แรดชิบหาย เมียอย่างมึง!
5.5
เขียนโดย LemonNest
วันที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2558 เวลา 21.06 น.
42 chapter
66 วิจารณ์
54.36K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2558 21.17 น. โดย เจ้าของนิยาย
33) ตอนที่ 32
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความตอนที่ 32
พีช
พีช
พีชครับ…
“พีชตื่นครับ นอนร้องไห้ทำไมครับ ตื่นสิครับน้ำเป็นห่วง” ผมสะอื้นหนักเมื่อน้ำกำลังจะถอยหลังไปช้า ๆ มือของผมไขว่คว้าร่างน้ำเอาไว้แต่มันก็ได้เพียงแค่อากาศ
ผมลืมตาตื่นขึ้นมาก็พบว่า…มืด ทุกอย่างยังมืดสนิท
“น้ำ…” มืออบอุ่นกุมทับมือผมเอาไว้ไม่ไปไหน ผมลูบคลำใบหน้าของต้นน้ำรั้งคออีกคนเข้ามากอดทั้งน้ำตา
“น้ำยังอยู่…อย่าไปไหนนะ อย่าไปจากพีช”
“น้ำก็ไม่ได้ไปไหน พีชเป็นอะไร นอนร้องไห้ทำไมครับ”
“ก็…” ผมเขินที่จะพูดออกไป มันเหี้ยมากครับ เหี้ยมาก ๆ ผมขอหยาบคายสักวัน ฝันได้เหี้ยมาก! โคตรพ่อโคตรแม่เพ้อเจ้อ
เขาว่าก่อนนอนถ้าจำอะไรเอาไว้มันจะเก็บไปฝัน แล้วผมก็ดันดูหนังฝรั่งก่อนนอน มันเป็นเรื่องที่เศร้ามาก การแต่งงานที่ไม่สมหวัง พระเอกตาย นางเอกฆ่าตัวตายตาม ไม่ได้ดูเองหรอกครับฟังเสียงเอา โอ๊ยยย ผมไม่เคยเป็นหนักขนาดนี้เลยนะให้ตาย
“ก็เฮียเพ้อเจ้อไง เฮียคิดได้ไงเรื่องแต่งงาน ไม่ต้องถึงมือเฮียหรอก ถ้าเฮียน้ำแต่งงานกับคนอื่นจริงเพลงนี่แหละจะจัดการให้เอง” ผมเอาเรื่องนี้มาเล่าให้น้องชายคนรองฟัง เพราะคนเล็กดันไม่ว่างติดสอบอยู่
“เฮียโคตรเจ็บปวดเลย มันน่าอายมากเลยนะเพลง เฮียร้องไห้ออกมาเลย”
“แล้วเฮียเล่าเรื่องนี้ให้เฮียน้ำฟังยัง?” ผมส่ายหน้าพรืด
“ไม่เด็ดขาด น้ำจะได้หัวเราะเอาล่ะสิ”
“แต่เพลงว่าไม่หรอก เฮียน้ำก็นั่งฟังอยู่ไม่เห็นว่าอะไร ใช่ไหมครับ” ผมได้ยินเสียงเพลงกับต้นน้ำหัวเราะเบา ๆ ไม่เคยไว้ใจน้องชายคนนี้ได้เลยสินะ ไอ้เพลง!!
“ไหนว่าไม่แอบฟังพี่น้องคุยกันไงน้ำ” ผมก็บอกแล้วนะว่าจะคุยกับเพลง แล้วมานั่งฟังด้วยทำไม
“ก็ไม่ได้แอบ น้ำมานั่งด้วยตั้งแต่แรกแล้วครับ”
“ก็พีชมองไม่เห็นจะไปรู้ได้ไง ออกไปทั้งคู่เลยพีชจะฟังเพลง ไม่ ๆ พีชไม่ฟังเพลงแล้ว พีชจะวาดรูป น้ำไปเอากระดานมาให้หน่อย” ผมกลัวจะตื่นขึ้นมาแล้วเป็นแบบในฝัน ตอนนี้เพลงไม่แตะ หลังบ้านก็ไม่คิดจะไป ยอมรับว่ายังกลัวไม่หาย
“แล้วตุ๊กตาหมีที่หายไปทั้งห้องก็ฝีมือเฮียใช่ไหม?” เพลงถามกวาดตามองไปทั้งห้องนอน
“ใช่ เฮียไม่ชอบตุ๊กตาแล้ว อยากให้ห้องมันโล่ง ๆ” ผมก็หาข้ออ้างไปเรื่อย แต่น้องชายก็ยังรู้ดี
“ครับ จะพยายามเชื่อ เพลงว่าเฮียอย่าไปคิดมากเลย ฝันร้ายจะกลายเป็นดีนะเฮีย”
“แล้ววันนี้ไม่มีงานรึไงมาอยู่กับเฮียได้ทั้งวัน?”
“วันนี้เฮียต้องไปตรวจตา เพลงขอไปด้วยคนนะครับ” ผมว่าเสียงน้องชายมันร่าเริงผิดปกติ ถ้าวันไหนผมไปหาอาหมอเพลงจะไม่ไป แต่พอผมบอกว่าจะไปอีกโรงพยาบาลเสียงใส ๆ จอมทะเล้นของเพลงก็จะโผล่มาที่บ้านเสมอ
ติดใจอะไรที่นั่นรึเปล่า
“วันนี้น้ำอยู่ เพลงไปทำงานก็ได้นะ” ผมแกล้งไม่ให้ไปดู
“ว่างทั้งวันครับ ไปด้วยนะเฮีย เฮียน้ำครับ วันนี้เพลงขอไปโรงพยาบาลด้วยนะครับ” ผมขมวดคิ้วครุ่นคิด เพลงมันเคยอ้อนใครแล้วไม่หวังอะไรบ้าง มันพยายามมากไป แปลว่าต้องมีเรื่องให้เล่นพิเรนทร์อีกแล้ว
“ก็ไปสิ” ต้นน้ำหอบเอากระดานมาตั้งให้พีช กางขาตั้งออกปรับเบาะนั่งของพีชให้สูงขึ้น
คุณไม่รู้หรอกว่าโลกของผมกับโลกของคนอื่นมันแตกต่างกันมากแค่ไหน วันแรกที่ผมรับรู้ว่าตัวเองไม่สามารถมองเห็นได้ สิ่งที่ผมคิดในใจคืออยากจะนั่งทานข้าวกับครอบครัวสักมื้อ ผมจะจดจำทุกอย่างไว้ในสมอง อย่างน้อยภาพเหล่านั้นมันก็เป็นกำลังใจให้ผมสู้ต่อไป สองมือของผมกำลังลากพู่กันไปตามจินตนาการที่มีอยู่ สักวันผมต้องเห็นมันสักครั้งว่าในช่วงเวลานี้ผมกำลังคิดอะไร
ถึงโลกผมจะมืดมิดแต่หัวใจผมกลับสว่างอย่างไม่น่าเชื่อ ต่างจากบางคนที่มีตาสองข้างปกติ แต่หัวใจของเขามันมืดมิดอย่างไม่น่าให้อภัย
…………………………………………………………………………………
แซม
“ลงมา” ผมพูดอย่างใจเย็นเปิดประตูให้เต้ยลงมา ลมหายใจหอบกระเพื่อมขึ้นลงตามแรงอารมณ์ที่ไม่ได้ดีมากนัก เต้ยเป็นผู้ชายที่ไม่น่าดึงดูดเพศเดียวกัน เรื่องนี้ผมคิดว่าใช่ แต่วันนี้! มันทำให้ผมคิดผิด
“กูจะบอกน้าซิน ถ้ามึงทำอะไรกู” ถึงเต้ยจะขู่ออกมาแบบนั้นผมก็ไม่กลัว สองมือช้อนร่างของเต้ยให้ออกมาจากหลังรถ เต้ยลุกยืนขึ้นมือกำลังกดโทรออกหาคนช่วยเหลือ
“อย่าดื้อกับพี่ วันนี้พี่จะไม่ปล่อยเต้ยไปอีก ของ ๆ พี่ พี่หวง!” ผมยึดโทรศัพท์เต้ยเอาไว้
“กูไม่ใช่สิ่งของ กูไม่เต็มใจ มึงไม่มีสิทธิ์”
“แล้วมาดูกัน ว่าเต้ยจะเป็นของพี่จริงไหม ตอนนี้ให้โอกาสโกรธพี่ให้เต็มที่ หลังเต้ยเป็นเมียพี่ พี่จะตามมาง้อทีหลัง”
“ไอ้แซม! กูไม่ตลก ถ้าเกิดมึงคิดจะเอากูจริง กูขอเป็นผัวดีกว่าเป็นเมีย” ผมนึกอยากจะขำเมื่อเห็นสีหน้าจริงจังของเต้ย
“เป็นเมียพี่ไม่ดีหรือไง เมียว่าที่หมอเลยนะ”
“ไม่ดี! คนอื่นมองมึงเทพบุตรยังไงกูไม่รู้ แต่สำหรับกูมึงมันตัวอันตราย ไหนว่าเป็นแฟน ข้ามคืนมึงจะรีบเลื่อนขั้นไปไหน” เต้ยกำลังถ่วงเวลา ผมยิ้มมุมปากกระชากแขนเต้ยให้เข้าไปคุยในบ้าน
“อย่าคิดว่ากูสู้มึงไม่ได้” ผมหยุดเดินหันหลังมาจ้องตาอีกฝ่ายนิ่ง
“กูสู้สิครับ ขัดขืนพี่ให้เต็มที่ เพราะพี่ก็ชอบแบบนี้เหมือนกัน” ผมหันกลับมาทางเดิมมือดึงร่างเต้ยเหวี่ยงไปนอนกองอยู่บนโซฟา
“มึงมันโรคจิต กูจะสู้” เต้ยยังยืนยันคำเดิม
“พี่ก็รออยู่ ยังไงวันนี้พี่ก็ต้องได้เต้ย” ผมช้าไปอีกก้าวเดียวมีหวังเต้ยคงได้ตกเป็นของคนอื่น เสื้อสีขาวของผมถูกปลดกระดุมออกทีละเม็ด ใบหน้าเต้ยเริ่มตึงเครียด ผมชอบนะ…ชอบที่จะไล่ต้อนไปจนอีกคนจนมุม
เล่ห์เหลี่ยมผมมีเยอะ อยู่ที่ว่าผมจะใช้มันตอนไหนเท่านั้นเอง
“มึงเอาจริงเหรอ?” ขำออกมาจนได้ ยังไงเต้ยก็ยังเป็นเด็กปีสองที่ยังคงปากเก่งแต่ใจฟ่อ ถ้าผมไม่รู้จักนิสัยเต้ยดีพอคงไม่กล้าพาเต้ยมาทำปู้ยี้ปู้ยำที่บ้านหรอกครับ
พวกแข็งนอกอ่อนในต้องเอาจริง ๆ ถึงจะปราบได้อยู่หมัด
“ครับ” ผมก็ตอบกลับไปท่อนบนเปลือยเปล่า เต้ยจิกเล็บลงบนหมอนสายตาหาทางรอด
“มึงพูดว่าครับได้หน้าตาเฉย คิดจะเอากูศึกษามาดีพอหรือยัง กู…กลัวเจ็บ มันต้องเจ็บมากแน่ ๆ”
ผมก็คิดว่าเต้ยกำลังกังวลอะไร ไม่ได้คิดจะหนีแต่กลับคิดหาวิธีให้ตัวเองเจ็บน้อยที่สุด ยังไงกันนะผู้ชายคนนี้ มีสักครั้งไหมที่ผมจะตามความคิดแปลกประหลาดของเต้ยทันเสียที
“ทำไมต้องศึกษา พี่ชอบลงมือปฏิบัติจริงเลยมากกว่า” กางเกงขายาวของผมร่นลงมาที่สะโพก เต้ยเบิกตาแทบถลนตกใจกับท่าทางที่ผมกำลังเอาจริง
“งั้นให้กูเอา! มึงเป็นหมอ มึงน่าจะรักษาตัวเองได้ดีกว่าคนธรรมดาแบบกู แบบนี้แหละถึงจะถูกต้อง”
“ก็ได้ งั้นเต้ยก็ถอดเสื้อผ้าออกมาสิครับ กดพี่ให้ดูหน่อยสิ” ใบหน้าเต้ยแย้มออกเมื่อคิดว่าตัวเองกำลังจะมีชัย ผมฉีกซองถุงยางออกหันไปสวมให้ตัวเองระหว่างรอเต้ยถอดเสื้อผ้า
“อย่ามาร้องเวลากูทำเจ็บแล้วกัน กูเคยแต่กับผู้หญิง กับผู้ชายมีมึงคนแรกเลย” ถึงว่าทำไมดูไม่ค่อยจะตกใจเท่าไหร่ จะว่าไปผมก็ไม่ต่างจากเต้ยเท่าไหร่ เคยคิดจะลองแต่ก็ยังไม่กล้าพอ และวันนี้ผมและเต้ยกำลังจะลองสิ่งใหม่ ๆ ที่คิดว่าถ้าทำมันลงไปแล้วจะไม่มานั่งเสียใจทีหลัง
โตมาอายุยี่สิบแล้ว เราควรรู้ได้แล้วว่าตอนนี้คิดจะทำอะไรกันอยู่
“กูตื่นเต้น” ไม่บอกก็รู้ เต้ยเหงื่อแตกพลั่กกลืนน้ำลายมองรูปร่างของผมสายตาสั่นระริก ไม่มีการขัดขืน มีแต่การสมยอมของทั้งสองฝ่าย ผมเองก็ตื่นเต้นไม่แพ้กัน
“ตรงนี้หรือห้องนอน พี่ให้เลือก” สภาพเราก็เปลือย ต่างคนต่างมีมีผ้าติดกายสักชิ้น อารมณ์พลุ่งพล่านของผู้ชายมันซาบซ่านไปทั่วอณูขน
“ตรงนี้ก่อนแล้วขึ้นไปบนห้อง เอายังวะ กูทั้งกลัวทั้งตื่นเต้นเลย มึงอย่าร้องดังนะแซม กูไม่อยากตกเป็นขี้ปากชาวบ้าน” มันจะมีใครบ้ามายืนถามกันแบบผมไหมครับ ร่างกายสูงใหญ่ของเต้ยเข้ามายืนประชิดหน้าของผม มือเชยคางผมขึ้นสบตากันเพื่อตัดสินใจ ผมก้มหน้าลงต่ำมองริมฝีปากที่ออกคล้ำหน่อย ๆ
“เต้ย…พี่ขอนะ” ผมยิ้มแสยะยิ้มร้ายรวบตัวของเต้ยขึ้นพาดบ่าแบกขึ้นไปบนห้อง ถ้าเต้ยมันคุมผมได้มีหวังผมต้องยอมมันไปทั้งชีวิต ผมยอมเป็นฝ่ายคุมเต้ยไว้ดีกว่า เพราะยังไงผมก็ตามใจเต้ยแทบจะทุกอย่าง
“มึงหลอกกู! ไอ้แซม!” เสียงโวยวายดังรอดตลอดทางเดินขึ้นห้อง ผมเปิดประตูเข้าไปด้านในดันตัวเต้ยให้ชิดกำแพงปากประกบจูบอย่างมนรอไม่ไหว มืออีกข้างปิดกดล็อคประตู
“อื้อ~ จุ๊บ จ๊วบ” เต้ยยกมือดันตัวผมออกสร้างรอยขีดข่วนไว้เต็มหลัง ถึงจะเป็นการระบายให้ผมรู้สึกเจ็บปวด แต่มันกลับให้ความรู้สึกตรงกันข้าม ผมชอบที่เต้ยจะสร้างรอยเอาไว้
“พี่จะไม่ข่มขืน แต่เต้ยต้องยอมพี่นะครับเด็กดี” ผมผละออกพูดประกบจูบลงไปใหม่
“สัส! มันต่างกันตรงไหนวะ อื้อ~” สองมือของเต้ยถูกตรึงไว้กับพื้นปูนเย็นเฉียบทั้งสองข้าง ริมฝีปากร้อนบดขยี้ปากสีคล้ำของเขาจนบวมเจ่อ ไล่ลงมาขบกัดซอกคอขาวสะอาดฟันคมครูดไปตามผิวบอบบางทำเอาลมหายใจสะดุด
…………………………………………………………………….
เต้ย
พรึ่บ!
ร่างของผมลอยคว้างในอากาศหัวหมุนไปตามร่างกายใหญ่ของมันที่อุ้มผมเอาไว้ ใบหน้าหล่อที่เปียกไปด้วยเหงื่อกับกลิ่นร่างกายที่หอมโชยออกมา ผมแผ่ตัวนอนลงราบกับเตียงนุ่มโดยมีมันคร่อมทับเอาไว้ทั้งตัว คงปฏิเสธไม่ได้ว่าผมกำลังสมยอมและยินดีจะมอบร่างกายนี้ให้มันเพียงคนเดียว
“อึก…อ้าส์…” มือหัวผมจับหัวทุยของมันเอาไว้ก้มลงมองมันสลับกับแหงนหน้าสูดปาก ปลายน้ำที่ปริ่มมันดูดกลืนเข้าไปเหมือนอาหารรสโปรดที่ละเมียดละไมเลียอย่างอ่อนโยน กลีบปากสีชมพูเปิดออกกว้างกลืนกินส่วนแข็งขืนของผมเข้าไปเกือบหมด มีมือทั้งสองข้างที่ช่วยรูดรั้งส่วนที่เหลือ
“จ๊วบ ๆ ๆ อื้อ~” เสียงหยาบโลนมันปลุกความต้องการของผมให้มีเพิ่มมากขึ้น ผมเกร็งเท้ากดลงกับผ้าปูหอบกระเส่าแทบจะลืมหายใจ สัมผัสเสียวซ่านมันพุ่งสูง ผมสะบัดหน้าไปมาทั้งกำมือทั้งยกตัวสูงขึ้นจนหลังแอ่น
“ซี๊ด…อึก….อ๊า ๆ ๆ ๆ” เสียงครางที่ส่งออกไปมันเกินขีดสุด ยิ่งปากร้อนรัวแรงลงมาผมเกร็งสะโพกส่งเข้าไม่หยุด จนในที่สุดสายธารสีขาวขุ่นก็พุ่งออกมาเลอะหน้าของคนเบื้องล่าง ผมปาหมอนใส่มันเมื่อใบหน้าหล่อทะเล้นมันยิ้มร้ายใช้นิ้วเขี่ยหัวแดงก่ำของผมจนเสียวไปทั้งสันหลัง
“พี่จะสาธิตวิธีฉีดยาให้ดูนะครับ เต้ยจะได้รู้ว่าเข็มพี่ดีขนาดไหน” มาถึงตรงนี้ผมก็นึกกลัวไม่ได้อยู่ดี ขนาดมันก็ไม่ใช่น้อย ๆ ถ้าเข้ามาทีก้นผมมันจะไม่ฉีดขาดเลยเหรอ
“มันเจ็บ…กูกลัว..”
“ไม่ต้องกลัวนะครับ พี่จะอ่อนโยนกับเต้ยที่สุด” คำพูดมันจะเชื่อถือได้แค่ไหน เคยได้ยินไอ้ฟางมันเล่าก็ไม่คิดว่าตัวเองจะมาเจอชะตากรรมเดียวกัน นึกดีใจที่ได้เป็นฝ่ายเข้าไปอยู่ในตัวมัน ไม่คิดว่าไอ้แซมมันจะตลบหลังเล่นร้ายคืน
ใบหน้าหล่อ ๆ มันซ่อนความร้ายกาจไว้เพียบ
ร่างกายของผมมันทรยศไม่ยอมทำตามอย่างที่ผมคิด กลับอ่อนโอนไปกับสัมผัสไอ้แซมเอาง่าย ๆ มือของมันลูบก้นขาวของผมที่ลอยโด่งแนบหน้าลงมาลงลิ้นเล่นกับลูกกลมสองก้อนที่ห้อยต่องแต่ง ผมกัดหมอนหน้าหันข้างควบคุมลมหายใจของตัวเอง ลิ้นร้อนลากผ่านขาพับด้านในมาวนรอบจีบรูเล็กของก้อนเนื้อขาวอวบอิ่ม ผมสะดุ้งเมื่อมันห่อลิ้นแยงลงไปข้างใน นิ้วเรียวแบะแก้มก้นของผมออกลมหายใจร้อนรินรดให้ผมรู้สึกใจเต้นรัว
“ชู่ว์~ อย่าเกร็งสิครับ” คำเตือนครั้งที่หนึ่งกระซิบบอกข้างหู ปากของมันพรมจูบทั่วทั้งแผ่นหลังของผมเป็นรอยจ้ำช้ำเล็ก ๆ เด่นเป็นดวง ผมสะอื้นขึ้นมาเมื่อรู้สึกเจ็บที่ช่องทางด้านหลัง นิ้วยาวของมันสอดเข้าไปจนสุดดึงเข้าออกให้คุ้นชินเพื่อรอสิ่งใหญ่กว่าเข้ามาแทนที่ จากหนึ่งเป็นสองและสามตามลำดับ ผมเริ่มขยับสะโพกตามการส่งเข้าออกที่ไอ้แซมมอบให้ นึกใจหายเมื่อนิ้วยาวหายไป
“อ๊ากกก!! เจ็บ…ไอ้เหี้ย! กูเจ็บ…” ผมกลั้นเสียงร้องไม่ไหวปล่อยออกมาพร้อมหยาดน้ำตาที่รินไหลลงบนสองแก้ม ไหนมึงบอกว่าไม่เจ็บมากไงวะ อะไรที่มึงเรียกว่าอ่อนโยน
“อดทนหน่อยนะเต้ย พี่ขอเข้าแค่อีกครั้งเดียวก็จะหมดแล้ว พี่จะไม่ทิ้งเต้ยนะครับ พี่…รัก…รักเต้ยนะ”
“ตอนจะเอากูก็พูดแบบนี้ อึก เจ็บชิบหาย แสบว่ะ”
“ก่อนหน้านี้พี่ก็พูดไปแล้วนะครับ เป็นเมียพี่แล้ว พี่จะบอกแม่เรื่องของเรา เต้ยจะได้มั่นใจว่าพี่ไม่ทิ้งเต้ย” ผมร้องขึ้นมาอีกครั้งเมื่อมันดันตัวเองเข้ามาจนสุด ทั้งจุกทั้งเสียวปะปนกันไปหมด
“กู…” ผมหอบหายใจถี่ เรี่ยวแรงถูกดูดกลืนไปจนหมด “เชื่อมึง…” สิ่งที่ผมพูดออกไปมันก็เหมือนเป็นคำสัญญาว่าผมจะอยู่กับมันเช่นกัน ท่าทางมันจะดีใจหนักเล่นซอยส่วนร่างถี่ยิบไม่คิดจะให้ผมได้ปรับตัวสักนิด
ปึก ปึก ปึก
กล้ามเนื้อกับแรงกำลังของมันส่งผ่านร่างกายของผมให้รองรับทุกอย่างที่มันกำลังมอบให้ ตัวของผมพลิกแนบหลังไปกับเตียงสองข้างยกพาดคอมันเอาไว้ สายตาของแซมมันร้อนแรงมองผมจนแทบจะจมหายไปกับเตียง แววตามุ่งมั่นที่ทอดมองมาทำผมเชื่อสนิทใจว่ามัน….รัก
………………………………………………………………..
ต้นข้าว
“มึงทำผิด ป๊อก! มองหนังสือไม่ได้ให้มองหน้ากู ป๊อก!” ผมดีดดินสอลงบนหน้าผากไอ้หล่อที่นอนเท้าคางอ่านหนังสือสอบ ผมนั่งพิงผนังห้องมือกดจอสี่เหลี่ยมเล่นเกมส์
“อยากกินป๊อกกี้ ป้อนกูหน่อยเมีย” ผมเหล่มองมันหยิบขนมแท่งยื่นส่งให้ อีกมือก็กดยิกบนจอใกล้จะชนะ
“วางจอแล้วมาป้อนกูหน่อยเมียยย~” มันโวยวายปากยังคาบแท่งขนมไว้ในปาก
“มึงก็เคี้ยวไปสิ กูจะเล่นเกมส์”
“…”
“หล่อ” ผมลองเรียกมันสายตาก็เหลือบไปมองแวบนึง เพทายซบหน้ากับแขนตัวเองนอนเอียงไปหน้าไปอีกด้าน
“กูไม่อ่านแล้วหนังสือ มึงไม่สนใจกู มึงสนใจเกมส์มากกว่ากู”
“ขี้งอนว่ะ” ผมว่ามันออกมาใบหน้ายิ้ม มือวางโทรศัพท์ลงไปตบแก้มมันให้หันมา เพทายอมยิ้มหันมาเก๊กหน้าขรึม
“อะไร มาแตะต้องเนื้อตัวเค้า เป็นผู้ชายยังไงเนี่ย”
“ลีลาจัง เอ้า แดก ๆ เข้าไป กูป้อนครับ” ผมหยิบขนมยื่นส่งให้มันจ่อปากเลยแหละ คุณชายเขาก็ยิ้มแป้นงับนิ้วผมกัดไม่ปล่อย
“มึงเป็นหมาเหรอหล่อ กูเจ็บ” ฟันมันก็คมกัดเข้ามาได้
“อยากเอาเมีย” เพทายส่งสายตาอ้อน ผมผลักหน้ามันออกก้มมองดูนิ้วตัวเองที่เป็นรอยซี่ฟัน
“เป็นรอยเลยมึง” ผมแบะปากแยกเขี้ยวใส่
“ต้นข้าวครับ เพทายอยากแล้วอ่า เอาก่อนค่อยอ่านต่อได้ไหม”
“มึงอย่ามาอู้ อ่านไปเลย หื่นให้รู้เวลาบ้าง” ผมดุ เพทายกลิ้งตัวมานอนหนุนตักคนรักมือหยิบหนังสือยกกางอออ่าน แต่สอดไส้โทรศัพท์เอาไว้กดเลื่อนเล่น
…………………………………………………………….
เพทาย
แฟนที่ดีต้องคิดยังไงก็พูดออกไป
“เมีย กูอยาก” ผมพูดกับต้นข้าวตรง ๆ มันบิดหูผมจนแดง ผมลูบหูตัวเองปากยื่นงอน ๆ ไม่เห็นมันจะเข้าท่าเลย ผ่าน ๆ เว้ย
เข้าใจซึ่งกันและกัน ข้อนี้มันทำยังไงวะ
“เมื่อยไหมเมีย?” ผมบีบต้นขาขาวของมันนวดให้เบา ๆ
“อ่านหนังสือไป มึงเป็นอะไรวะหล่อ” โดนด่ากลับมาอีกกู ขอนี้ก็ผ่าน
เป็นกำลังใจให้ อืม ข้อนี้แหละ
“ต้นข้าว เหลือสอบอีกหลายวันมึงต้องทำให้ได้นะ กูเป็นกำลังใจให้” ผมพูดเสียงนุ่มคิดว่าที่มันเงียบคงจะเขิน พอเงยมองหน้าดูใบหน้าเมียผมมันจ้องอยู่กับเกมส์ ผมลุกพรวด
“เมีย! มึงไม่ฟังกู” ต้นข้าวหันหน้ามาทำหน้างง
“เมื่อกี้มึงพูดอะไรนะ” ผมทึ้งหัวตัวเอง ทำไมเป็นแฟนที่ดีมันทำยากจังวะ ต้นข้าวแกล้งทำหน้าไม่เข้าใจแต่ข้างในมันพองโตเมื่อเข้าใจกับสิ่งที่คนรักทำ ก็อยากจะแกล้งมันบ้าง
“จุ๊บ! ครับ กูได้ยินแล้ว มึงเองก็ต้องตั้งใจสอบเพื่อเรานะ อ่านหนังสือได้แล้ว กูเห็นนะแอบเล่นโทรศัพท์”
เพทายฉีกยิ้มกว้างกอดคอเมียนอนกลิ้งบนตักนุ่มตั้งใจอ่านหนังสือจริง ๆ จัง ๆ ต้นข้าวลูบผมนิ่มของคนรักนัยน์ตาเปี่ยมไปด้วยความสุข
TBC.
พีช
พีช
พีชครับ…
“พีชตื่นครับ นอนร้องไห้ทำไมครับ ตื่นสิครับน้ำเป็นห่วง” ผมสะอื้นหนักเมื่อน้ำกำลังจะถอยหลังไปช้า ๆ มือของผมไขว่คว้าร่างน้ำเอาไว้แต่มันก็ได้เพียงแค่อากาศ
ผมลืมตาตื่นขึ้นมาก็พบว่า…มืด ทุกอย่างยังมืดสนิท
“น้ำ…” มืออบอุ่นกุมทับมือผมเอาไว้ไม่ไปไหน ผมลูบคลำใบหน้าของต้นน้ำรั้งคออีกคนเข้ามากอดทั้งน้ำตา
“น้ำยังอยู่…อย่าไปไหนนะ อย่าไปจากพีช”
“น้ำก็ไม่ได้ไปไหน พีชเป็นอะไร นอนร้องไห้ทำไมครับ”
“ก็…” ผมเขินที่จะพูดออกไป มันเหี้ยมากครับ เหี้ยมาก ๆ ผมขอหยาบคายสักวัน ฝันได้เหี้ยมาก! โคตรพ่อโคตรแม่เพ้อเจ้อ
เขาว่าก่อนนอนถ้าจำอะไรเอาไว้มันจะเก็บไปฝัน แล้วผมก็ดันดูหนังฝรั่งก่อนนอน มันเป็นเรื่องที่เศร้ามาก การแต่งงานที่ไม่สมหวัง พระเอกตาย นางเอกฆ่าตัวตายตาม ไม่ได้ดูเองหรอกครับฟังเสียงเอา โอ๊ยยย ผมไม่เคยเป็นหนักขนาดนี้เลยนะให้ตาย
“ก็เฮียเพ้อเจ้อไง เฮียคิดได้ไงเรื่องแต่งงาน ไม่ต้องถึงมือเฮียหรอก ถ้าเฮียน้ำแต่งงานกับคนอื่นจริงเพลงนี่แหละจะจัดการให้เอง” ผมเอาเรื่องนี้มาเล่าให้น้องชายคนรองฟัง เพราะคนเล็กดันไม่ว่างติดสอบอยู่
“เฮียโคตรเจ็บปวดเลย มันน่าอายมากเลยนะเพลง เฮียร้องไห้ออกมาเลย”
“แล้วเฮียเล่าเรื่องนี้ให้เฮียน้ำฟังยัง?” ผมส่ายหน้าพรืด
“ไม่เด็ดขาด น้ำจะได้หัวเราะเอาล่ะสิ”
“แต่เพลงว่าไม่หรอก เฮียน้ำก็นั่งฟังอยู่ไม่เห็นว่าอะไร ใช่ไหมครับ” ผมได้ยินเสียงเพลงกับต้นน้ำหัวเราะเบา ๆ ไม่เคยไว้ใจน้องชายคนนี้ได้เลยสินะ ไอ้เพลง!!
“ไหนว่าไม่แอบฟังพี่น้องคุยกันไงน้ำ” ผมก็บอกแล้วนะว่าจะคุยกับเพลง แล้วมานั่งฟังด้วยทำไม
“ก็ไม่ได้แอบ น้ำมานั่งด้วยตั้งแต่แรกแล้วครับ”
“ก็พีชมองไม่เห็นจะไปรู้ได้ไง ออกไปทั้งคู่เลยพีชจะฟังเพลง ไม่ ๆ พีชไม่ฟังเพลงแล้ว พีชจะวาดรูป น้ำไปเอากระดานมาให้หน่อย” ผมกลัวจะตื่นขึ้นมาแล้วเป็นแบบในฝัน ตอนนี้เพลงไม่แตะ หลังบ้านก็ไม่คิดจะไป ยอมรับว่ายังกลัวไม่หาย
“แล้วตุ๊กตาหมีที่หายไปทั้งห้องก็ฝีมือเฮียใช่ไหม?” เพลงถามกวาดตามองไปทั้งห้องนอน
“ใช่ เฮียไม่ชอบตุ๊กตาแล้ว อยากให้ห้องมันโล่ง ๆ” ผมก็หาข้ออ้างไปเรื่อย แต่น้องชายก็ยังรู้ดี
“ครับ จะพยายามเชื่อ เพลงว่าเฮียอย่าไปคิดมากเลย ฝันร้ายจะกลายเป็นดีนะเฮีย”
“แล้ววันนี้ไม่มีงานรึไงมาอยู่กับเฮียได้ทั้งวัน?”
“วันนี้เฮียต้องไปตรวจตา เพลงขอไปด้วยคนนะครับ” ผมว่าเสียงน้องชายมันร่าเริงผิดปกติ ถ้าวันไหนผมไปหาอาหมอเพลงจะไม่ไป แต่พอผมบอกว่าจะไปอีกโรงพยาบาลเสียงใส ๆ จอมทะเล้นของเพลงก็จะโผล่มาที่บ้านเสมอ
ติดใจอะไรที่นั่นรึเปล่า
“วันนี้น้ำอยู่ เพลงไปทำงานก็ได้นะ” ผมแกล้งไม่ให้ไปดู
“ว่างทั้งวันครับ ไปด้วยนะเฮีย เฮียน้ำครับ วันนี้เพลงขอไปโรงพยาบาลด้วยนะครับ” ผมขมวดคิ้วครุ่นคิด เพลงมันเคยอ้อนใครแล้วไม่หวังอะไรบ้าง มันพยายามมากไป แปลว่าต้องมีเรื่องให้เล่นพิเรนทร์อีกแล้ว
“ก็ไปสิ” ต้นน้ำหอบเอากระดานมาตั้งให้พีช กางขาตั้งออกปรับเบาะนั่งของพีชให้สูงขึ้น
คุณไม่รู้หรอกว่าโลกของผมกับโลกของคนอื่นมันแตกต่างกันมากแค่ไหน วันแรกที่ผมรับรู้ว่าตัวเองไม่สามารถมองเห็นได้ สิ่งที่ผมคิดในใจคืออยากจะนั่งทานข้าวกับครอบครัวสักมื้อ ผมจะจดจำทุกอย่างไว้ในสมอง อย่างน้อยภาพเหล่านั้นมันก็เป็นกำลังใจให้ผมสู้ต่อไป สองมือของผมกำลังลากพู่กันไปตามจินตนาการที่มีอยู่ สักวันผมต้องเห็นมันสักครั้งว่าในช่วงเวลานี้ผมกำลังคิดอะไร
ถึงโลกผมจะมืดมิดแต่หัวใจผมกลับสว่างอย่างไม่น่าเชื่อ ต่างจากบางคนที่มีตาสองข้างปกติ แต่หัวใจของเขามันมืดมิดอย่างไม่น่าให้อภัย
…………………………………………………………………………………
แซม
“ลงมา” ผมพูดอย่างใจเย็นเปิดประตูให้เต้ยลงมา ลมหายใจหอบกระเพื่อมขึ้นลงตามแรงอารมณ์ที่ไม่ได้ดีมากนัก เต้ยเป็นผู้ชายที่ไม่น่าดึงดูดเพศเดียวกัน เรื่องนี้ผมคิดว่าใช่ แต่วันนี้! มันทำให้ผมคิดผิด
“กูจะบอกน้าซิน ถ้ามึงทำอะไรกู” ถึงเต้ยจะขู่ออกมาแบบนั้นผมก็ไม่กลัว สองมือช้อนร่างของเต้ยให้ออกมาจากหลังรถ เต้ยลุกยืนขึ้นมือกำลังกดโทรออกหาคนช่วยเหลือ
“อย่าดื้อกับพี่ วันนี้พี่จะไม่ปล่อยเต้ยไปอีก ของ ๆ พี่ พี่หวง!” ผมยึดโทรศัพท์เต้ยเอาไว้
“กูไม่ใช่สิ่งของ กูไม่เต็มใจ มึงไม่มีสิทธิ์”
“แล้วมาดูกัน ว่าเต้ยจะเป็นของพี่จริงไหม ตอนนี้ให้โอกาสโกรธพี่ให้เต็มที่ หลังเต้ยเป็นเมียพี่ พี่จะตามมาง้อทีหลัง”
“ไอ้แซม! กูไม่ตลก ถ้าเกิดมึงคิดจะเอากูจริง กูขอเป็นผัวดีกว่าเป็นเมีย” ผมนึกอยากจะขำเมื่อเห็นสีหน้าจริงจังของเต้ย
“เป็นเมียพี่ไม่ดีหรือไง เมียว่าที่หมอเลยนะ”
“ไม่ดี! คนอื่นมองมึงเทพบุตรยังไงกูไม่รู้ แต่สำหรับกูมึงมันตัวอันตราย ไหนว่าเป็นแฟน ข้ามคืนมึงจะรีบเลื่อนขั้นไปไหน” เต้ยกำลังถ่วงเวลา ผมยิ้มมุมปากกระชากแขนเต้ยให้เข้าไปคุยในบ้าน
“อย่าคิดว่ากูสู้มึงไม่ได้” ผมหยุดเดินหันหลังมาจ้องตาอีกฝ่ายนิ่ง
“กูสู้สิครับ ขัดขืนพี่ให้เต็มที่ เพราะพี่ก็ชอบแบบนี้เหมือนกัน” ผมหันกลับมาทางเดิมมือดึงร่างเต้ยเหวี่ยงไปนอนกองอยู่บนโซฟา
“มึงมันโรคจิต กูจะสู้” เต้ยยังยืนยันคำเดิม
“พี่ก็รออยู่ ยังไงวันนี้พี่ก็ต้องได้เต้ย” ผมช้าไปอีกก้าวเดียวมีหวังเต้ยคงได้ตกเป็นของคนอื่น เสื้อสีขาวของผมถูกปลดกระดุมออกทีละเม็ด ใบหน้าเต้ยเริ่มตึงเครียด ผมชอบนะ…ชอบที่จะไล่ต้อนไปจนอีกคนจนมุม
เล่ห์เหลี่ยมผมมีเยอะ อยู่ที่ว่าผมจะใช้มันตอนไหนเท่านั้นเอง
“มึงเอาจริงเหรอ?” ขำออกมาจนได้ ยังไงเต้ยก็ยังเป็นเด็กปีสองที่ยังคงปากเก่งแต่ใจฟ่อ ถ้าผมไม่รู้จักนิสัยเต้ยดีพอคงไม่กล้าพาเต้ยมาทำปู้ยี้ปู้ยำที่บ้านหรอกครับ
พวกแข็งนอกอ่อนในต้องเอาจริง ๆ ถึงจะปราบได้อยู่หมัด
“ครับ” ผมก็ตอบกลับไปท่อนบนเปลือยเปล่า เต้ยจิกเล็บลงบนหมอนสายตาหาทางรอด
“มึงพูดว่าครับได้หน้าตาเฉย คิดจะเอากูศึกษามาดีพอหรือยัง กู…กลัวเจ็บ มันต้องเจ็บมากแน่ ๆ”
ผมก็คิดว่าเต้ยกำลังกังวลอะไร ไม่ได้คิดจะหนีแต่กลับคิดหาวิธีให้ตัวเองเจ็บน้อยที่สุด ยังไงกันนะผู้ชายคนนี้ มีสักครั้งไหมที่ผมจะตามความคิดแปลกประหลาดของเต้ยทันเสียที
“ทำไมต้องศึกษา พี่ชอบลงมือปฏิบัติจริงเลยมากกว่า” กางเกงขายาวของผมร่นลงมาที่สะโพก เต้ยเบิกตาแทบถลนตกใจกับท่าทางที่ผมกำลังเอาจริง
“งั้นให้กูเอา! มึงเป็นหมอ มึงน่าจะรักษาตัวเองได้ดีกว่าคนธรรมดาแบบกู แบบนี้แหละถึงจะถูกต้อง”
“ก็ได้ งั้นเต้ยก็ถอดเสื้อผ้าออกมาสิครับ กดพี่ให้ดูหน่อยสิ” ใบหน้าเต้ยแย้มออกเมื่อคิดว่าตัวเองกำลังจะมีชัย ผมฉีกซองถุงยางออกหันไปสวมให้ตัวเองระหว่างรอเต้ยถอดเสื้อผ้า
“อย่ามาร้องเวลากูทำเจ็บแล้วกัน กูเคยแต่กับผู้หญิง กับผู้ชายมีมึงคนแรกเลย” ถึงว่าทำไมดูไม่ค่อยจะตกใจเท่าไหร่ จะว่าไปผมก็ไม่ต่างจากเต้ยเท่าไหร่ เคยคิดจะลองแต่ก็ยังไม่กล้าพอ และวันนี้ผมและเต้ยกำลังจะลองสิ่งใหม่ ๆ ที่คิดว่าถ้าทำมันลงไปแล้วจะไม่มานั่งเสียใจทีหลัง
โตมาอายุยี่สิบแล้ว เราควรรู้ได้แล้วว่าตอนนี้คิดจะทำอะไรกันอยู่
“กูตื่นเต้น” ไม่บอกก็รู้ เต้ยเหงื่อแตกพลั่กกลืนน้ำลายมองรูปร่างของผมสายตาสั่นระริก ไม่มีการขัดขืน มีแต่การสมยอมของทั้งสองฝ่าย ผมเองก็ตื่นเต้นไม่แพ้กัน
“ตรงนี้หรือห้องนอน พี่ให้เลือก” สภาพเราก็เปลือย ต่างคนต่างมีมีผ้าติดกายสักชิ้น อารมณ์พลุ่งพล่านของผู้ชายมันซาบซ่านไปทั่วอณูขน
“ตรงนี้ก่อนแล้วขึ้นไปบนห้อง เอายังวะ กูทั้งกลัวทั้งตื่นเต้นเลย มึงอย่าร้องดังนะแซม กูไม่อยากตกเป็นขี้ปากชาวบ้าน” มันจะมีใครบ้ามายืนถามกันแบบผมไหมครับ ร่างกายสูงใหญ่ของเต้ยเข้ามายืนประชิดหน้าของผม มือเชยคางผมขึ้นสบตากันเพื่อตัดสินใจ ผมก้มหน้าลงต่ำมองริมฝีปากที่ออกคล้ำหน่อย ๆ
“เต้ย…พี่ขอนะ” ผมยิ้มแสยะยิ้มร้ายรวบตัวของเต้ยขึ้นพาดบ่าแบกขึ้นไปบนห้อง ถ้าเต้ยมันคุมผมได้มีหวังผมต้องยอมมันไปทั้งชีวิต ผมยอมเป็นฝ่ายคุมเต้ยไว้ดีกว่า เพราะยังไงผมก็ตามใจเต้ยแทบจะทุกอย่าง
“มึงหลอกกู! ไอ้แซม!” เสียงโวยวายดังรอดตลอดทางเดินขึ้นห้อง ผมเปิดประตูเข้าไปด้านในดันตัวเต้ยให้ชิดกำแพงปากประกบจูบอย่างมนรอไม่ไหว มืออีกข้างปิดกดล็อคประตู
“อื้อ~ จุ๊บ จ๊วบ” เต้ยยกมือดันตัวผมออกสร้างรอยขีดข่วนไว้เต็มหลัง ถึงจะเป็นการระบายให้ผมรู้สึกเจ็บปวด แต่มันกลับให้ความรู้สึกตรงกันข้าม ผมชอบที่เต้ยจะสร้างรอยเอาไว้
“พี่จะไม่ข่มขืน แต่เต้ยต้องยอมพี่นะครับเด็กดี” ผมผละออกพูดประกบจูบลงไปใหม่
“สัส! มันต่างกันตรงไหนวะ อื้อ~” สองมือของเต้ยถูกตรึงไว้กับพื้นปูนเย็นเฉียบทั้งสองข้าง ริมฝีปากร้อนบดขยี้ปากสีคล้ำของเขาจนบวมเจ่อ ไล่ลงมาขบกัดซอกคอขาวสะอาดฟันคมครูดไปตามผิวบอบบางทำเอาลมหายใจสะดุด
…………………………………………………………………….
เต้ย
พรึ่บ!
ร่างของผมลอยคว้างในอากาศหัวหมุนไปตามร่างกายใหญ่ของมันที่อุ้มผมเอาไว้ ใบหน้าหล่อที่เปียกไปด้วยเหงื่อกับกลิ่นร่างกายที่หอมโชยออกมา ผมแผ่ตัวนอนลงราบกับเตียงนุ่มโดยมีมันคร่อมทับเอาไว้ทั้งตัว คงปฏิเสธไม่ได้ว่าผมกำลังสมยอมและยินดีจะมอบร่างกายนี้ให้มันเพียงคนเดียว
“อึก…อ้าส์…” มือหัวผมจับหัวทุยของมันเอาไว้ก้มลงมองมันสลับกับแหงนหน้าสูดปาก ปลายน้ำที่ปริ่มมันดูดกลืนเข้าไปเหมือนอาหารรสโปรดที่ละเมียดละไมเลียอย่างอ่อนโยน กลีบปากสีชมพูเปิดออกกว้างกลืนกินส่วนแข็งขืนของผมเข้าไปเกือบหมด มีมือทั้งสองข้างที่ช่วยรูดรั้งส่วนที่เหลือ
“จ๊วบ ๆ ๆ อื้อ~” เสียงหยาบโลนมันปลุกความต้องการของผมให้มีเพิ่มมากขึ้น ผมเกร็งเท้ากดลงกับผ้าปูหอบกระเส่าแทบจะลืมหายใจ สัมผัสเสียวซ่านมันพุ่งสูง ผมสะบัดหน้าไปมาทั้งกำมือทั้งยกตัวสูงขึ้นจนหลังแอ่น
“ซี๊ด…อึก….อ๊า ๆ ๆ ๆ” เสียงครางที่ส่งออกไปมันเกินขีดสุด ยิ่งปากร้อนรัวแรงลงมาผมเกร็งสะโพกส่งเข้าไม่หยุด จนในที่สุดสายธารสีขาวขุ่นก็พุ่งออกมาเลอะหน้าของคนเบื้องล่าง ผมปาหมอนใส่มันเมื่อใบหน้าหล่อทะเล้นมันยิ้มร้ายใช้นิ้วเขี่ยหัวแดงก่ำของผมจนเสียวไปทั้งสันหลัง
“พี่จะสาธิตวิธีฉีดยาให้ดูนะครับ เต้ยจะได้รู้ว่าเข็มพี่ดีขนาดไหน” มาถึงตรงนี้ผมก็นึกกลัวไม่ได้อยู่ดี ขนาดมันก็ไม่ใช่น้อย ๆ ถ้าเข้ามาทีก้นผมมันจะไม่ฉีดขาดเลยเหรอ
“มันเจ็บ…กูกลัว..”
“ไม่ต้องกลัวนะครับ พี่จะอ่อนโยนกับเต้ยที่สุด” คำพูดมันจะเชื่อถือได้แค่ไหน เคยได้ยินไอ้ฟางมันเล่าก็ไม่คิดว่าตัวเองจะมาเจอชะตากรรมเดียวกัน นึกดีใจที่ได้เป็นฝ่ายเข้าไปอยู่ในตัวมัน ไม่คิดว่าไอ้แซมมันจะตลบหลังเล่นร้ายคืน
ใบหน้าหล่อ ๆ มันซ่อนความร้ายกาจไว้เพียบ
ร่างกายของผมมันทรยศไม่ยอมทำตามอย่างที่ผมคิด กลับอ่อนโอนไปกับสัมผัสไอ้แซมเอาง่าย ๆ มือของมันลูบก้นขาวของผมที่ลอยโด่งแนบหน้าลงมาลงลิ้นเล่นกับลูกกลมสองก้อนที่ห้อยต่องแต่ง ผมกัดหมอนหน้าหันข้างควบคุมลมหายใจของตัวเอง ลิ้นร้อนลากผ่านขาพับด้านในมาวนรอบจีบรูเล็กของก้อนเนื้อขาวอวบอิ่ม ผมสะดุ้งเมื่อมันห่อลิ้นแยงลงไปข้างใน นิ้วเรียวแบะแก้มก้นของผมออกลมหายใจร้อนรินรดให้ผมรู้สึกใจเต้นรัว
“ชู่ว์~ อย่าเกร็งสิครับ” คำเตือนครั้งที่หนึ่งกระซิบบอกข้างหู ปากของมันพรมจูบทั่วทั้งแผ่นหลังของผมเป็นรอยจ้ำช้ำเล็ก ๆ เด่นเป็นดวง ผมสะอื้นขึ้นมาเมื่อรู้สึกเจ็บที่ช่องทางด้านหลัง นิ้วยาวของมันสอดเข้าไปจนสุดดึงเข้าออกให้คุ้นชินเพื่อรอสิ่งใหญ่กว่าเข้ามาแทนที่ จากหนึ่งเป็นสองและสามตามลำดับ ผมเริ่มขยับสะโพกตามการส่งเข้าออกที่ไอ้แซมมอบให้ นึกใจหายเมื่อนิ้วยาวหายไป
“อ๊ากกก!! เจ็บ…ไอ้เหี้ย! กูเจ็บ…” ผมกลั้นเสียงร้องไม่ไหวปล่อยออกมาพร้อมหยาดน้ำตาที่รินไหลลงบนสองแก้ม ไหนมึงบอกว่าไม่เจ็บมากไงวะ อะไรที่มึงเรียกว่าอ่อนโยน
“อดทนหน่อยนะเต้ย พี่ขอเข้าแค่อีกครั้งเดียวก็จะหมดแล้ว พี่จะไม่ทิ้งเต้ยนะครับ พี่…รัก…รักเต้ยนะ”
“ตอนจะเอากูก็พูดแบบนี้ อึก เจ็บชิบหาย แสบว่ะ”
“ก่อนหน้านี้พี่ก็พูดไปแล้วนะครับ เป็นเมียพี่แล้ว พี่จะบอกแม่เรื่องของเรา เต้ยจะได้มั่นใจว่าพี่ไม่ทิ้งเต้ย” ผมร้องขึ้นมาอีกครั้งเมื่อมันดันตัวเองเข้ามาจนสุด ทั้งจุกทั้งเสียวปะปนกันไปหมด
“กู…” ผมหอบหายใจถี่ เรี่ยวแรงถูกดูดกลืนไปจนหมด “เชื่อมึง…” สิ่งที่ผมพูดออกไปมันก็เหมือนเป็นคำสัญญาว่าผมจะอยู่กับมันเช่นกัน ท่าทางมันจะดีใจหนักเล่นซอยส่วนร่างถี่ยิบไม่คิดจะให้ผมได้ปรับตัวสักนิด
ปึก ปึก ปึก
กล้ามเนื้อกับแรงกำลังของมันส่งผ่านร่างกายของผมให้รองรับทุกอย่างที่มันกำลังมอบให้ ตัวของผมพลิกแนบหลังไปกับเตียงสองข้างยกพาดคอมันเอาไว้ สายตาของแซมมันร้อนแรงมองผมจนแทบจะจมหายไปกับเตียง แววตามุ่งมั่นที่ทอดมองมาทำผมเชื่อสนิทใจว่ามัน….รัก
………………………………………………………………..
ต้นข้าว
“มึงทำผิด ป๊อก! มองหนังสือไม่ได้ให้มองหน้ากู ป๊อก!” ผมดีดดินสอลงบนหน้าผากไอ้หล่อที่นอนเท้าคางอ่านหนังสือสอบ ผมนั่งพิงผนังห้องมือกดจอสี่เหลี่ยมเล่นเกมส์
“อยากกินป๊อกกี้ ป้อนกูหน่อยเมีย” ผมเหล่มองมันหยิบขนมแท่งยื่นส่งให้ อีกมือก็กดยิกบนจอใกล้จะชนะ
“วางจอแล้วมาป้อนกูหน่อยเมียยย~” มันโวยวายปากยังคาบแท่งขนมไว้ในปาก
“มึงก็เคี้ยวไปสิ กูจะเล่นเกมส์”
“…”
“หล่อ” ผมลองเรียกมันสายตาก็เหลือบไปมองแวบนึง เพทายซบหน้ากับแขนตัวเองนอนเอียงไปหน้าไปอีกด้าน
“กูไม่อ่านแล้วหนังสือ มึงไม่สนใจกู มึงสนใจเกมส์มากกว่ากู”
“ขี้งอนว่ะ” ผมว่ามันออกมาใบหน้ายิ้ม มือวางโทรศัพท์ลงไปตบแก้มมันให้หันมา เพทายอมยิ้มหันมาเก๊กหน้าขรึม
“อะไร มาแตะต้องเนื้อตัวเค้า เป็นผู้ชายยังไงเนี่ย”
“ลีลาจัง เอ้า แดก ๆ เข้าไป กูป้อนครับ” ผมหยิบขนมยื่นส่งให้มันจ่อปากเลยแหละ คุณชายเขาก็ยิ้มแป้นงับนิ้วผมกัดไม่ปล่อย
“มึงเป็นหมาเหรอหล่อ กูเจ็บ” ฟันมันก็คมกัดเข้ามาได้
“อยากเอาเมีย” เพทายส่งสายตาอ้อน ผมผลักหน้ามันออกก้มมองดูนิ้วตัวเองที่เป็นรอยซี่ฟัน
“เป็นรอยเลยมึง” ผมแบะปากแยกเขี้ยวใส่
“ต้นข้าวครับ เพทายอยากแล้วอ่า เอาก่อนค่อยอ่านต่อได้ไหม”
“มึงอย่ามาอู้ อ่านไปเลย หื่นให้รู้เวลาบ้าง” ผมดุ เพทายกลิ้งตัวมานอนหนุนตักคนรักมือหยิบหนังสือยกกางอออ่าน แต่สอดไส้โทรศัพท์เอาไว้กดเลื่อนเล่น
…………………………………………………………….
เพทาย
แฟนที่ดีต้องคิดยังไงก็พูดออกไป
“เมีย กูอยาก” ผมพูดกับต้นข้าวตรง ๆ มันบิดหูผมจนแดง ผมลูบหูตัวเองปากยื่นงอน ๆ ไม่เห็นมันจะเข้าท่าเลย ผ่าน ๆ เว้ย
เข้าใจซึ่งกันและกัน ข้อนี้มันทำยังไงวะ
“เมื่อยไหมเมีย?” ผมบีบต้นขาขาวของมันนวดให้เบา ๆ
“อ่านหนังสือไป มึงเป็นอะไรวะหล่อ” โดนด่ากลับมาอีกกู ขอนี้ก็ผ่าน
เป็นกำลังใจให้ อืม ข้อนี้แหละ
“ต้นข้าว เหลือสอบอีกหลายวันมึงต้องทำให้ได้นะ กูเป็นกำลังใจให้” ผมพูดเสียงนุ่มคิดว่าที่มันเงียบคงจะเขิน พอเงยมองหน้าดูใบหน้าเมียผมมันจ้องอยู่กับเกมส์ ผมลุกพรวด
“เมีย! มึงไม่ฟังกู” ต้นข้าวหันหน้ามาทำหน้างง
“เมื่อกี้มึงพูดอะไรนะ” ผมทึ้งหัวตัวเอง ทำไมเป็นแฟนที่ดีมันทำยากจังวะ ต้นข้าวแกล้งทำหน้าไม่เข้าใจแต่ข้างในมันพองโตเมื่อเข้าใจกับสิ่งที่คนรักทำ ก็อยากจะแกล้งมันบ้าง
“จุ๊บ! ครับ กูได้ยินแล้ว มึงเองก็ต้องตั้งใจสอบเพื่อเรานะ อ่านหนังสือได้แล้ว กูเห็นนะแอบเล่นโทรศัพท์”
เพทายฉีกยิ้มกว้างกอดคอเมียนอนกลิ้งบนตักนุ่มตั้งใจอ่านหนังสือจริง ๆ จัง ๆ ต้นข้าวลูบผมนิ่มของคนรักนัยน์ตาเปี่ยมไปด้วยความสุข
TBC.
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
6.4 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
4.8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
5.4 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ