ทายาท อันดับห้า แห่งฉางเมือง
เขียนโดย หกแสบ
วันที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2558 เวลา 22.27 น.
แก้ไขเมื่อ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2558 22.40 น. โดย เจ้าของนิยาย
3) เชื่อมสัมพันธ์ (จบ) part 1
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความทายาท อันดับห้า แห่งฉางเมือง
ตอนที่ 3 เชื่อมสัมพันธ์ (จบ) part 1
โดย หกแสบ
**+++***+++***+++***+++***+++***+++***+++***+++***++
นาวาสวรรค์
“ออกเดินทาง” เมื่อสินสุดเสียงคำออกเดินเรือ เรือนาวาสวรรค์ค่อยๆเคลื่อนตัวออกจากท้าเรือประตูทิศเหนือ ลำเรือมีลักษณะเป็นเรือยาวที่มีลวดลายกนกตกแต่งอย่างวิจิตงดงาน หัวเรือมีลักษณะเป็นยักษ์ชั้นสูงในรามเกียรติ์ท้ายเรือเป็นกนกกลางเรือเป็นศาลาทรงไทยขนาดใหญ่ ตรงกลางศาลามีเกาอี้หาตัวตัวล้อมลอบโต๊ะทรงกลมประดับลวดรายสวยงาม เรือค่อยๆเคลื่อนตัวผ่านประตูขนาดใหญ่เมื่อผ่านพ้นออกมาประตูขนาดใหญ่ค่อยๆปิดลงจนสะนิด การจัดขบวนเรือเรือของจอมพลที่หนึ่งและตามมาด้วยเรือของเหล่าอันดับและเรือของจอมพลที่2และจอมพลที่สิบขนาบข้างหางพอประมาณและเรือของเหล่านักลบสามกองร้อย
อันดับ1 “แค่ไปเยี่ยมเพื่อนเก่าแก่ทำไมเจ้าต้องขนคนไปเยาะขนาดนี้เหล่าน้องพี่”
อันดับ4 “ก็ไปเยี่ยมเพื่อนเก่าไงครับจึงต้องจัดไปให้สมใจและเป็นการไม่ประมาทเพื่อรับมือกับพวกปีศาจที่จะเข้าโจมตีเราในระหว่างเดินไงครับ”
อันดับ3 “เจ้าคงจะไม่ไปถล่มเมืองเขาหลอกนะน้องพี่”
อันดับ4 “มันก็แล้วแต่สถานการณ์”พร้อมกับยิ้มมุมปาก
เหล่าพี่น้องพูดคุยยอกล่อกันไปในระหว่าการที่เรือนั้นกำลังเคลื่อนตัวอย่างช้าๆบนพื้นน้ำที่สะท้อนแสงแดดยามเช้าราวกับ อัญมณีที่สองแสงระยิบระยับ ไม้พายยกขึ้นลงอย่างพร้อมเพียงกัน แต่กับไม่มีคนพายมันขยับเองไปตามจังวะกราบแห่เรือ เมือเรือเคลื่อนตัวออกห่างจากเมืองจนรับตา เหล่าปีศาจโผขึ้นมาเหนือน้ำและยืนอยู่บนผิวน้ำราวกับว่ามันคือพื้นดิน บางตัวบินอยู่บนท้องฟ้าและพุ่งเข้าโจมตีเรือของเหล่าจอมพล พวกมันปล่อยลูกบอนไฟขนาดใหญ่ใส่เรือของเหล่าจอมพล เมือเห็นดังนั้นเหล่านักรบจำนวนหนึ่งจึงเข้ารับมือ เพียงพริบตาเดียวเหล่านักรบก็ยืนอยู่บนอาการและบนผิวน้ำราวกับว่ามันคือพื้นดินและเหล่านักรบก็เอามือมาประกบกัน “อัญเชิญ อัญเชิญยันต์ ยันต์เกาะเพชร” เมือสินสุดเสียงปรบมืออักขระยันต์เกาะเพชรขนาดใหญ่ปรากฏเบื้องหน้าเหล่านักรบพร้อมเรืองแสงเมือลูกบอลไฟขนาดใหญ่มากระทบและหายไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเมือเป็นเช่นนั้นเหล่าปีศาจจึงบินเข้าพุ่งชนเกาะเพชรตัวแล้วตัวเล่าจนเกาะนั้นรับแรงกระแทกอันมหาสารไม่ไหวและสลายไปในที่สุดเมือเป็นเช่นนั้นเหล่านักรบจึงชักดาบออกมาแล้วเข้าฟาดฟันเหล่าปีศาจแต่ด้วยกำลังของเหล่าปีศาจที่มีมากด้วยความหิวกระหายจึงทำให้เหล่านักรบโดนกัดกินแม้จะสู้จนสุดความสามารถ เมือเห็นเป็นเช่นนั้นจอมพลที่หนึ่งจึงสั่งถอนกำลังและพานักรบที่บาดเจ็บกับมารักษา แต่เพียงพริบตาเดียวจอมพลที่หนึ่งก็ยืนอยู่หน้าเหล่าปีศาจคิดในใจถ้าเป็นอย่างนี้ศึกครั้งนี้ต้องยืดเยือแน่และจะเป็นอันตรายต่อเหล่าอันดับ แต่ท้าทีที่แสดงออกมาก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไรพร้อมยิ้มมุมปากและเอามือมาประกบกัน”อัญเชิญ อัญเชิญพิภพวานร กองทับรบวานร”เมือสินเสียงปรบมือมีวงแหวนพร้อมกับอักขระเกิดขึ้นชอนกันหกชั้นและเหล่านักรบวานรก็ออกมาจากวงแหวนราวกับว่าเป็นประตูมิติเชื่อมต่อกับโลกที่พวกมันอยู่ เหล่านักลบวานรแต่ระตัวนั้นมีขนาดใหญ่กว่าช้างเสียอีกพุงเข้าโจมตีเหล่าปีศาจด้วยการจับเวียงฉีกกระชากร่างของปีศาจออกเป็นชิ้นและเวียงมันลงทะเลสาบ เพียงไม่กี่วินาที่ฝูงปีศาจก็กายเป็นชากลวงล่นลงทะเลสาบจนหมดพื้นน้ำกายเป็นสีแดงด้วยเลือดของเหล่าปีศาจ พร้อมทั้งกองทับวานรก็ระเบิดกายเป็นควันและจางหายไป เมือจอมพลที่หนึ่งกับมายังเรือก็เห็นเหล่านักรบแพทย์และจอมพลที่สองกำลังรักษาเหล่านักรบที่บาทเจ็บด้วยวงแหวนเวทย์แห่งการรักษาเพียงไมกี่วินาที่แผลที่เกิดจากการกัดและกงเล็บของปีศาจนั้นก็หายไปทิ้งไว้แค่รอยฉีกขาดของเสือผ้าและรอยกงเล็บที่เกาะและคาบเลือด
จอมพลที่2”ให้ช่วยไหมครับ”ปากก็พูดไปตามมารยาทแต่สิ่งที่เห็นนั้นก็บอกได้ยังดีว่าไม่จำเป็น จอมพลที่หนึ่งยิ้มมุมปากและเดินผ่านไป
จอมพลที่1"เคลียเส้นทางเรียบร้อยแล้วครับพร้อมออกเดินทางต่อ” อันดับหนึ่งยิบตัวขุนมาวางแล้วพูดว่า “รุกฆาต” พร้อมกับอันดับสี่ที่เอ่ยขึ้น”ไอ้อันดับที่หนึ่งมึงโกงกู” แล้วหันหน้ามายังจอมพลที่หนึ่ง “มีอะไรเหลอ” “ไม่มีอะไรแล้วครับ”พร้อมกับยิ้มอย่างเอ็นดูเพราะเขานั้นเป็นผู้เลียงดูเหลาอันดับทั้งสี่มาตั้งแต่เขาเป็นแค่นายกองเล็กๆที่ติดตามรับใช้อันดับที่หนึ่งรุ่นก่อนแม้ตอนนี้เขาจะเป็นถึงจอมพลและมีอายุที่ย่างเข้าเลขเจ็ดแล้วก็ตามแต่เขาก็ยังแข็งแรงและเห็นเหล่าอันดับเป็นแค่เด็กหนุ่มธรรมดาที่เขานั้นต้องดูแลด้วยชีวิตของเขาแม้ว่าเหล่าอันดับนั้นอายุจะเข้าเลขสามแล้วก็สามแต่หน้าตาของเหล่าอันดับนั้นยามที่ไม่ได้ใส่หน้ากากนั้นก็แค่เด็กหนุ่มอายุราวๆยี่สิบเห็นจะได้เพราะเหล่าอันดับนั้นฝึกจิตคุมธาตุที่เมือฝึกสำเร็จแล้วดูเหมือนว่าเวลาก็จะหยุดตามไปด้วยเมือฝึกสำเร็จทำให้เหล่าอันดับนั้นมีหน้าตาคงเดิมไม่ว่าเวลาจะผ่านมาแล้วสิบกว่าปี เหล่าอันดับนั้นก็เห็นเข้าเป็นเหมือนพ่ออีกคนหนึ่งเช่นกัน และเหล่านักรบสมัยใหม่ก็เห็นเขาผู้นี้เป็นต้นแบบ แล้วเขาก็หันหลังกับไปยังเรือของเขา
เรือค่อยๆเคลื่อนตัวผ่านซากเหล่าปีศาจที่ลอยอยู่บนผิวน้ำเมือเรือเคลื่อนตัวมาเลื่อยๆจนเกือบถึงชายฝันแต่เรือกับไม่มีท่าที่จะหยุดเลยกับเคลื่อนตัวเขาหาฝังเลื่อยๆเหมือนกับว่าจะชนกับมัน แต่เพียงไม่นานเรือก็เชิดหน้าขึ้นพร้อมกับลอยตัวสูงขึ้นจากผิวน้ำและลอยสูงขึ้นพร้อมกับเคลื่อนตัวไปข้างหน้า จนตอนนี้เคลื่อนตัวอยู่เหนือพื้นป่าอันกว้างใหญ่ลอยผ่านยอดต้นไม้พร้อมกับไม้พายที่ขยับขึ้นลงตามสียงเพลงกราบแห่เรือดูแล้วคล้ายกับปีกนกที่บินขนาบข้างลำเรือ เคลื่อนตัวผ่านปุยเมฆน้อยใหญ่เมือปุยเมฆเปิดออกเผยให้เห็นเมืองอันกว้างใหญ่ที่รอบรอบด้วยคูน้ำขนาดใหญ่ใจกลางเมืองมีปราสาทราชวัง อันใหญ่โตรโหฐานมียอดปราสาทเจ็ดยอด
วังมหาจักรพรรดิที่3
“ท่านนายพล เรดาของเราตรวจจับได้ว่ามีวัตถุขนาดใหญ่กำลังเคลื่อนตัวรุกลำเขาเขตท้างฟ้าของครับ”
“ตรวจสอบให้แน่ชัดว่ามันคืออะไร สั่งเตรียมพร้อมรบระดับหนึ่งไม่ว่ามันคืออะไรมันเขาเขตท้างฟ้าโดยไม่ขอผ่าน เช่นนี้ประสงร้ายแน่ๆ”
“ท่านนายพลครับเราตรวจสอบแน่ชัดแล้วมันคือ มันคือ..0.” นายพลรำคาญที่ทหารใต้บังคับบัญชาอ้ำๆ อึ้งๆ ตะกุกตะกักจึงดึงแฟ้มมาอ่านรายงานเองแล้วก็ต้องตกใจเพราะนั้นคือ “เป็นไปไม่ได้เรือนาวาสวรรค์และเป็นเรือของเหล่าอันดับมาเองเช่นนี้ไม่ดีแน่” ฉันจะไปรายงานเรื่องนี้กับมหาจักรพรรดิ
“ท่านมหาจักรพรรดิมีรายงานว่าเรือนาวาสวรรค์กำลังเคลื่อนตัวเข้าสู่เขตท้องฟ้าของเราไม่ได้แจ้งให้เราสาบ ท่านคิดว่า”
มหาจักรพรรดิเงยหน้าขึ้นมาจากรูปถ่ายคู่ของผู้ชายสองคน หนึ่งคนในรูปนั้นคือเขาเอง “เจ้ากับมาทวงสันยาแล้วชินะ วาย” “ผมได้ออกคำสั่งรบระดับหนึ่งแล้วเราพร้อมปกป้อง ป้องกันท่านและเหล่าเชื้อพระวงศ์ทุกพระองค์ พริบตาเดียวยังไม่สินเสียงของนายพล ก็มีกลีบกุหลาบนับร้อยกลีบลอยผ่านกระจกหน้าต่างปราสาทเข้ามาพร้อมทั่งยังมีกลิ่นหอมของดอกกุหลาบลอยตามมาด้วยเพียงพริบตาเดียวกลีบกุหลาบเหล่านั้นมารวมตัวกันปรากฎเป็นร่างบุคคลภายใต้หน้ากากหัวกะโหลกด่านบนซ้ายของหน้ากากนั้นเป็นอักขระอันดับที่สี่ สวมใส่เสื่อคุมยาวแขนยาวที่ดำรองเท้าหนังเสริมส้นกางเกงขายาวสวมถุงมือสีดำสวมมวกมีปลีกที่ติงหูใส่จิวสัญลักษณ์อันดับสี่มีเพชรสีน้ำเงินอยู่ตรงกลางที่หัวเข็มขัดบงบอกถึงความเป็นอันดับสี่ ที่ขอบของเสื้อคุมมีรวดลายทองคำขาวสวยงาม ใช้แล้วนี้คือชุดกึงออกรบ พร้อมกับเอ่ยว่า “ไม่พบกันนานเลยนะ”เมื่อนายพลนั้นตั่งสติได้ก็วิ่งเข้ามายืนอยู่หน้านายของตัวเองดเพื่อปกป้องพร้อมส่งสันญาณเรียกทหารเมื่อเห็นเช่นนั้นผู้เป็นนายผู้เป็นนายยกมือขึ้นพร้อมกับส่งสันญาณว่าไม่เป็นไรให้ถอยออกไปนายพลนั้นยอมถอยออกไปแต่โดยดีแต่ในใจนั้นก็ยังอดเป็นห่วงผู้เป็นนายไม่ได้ ไม่ไว้วางใจด้วยใจนั้นกลัวว่าผู้มาเยือนจะทำร้ายนายของตัวเอง
มหาจักพรรดิ: “ไม่พบกันนานใจคอเจ้าจะมิถอดหน้ากากคุยกันรึ เจ้ายังไม่หายโกรดพี่อีกรึ”
อันดับ4: “ที่ข้ามาวันนี้ข้าไม่ได้จะฆ่าเจ้าหลอกนะแต่จะมาเจรจาเชื่อมไมตรีหากจะฆ่าเจ้าข้าฆ่าเจ้าในตอนนั้นก็ยังไม่สาย”
มหาจักพรรดิ: “เหลอ” ในตานั้นกับดูสุขใจและมีความหวังกว่าในตอนแรกเสียอีกเมื่อรู้ว่าผู้ที่มาเยือนนั้นมาเชื่อมไมตรีมิได้มาร้าย มิใช้ว่าเขานั้นสู้ผู้มาเยือนมิได้แต่เป็นเพราะสัญญาที่เขาได้ให้ไว้ว่า “ชีวิตพี่นี้เป็นของเจ้าหากเจ้านั้นมิประสงจะให้พี่อยู่เจ้าก็จงปิดชีพนี้ด้วยมือเจ้าเอง”ยังไม่ทันที่การสนทนานั้นจะดำเนินต่อไป กลิ่นหอมของดอกกุหลาบและกลิ่นหอมของดอกไม้อีกสามชนิดก็ลอยมาแตะจมูกพร้อมปรากฏร่างของอันดับอีกสามคนที่เกิดจากการรวมตัวของดอกไม้อีกสามชนิด
อันดับ1:” จริงด้วยชิมาผูกมิตรกับเขาก็ต้องสร้างความไว้วางใจ” เมือสิ้นเสียงพูดอันดับหนึ่งก็ถอกหน้ากากออกพร้อมกับอันดับที่เหลือในขณะที่ถอกหน้ากากออกจักรพรรดิจองมองอันดับสี่ไม่กะพริบตาเพราะใบหน้านั้นไม่ต่างไปจากเมื่อสิบปีก่อนเลยเป็นใบหน้าที่คมหวานตาโตจมูกโด่งปากเรียวได้รูปผิดกับอันดับที่เหลือที่มีใบหน้าที่คมคิวเข็มจมูกโด่งดูหล่อเหรา ผิดกับเขาเองที่ตอนนี้รองรอยแห่งวัยบงบอกอายุได้ดี
มหาจักพรรดิ: “เจ้ายังดูไม่เปลี่ยนไปเลยนะ วาย”
อันดับ4: “ผิดกับท่านที่ดูแก่ขึ้นเยอะนะ”
อันดับ2: “น้องพี่รีบร้อนเสียจริง”
มหาจักพรรดิ: “แล้วพวกท่านจะเชื่อมไมตรีด้วยวิธีไหนเหล่า”
อันดับ3: “ในอดีตการผูกมิตรทำโดยการแต่งงานเชื่อมเป็นทองแผ่นเดียวกัน”
มหาจักพรรดิ: “ท่านหมายความว่าอย่างไร”
อันดับ3: “ท่านมีโอรสกับพระนางอลิซาเบสใช้หรือไม่”
มหาจักพรรดิ: “แต่เท่าที่ข้ารู้มาพวกท่านไม่มีทายาท”
อันดับ3: “อันดับห้าแห่งฉางเมืองยังไม่มีคู่ครองและยังไม่มีคนที่ชอบ”
มหาจักพรรดิ: “เป็นผู้ชายมิใช้รึและอายุก็คงเข้าเลขสามแล้วหากเป็นเช่นนั้นข้าคงยอมให้เป็นเช่นนั้นมิได้”
อันดับ4: “ผู้ชายไงแล้วผู้ชายไม่มีหัวใจรึไง”พูดด้วยสายตาที่โกรดเกรียวและกำมือแน่น เมื่อคนฟังนั้นได้ยิน ก็เกิดความเจ็บปวดนั้นขึ้นมาในใจ “หากตอนนั่นพี่เลือกเจ้าพี่คงมิรู้สึกผิดยันทุกวันนี้พี่ขอโทษ” แต่ก็ทำได้เพียงแค่คิดและรู้สึกผิดในใจ “เรื่องเมื่อสิบปีก่อนเจ้าเข้าใจพี่ผิดนะวาย”ยังไม้ทันที่เขานั้นจะพูดต่อ
อันดับที่2: “เรื่องมันนานมาแล้วก็ปล่อยให้มันผ่านไปแก้ไขอะไรไม่ได้ มุ่งแก้ปันหาหาปัจจุบันดีกว่า ท่านเขาใจผิดแล้วอันดับห้ารุ่นก่อนเป็นน้องของพวกเราได้มีโอรสกับพระนางอัปสรสวรรค์ หนึ่งพระองค์ นั้นก็คืออันดับห้าคนปัจจุบันซึ่งนับอายุแล้วก็สิบเก้าปีเต็มปีนี้ก็หน้าจะหางจากโอรสของท่านสองปีได้มีสักเป็นหลานของพวกเรา
อันดับ3: “จริงอยู่การแต่งงานครั้งนี้เป็นการผูกไมตรีเป็นการแต่งงานระหว่างองค์ชายด้วยกันองค์ชายด้วยกัน ใช้ว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นเป้นครั้งแรกเสียเมือไรที่ผ่านมาเหตุการณ์อย่างนี้เกิดขึ้นเป็นเรื่องปกติการอยู่รวมกันก็อยู่รวมกันเหมือนพี่น้อง เพื่อน
มหาจักพรรดิ: “แต่เราต้องการให้โอรสของเรามีลูกเพื่อสืบทอดบันลังต่อจากเขา และเราก็หมายมั้นองค์หญิงของผู้ครองเมืองแห่งนภาไว้แล้ว แล้วตอนนี้เขาก็กำลังศึกษากันอยู่ในเมืองแห่งการศึกษา
อันดับ 4: “ หากเป็นเช่นนั้นข้าก็จำเป็นจะต้องทวงสัญญาที่ท่านเคยให้ข้าชีวิตท่านเป็นของข้าเฉพาะท่านก็ทดใช้ให้ข้ามาด้วยการให้ลูกท่านมาแต่งงานกับหลานของข้าแล้วสัญญานั้นก็หายกันหากมิเป็นเช่นนั้นชีวิตท่านและราชวงษ์ของท่านก็คงไม่พอใช้ให้ข้า
มหาจักรพรรดิ: “หากเจ้าต้องการเช่นนั้นก็ได้ พี่ยอมเจ้าทุกอย่างหากเจ้านั้นยิ้มให้พี่บางก็พอ งานแต่งงานจะจัดขึ้นวันไหนเจ้ากำหนดมาได้เลย แล้วพี่จะเรียกตัวเขากับมา”
อันดับ 1: “ ง่ายดีแฮะ ให้เจ้าคุยตังแต่ทีแรกก็จบ การแต่งงานในครั้งนี้จะทำให้ทุกอย่างง่ายขึ้นนั้นก็คือจะทำให้การวางกลยุทธ์รับมือกับศัตรูง่ายการประสานงานทางทหารก็ง่ายและการเรียกประชุมเมืองต่างๆก็ง่ายขึ้นเพราะมีท่านเป็นประทานในการประชุมครั้งนี้
ในสัญญาที่เขียนขึ้นในการแต่งงานต้องระบุว่าหนึ่งอันดับห้าแต่งงานเข้าไปอยู่ในราชวงศ์ของท่านถานะชายาคนเดียวเท่านั้นและองค์แห่งนครนภาแต่งเขามาอยู่ในถานะพระสนมเท่านั้นมิสามารถเลือนชั้นเป็นชายาได้ถึงจะมีโอรสก็ตามข้อสองเมืออันดับแต่งงานเข้าไปในถานะชายาก็ต้องทำงานในถานะชายานั้นก็คือห้ามมิให้อันดับห้ายุ่งเกี่ยวกับการเมืองและการทหารและบริหารบ้านเมือง สามอำนาจในการคุ่มทหารของทั้งสองเมืองอยู่ภายใต้คำสั่งขององค์ชายโดยมีจอมพลทั้งสิบของฉางเมืองและนายพลระดับสูงของซากะเป็นผู้ช่วยและคำสั่งการตัดสินใจรบให้เป็นหน้าที่ของสี่อันดับแห่งฉางเมืองและมหาจักพรรดิซากะเท่านั้น สี่ให้ตั่งค่ายรับมือกับศัตรูไปทางทิศใต้ของเมืองซากะทางทิศเหนือของฉางเมืองเหตุผลการรวมพลง่ายไม่ส่งพลกระทบกับเมืองเมื่อเกิดการรบการขนส่งเสบียงง่ายหากเสบียงขาดแคนพื้นที่มีความอุดมสมบูรไม่อดตายแน่และสุดท้ายศตรูจะต้องบุกมาทางนั้นแน่เพราะหางไปทางทิศเหนือที่นั้นเป็นนครอโยธยาที่ถูกอัญเชิญขึ้นมาและที่นั้นเป็นฐานทับของศัตรู “ท่านมีอะไรส่งใสหรือไม่ในการทำสัญญา” “หากเป็นเช่นนั้นจริงข้าก็ไม่ขัด”
อันดับ4: “จะขัดได้ไง ไม่เสียเลยนิ ผิดกับอันดับห้าที่เหมือนโดนขังคุกมิมีผิด”
มหาจักพรรดิ: “ถ้างั้นงานแต่งงานให้จัดขึ้นในอีกสองเดือนข้างหน้าและถือโอกาสนั้นเชิญเมืองต่างๆมางานแต่งและถือโอกาสนั้น เปิดประชุมการรับมือกับศัตรู
อันดับ4: “ความคิดดีนิใช้การแต่งงานของหลานข้าบังหน้าเพื่อที่จะเจรจากับเมืองต่างๆ”
อันดับ3: “การแต่งงานให้จัดขึ้นที่เมืองของท่านก็แล้วกัน”
เมื่อการเจรจาสิ้นสุดลงร่างทั้งสี้ก็ค่อยๆกายเป็นกลีบดอกไม้และลอยออกไปทางหน้าต่างบานเดินที่ลอยเข้ามาและรับตาไปในที่สุดทิ้งไว้ก็เพียงกลิ่นหอมของเหล่าดอกไม้นั้นโดยเฉพาะกลิ่นหอมของดอกกุหลาบที่เขาไม่มีวันลืมไปจากใจเขา การมาของอันดับสี่ครั้งนี้ทำให้เขามีความหวังขึ้นมาอีกครั้งเพราะเขาเองก็รู้ว่าจากนี้ไปเขาจะได้พบกับคนที่เขาคิดถึงตลอดเวลาบ่อยครั้งขึ้น
to be continued
***++++***++++****++++****+++****+++
ติชมคอมเม้นกันเพื่อเป็นกำลังใจกันนะครับ
อ่านแล้วอย่าลืมกดโหวดกันด้วยนะครับ
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ