แรดชิบหาย เมียอย่างมึง!
5.5
เขียนโดย LemonNest
วันที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2558 เวลา 21.06 น.
42 chapter
66 วิจารณ์
54.42K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2558 21.17 น. โดย เจ้าของนิยาย
31) ตอนที่ 30 (100%)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความตอนที่ 30
เพทาย
ผมกลับมาจากค่ายได้หนึ่งวันก็ต้องเผชิญกับปัญหาใหญ่ อย่าลืมว่าผมกับป๋ามีข้อตกลงอะไรกันไว้ ถึงจะเคลียร์กับพี่ชายต้นข้าวได้แต่ยังมีอีกสองคนที่ยังไม่ยอมลงให้ผมง่าย ๆ จะใครล่ะ…
ก็ไอ้เฮียเพลงที่มันจ้องเมียผมทุกวินาทีไง!
“อะไรกัน แค่สิบวันก็ทนไม่ได้งั้นเหรอ อ่อนว่ะ” อย่าให้ถึงตาเฮียบ้างแล้วกัน ฮึ่ม ผมเข่นเขี้ยวอยู่ในใจ
“ป๋า เพไม่อยากแยกกับเมียแล้วนะ ปล่อยเพไปเหอะนะครับ” ผมลงทุนคุกเข่ากอดขาป๋า ทุเรศตัวเองจังวะ
“ไม่ได้ ถ้าจะทำอะไรก็ต้องทำให้ถึงเป้าหมาย ยิ่งช่วงนี้แกเอาแต่เล่นไม่สนใจเรียน ป๋าคงปล่อยไม่ได้”
เล่นตรงไหนวะ มีแต่ติดเมียจนไม่ทำการบ้าน
“น้องติดเมียมากกว่าเพลงว่า เอาต้นข้าวมาอยู่กับเพลงก็ได้นะป๋า เพลงจะดูแลอย่างดี”
“เฮียเพลงอย่ามายุ่งกับเมียคนอื่นได้ไหม ไปหาอิหนูเฮียไป” ช่วงนี้เฮียเพลงเปลี่ยนเด็กโคตรบ่อย ผมหวังว่าจะเจอคนที่เอาเฮียอยู่สักคน จะได้มาต้องมายุ่งกับของน้อง
“เลิกเถียงกันได้แล้ว เอาเป็นว่าตามนี้นะ เกรดออกมาไม่ถึงก็เตรียมตัวไปเรียนต่อเมืองนอกได้เลย เฮียติดต่อปู่ไว้แล้ว”
“ไม่ไป! เพไม่ไปอยู่กับปู่ เพไม่แยกกับเมียด้วย ยังไงก็ไม่!!” ผมโคตรอารมณ์เสียเดินปึงปังออกมาจากห้อง หยิบโทรศัพท์ต่อสายหาต้นข้าวระบายความทุกข์ในใจ
“เมีย วันนี้เค้าไปนอนด้วยนะ เค้าเอาการบ้านไปทำด้วย ไม่เกเรครับ” ผมเสียงอ่อนเสียงหวาน ได้ยินเสียงเมียแล้วชื่นใจ
“ครับ ๆ สิบนาทีถึง” เมื่อเมียบอกว่าได้รออะไรล่ะครับ โกยทุกอย่างใส่กระเป๋าแบกขึ้นบ่าเดินผ่านหน้าเฮียเพลงไปอย่างไม่สนใจเสียงเรียก
“หนีไปนอนร้องไห้กับต้นข้าวอีกแล้วไง ติดเมีย”
“ยังดีกว่าเฮียอะ ไม่มีเมียให้ติด ที่ไม่ยอมนี่คืออิจฉาเพก็บอกมาเหอะ” ผมเยาะเย้ย ไม่รู้จักคบใครจริงจังสักคน
“ก็น่าอิจฉาอยู่หรอก ต้นข้าวน่ารักนิสัยดีซะขนาดนั้น หึ ไว้ว่าง ๆ เฮียไปหาต้นข้าวบ้างดีกว่า”
“เฮียเพลง! ไว้เพจะหาเมียให้ อย่ามายุ่งกับของคนอื่นได้ไหม”
“ก็ต้นข้าวถูกใจเฮีย”
“แต่เพไม่ให้ ถ้าเฮียมีเมียนะ ขอให้เจ้าชู้ติดดินเหมือนเฮียเลย เอาให้เฮียปวดหัววันละหลาย ๆ รอบ” เฮียเพลงนั่งกระดิกเท้าเอานิ้วแหย่หู เหมือนที่ผมพูดเป็นเรื่องไร้สาระ
“เฮียซะอย่าง ปราบทีก็ร้องเหมียว ๆ แล้ว” ทำเป็นพูดดี ผมแบะปากใส่เดินออกมาขึ้นรถที่จอดนิ่งอยู่ใต้หลังคา คิดถึงเมียทุกวินาที ผมต้องเป็นโรคติดเมียแน่เลย แย่ล่ะ
………………………………………………
เพลง
หลายวันมานี่งานผมเข้ามาไม่หยุด ไหนจะต้องแวะเวียนพาเฮียพีชไปหาหมออีก แต่ผมโคตรเต็มใจครับ เพราะที่โรงพยาบาลมีคนที่ผมอยากจะเจออยู่ และยังไม่มีโอกาสเจอสักที
“คุณพลากร สวรรยาค่ะ” เสียงพยาบาลเรียกให้เข้าไปในห้องเมื่อถึงคิวตัวเอง วันนี้อาหมอไม่ว่างผมเลยต้องพามาโรงพยาบาลอื่นแทน เห็นว่าคนนี้เป็นลูกชายของอาหมอที่ไม่อยากใช้เส้นพ่อทำงาน จึงไปแยกทำของตัวเองอีกที่
“เพลง เขาเรียกเฮียแล้ว” ผมมัวแต่เหม่อคิดจินตนาการของลูกชายอาหมอจนมือเฮียมาสะกิดให้หลุดจากภวังค์ ผมประคองเฮียเดินเข้าไปในห้อง
“รอสักครู่นะคะ คุณหมอกำลังจะมา” ผมพยักหน้าให้กวาดตามองไปรอบ ๆ
“คนนี้จะใช่ซัมเมอร์ ลูกชายอาหมอรึเปล่าเพลง?”
“ก็ไม่รู้สิครับ”
“อยากเห็นหน้าจังเลย เฮียว่าคงหล่อและเก่งแบบอาหมอ เสียดาย…เฮียมองไม่เห็น” เสียงของเฮียพีชเศร้าลง ผมลูบหลังปลอบใจ
“ไม่กี่เดือนก็หายแล้วเฮีย อย่าคิดมากครับ”
แกร๊ก
“ขอโทษที่ทำให้รอครับ พอดีผมไปเอาประวัติจากพ่อมา คุณพีชไม่ต้องกังวลนะครับ” เสียงทุ้มเข้มเอ่ยมาจากด้านหลัง ผมกันไปมองสบตาเข้ากับอีกคนเข้าพอดี เราจ้องตากันเพียงไม่กี่วินาทีคนมาใหม่ก็เป็นเป็นฝ่ายละสายตาออก
“พี่ไม่เป็นอะไร พี่เชื่อฝีมือนาย”
“ชมแบบนี้ผมก็เขินแย่ งั้นเรามาเริ่มตรวจกันก่อนดีกว่า ยังไงรบกวนญาติคนไข้ไปนั่งเก้าอี้ที่พักด้วยครับ”
ผมไหวไหล่ลุกขึ้นไปนั่งเก้าอี้อีกตัว ใบหน้าคมมีเล่ห์เหลี่ยมมันตรึงใจจนหยุดจะมองไม่ได้ สายตาร้ายของพยัคฆ์ไล่มองใบหน้าไล่มาลำคอเลียริมฝีปากอยากจะขย้ำจนตัวสั่น ไม่เคยถูกใจใครขนาดนี้ อยากจะกัด ขบ และขยี้ให้ร้องครางดัง ๆ และเหมือนสิ่งที่ผมคิดมันจะแสดงออกมาทางกลางกายที่นูนออก
แค่อยู่ใกล้ก็มีอารมณ์ นายมันต้องเป็นพ่อมดร้ายแปลงตัวมาแน่ ๆ
“เฮียพีช เพลงไปเข้าห้องน้ำก่อนนะครับ” ทนมองต่อไปไม่ไหว ผมเดินไปใกล้เฮียพีชโน้มหน้าลงพูด หันหน้ามาอีกทางยื่นหน้าเข้าไปใกล้ซัมเมอร์
แค่ชื่อก็รู้สึกร้อน
“ผมฝากเฮียด้วยนะครับคุณหมอ” ซัมเมอร์จ้องตากลับไม่เกรงกลัวเสือโคร่งที่กำลังเข้าใกล้เยื่อทีละนิด
“ครับ”
ผมอยากจะขย้ำกินไม่ให้เหลือแม้แต่กลิ่นเลือด!!
ร่างสูงใหญ่ของเพลงเดินดุ่มออกไปไม่ลืมจะหันกลับมามองใบหน้าของซัมเมอร์ที่เงยมองผ่านเลยพีชมายังคนที่อยู่หน้าประตู เหมือนมีกระแสไฟบางอย่างวิ่งวนอยู่รอบ ๆ ตัวทั้งคู่ ผมพ่นลมหายใจออกมาระบายความอึดอัดทั้งใจและกาย รอช้าไม่ได้ ขอแต่อย่าเผลอเถอะ ผมจ้องจะเสียบทันที
…………………………………………………………..
30%
แซม
ผมยืนรดน้ำต้นไม้อยู่หน้าบ้าน วันนี้เต้ยจะมาบ้านกับพ่อแม่ผมก็อารมณ์ดีเป็นพิเศษ แม่ผมเป็นคนชวนบ้านเต้ยมาเองแหละครับ เห็นว่าจะนาน ๆ ทีจะได้หยุดยาว เสียงออดหน้าบ้านดังเรียกความสนใจ ผมปิดน้ำเดินไปเปิดประตู
“สวัสดีครับ” ผมยกมือไหว้พ่อแม่เต้ย พวกท่านยิ้มแย้มแทรกตัวเข้ามาด้านใน ตอนนี้เราก็พากันนั่งเล่นไปคุยไประหว่างรอแม่ทำอาหาร
“ยังสุภาพไม่เปลี่ยนเลยนะ ปีไหนแล้วเรา?”
“สามครับ คุณน้าสบายดีนะครับ?”
“จ้า น้าก็สบายดี คิดว่าปิดเทอมนี้จะพาเต้ยกลับไปอยู่กับย่าสักเดือน เจ้าตัวยังไม่รู้ว่าไงเลย” เต้ยจะกลับไปตั้งเดือนเลยเหรอ ผมสบตากับเต้ย
“แม่ก็ เต้ยยังไม่ทันตอบอะไรเลยนะครับ ปิดเทอมทั้งที่ขอยู่เที่ยวนี่แล้วกันครับ” ผมยิ้ม
“ยังไงกันเจ้าเต้ย ไม่ได้ไปเยี่ยมย่าหลายปีแล้วนะ” พ่อเต้ยพูดขึ้นกลบความดีใจของผมจนมิด
“แซม เข้ามาช่วยแม่ยกอาหารหน่อยลูก”
“ครับแม่” ผมตะโกนบอกไป เต้ยเลื่อนเก้าอี้ออกลุกขึ้นเดินตามมาสมทบ
“รบกวนหน่อยนะจ๊ะ คนแก่แล้วก็อย่างนี้แหละ” เต้ยเดินไปกอดเอวแม่ผม
“คุณน้าไม่เห็นจะแก่เลยครับ ยังเต่งตึงอยู่เลย”
“ปากหวานนะเรา ไม่เหมือนพี่แซมหรอก รายนั้นชอบพูดอะไรตรง ๆ บอกว่าน้าแก่แล้วให้อยู่เฉย ๆ”
“ก็แม่กระดูกข้อเข่าไม่ค่อยดีนะครับ เดินบ่อยไปจะแย่เอา” ผมยกมือรับถ้วยอาหารมาวางบนมือทั้งสองข้าง
“ออกกำลังกายวันละนิดไงพี่แซม พอ ๆ แม่ไม่คุยกับเราแล้ว ว่าแต่เต้ยปิดเทอมไปบ้านน้าไหม บรรยากาศดีนะ” ไม่ใช่แค่เต้ยหรอกครับ ผมเองก็ต้องกลับไปบ้านยายเพื่อไปเยี่ยมเยียนท่านบ้าง เท่ากับว่าเราจะไม่ได้เจอกันตลอดปิดเทอมเลย
“คุณน้ากับซะ…พี่แซม ไม่ได้อยู่บ้านเหมือนปีที่แล้วเหรอครับ?”
“จ๊ะ น้าว่าจะกลับไปดูบ้านเสียหน่อย ถึงจะมีลูกหลานคอยดูแล แต่น้าก็อยากกลับไปเยี่ยมแม่บ้าง ไปด้วยกันไหมล่ะ?”
“เต้ยเองก็ต้องกลับไปเยี่ยมย่าครับ”
“เสียดายจังนะ พี่แซมชวนน้องช้าไป” ผมโดนแม่ดุให้ เรายกอาหารออกมาตั้งบนโต๊ะ
“รอนานไหมคะพี่ตาล พอดีมัวแต่ชวนเด็ก ๆ คุยเพลิน” แม่ผมนั่งลงข้างน้าตาลแม่ของเต้ย ถัดไปก็เป็นพ่อเต้ย ผมกับเต้ยนั่งติดกันตรงข้ามกับผู้ใหญ่สามคน
“ไม่นานหรอกค่ะ ว่าจะเข้าไปช่วยยกแต่กระดูกคุณพี่ก็ไม่ค่อยดี มะรืนจะไปหาหมออยู่”
“ผมให้ไปวันนี้คุณก็ไม่ยอม” พ่อเต้ยเอ่ยขึ้น
“ก็ตาลนัดซินไว้แล้วจะให้ผิดนัดหรือไงคะ ทานเสร็จแล้วเราไปทำของหวานกันนะคะคุณน้อง”
“น้องก็ว่าจะชวนพี่ตาลทำเค้กอยู่ วันนี้น้องให้ลูกชายไปซื้อของมาพร้อมเลยค่ะ”
“ผมอ้วนจะแย่แล้วนะซิน ขอบายนะครับของหวาน”
“แล้วเต้ยล่ะจ๊ะ เอาด้วยไหม?” เมื่อเต้ยที่กำลังนั่งเงียบเจอซินถาม เงยหน้าขึ้นตอบ
“ครับ? ไม่ดีกว่า ช่วงนี้น้ำหนักขึ้นง่าย” ผมแอบกลั้นขำ เต้ยหันมามองเตะเข้าที่ขาข้างซ้ายเต็มแรง
“ผู้ชายบ้านนี้กลัวอ้วนกันหรือยังไง แล้วแซมล่ะลูก เอากับเขาด้วยไหม?” ผมยิ้มเอ่ยตอบ
“ครับ ผมชอบของหวาน”
“น่ารักจริงนะลูกชายซิน ไม่กลัวอ้วนเสียด้วย จะว่าไปทั้งหล่อทั้งเรียนหมอ สาว ๆ คงเยอะ มีแฟนยังล่ะจ๊ะ?” ทั้งผมและเต้ยหยุดมือที่จับช้อนนิ่งค้างไป
“มีแล้วครับ”
“ตายจริง ถ้าไม่รีบมีว่าจะเอาเจ้าเต้ยส่งพานให้สักหน่อย เด็กยิ้มง่ายแบบแซมน่าจะเข้ากันได้ดีกับลูกชายน้า”
“แม่ครับ” เสียงเต้ยเข้มขึ้น
“ฮ่า ๆ ส่งมาสิครับ ถ้าส่งมาผมก็จะรับเอาไว้ ไม่คืนด้วยนะครับ” ผมพูดจริงจังแต่น้ำเสียงล้อเล่น แม่ของผมเองก็รู้เรื่องนี้อยู่ก่อนแล้ว
“ว่าไงเต้ย อย่างพี่แซมใช่หรือยัง หล่อแบบนี้ปล่อยให้หลุดมือเสียดายแย่”
“แม่ครับ” เต้ยเสียงอ่อน “อาหารเย็นหมดแล้วนะ ทานกันเถอะครับ” ผู้ใหญ่สามคนส่งสายตาให้กัน ผมตักข้าวส่งให้จนครบทุกคน และเราก็เริ่มทานข้าวเย็นกันหลังจากคุยเล่นได้สักพัก
……………………………………………………………
เต้ย
ซ่า ซ่า
ผมบีบโยกจมูกรู้สึกเคืองตั้งแต่ช่วงเย็น หลายวันมานี้ตากฝนเป็นว่าเล่น ยาเม็ดเล็กผมก็เกลียดแสนเกลียด ต้องพยายามไม่จามต่อหน้าพ่อแม่ ไม่งั้นพวกท่านจะต้องบังคับให้ผมไปหาหมอแน่นอน
“ไม่เบื่อรึไงมายื่นเมื่อยรดน้ำต้นไม้อยู่คนเดียว” ผมเดินมาทางด้านหลังบ้านปล่อยให้ผู้ใหญ่เขาคุยกัน เมื่อมองไม่เห็นแซมผมก็ลองเดินมาทางนี้ดู แล้วก็เจอร่างสูงหันหลังรดน้ำต้นไม้อยู่
“เต้ย มายื่นทำอะไรเงียบ ๆ พี่ตกใจหมด” มันสะดุ้งเมื่อผมเริ่มพูด ก่อนจะหันมาแค่หน้ามือถือสายยาง
“จะให้กูตะโกนแหกปากมารึไง” ผมนั่งบนเก้าอี้ที่ทำด้วยหินอ่อน เท้าคางตอบใบหน้ายกยิ้มให้เล็กน้อย
“ก็ไม่ใช่แบบนั้น ไหน ๆ ก็มาแล้ว มาช่วยพี่ลงดินใส่กระถางหน่อย พี่จะเอาต้นกล้ามาลงปลูก”
“หึ เป็นคุณหมอหล่อ รักษ์โลก บ้านรวย เรียนเก่ง สาว ๆ คงเยอะเนอะ” แซมปิดน้ำเดินมาหยุดยืนตรงหน้าของผม ผมเงยหน้าขึ้นเลิกคิ้วมองเส้นผมที่ลู่แนบไปกับโครงหน้ายาว
อยากจะดึงเทพบุตรอย่างนายมาลงนรกดูสักครั้งจัง
“ก็มีเยอะ แต่พี่ไม่สนใจ เพราะคนที่พี่สน…” แซมยื่นหน้าลงมาจมูกโด่งประชิดหน้าของผม “ก็อยู่ตรงหน้าพี่แล้วนี่ไง” ผมยักคิ้วให้
“ปากหวานแบบนี้สินะถึงได้ถึงมีแฟนคลับเยอะไปหมด จะทำยังไงดีนะ คู่แข่งเยอะไปหมด” ผมเปรยเล่น ๆ
“เต้ยครับ สิ่งที่คนอื่นเห็นกับสิ่งที่พี่เป็นมันก็อาจจะไม่ได้เหมือนกันไปซะหมด อย่างเช่น…พี่ชอบจูบเต้ย จุ๊บ!”
“มึงทำอะไร?!” ผมผลักอกมันออกมองซ้ายขวากลัวคนอื่นมาเห็น
“ทำในสิ่งที่คนอื่นไม่รู้ไงครับ สำหรับเต้ยพี่รุกมาได้แค่ยี่สิบเปอร์เซ็นเท่านั้น และพี่ก็จะเพิ่มไปเรื่อย ๆ เพื่อที่เต้ยจะรู้จักพี่มากขึ้น ๆ ไปอีก”
ผมคิดว่าเราจะมองคนแต่ภายนอกคงไม่รู้นิสัยของฝ่ายตรงข้ามได้ทั้งหมด เมื่อมันคิดจะรุกคนอย่างผม ผมก็จะรอดูว่ามันสามารถทำอะไรได้อีก เลิกคิดฟุ้งซ่านได้ผมก็มาช่วยมันลงดินกันได้สิบกว่ากระถาง แซมมันเอาต้นกล้าลงปลูกจัดวางสวยงาม
ฮัดเช้ย!
“ไม่สบาย?” แซมเอ่ยขึ้นยื่นมือมาวัดไข้ที่หน้าผาก ผมปัดมือมันออกหมุนตัวเดินกลับเข้าบ้าน
“คุณน้าครับ คืนนี้ให้เต้ยนอนนี้ได้ไหมครับ เต้ยไม่สบาย แล้วคืนนี้คุณน้าก็ไม่อยู่ด้วย” เจ้ากี้เจ้าการ ผมถลึงตาใส่เตรียมเปิดหูเจอแม่บ่นใส่
“ไม่สบายแล้วเงียบอีกแล้วนะเต้ย! งั้นน้าฝากพี่แซมด้วยแล้วกันนะจ๊ะ”
“แม่!” ผมตะโกนลั่น ถ้าขืนอยู่กับมันไม่พ้นโดนกรอกยาอีก ผมขมวดคิ้วยุ่ง
“พ่อว่าอยู่กับแซมก็ดีแล้ว เขาเรียนหมอมาน่าจะดูแลได้ดีกว่าพ่อแม่ ถ้าคืนนี้ไม่ติดงานพ่อก็จะดูแลเอง” ผมพ่นลมหายใจออกมา
“ครับ ๆ เต้ยอยู่ได้ พ่อแม่ไม่ต้องห่วงนะครับ”
“งั้นน้าฝากด้วยนะ รบกวนด้วยนะซิน”
“ไม่รบกวนเลยค่ะคุณพี่ ดีเสียอีก แซมจะได้มีเพื่อนคุย ลำพังอยู่กันแค่สองคนก็ไม่ค่อยได้คุยอะไรกัน”
“พรุ่งนี้ถ้ากลับถึงห้องแล้วโทรบอกแม่ด้วยนะเต้ย แม่ไปแล้วนะครับ”
“ครับ” ผมออกไปส่งพ่อแม่ที่หน้าบ้าน ทำหน้าเซ็งเมื่อกลับเข้ามาแล้วน้าซินขึ้นห้องนอนแล้ว ตอนนี้ผมจึงไม่ต้องไว้หน้าใครอีก
“กูโตแล้วดูแลตัวเองได้ มึงจะมาลำบากทำไม”
“พี่ไม่เห็นจะลำบากตรงไหน ตอนนี้ไปอาบน้ำก่อน พี่จะหายามาให้กิน” ผมไม่กินยา ยังไงก็ไม่
“แค่นี้กูไม่ตายหรอก ไม่ต้องกินยา แค่นอนพักก็คงหาย” ผมขึ้นบันไดมาจนสุดเลี้ยวเข้ามาในห้องของแซม เสื้อผ้าของผมมีแขวนอยู่สองสามชุด เมื่อก่อนถ้านอนมานอนค้างคงไม่ต้องคิดมากเหมือนตอนนี้
พรึ่บ
“นี่ผ้าห่ม พี่คิดว่าเต้ยคงไม่กล้าห่มกับพี่สักเท่าไหร่ ส่วนนี่ยา” ผมรับทั้งผ้าห่มและยามาไว้ในมือ กำเม็ดเล็กทิ้งลงข้างเตียง แกล้งกรอกน้ำตามเข้าปากเหมือนกลืนลงคอไปแล้ว
“อย่าคิดว่าพี่หันหลังให้แล้วจะไม่รู้ว่าเต้ยทิ้งยานะ หยิบมันขึ้นมาแล้วกินเดี๋ยวนี้” แซมหันกลับมาสั่ง
“กูไม่ใช่เด็ก! กินแล้วก็คือกินแล้ว จะนอน ปิดไฟด้วย” ผมล้มตัวลงนอน ชุดนอนสีฟ้ายับยู่ยี่เมื่อผมเผลอลงไม้ลงมือยับยั้งความโมโหในใจ
แรงยวบข้างตัวทำให้ผมรู้ว่ามีคนขึ้นมานอนด้วย แสงไฟบนหัวเตียงปิดลง ผมตะแคงข้างหันหน้าหนีจากอีกคนที่พลิกตัวมานอนซ้อนหลังมือโอบเอวของผมดึงเข้าไปใกล้
“ไอ้แซม! ไหนมึงบอกไม่นอนผ้าห่มเดียวกัน ออกไป กูอึดอัด” ผมดิ้นพล่านเหงื่อไหลออกมาคลายความร้อน
“เพิ่มความอบอุ่นให้ร่างกายไงครับ เต้ยไม่ชอบ…” ใบหูของผมชื้นแฉะไปด้วยน้ำลายของแซม ขาของผมหดเกร็งงอตัวเป็นกุ้งรู้สึกขนลุกซู่ “แต่พี่ชอบมาก แต่ถ้าอยากหายไว ๆ ต้องฉีดยานะครับ และเข็มของพี่ก็ดีเสียด้วย น่าจะลอง…”
“ไม่ลอง!! ออกไปได้แล้ว กูร้อน” ผมพลิกตัวมาประกบหน้าเข้าหามัน ยังไม่ทันจะอ้าปากไอ้แซมมันก็แทรกลิ้นเข้ามา ผมเบิกตากว้างไม่เคยเจอสายตาซ่อนร้ายของมันเล่นงานตรง ๆ และดูเหมือนมือมันจะไม่ได้หยุดแค่แผ่นหลังของผม ขาสองข้างของผมแยกออกมีขายาวของมันมาแทรกกลาง
“โตแล้ว…เสียตัวให้พี่ได้แล้วนะครับ พี่รอมานานจนจะ…รอไม่ไหว” ผมครางอือเมื่อเสียงมันแหบพร่าดึงสติผมให้ด่ำดิ่งลง ต้นคอของผมมีสัมผัสร้อนทาบทับลงมา
ก๊อก ๆ ๆ
“แซม! นอนกันรึยังลูก แม่เอาข้าวต้มร้อน ๆ มาให้กินก่อนนอน” เสียงน้าซินก้องเข้ามาให้ผมกลับมามีสติอีกครั้ง
“แม่นะแม่ ครับ! ผมยังไม่นอน” แซมหัวเสียเปิดไฟสะบัดผ้าห่มลุกไปเปิดประตู ผมยกมือทาบอกพ่นลมหายใจร้อนแทรกตัวหายเข้าไปใต้ผ้านวมผืนหนา
กูโตแล้วมันยังไงวะ! กูเสียซิงตั้งแต่สิบสามแล้วเว้ย!!
TBC.
มาเรื่อย ๆ ก่อนนะคะ เรื่องเฮียเพลงม่อนลงให้แน่นอน หลังจากเรื่องต้นข้าวใกล้จะจบ
ฝนตกน้ำท่วม อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อยมาก ดูแลสุขภาพกันด้วยนะจ๊ะ
SUMMER
'หน้าอย่างผมมันเป็นหมอบ้างไม่ได้เหรอครับ หรือสมัยนี้เขาเอาหน้าตารักษาคนไข้กัน'
'ขอโทษนะครับ ผมรักษาเฉพาะคน ไม่รักษาสัตว์!'
เพทาย
ผมกลับมาจากค่ายได้หนึ่งวันก็ต้องเผชิญกับปัญหาใหญ่ อย่าลืมว่าผมกับป๋ามีข้อตกลงอะไรกันไว้ ถึงจะเคลียร์กับพี่ชายต้นข้าวได้แต่ยังมีอีกสองคนที่ยังไม่ยอมลงให้ผมง่าย ๆ จะใครล่ะ…
ก็ไอ้เฮียเพลงที่มันจ้องเมียผมทุกวินาทีไง!
“อะไรกัน แค่สิบวันก็ทนไม่ได้งั้นเหรอ อ่อนว่ะ” อย่าให้ถึงตาเฮียบ้างแล้วกัน ฮึ่ม ผมเข่นเขี้ยวอยู่ในใจ
“ป๋า เพไม่อยากแยกกับเมียแล้วนะ ปล่อยเพไปเหอะนะครับ” ผมลงทุนคุกเข่ากอดขาป๋า ทุเรศตัวเองจังวะ
“ไม่ได้ ถ้าจะทำอะไรก็ต้องทำให้ถึงเป้าหมาย ยิ่งช่วงนี้แกเอาแต่เล่นไม่สนใจเรียน ป๋าคงปล่อยไม่ได้”
เล่นตรงไหนวะ มีแต่ติดเมียจนไม่ทำการบ้าน
“น้องติดเมียมากกว่าเพลงว่า เอาต้นข้าวมาอยู่กับเพลงก็ได้นะป๋า เพลงจะดูแลอย่างดี”
“เฮียเพลงอย่ามายุ่งกับเมียคนอื่นได้ไหม ไปหาอิหนูเฮียไป” ช่วงนี้เฮียเพลงเปลี่ยนเด็กโคตรบ่อย ผมหวังว่าจะเจอคนที่เอาเฮียอยู่สักคน จะได้มาต้องมายุ่งกับของน้อง
“เลิกเถียงกันได้แล้ว เอาเป็นว่าตามนี้นะ เกรดออกมาไม่ถึงก็เตรียมตัวไปเรียนต่อเมืองนอกได้เลย เฮียติดต่อปู่ไว้แล้ว”
“ไม่ไป! เพไม่ไปอยู่กับปู่ เพไม่แยกกับเมียด้วย ยังไงก็ไม่!!” ผมโคตรอารมณ์เสียเดินปึงปังออกมาจากห้อง หยิบโทรศัพท์ต่อสายหาต้นข้าวระบายความทุกข์ในใจ
“เมีย วันนี้เค้าไปนอนด้วยนะ เค้าเอาการบ้านไปทำด้วย ไม่เกเรครับ” ผมเสียงอ่อนเสียงหวาน ได้ยินเสียงเมียแล้วชื่นใจ
“ครับ ๆ สิบนาทีถึง” เมื่อเมียบอกว่าได้รออะไรล่ะครับ โกยทุกอย่างใส่กระเป๋าแบกขึ้นบ่าเดินผ่านหน้าเฮียเพลงไปอย่างไม่สนใจเสียงเรียก
“หนีไปนอนร้องไห้กับต้นข้าวอีกแล้วไง ติดเมีย”
“ยังดีกว่าเฮียอะ ไม่มีเมียให้ติด ที่ไม่ยอมนี่คืออิจฉาเพก็บอกมาเหอะ” ผมเยาะเย้ย ไม่รู้จักคบใครจริงจังสักคน
“ก็น่าอิจฉาอยู่หรอก ต้นข้าวน่ารักนิสัยดีซะขนาดนั้น หึ ไว้ว่าง ๆ เฮียไปหาต้นข้าวบ้างดีกว่า”
“เฮียเพลง! ไว้เพจะหาเมียให้ อย่ามายุ่งกับของคนอื่นได้ไหม”
“ก็ต้นข้าวถูกใจเฮีย”
“แต่เพไม่ให้ ถ้าเฮียมีเมียนะ ขอให้เจ้าชู้ติดดินเหมือนเฮียเลย เอาให้เฮียปวดหัววันละหลาย ๆ รอบ” เฮียเพลงนั่งกระดิกเท้าเอานิ้วแหย่หู เหมือนที่ผมพูดเป็นเรื่องไร้สาระ
“เฮียซะอย่าง ปราบทีก็ร้องเหมียว ๆ แล้ว” ทำเป็นพูดดี ผมแบะปากใส่เดินออกมาขึ้นรถที่จอดนิ่งอยู่ใต้หลังคา คิดถึงเมียทุกวินาที ผมต้องเป็นโรคติดเมียแน่เลย แย่ล่ะ
………………………………………………
เพลง
หลายวันมานี่งานผมเข้ามาไม่หยุด ไหนจะต้องแวะเวียนพาเฮียพีชไปหาหมออีก แต่ผมโคตรเต็มใจครับ เพราะที่โรงพยาบาลมีคนที่ผมอยากจะเจออยู่ และยังไม่มีโอกาสเจอสักที
“คุณพลากร สวรรยาค่ะ” เสียงพยาบาลเรียกให้เข้าไปในห้องเมื่อถึงคิวตัวเอง วันนี้อาหมอไม่ว่างผมเลยต้องพามาโรงพยาบาลอื่นแทน เห็นว่าคนนี้เป็นลูกชายของอาหมอที่ไม่อยากใช้เส้นพ่อทำงาน จึงไปแยกทำของตัวเองอีกที่
“เพลง เขาเรียกเฮียแล้ว” ผมมัวแต่เหม่อคิดจินตนาการของลูกชายอาหมอจนมือเฮียมาสะกิดให้หลุดจากภวังค์ ผมประคองเฮียเดินเข้าไปในห้อง
“รอสักครู่นะคะ คุณหมอกำลังจะมา” ผมพยักหน้าให้กวาดตามองไปรอบ ๆ
“คนนี้จะใช่ซัมเมอร์ ลูกชายอาหมอรึเปล่าเพลง?”
“ก็ไม่รู้สิครับ”
“อยากเห็นหน้าจังเลย เฮียว่าคงหล่อและเก่งแบบอาหมอ เสียดาย…เฮียมองไม่เห็น” เสียงของเฮียพีชเศร้าลง ผมลูบหลังปลอบใจ
“ไม่กี่เดือนก็หายแล้วเฮีย อย่าคิดมากครับ”
แกร๊ก
“ขอโทษที่ทำให้รอครับ พอดีผมไปเอาประวัติจากพ่อมา คุณพีชไม่ต้องกังวลนะครับ” เสียงทุ้มเข้มเอ่ยมาจากด้านหลัง ผมกันไปมองสบตาเข้ากับอีกคนเข้าพอดี เราจ้องตากันเพียงไม่กี่วินาทีคนมาใหม่ก็เป็นเป็นฝ่ายละสายตาออก
“พี่ไม่เป็นอะไร พี่เชื่อฝีมือนาย”
“ชมแบบนี้ผมก็เขินแย่ งั้นเรามาเริ่มตรวจกันก่อนดีกว่า ยังไงรบกวนญาติคนไข้ไปนั่งเก้าอี้ที่พักด้วยครับ”
ผมไหวไหล่ลุกขึ้นไปนั่งเก้าอี้อีกตัว ใบหน้าคมมีเล่ห์เหลี่ยมมันตรึงใจจนหยุดจะมองไม่ได้ สายตาร้ายของพยัคฆ์ไล่มองใบหน้าไล่มาลำคอเลียริมฝีปากอยากจะขย้ำจนตัวสั่น ไม่เคยถูกใจใครขนาดนี้ อยากจะกัด ขบ และขยี้ให้ร้องครางดัง ๆ และเหมือนสิ่งที่ผมคิดมันจะแสดงออกมาทางกลางกายที่นูนออก
แค่อยู่ใกล้ก็มีอารมณ์ นายมันต้องเป็นพ่อมดร้ายแปลงตัวมาแน่ ๆ
“เฮียพีช เพลงไปเข้าห้องน้ำก่อนนะครับ” ทนมองต่อไปไม่ไหว ผมเดินไปใกล้เฮียพีชโน้มหน้าลงพูด หันหน้ามาอีกทางยื่นหน้าเข้าไปใกล้ซัมเมอร์
แค่ชื่อก็รู้สึกร้อน
“ผมฝากเฮียด้วยนะครับคุณหมอ” ซัมเมอร์จ้องตากลับไม่เกรงกลัวเสือโคร่งที่กำลังเข้าใกล้เยื่อทีละนิด
“ครับ”
ผมอยากจะขย้ำกินไม่ให้เหลือแม้แต่กลิ่นเลือด!!
ร่างสูงใหญ่ของเพลงเดินดุ่มออกไปไม่ลืมจะหันกลับมามองใบหน้าของซัมเมอร์ที่เงยมองผ่านเลยพีชมายังคนที่อยู่หน้าประตู เหมือนมีกระแสไฟบางอย่างวิ่งวนอยู่รอบ ๆ ตัวทั้งคู่ ผมพ่นลมหายใจออกมาระบายความอึดอัดทั้งใจและกาย รอช้าไม่ได้ ขอแต่อย่าเผลอเถอะ ผมจ้องจะเสียบทันที
…………………………………………………………..
30%
แซม
ผมยืนรดน้ำต้นไม้อยู่หน้าบ้าน วันนี้เต้ยจะมาบ้านกับพ่อแม่ผมก็อารมณ์ดีเป็นพิเศษ แม่ผมเป็นคนชวนบ้านเต้ยมาเองแหละครับ เห็นว่าจะนาน ๆ ทีจะได้หยุดยาว เสียงออดหน้าบ้านดังเรียกความสนใจ ผมปิดน้ำเดินไปเปิดประตู
“สวัสดีครับ” ผมยกมือไหว้พ่อแม่เต้ย พวกท่านยิ้มแย้มแทรกตัวเข้ามาด้านใน ตอนนี้เราก็พากันนั่งเล่นไปคุยไประหว่างรอแม่ทำอาหาร
“ยังสุภาพไม่เปลี่ยนเลยนะ ปีไหนแล้วเรา?”
“สามครับ คุณน้าสบายดีนะครับ?”
“จ้า น้าก็สบายดี คิดว่าปิดเทอมนี้จะพาเต้ยกลับไปอยู่กับย่าสักเดือน เจ้าตัวยังไม่รู้ว่าไงเลย” เต้ยจะกลับไปตั้งเดือนเลยเหรอ ผมสบตากับเต้ย
“แม่ก็ เต้ยยังไม่ทันตอบอะไรเลยนะครับ ปิดเทอมทั้งที่ขอยู่เที่ยวนี่แล้วกันครับ” ผมยิ้ม
“ยังไงกันเจ้าเต้ย ไม่ได้ไปเยี่ยมย่าหลายปีแล้วนะ” พ่อเต้ยพูดขึ้นกลบความดีใจของผมจนมิด
“แซม เข้ามาช่วยแม่ยกอาหารหน่อยลูก”
“ครับแม่” ผมตะโกนบอกไป เต้ยเลื่อนเก้าอี้ออกลุกขึ้นเดินตามมาสมทบ
“รบกวนหน่อยนะจ๊ะ คนแก่แล้วก็อย่างนี้แหละ” เต้ยเดินไปกอดเอวแม่ผม
“คุณน้าไม่เห็นจะแก่เลยครับ ยังเต่งตึงอยู่เลย”
“ปากหวานนะเรา ไม่เหมือนพี่แซมหรอก รายนั้นชอบพูดอะไรตรง ๆ บอกว่าน้าแก่แล้วให้อยู่เฉย ๆ”
“ก็แม่กระดูกข้อเข่าไม่ค่อยดีนะครับ เดินบ่อยไปจะแย่เอา” ผมยกมือรับถ้วยอาหารมาวางบนมือทั้งสองข้าง
“ออกกำลังกายวันละนิดไงพี่แซม พอ ๆ แม่ไม่คุยกับเราแล้ว ว่าแต่เต้ยปิดเทอมไปบ้านน้าไหม บรรยากาศดีนะ” ไม่ใช่แค่เต้ยหรอกครับ ผมเองก็ต้องกลับไปบ้านยายเพื่อไปเยี่ยมเยียนท่านบ้าง เท่ากับว่าเราจะไม่ได้เจอกันตลอดปิดเทอมเลย
“คุณน้ากับซะ…พี่แซม ไม่ได้อยู่บ้านเหมือนปีที่แล้วเหรอครับ?”
“จ๊ะ น้าว่าจะกลับไปดูบ้านเสียหน่อย ถึงจะมีลูกหลานคอยดูแล แต่น้าก็อยากกลับไปเยี่ยมแม่บ้าง ไปด้วยกันไหมล่ะ?”
“เต้ยเองก็ต้องกลับไปเยี่ยมย่าครับ”
“เสียดายจังนะ พี่แซมชวนน้องช้าไป” ผมโดนแม่ดุให้ เรายกอาหารออกมาตั้งบนโต๊ะ
“รอนานไหมคะพี่ตาล พอดีมัวแต่ชวนเด็ก ๆ คุยเพลิน” แม่ผมนั่งลงข้างน้าตาลแม่ของเต้ย ถัดไปก็เป็นพ่อเต้ย ผมกับเต้ยนั่งติดกันตรงข้ามกับผู้ใหญ่สามคน
“ไม่นานหรอกค่ะ ว่าจะเข้าไปช่วยยกแต่กระดูกคุณพี่ก็ไม่ค่อยดี มะรืนจะไปหาหมออยู่”
“ผมให้ไปวันนี้คุณก็ไม่ยอม” พ่อเต้ยเอ่ยขึ้น
“ก็ตาลนัดซินไว้แล้วจะให้ผิดนัดหรือไงคะ ทานเสร็จแล้วเราไปทำของหวานกันนะคะคุณน้อง”
“น้องก็ว่าจะชวนพี่ตาลทำเค้กอยู่ วันนี้น้องให้ลูกชายไปซื้อของมาพร้อมเลยค่ะ”
“ผมอ้วนจะแย่แล้วนะซิน ขอบายนะครับของหวาน”
“แล้วเต้ยล่ะจ๊ะ เอาด้วยไหม?” เมื่อเต้ยที่กำลังนั่งเงียบเจอซินถาม เงยหน้าขึ้นตอบ
“ครับ? ไม่ดีกว่า ช่วงนี้น้ำหนักขึ้นง่าย” ผมแอบกลั้นขำ เต้ยหันมามองเตะเข้าที่ขาข้างซ้ายเต็มแรง
“ผู้ชายบ้านนี้กลัวอ้วนกันหรือยังไง แล้วแซมล่ะลูก เอากับเขาด้วยไหม?” ผมยิ้มเอ่ยตอบ
“ครับ ผมชอบของหวาน”
“น่ารักจริงนะลูกชายซิน ไม่กลัวอ้วนเสียด้วย จะว่าไปทั้งหล่อทั้งเรียนหมอ สาว ๆ คงเยอะ มีแฟนยังล่ะจ๊ะ?” ทั้งผมและเต้ยหยุดมือที่จับช้อนนิ่งค้างไป
“มีแล้วครับ”
“ตายจริง ถ้าไม่รีบมีว่าจะเอาเจ้าเต้ยส่งพานให้สักหน่อย เด็กยิ้มง่ายแบบแซมน่าจะเข้ากันได้ดีกับลูกชายน้า”
“แม่ครับ” เสียงเต้ยเข้มขึ้น
“ฮ่า ๆ ส่งมาสิครับ ถ้าส่งมาผมก็จะรับเอาไว้ ไม่คืนด้วยนะครับ” ผมพูดจริงจังแต่น้ำเสียงล้อเล่น แม่ของผมเองก็รู้เรื่องนี้อยู่ก่อนแล้ว
“ว่าไงเต้ย อย่างพี่แซมใช่หรือยัง หล่อแบบนี้ปล่อยให้หลุดมือเสียดายแย่”
“แม่ครับ” เต้ยเสียงอ่อน “อาหารเย็นหมดแล้วนะ ทานกันเถอะครับ” ผู้ใหญ่สามคนส่งสายตาให้กัน ผมตักข้าวส่งให้จนครบทุกคน และเราก็เริ่มทานข้าวเย็นกันหลังจากคุยเล่นได้สักพัก
……………………………………………………………
เต้ย
ซ่า ซ่า
ผมบีบโยกจมูกรู้สึกเคืองตั้งแต่ช่วงเย็น หลายวันมานี้ตากฝนเป็นว่าเล่น ยาเม็ดเล็กผมก็เกลียดแสนเกลียด ต้องพยายามไม่จามต่อหน้าพ่อแม่ ไม่งั้นพวกท่านจะต้องบังคับให้ผมไปหาหมอแน่นอน
“ไม่เบื่อรึไงมายื่นเมื่อยรดน้ำต้นไม้อยู่คนเดียว” ผมเดินมาทางด้านหลังบ้านปล่อยให้ผู้ใหญ่เขาคุยกัน เมื่อมองไม่เห็นแซมผมก็ลองเดินมาทางนี้ดู แล้วก็เจอร่างสูงหันหลังรดน้ำต้นไม้อยู่
“เต้ย มายื่นทำอะไรเงียบ ๆ พี่ตกใจหมด” มันสะดุ้งเมื่อผมเริ่มพูด ก่อนจะหันมาแค่หน้ามือถือสายยาง
“จะให้กูตะโกนแหกปากมารึไง” ผมนั่งบนเก้าอี้ที่ทำด้วยหินอ่อน เท้าคางตอบใบหน้ายกยิ้มให้เล็กน้อย
“ก็ไม่ใช่แบบนั้น ไหน ๆ ก็มาแล้ว มาช่วยพี่ลงดินใส่กระถางหน่อย พี่จะเอาต้นกล้ามาลงปลูก”
“หึ เป็นคุณหมอหล่อ รักษ์โลก บ้านรวย เรียนเก่ง สาว ๆ คงเยอะเนอะ” แซมปิดน้ำเดินมาหยุดยืนตรงหน้าของผม ผมเงยหน้าขึ้นเลิกคิ้วมองเส้นผมที่ลู่แนบไปกับโครงหน้ายาว
อยากจะดึงเทพบุตรอย่างนายมาลงนรกดูสักครั้งจัง
“ก็มีเยอะ แต่พี่ไม่สนใจ เพราะคนที่พี่สน…” แซมยื่นหน้าลงมาจมูกโด่งประชิดหน้าของผม “ก็อยู่ตรงหน้าพี่แล้วนี่ไง” ผมยักคิ้วให้
“ปากหวานแบบนี้สินะถึงได้ถึงมีแฟนคลับเยอะไปหมด จะทำยังไงดีนะ คู่แข่งเยอะไปหมด” ผมเปรยเล่น ๆ
“เต้ยครับ สิ่งที่คนอื่นเห็นกับสิ่งที่พี่เป็นมันก็อาจจะไม่ได้เหมือนกันไปซะหมด อย่างเช่น…พี่ชอบจูบเต้ย จุ๊บ!”
“มึงทำอะไร?!” ผมผลักอกมันออกมองซ้ายขวากลัวคนอื่นมาเห็น
“ทำในสิ่งที่คนอื่นไม่รู้ไงครับ สำหรับเต้ยพี่รุกมาได้แค่ยี่สิบเปอร์เซ็นเท่านั้น และพี่ก็จะเพิ่มไปเรื่อย ๆ เพื่อที่เต้ยจะรู้จักพี่มากขึ้น ๆ ไปอีก”
ผมคิดว่าเราจะมองคนแต่ภายนอกคงไม่รู้นิสัยของฝ่ายตรงข้ามได้ทั้งหมด เมื่อมันคิดจะรุกคนอย่างผม ผมก็จะรอดูว่ามันสามารถทำอะไรได้อีก เลิกคิดฟุ้งซ่านได้ผมก็มาช่วยมันลงดินกันได้สิบกว่ากระถาง แซมมันเอาต้นกล้าลงปลูกจัดวางสวยงาม
ฮัดเช้ย!
“ไม่สบาย?” แซมเอ่ยขึ้นยื่นมือมาวัดไข้ที่หน้าผาก ผมปัดมือมันออกหมุนตัวเดินกลับเข้าบ้าน
“คุณน้าครับ คืนนี้ให้เต้ยนอนนี้ได้ไหมครับ เต้ยไม่สบาย แล้วคืนนี้คุณน้าก็ไม่อยู่ด้วย” เจ้ากี้เจ้าการ ผมถลึงตาใส่เตรียมเปิดหูเจอแม่บ่นใส่
“ไม่สบายแล้วเงียบอีกแล้วนะเต้ย! งั้นน้าฝากพี่แซมด้วยแล้วกันนะจ๊ะ”
“แม่!” ผมตะโกนลั่น ถ้าขืนอยู่กับมันไม่พ้นโดนกรอกยาอีก ผมขมวดคิ้วยุ่ง
“พ่อว่าอยู่กับแซมก็ดีแล้ว เขาเรียนหมอมาน่าจะดูแลได้ดีกว่าพ่อแม่ ถ้าคืนนี้ไม่ติดงานพ่อก็จะดูแลเอง” ผมพ่นลมหายใจออกมา
“ครับ ๆ เต้ยอยู่ได้ พ่อแม่ไม่ต้องห่วงนะครับ”
“งั้นน้าฝากด้วยนะ รบกวนด้วยนะซิน”
“ไม่รบกวนเลยค่ะคุณพี่ ดีเสียอีก แซมจะได้มีเพื่อนคุย ลำพังอยู่กันแค่สองคนก็ไม่ค่อยได้คุยอะไรกัน”
“พรุ่งนี้ถ้ากลับถึงห้องแล้วโทรบอกแม่ด้วยนะเต้ย แม่ไปแล้วนะครับ”
“ครับ” ผมออกไปส่งพ่อแม่ที่หน้าบ้าน ทำหน้าเซ็งเมื่อกลับเข้ามาแล้วน้าซินขึ้นห้องนอนแล้ว ตอนนี้ผมจึงไม่ต้องไว้หน้าใครอีก
“กูโตแล้วดูแลตัวเองได้ มึงจะมาลำบากทำไม”
“พี่ไม่เห็นจะลำบากตรงไหน ตอนนี้ไปอาบน้ำก่อน พี่จะหายามาให้กิน” ผมไม่กินยา ยังไงก็ไม่
“แค่นี้กูไม่ตายหรอก ไม่ต้องกินยา แค่นอนพักก็คงหาย” ผมขึ้นบันไดมาจนสุดเลี้ยวเข้ามาในห้องของแซม เสื้อผ้าของผมมีแขวนอยู่สองสามชุด เมื่อก่อนถ้านอนมานอนค้างคงไม่ต้องคิดมากเหมือนตอนนี้
พรึ่บ
“นี่ผ้าห่ม พี่คิดว่าเต้ยคงไม่กล้าห่มกับพี่สักเท่าไหร่ ส่วนนี่ยา” ผมรับทั้งผ้าห่มและยามาไว้ในมือ กำเม็ดเล็กทิ้งลงข้างเตียง แกล้งกรอกน้ำตามเข้าปากเหมือนกลืนลงคอไปแล้ว
“อย่าคิดว่าพี่หันหลังให้แล้วจะไม่รู้ว่าเต้ยทิ้งยานะ หยิบมันขึ้นมาแล้วกินเดี๋ยวนี้” แซมหันกลับมาสั่ง
“กูไม่ใช่เด็ก! กินแล้วก็คือกินแล้ว จะนอน ปิดไฟด้วย” ผมล้มตัวลงนอน ชุดนอนสีฟ้ายับยู่ยี่เมื่อผมเผลอลงไม้ลงมือยับยั้งความโมโหในใจ
แรงยวบข้างตัวทำให้ผมรู้ว่ามีคนขึ้นมานอนด้วย แสงไฟบนหัวเตียงปิดลง ผมตะแคงข้างหันหน้าหนีจากอีกคนที่พลิกตัวมานอนซ้อนหลังมือโอบเอวของผมดึงเข้าไปใกล้
“ไอ้แซม! ไหนมึงบอกไม่นอนผ้าห่มเดียวกัน ออกไป กูอึดอัด” ผมดิ้นพล่านเหงื่อไหลออกมาคลายความร้อน
“เพิ่มความอบอุ่นให้ร่างกายไงครับ เต้ยไม่ชอบ…” ใบหูของผมชื้นแฉะไปด้วยน้ำลายของแซม ขาของผมหดเกร็งงอตัวเป็นกุ้งรู้สึกขนลุกซู่ “แต่พี่ชอบมาก แต่ถ้าอยากหายไว ๆ ต้องฉีดยานะครับ และเข็มของพี่ก็ดีเสียด้วย น่าจะลอง…”
“ไม่ลอง!! ออกไปได้แล้ว กูร้อน” ผมพลิกตัวมาประกบหน้าเข้าหามัน ยังไม่ทันจะอ้าปากไอ้แซมมันก็แทรกลิ้นเข้ามา ผมเบิกตากว้างไม่เคยเจอสายตาซ่อนร้ายของมันเล่นงานตรง ๆ และดูเหมือนมือมันจะไม่ได้หยุดแค่แผ่นหลังของผม ขาสองข้างของผมแยกออกมีขายาวของมันมาแทรกกลาง
“โตแล้ว…เสียตัวให้พี่ได้แล้วนะครับ พี่รอมานานจนจะ…รอไม่ไหว” ผมครางอือเมื่อเสียงมันแหบพร่าดึงสติผมให้ด่ำดิ่งลง ต้นคอของผมมีสัมผัสร้อนทาบทับลงมา
ก๊อก ๆ ๆ
“แซม! นอนกันรึยังลูก แม่เอาข้าวต้มร้อน ๆ มาให้กินก่อนนอน” เสียงน้าซินก้องเข้ามาให้ผมกลับมามีสติอีกครั้ง
“แม่นะแม่ ครับ! ผมยังไม่นอน” แซมหัวเสียเปิดไฟสะบัดผ้าห่มลุกไปเปิดประตู ผมยกมือทาบอกพ่นลมหายใจร้อนแทรกตัวหายเข้าไปใต้ผ้านวมผืนหนา
กูโตแล้วมันยังไงวะ! กูเสียซิงตั้งแต่สิบสามแล้วเว้ย!!
TBC.
มาเรื่อย ๆ ก่อนนะคะ เรื่องเฮียเพลงม่อนลงให้แน่นอน หลังจากเรื่องต้นข้าวใกล้จะจบ
ฝนตกน้ำท่วม อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อยมาก ดูแลสุขภาพกันด้วยนะจ๊ะ
SUMMER
'หน้าอย่างผมมันเป็นหมอบ้างไม่ได้เหรอครับ หรือสมัยนี้เขาเอาหน้าตารักษาคนไข้กัน'
'ขอโทษนะครับ ผมรักษาเฉพาะคน ไม่รักษาสัตว์!'
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
6.4 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
4.8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
5.4 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ