แรดชิบหาย เมียอย่างมึง!

5.5

เขียนโดย LemonNest

วันที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2558 เวลา 21.06 น.

  42 chapter
  66 วิจารณ์
  54.37K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2558 21.17 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

42) ตอนพิเศษ : ของขวัญ

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
ตอนพิเศษ: ของขวัญ
 
 
 
                สวัสดีครับ ผมต้นข้าวเจ้าเก่าเจ้าเดิมไม่ได้หนีไปไหน หลังจากแต่งงานชีวิตผมก็เริ่มจะเปลี่ยนในทางที่ เอิ่ม…คงจะดีมากกว่าเดิม ผมมีงานทำที่มั่นคงและมีคนรักที่รักผมมาก มากจนคิดว่าจะหาผู้ชายดี ๆ อย่างมันที่ไหนไม่ได้แล้ว ผมไม่ได้โม้นะครับ ไอ้หล่อมันน่ารักขึ้นจนติดขี้อ้อน เอาเป็นว่าผมไม่ขอพูดอะไรมาก แต่ดูเอาเองก็แล้วกัน
 
                “ข้าว! มึงแต่งตัวนานไปแล้วนะ” ผมรีบเร่งติดกระดุมเสื้อมือพันกันจนยุ่ง เสียงฝีเท้าไอ้หล่อดังเข้ามาใกล้เรื่อย ๆ
 
                “แป๊บนึง กูรีบอยู่!”
 
                ใครบอกหลังแต่งงานผัวแม่งจะเชื่อฟัง ไม่ทันจะข้ามวันสันดานเก่าแม่งก็เริ่มออก ไอ้ความขี้หวงยังพอให้อภัย แต่ไอ้เรื่องหื่นแม่งไม่เข้าใครออกใคร เข้าแต่กู! ออกแต่กู! เนี่ย
 
                “มึงนาน” มันเปิดประตูเข้ามาเป็นจังหวะเดียวกับที่ผมใส่เสื้อผ้าเสร็จพอดี
 
                “กูมัวแต่จัดกระเป๋าอยู่ ไม่หน้างอครับ ไปกัน ๆ” ก่อนองค์มันจะลงแล้วพาลลากผมเข้าห้องไปปู้ยี้ปู้ยำ ผมหยิกแก้มมันตบหน้าเบา ๆ เป็นการหยอกล้อให้หายหงุดหงิด
 
                “ฟอด~ ยังหอมเหมือนเดิม น่ารักขึ้นนะมึงเนี่ย” เพทายฉวยโอกาสหอมแก้มคนรักเอาแขนพาดคอต้นข้าวเดินลงบันได
 
                ผมช่วยไอ้หล่อขนของขึ้นรถ ตรวจความเรียบร้อยภายในบ้านลงกลอนล็อคบ้านก่อนจะพากันขึ้นรถไปยังปลายทาง มันไม่ได้บอกว่าจะพาผมไปไหน แต่เราจะไปกันสามวันสองคืน เพราะพี่ต้นกับเฮียน้ำจะมาหาตอนช่วงวันหยุด เราจึงมีเวลาเที่ยวก่อนจะกลับมาทำงานหลังจากลาหยุดยาว
 
                “อ้าปาก” ระว่างรอรถติดผมก็จิ้มผลไม้ในกล่องที่เตรียมมายื่นป้อนไอ้หล่อ มันอ้าปากรับเคี้ยวตุ้ย ๆ
 
                “เมีย กูอยากกินสาลี่” ผมก็จิ้มป้อนมัน “ส้มด้วย” มองหน้ามันนิดเมื่อเริ่มเยอะ “องุ่นด้วยสิครับ” ตอนแรกก็โมโหนะที่มันกวนประสาท แต่พอเจอเสียงอ้อน ๆ ก็อดจะยิ้มไม่ได้
 
                “ตกลงจะไปไหนหล่อ?” ผมถามมันเมื่อรถเลี้ยวออกมานอกชานเมือง บรรยากาศกลิ่นธรรมชาติโชยเข้ามาให้ชุ่มปอด ผมยื่นหน้าออกไปรับหลับตาพริ้มรู้สึกสบายใจ
 
                “ยังไม่บอก แต่รู้ว่ามึงต้องชอบ” ความลับเยอะจริงนะมึง ไม่บอกผมก็ไม่ได้เซ้าซี้ต่อ
 
                “แค่มีมึงกูก็ชอบทุกที่แหละ จุ๊บ! รักมึงว่ะหล่อ”
 
                “สัส! มึงชอบจู่โจมกูว่ะข้าว” เพทายบ่นแต่ก็อมยิ้ม ผมจ้องด้านข้างของมันนิ่ง แก้มมันเริ่มแดงจึงเอานิ้วไปเกลี่ยลูบเบาๆ
 
                “มึงเขิน?” ผมยิ่งพูดมันยิ่งหน้าแดงลามไปใบหูที่แดงกว่าที่อื่น
 
                “ใครเขิน?! ไม่มีหรอกครับ” ปากแข็ง ผมหันมามองถนนตามเดิมมือหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเข้ากล้องถ่ายรูป เมื่อหามุมได้ก็กดถ่ายไม่ให้ไอ้หล่อรู้ตัว
 
                วันที่ xx เดือน xx ปี xxxx เที่ยววันแรกหลังแต่งงาน ไอ้หล่อขับรถไปหน้าแดงไป ตลกดี ไอ้คนปากแข็งเอ๊ย
 
                “ข้าวเปิดเพลงหน่อย” ผมเก็บโทรศัพท์วางข้างตัว มือเลื่อนเปิดเพลงคลอเบา ๆ ไอ้หล่อโยกหัวไปมาตามจังหวะเพลงที่ผมเปิด ฟังไปฟังมาผมก็ปิดปากหาวเคลิ้มหลับไป
 
………………………………………………………
 
                หน้าของผมเมื่อยามตื่นมันยังคงโต้ลมที่พัดเข้ามาให้ได้ชุ่มปอด อากาศดี ทิวทัศน์สวย ทุกอย่างมันดูลงตัวไปหมด นานแค่ไหนที่ผมไม่ได้หนีจากความวุ่นวายมาอยู่ท่ามกลางธรรมชาติแบบนี้ กลิ่นหอมละมุนจากขนมไทยลอยมาแตะจมูก เราพักกันข้างทางเพียงสิบนาที จึงต้องทำเวลาในการยัดอาหารว่างเข้าท้องกันหน่อย ผมที่กินมาตลอดทางจึงไม่ค่อยหิวเท่าคนขับที่จิ้มขนุนเข้าปากท่าทางชอบใจ
 
                “อร่อยไหม?” ผมทำเองเกือบทั้งหมด รวมถึงของหวานพวกนี้ด้วย ถึงอาหารฝีมือผมจะธรรมดาแต่เรื่องของหวานผมถนัดมากเป็นพิเศษ ความคิดหนึ่งแล่นเข้ามาในหัวว่าบางทีผมก็อยากเรียนทำขนมให้เป็นเรื่องเป็นราว เผื่อสักวันจะเปิดร้านเป็นของตัวเอง ดีกว่าไปเป็นลูกจ้างเขาตลอดชีวิต
 
                “อร่อยครับ เมียทำอะไรก็อร่อยหมด” มันปากหวานเลี่ยนกว่าขนมที่เพิ่งกินเข้าไปอีก
 
                “ถ้ากูใส่มั่วมันยังจะอร่อยไหมวะ ฮ่า ๆ ๆ พูดเล่น อย่าทำเป็นหน้างอ มันตลก”
 
                “นึกว่าจะทำจริงแล้ว เพราะถึงมึงทำมั่วกูก็กิน” ผมชะงัก มันยิ้มและพูดต่อ “เพราะมึงต้องเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กูอยู่แล้ว ใช่ไหมครับเมีย” หน้ามันยื่นเข้ามาใกล้จนผมต้องหลับตาเพราะความอาย
 
                เพทายวางกล่องขนมลงเมื่อพร่องไปกว่าครึ่ง หันมาตั้งใจขับรถต่อเพื่อให้ไปถึงที่หมายให้ไวที่สุด ท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนสีต้องทำเวลาก่อนที่พระอาทิตย์จะตกดินและเส้นทางจะมองไม่ค่อยเห็น ลำพังขับมาคนเดียวก็ไม่คิดจะกลัวอะไร แต่เมื่อมีคนรักมาร่วมด้วยต้องระวังเป็นอย่างมาก เพราะต้นข้าวเป็นคนสำคัญที่ต้องดูแล
 
                “ถึงแล้วครับ” ผมมัวแต่มองข้างทางไม่รู้สึกตัวเลยว่ารถจอดตอนไหน ทางข้างหน้าเป็นไร่องุ่นครับ องุ่นลูกโต ๆ ที่ผมโคตรชอบ มือเปิดประตูก้าวลงไปอ้าแขนสูดดมบรรยากาศตอนเย็น
 
                “โคตรชอบเลย อ้า! วิเศษที่สุด”
 
                “บอกแล้วว่าต้องชอบ” ไอ้หล่อมันโทรหาใครสักคนก่อนจะมีคนงานมาขนของเราไปไว้ที่พัก ผมเดินตามลุงคนหนึ่งที่เหมือนจะเป็นคนเฝ้าไร่ที่นี่
 
                “บ้านมึงเหรอวะ ทำไมกูไม่เคยรู้” ผมก็รู้ว่ามันรวย แต่ไม่คิดว่าจะมีไร่องุ่นกวาดพื้นที่ร้อยไร่แบบนี้
 
                “ไม่ใช่ เป็นของเฮียเพลงมัน มันเก็บไว้ทำไวน์ส่งนอก ไง ชอบเลยดิ”
 
                “ชอบมากกกก  พรุ่งนี้กูจะตื่นแต่เช้ามาเก็บองุ่น” ผมวางแพลนไว้แล้วครับ เริ่มจากเอาองุ่นมาทำขนมก่อนเลย คนเรามักจะมีความสุขกันคนละเรื่อง อย่างผมชอบที่จะทำขนม ไอ้หล่อชอบที่จะออกแบบเสื้อผ้า ออกแบบตึกต่าง ๆ
 
                “แล้วแต่ครับ”
 
                “มึงแปลก”
 
                “กูง่วง ขับรถมาทั้งวันยังไม่ได้พักเลย ไป ๆ ไปนอนสักงีบ” ผมก็ลืมนึกไป ไอ้หล่อกุมมือผมเดินเข้าบ้าน มันคงง่วงจริง ๆ เข้าบ้านได้ก็นอนหลับสนิท ข้าวเย็นของผมเลยยกไปมื้อดึกแทน ผมที่นอนมาตลอดทางก็เดินเข้ามาในครัวเพื่อหาอะไรทำ
 
                “คุณหนูจะเอาอะไรครับ?” ลุงคนเดิมเห็นผมเปิดปิดตู้เย็นก็เข้ามาถาม ของไม่มีจะทำยังไง
 
                “แถวนี้พอมีร้านค้าขายของสดไหมครับ พวกตลาดหรือห้างใกล้ ๆ” เห็นลุงแกส่ายหน้าก็หมดหวัง
 
                “ถ้าจะหาของทำอาหารจะต้องขับรถออกไปไกลหน่อยนะครับ หลายกิโลอยู่ ถ้าคุณหนูจะไปผมจะขับรถให้” ผมยิ้มอย่างมีหวัง
 
                “ไปครับ” ตอบแบบไม่คิดอะไร
 
                ห้างที่ว่ามันไกลมากครับ กว่าจะถึงใช้เวลาถึงยี่สิบนาทีเลย ผมเดินเลือกของที่จำเป็นกวาดมาจนหมด มาครั้งเดียวต้องซื้อให้คุ้ม โทรศัพท์ก็ลืมไว้ที่ห้อง กลัวไอ้หล่อตื่นมาไม่เห็นผมมันจะโมโหแค่ไหน ไม่ได้เลยนะครับไอ้คุณชายคนนี้ มันโกรธทีผมง้อแทบตายมันก็ลงยาก
 
                “ขอโทษนะครับ แถวนี้พอมีร้านพวกของตกแต่งไหมครับ พวกเชือก ลูกโป่ง” ผมก้มลงถามแม่ค้าคนหนึ่ง
 
                “มีจ๊ะ เดินไปทางขวามือเลย ร้านสีชมพูตรงหัวมุมนั่นแหละ”
 
                “ขอบคุณครับ” ผมกับลุงเดินไปร้านที่ว่า เมื่อได้ของที่ต้องการก็พากันกลับบ้าน
 
……………………………………………………………………….
 
                เพทายตื่นขึ้นมามองไปข้างตัวไม่เห็นต้นข้าวก็สะดุ้งตื่น มือเปิดประตูออกไปเรียกหาใจเต้นด้วยความเป็นห่วง กลับเข้าห้องจะโทรหาก็เห็นโทรศัพท์คนรักวางอยู่บนเตียง เสียงรถหน้าบ้านดังขึ้น ไม่รอช้าที่จะวิ่งออกไปดู
 
                “ต้นข้าว!!” ผมสะดุ้งตัวโหยง ไอ้หล่อวิ่งหน้าตื่นมากอดผมเอาไว้แน่น ผมทิ้งของลงข้างตัวมือกอดตอบมัน
 
                “ครับ ไม่ได้ไปไหน แค่ไปซื้อของมาทำอะไรให้กิน”
 
                “…อย่าหายไปแบบนี้ กูไม่ชอบ กูไม่ชอบจริง ๆ” โคตรรู้สึกผิด ผมกุมมือมันก่อนจะสอดนิ้วประสาน
 
                “ขอโทษครับ เข้าไปคุยในบ้านเนอะ” ไอ้หล่อมันช่วยผมถือของเข้าไปในบ้าน มือเรากุมกันแกว่งไปมา
 
                เราทำอาหารง่าย ๆ นั่งกินกันสองคน แบ่งไปฝากคุณลุงที่บ้านพักคนงานอีกส่วน ไอ้หล่อมันเงียบผิดปกติจนผมต้องเอ่ยปากถาม
 
                “โกรธกูยังไม่หายอีกเหรอวะ?” ผมวางช้อนลง ไม่อารมณ์จะกินแล้วครับ ทั้งที่ตั้งใจจะมาฮันนีมูน ตั้งใจจะทำให้มันมีความสุข แต่ผมก็ทำมันพังทุกอย่าง
 
                “เปล่า ไม่ใช่”
 
                “แล้วเป็นอะไร?”
 
                “….อยากดูดาว ไปดูดาวกัน”
 
                “ห้ะ! ตอนนี้? เฮ้ ๆ อารมณ์ไหนของมึงวะ” ไอ้หล่อฉุดผมออกมาที่ระเบียงหลังบ้าน ไฟดวงเล็ก ๆ ที่ปิดสนิทค่อย ๆ สว่างขึ้นทีละดวง มองไปยังลานกว้างข้างล่างเป็นจุดไฟเล็ก ๆ ต่อกันเป็นตัวอักษร
 
                ผมน้ำตาเอ่อล้นบรรยายเป็นคำพูดไม่ออก ยกมือปิดปากกลั้นสะอื้น ‘สัญญาว่าจะรักตลอดไป’ ประโยคสั้น ๆ แต่ความหมายลึกซึ้งมากมาย ไม่คิดว่ามันจะลงทุนขนาดนี้ ไม่คิดว่าช่วงเวลาข้ามวันมันจะทำเพื่อผมขนาดนี้ และแล้วน้ำตาของผมก็ไหลออกมาเมื่อหันมาเห็นโหลดาวนับพันดวง
 
                “ฮึก มึง…พับเอง…มึงทำให้กู” ผมคิดว่าคงใช้เวลานับเดือนถึงได้เป็นโหลใหญ่ มันเอาเวลาที่ไหนไปทำวะ ตลอดทั้งวันแม่งก็อยู่กับผม
 
                “ครับ ชอบไหม? กว่าจะฝึกพับได้ กว่าจะออกมาสวยทุกดวงต้องนั่งอดทนจน อยากจะเลิกทำหลายรอบ แต่เพอยากทำให้ข้าว อยากให้ในวันฮันนีมูนวันแรก อยากให้รู้ว่าเพรักข้าวมากแค่ไหน” น้ำเสียงอ่อนโยนกับท่าทีที่ดึงผมไปกอดมันอบอุ่นจริง ๆ
 
                ไม่มีใครเข้าใจผมได้หรอกว่าตอนนี้ผมรู้สึกรักมันแค่ไหน ไอ้หล่อที่ขี้ใจร้อน นึกสภาพมันนั่งพับดาวแล้วพาลจะสะอื้นไม่หยุด ถ้าใจไม่รักจริงมันคงล้มเลิกไปนานแล้ว
 
                เป๊าะ!
 
                ผมคิดว่ามันจะจบแค่นี้แต่ยังมีอีก เพทายดีดนิ้วให้สัญญาณก่อนจะได้ยินเสียงพลุถูกจุด แสงสีต่าง ๆ ปรากฏขึ้นบนฟ้า ไอ้หล่อกอดเอวผมไว้หลวม ๆ เกยหน้าบนไหล่ของผมมือชี้ให้ดูพลุที่เป็นรูปหัวใจ ผมกำลังยิ้มและร้องไห้ในเวลาเดียวกัน อย่างซึ้งอะ แล้วของที่ผมเตรียมให้มันจะทำยังไงดีวะ
 
                “ข้าวมานั่งนี่” ตัวผมโดนไอ้หล่อพามานั่งที่เก้าอี้ก่อนตาจะถูกปิดด้วยผ้าสีดำ ผมใจเต้นแรงแทบจะทะลุออกมาจากอก มันจะมีอะไรอีก มันจะทำอะไรให้ผมอีก
 
                “ค่อย ๆ เดินนะ” มือของผมถูกจูงกลับเข้าไปในบ้าน ผมย่างก้าวทีละก้าวกลัวจะสะดุดโดนอะไร ไอ้หล่อประคองเอวผมให้เดินจนเหมือนจะเข้ามาในห้อง ๆ หนึ่ง ฟังจากเสียงเปิดปิดประตูน่าจะใช่
 
                “กูตื่นเต้น” ผมมือชื้นบีบกุมกันแน่น เสียงไอ้หล่อหายไปพร้อมมือที่จับผมอยู่ในตอนแรก ผมเริ่มกลัวและเอ่ยเรียกมัน
 
                “เพทาย!” มันยังคงเงียบ “ไอ้สัสหล่อ!!” ผมโคตรกลัว เพราะเมื่อใดที่รู้สึกมีความสุขที่สุด เมื่อนั้นก็ต้องกังวลว่ามันจะหายไป มันทำผมกลัว
 
                “ชู่ว์~ ฟังสิครับ ตั้งใจฟังนะ”
 
                ผมเงียบลงเอียงหูฟังรอบตัว เสียงดนตรีจังหวะช้า ๆ บรรเลงขึ้น ในห้องนี้มีเปียโนด้วยเหรอ แสดงว่าไม่ใช่ห้องนอน
 
 
 (ถ้ากดเล่นไม่ได้ ก็ไปกดข้างบนที่ youtube นะจ๊ะ ในนี้ลงเพลงยากมาก) 
 
 ~ มีเรื่องราวมากมาย ที่ไม่มีใครได้ฟัง คำพูดนับร้อยพัน
ที่ต้องการเอื้อนเอ่ย ไม่ว่าจะนานซักเท่าไหร่
ยังยืนยันคำเดิมเสมอ ไม่เคยเปลี่ยน
(*) เธอทำให้ฉันรู้และเข้าใจคำว่าสองเรา
ไม่ว่าจะร้อนหรือว่าจะหนาวก็ไม่กลัว
มีเธอที่รักข้างในจิตใจ ให้ฉันก้าวเดินต่อไป ต่อจากนี้
(**) เธอและฉัน.... จับมือเคียงกันนับจากนี้
ผ่านความเดียวดายที่สองเรานั้นเคยมี
เมื่อมีเธอคนที่แสนดีอยู่ตรงนี้
มากกว่านั้น.... ยิ่งมีกันและกันมากแค่ไหน
มีเพียงคำว่ารักที่สองเรานั้นเข้าใจ
รักเพียงเธอและตลอดไป (แค่เธอกับฉัน)
และนับจากนี้ไป ทุกเรื่องราวที่ได้ฟัง
คำพูดทุกถ้อยคำที่คอยย้ำเตือนใจ
ไม่ว่าจะไกลซักเท่าไหร่ เพียงมีเธอคนดีอย่างนี้
ไม่ไหวหวั่น
(จะมีเพียงสองเรา ต่อจากนี้) (แค่เธอกับฉัน) ~
 
                ติ๊ง!
 
                เมื่อตัวโน๊ตตัวสุดท้ายจบลงเสียงของไอ้หล่อก็พูดขึ้น “สิ่งที่กูทำมันอาจจะไม่ออกมาดีเท่าที่คิดไว้ แต่ทุกอย่างกูทำด้วยใจ ใจของกูที่มีแต่มึง ช่วงเวลาหลายปีที่เราอยู่ด้วยกัน ไม่ว่าจะทุกข์ จะสุข ทะเลาะกัน โกรธกัน ขอให้มึงรู้ไว้ว่ากูยังคงรักมึงไม่เปลี่ยนแปลง ขอให้มึงเชื่อ…” มือของผมถูกกอบกุมด้วยมือใหญ่
 
                “เชื่อว่ากูจะรักมึงตลอดไป เราจะไม่ทิ้งกัน เราจะมีกันและกัน มึงคือของขวัญที่ดีที่สุด และกูมีความสุขที่สุดที่มีมึงมาเดินร่วมทางด้วย” ผมร้องไห้ออกมาดึงผ้าปิดตาออก โผกอดไอ้หล่อซุกหน้ากับอกมัน
 
                “รักชิบหาย โคตรพ่อโคตรแม่รัก”
 
                “ครับ รักมากเหมือนกัน” เรากอดกันในห้องที่มีแต่แสงไฟจากดวงจันทร์ส่องเข้ามา ผมมองไปรอบ ๆ เป็นห้องโล่งที่มีเปียโนวางอยู่ตรงกลาง
 
                “มึงชอบทำกูร้องไห้” ผมทุบอกมัน ตอนแรกผมจะร้องเพราะคิดว่ามันโกรธแต่หลังจากชวนออกมาดูดาวน้ำตาแห่งความสุขก็ไหลออกมาไม่หยุด มาทำให้กูใจเสียแล้วปลอบทีหลัง ไอ้สัส ไม่ชอบเลย
 
                “ทำโทษที่หนีออกไปไง ตอนนั้นใจหายจริงนะครับ”
 
                “อืม ไม่ทำแล้ว” ผมระบายยิ้มอ่อนกอดมันอีกรอบ เราพากันกลับไปกินข้าวจนอิ่ม นั่งป้อนข้าวกันไปหัวเราะกันไป แค่นี้พอแล้ว ผมต้องการแค่นี้ก็พอแล้วครับ
 
                สิ่งที่วิเศษที่สุด คือหัวใจของคนสองคนที่ตรงกัน ผมรักมัน มันรักผม แค่นี้ก็พอแล้ว
 
 
TBC.
 
 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
6.4 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
4.8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
5.4 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา