย บอกว่านายกำลังตกอยู่ในอันตรายและเปิดประตูวาร์ปพาฉันมาที่นี้ พวกเขาบอกว่าจะดูแลรินให้เอง…”
“พวกนั้นเป็นใครนายก็ยังไม่รู้…ทำไมนายถึงปล่อยเธอไว้กับพวกเขา?” แลนด์ตะคอกกลับไปเสียงดัง
“มันก็ยังดีกว่าเห็น [เพื่อน] ของฉันจะเป็นอะไรไปต่อหน้าต่อตา….แลนด์.นายกำลังจะช่วยโลกนี้อยู่สินะ ชายคนนั้น [ซิกซ์] เขาได้เล่าทุกอย่างให้กับฉันแล้ว ถ้านายเป็นอะไรไปทุกอย่างมันก็จบอยู่ดีล่ะ!”
แลนด์อึ้งจนพูดไม่ออกได้แต่เพียงอ้าปากค้าง
“ซิกซ์…..อย่างนั้นเหรอ?”
แลนด์ก้มครุ่นคิดถึงชื่อปริศนาที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน
ตูมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม
เสียงระเบิดดังสนั่นขึ้นพร้อมๆกับเสียงคำรามราวกับสัตว์ป่า
“ฉันไม่ใช่คนใจดีที่จะรอให้พวกนายสานเรื่องราว หรือซึ้งในมิตรภาพตอนนี้ได้หรอกนะ”
คิงปรากฏร่างที่น่าสะพรึงออกมา ชุดที่สวมใส่ดูสบายๆหายไปกลายเป็นชุดเกราะศึกสีม่วงประดับด้วยแถบคาดสีดำตัวตัวเกราะในลักษณะแนวนอน เกราะศึกแผ่ออร่ากระหายในสงครามออกมา กลิ่นเลือด เสียงกรีดร้อง ความตาย เมื่อได้เห็นมันจะให้อีกฝ่ายเสียขวัญกำลังใจไป
แต่มันไม่เกี่ยวอะไรกับสามสหาย พวกเขายืนเรียงแถวหน้ากระดานพร้อมเผชิญหน้ากับเกราะแห่งความตายและกรงเล็บมรณะของคิง
ย้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกก
วุ่มมม – แสงสว่างห่อหุ้มร่างของแลนด์อีกครั้งเขาพยายามที่จะกลับไปสู่สภาวะนั้นอีกครั้ง เขาทำได้ด้วยแรงใจจากสหายทั้งสองและกำลังใจที่ส่งตลอดมาอย่าง [คนคนนั้น] ที่อยู่ข้างหลังเขา
จากนั้นทั้งสี่คนก็เข้าปะทะกัน ทางฝ่ายสามสหายช่วยกันรุมโจมตีคิง ด้วยเพลงดาบอย่างต่อเนื่องรวมไปถึงการสนับสนุนด้วยไอเย็นจากฟอรสต์ที่ทำให้อีกฝ่ายเคลื่อนที่ช้าลง ส่วนอีกฝ่ายเมื่อท่าทีไม่ดีเนื่องจากการโจมตีที่ต่อเนื่องและไม่เผยช่องว่างให้สวนกลับได้ง่ายๆเลยจึงทำได้เพียงตั้งรับด้วยกรงเล็บไฟสีม่วงดำอย่างใจเย็น
“เสร็จฉันละ!”
แลนด์เห็นช่องว่างในการป้องกันแล้ว จึงยกดาบขึ้นสูงชาร์จรูนเข้าไปทำให้มันเปล่งแสงสีเหลืองทองสว่างขึ้นเรื่อยๆและฟันลงมาอย่างรุนแรง
เพล้งงงงงงง
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ…..ดาบของแลนด์อีแลนเดอร์เชื่อกันว่าเป็นดาบที่ยอดเยี่ยมที่สุด แข็งแรงที่สุด มันแตกละเอียดต่อหน้าต่อตาของแลนด์เพียงการสวนกลับในช่วงเวลาที่เขาสับลงมาไม่ถึงวินาทีด้วยกรงเล็บจากมือทั้งสองข้างของคิงที่ประสานกัน หมุนควงเหมือนสว่าน
ต่างคนต่างพากันตะลึงกับภาพที่เกิดขึ้นแต่คนที่มีอาการหนักที่สุดเห็นทีจะเป็นแลนด์อย่างไม่ต้องสงสัย เพราะดาบอันเป็นที่รักของเขาแตกหักและแหลกสลายไปต่อหน้าต่อตาทำให้เขาช็อคและยืนนิ่งเสียอย่างนั้น
ผวัะ!
คิงกระโดดถีบที่เสริมรูนของเขาไว้อัดเข้าที่กลางลำตัวของแลนด์จนจุก กระอักเลือดด้วยความสามารถพิเศษของธาตุ จนกระเด็นออกไปไกลและนอนนิ่ง
เบิร์นเห็นท่าทีไม่ดีจึงจุดไฟที่ดาบของเขาและหลับตาลง
“คงต้องใช้มันแล้วสินะ แฟรย์!”
Hyper Linked!
แสงสว่างค่อยเพิ่มขึ้นจากร่างของเบิร์น…จนห่อหุ้มร่างของเบิร์นไว้จนทั่ว
“อย่าบอกนะ...ว่าแกก็ด้วย”
สิ่งที่คิงสะพรึงกลัวมาตั้งแต่เมื่อกี้นั้นมันหมายถึงการปรสานวิญญาณขั้นสูงอย่างนั้นเหรอ? ก็จริงอยู่ที่มันสามารถเพิ่มพลังของผู้ใช้ได้จนถึงขั้นสูงสุด หรือเพียงแค่ว่าตกใจเพราะความสามารถนี้มันน่าจะใช้ได้เพียงไม่กี่คนเท่านั้นเอง
สิ่งมีชีวิตรูปร่างคล้ายมนุษย์ สูงราวๆ 167 ลอยตัวอยู่กลางอากาศ เขาส่วมชุด คลุมยาวสีเหลืองนวล มีแทบคาดตามขอบชายเสื้อและกางเกงสีดำ รอบๆกายเขามีผ้าบางๆสีขาว ประดับอยู่ นัยต์ตาสีแดงฉาด ที่พร้อมจะเผาไหม้ทุกสิ่ง เส้นผมยาวสลวยตรงปะบ่า และเขาทั้งสองข้างปะดับอยู่เหนือหูทั้งสองของ เขาของเขาลุกไหม้เป็นเปลวเพลิงสีส้มที่สว่างไสว เขาถือดาบยาวสีแดงสด ยาวประมาณเมตรครึ่ง เป็นดาบสองคมตรง ปลายแหลม มีใบมีดกว้างกว่าสองฝ่ามือ นามว่า [อินฟรีท] ปรากฏกายขึ้น
อินฟรีทเป็นร่างอวตารของเบิร์นที่ประสานวิญญาณขั้นสูงกับแฟรย์ทำให้ได้พลังที่น่าทึ่ง เขาฉายแววตาสีแดงอมส้มมายังฟรอสต์ที่อยู่ด้านหลัง
“ไปเอา [สิ่งนั้น] ในเขาซะทางนั้นฉันจะถ่วงเวลาให้เอง”
ฟรอสต์พยักหน้าตอบและถอยกลับทันที
“ไม่อยากเชื่อเลยนะว่าแกก็ทำได้ด้วย….ฮ่ะๆ อย่างนั้นมันก็น่าสนุกสิว่ะ”
คิงหัวเราะอย่างบ้าคลั่งเผยใบหน้าที่บิดเบี้ยว ก่อนที่จะจุดเปลวไฟสีม่วงดำที่กรงเล็บของเขาและพุ่งเข้ามาโจมตีทันที ซึ่งเบิร์นก็ตั้งท่าพร้อมรับมือทันที
“แลนด์…”
ฟรอสต์พยายามที่จะใช้เวทย์น้ำแข็งชะลอบาดแผลของแลนด์ลงซึ่งมันได้ผล เลือดของแลนด์หยุดไหลแล้วและค่อยๆได้สติคืนมา จากนั้นฟรอสต์ก็ยืนสิ่งของบางอย่างให้แลนด์
“เอานี้แลนด์ ด้วยพลังของแลนด์ต้องใช้มันจัดการคิงได้อย่างแน่นอน”
สิ่งที่ฟรอต์มอบให้มันเป็น ปืนสมัยเก่าสีดำสนิทประดับด้วบสัญลักษณ์ X สีแดงตรงกลางกระบอกปืน ใต้ปลายกระบอกปืนก็เป็นใบมืดเล็กๆยาวประมาณหนึ่งฝ่ามือ
“แล้วฉันจะใช้มัน….”
ตูมมมมมมมมมมมมมมม
แสงระเบิดดังขึ้นจากการต่อสู้ที่อยู่ข้างหน้า ร่างของอินฟรีทกระเด็นผ่านหน้าแลนด์และฟรอสต์กระแทกกับกำแพงที่มองไม่เห็นอย่างรุนแรง คืนสภาพเดิมและหมดสติไป
“เบิร์น!” แลนด์พยายามกระโกนเรียกเขาดูแต่เขาก็ไม่ตื่นขึ้นมา
หันกลับไปก็พบกับคิงที่ร่างกายสะบักสะบอมเกราะที่น่ากลัวถูกฟันเป็นรอยไหม้สีดำทิ้งไว้หลายจุด เนื้อตัวเปื้อนคราบเลือด เขากำลังเดินเข้ามาใกล้
“ขอยอมรับเลยว่าเจ้าหมอนั่นมันเก่งจริง………แต่ก็ได้แค่นั้นล่ะ”
แลนด์ตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นจนออกอาการท่าสีหน้าอย่างชัดเจน
“คราวนี้ฉันเอง….ลุยกันเถอะฟลีซส์”
เสียงตอบรับจากภูติน้ำแข็งจากนั้นก็เกิดแสงสว่างสีฟ้าอ่อนๆที่ร่างกายเขา
Hyper Linked!
วุ่มมมมมมมมมมมมมมมมม
การประสานวิญญาณขั้นสูงของฟรอสต์ทำให้ไอเย็นกระจายออกเป็นวงกว้าง เผยให้เห็นร่างอวตารของเทพน้ำแข็งชายหนุ่มรูปงาม ผมหยักศกสีขาวอมฟ้า สูงพอประมาณ รูปร่างสมส่วน เผยร่างราวกลับว่าเป็นร่างอวตารของเทพน้ำแข็งเลยก็ว่าได้ เกราะน้ำแข็งที่ปกคุ้มไหล่ทั้งสองข้างเชื่อมกับปีกน้ำแข็งสีฟ้าอ่อน ช่วงสีข้างก็คลุมไปด้วยเกราะน้ำแข็งทอดยาวลงพื้นเหมือนเป็นผ้าคลุมน้ำแข็ง มือขวาถือดาบน้ำแข็งยาวกว่า เมตรครึ่ง ร่างกายแผ่ออร่าสีฟ้าอ่อนๆออกมาตลอดเวลา และร่างอวตารของเขานี้มีนามว่า รีเวอแลนด์!
จากนั้นฟรอสต์พุ่งเข้าไปรับมือกับคิงทันที มันชั่งเป็นการต่อสู้ที่น่าทึ่ง ต่างฝ่ายต่างพากันแลกหมัดกันอย่างรุนแรงโดยที่ไม่ป้องกัน ถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไปก็ต้องวัดกันที่ความอดทนของแต่ละฝ่ายแล้วสินะ แต่ดูเหมือนว่าคิงจะได้เปรียบอยู่เพราะคุณสมบัติของธาตุดำ(มืด)ของเขา [แตกหัก] ทำให้เกิดความเสียหายจากฝ่ายในได้ทุกครั้งที่โจมตีสำเร็จ
ทั้งสองระดมโจมตีใส่กันและกันอย่างรุนแรงโดยไม่ยอมล้าถอยเลยแม้แต่น้อย ฟรอสต์พยายามที่จะใช้พลังน้ำแข็งหยุดการเคลื่อนไหวของคิง ดูท่าจะไม่ได้ผลพลังทำลายของคิงมันสูงเกินไป กรงเล็บของเขาสามารถทำลายโล่น้ำแข็งของฟรอสต์ได้อย่างสบายๆ
พรึ่บบบ
คิงโผล่มาทางด้านหลังของฟรอสต์ ชาร์จรูนเข้าที่กรงเล็บของเขาทำให้เกิดเปลวไฟสีดำอมม่วงลุกโชนขึ้น จากนั้นก็ช่วนเข้าที่ปีกน้ำแข็งอย่างรุนแรงจนแตกเป็นเสี่ยงต่อหน้าต่อตาจะกำลังจะร่วงลงสู่พื้น
“ฟรอสต์!!” แลนด์พยายามตะโกนเรียก
“ไม่ต้องสนใจฉัน ใช้พลังของมันหยุดเขาซะ”
“แล้วฉันต้องทำยังไง?”
“ข้างๆกระบอกปืนมันเป็นคาถาอยู่ ถ้าได้สามารถใช้มันได้นายจะอ่านมันได้”
ตูมมมมมมมมมมมมมมมมมม
ฟรอสต์ที่บาดเจ็บพยายามจะหลบหนีไปเรื่อยเหมือนกับเป็นตัวล่อให้แลนด์ทำการอะไรซักอย่าง แต่แน่นอนว่าคนที่บาดเจ็บจะเอาอะไรไปสู้กับคนปกติดีได้? ฟรอสต์ถูกไล่ตามจนทันโดนโจมตีที่ปีกอีกครั้งจนเสียปีกทั้งสองข้างไป คิงได้ใจจึงโจมตีซ้ำอีกครั้ง แต่ฟรอสต์พลิกตัวกลับมาทันใช้ดดาบรับการโจมตี
เพล้งงงงงง
ดาบน้ำแข็งอันน่าภาคภูมิใจของฟรอสต์แตกสลายต่อหน้าต่อหน้าของเขา มันไม่แปลกเลยที่เขาจะช็อคจนไม่ได้สติ เขาไม่สามารถทำอะไรคิงได้เลย ถึงแม้จะโจมตีได้ก็ตาม
อ้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
ฟรอสต์โดนเตะกระเด็นไปชนกำแพงจนสติอยู่ทิศข้างกับเบิร์น ทั้งสองหมดสติอย่างสมบรูณ์ไม่มีท่าทีที่จะฟื้นได้ง่ายๆเลยถึงแม้แลนด์จะเรียกแล้วก็ตาม
“ทำยังไงดี……….ฉันควรทำยังไงดี?”
ความเครียดตกมาสู่แลนด์ในเวลาปกตินี้จะเป็นเสียงนุ่มๆของเบลค่อยให้กำลังใจเขาเสมอ แต่เมื่อตอนนี้เสียงของเธอหายไปทำให้เขารู้สึกสิ้นหวังอย่างหนัก
“มัวทำอะไรอยู่วะ? แค่นี้ก็คงไม่ใช่ว่ายอมแพ้แล้วหรอกนะ ไดม่อนดัสก์”
เสียงชายหนุ่มที่ไม่รู้จักดังขึ้นจากทิศทางไหนก็ไม่รู้ แลนด์พยายามมองหาแต่ก็ไม่พบ
“ถ้าเป็นแกที่ฉันรู้จัก....มันจะใจสู้กว่านี้ แค่นี้มันไม่ทางจะยอมแพ้หรอก!”
เสียงดังกล่าวเงียบฉี่ไปเสียดื้อๆ เหมือนว่าจะเป็นคำเตือนหรือคำแนะนำอะไรซักอย่าง แลนด์ชันเข่าลุกขึ้น
“อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด!”
วุ่มมมมมมมมมมมมมมม
แสงสว่างปรากฏขึ้นบนปืนปริศนาของเขา ตัวอักษรเวทย์มนต์ค่อยๆเผยออกมาทีละเล็กทีละน้อย จนกลายเป็นบทคาถาที่สามารถอ่านได้
“หมอนั่น...สามารถอ่านจริงๆสินะ พี่ซิกซ์”
“ใช่แล้ว....ฉันมองคนไม่ผิดหรอก”
เมื่อแลนด์อ่านคาถาจนเข้าใจดีแล้ว หลับตาใช้ยกปืนนั่นสู่ฟ้าและพูดว่า
“ฉันจะต้องชนะให้ได้ ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม..”
ข้า…..ในนามแห่งนักเดินทางผู้ผ่านศึก ขอวิงวอนต่อพระผู้เป็นเจ้า แสงสว่าง ความหวัง แห่งดาบศักดิ์สิทธิ์ จงมาสถิติแก่ข้าเพื่อที่จะสังหารศัตรูให้หมดสิ้นไป!...
วู่มมมมมมมมมมมมมมม
จากปลายดาบเล็กเกิดแสงสว่างสีเหลืองทองขึ้น ทันใดนั้นก็เกิดลำแสงยาวขึ้นสู่ท้องฟ้าปรากฏเป็นดาบแสงที่ยาว 3เมตร
ข้า….ในนามแห่งดาบศักดิ์สิทธิ์ ข้าขอนำส่งดวงวิญญาณที่เศร้าหมอง ไร้ซึ่งหนทาง ด้วยแสงแห่งความถูกต้อง จะชำระล้างความชั่วร้ายในจิตใจของเจ้าให้หมดสิ้นไป!
Excaliber : Judgement Blow!
แลนด์สับดาบลงอย่างรุนแรง ดาบแสงทะลุร่างของคิงไปลักษณะผ่าครึ่งร่าง เหตุการณ์ทุกอย่างหยุดนิ่งลง คิงที่ถูกสับเต็มๆไม่ได้ขาดส่องท่อนเหมือนวิถีการฟัน แต่เกราะดำและกรงเล็บปีศาจของเขาแตกสลายไปและเขาก็ล้มลง
“สำเร็จแล้วสินะ….”
แลนด์ยิ้ม หัวเราะแฮ่กๆ ก่อนที่จะล้มลงหมดสิ้นไป
“ทำได้ดีมากเลยแลนด์….จากนั้นฉันจะฉันการเอง”
เสียงจากราชินีผีเสื้อดังขึ้นในหัวของแลนด์ เวทย์ที่เธอร่ายในช่วงเวลาสั้นที่ยาวนานนั้นสัมฤทธิ์ผลแล้ว เกิดแสงความขึ้นทั่วไปทั้งห้อง ไม่ใช่แค่นั้นมันแผ่กระจายออกไปข้างนอก ออกไปเรื่อยจนทั่วทั้งโลก
The New World ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว……
แสงสว่างค่อยชำระล้างความชั่วร้ายทั้งหมดไป หมดไป ค่อยๆหมดไป…
.
สิ้นเสียงนุ่มของสาวน้อยในชุดนักเรียนมอต้นที่สวมเครื่องแบบนักเรียน น่ารักใสๆ เสื้อเชิ้ตแขนยาวสีกรมท่า ประดับด้วยแถบคาดสีขาวตรงปลายแขนเสื้อกับกับตรงปกเสื้อเล็กๆสามเส้น ผูกคอซองสีแดง แสดงถึงชั้นปีอย่างชัดเจน สวมกระโปรงพลีทจีบใหญ่สีกรมท่า ประดับด้วยแถบข้างสีขาวตามชายกระโปรงยาวเหนือเข่าเล็กน้อย สวมถุงน่องสีดำยาว ทำลายความฝันของชายหนุ่มที่จะได้เห็นขาอ่อนขาวๆของเธอไปได้เลย มาพร้อมกับรองเท้าสีแดงเข้มที่ดูขัดกับชุดอย่างรุนแรง เด็กสาวผู้สีขาวยาวถึงกลางหลัง หยักศึกปลายเล็กน้อย ที่ปลายผมเป็นสีเทาไล่ไปจนดำ ดูเกร๋ไก๋ไปอีกแบบ ผิวขาวราวกับหิมะ นั่งยิ้มอย่างพอใจในขณะที่ดวงตาสีแซฟไฟร์จ้องมาที่เด็กชายคนหนึ่ง
เด็กหนุ่มที่เป็นเป้าหมายสายตาจ้องตากลับด้วยเช่นกัน ถ้าอ่านจากแววตาก็ทราบได้ว่ากำลังกับตะลึงกับเหตุการณ์บางสิ่งอยู่
เด็กสาวหลับตาที่เป็นประกายลงและพูดว่า
“ขอย้ำนะว่า เรื่องที่ฉันเล่ามาเป็นความจริง….”
เด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลหยักศกดำอ่อนๆ แต่มีเส้นผมเส้นหนึ่งเป็นเส้นที่ชี้ขึ้นฟ้าไม่สนใจเพื่อนฝูงแถมยังเป็นเส้นสีขาวอีกด้วย สวมชุดนักเรียน สีดำเข้มเป็นเสื้อคอปกสูง แขนยาวมีแถบคาดสีขาวสามเส้น กางเกงสแลคสีดำเข้มสวมรองเท้าหนัง กำลังทำหน้างงเหมือนไก่ตาแตก
“ห้ะ??”
นี้เป็นช่วงเวลาพักเที่ยง เด็กๆทั้งสองคนนั่งอยู่ในโรงอาหารบนโต๊ะที่อยู่ริมสุด รอบข้างตกแต่งด้วยพุ่มไม้และดอกไม้นานาพรรณ ท่ามกลางความสนใจของนักเรียนคนอื่น
เด็กสาวเผยยิ้มหวานรับกับใบหน้าที่อ่อนช้อยและผิวขาวๆของเธอ เธอยกนิ้วชี้หน้าด้วยท่าทีเอ็นดูพร้อมๆพูดว่า
“มาร่วมมือกับฉันเถอะ แลนด์ อีเกล คุง”
Facing the Republic of The Ancient V [End]
จบ Part 1 : ปฐมบทแห่งตำนาน [Choronicles of Legends]
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ