เมียบำเรอครึ่งคืน
-
10) เมียบำเรอครึ่งคืน ตอนที่ 10 100%
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความเมื่อเข้ามาอยู่ในห้องทำงาน เวทิศก็กดบ่าบอบบางทั้งสองข้างให้นั่งลงบนเก้าอี้ทำงานของตนแล้วเอื้อมมือไปเปิดคอมพิวเตอร์อีกครั้ง
“ถอยออกไปหน่อยได้ไหม ทำไมต้องเข้ามาใกล้อย่างนี้ด้วย” กันตาภาบอกเมื่อเขาหย่อนสะโพกสอบลงบนที่วางแขนใช้มือข้างหนึ่งเปิดคอมพิวเตอร์และใช้มืออีกข้างหนึ่งค้ำกับที่วางแขนอีกข้าง นั่นเท่ากับว่าเขากำลังโอบเธออยู่กลายๆ
“เงียบแล้วตั้งใจดู” เวทิศบอกพลางก้มตัวลงมาให้ใบหน้าอยู่ใกล้กับใบหน้างดงาม ทันทีที่ได้ยินเสียงกระซิบข้างหู เธอก็เบี่ยงตัวหันมามองเขาด้วยสายตาตำหนิ แต่นั่นก็ทำให้ปลายจมูกของเขาเข้าใกล้กับแก้มเนียน ที่ตอนนี้เป็นสีชมพูระเรื่อด้วยความเขินอาย
กันตาภาเอนตัวหนีได้ไม่มากเพราะติดอยู่ในวงแขนหลวมๆทว่าแข็งแกร่ง และต้องหันกลับมานั่งตัวตรงเช่นเดิมเมื่อเห็นเขาบุ้ยใบ้ไปยังจอคอมพิวเตอร์
หากภาพเคลื่อนไหวของหญิงชายคู่หนึ่งที่กำลังกอดรัดฟัดเหวี่ยงกันอยู่บนเตียง ไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นตัวเองและเขาที่กำลังคลุกเคล้ากันอยู่ขอบเตียงกันตาภารีบยกมือขึ้นปิดปาก ทั้งอับอายและตกใจสุดชีวิต เสียงครวญครางที่ดังออกมามันเป็นเสียงที่บ่งบอกว่ากำลังเริงร้อน มีความสุข ไม่เหมือนคนที่ถูกขืนใจเลยสักนิด
เวทิศปิดวิดีโอเมื่อรู้สึกได้ว่าผู้หญิงที่นั่งซ้อนอยู่ด้านหน้านี้กำลังตัวสั่น จึงเอื้อมมือลูบบริเวณหัวไหล่ ต้นแขนเธอขึ้นลงเร็วๆอย่างให้กำลังใจ “นี่ไงล่ะ ลางสังหรณ์ที่ฉันคิดเอาไว้”
กันตาภาแหงนหน้ามองเขาพลางถามด้วยน้ำเสียงกระท่อนกระแท่น “คะ...คุณได้มัน มายังไง?”
“ไอ้ระยำรวิมันคงเป็นคนส่งมา มันวางอยู่บนโต๊ะ ฉันเปิดมันดูแล้วถึงได้ให้คนไปตามเธอ”
“ฉัน... ไม่รู้ว่า เรื่อง มันจะเป็นอย่างนี้ ทำยังไงล่ะ จะทำยังไง?!” กันตาภายังตั้งคำถามแทบไม่เป็นประโยค จนคนฟังนึกสงสาร เข้าใจความรู้สึกของเธอดีว่ากำลังเกิดความกลัว
กริ๊ง... กริ๊ง... กริ๊ง...
หากเสียงโทรศัพท์ที่กรีดร้องขึ้นทำให้กันตาภาสะดุ้งเฮือก ควานหาโทรศัพท์ที่อยู่ในกระเป๋าเสื้อสูทตัวเข้ารูปออกมา ท่าทางกลัวและมือไม้ที่สั่นเป็นเจ้าเข้าทำให้เวทิศปรายตามองยังหน้าจอโทรศัพท์และแย่งมันมาจากมือของเธอ เมื่อเห็นว่าชื่อที่โชว์หราอยู่บนหน้าจอคือไอ้ระยำที่มันวางแผนเรื่องทุกอย่างขึ้น
“มึงจะเอายังไง ไอ้ชาติชั่ว” เวทิศถามด้วยน้ำเสียงกร้าวในขณะที่ปลายสายยังไม่ได้เอ่ยสิ่งใดออกมาสักคำ หากเสียงหัวเราะที่ดังทำให้เขาอยากกระทืบมันให้จมธรณี “มึงไม่ตายดีแน่”
“โอ๊ะๆ ก่อนตายกูคงเอาหนังเอ็กซ์ที่พวกมึงแสดงไปขายในตลาดมืด โปรโมทหน่อยว่าเป็นไฮโซมั่วกันในโรงแรมหรู กูดูแล้วเสียวสุดๆ มึงสองคนนี่เล่นหนังได้สมจริงมาก” รวิยังยั่วโมโหอย่างไม่เกรงกลัว
“มึงจะเอายังไง รีบพูดมาเลย” เวทิศข่มความโกรธไว้ รู้ว่าตัวเองเป็นรองทุกประตู
“มึงถามกูตรงๆ กูก็จะตอบตรงๆ เงินห้าสิบล้าน แลกกับหนังเอ็กซ์ของพวกมึงความยาวโดยที่ไม่ตัดต่อก็เกือบหกชั่วโมง ซี้ด... อึดดีนี่หว่า” รวิยังยั่วอารมณ์ต่อไป ทั้งที่รู้ดีว่าเวทิศเป็นคนจริง รักแรง เกลียดแรงแต่ในเวลานี้ไม่มีสิ่งใดสำคัญมากไปกว่าเงินอีกแล้ว
“ไม่มากไปหน่อยเหรอ เงินตั้งห้าสิบล้านแลกกับเรื่องชั่วๆที่มึงเป็นคนวางแผนขึ้นมา” เวทิศถามด้วยน้ำเสียงกร้าว ทว่าคนที่นั่งอยู่ใกล้ๆกลับเบิกตามองเขาอย่างตกใจเมื่อได้ยินว่ามันต้องการเงินจำนวนมาก
“ถ้ามึงคิดว่ามันมากไป อีกหนึ่งนาทีกูจะปล่อยภาพนิ่งลงในเฟสบุ๊ก ปล่อยให้คนแชร์ไปดูฟรีๆทั่วโลก แต่ไม่ต้องกลัวเดี๋ยวกูเบลอหน้าให้เรียบร้อย มึงว่า... พวกสื่อหนังสือต่างๆจะยอมทุ่มเงินซื้อไหมล่ะ”
“ก็คงซื้อ แต่มึงคงต้องฝันเอาล่ะว่าจะได้ถึงห้าสิบล้าน อย่างมากก็ไม่เกินล้าน”
หากคำพูดของเวทิศก็ไม่ได้ทำให้รวิจนมุมง่ายๆ “ฮ่า... ก็โอเค้ ถึงไม่ได้ห้าสิบล้านแต่ก็ได้กอดเงินล้าน แถมยังได้เห็นพวกมึงอับอายขายขี้หน้า ถึงมึงจะไม่อายแต่กูรับประกันว่าส้มโอไม่มีหน้าไปพบใครแน่ ก็ภาพมันชัดออกอย่างนั้น เห็นไปถึงไหนต่อไหน ที่สำคัญเปิดซิงกันด้วยนี่หว่า...”
เวทิศบดกรามแน่น ใบหน้าบึ้งตึง มืออีกข้างหนึ่งกำแน่นด้วยความโมโหสุดขีด หากทำอะไรไม่ได้มากไปกว่าถามถึงความต้องการของมันต่อไป “แล้วกูจะมั่นใจได้ยังไงว่ามึงจะไม่ก็อปปี้ไว้อีกหลายชุด”
“กูยังเชื่อมึงว่าจะเอาเงินสดห้าสิบล้านมากแลก ถ้ามึงไม่เชื่อกู เราก็คงตกลงกันไม่รู้เรื่อง” รวิต่อรองอย่างมีชั้นเชิง
“ตกลง แล้วยังไงต่อ” เวทิศถามถึงรายละเอียดต่อไป
“มึงก็แค่เตรียมเงินสดไว้ให้ครบ ย้ำว่าเงินสดและห้ามตุกติก ห้ามแจ้งตำรวจ พรุ่งนี้สามทุ่มเจอกัน ส่วนสถานที่เดี๋ยวกูจะโทรมาบอกอีกที” รวิบอกอย่างอารมณ์ดีสุดๆ “อ้อ... ขอเตือนว่าถ้ามึงเล่นไม่ซื่อ ของขวัญที่มึงหลงใหลนักหนาได้กลายเป็นนางเอกหนังเอ็กซ์แน่”
เวทิศยื่นโทรศัพท์คืนให้กันตาภาเมื่อปลายสายตัดไปพลางจ้องใบหน้างดงามที่ดูร้อนใจและแววตาที่เป็นกังวลอย่างสงสาร
“ว่ายังไง พี่โต้งว่ายังไงบ้าง” กันตาภาถามด้วยท่าทีร้อนรน
“จนป่านนี้แล้วยังจะไปนับญาติกับไอ้ชั่วนั่นอีก” เวทิศฟังเธอเรียกไอ้เลวนั่นอย่างสนิทสนมแล้วขัดหู ขัดใจนัก ทีเขานี่ไม่เคยจะมองเห็นความดี
“ก็เคยเรียกจนติดปาก พูดมาสิว่าเขาจะเอายังไง จะเอาเงินห้าสิบล้านเลยเหรอ?” กันตาภาไม่มีอารมณ์จะมาต่อล้อต่อเถียงกับเขา และต้องทรุดตัวนั่งลงอย่างหมดแรงเมื่อไม่รู้ว่าจะไปหาเงินจำนวนมากมายนั้นมาจากไหน
“ก็มันว่าอย่างนั้น พรุ่งนี้มันให้ฉันเอาเงินสดไปให้ด้วยตัวเอง ส่วนสถานที่เดี๋ยวมันจะติดต่อมาอีกที” เวทิศว่าพลางพิงสะโพกสอบเข้ากับขอบโต๊ะทำงาน กอดอกมองใบหน้างดงามที่ดวงตากลมโตเต็มไปด้วยความกังวลใจ
“เราจะแจ้งตำรวจไหมคะ ที่เขาทำคือกรรโชกทรัพย์มันผิดกฎหมาย” กันตาภาออกความคิดเห็นหากแต่คนฟังกลับเผลอยิ้มเพราะเป็นครั้งแรกที่เธอพูดจากับเขาอย่างมีหางเสียง “คุณ! ฟังฉันอยู่รึเปล่า”
“ฟัง” ตอบออกมาสั้นๆแต่ประโยคหลังกลับพูดไปอีกเรื่อง “คราวหลังพูดคะขาอย่างนี้นะ ดูน่ารักขึ้นเป็นกอง”
กันตาภาถอนหายใจ ทำไมเขาถึงเล่นไม่รู้เวลาจริงๆนะ คนร้อนใจคิดพลางมองหน้าเขาด้วยสายตาตำหนิ “ที่คุณทำเป็นเล่นอยู่อย่างนี้เพราะต้องการแกล้งฉันใช่ไหม รู้ไหมว่าฉันกลัวแค่ไหน รู้ไหมว่าฉันอับอายจนจะบ้าตายอยู่แล้วที่ต้องเห็นตัวเองอยู่ในวิดีโอนั่น คุณพอใจ สะใจมากใช่ไหมที่เห็นฉันร้อนรนอยู่คนเดียวอย่างนี้”
“แล้วจะให้ทำอะไร มันอยากได้เงินห้าสิบล้าน ฉันก็ต้องเอาไปให้มันอยู่แล้ว จะร้อนรนทุกข์ใจไปตอนนี้มันก็ไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้นมา” เวทิศตอบ หากนั่นไม่ใช่คำตอบที่กันตาภาต้องการเพราะเธอคงไม่มีปัญหาไปหาเงินมากมายเช่นนั้นมาไถ่ภาพอัปยศของตัวเองแน่
“แล้วทำไมไม่แจ้งความหรือปรึกษาใครสักคนที่จะให้ความช่วยเหลือเราได้ เงินตั้งมากมายอย่างนั้นฉันจะเอาไปมากจากไหน...”
เวทิศพูดยักไหล่อย่างไม่ยี่หระทั้งยังไม่รอให้เธอพูดจนจบ “เอามาจากฉันไง เรื่องเงินไม่ต้องห่วง ส่วนเรื่อง...”
“แต่ฉันไม่ได้รวยอย่างคุณ ถ้าเขาจะเอาห้าสิบล้านจริงๆ ฉันก็คงต้องแบ่งมาครึ่งหนึ่งเพราะมันก็เป็นภาพของฉันเหมือนกัน” กันตาภายิ่งโมโหมากไปอีกเมื่อเขายังมีท่าทีไม่ทุกร้อน เอาแต่จ้องหน้าเธอเช่นเดิม จึงผุดลุกขึ้น หวังจะออกไปจากห้องนี้ ไปให้พ้นหน้าเขาคงจะคิดหาหนทางได้มากกว่าที่ต้องมาทนมองหน้าเขา ที่ชอบทำท่าทางกวนอารมณ์อยู่ตลอดเวลา
“จะไปไหน?”
“ไปให้พ้นๆหน้าคุณ ไปหาคนช่วย ไปแจ้งความ ไปหาคนที่เข้าใจความรู้สึกของฉันว่าฉันร้อนใจ อับอาย อดสูใจแค่ไหนถ้าภาพและเสียงพวกนี้ถูกเผยแพร่ออกไป” กันตาภากระแทกเสียงตอบออกไปด้วยความโมโห เสียใจเจ็บใจที่เขายังทำเป็นทองไม่รู้ร้อน
เฮอะ! ไม่ว่าจะทำอะไรเขาก็ยังเป็นคนเลวในสายตาเธอวันยังค่ำ
“ใครล่ะ ใครมันจะกล้ายื่นมือเข้ามาช่วยเธอ ใครมันจะเอาเงินห้าสิบล้านมากองตรงหน้าเธอแล้วบอกอย่างไม่ต้องกังวล ยิ่งมีคนรู้เรื่องนี้มากเท่าไหร่เธอก็ยิ่งต้องอับอายมากขึ้นเท่านั้น อย่าลืมว่าทุกครั้งที่เธอเข้าไปขอความช่วยเหลือจากใคร เธอต้องเล่าเรื่องทั้งหมดให้คนพวกนั้นฟัง เธอพร้อมที่จะถ่ายทอดเรื่องราวพวกนั้นเหรอแล้ว”
กันตาภาฉุกคิดกับคำพูดของเขา หันขวับกลับมาจ้องหน้าเขา เพียงแค่อ้าปากเขาก็พูดดักคอขึ้นมาเสียก่อน
“ไอ้หื่นกามคนนี้แหละที่มันจะช่วยเธอ ไอ้โรคจิตคนนี้แหละที่มันตกใจไปไม่น้อยกว่าเธอ ลำพังตัวเองไม่เป็นไรหรอก ก็แค่ภาพกิจกรรมที่คนทั่วโลกก็ทำกันต่อให้มันดังกระฉ่อนแค่ไหน ไม่เกินสิบวันคนก็ลืม แต่ที่ฉันให้คนไปตามเธอ เดินลงไปหาเธอด้วยตัวเอง พาเธอมาดูให้เห็นกับตาว่าตอนนี้เธอตกอยู่ในอันตราย มีคนคิดร้าย เธอจะได้เลิกคิดเสียทีว่าดูแลตัวเองได้ อยู่ตัวคนเดียวได้โดยไม่มีอันตราย ส่วนเรื่องแจ้งความฉันก็ปรึกษากับเพื่อนที่เป็นตำรวจตั้งแต่เดินลงไปหาเธอไม่เจอแล้ว” เวทิศพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเบื่อโลก มันน่าเจ็บใจนักที่ทำดีไม่เคยได้ดี ไม่เคยเป็นคนดีในสายตาของเธอเลยสักครั้ง
“ก็ฉันไม่รู้...” กันตาภาหุบปากฉับเมื่อเขาชี้นิ้วออกมาอย่างคาดโทษ
“เป็นเพราะเธอไม่ยอมฟังฉันพูดให้จบมากกว่า” เวทิศรั้งข้อศอกมนให้กลับมานั่งลงบนเก้าอี้ทำงานของตนเช่นเดิม “ปัญหาอยู่ที่ว่าเธอไม่เคยมองฉันเหมือนคนทั่วไป ไม่ใช่สิ... เธอมองฉันเป็นคนเลว ในสายตาของเธอคนที่เลวจริงๆอย่างไอ้รวิยังดูดีมากกว่าฉัน ใช่! ฉันผิดที่ทำกับเธอออย่างนั้น แต่จะบอกว่าในตอนนั้นฉันก็ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ ลองคิดดูดีๆนะส้มโอ ที่เธอคิด เธอมองฉันอย่างนี้มันยุติธรรมกับฉันรึเปล่า”
กันตาภานิ่งไปครู่ใหญ่เพราะกำลังคิดตามคำพูดของเขา ถ้าใจเย็นพิจารณาทุกอย่างดีๆแล้ว มันก็ไม่ผิดจากที่เขาพูดมาหรอก แต่ภาพที่เขาหักหาญน้ำใจเธอมันยังติดตา “มันก็ใช่หรอกแต่... ฉันคงต้องใช้เวลาปรับอารมณ์หน่อย จะให้พูดดีกับคุณเหมือนคนทั่วไปได้ยังไงในเมื่อคุณคือคนที่ขืนใจฉัน”
“ขืนใจ?!” เวทิศทวนคำประณามนั้นด้วยเสียงสูง “ให้ตายเถอะ ถ้าเธอทนดูมันจนจบได้ ฉันจะเปิดมันตอนนี้เลย จะได้รู้กันไปว่าเธอถูกขืนใจจริงๆรึเปล่า”
“ไอ้! คุณมัน... มันคนเหลือทน!” กันตาภาไม่รู้จะสรรหาคำใดมาด่าว่าเขา
“ฉันยอมผิดที่ครั้งแรกเห็นแก่ตัว ปล่อยให้เธอค้างไว้อย่างนั้นแต่ก็ต้องเข้าใจฉันด้วยว่าตอนนั้น ฉันควบคุมตัวเองไม่ได้ ยามันกำลังออกฤทธิ์ แต่มาคราวหลังนี่ฉันก็ทำให้เธอมีความสุข แล้วไม่ต้องมาเถียงว่าไม่ใช่ เธอถึงไคลแม็กซ์จนตัวบิดตัวเกร็งสองครั้งสองครา แล้วจะมาบอกว่าขืนใจนี่มันไม่เกินไปหน่อยเหรอ” เวทิศพูดอย่างตรงไปตรงมาจนกันตาภาเถียงไม่ออก ได้แต่หน้าแดง อับอายในความจริงที่เขาเอามาพูดหน้าตาเฉยราวกับเป็นเรื่องดินฟ้าอากาศ
“ฉะ...ฉัน คะ...คุณ หยุดพูดนะ!” กันตาภาพูดไม่เป็นประโยค สุดท้ายก็ได้แต่ตวาดออกมาอย่างเหลืออด
เวทิศส่ายหน้าไม่ใช่เพราะเธอ แต่เพราะเบื่อตัวเองที่ไม่เคยเอาชนะดวงตากลมๆสีดำสนิทนั่นได้สักที ไม่ว่าจะผิดหรือถูกก็ต้องเป็นคนยอมเธออยู่วันยังค่ำ “เอาล่ะๆ ฉันจะไม่เอาเรื่องจริงมาพูดอีก เธอก็เลิกคิดว่าตัวเองถูกขืนใจสักที คิดอย่างนั้นต่อไปก็รังแต่จะทำให้เสียสุขภาพจิต”
“ฉันจะเป็นประสาทตายเพราะคำพูดห่ามๆ ตรงๆของคุณนั่นแหละ” กันตาภาถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
“ฉันก็เป็นของฉันอย่างนี้แหละ ไม่เห็นว่าต้องอ้อมค้อมให้เสียเวลา เรื่องจริงมันเป็นยังไงก็ต้องพูดอย่างนั้นหรือเธอชอบพวกหน้าไหว้หลังหลอก”
“ไม่ได้ชอบแต่คนเราก็ควรจะขัดเกลาคำพูดของตัวเองเสียก่อน พูดออกไปแล้วมันจะกระทบใจใครบ้าง ทำให้ใครเสียใจบ้าง เลี่ยงได้ก็ควรเลี่ยง ไม่ถึงกับว่าต้องปากหวานก้นเปรี้ยวแค่ขัดเกลาให้มันฟังรื่นหูขึ้นเท่านั้น เข้าใจบ้างไหม” กันตาภาร่ายยาวราวกับแม่แก่ หากคนฟังกลับอมยิ้ม ชื่นชอบเสียงเจื้อยแจ้วของเธอนัก
“จ้ะ จะพยายามเรียนรู้จากเธอก็แล้วกัน”
‘เรียนรู้’ แล้วทำไมต้องมาเรียนรู้อะไรจากฉัน พูดราวกับว่าต้องอยู่ด้วยกันไปอีกนาน โอ... ไม่นะ! ถ้าให้อยู่กับผู้ชายที่ต้องขัดเกลาทั้งจิตใจและคำพูดอย่างนี้เธอคงต้องบ้าตายเข้าสักวัน กันตาภามองเขาอย่างไม่ไว้ใจ
“ฉันคงไม่มีอะไรให้เรียนรู้ คงต้องเป็นภรรยาของคุณมากกว่าที่ควรจะทำหน้าที่นี้ ผู้หญิงที่อยู่กับคุณได้ ขัดเกลาจิตใจคุณได้ เธอคงต้องดีงามอย่างมากซึ่งฉันไม่ใช่”
เวทิศเลิกคิ้วพลางคิดในใจว่า ผู้หญิงดีงาม ในสายตาฉันก็เห็นจะมีแต่เธอนั่นแหละ หาได้ยากนักล่ะ ผู้หญิงที่กล้าเถียง กล้าตวาด กล้าวิจารณ์ฉันอย่างเธอเนี่ย หากสมองอันชาญฉลาดกลับคิดขึ้นมาได้อย่างฉับพลันถึงวิธีการที่จะไม่ทำให้เธอออกปากไล่ตนทุกนาทีเช่นที่ผ่านมา
“ความจริงแล้วเธอคงต้องอยู่กับฉันไปสักระยะ จนกว่าจะจัดการเรื่องไอ้รวิเรียบร้อย”
“หมายความว่ายังไง?...” กันตาภาต้องการคำอธิบายที่ชัดเจนกว่านี้
“ก็ระหว่างที่ตำรวจยังจับไอ้รวิไม่ได้ เธอต้องอยู่ในความดูแลของฉัน” เวทิศพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
“ไม่มีทาง ฉันโตแล้ว บรรลุนิติภาวะแล้วทำไมต้องอยู่ในความดูแลของคุณ” ส่ายหน้าปฎิเสธ พลางคิดในใจว่าเป็นตายร้ายดีก็จะไม่ยอมอยู่ในความดูแลของเขาเด็ดขาด
“ฉันไม่เถียงหรอกว่าเธอโตแล้ว เป็นผู้ใหญ่แล้วแต่เรื่องดูแลตัวเองได้น่ะ ถ้าที่ผ่านมาทำได้ก็คงไม่ต้องโดนไอ้รวิมันหลอกจนเกิดเรื่อง รู้ไหมว่าไอ้รวิมันขู่ฉันว่าอย่าเผลอ ฉันกับเพื่อนที่เป็นตำรวจเลยคิดว่าเธอต้องอยู่ในความดูแลของฉันไปจนกว่าเรื่องจะจบ” เวทิศปดคำโตหากคิดในใจว่า... ไม่เป็นไรหรอกมั้ง ก็ที่โกหกเพราะหวังดี เป็นห่วงในสวัสดิภาพของเธอ
เมื่อไม่รู้ว่าจะปฏิเสธอย่างไรกันตาภาก็ได้แต่ทำหน้าแหยๆ “คือ... มันกว้างไปหน่อยไหม คุณจำกัดความให้ฉันเข้าใจมากกว่านี้หน่อยได้ไหม”
เวทิศลอบยิ้มเมื่อโอกาสทองมาถึงตรงหน้า “ห้ามเธอไปไหนมาไหนคนเดียวเพราะเราไม่รู้ว่าไอ้รวิมันจะมีพวกอยู่กี่คน มันคิดจะทำอะไรบ้าง หากมันร้ายแรงกว่านี้ไม่แน่ว่าอาจจะลักพาตัวเธอไปเรียกค่าไถ่หรือไปขายในตลาดมืด ซึ่งถ้าเป็นอย่างนั้นคงช่วยเหลือได้ลำบาก คือตำรวจเขากังวลว่าเธอเป็นผู้หญิงตัวคนเดียว ไปไหนมาไหนคนเดียว พักอยู่คนเดียวครั้นจะส่งคนเข้ามาประกบก็เกรงว่าเธอจะอึดอัดเพราะส่วนมากก็เป็นผู้ชาย”
กันตาภาคิดตามคำพูดของเขาเมื่อต้องมีตำรวจผู้ชายนอกเครื่องแบบประกบตัวตลอดเวลา เธอคงจะบ้าตายแน่ๆ
“นอกเสียจากว่าเธอจะบอกเรื่องทั้งหมดนี้กับพี่น้องแล้วปรึกษากันดูอีกทีว่าจะเอายังไง” เวทิศสำทับเมื่อเห็นว่าเธอทำท่าคิดหนัก
“ไม่ได้หรอก ทำอย่างนั้นพี่กับองุ่นคงต้องหมดสนุก ต้องยกเลิกโปรแกรมเที่ยวทั้งหมดแล้วกลับมาดูแลฉันคนเดียว อีกอย่างทั้งคู่กำลังตั้งท้องฉันไม่อยากให้คิดมากกับเรื่องของฉัน” กันตาภาบอกด้วยน้ำเสียงเนือยๆ ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี
“งั้นก็ตกลงตามนี้ อยู่กับฉันไปก่อน เรื่องนี้คงไม่ยืดเยื้อหรอก” เวทิศตีขลุมเอาเอง “แล้วเธอจะย้ายไปอยู่กับฉัน หรือให้ฉันย้ายไปอยู่กับเธอ”
“ต้องทำถึงขนาดนั้นเลยเหรอ?!” กันตาภาถามอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง
“ไม่งั้นก็โทรหาพี่สาว” เวทิศเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์แล้วยื่นให้เธอ
“คุณจะอึดอัดไหมล่ะ?” กันตาภาคิดอยู่นานว่าจะพูดออกมาหรือไม่ ก็เคยได้ยินมาว่าเขาเป็นคนที่ใช้ชีวิตอย่างเสเพลเต็มที่สุดๆ ปาร์ตี้ ผู้หญิงเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ แต่เธอกลับไม่ชอบเที่ยวกลางคืนเลยสักนิดและจะทำตัวติดกันอย่างที่เขาพูดมาได้ยังไง
เวทิศยังมองหน้าเธอพลางเลิกคิ้วอย่างรอคอยคำตอบ “ว่าไง อึดอัดเรื่องอะไร?”
“ก็... ฉันไม่ชอบเที่ยวกลางคืน” กันตาภายังลากเสียงยาวราวกับไม่มั่นใจที่จะพูดออกมาตรงๆ
“แล้ว?...”
“ฉันจะไม่ไปเที่ยวดึกๆดื่นๆกับคุณหรอกนะ แล้วก็ห้ามพาผู้หญิงมาค้างที่ห้องฉันด้วย ถ้าเป็นอย่างนั้นคุณจะอึดอัดไหมล่ะ?” กันตาภาตัดสินใจถามออกไปตรงๆ
เวทิศระเบิดเสียงหัวเราะออกมาราวกับเจอเรื่องขบขันที่สุดในชีวิต พลางเลื่อนเก้าอี้ทำงานตัวใหญ่เข้ามาใกล้ๆแล้ววางมือทั้งสองข้างไว้บนที่วางแขน โน้มตัวไปข้างหน้าจนเธอต้องเอนตัวไปพิงพนักเก้าอี้ “แล้วถ้าฉันอดใจไม่ไหวหิ้วอีหนูไปสักสองสามชั่วโมง เธอจะทำยังไง?”
“อย่าหวังว่าจะเข้าห้องฉันได้” กันตาภาถลึงตาใส่อย่างไม่เกรงกลัว คิดถึงภาพและเสียงที่จะต้องเกิดขึ้นก็ขนลุกแล้ว หากใบหน้าหล่อเหลาที่ยื่นเข้ามาใกล้ก็ทำให้ตกใจหลุดจากภวังค์ความคิดของตัวเอง “ถอยออกไปนะ ไม่งั้นเจ็บตัวแน่!”
เวทิศไม่ถอยหากเลิกคิ้วมองคนที่ชูกำปั้นเล็กๆขึ้นมาขู่พลางถามอย่างยั่วโมโห “เก่งอย่างนั้นเชียว?”
“ถอยไปไม่งั้นฉันต่อย”
“เอาสิ ต่อยเลย เลือกได้ตามใจชอบ” เวทิศบอกพลางเอียงหน้าทำแก้มป่อง “แต่บอกไว้ก่อนว่าเธอต่อยปากฉันจูบปาก ต่อยหน้าอกฉันจูบหน้าอก ต่อยท้องจูบท้อง ต่อยใต้เข็มขัดฉันจะจูบ...”
“อี๊... ไอ้โรคจิต ถอยไปเลย” กันตาภาตวาดพลางรวบแรงทั้งหมดผลักหน้าอกกว้างของเขาออกไปสุดแรง รีบลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วเดินออกไปจนแน่ใจว่าปลอดภัย “อย่ามาทำรุ่มร่ามกับฉันนะ”
“อ้าว... แล้วจะให้เธอทำร้ายร่างกายฉันอยู่ฝ่ายเดียวรึไง อีกอย่างเกิดมาฉันก็ไม่เคยคิดจะรังแกผู้หญิง แต่จะให้ทำร้ายร่างกายฉันอยู่ฝ่ายเดียวมันก็ไม่ใช่เรื่อง ฉันว่าฉันเป็นคนดีใช้ได้เลยนะ”
“ดีตายล่ะ หยุดๆ พอเลย ฉันจะไปทำงานแล้ว” กันตาภาตัดบทเพราะถ้าหากต่อปากต่อคำกับเขาไปเรื่อยๆ ก็คงไม่มีวันจบสิ้น
“งั้นเดี๋ยวให้คนไปเฝ้า” เวทิศพูดพลางหันหลังกำลังจะเอื้อมมือไปกดอินเตอร์คอมสั่งผู้ช่วยเลขานุการ หากเสียงโวยวายที่ดังขึ้นทำให้ต้องกลั้นยิ้มจนปวดกราม
“ทำไมต้องเฝ้า ฉันไม่ใช่นักโทษนะ อีกอย่างอยู่ในบริษัทคนเยอะแยะ ใครจะมาทำร้ายฉันได้ล่ะ” กันตาภาโวยวาย
เวทิศนึกขันท่าทางที่เธอทำเหมือนเด็กถูกขัดใจแสร้งตีหน้าตายบอกด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ก็ใครจะไปไว้ใจเธอล่ะ ความคิดยิ่งไม่เหมือนคนอื่นอยู่ด้วย ชอบใจอ่อนกับคนเลว อีกอย่างเธอควรที่จะอยู่ในห้องกับฉันแล้วฟังแผนการที่ฉันจะคุยกับตำรวจดีกว่า”
“มันก็ใช่แต่ฉันต้องทำงาน หายไปอย่างนี้หัวหน้าตำหนิแน่”
“เอาน่ะ เดี๋ยวฉันจัดการเอง ไปนั่งรอก่อนเดี๋ยวดูเอกสารกองนี้เสร็จแล้วจะโทรหาตำรวจ” เวทิศบอกพลางทรุดตัวนั่งลงจัดการกับเอกสารบนโต๊ะทำงานของตัวเองต่อไป ทำเป็นไม่ใส่ใจกับอาการกระฟึดกระฟัด เดินกลับไปกลับมาอยู่สองสามรอบสักพักเมื่อเขาไม่มีปฏิกิริยาตอบสนอง เธอก็ยอมไปนั่งลงบนโซฟาชุดใหญ่ที่วางอยู่มุมห้องแล้วหยิบนิตยสารขึ้นมาเปิดดูไปเรื่อยๆ
กันตาภาปิดนิตยสารในมือลงเป็นเล่มที่สาม หากคนที่นั่งทำงานอยู่ไม่ไกลก็ยังสะสางเอกสารไม่จบสักที แอร์เย็นๆ โซฟานุ่มๆบวกกับร่างกายที่เพิ่งฟื้นไข้ทำให้กันตาภาเกิดความง่วง แต่ก็บอกกับตัวเองว่าห้ามหลับเด็ดขาดและคงไม่ได้ผลหากจะนั่งนิ่งๆอยู่เช่นนี้
“มีอะไรให้ช่วยไหมคะ ฉันนั่งเฉยๆมันง่วงแล้วก็เบื่อด้วย”
เวทิศละสายตาจากเอกสารตรงหน้า หรี่ตามองอย่างไม่เชื่อว่าผู้หญิงสวยที่โน้มตัวลงถามจะช่วยตนจริงๆหรือไม่
หากสายตาที่มองมาราวกับไม่เชื่อ ทำให้กันตาภาคะยั้นคะยอเสนอตัวเองช่วยเหลืองานเล็กๆน้อยๆจะได้ประหยัดเวลาขึ้น “จริงๆนะ ให้ทำอะไรก็ได้”
“งั้นมานวดไหล่นวดหัวให้หน่อย อ่านเอกสารพวกนี้แล้วมันเมื่อยสุดๆ”
“ชิ! ฉันไม่ใช่สาวๆของคุณนะจะได้ทำอย่างนั้น” กันตาภาหุบยิ้ม ถอยหลังออกห่างผู้ชายที่ชอบทำเป็นเล่นไปทุกเรื่อง
“อ้าว... ก็บอกทำได้ทุกอย่าง แล้วไม่ต้องมาทำท่าทางขยะแขยงหรือคิดว่าฉันจะบังคับฝืนใจเธอ” เวทิศพูดพลางหงุดหงิดขึ้นมาเป็นริ้วๆเมื่อเห็นท่าทางรังเกียจรังงอนที่เธอแสดงออกมา “จะบอกให้ว่าสาวๆน่ะ ไม่ได้เอามาไว้นวดไหล่หรอก เอามาไปทำอย่างอื่นดีกว่าเยอะแต่เหนื่อยกว่าเดิมเท่านั้นแหละ”
จบคำพูดก็หัวเราะลั่นมองร่างน่าปรารถนาที่เดินไปทรุดตัวลงนั่งบนโซฟาอย่างไม่กลัวเจ็บ แล้วจึงหันกลับมาจัดการกับงานของตัวเองต่อไป
ราวชั่วโมงต่อมาเขาก็ถือโทรศัพท์และเดินเข้ามานั่งบนโซฟาตัวเดียวกันกับเธอ และต่อสายถึงเพื่อนที่เป็นตำรวจ โดยที่กันตาภายังนั่งฟังเขาพูดอย่างตั้งใจ และได้ความว่าก่อนที่จะถึงเวลานัดหมาย ตำรวจจะออกตามล่าตัวของรวิให้ได้เสียก่อน โดยจะเริ่มสืบจากผับที่เวทิศทำกระเป๋าสตางค์หล่น ซึ่งไม่น่าที่จะสืบหาที่อยู่ยากนัก
เมื่อได้ข้อสรุปเช่นนั้นทั้งเวทิศและกันตาภาจึงทำได้เพียงแค่รอเจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งความคืบหน้าเท่านั้น ส่วนกันตาภาก็ต้องทำใจยอมรับกับข้อตกลงที่มีไว้กับเวทิศ นั่นคือจากนี้ไปเธอต้องอยู่ในความดูแลของเขาอย่างไม่คลาดสายตา!
สวัสดีค่า นักอ่านที่รัก
เมียบำเรอครึ่งคืนตีพิมพ์เป็นรูปเล่มแล้วและสามารถ หิ้วคุณคุณกายจอมห่ามไปครอบครองได้ที่ ร้านนายอินทร์ เว็บสำนักพิมพ์อินเลิฟ เว็บบุ๊กสไมล์ และสามารถพูดคุยกับศิริพาราได้ตามช่องทางดังนี้
ติชมหรือแสดงความคิดเห็นได้ตามสบายค่า เม้ามอยหอยขมกันได้ไม่เฉพาะเรื่องนิยาย ศิริพารายังมีเกมกติกาแสนง่ายดาย แจกของรางวัลเล็กน้อยเพื่อตอบแทนนักอ่านที่รัก อย่าลืมกดlikefanpage ศิริพารา รายาฤดีนะคะ
จบเรื่องนี้แล้ว ศิริพาราจะเอานิยายทั้งหมดมาอัพให้นักอ่านที่รักได้อ่านกันทุกเรื่อง ขอบคุณที่ติดตามและแสดงความคิดเห็นค่ะ
จุ๊บๆๆ
ศิริพารา
“ถอยออกไปหน่อยได้ไหม ทำไมต้องเข้ามาใกล้อย่างนี้ด้วย” กันตาภาบอกเมื่อเขาหย่อนสะโพกสอบลงบนที่วางแขนใช้มือข้างหนึ่งเปิดคอมพิวเตอร์และใช้มืออีกข้างหนึ่งค้ำกับที่วางแขนอีกข้าง นั่นเท่ากับว่าเขากำลังโอบเธออยู่กลายๆ
“เงียบแล้วตั้งใจดู” เวทิศบอกพลางก้มตัวลงมาให้ใบหน้าอยู่ใกล้กับใบหน้างดงาม ทันทีที่ได้ยินเสียงกระซิบข้างหู เธอก็เบี่ยงตัวหันมามองเขาด้วยสายตาตำหนิ แต่นั่นก็ทำให้ปลายจมูกของเขาเข้าใกล้กับแก้มเนียน ที่ตอนนี้เป็นสีชมพูระเรื่อด้วยความเขินอาย
กันตาภาเอนตัวหนีได้ไม่มากเพราะติดอยู่ในวงแขนหลวมๆทว่าแข็งแกร่ง และต้องหันกลับมานั่งตัวตรงเช่นเดิมเมื่อเห็นเขาบุ้ยใบ้ไปยังจอคอมพิวเตอร์
หากภาพเคลื่อนไหวของหญิงชายคู่หนึ่งที่กำลังกอดรัดฟัดเหวี่ยงกันอยู่บนเตียง ไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นตัวเองและเขาที่กำลังคลุกเคล้ากันอยู่ขอบเตียงกันตาภารีบยกมือขึ้นปิดปาก ทั้งอับอายและตกใจสุดชีวิต เสียงครวญครางที่ดังออกมามันเป็นเสียงที่บ่งบอกว่ากำลังเริงร้อน มีความสุข ไม่เหมือนคนที่ถูกขืนใจเลยสักนิด
เวทิศปิดวิดีโอเมื่อรู้สึกได้ว่าผู้หญิงที่นั่งซ้อนอยู่ด้านหน้านี้กำลังตัวสั่น จึงเอื้อมมือลูบบริเวณหัวไหล่ ต้นแขนเธอขึ้นลงเร็วๆอย่างให้กำลังใจ “นี่ไงล่ะ ลางสังหรณ์ที่ฉันคิดเอาไว้”
กันตาภาแหงนหน้ามองเขาพลางถามด้วยน้ำเสียงกระท่อนกระแท่น “คะ...คุณได้มัน มายังไง?”
“ไอ้ระยำรวิมันคงเป็นคนส่งมา มันวางอยู่บนโต๊ะ ฉันเปิดมันดูแล้วถึงได้ให้คนไปตามเธอ”
“ฉัน... ไม่รู้ว่า เรื่อง มันจะเป็นอย่างนี้ ทำยังไงล่ะ จะทำยังไง?!” กันตาภายังตั้งคำถามแทบไม่เป็นประโยค จนคนฟังนึกสงสาร เข้าใจความรู้สึกของเธอดีว่ากำลังเกิดความกลัว
กริ๊ง... กริ๊ง... กริ๊ง...
หากเสียงโทรศัพท์ที่กรีดร้องขึ้นทำให้กันตาภาสะดุ้งเฮือก ควานหาโทรศัพท์ที่อยู่ในกระเป๋าเสื้อสูทตัวเข้ารูปออกมา ท่าทางกลัวและมือไม้ที่สั่นเป็นเจ้าเข้าทำให้เวทิศปรายตามองยังหน้าจอโทรศัพท์และแย่งมันมาจากมือของเธอ เมื่อเห็นว่าชื่อที่โชว์หราอยู่บนหน้าจอคือไอ้ระยำที่มันวางแผนเรื่องทุกอย่างขึ้น
“มึงจะเอายังไง ไอ้ชาติชั่ว” เวทิศถามด้วยน้ำเสียงกร้าวในขณะที่ปลายสายยังไม่ได้เอ่ยสิ่งใดออกมาสักคำ หากเสียงหัวเราะที่ดังทำให้เขาอยากกระทืบมันให้จมธรณี “มึงไม่ตายดีแน่”
“โอ๊ะๆ ก่อนตายกูคงเอาหนังเอ็กซ์ที่พวกมึงแสดงไปขายในตลาดมืด โปรโมทหน่อยว่าเป็นไฮโซมั่วกันในโรงแรมหรู กูดูแล้วเสียวสุดๆ มึงสองคนนี่เล่นหนังได้สมจริงมาก” รวิยังยั่วโมโหอย่างไม่เกรงกลัว
“มึงจะเอายังไง รีบพูดมาเลย” เวทิศข่มความโกรธไว้ รู้ว่าตัวเองเป็นรองทุกประตู
“มึงถามกูตรงๆ กูก็จะตอบตรงๆ เงินห้าสิบล้าน แลกกับหนังเอ็กซ์ของพวกมึงความยาวโดยที่ไม่ตัดต่อก็เกือบหกชั่วโมง ซี้ด... อึดดีนี่หว่า” รวิยังยั่วอารมณ์ต่อไป ทั้งที่รู้ดีว่าเวทิศเป็นคนจริง รักแรง เกลียดแรงแต่ในเวลานี้ไม่มีสิ่งใดสำคัญมากไปกว่าเงินอีกแล้ว
“ไม่มากไปหน่อยเหรอ เงินตั้งห้าสิบล้านแลกกับเรื่องชั่วๆที่มึงเป็นคนวางแผนขึ้นมา” เวทิศถามด้วยน้ำเสียงกร้าว ทว่าคนที่นั่งอยู่ใกล้ๆกลับเบิกตามองเขาอย่างตกใจเมื่อได้ยินว่ามันต้องการเงินจำนวนมาก
“ถ้ามึงคิดว่ามันมากไป อีกหนึ่งนาทีกูจะปล่อยภาพนิ่งลงในเฟสบุ๊ก ปล่อยให้คนแชร์ไปดูฟรีๆทั่วโลก แต่ไม่ต้องกลัวเดี๋ยวกูเบลอหน้าให้เรียบร้อย มึงว่า... พวกสื่อหนังสือต่างๆจะยอมทุ่มเงินซื้อไหมล่ะ”
“ก็คงซื้อ แต่มึงคงต้องฝันเอาล่ะว่าจะได้ถึงห้าสิบล้าน อย่างมากก็ไม่เกินล้าน”
หากคำพูดของเวทิศก็ไม่ได้ทำให้รวิจนมุมง่ายๆ “ฮ่า... ก็โอเค้ ถึงไม่ได้ห้าสิบล้านแต่ก็ได้กอดเงินล้าน แถมยังได้เห็นพวกมึงอับอายขายขี้หน้า ถึงมึงจะไม่อายแต่กูรับประกันว่าส้มโอไม่มีหน้าไปพบใครแน่ ก็ภาพมันชัดออกอย่างนั้น เห็นไปถึงไหนต่อไหน ที่สำคัญเปิดซิงกันด้วยนี่หว่า...”
เวทิศบดกรามแน่น ใบหน้าบึ้งตึง มืออีกข้างหนึ่งกำแน่นด้วยความโมโหสุดขีด หากทำอะไรไม่ได้มากไปกว่าถามถึงความต้องการของมันต่อไป “แล้วกูจะมั่นใจได้ยังไงว่ามึงจะไม่ก็อปปี้ไว้อีกหลายชุด”
“กูยังเชื่อมึงว่าจะเอาเงินสดห้าสิบล้านมากแลก ถ้ามึงไม่เชื่อกู เราก็คงตกลงกันไม่รู้เรื่อง” รวิต่อรองอย่างมีชั้นเชิง
“ตกลง แล้วยังไงต่อ” เวทิศถามถึงรายละเอียดต่อไป
“มึงก็แค่เตรียมเงินสดไว้ให้ครบ ย้ำว่าเงินสดและห้ามตุกติก ห้ามแจ้งตำรวจ พรุ่งนี้สามทุ่มเจอกัน ส่วนสถานที่เดี๋ยวกูจะโทรมาบอกอีกที” รวิบอกอย่างอารมณ์ดีสุดๆ “อ้อ... ขอเตือนว่าถ้ามึงเล่นไม่ซื่อ ของขวัญที่มึงหลงใหลนักหนาได้กลายเป็นนางเอกหนังเอ็กซ์แน่”
เวทิศยื่นโทรศัพท์คืนให้กันตาภาเมื่อปลายสายตัดไปพลางจ้องใบหน้างดงามที่ดูร้อนใจและแววตาที่เป็นกังวลอย่างสงสาร
“ว่ายังไง พี่โต้งว่ายังไงบ้าง” กันตาภาถามด้วยท่าทีร้อนรน
“จนป่านนี้แล้วยังจะไปนับญาติกับไอ้ชั่วนั่นอีก” เวทิศฟังเธอเรียกไอ้เลวนั่นอย่างสนิทสนมแล้วขัดหู ขัดใจนัก ทีเขานี่ไม่เคยจะมองเห็นความดี
“ก็เคยเรียกจนติดปาก พูดมาสิว่าเขาจะเอายังไง จะเอาเงินห้าสิบล้านเลยเหรอ?” กันตาภาไม่มีอารมณ์จะมาต่อล้อต่อเถียงกับเขา และต้องทรุดตัวนั่งลงอย่างหมดแรงเมื่อไม่รู้ว่าจะไปหาเงินจำนวนมากมายนั้นมาจากไหน
“ก็มันว่าอย่างนั้น พรุ่งนี้มันให้ฉันเอาเงินสดไปให้ด้วยตัวเอง ส่วนสถานที่เดี๋ยวมันจะติดต่อมาอีกที” เวทิศว่าพลางพิงสะโพกสอบเข้ากับขอบโต๊ะทำงาน กอดอกมองใบหน้างดงามที่ดวงตากลมโตเต็มไปด้วยความกังวลใจ
“เราจะแจ้งตำรวจไหมคะ ที่เขาทำคือกรรโชกทรัพย์มันผิดกฎหมาย” กันตาภาออกความคิดเห็นหากแต่คนฟังกลับเผลอยิ้มเพราะเป็นครั้งแรกที่เธอพูดจากับเขาอย่างมีหางเสียง “คุณ! ฟังฉันอยู่รึเปล่า”
“ฟัง” ตอบออกมาสั้นๆแต่ประโยคหลังกลับพูดไปอีกเรื่อง “คราวหลังพูดคะขาอย่างนี้นะ ดูน่ารักขึ้นเป็นกอง”
กันตาภาถอนหายใจ ทำไมเขาถึงเล่นไม่รู้เวลาจริงๆนะ คนร้อนใจคิดพลางมองหน้าเขาด้วยสายตาตำหนิ “ที่คุณทำเป็นเล่นอยู่อย่างนี้เพราะต้องการแกล้งฉันใช่ไหม รู้ไหมว่าฉันกลัวแค่ไหน รู้ไหมว่าฉันอับอายจนจะบ้าตายอยู่แล้วที่ต้องเห็นตัวเองอยู่ในวิดีโอนั่น คุณพอใจ สะใจมากใช่ไหมที่เห็นฉันร้อนรนอยู่คนเดียวอย่างนี้”
“แล้วจะให้ทำอะไร มันอยากได้เงินห้าสิบล้าน ฉันก็ต้องเอาไปให้มันอยู่แล้ว จะร้อนรนทุกข์ใจไปตอนนี้มันก็ไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้นมา” เวทิศตอบ หากนั่นไม่ใช่คำตอบที่กันตาภาต้องการเพราะเธอคงไม่มีปัญหาไปหาเงินมากมายเช่นนั้นมาไถ่ภาพอัปยศของตัวเองแน่
“แล้วทำไมไม่แจ้งความหรือปรึกษาใครสักคนที่จะให้ความช่วยเหลือเราได้ เงินตั้งมากมายอย่างนั้นฉันจะเอาไปมากจากไหน...”
เวทิศพูดยักไหล่อย่างไม่ยี่หระทั้งยังไม่รอให้เธอพูดจนจบ “เอามาจากฉันไง เรื่องเงินไม่ต้องห่วง ส่วนเรื่อง...”
“แต่ฉันไม่ได้รวยอย่างคุณ ถ้าเขาจะเอาห้าสิบล้านจริงๆ ฉันก็คงต้องแบ่งมาครึ่งหนึ่งเพราะมันก็เป็นภาพของฉันเหมือนกัน” กันตาภายิ่งโมโหมากไปอีกเมื่อเขายังมีท่าทีไม่ทุกร้อน เอาแต่จ้องหน้าเธอเช่นเดิม จึงผุดลุกขึ้น หวังจะออกไปจากห้องนี้ ไปให้พ้นหน้าเขาคงจะคิดหาหนทางได้มากกว่าที่ต้องมาทนมองหน้าเขา ที่ชอบทำท่าทางกวนอารมณ์อยู่ตลอดเวลา
“จะไปไหน?”
“ไปให้พ้นๆหน้าคุณ ไปหาคนช่วย ไปแจ้งความ ไปหาคนที่เข้าใจความรู้สึกของฉันว่าฉันร้อนใจ อับอาย อดสูใจแค่ไหนถ้าภาพและเสียงพวกนี้ถูกเผยแพร่ออกไป” กันตาภากระแทกเสียงตอบออกไปด้วยความโมโห เสียใจเจ็บใจที่เขายังทำเป็นทองไม่รู้ร้อน
เฮอะ! ไม่ว่าจะทำอะไรเขาก็ยังเป็นคนเลวในสายตาเธอวันยังค่ำ
“ใครล่ะ ใครมันจะกล้ายื่นมือเข้ามาช่วยเธอ ใครมันจะเอาเงินห้าสิบล้านมากองตรงหน้าเธอแล้วบอกอย่างไม่ต้องกังวล ยิ่งมีคนรู้เรื่องนี้มากเท่าไหร่เธอก็ยิ่งต้องอับอายมากขึ้นเท่านั้น อย่าลืมว่าทุกครั้งที่เธอเข้าไปขอความช่วยเหลือจากใคร เธอต้องเล่าเรื่องทั้งหมดให้คนพวกนั้นฟัง เธอพร้อมที่จะถ่ายทอดเรื่องราวพวกนั้นเหรอแล้ว”
กันตาภาฉุกคิดกับคำพูดของเขา หันขวับกลับมาจ้องหน้าเขา เพียงแค่อ้าปากเขาก็พูดดักคอขึ้นมาเสียก่อน
“ไอ้หื่นกามคนนี้แหละที่มันจะช่วยเธอ ไอ้โรคจิตคนนี้แหละที่มันตกใจไปไม่น้อยกว่าเธอ ลำพังตัวเองไม่เป็นไรหรอก ก็แค่ภาพกิจกรรมที่คนทั่วโลกก็ทำกันต่อให้มันดังกระฉ่อนแค่ไหน ไม่เกินสิบวันคนก็ลืม แต่ที่ฉันให้คนไปตามเธอ เดินลงไปหาเธอด้วยตัวเอง พาเธอมาดูให้เห็นกับตาว่าตอนนี้เธอตกอยู่ในอันตราย มีคนคิดร้าย เธอจะได้เลิกคิดเสียทีว่าดูแลตัวเองได้ อยู่ตัวคนเดียวได้โดยไม่มีอันตราย ส่วนเรื่องแจ้งความฉันก็ปรึกษากับเพื่อนที่เป็นตำรวจตั้งแต่เดินลงไปหาเธอไม่เจอแล้ว” เวทิศพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเบื่อโลก มันน่าเจ็บใจนักที่ทำดีไม่เคยได้ดี ไม่เคยเป็นคนดีในสายตาของเธอเลยสักครั้ง
“ก็ฉันไม่รู้...” กันตาภาหุบปากฉับเมื่อเขาชี้นิ้วออกมาอย่างคาดโทษ
“เป็นเพราะเธอไม่ยอมฟังฉันพูดให้จบมากกว่า” เวทิศรั้งข้อศอกมนให้กลับมานั่งลงบนเก้าอี้ทำงานของตนเช่นเดิม “ปัญหาอยู่ที่ว่าเธอไม่เคยมองฉันเหมือนคนทั่วไป ไม่ใช่สิ... เธอมองฉันเป็นคนเลว ในสายตาของเธอคนที่เลวจริงๆอย่างไอ้รวิยังดูดีมากกว่าฉัน ใช่! ฉันผิดที่ทำกับเธอออย่างนั้น แต่จะบอกว่าในตอนนั้นฉันก็ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ ลองคิดดูดีๆนะส้มโอ ที่เธอคิด เธอมองฉันอย่างนี้มันยุติธรรมกับฉันรึเปล่า”
กันตาภานิ่งไปครู่ใหญ่เพราะกำลังคิดตามคำพูดของเขา ถ้าใจเย็นพิจารณาทุกอย่างดีๆแล้ว มันก็ไม่ผิดจากที่เขาพูดมาหรอก แต่ภาพที่เขาหักหาญน้ำใจเธอมันยังติดตา “มันก็ใช่หรอกแต่... ฉันคงต้องใช้เวลาปรับอารมณ์หน่อย จะให้พูดดีกับคุณเหมือนคนทั่วไปได้ยังไงในเมื่อคุณคือคนที่ขืนใจฉัน”
“ขืนใจ?!” เวทิศทวนคำประณามนั้นด้วยเสียงสูง “ให้ตายเถอะ ถ้าเธอทนดูมันจนจบได้ ฉันจะเปิดมันตอนนี้เลย จะได้รู้กันไปว่าเธอถูกขืนใจจริงๆรึเปล่า”
“ไอ้! คุณมัน... มันคนเหลือทน!” กันตาภาไม่รู้จะสรรหาคำใดมาด่าว่าเขา
“ฉันยอมผิดที่ครั้งแรกเห็นแก่ตัว ปล่อยให้เธอค้างไว้อย่างนั้นแต่ก็ต้องเข้าใจฉันด้วยว่าตอนนั้น ฉันควบคุมตัวเองไม่ได้ ยามันกำลังออกฤทธิ์ แต่มาคราวหลังนี่ฉันก็ทำให้เธอมีความสุข แล้วไม่ต้องมาเถียงว่าไม่ใช่ เธอถึงไคลแม็กซ์จนตัวบิดตัวเกร็งสองครั้งสองครา แล้วจะมาบอกว่าขืนใจนี่มันไม่เกินไปหน่อยเหรอ” เวทิศพูดอย่างตรงไปตรงมาจนกันตาภาเถียงไม่ออก ได้แต่หน้าแดง อับอายในความจริงที่เขาเอามาพูดหน้าตาเฉยราวกับเป็นเรื่องดินฟ้าอากาศ
“ฉะ...ฉัน คะ...คุณ หยุดพูดนะ!” กันตาภาพูดไม่เป็นประโยค สุดท้ายก็ได้แต่ตวาดออกมาอย่างเหลืออด
เวทิศส่ายหน้าไม่ใช่เพราะเธอ แต่เพราะเบื่อตัวเองที่ไม่เคยเอาชนะดวงตากลมๆสีดำสนิทนั่นได้สักที ไม่ว่าจะผิดหรือถูกก็ต้องเป็นคนยอมเธออยู่วันยังค่ำ “เอาล่ะๆ ฉันจะไม่เอาเรื่องจริงมาพูดอีก เธอก็เลิกคิดว่าตัวเองถูกขืนใจสักที คิดอย่างนั้นต่อไปก็รังแต่จะทำให้เสียสุขภาพจิต”
“ฉันจะเป็นประสาทตายเพราะคำพูดห่ามๆ ตรงๆของคุณนั่นแหละ” กันตาภาถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
“ฉันก็เป็นของฉันอย่างนี้แหละ ไม่เห็นว่าต้องอ้อมค้อมให้เสียเวลา เรื่องจริงมันเป็นยังไงก็ต้องพูดอย่างนั้นหรือเธอชอบพวกหน้าไหว้หลังหลอก”
“ไม่ได้ชอบแต่คนเราก็ควรจะขัดเกลาคำพูดของตัวเองเสียก่อน พูดออกไปแล้วมันจะกระทบใจใครบ้าง ทำให้ใครเสียใจบ้าง เลี่ยงได้ก็ควรเลี่ยง ไม่ถึงกับว่าต้องปากหวานก้นเปรี้ยวแค่ขัดเกลาให้มันฟังรื่นหูขึ้นเท่านั้น เข้าใจบ้างไหม” กันตาภาร่ายยาวราวกับแม่แก่ หากคนฟังกลับอมยิ้ม ชื่นชอบเสียงเจื้อยแจ้วของเธอนัก
“จ้ะ จะพยายามเรียนรู้จากเธอก็แล้วกัน”
‘เรียนรู้’ แล้วทำไมต้องมาเรียนรู้อะไรจากฉัน พูดราวกับว่าต้องอยู่ด้วยกันไปอีกนาน โอ... ไม่นะ! ถ้าให้อยู่กับผู้ชายที่ต้องขัดเกลาทั้งจิตใจและคำพูดอย่างนี้เธอคงต้องบ้าตายเข้าสักวัน กันตาภามองเขาอย่างไม่ไว้ใจ
“ฉันคงไม่มีอะไรให้เรียนรู้ คงต้องเป็นภรรยาของคุณมากกว่าที่ควรจะทำหน้าที่นี้ ผู้หญิงที่อยู่กับคุณได้ ขัดเกลาจิตใจคุณได้ เธอคงต้องดีงามอย่างมากซึ่งฉันไม่ใช่”
เวทิศเลิกคิ้วพลางคิดในใจว่า ผู้หญิงดีงาม ในสายตาฉันก็เห็นจะมีแต่เธอนั่นแหละ หาได้ยากนักล่ะ ผู้หญิงที่กล้าเถียง กล้าตวาด กล้าวิจารณ์ฉันอย่างเธอเนี่ย หากสมองอันชาญฉลาดกลับคิดขึ้นมาได้อย่างฉับพลันถึงวิธีการที่จะไม่ทำให้เธอออกปากไล่ตนทุกนาทีเช่นที่ผ่านมา
“ความจริงแล้วเธอคงต้องอยู่กับฉันไปสักระยะ จนกว่าจะจัดการเรื่องไอ้รวิเรียบร้อย”
“หมายความว่ายังไง?...” กันตาภาต้องการคำอธิบายที่ชัดเจนกว่านี้
“ก็ระหว่างที่ตำรวจยังจับไอ้รวิไม่ได้ เธอต้องอยู่ในความดูแลของฉัน” เวทิศพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
“ไม่มีทาง ฉันโตแล้ว บรรลุนิติภาวะแล้วทำไมต้องอยู่ในความดูแลของคุณ” ส่ายหน้าปฎิเสธ พลางคิดในใจว่าเป็นตายร้ายดีก็จะไม่ยอมอยู่ในความดูแลของเขาเด็ดขาด
“ฉันไม่เถียงหรอกว่าเธอโตแล้ว เป็นผู้ใหญ่แล้วแต่เรื่องดูแลตัวเองได้น่ะ ถ้าที่ผ่านมาทำได้ก็คงไม่ต้องโดนไอ้รวิมันหลอกจนเกิดเรื่อง รู้ไหมว่าไอ้รวิมันขู่ฉันว่าอย่าเผลอ ฉันกับเพื่อนที่เป็นตำรวจเลยคิดว่าเธอต้องอยู่ในความดูแลของฉันไปจนกว่าเรื่องจะจบ” เวทิศปดคำโตหากคิดในใจว่า... ไม่เป็นไรหรอกมั้ง ก็ที่โกหกเพราะหวังดี เป็นห่วงในสวัสดิภาพของเธอ
เมื่อไม่รู้ว่าจะปฏิเสธอย่างไรกันตาภาก็ได้แต่ทำหน้าแหยๆ “คือ... มันกว้างไปหน่อยไหม คุณจำกัดความให้ฉันเข้าใจมากกว่านี้หน่อยได้ไหม”
เวทิศลอบยิ้มเมื่อโอกาสทองมาถึงตรงหน้า “ห้ามเธอไปไหนมาไหนคนเดียวเพราะเราไม่รู้ว่าไอ้รวิมันจะมีพวกอยู่กี่คน มันคิดจะทำอะไรบ้าง หากมันร้ายแรงกว่านี้ไม่แน่ว่าอาจจะลักพาตัวเธอไปเรียกค่าไถ่หรือไปขายในตลาดมืด ซึ่งถ้าเป็นอย่างนั้นคงช่วยเหลือได้ลำบาก คือตำรวจเขากังวลว่าเธอเป็นผู้หญิงตัวคนเดียว ไปไหนมาไหนคนเดียว พักอยู่คนเดียวครั้นจะส่งคนเข้ามาประกบก็เกรงว่าเธอจะอึดอัดเพราะส่วนมากก็เป็นผู้ชาย”
กันตาภาคิดตามคำพูดของเขาเมื่อต้องมีตำรวจผู้ชายนอกเครื่องแบบประกบตัวตลอดเวลา เธอคงจะบ้าตายแน่ๆ
“นอกเสียจากว่าเธอจะบอกเรื่องทั้งหมดนี้กับพี่น้องแล้วปรึกษากันดูอีกทีว่าจะเอายังไง” เวทิศสำทับเมื่อเห็นว่าเธอทำท่าคิดหนัก
“ไม่ได้หรอก ทำอย่างนั้นพี่กับองุ่นคงต้องหมดสนุก ต้องยกเลิกโปรแกรมเที่ยวทั้งหมดแล้วกลับมาดูแลฉันคนเดียว อีกอย่างทั้งคู่กำลังตั้งท้องฉันไม่อยากให้คิดมากกับเรื่องของฉัน” กันตาภาบอกด้วยน้ำเสียงเนือยๆ ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี
“งั้นก็ตกลงตามนี้ อยู่กับฉันไปก่อน เรื่องนี้คงไม่ยืดเยื้อหรอก” เวทิศตีขลุมเอาเอง “แล้วเธอจะย้ายไปอยู่กับฉัน หรือให้ฉันย้ายไปอยู่กับเธอ”
“ต้องทำถึงขนาดนั้นเลยเหรอ?!” กันตาภาถามอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง
“ไม่งั้นก็โทรหาพี่สาว” เวทิศเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์แล้วยื่นให้เธอ
“คุณจะอึดอัดไหมล่ะ?” กันตาภาคิดอยู่นานว่าจะพูดออกมาหรือไม่ ก็เคยได้ยินมาว่าเขาเป็นคนที่ใช้ชีวิตอย่างเสเพลเต็มที่สุดๆ ปาร์ตี้ ผู้หญิงเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ แต่เธอกลับไม่ชอบเที่ยวกลางคืนเลยสักนิดและจะทำตัวติดกันอย่างที่เขาพูดมาได้ยังไง
เวทิศยังมองหน้าเธอพลางเลิกคิ้วอย่างรอคอยคำตอบ “ว่าไง อึดอัดเรื่องอะไร?”
“ก็... ฉันไม่ชอบเที่ยวกลางคืน” กันตาภายังลากเสียงยาวราวกับไม่มั่นใจที่จะพูดออกมาตรงๆ
“แล้ว?...”
“ฉันจะไม่ไปเที่ยวดึกๆดื่นๆกับคุณหรอกนะ แล้วก็ห้ามพาผู้หญิงมาค้างที่ห้องฉันด้วย ถ้าเป็นอย่างนั้นคุณจะอึดอัดไหมล่ะ?” กันตาภาตัดสินใจถามออกไปตรงๆ
เวทิศระเบิดเสียงหัวเราะออกมาราวกับเจอเรื่องขบขันที่สุดในชีวิต พลางเลื่อนเก้าอี้ทำงานตัวใหญ่เข้ามาใกล้ๆแล้ววางมือทั้งสองข้างไว้บนที่วางแขน โน้มตัวไปข้างหน้าจนเธอต้องเอนตัวไปพิงพนักเก้าอี้ “แล้วถ้าฉันอดใจไม่ไหวหิ้วอีหนูไปสักสองสามชั่วโมง เธอจะทำยังไง?”
“อย่าหวังว่าจะเข้าห้องฉันได้” กันตาภาถลึงตาใส่อย่างไม่เกรงกลัว คิดถึงภาพและเสียงที่จะต้องเกิดขึ้นก็ขนลุกแล้ว หากใบหน้าหล่อเหลาที่ยื่นเข้ามาใกล้ก็ทำให้ตกใจหลุดจากภวังค์ความคิดของตัวเอง “ถอยออกไปนะ ไม่งั้นเจ็บตัวแน่!”
เวทิศไม่ถอยหากเลิกคิ้วมองคนที่ชูกำปั้นเล็กๆขึ้นมาขู่พลางถามอย่างยั่วโมโห “เก่งอย่างนั้นเชียว?”
“ถอยไปไม่งั้นฉันต่อย”
“เอาสิ ต่อยเลย เลือกได้ตามใจชอบ” เวทิศบอกพลางเอียงหน้าทำแก้มป่อง “แต่บอกไว้ก่อนว่าเธอต่อยปากฉันจูบปาก ต่อยหน้าอกฉันจูบหน้าอก ต่อยท้องจูบท้อง ต่อยใต้เข็มขัดฉันจะจูบ...”
“อี๊... ไอ้โรคจิต ถอยไปเลย” กันตาภาตวาดพลางรวบแรงทั้งหมดผลักหน้าอกกว้างของเขาออกไปสุดแรง รีบลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วเดินออกไปจนแน่ใจว่าปลอดภัย “อย่ามาทำรุ่มร่ามกับฉันนะ”
“อ้าว... แล้วจะให้เธอทำร้ายร่างกายฉันอยู่ฝ่ายเดียวรึไง อีกอย่างเกิดมาฉันก็ไม่เคยคิดจะรังแกผู้หญิง แต่จะให้ทำร้ายร่างกายฉันอยู่ฝ่ายเดียวมันก็ไม่ใช่เรื่อง ฉันว่าฉันเป็นคนดีใช้ได้เลยนะ”
“ดีตายล่ะ หยุดๆ พอเลย ฉันจะไปทำงานแล้ว” กันตาภาตัดบทเพราะถ้าหากต่อปากต่อคำกับเขาไปเรื่อยๆ ก็คงไม่มีวันจบสิ้น
“งั้นเดี๋ยวให้คนไปเฝ้า” เวทิศพูดพลางหันหลังกำลังจะเอื้อมมือไปกดอินเตอร์คอมสั่งผู้ช่วยเลขานุการ หากเสียงโวยวายที่ดังขึ้นทำให้ต้องกลั้นยิ้มจนปวดกราม
“ทำไมต้องเฝ้า ฉันไม่ใช่นักโทษนะ อีกอย่างอยู่ในบริษัทคนเยอะแยะ ใครจะมาทำร้ายฉันได้ล่ะ” กันตาภาโวยวาย
เวทิศนึกขันท่าทางที่เธอทำเหมือนเด็กถูกขัดใจแสร้งตีหน้าตายบอกด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ก็ใครจะไปไว้ใจเธอล่ะ ความคิดยิ่งไม่เหมือนคนอื่นอยู่ด้วย ชอบใจอ่อนกับคนเลว อีกอย่างเธอควรที่จะอยู่ในห้องกับฉันแล้วฟังแผนการที่ฉันจะคุยกับตำรวจดีกว่า”
“มันก็ใช่แต่ฉันต้องทำงาน หายไปอย่างนี้หัวหน้าตำหนิแน่”
“เอาน่ะ เดี๋ยวฉันจัดการเอง ไปนั่งรอก่อนเดี๋ยวดูเอกสารกองนี้เสร็จแล้วจะโทรหาตำรวจ” เวทิศบอกพลางทรุดตัวนั่งลงจัดการกับเอกสารบนโต๊ะทำงานของตัวเองต่อไป ทำเป็นไม่ใส่ใจกับอาการกระฟึดกระฟัด เดินกลับไปกลับมาอยู่สองสามรอบสักพักเมื่อเขาไม่มีปฏิกิริยาตอบสนอง เธอก็ยอมไปนั่งลงบนโซฟาชุดใหญ่ที่วางอยู่มุมห้องแล้วหยิบนิตยสารขึ้นมาเปิดดูไปเรื่อยๆ
กันตาภาปิดนิตยสารในมือลงเป็นเล่มที่สาม หากคนที่นั่งทำงานอยู่ไม่ไกลก็ยังสะสางเอกสารไม่จบสักที แอร์เย็นๆ โซฟานุ่มๆบวกกับร่างกายที่เพิ่งฟื้นไข้ทำให้กันตาภาเกิดความง่วง แต่ก็บอกกับตัวเองว่าห้ามหลับเด็ดขาดและคงไม่ได้ผลหากจะนั่งนิ่งๆอยู่เช่นนี้
“มีอะไรให้ช่วยไหมคะ ฉันนั่งเฉยๆมันง่วงแล้วก็เบื่อด้วย”
เวทิศละสายตาจากเอกสารตรงหน้า หรี่ตามองอย่างไม่เชื่อว่าผู้หญิงสวยที่โน้มตัวลงถามจะช่วยตนจริงๆหรือไม่
หากสายตาที่มองมาราวกับไม่เชื่อ ทำให้กันตาภาคะยั้นคะยอเสนอตัวเองช่วยเหลืองานเล็กๆน้อยๆจะได้ประหยัดเวลาขึ้น “จริงๆนะ ให้ทำอะไรก็ได้”
“งั้นมานวดไหล่นวดหัวให้หน่อย อ่านเอกสารพวกนี้แล้วมันเมื่อยสุดๆ”
“ชิ! ฉันไม่ใช่สาวๆของคุณนะจะได้ทำอย่างนั้น” กันตาภาหุบยิ้ม ถอยหลังออกห่างผู้ชายที่ชอบทำเป็นเล่นไปทุกเรื่อง
“อ้าว... ก็บอกทำได้ทุกอย่าง แล้วไม่ต้องมาทำท่าทางขยะแขยงหรือคิดว่าฉันจะบังคับฝืนใจเธอ” เวทิศพูดพลางหงุดหงิดขึ้นมาเป็นริ้วๆเมื่อเห็นท่าทางรังเกียจรังงอนที่เธอแสดงออกมา “จะบอกให้ว่าสาวๆน่ะ ไม่ได้เอามาไว้นวดไหล่หรอก เอามาไปทำอย่างอื่นดีกว่าเยอะแต่เหนื่อยกว่าเดิมเท่านั้นแหละ”
จบคำพูดก็หัวเราะลั่นมองร่างน่าปรารถนาที่เดินไปทรุดตัวลงนั่งบนโซฟาอย่างไม่กลัวเจ็บ แล้วจึงหันกลับมาจัดการกับงานของตัวเองต่อไป
ราวชั่วโมงต่อมาเขาก็ถือโทรศัพท์และเดินเข้ามานั่งบนโซฟาตัวเดียวกันกับเธอ และต่อสายถึงเพื่อนที่เป็นตำรวจ โดยที่กันตาภายังนั่งฟังเขาพูดอย่างตั้งใจ และได้ความว่าก่อนที่จะถึงเวลานัดหมาย ตำรวจจะออกตามล่าตัวของรวิให้ได้เสียก่อน โดยจะเริ่มสืบจากผับที่เวทิศทำกระเป๋าสตางค์หล่น ซึ่งไม่น่าที่จะสืบหาที่อยู่ยากนัก
เมื่อได้ข้อสรุปเช่นนั้นทั้งเวทิศและกันตาภาจึงทำได้เพียงแค่รอเจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งความคืบหน้าเท่านั้น ส่วนกันตาภาก็ต้องทำใจยอมรับกับข้อตกลงที่มีไว้กับเวทิศ นั่นคือจากนี้ไปเธอต้องอยู่ในความดูแลของเขาอย่างไม่คลาดสายตา!
สวัสดีค่า นักอ่านที่รัก
เมียบำเรอครึ่งคืนตีพิมพ์เป็นรูปเล่มแล้วและสามารถ หิ้วคุณคุณกายจอมห่ามไปครอบครองได้ที่ ร้านนายอินทร์ เว็บสำนักพิมพ์อินเลิฟ เว็บบุ๊กสไมล์ และสามารถพูดคุยกับศิริพาราได้ตามช่องทางดังนี้
ติชมหรือแสดงความคิดเห็นได้ตามสบายค่า เม้ามอยหอยขมกันได้ไม่เฉพาะเรื่องนิยาย ศิริพารายังมีเกมกติกาแสนง่ายดาย แจกของรางวัลเล็กน้อยเพื่อตอบแทนนักอ่านที่รัก อย่าลืมกดlikefanpage ศิริพารา รายาฤดีนะคะ
จบเรื่องนี้แล้ว ศิริพาราจะเอานิยายทั้งหมดมาอัพให้นักอ่านที่รักได้อ่านกันทุกเรื่อง ขอบคุณที่ติดตามและแสดงความคิดเห็นค่ะ
จุ๊บๆๆ
ศิริพารา
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ