แรดชิบหาย เมียอย่างมึง!

5.5

เขียนโดย LemonNest

วันที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2558 เวลา 21.06 น.

  42 chapter
  66 วิจารณ์
  54.42K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2558 21.17 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

29) ตอนที่ 28 (100%)

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

ตอนที่ 28

 

 

 

พีช

 

ในความมืดที่ผมได้รับมันเหมือนมีแสงสว่างเล็ก ๆ ที่ปลายทางคือต้นน้ำที่ยืนอยู่ คำชวนทำเรื่องอย่างว่ามันคืออะไรกัน น้ำต้องการทำแบบนั้นกับผมจริงหรือ บางทีผมอาจจะเข้าใจผิด

 

“ได้ไหม?  แค่ข้างนอก” ต้นน้ำไล้มือไปตามผิวเนียน โน้มหน้าเข้าไปใกล้ “นะ ได้ไหมครับ” เสียงนุ่มกระซิบแผ่ว

 

 “อะ อืม”

 

ผมกำลังใจเต้นรัวเมื่อริมฝีปากร้อนแนบลงมาบนซอกคอหอมกรุ่น จะทำยังไงดีในเมื่อตอนนี้ตัวผมทั้งสั่นและหนาว รู้สึกว่าแขนขามันช่างน่าเกะกะ ไม่มีตำแหน่งที่วาง หรือเพราะผมกำลังตื่นเต้นอยู่กันแน่นะ

 

“พีช” เสียงน้ำที่เรียกชื่อผมมันดังก้องอยู่ในหัว ในตอนนี้เขาจะทำหน้ายังไง จะแสดงออกมาเช่นไรเมื่อได้สัมผัสผม อยากจะลืมตาขึ้นมาดู แต่คิดอีกทีก็ไม่ดีกว่า เพราะผมคงจะต้องเขินและเผลอทำอะไรไม่ได้ออกไปแน่

 

อึก

 

 ความเคลื่อนไหวภายใต้อ่างน้ำกับมือร้อนที่ชักพาผมหลงไปในวังวนของผู้ชายที่ชื่อต้นน้ำ เขาสามารถทำให้ผมรู้สึกร่างกายอ่อนยวบเมื่อสิ่งที่เขาทำให้มันช่าง…สุดยอด ผมกัดฟันแน่นข่มทั้งความอายและความตื่นเต้น

 

 เสียงน้ำไหวเมื่อมีคนก้าวเข้ามาอยู่ภายในอ่างร่วมอีกคน ตอนนี้เขาอยู่ตรงไหนของอ่างกัน ผมส่ายหน้าไปทั่วเหมือนจะเห็นแต่ก็เปล่า ความสงสัยหยุดลง ต้นน้ำกำลังแทรกหน้าอยู่ระหว่างขาของผมไม่มีผิด เพราะสัมผัสอุ่นที่เกิดขึ้นกลางกายมันช่วยย้ำว่าสิ่งที่ผมคิดมันถูกต้อง

 

เหมือนปิดตามีเซ็กส์  เราไม่สามารถรู้ได้เลยว่าอีกคนคิดจะทำอะไร นอกจากการสัมผัสที่ไม่มีทิศทาง

 

 “มะ ไม่ไหว” ผมหายใจถี่มือกำขอบอ่างใบหน้าเชิดขึ้น เท้าสองข้างเกร็งจิกลงบนพื้นลื่นตัวลอยไปตามแรงดึงดูดของอีกฝ่าย น้ำกำลังทำให้ผมรู้สึกเหมือนได้ไปแตะขอบท้องฟ้าก่อนจะลอยตัวลงมานอนตุบบนพื้นหญ้าอย่างหมดแรง

 

“แฮ่ก ๆ ขอบคุณครับ” ผมผ่อนแรงลงเอ่ยขึ้นพร้อมฉีกยิ้มกว้าง แต่ก็ต้องสะดุ้งเมื่อมือของผมกำลังแตะโดนบางอย่างที่มีมืออีกคนกุมทับเอาไว้ให้สัมผัสมัน

 

“สบายคนเดียวมันไม่แฟร์เลยนะครับ พีชทำให้น้ำบ้าง”

 

“พีชมองไม่เห็น”

 

“ชู่ว์~ สัมผัสมันก็พอ วางมือสองข้างตรงนี้ แล้วทำมันให้น้ำ” เขาพูดมาได้หน้าตาเฉย แต่ผมโคตรจะเขินเลย ไอ้ความเย็นชาของเขามันหายไปไหนหมด หรือละลายหายไปเมื่อเห็นร่างกายขาวของผม

 

ผมทำตามอย่างว่าง่ายมือกำสิ่งใหญ่โตลูบคลำเหมือนที่น้ำทำให้ผมตอนแรก ไม่อยากจะคิดเลยว่าถ้าสักวันมันเข้าไปอยู่ในตัวผมมันจะเจ็บปวดขนาดไหน หรือผมจะไม่ยอมและเป็นฝ่ายรุกน้ำเอง เอาไว้ถึงตอนนั้นแล้วก็คงรู้เอง

 

 “ดะ ดีไหม?” ผมเริ่มไม่มั่นใจในตัวเองเมื่อเขาเงียบไป หรือกำลังไม่พอใจ ผมไม่เคยทำให้ใครนอกจากตัวเอง ต้นน้ำกำลังคิดยังไงนะ

 

“ซี๊ด~ ถามได้แต่มืออย่าหยุดสิครับ” ผมรีบสาวมือทำต่อ

 

คนบ้า ก็เห็นเงียบใครมันจะไปรู้ว่ากำลังฟินกัน

 

ผมเริ่มสนุกที่จะแกล้งต้นน้ำให้ได้ดิ้นพล่านเมื่อยามที่ผมทำให้เขาค้างติ่ง แต่คงเป็นกงกรรมกงเกวียนเพราะอีกฝ่ายก็เอาคืนผมอย่างเจ็บแสบเช่นกัน เขาได้เปรียบตรงที่สามารถมองเห็นหน้าผมได้ ต่างจากผมที่ได้ยินแค่เสียงและปฏิกิริยาที่ตอบสนองกลับมา

 

“หมอนัดไปตรวจอีกสองวันนะ แต่วันนั้นน้ำติดเทสย่อย จะให้เพลงมารับแทนแล้วกัน” ผมพยักหน้ารับ ต้นน้ำหยิบเสื้อผ้าขึ้นมาสวมให้พีชบังคับให้กางแขนออกทั้งสองข้าง

 

ผมไม่ใช่เด็กนะเว้ย

 

“ปะแป้งนอนด้วยเลยไหมล่ะ หึ” คำพูดที่พีชประชดประชันใส่มันน่ารัก ต้นน้ำก้มลงจูบปิดปากก่อนผละไปเอาแป้งมาทาให้อย่างที่ว่าจริง ๆ

 

ต้นน้ำกวนประสาท เขากำลังทำให้ผมจะเป็นบ้า

 

“อื้อ~ จับอะไร ไม่เอาไม่ทำแล้ว” ผมร้องครางปัดมือที่กำลังลูบไล้ส่วนนั้นออก กว่าจะได้ออกมาจากห้องน้ำก็เนิ่นนานจนเลยเวลาทานข้าวทานยา ขนาดผมมองไม่เห็นยังจะแกล้งอยู่เรื่อย

 

“นิดเดียวเอง” เสียงเจ้าเล่ห์พูดอ้อนกลับมา แต่ผมไม่ใจอ่อนหรอก

 

“ไม่เอา พีชยังไม่ได้กินข้าวเลยนะ ไหนจะยาอีกล่ะ”

 

“กินยาแล้วพีชก็จะหลับไงครับ ตอนนี้ยังไม่หลับก็…”

 

“ก็อะไร?” ผมถามเสียงเข้ม ถ้าทะลึ่งล่ะน่าดู

 

“ก็นิดเดียวไม่ได้เหรอครับ” แค่คำพูดยังโน้มน้าวไม่พอยังจะมาลูบไหล่ผมให้รู้สึกใจอ่อนไปอีก ผมเริ่มลังเล

 

“แต่พีชต้องกินยา”

 

“ไม่นาน สัญญา นะครับ นะ”

 

“ทำไมน้ำเป็นคนแบบนี้ พีชไม่คิดว่าน้ำจะ…”

 

“ก็เป็นเฉพาะกับพีชไงครับ หรือพีชจะให้น้ำไปเป็นกับคนอื่นด้วย” ผมเริ่มฉุนเมื่อคำพูดนั้นมันกระทบจิตใจเข้าอย่างจัง

 

“ก็ลองดูสิ พีชจะไม่กลับมาไทยอีกเลย”

 

“พีชจะหนีน้ำไปอีกแล้วรึไง…อืม งั้นพีชควรกินข้าวกินยาได้แล้วนะ” เสียงเขาดูเศร้า หรือผมพูดผิดไป ผมไม่ได้ตั้งใจ

 

“โกรธรึเปล่า?”

 

“….ไม่ครับ”

 

“ไม่ทำแล้วเหรอ?” ผมถามไปงั้น แล้วก็ต้องตกใจกับคำตอบกลับ

 

“ถ้าได้ก็เอา พีชยอมไหมล่ะ? แต่ถ้าไม่ได้…ก็ไม่เป็นไร” ผมไม่คิดจะสงสารเพราะเริ่มสัมผัสได้ถึงความร้ายกาจที่ต้นน้ำแฝงเอาไว้ในทุกการกระทำ หนอย~ เมื่อกี้แกล้งสินะ

 

 “งั้นก็…อืม เฮ้ ๆ พีชไม่ได้บอกให้ยุ่งกับหัวนมนะน้ำ อื้อ~”

 

“ในอ่างมันแคบบนเตียงมันถนัดกว่า อย่าขัดขืนสิครับ ถ้ากินข้าวช้าก็เป็นเพราะพีชเลยนะ”  

 

“ก็น้ำ…อื้อ ๆ  ๆ ….” เสียงของผมขาดหายไป ริมฝีปากกับลิ้นร้อนเข้ามากวาดต้อนให้ผมจนมุมอีกครั้ง มือของผมโอบกอดรัดร่างใหญ่ของเขาเอาไว้ ใบหน้าของผมชื้นไปด้วยเหงื่อแต่เขาก็ไม่นึกรังเกียจจูบซับมันแผ่วเบาช้อนหน้าผมขึ้นพร้อมวงแขนที่รัดเอวผมให้ลอยขึ้นเหนือเตียงนุ่ม

 

……………………………………………………………………

 

30%

เพทาย

 

“ว่าไงนะ! ไอ้ฟางหายไป” ผมกดไหล่ไอ้ติ้วให้นั่งลง มันฟึดฟัดเค้นถามไอ้ฟ้าว่าเกิดอะไรขึ้น อีกคนก็เอาแต่ส่ายหน้า

 

“ถ้าหายก็ช่วยกันหา ตอนนี้ฝนตกยังออกไปไหนไม่ได้ รอวันพรุ่งนี้ถ้ายังไม่กลับมาเราก็เข้าไปกับเจ้าหน้าที่นั่นแหละ” ต้นข้าวพูดอออกมา

 

“ใครเห็นพี่ตี๋บ้าง?”

 

“คือ…ตี๋มันออกไปตามหาฟาง” ไอ้เต้ยเป็นน้องรหัสพี่ตี๋ ต้นข้าวเล่าว่ามันติดพี่ตี๋มากเหมือนพี่ชายแท้ ๆ ของมันเลย

 

“มึงจะไปไหนเต้ย ฝนตก! กูไม่ให้มึงไปนะ!!” ต้นข้าวรั้งมือเต้ยเอาไว้

 

“มึงรออยู่นี่แหละ มึงก็รู้ว่าพี่ตี๋ไม่ชอบป่า กูคงทนรอไม่ได้”

 

“ไอ้เต้ย!! ไอ้เหี้ย!” ผมกอดต้นข้าวเอาไว้ เต้ยสะบัดตัวออกจากทุกคนวิ่งฝ่าฝนออกไป

 

“ฝนหยุดสักทีได้ไหม หัวใจกูจะวายอยู่แล้วนะ” แตงบ่นนั่งมองฝนที่เทลงมาไม่หยุด ออมแตะบ่าเพื่อนให้ใจเย็น แต่ก็อดจะถามต้นข้าวไม่ได้เรื่องที่เต้ยพูด

 

“ต้นข้าว ทำไมพี่ตี๋ถึงไม่ชอบป่า แล้วทำไมเต้ยต้องเป็นห่วงมากขนาดนั้นด้วย”

 

 “พี่ตี๋เขาเคยหลงป่าตอนเด็ก มันฝังใจไงว่าการเข้าป่าเป็นสิ่งต้องห้าม กลัวจะหลงอีก แต่ก็น่าแปลกที่พี่ตี๋ไปตามหาฟางทั้งที่ตัวเองก็กลัว หรือว่า…”

 

“เห้อ~ รอมันมาพูดเองแล้วกัน ดื้อทั้งพี่ทั้งน้อง” ดินส่ายหัวหนักใจ

 

“ส่วนที่เต้ยมันเป็นขนาดนั้นเพราะพี่ตี๋นี่แหละที่ช่วยมันไว้หลาย ๆ เรื่อง ทั้งเรื่องต่อยตี เรื่องเรียน ข้าวก็ไม่ค่อยรู้แต่เท่าที่ฟังมันเล่าก็ถือว่าไอ้เต้ยรักพี่ตี๋มากนะ” ผมไม่คิดว่าผู้ชายกะล่อนคนนั้นจะมีอีกมุมที่น่าสนใจ ทุกคนดูเครียดกันมากเพราะเจ้าหน้าที่มาแจ้งว่าฝนไม่หยุดง่าย ๆ คงต้องออกหากันพรุ่งนี้เช้า ผมกับต้นข้าวกลับเข้ามาบ้านพักของตัวเอง

 

“พี่แซมจะไปไหนครับ” ระหว่างทางก็สวนกับรุ่นพี่ไอ้หมอหน้าหล่อที่แบกเป้สะพายขึ้นหลัง

 

“เอ่อ…ไปหาเต้ยครับ อย่าห้ามพี่เลยนะข้าว พี่รอไม่ไหว พรุ่งนี้มันนานเกินไป”

 

“แต่ฝนยังตกอยู่นะพี่ ถ้าพี่ไปข้าวไปด้วย” ต้นข้าวรั้นจะตามไปอีกคน

 

“กูไม่ยอมให้มึงไป ถ้าจะไปก็ไปด้วยกัน” ผมไม่สนหรอกว่าทางข้างหน้ามันจะอันตรายแค่ไหน แต่ถ้าต้นข้าวไปผมก็ไปด้วย อย่างน้อยผมก็สามารถปกป้องต้นข้าวได้

 

“หล่อ มึงจะไปได้ยังไง”

 

“แล้วมึงล่ะ ไม่ยอม กูไม่ยอมให้มึงไปโดยไม่มีกู”

 

“เฮ้ย!! ตรงนั้นอะ จะไปด้วยกันไหม” เสียงตะโกนเรียกของดินและเจ้าหน้าที่อีกสองคนดังมาจากกระบะคันหนึ่ง ฝนยังตกลงมาเรื่อย ๆ แต่ความแรงก็เบาลง

 

“ไปครับ” แซมตอบรับวิ่งไปขึ้นรถด้วยคน ผมกับต้นข้าวมองหน้ากัน

 

“เราไปกันเถอะ กูห่วงเพื่อน มีเจ้าหน้าที่ไปด้วยคงไม่เป็นอะไร”

 

“อืม” ผมจับมือเล็กมากุมเอาไว้ “อย่าปล่อยมือกูนะ ห้ามปล่อยมือกูเด็ดขาด” ผมพูดกำชับจับมือต้นข้าวเดินไปด้วยกัน พี่ดินไปขอร้องเจ้าหน้าที่จนยอมในที่สุด เราทั้งหมดขึ้นรถมาสองคัน แยกย้ายกันหาคนละทิศ โดยมีเจ้าหน้าที่สองคนเป็นแกนนำ

 

…………………………………………………………………….

 

เต้ย

 

ผมเดินลัดเลาะเส้นทางที่สำรวจมาแล้วรอบหนึ่งอย่างชำนาญ ถ้าไม่มั่นใจคงไม่วิ่งออกมาตามหรอก พี่ตี๋อยู่ตรงไหน จะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้ อย่างเป็นอะไรนะครับพี่ชาย

 

“ที่พอจะเป็นที่พักได้มีอยู่สองที่ เราต้องไปที่แรกก่อน” ผมเอาพลาสติกคลุมหัวตากฝนวิ่งไปสถานที่แรก และต่อด้วยที่สองก็ไม่เจอ ลองนั่งยองกับพื้นคิดให้ดีว่าพี่ตี๋จะไปทางไหน

 

พรืดดด

 

เนื่องจากดินพอเปียกแล้วมันเป็นโคลน ผมลื่นไหลลงไปตามทางยาวสะดุดกับท่อนไม้ใหญ่ที่ขวางทางลาดเอาไว้ เกี่ยวแขนพยุงตัวเองลุกขึ้น ขาขวาของผมชาและเจ็บจนล้มลงไปอีกรอบ

 

“โอ๊ย! เจ็บ” ผมกัดฟันมือกดขาขวาเอาไว้กระเผลกไปหาที่พอจะหลบฝนได้

 

ผมเงยหน้ามองท้องฟ้าที่มืดครึ้ม มือโอบกอดตัวเองลูบให้อุณหภูมิในร่างกายอบอุ่นขึ้น น้ำหยดใสเริ่มซาลงหยดติ๋งลงบนใบไม้ก่อนร่วงลงพื้นดิน ได้เวลาออกเดินทาง ผมพกไฟฉายมาด้วยสองอัน ไม่ลืมที่จะหยิบเชือกและกรรไกรติดมือมา ไฟแช็กก็เอามาจากการเข้าฐานทำอาหารในป่า

 

ตรงนั้นมีถ้ำ!

 

ผมระมัดระวังก้าวเดินช้า ๆ ไปยังจุดหมาย ค้างคาวบินสวนออกมาผมรีบก้มหลบมือปัดฝุ่นที่ร่วงมาทับ เอาล่ะ ต้องเตรียมเสบียงไว้ที่นี่ก่อน กองทัพต้องเดินด้วยท้อง จัดการก่อกองไฟและตระเวนหาของที่พอจะกินได้

 

“ขอโทษนะครับ พอดีว่าเรา…ไอ้เต้ย!!” พระเจ้า ผมกระโดดกอดพี่ตี๋ทั้งตัวเปียก ๆ

 

“ไอ้ห่า กูก็นึกว่าชาวบ้านแถวนี้ มึงมาตามหากูเหรอ”

 

“อืม พี่อะแหละ ทำเต้ยเป็นห่วง รู้ทั้งรู้ว่าตัวเอง…”

 

“กูไม่กลัวแล้วแหละ หลงได้ก็ต้องออกได้ แต่วันนี้กูมีเพื่อนหลงถึงสองคน ฮ่า ๆ” ยังจะขำ ผมผละตัวออกมองฟางที่มองผมกับพี่ตี๋

 

“จะมายืนคุยทำห่าอะไรตรงนี้ กูมีเสบียงนะเว้ย เราหาอะไรรองท้องก่อน ไม่นานไอ้ดินก็ต้องตามหาเราเจอ เชื่อกู”

 

เราสามคนเข้ามานั่งพิงไฟกันในถ้ำ พี่ตี๋เอาเสบียงออกมาแบ่งกัน ผมเองก็พอจะหาปลาหาอะไรจากแหล่งน้ำใกล้ ๆ ได้ เที่ยวป่าบ่อยครับ ประสบการณ์มีเยอะ

 

“ฟางถอดเสื้อผ้ามาพิงไฟเร็ว เอาผ้าห่อตัวไว้ก่อนแก้หนาว” พี่ตี๋บอกไอ้ฟางเสียงนุ่ม ผมเหล่มองแปลกใจ ไอ้ฟางมันคงรู้ตัวมองผมอาย ๆ

 

“มึงจะบ้ารึไง ให้กูโป๊เนี่ยนะ”

 

“เดี๋ยวเป็นหวัดไม่สบายนะเว้ย กูก็แค่เป็นห่วง มึงด้วยไอ้เต้ย อย่ามาทำตัวแมน ถอดเสื้อผ้าออกมาซะดี ๆ”

 

“ใครมันจะด้านเหมือนพี่กัน” ผมมองอกเปลือยของพี่ตี๋ก้มมองต่ำที่มีผ้าพันรอบสะโพกเอาไว้

 

“มึง…เอาเสื้อผ้ากูไปใส่ก่อน พอแห้งแล้วแหละ ถอดของมึงออกมาพิงสลับกัน” พี่ตี๋บอกไอ้ฟาง

 

“แล้วเต้ย…”

 

“กูไม่เป็นไร เพิ่งจะเปียกไข้คงไม่แดกง่าย ๆ มึงไปเปลี่ยนเหอะ”

 

 “อืม ห้ามแอบดูกูนะไอ้ตี๋ มึงด้วย” ไอ้ฟางมันหยิบเสื้อผ้าพี่ตี๋มาถือไว้ ขู่ผมตาเขียว เหมือนมันจะเป็นผู้หญิง ร่างขาวของมันเดินห่างออกไปสักระยะ ผมก็ไมได้หันไปมอง พี่ตี๋มันมองหน้าผมเหมือนมีเรื่องจะพูด

 

“พี่ไม่ต้องพูดหรอก พี่จะคบใครเต้ยก็ไม่ได้ว่า แต่ช่วยบอกกันบ้างก็ดี”

 

“กูก็ไม่แน่ใจในตัวเอง มึงก็รู้ว่ากูไม่อยากเจ็บซ้ำสอง แต่วันนี้กูเลือกแล้ว ยังไงไอ้ฟางมันก็คงไม่ทิ้งกูไปไหนเหมือนคนอื่น มึงล่ะเต้ย จะทำยังไงต่อเรื่องต้นข้าว วันนี้กูเห็นไอ้เด็กชื่อเพมันสนิทกับต้นข้าวแปลก ๆ”

 

“พี่ยังดีนะที่ยังสามารถพูดได้ บอกได้ แต่กับเต้ย…มันไม่มีแม้แต่คำว่าเป็นไปได้ จะบอกก็บอกไม่ได้ กี่ปีแล้ววะที่เต้ยยังได้แต่เฝ้ามองมันอยู่ข้างหลัง และถ้าบอกไปตอนนี้มันก็สายไปแล้วว่ะพี่ ถึงบอกต้นข้าวมันก็ยังคงเห็นเต้ยเป็นเพื่อนอยู่ดี” ผมกลืนก้อนแข็งลงคอพูดต่อ

 

“เพราะคนมันไม่ใช่ ปลายทางมันก็คือไม่ใช่ ต่อให้เต้ยพยายามแค่ไหนมันก็จบลงที่คำว่าเพื่อน…”

 

แค่เพื่อนเท่านั้นแหละ

 

“เต้ย…มึงร้องไห้” ผมแตะลงบนแก้มตัวเองเช็ดมันออกก้มหน้าชันเข้าขึ้นซบ อย่าให้ใครเห็นความอ่อนแอนี้ อย่าให้ใครรู้ว่ากำลังเสียใจ

 

“เกิดอะไรขึ้น?” ฟางเดินหน้าเหลอเข้ามาไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร

 

“มึงไม่ต้องไปสนใจเรื่องของคนอื่นเขา มานอนนี่มา” ตี๋ตบตักตัวเองเอาผ้าขนหนูมาปูให้นอน

 

“เต้ยเป็นอะไรวะ?” ฟางกระซิบถามเมื่อล้มตัวลงนอน ตี๋ก้มหน้าตอบ

 

“มันอกหัก มึงช่วยอะไรมันได้ไหมล่ะ”

 

“…แล้วมึงก็ปล่อยมันไว้อย่างนั้นอะนะ”

 

“คนอกหักให้แม่งอยู่คนเดียวก็ดีอยู่แล้ว ให้มันคิดทบทวนกับความเป็นจริง ไม่นานมันก็จะคิดได้เอง”

 

“ไม่หรอก มันต้องการคนปลอบ” ฟางลุกขึ้นนั่งโยนผ้าห่มคืนให้ตี๋ นั่งยอง ๆ ลงข้างเต้ย แล้วสิ่งที่ฟางทำมันก็ช่วยให้เต้ยร้องไห้หนักกว่าเดิม ฟางดึงตัวเต้ยเข้ามากอด

 

“มึงไม่ต้องอายกูหรอก กูก็เคยร้องไห้ แม่งไม่มีใครไม่เคยอกหักหรอก กูผ่านมาแล้วเว้ย “

 

“…ฮึก……”

 

ผมปล่อยให้น้ำตาไหลพรั่งพรูออกมาจนหมด กอดไอ้ฟางแน่นสะอื้นเสียงดังอย่างไม่คิดจะอายมันอีกต่อไป ทำไมคนที่มึงรักไม่ใช่กู…กูดีไม่พอหรือเขาดีกว่ากูวะข้าว…เลือกกูสิ มองมาที่กูบ้าง กูไอ้เต้ยเพื่อนที่แอบรักมึงมาเป็นปี ๆ….ทำไมวะข้าว….

 

“ไอ้เต้ย…กับคนบางคนมันก็เหมาะจะเป็นเพื่อนมากกว่าฐานะอื่นว่ะ มึงตัดใจแล้วเริ่มใหม่เหอะ กูยังทำได้ ทำไมมึงจะทำไม่ได้”

 

“มึงจะพูดเพื่อ? เดี๋ยวกูตบให้ไอ้ตี๋”

 

“มึงต้องรับความจริงได้แล้ว คนเราแม่งต้องเดินต่อไป มึงมานั่งร้องไห้มึงก็เจ็บแค่คนเดียว ก้าวออกมาแล้วหาคนใหม่ที่พอดีกับมึงไม่ดีกว่าเหรอวะ มึงจะมาแก่ตายเพียงลำพังกับรักแรกรึไง”

 

“ไอ้ตี๋! ร้องไห้หนักกว่าเดิมเลยแม่ง”

 

“กูพูดความจริง มึงก็ลองคิดดูแล้วกัน “

 

ต้นข้าว….คือรักแรก และเพื่อนที่ผมแอบรักมาตลอด

 

มึงคือเพื่อนที่กูสนิทมากที่สุด’

 

‘กูรักมันว่ะ กูต้องทำให้ได้’

 

กูก็รักมึง เพื่อนรักกก ฮ่า ๆ

 

“พี่ว่าเราจะรักคนสองคนในเวลาเดียวกันได้ไหมวะ”

 

“…เอาจริง ๆ นะ น้อยคนว่ะที่รับได้  คนที่แม่งทำแบบนี้เหมือนคนเห็นแก่ตัว ถ้าเป็นมึง มึงจะรับได้ไหมล่ะ กูก็ต้องการให้เขารักกูแค่คนเดียว กูไม่ได้ใจกว้างขนาดนั้น แต่ก็ไม่แน่หรอก บางคนแม่งก็ทำได้ เพราะรักมาก”

 

“อืม ผมอาจจะเห็นแก่ตัวจริงนั่นแหละ ใช่…ไม่มีใครรับได้…เว้นมันสินะ”

 

แซม…คือคนที่ก้าวเข้ามาในชีวิตผมตั้งแต่เด็ก และตามใจผมในทุกเรื่อง ไม่คิดจะยอมแพ้แม้ผมมีใครอีกคน แล้วผมจะเห็นแก่ตัวปล่อยให้เขารอ….ไปจนถึงเมื่อไหร่

 

‘พี่จะจีบเต้ย’

 

‘สักวันพี่จะทำให้เต้ยมาชอบพี่ทีละนิด เราจะเรียนรู้กันไปเรื่อย ๆ’

 

‘ช่วยเปิดใจรับพี่บ้างไม่ได้เหรอครับ’

 

ถึงเวลาที่ผมจะเลือกเดิน ซ้ายคืออดีต ขวาคือปัจจุบัน ผมจะไปทางไหนดี….

 

 

 TBC.

 

 

 

    

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
6.4 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
4.8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
5.4 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา