เมียบำเรอครึ่งคืน
2) เมียบำเรอครึ่งคืน ตอนที่ 2 100%
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความกันตาภาเดินไปยังป้ายแสดงแผนผังของร้านต่างๆในห้างสรรพสินค้า กวาดสายตามองแล้วจึงพบว่าร้านซักรีดอยู่ชั้นล่างสุดฝั่งทิศตะวันตก จึงรีบเดินตามไปอย่างรีบเร่ง เมื่อเดินลงมาถึงจุดหมายก็พบร้านดังกล่าวและเห็นว่ารวิกำลังเดินออกมาจากร้าน หญิงสาวจึงก้าวไปขวางหน้าเขาไว้ทันที
รวิเมินหน้าหนีจากรอยยิ้มสดใสที่ส่งมาให้ตน “จะมาด่าว่าอะไรพี่อีกล่ะ”
“ทำไมพูดอย่างนั้นล่ะคะ ส้มโอรู้ความจริงทุกอย่างแล้ว ที่ตามมาก็เพราะอยากจะขอโทษที่เคยว่าให้พี่โต้งเสียๆหายๆ” กันตาภายังเรียกอดีตคนรักของพี่สาวด้วยชื่อเล่นอย่างเคย “อย่าโกรธเลยนะคะ คนไม่รู้ย่อมถือว่าไม่ผิดนะ”
น้ำเสียงหยอกเย้านั้นทำให้รวิรู้สึกเหมือนถูกตบหัวแล้วลูบหลังจึงได้แต่เก็บความโกรธไว้ในใจแล้วเดินเลี่ยงไปอีกทางหนึ่ง
กันตาภาเห็นปฏิกิริยาเช่นนั้นก็รู้ดีว่าชายหนุ่มยังโกรธอยู่มาก จึงเดินตามและคิดว่าต้องทำให้เขารับคำขอโทษจากตนให้ได้ “ขอโทษจริงๆนะคะ ไม่มีใครอยากให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น แต่...”
“แต่พี่มันดวงซวยเอง ใครใช้ให้จนแถมยังโง่ ถูกเขาใส่ความจนต้องเสียคนรัก แย่ไปกว่านั้นคือตกงานสุดท้ายยังถูกด่าประจานในที่สาธารณะ วันนี้ยังซวยซ้ำซวยซ้อน คงไม่ต้องให้พี่ขอบคุณที่ส้มโอมาช่วยไว้หรอกนะ เพราะยังไม่รู้เลยว่าจะถูกไล่ออกอีกรึเปล่า” รวิพูดประชดในขณะที่เดินขึ้นบันไดเลื่อน ทำให้คนฟังที่อยู่ข้างหลังรู้สึกผิดมากขึ้นไปอีก
“ขอโทษจริงๆนะคะ”
“อ้อ... ถ้าส้มโอจะมาเอาคำขอบคุณก็ถือซะว่าแลกกับที่ด่าพี่กลางห้างวันนั้น แล้วพี่ถูกไล่ออกจากงานเพราะเจ้านายคิดว่าพี่เป็นพ่อเล้าหาสาวๆไปขายตัวแล้วกัน”
“ตายจริง! นี่พี่โต้งต้องเปลี่ยนงานบ่อยอย่างนี้เลยเหรอคะ”
“หึ... ทำไงได้ บอกแล้วว่าพี่มันคนดวงซวย อย่ามาอยู่ใกล้ๆเลย เดี๋ยวจะพลอยถูกหางเลขไปด้วย”
กันตาภาส่ายหน้าไม่คิดว่าสิ่งที่ชายหนุ่มต้องพบเจอจะร้ายแรงเช่นนี้ จึงรีบเร่งฝีเท้าแล้วเดินไปดักหน้าเขาไว้ “คุยกันก่อนสิคะ ส้มโอขอโทษจริงๆ พวกเราทุกคนอยากขอโทษพี่โต้งด้วยใจจริง”
รวิถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ จ้องใบหน้างดงามของหญิงสาวตรงหน้าด้วยแววตาเจ็บแค้น “พี่ไม่รับคำขอโทษแต่ขออย่างเดียวว่าอย่ามายุ่งเกี่ยวกับชีวิตของพี่อีก บอกทุกคนในครอบครัวของส้มโอด้วย ตอนนี้พี่สาวของส้มโอก็คงมีความสุขไปแล้วเพราะมีผัวเป็นมหาเศรษฐี คู่แฝดของส้มโอก็แต่งงานกับมหาเศรษฐีอีก อย่ามายุ่งเกี่ยวกับคนดวงซวยอย่างพี่เลย”
“แต่เราอยากช่วย...”
“ช่วยอย่ามายุ่งเกี่ยวกับพี่ก็พอใจแล้ว หลีกทางด้วย พี่ไม่ใช่ผู้ชายรวยๆที่ส้มโอต้องมาสนใจความรู้สึกหรอก”
คำพูดและท่าทีตัดรอนนั้นทำให้กันตาภาคิดไม่ออกว่าจะพูดอย่างไรให้เขาอารมณ์เย็นลงและยอมรับคำขอโทษบ้าง จึงรีบดึงนามบัตรใบจิ๋วออกมาแล้วสอดไว้ในกระเป๋าเสื้อของชายหนุ่มอย่างรวดเร็ว “ถ้าพี่โต้งอารมณ์ดีขึ้นแล้วโทรหาส้มโอด้วยนะคะ”
“ส้มโอ...” เสียงของรุจิราที่ดังขึ้นทำให้ทั้งคู่หันไปตามต้นกำเนิดของเสียงและเป็นโอกาสที่ทำให้รวิเดินเลี่ยงไปยังร้านอาหารซึ่งเป็นที่ทำงานของตน
“รู้จักเขาเหรอ?” รุจิราถามหลังจากที่มองตามร่างกำยำของรวิเดินผ่านหน้าไป
“อื้อ... รู้จัก”
“แฟนเธอรึเปล่า?”
“เปล่า...” กันตาภาปฏิเสธเสียงสูง
“แล้วทำไมต้องทำท่าทางแคร์เขาอย่างนั้นด้วย”
“ก็... เฮ้อ เรื่องมันยาว”
“ก็เล่ามาสิ เรื่องมันจะได้สั้น”
กันตาภาส่ายหน้าให้กับเพื่อนร่วมงานที่ซักไซ้ไล่เลียงไม่หยุด พลางเดินเข้าไปในร้านอาหารเพราะออกมานานสักพักเกรงว่าจะเป็นการเสียมารยาท แต่รุจิราก็ยังไม่ละความพยายามเพราะอยากรู้ว่าทั้งคู่มีความสัมพันธ์กันอย่างไร
“เธอไม่เชื่อใจฉัน” รุจิรากระซิบถามหลังจากที่นั่งลงแล้ว
“ไม่ใช่ แต่พูดตอนนี้ไม่ได้”
“ตกลงว่าจะเล่าให้ฉันฟังแล้วนะ”
กันตาภาไม่ได้ตอบว่าอย่างไรได้แต่รับประทานอาหารต่อไปเงียบๆ ตอบคำถามของเพื่อนร่วมโต๊ะอาหารบ้างแต่สายตากลับเหลือบมองรวิอยู่บ่อยครั้ง ในขณะที่ภายในใจรู้สึกผิดต่อเขาเป็นอย่างมาก
ไม่ถึงชั่วโมงต่อมา กันตาภาและรุจิราก็ขึ้นมาอยู่บนแท็กซี่หลังจากรับประทานอาหารเรียบร้อยและขอแยกตัวออกมา
“ว่ายังไง จะเล่าเรื่องผู้ชายคนนั้นให้ฉันฟังได้รึยัง” รุจิราทวงสัญญาทันที
กันตาภาถอนหายใจออกมาหนักๆเพราะเรื่องทั้งหมดมันเป็นเรื่องของคนในครอบครัว ครั้นว่าจะเอ่ยปากเล่าให้คนนอกฟังก็รู้สึกตะขิดตะขวงใจนัก “เอาเป็นว่าผู้ชายคนนั้นเคยคบกับพี่สาวของฉัน แล้วถูกคนใส่ร้ายจนทุกคนเข้าใจผิด...”
“เธอไม่ไว้ใจฉันนี่ส้มโอ” รุจิราพูดดักคอทันทีเมื่อเห็นว่าเพื่อนสาวอธิบายอย่างรวบรัดตัดความ
“ไม่ใช่ไม่ไว้ใจแต่มันเป็นเรื่องภายในครอบครัว แล้วมันก็เป็นเรื่องที่ไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่ มันจะทำให้คนอื่นมองไม่ดีไง”
“ใครจะมองใครไม่ดี”
กันตาภาทำหน้าเมื่อย จนปัญญากับคนเจ้าปัญหา
“นะ... ขอร้อง เธอรับปากฉันแล้ว่าจะเล่าให้ฟัง ฉันสาบานว่าจะไม่แพร่งพรายเรื่องนี้ให้ใครได้รู้” พูดพลางยกมือขึ้นทำท่าทางประกอบให้ดูน่าเชื่อถือ “นะ... ส้มโอ เธอมาทำให้ฉันอยากแล้วจะมาปล่อยให้ฉันค้างอยู่อย่างนี้ไม่ได้นะ!”
เมื่อชักแม่น้ำทั้งห้ามาโน้มน้าวจิตใจอยู่พักใหญ่กันตาภาก็ย้ำถามอีกครั้งเพื่อความมั่นใจ ซึ่งความจริงแล้วจากที่คบกันมาเกือบเดือน รุจิราก็เป็นคนที่พึ่งพาได้ มีน้ำใจกับเพื่อนร่วมงาน การปฏิบัติตัวในตอนที่รู้ว่าเธอเกี่ยวข้องอย่างไรกับเจ้าของบริษัทก็เหมือนกันกับตอนที่ยังไม่รู้
“ผู้ชายคนนั้นเขาชื่อพี่โต้ง เคยเป็นแฟนกับพี่สาวคนโตของฉัน แต่คุณร็อกเกิดถูกตาต้องใจพี่สาวของฉันเลยวางแผนให้ทั้งคู่เข้าใจผิดกัน”
“คุณร็อกที่ว่านี่คือคุณอัครรัฐ เจ้าของโรงแรมพิพิธรีโซเทลใช่ไหม?” รุจิราถาม
“อือ... เขานั่นแหละ” กันตาภารับคำพลางมองเพื่อนสาวที่อ้าปากค้างด้วยความเหลือเชื่อ “ตอนนั้นฉันไปรับจ๊อบเป็นพริตตี้ให้กับค่ายรถยนต์ของคุณเทมส์ คุณร็อกกับคุณเทมส์ร่วมมือกันวางยานอนหลับฉันแล้วถ่ายคลิปเอาไว้ เพื่อบีบบังคับพี่สาวฉันอีกทีหนึ่งแล้วทำให้พี่สาวฉันเข้าใจผิดว่าเรื่องทั้งหมดเกิดจากพี่โต้ง”
“คุณเทมส์เนี่ยนะ ทำเรื่องแบบนี้ด้วย” รุจิราถามถึงเจ้านายของตนอย่างไม่เชื่อ
“เราสามคนพี่น้องก็เข้าใจพี่โต้งผิด เมื่อเดือนที่แล้วฉันเจอพี่โต้งในห้าง... ฉันก็ต่อว่าเขาไปยกใหญ่ เพิ่งมารู้วันนี้เองว่าที่ทำไปวันนั้นทำให้เขาลำบากจนต้องถูกไล่ออกจากงาน” กันตาภาถอนหายใจออกมาอีกครั้ง
“อืม... พี่โต้งอะไรของเธอนี่ก็น่าสงสาร แต่ฉันกลับอิจฉาพี่สาวของเธอนะ ชีวิตรักเหมือนในนิยายที่ฉันชอบอ่านเลย พระเอกหล่อ รวย โหด บีบบังคับนางเอกให้ยอมทำตามจนสุดท้ายก็หลงรักนางเอกโดยไม่รู้ตัว อ๊าย... ฉันอยากได้ เมื่อไหร่จะมีผู้ชายมาทำแบบนี้กับฉันบ้าง”
กันตาภาส่ายหน้าระอาใจ มองเพื่อนสาวที่กรี๊ดกร๊าดทำตาหวานเชื่อมพลางคิดว่า หล่อ รวย โหด นั่นแหละคำนิยามของอัครรัฐเลย ตอนนี้อาจจะเปลี่ยนจากคำว่าโหดมาเป็นหึงโหดแทน “นี่... สัญญาแล้วนะว่าจะไม่เอาเรื่องนี้ไปเล่าให้ใครฟังอีก”
“สาบานเลย ความจริงแล้วฉันยังชอบงานที่ทำตอนนี้ ถ้าฉันเอาเรื่องวันนี้ไปโพนทะนาก็คงมีอันต้องหางานใหม่แน่ล่ะ” รุจิราบอกพลางชะโงกหน้าเข้าไปใกล้ๆเพื่อนสาว ถามด้วยน้ำเสียงอยากรู้ “แล้วเรื่องของคู่แฝดเธอกับเจ้านายฉันล่ะ เล่าให้ฟังหน่อยสิ?”
“ฉันไปรับปากเธอเมื่อไหร่กัน” กันตาภาส่ายหน้าขำๆ
“เล่าหน่อยน่า... ฉันอยากรู้ว่าเรื่องราวของคู่นี้จะโรแมนติกไหม ทำไมคุณเทมส์ถึงได้ดูรักเมียปานจะกลืนอย่างนั้น นี่ถ้าอุ้มเมียเดินได้ฉันว่าคุณเทมส์คงทำไปนานแล้ว” รุจิราบอกเพราะยังประหลาดใจว่าสาวน้อยหน้าใสคนหนึ่งไม่น่าทำให้ ผู้ชายเพลย์บอยชื่อกระฉ่อนประเทศอย่างเจ้านายของเธอทิ้งลายเสือแล้วกลายร่างไปเป็นลูกแมวเชื่องๆ
“เดี๋ยวจอดตรงคอนโดฯข้างหน้าด้วยนะคะ” กันตาภาบอกเมื่อแท็กซี่เคลื่อนตัวเข้าใกล้จุดหมายปลายทางเต็มที มือเรียวบางหยิบค่าโดยสารออกมายื่นให้เพื่อนสาว
คอนโดมิเนียมที่กันตาภาอาศัยอยู่นั้นราคาหลายล้านเพราะอยู่ใจกลางเมือง เข้าออกง่ายทั้งยังติดถนนใหญ่การคมนาคมสะดวกสบายเพราะด้านหน้าติดกับสถานีรถไฟใต้ดิน ส่วนบ้านของรุจิรานั้นอยู่ห่างจากคอนโดมิเนียมนี้ราวสามกิโลเมตร ซึ่งถือว่าทั้งคู่มีบ้านใกล้กัน ทำงานด้วยกันกลับบ้านพร้อมๆกัน จึงสนิทสนมกันอย่างรวดเร็ว
หากเสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นและชื่อของคู่แฝดที่โชว์หราอยู่หน้าจอก็ทำให้กันตาภาเอ่ยแซวเพื่อนอย่างอารมณ์ดี “นี่ไง ภรรยาคุณเทมส์โทรฯมาพอดี เธอจะถามเขาเองไหมล่ะ ว่าไปเจอกับเจ้านายของเธอได้ยังไง?”
“อุ้ย... ไม่รบกวนดีกว่าค่ะ” รุจิราบอกอย่างเกรงใจที่สุดแต่กลับถลึงตาใส่เพื่อนที่กำลังก้าวลงจากแท็กซี่จนเจ้าตัวหัวเราะอย่างถูกใจ
“พรุ่งนี้เจอกันนะ”
“อือ... รีบรับโทรศัพท์เถอะ ท่านคอยนานแล้วนะนั่น” พยักพเยิดไปยังโทรศัพท์ที่อยู่ในมือเพื่อนสาว และบอกให้โชเฟอร์ออกรถหลังจากที่ล่ำลากันเรียบร้อย
กันตาภายิ้มละสายตาจากแท็กซี่สีส้มที่แล่นออกไปแล้วหันมารับโทรศัพท์ที่ดังไม่หยุดหย่อน “ว่าไงองุ่น”
“ถึงคอนโดฯรึยัง”
“เพิ่งถึงนี่เอง มีอะไรรึเปล่า? กันตาภาถามพลางเดินเข้าไปด้านในคอนโดมิเนียมที่มีพนักงานรักษาความปลอดภัยคอยเปิดประตูให้ด้วยท่าทางนอบน้อม
“ทำไมเพิ่งถึงล่ะ เราคิดว่าตัวน่าจะถึงคอนโดฯตั้งแต่สองชั่วโมงที่แล้วเสียอีก” นีราภาถามอย่างสงสัย
“ไปทานข้าวกับเพื่อนมา แล้วนี่เราต้องรายงานตัวรึเปล่าว่าไปกับเพื่อนชื่ออะไรบ้าง” กันตาภาตอบคำถามน้องสาวห้านาทีของตนด้วยน้ำเสียงหน่ายใจ
“ไม่ใช่อย่างนั้น ถ้าไม่อยากให้โทรฯหาบ่อยๆ ก็ย้ายมาอยู่ด้วยกันสิ” นีราภาบอก
“ไม่เอาหรอก ตัวแต่งงานมีครอบครัวแล้ว จะให้เราไปอยู่ด้วยได้ยังไง” ปัญหาเดิมที่คุยไม่จบ ตกลงไม่ได้กับพี่สาวและน้องสาวห้านาทีสักทีคือทั้งคู่ยืนยันให้เธอย้ายเข้าไปอยู่ในคฤหาสน์หลังใหญ่ของคนใดคนหนึ่ง ซึ่งกันตาภายังยืนยันว่าจะเช่าอพาร์ทเมนต์อยู่เพียงลำพัง แต่ทั้งคู่ก็ยังไม่ยอมท่าเดียว จนเธอต้องมองหน้าพี่เขยและน้องเขยซึ่งอายุมากกว่าถึงสิบปีให้ช่วยเหลือ
ทัตเทพรู้ดีและเข้าใจความรู้สึกของกันตาภาว่าคงจะอึดอัดและวางตัวลำบากอยู่ไม่น้อย จึงเสนอให้กันตาภาย้ายเข้ามาอยู่ในคอนโดมิเนียมที่เขาซื้อเอาไว้ ซึ่งกันตาภาก็เข้าใจได้ว่ามันคือความเป็นห่วงที่พี่น้องมีให้
“แล้วนี่ยังไม่ขึ้นเครื่องอีกเหรอ?” กันตาภาเปลี่ยนเรื่องถาม
“อย่ามาเปลี่ยนเรื่องเลย ตัวก็รู้ว่าเราเป็นห่วง”
กันตาภาอมยิ้ม รู้สึกได้ถึงกระแสเสียงแห่งความน้อยใจ อาจจะเป็นเพราะว่านีราภากำลังตั้งครรภ์ ฮอร์โมนเปลี่ยนแปลง
“รู้ว่าเป็นห่วง แต่เราอายุเท่าตัวนะองุ่น เราดูแลตัวเองได้ดีเท่าๆที่ตัวทำนั่นแหละ อีกอย่างนะ ถ้าเกิดคุณเทมส์อยากแสดงความรักกับตัว แล้วเราเกิดอยู่ผิดที่ผิดทางขึ้นมาจะทำไง”
“บ้า... คิดอะไรอย่างนั้น” นีราภาตอบแต่อีกใจก็คิดขึ้นมาได้ว่า สามีของตนนั้นเป็นพวกชอบแสดงความรักไม่เลือกที่ ไม่อายใครจนคนในบ้านเห็นเป็นเรื่องปกติ ชินตา
“ไม่รู้ล่ะ เราอยู่อย่างนี้ก็สบายแล้ว ตัวอย่ากังวลมากไปเลยน่า ไปเที่ยวให้สนุกเถอะ”
“อืม... อยู่คนเดียวก็ระวังตัวเองนะ ถ้ามีอะไรก็โทรฯหาเราได้ตลอดเวลา”
กันตาภาอมยิ้มพลางใช้อีกมือสอดการ์ดเพื่อเปิดประตูห้อง คิดในใจว่าหากเธอโดนปล้นแล้วโทรศัพท์บอกนีราภาที่อยู่ในอเมริกา ก็คงมาช่วยได้ทันเวลาหรอก แต่ถ้าพูดเช่นนั้นน้องสาวห้านาทีอาจจะยกเลิกการฮันนีมูนก็เป็นได้ “จ้ะ... เที่ยวให้สนุกนะ”
“อ้อ... ส้มโอ อย่าลืมโทรหาพี่ด้วยนะ รายนั้นบ่นว่าตัวไม่โทรฯหาสองวันแล้ว” นี่ราภาเอ่ยถึงพี่สาวคนโตที่เดินทางไปเที่ยวรอบโลกกับสามีได้ราวสิบวันแล้ว
กันตาภารับคำแบบมึนๆก่อนจะวางสาย ความห่วงใยที่ส่งมาให้นั้นราวกับว่าเธอคือสาวน้อยวัยกระเตาะ ทั้งที่จริงแล้วเรียนจบมหาวิทยาลัย ดูแลตัวเองได้เป็นอย่างดี
เมื่อเดินเข้ามาในห้องชุดสุดหรูก็รีบอาบน้ำชำระร่างกาย โดยไม่ลืมที่จะโทรศัพท์ถึงพี่สาวคนโตที่ท่องเที่ยวในแถบทวีปยุโรป ไถ่ถามสารทุกข์สุกดิบกันตามประสาพี่น้อง สักพักจึงวางสายแล้วหญิงสาวก็คลานขึ้นเตียงกว้างเข้าสู่นิทราในไม่กี่นาทีต่อมา
กันตาภา อำนวยพรหรือส้มโอ เศรษฐศาสตร์บัณฑิตวัย 22 ปี ที่เพิ่งได้รับเลือกเข้าทำงานในกลุ่มวิชิตยนต์เมื่อไม่ถึงเดือนที่ผ่านมา หลังจากที่ต้องเตร็ดเตร่สมัครงานอยู่หลายเดือน หญิงสาวดีใจเป็นอย่างมากที่ได้รับจดหมายเรียกตัวเข้าสัมภาษณ์ในกลุ่มวิชิตยนต์เพราะเป็นบริษัทนำเข้ารถยนต์หรูที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชีย แต่เรื่องที่ทำให้กันตาภาตกตะลึงที่สุดหลังจากเข้าทำงานในกลุ่มวิชิตยนต์ได้ไม่ถึงสัปดาห์ก็คือ คู่แฝดของเธอประกาศแต่งงานกับประธานบริหารกลุ่มวิชิตยนต์
มันทำให้กันตาภาสงสัยมาตลอดว่า การที่เธอได้เข้าทำงานในกลุ่มวิชิตยนต์นั้นเป็นความสามารถของตนเองหรือเพราะว่าเส้นสายกันแน่ คำตอบที่ได้จากประธานบริหารกลุ่มวิชิตยนต์ก็คือ เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคู่แฝดของภรรยาไม่มีงานทำ ถ้ารู้เขาคงรับเข้ามาเป็นหัวหน้างานฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ไม่ต้องเข้ามาเป็นพนักงานธรรมดาๆ
คำตอบที่ได้ยินทำให้กันตาภาหัวเราะร่วน ไม่รู้ว่าเขาพูดจริงๆหรือเป็นมุกตลกเพื่อให้เธอคลายกังวลเท่านั้น จึงได้แต่ขอร้องให้เขาปิดเรื่องความสัมพันธ์ในครอบครัวให้คนในบริษัทรู้น้อยที่สุด เพื่อความสบายใจของทุกฝ่าย แม้ว่าหลายคนจะนึกสงสัยว่าทำไมใบหน้าของกันตาภาถึงได้เหมือนกันกับภรรยาเจ้าของบริษัทก็ตามที
ครอบครัวของเธอนั้นมีเหลือเพียงพี่น้องสามคนเพราะพ่อและแม่มาด่วนจากไปเสียก่อน พี่สาวคนโตชื่อชยาภาหรือชมพู่ ปัจจุบันเป็นภรรยาของอัครรัฐ พิพิธณรงค์ เจ้าของโรงแรมชื่อดังซึ่งทั้งคู่ตกลงใจใช้ชีวิตคู่ร่วมกันอย่างถูกต้องตามกฎหมาย แม้จะยังไม่ได้มีพิธีฉลองสมรสเพราะเจ้าสาวกำลังตั้งครรภ์
อีกคนคือนีราภาหรือองุ่น ซึ่งเป็นคู่แฝดเกิดหลังเธอเพียงห้านาที เพิ่งแต่งงานกับทัตเทพ วิชิตเมธาไปเมื่อไม่นานนี้
รุ่งเช้าของวันต่อมากันตาภาและรุจิราเดินเข้ามาในบริษัทพลางสังเกตได้ถึงความผิดปกติที่เกิดขึ้น พนักงานหลายคนดูแตกตื่น จับกลุ่มคุยกันด้วยอาการตื่นเต้นจนน่าประหลาดใจ หากปฏิกิริยาเหล่านั้นก็ไม่ได้ทำให้คนช่างสงสัยอย่างรุจิราทนได้นาน จึงเดินเข้าไปซักถามกับเพื่อนร่วมงานนางหนึ่งที่อยู่ยิ้มราวกับอยู่ในภวังค์
“นี่... วันนี้ทำไมออฟฟิศเราดูคึกคักจัง มีอะไรเป็นพิเศษรึเปล่า เห็นสาวๆยืนจับกลุ่มคุยกันยังกับจะมีดารามาที่บริษัท” รุจิราถาม
“ยิ่งกว่าดาราน่ะสิ วันนี้คุณกายเข้าบริษัทเป็นครั้งแรกในรอบสองเดือน ฉันเพิ่งมีโอกาสได้เห็นตัวเป็นๆก็วันนี้ คนอะไรหล่อ... จนเคลิ้ม” ตอบพลางจิกสายตาแล้วหันกลับไปเคลิบเคลิ้มอยู่ตรงมุมเสาจนรุจิราต้องส่ายหน้า
“มิน่าล่ะคุณกายมานี่เอง สาวๆทั้งบริษัทถึงได้ดูบ้าคลั่งขนาดนี้” รุจิราบอกพลางรั้งแขนเพื่อนสาวให้เดินเข้าไปด้านใน
‘บ้าคลั่ง’ ตอนแรกกันตาภาก็คิดในใจว่ามันเป็นคำจำกัดความที่ดูจะมากเกินไป แต่จากท่าทางของสาวน้อยสาวใหญ่ที่เดินผ่านจากด้านหน้ามาจนถึงฝ่ายของตน มันก็เป็นคำจำกัดความที่เหมาะสมแล้ว หัวข้อสนทนาส่วนใหญ่ก็หนีไม่พ้นความหล่อเหลาของท่านรองประธานนั่นเอง
ห้องทำงานของรองประธานบริหารกลุ่มวิชิตยนต์
“กาแฟได้แล้วค่ะ” เลขานุการสาวหน้าห้องรองประธาน ทำหน้าที่ยกเครื่องดื่มที่จดจำได้แม่นยำว่าเจ้านายชอบรสชาติเช่นไรเข้ามาหลังจากที่ท่านเข้ามานั่งบนเก้าอี้ตัวใหญ่ยังไม่ครบนาที
“อืม... ขอบใจ เก้าโมงเรียกหัวหน้าฝ่ายทุกฝ่ายประชุมด้วยนะ” เวทิศสั่งก่อนที่จะยกกาแฟขึ้นจิบ
“ค่ะ อ้อ... ท่านประธานสั่งไว้ว่าหากท่านรองเข้าบริษัทให้ติดต่อท่านด้วยนะคะ” รายงานจบก็เดินออกไปทันที ทิ้งให้เจ้านายกลอกสายตาขึ้นบนฟ้าอย่างระอาใจ
นี่คงจะต้องเห็นเขานั่งอยู่หน้าสัญลักษณ์ของบริษัทสินะ ไอ้พี่ชายที่ใช้ชีวิตเหมือนเพื่อนกันมาตลอดเวลาถึงจะวางใจ คิดอย่างประชดแต่มือหนากลับยกโทรศัพท์ต่อสายหาผู้เป็นพี่ชายทันที เพียงไม่กี่อึดใจสัญญาณรอสายก็เงียบลง ภาพและเสียงของคนที่อยู่อีกมุมโลกก็ปรากฏขึ้นบนโทรศัพท์จอแบนราบ
เวทิศชี้มือไปยังสัญลักษณ์ของบริษัทที่ติดไว้หลังโต๊ะทำงานของตนให้พี่ชายที่อยู่อีกมุมโลกได้เห็นชัดๆ “พอใจนายแล้วใช่ม่ะ”
“เออ... อย่างนี้สิวะ ถึงจะเที่ยวอย่างสบายใจหน่อย” ทัตเทพบอกในขณะที่ยังนอนนิ่งอยู่บนเตียงกว้าง
“แล้วทำไมไปโผล่ที่ญี่ปุ่นได้ ไหนว่าจะไปอเมริกา” เวทิศถามพี่ชายเพราะเหลือบเห็นชื่อโรงแรมที่ตนเคยพักบนสมุดโน้ตที่วางบนโต๊ะข้างเตียง
“พักมั่งสิวะ จะให้เดินทางยาวๆไกลๆได้ไง พี่สะใภ้แกท้องอยู่นะโว้ย”
“อย่าหยาบคายสิคะคุณเทมส์” นีราภาเตือนสามีด้วยน้ำเสียงเหมือนคนที่กำลังไม่ตื่นเต็มตา
“จ้ะๆ พักผ่อนต่อเถอะนะ อีกไม่กี่ชั่วโมงก็ต้องเดินทางต่อแล้ว” ทัตเทพหันมาพูดกับเมียเด็กของตน
แน่นอนว่าเวทิศได้ยินบทสนทนานั้นอย่างชัดเจน “อา... ใครจะรู้ว่าคนอย่างทัตเทพ วิชิตเมธาจะกลัวเมีย พูดกับเมียนี่มีจ๊ะมีจ๋า รู้ถึงไหนอายถึงนั่น”
“ไอ้...”
“อย่าหยาบคายสิคะคุณเทมส์...” เวทิศบีบเสียงให้เล็กลง ยั่วโมโหพี่ชายด้วยการใช้คำพูดของพี่สะใภ้มาปราม และหัวเราะลั่นเมื่อพี่ชายไม่กล้าต่อปากต่อคำ ได้ยินเพียงเสียงครางฮึ่มๆอยู่ในลำคอ “จะว่าไปก็อยากเห็นหน้าพี่สะใภ้จริงๆว่ะ อยากรู้ว่าเธอจะหน้าตายังไง ดุแค่ไหน ถึงได้ทำให้คุณเทมส์หนุ่มเจ้าสำราญ แสนกะล่อนกลายเป็นลูกแมวเชื่องได้”
“อย่ามา...”
“จุ... จุ... จุ... บอกแล้วว่าอย่าหยาบคาย ให้เตือนหลายรอบ เดี๋ยวเธอจะโมโหเอานะ” เวทิศพูดดักคอพี่ชายทันที
“ตกลงนี่แกอิจฉาฉันใช่ไหมวะ” จบคำพูดทัตเทพก็กดโทรศัพท์ให้ต่ำลงแล้วกดจมูก สูดความหอมของผู้หญิงที่นอนตะแคงอยู่ในอ้อมกอดเร็วๆ แล้วหันกลับมาสั่งน้องชายด้วยน้ำเสียงและสายตากวนโมโห “ทำงานดีๆนะไอ้หนู ทำดีมีรางวัลโว้ย...”
เวทิศอ้าปากค้างเหลือเชื่อกับการกระทำของพี่ชายที่ชิงตัดสายไปก่อน ในขณะที่เขายังเห็นใบหน้าของพี่สะใภ้ไม่ถนัดตา แต่มองแวบเดียวก็รู้ล่ะว่าเธอเป็นผู้หญิงที่สวยเอามากๆ ไม่เช่นนั้นพี่ชายเขาคงไม่หลงจนโงหัวไม่ขึ้นอย่างนี้แน่
ก๊อก... ก๊อก...
“เชิญ” เวทิศอนุญาตสั้น
“ท่านรองคะ หัวหน้าทุกฝ่ายรอที่ห้องประชุมแล้วค่ะ” เลขานุการบอกพลางเปิดประตูกว้างขึ้น เพื่อให้เจ้านายที่กำลังลุกขึ้นจากเก้าอี้ทำงานตัวใหญ่เดินออกมา
จากนั้นเวทิศก็ขลุกอยู่ในห้องประชุมตลอดทั้งช่วงเช้า ทุกฝ่ายกำลังรายงานผลประกอบการในช่วงเดือนที่ผ่านมาให้เขาได้รับรู้ ทั้งนี้เวทิศยังถือโอกาสบอกให้ทุกคนได้รู้ว่า ตอนนี้กลุ่มวิชิตยนต์กำลังรุดหน้าเปิดตลาดรถยนต์หรูในประเทศอินเดีย เพราะเสียงการตอบรับจากงานมอเตอร์โชว์ครั้งล่าสุดนี้เป็นที่น่าพอใจอย่างมาก จึงเป็นสัญญาณที่ดีที่จะเร่งทำการตลาดในประเทศอินเดีย
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ