ทายาท อันดับห้า แห่งฉางเมือง
-
เขียนโดย หกแสบ
วันที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2558 เวลา 22.27 น.
4 ตอน
0 วิจารณ์
6,536 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2558 22.40 น. โดย เจ้าของนิยาย
1) ผู้ทรยศ part 1
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความทายาท อันดับห้า แห่งฉางเมือง part 1
ตอนที่ 1 ผู้ทรยศ
โดย หกแสบ
**+++***+++***+++***+++***+++***+++***+++***+++***++
“ สิ้นแล้วสิ้นบุญวาสนา
สิ้นแล้วสิ้นกรรมที่ทำรวมกันมา
สิ้นแล้วสิ้นเยื้อใยที่เกาะเกี่ยวเป็นเกรียวแน่น
สิ้นแล้วสิ้นอันดับห้าแห่งฉางเมือง
แต่น้อง มิสิ้นกลิ่นรักมิจางหาย
จักตามไปรับใช้ใต้พระบาทตลอดกาล”
“ท่านพ่อ ท่านแม่”เด็กชายอยู่ในเครื่องทรงเชื้อพระวงษ์ร้อง
เรียกท่านพ่อท่านแม่ด้วยน้ำตาที่อาบสองแก้ม ปากสันตัวสันด้วยความกลัว
ร้องเรียกสุดเสียง “ปล่อยข้า ข้าจะไปหาท่านพ่อท่านแม่” พร้อมดิ้นรนให้
หลุดพลจากการจับกุมของหนึ่งในจอมพลผู้ทรยศ ภาพที่เด็กชายเห็นคือ
จอมพลผู้ทรยศอีกคน เรียกศาสตราประจำกายออกมาจับถือไว้ในมือและ
ฝาดฟันลงบนหน้าอกของผู้เป็นพ่อของเด็กชายเลือดสาดกระเด็นหยดไหล
ลงพื้น เพราะเสียท่าให้กับจอมพลผู้ทรยศเพราะจับเด็กชายไว้เป็นตัวประกัน
ด้วยความเป็นห่วงลูกชายจึงเปิดช่องว่างให้ศัตรูเข้าเล่นงาน ก่อนที่ร่างจะ
ร่วงหลนลงพื้นจึงเรียกใช้อาวุธประจำกายแทงเข้าที่ท้องของจอมพลผู้ทรยศ
จนทะรุหลังและขาที่ถนัดถีบจอมพลออกไปก่อนที่จอมพลจะฟันเขาอีกครั้ง
เห็นลูกชายดิ้นจนหลุดพ้นจากการจับกุมของสัตรู วิ่งเข้ามาหาเขา
จอมพลเห็นดังนั้นจึงเรียกใช้วงแหวนเวทย์ เมื่อวงแหวนเวทย์ปรากฏขึ้น
ก็มีลูกบอนไฟขนาดใหญ่ออกมาและพุ่งเข้าใส่เด็กชายที่วิ่งอย่าง ทุรัก ทุเร
เข้ามาหาเขา เขาจึงใช้พลังทั่งหมดที่เหลืออยู่เรียกวงแหวนเวทย์เปลี่ยนเป็น
เกราะคุ่มกันภัยเด็กชาย ลูกบอนไฟขนาดใหญ่พุ่งเข้าใส่เด็กชาย ระเบิด
ออกและหายไปพร้อมกับเกาะ แต่เด็กชายไม่เป็นไรเพราะมีเกาะของพ่อคุม
กันภัย เมื่อเป็นเช่นนั้นเด็กชายจึงวิ่งเขาไปประคองท่านพ่อของตน
เมื่อจอมพลเห็นเด็กชายรอดไปได้ ดังนั้นจึงคิดที่จะจัดการทั้งพ่อและลูกใน
คราวเดียวกัน “ อัญเชิญ อัญเชิญ เผ่าพันยักษ์ ทศกัณฐ์ พระยายักษ์”
เมื่อสิ้นเสียง วงแหวนเวทย์ขนาดใหญ่ก็ปรากฏเบื้องหน้าจอมพลผู้ทรยศ
พร้อมมีมือยักษ์ใหญ่โผล่ออกมาจับ จับขอบวงแหวนเวทย์ และค่อยๆออก
มาจนเต็มตัว เผยให้เห็นร่างกายอันใหญ่โตกว่าภูเขาของพระยายักษ์ทศ
กัณฐ์ที่มีสิบเศียรยี่สิบกรเหมือนเดินออกมาจากรามเกียรติ์มิมีผิด
พระยายักษ์ทศกัณฐ์ ยกเท้าขึ้นเพื่อเยียบสองคนพ่อลูกให้จมดิน
ผู้เป็นแม่ของเด็กชายและเป็นภรรยาของบุคคลที่เด็กชายเรียกว่าพ่อ
เห็นดังนั้นจึงหาช่องว่างในการต่อสู้กับจอมพลคนทรยศคนที่สาม
เพื่อมาช่วยลูกและสามีเมื่อมีช่องว่างเธอจึงพุ่งหมัดเข้าใจหน้าจอมพลและเตะ
เข้าที่ซอกคอของจอมพลด้วยแรงเตะทำให้จอมพลกระเด็นไปไกลจนชนเข้า
กับต้นไม้ใหญ่และด้วยแรงเตะอันมหาสานทำให้ชนต้นไม้ใหญ่ขาดเป็นสอง
ทอนเมื่อชนเข้ากับร่างของจอมพลและขาดอีกหลายต้น เพียงพริบตาเดียว
เธอก็อยู่ต่อหน้าทศกัณฐ์เธอพุ่งเขาเตะใส่ที่หน้าของทศกัณฐ์ด้วยแรงที่มหา
สานจึงทำให้ทศกัณฐ์หงายหลังก่อนที่จะเยียบบุคคลอันเป็นที่รักของเธอทั่ง
สองคน ด้วยร่างอันใหญ่โตของทศกัณฐ์ทำให้การล้มลงเกิดการสันสะเทือน
ของแผ่นดินอย่างมาก จอมพลเมื่อเห็นดังนั้นสั่งให้ทศกัณฐ์ลุกขึ้นและพุ่ง
หมัดทั่งยี่สิบหมัดอันใหญ่มหึมาใส่เธอที่ยืนอยู่กลางอากาศในชุดทรงของเชื้อ
พระวงษ์อันสวยงาน แต่เธอหลบได้ทุกหมัดเว้นเสียแต่ หมัดสุดท้ายเธอหลบ
ไม่ทันทำให้เธอถูกหมัดกระเด็นไปชนกับถูเขาทะลุออกด้านหลัง เมื่อจอมพล
ที่โดดพ่อของเด็กชายแทงเขาที่ท้องเห็นดังนั้น จึงใช้แรงที่เหลือพยุงตัวเอง
ขึ้นและเดินโดยมือหนึ่งกมที่ท้องที่มีเลือดไหล และอีกข้างใช้รากดาบที่มีไฟ
ลุกตลอกเวลา เดินตรงไปไปยังสองคนพ่อลูกพร้อมกับจอมพลที่เหลือสองคน
“อันดับห้ารัฐรามา ถ้าท่านไม่อยากให้ลูกชายของท่านตายพร้อมท่าน บอก
ที่ซอนฐานข้อมูลลับมาเดี๋ยวนี้”
“ 555 ที่เจ้าทรยศข้าก็เพื่อฐานข้อมูลลับ ข้าจะบอกพวกเจ้าทั้งสามให้รู้ไว้น่ะ ข้าไม่รู้ว่ามันอยู่ไหน 555”
“อย่างนั้นมึงก็ต้องทนเห็นลูกมึงตายอย่างช้าๆ เลือดจะค่อยๆไหลจากการ
ตัดขาและแขน อย่างนั้นเหลอ”จอมพลส่งสัญญาณให้จอมพลอีกคนดึง
เด็กชายออกมาจากอ้อมกอดจากผู้เป็นพ่อ แต่ยังไม่ทันได้ทำอะไร รากของ
ต้นไม้ขนากใหญ่โพล่พ้นจากดินขึ้นมาพันรอบตัวของจอมพลทั้งสามพร้อม
กับรากไม้ที่โพล่มาจากพื้นดินพุ่งใส่เข้าที่หน้าอกของจอมพลทั้งสามแต่หนึ่ง
ในจอมพลยังสามารถขยับตัวได้ จึงเอามือมาประกบกันเพื่อร่ายเวทย์
“ เผ่าผลาญพินาศ” เมื่อจอมพลจองมองไปยังรากไม้ที่พันรอบตัวไฟก็ลุก
เผาผลาญจนรากไม้ไหม้เป็นผุยผง ทั่งสามจอมพลกระโดดถอยหลังกับไป
ตั่งหลัก พร้อมกับมีร่างกายของผู้เป็นแม่เด็กชายปรากฏตัวตรงหน้าเด็กชาย
และพ่อจากการรวมตัวของฝูงผีเสื้อสีขาวขนาดเล็กนับแสนพร้อมอาการ
เหนื่อย
“ ตราบใดที่เรายังอยู่ เราจะปกป้องสามีและลูกเราด้วยชีวิตของเรา”
“ อัปสรสวรรค์ เจ้ามิเป็นไรใช้ไม” ผู้เป็นสามีถามด้วยความเป็นห่างพร้อมกระอักเลือด
“พ่อไม่เป็นไรนะ” ผู้เป็นลูกถามด้วยน้ำตาที่ไหลอาบทั้งสองข้าง ผู้เป็นพ่อ
ใช้มืออีกข้างที่ถนันแต่เต็มไปด้วยเลือดเช็ดน้ำตาที่ไหลอาบแก้มทั้งสองข้าง
อย่างอ่อนโยน “ รัฐโยอัคคีหัสดิน เจ้านั้นเป็นลูกพ่อเป็นสายเลือดอันดับห้า
แลเป็นลูกที่แม่เจ้านั้นรักยิ่งกว่าชีวิต พ่อขอโทษที่มิได้อยู่สอนดาบเจ้า
มิได้อยู่สอนเจ้าอีกแล้ว อันหน้าที่แห่งอันดับนั้นมาก่อนแห่งความเป็นพ่อ
พ่อขอโทษหากพ่อนั้นเลือกเจ้าผู้คนนับแสนที่อยู่ข้างหลังจะผึงใครเหล่า
จำคำพ่อไว้ หากเจ้าจะหาคนที่จริงใจจงจริงใจกับเขาก่อนหากเจ้าจะหาคนที่
ตายแทนเจ้า เจ้าจงตายแทนเขาก่อน พ่อต้องขอโทษที่พ่อต้องขอร้องเจ้า
เป็นครั้งสุดท้าย ภายพากหน้าเจ้าต้องเห็นคนนับแสนมาก่อนความสุขของ
ตนเองและต้องเป็นอันดับห้าแห่งฉางเมืองที่ร่างกายเจ้าเป็นของประชาชน
ใจเจ้าเป็นของบ้านเมือง พ่อขอโทษที่มอมหน้าที่ให้เจ้า อย่าโกรธพ่อเลยนะ พ่อขอโทษ” ผู้เป็นพ่อพูดพร้อมน้ำตาที่ไหลออกมาพร้อมกับมือที่สั่นเครือ
เช็ดน้ำตาให้ลูกชาย พร้อมทิ้งไว้เพียงร่างกายที่ไรลมหายใจ สะหลายเป็นประกายแสนขนาดเล็กนับไม่ถ้วนลอยขึ้นฟ้าและหายไป
“ ท่านพ่อออออออ” ผู้เป็นลูกตะโกนเรียก พร้อมทุบดินร้องให้จนร่างกายสั่นเครือ ผู้เป็นแม่ประคองกอดลูกไว้ในอ้อมอก น้ำตาไหลหยดลงบนแก้มเด็กชาย
“ รัฐโย แม่รักลูกมากนะ แม่จะอยู่ในใจลูกจะอยู่ตรงนี้ข้างๆลูกเสมอแม่ขอโทษ แม่มิอาจทิ้งให้ท่านพ่อเจ้านั้นอยู่ผู้เดียวได้ ลูกเข้าใจแม่นะ ยามใดลูกพบความทอ รัฐโย เจ้าจงรู้ไว้ว่าแม่กับท่านพ่อจะอยู่เป็นกำลังใจให้เจ้าตรงนี้” ผู้เป็นแม่พูดพร้อมชี้ไปที่หน้าอกของลูกชายพร้อมรอยยิ้มทั้งน้ำตา
“แม่....”
“แม่ขอโทษ...........พี่ท่านน้องจักจักการเรื่องนี้ให้จบพี่ท่านจักมิต้องอยู่คนเดียวน้องสัญญา”
ผู้เป็นแม่คลายอ้อมกอดจากลูกชายและลุกขึ้นยืนหันหลัง
“ เกาะสี่เสาพฤกษา” เมื่อสิ้นเสียก็ปรากฏต้นไม้ขนาดกลางงอกโผล่พ้นจาก
ดินทั้งสี่ทิศล้อมรอมเด็กชาย กิ่งก้านพันเกี่ยวล้อมรอบเป็นสี่เหลี่ยม
ลูกบาศก์ ภาพสุดท้ายที่เด็กชายเห็นก่อนที่กิ่งก้านของต้นไม้จะพันกันจนไม่
เหลือช่องว่างให้เห็น คือภาพที่มารดาของตน ต่อสู่กับสามจอมพลด้วย
ความที่ต้องรับมือกับสามจอมพลจึงพาดท่าเสียหลัก ทำให้หนึ่งในจอมพลใช้
ดาบเพิงที่อยู่ในมือแทงเข้าที่ด่านหลังของผู้เป็นแม่ของเด็กชายตามด้วยด้าย
ดาบที่ฟันเฉียงที่หน้าอกเลือดสาดกระเด็นและล้มลงสู่พื้นก่อนที่เธอจะสิ้นลม
หายใจ “ผนึก ผนึกพฤกษาศก ศกที่เก้า ผนึกพฤกษาแปดทิศ” ต้นไม้
งอกโผล่ขึ้งจากดินแปดทิศกิ่งก้านพุ่งเข้าพันรอบตัวสามจอมพล
สามจอมพลใช้อาวุธอัญเชิญประจำกายฟาดฟันกิ่งก้านรากไม้ แต่ด้วยความ
ที่กิ่งก้านรากไม้มีมากเกินไปจึงถูกรากต้นไม่พันจับกุมไว้แน่น
“กลืนกินปิดชีพผนึก”ต้นไม้ค่อยๆพันล้อมรอบสามจอมพลและหดลงสู่พื้นดิน
และหายไปทิ้งไว้เพียงแค่ร่างบางของหญิงสาวผู้เป็นแม่ของเด็กชาย
ที่ค่อยๆกายเป็นประกายแสงเล็กๆและจางหายไป
“แม่......รักกก.....ลูก...”เด็กชายเห็นแค่ริมฝีปากบางๆ นั้นขยับบอกรักเขา ก่อนที่ภาพจะเลือนหายไป
10 ปีต่อมา
“เองคิดว่าไง การเรียกประชุมผู้นำจอมพลระดับสูงครั้งนี้จะต้องเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นแน่ๆที่ผ่านมาไม่มีการเรียกประชุมครั้งใหญ่นานแล้ว”
“เองไม่รู้เหลอว่า ผนึกแห่งอโยธยาได้ปรากฏขึ้นอีกครั้งในรอบ 100 ปี ข้าได้ข่าวว่าสามจอมพลทรยศ พวกมันเป็นคนเปิด ”
“เองว่าไงนะ ไอ้คนทรยศนั้นยังไม่ตายอีกเหลอ”
โต๊ะประชุมขนาดใหญ่รูปทรงสี่เหลี่ยมพื้นผ้าที่
หัวโต๊ะนั้นมีเก้าอี้ห้าตัวที่มีลวดลายอันวิจิตสวยงานราวกับเตรียมไว้ให้ผู้มีอำนาจ ถัดมาเป็นเกาอี้ของจอมพลทั้งสอบคน และปิดท้ายด้วยสามหัวหน้าใหญ่ ยมทูตขาว ยมทูตดำ และหัวหน้ามัชฌิมา เพียงไม่นานก็ปรากฏร่างบุคคลภายใต้หน้ากากสีขาวที่มีลักษณะเหมือนหัวกะโหลกขาวที่ด้านบนซ้ายนั้นมีอักขระบอกถึงตำแห่งสูงสุดนั้นคือ ตำแหน่งอันดับ อยู่ในชุดที่ดูแล้วมีความเป็นผู้นำอยู่ในเสื้อคุมยาวถึงพื้นแขนยาว ที่ดำ
เมือเหล่าบุคคลผู้ทรงอำนาจเดินเข้ามา ทุกคนในที่ประชุมพร้อมลุกขึ้นและก้มศีรษะให้ก่อนนั่งลงอีกครั้ง
อันดับ 1: “พวกท่านคงรู้แล้ววาข้าเรียกพวกทานมาด้วยสาเหตุอะไร”
อันดับ2: “จากที่ข้าได้รับรายงานมาผนึก อโยธยาได้ถูกทำลายลงแล้ว”
เมื่อสิ้นคำพูดเสียงซุบซิบกันว่า “เป็นไปได้ยังไงผนึก อโยธยาจะถูกทำลายแล้ว” “ข้าไม่เชื่อ” “มันเป็นไปไม่ได้” “มันแข็งแก่งที่สุด” เสียงพูดคุยเงียบลงเมืองมีเสียงหนึ่งเอ่ยขึ้น
จอมพลที่ 1: “เป็นไปได้ยังไงท่านอันดับ ผนึกอโยธยา เป็นเวทมนต์ที่แข็งแก่งที่สุด และก็ถูกสั่ง ห้ามใช้มาเป็นเวลา 100 ปีแล้ว แล้วมันก็หายสาบศูนย์ไปเพราะไม่มีคนสืบทอด”
หัวหน้าหน่วยยมทูตขาว: “ถูกต้องแล้ว แล้วมันหายไปจากหอพระคัมภีร์ แต่ก็ใช้ว่าจะอัญเชิญผนึกนั้นขึ้นมาไม่ได้ จากสายข่าวที่ข้าได้มา สามจอมพลนั้น รวบรวมจอมเวทย์ ทั้งหมด 100 คน และบังคับให้จอมเวทย์พวกนั้นอัญเชิญผนึก อโยธยาขึ้นมาโดยสังเวยชีวิตจอมเวทย์พวกนั้น”
หัวหน้าหน่วยยมทูตดำ:“และมันก็ใช้เวทย์บอมนิวเคียด ที่มีอนุภาพเทียบเท่ากับนิวเคีลยร์ที่
ทิ้งที่นางาชากิทำรายประตูผนึกอโยธยาเพื่อปลดปล่อยเหล่าปีศาจที่อยู่ในนั้นออกมาเพื่อใช้ทำอะไรรางอย่างแน่”
จอมพลที่3: “ หะ! อะไรนะ! พวกมันฝึกเวทย์บอมนิวเคียดได้ ได้ยังไงกัน มันถูกสั่งห้ามใช้ไปแล้ว เมื่อหนึ่งร้อยปีก่อนหลังมหาสงคราบโลกปีศาจจบลงแล้วนิเพราะมันมีอนุภาพร้ายแรงยิ่งนัก และเราจะรับมือกับบอมนิวเคียดได้ยังไง”
หัวหน้าหน่วยยมทูตขาว: “ผมไม่คิดว่ามันจะเป็นผลดีหรือผลร้ายเท่าไรนัก เพราะว่าสามจอมพลนั้น ใช้พลังในการยิงบอมนิวเคียด ตอนนี้พวกมันจึงอ่อนลำลังลง ทำให้ไม่สามารถควบคุมพวกปีศาจที่ถูกปลดปล่อยออกมาจากผนึกอโยธยาได้ แต่อีกไม่นานปีศาจพวกนั้นจะเข้าโจมตีชาวเมืองต่างๆที่ด้อยการป้องกันและการพัฒนาศาสตราวุธ ด้วยความหิวกระหายและเพื่อเพิ่มพลังในการที่จะรับมือกับจอมเวทย์จบใหม่และจอมเวทย์อิสระและเหล่านักลบของแต่ละเมืองแต่ละชนเผ่า”
จอมพลที่8:“วิธีการป้องกันเราจะป้องกันอย่างไร”
จอมพลที่ 5:“ท่านถามหาวิธีป้องกัน ก็จำเป็นที่จะต้องรู้ว่าพวกมันต้องการอะไร”
จอมพลที่4:“คงจะเป็นฐานข้อมูลลับที่ท่านหัวหน้ายมทูตขาวดูแลคงมิผิด”
จอมพลที่3:“จะยอมให้ฐานข้อมูลรับตกไปอยู่ในมือพวกมันมิได้”
จอมพลที่9:“ฐานข้อมูลลับคืออะไร “
ไม่แปลที่จอมพลที่เก้าจะมิรู้ความรับนี้เพราะเขาเป็นจอมพลที่พึ่งเข้ารับตำแหน่งเมื่อไม่นานมานี้เขาพึงผ่านการคัดเลือกให้มาแทนจอมพลคนเก่าที่ทรยศ จอมพลที่เก้ามีหน้าที่คุมครองความปอดภัยของประชาชน
หัวหน้ายมทูตขาว: “ฐานข้อมูลลับเป็นแหล่งเก็บรวบรวมข้อมูล ในอดีต ปัจจุบัน และอนาคตไว้ รวมไปถึงข้อมูลตั่งแต่เกิดจนตายของทุกคนบนโลกนี้โดยเฉพาะข้อมูลในอนาคตสำคัญมาก ยกตัวอย่างเช่น อีก 150 ปีข้างหน้านับจากนี้มนุษย์จะสามารถ คิดค้นสร้างปัญญาประดิษฐ์ ได้
to be continued
***++++***++++****++++****+++****+++
ติชม กดโหวด คอมเม้นกันเพื่อเป็นกำลังใจกันนะครับ
ตอนที่ 1 ผู้ทรยศ
โดย หกแสบ
**+++***+++***+++***+++***+++***+++***+++***+++***++
“ สิ้นแล้วสิ้นบุญวาสนา
สิ้นแล้วสิ้นกรรมที่ทำรวมกันมา
สิ้นแล้วสิ้นเยื้อใยที่เกาะเกี่ยวเป็นเกรียวแน่น
สิ้นแล้วสิ้นอันดับห้าแห่งฉางเมือง
แต่น้อง มิสิ้นกลิ่นรักมิจางหาย
จักตามไปรับใช้ใต้พระบาทตลอดกาล”
“ท่านพ่อ ท่านแม่”เด็กชายอยู่ในเครื่องทรงเชื้อพระวงษ์ร้อง
เรียกท่านพ่อท่านแม่ด้วยน้ำตาที่อาบสองแก้ม ปากสันตัวสันด้วยความกลัว
ร้องเรียกสุดเสียง “ปล่อยข้า ข้าจะไปหาท่านพ่อท่านแม่” พร้อมดิ้นรนให้
หลุดพลจากการจับกุมของหนึ่งในจอมพลผู้ทรยศ ภาพที่เด็กชายเห็นคือ
จอมพลผู้ทรยศอีกคน เรียกศาสตราประจำกายออกมาจับถือไว้ในมือและ
ฝาดฟันลงบนหน้าอกของผู้เป็นพ่อของเด็กชายเลือดสาดกระเด็นหยดไหล
ลงพื้น เพราะเสียท่าให้กับจอมพลผู้ทรยศเพราะจับเด็กชายไว้เป็นตัวประกัน
ด้วยความเป็นห่วงลูกชายจึงเปิดช่องว่างให้ศัตรูเข้าเล่นงาน ก่อนที่ร่างจะ
ร่วงหลนลงพื้นจึงเรียกใช้อาวุธประจำกายแทงเข้าที่ท้องของจอมพลผู้ทรยศ
จนทะรุหลังและขาที่ถนัดถีบจอมพลออกไปก่อนที่จอมพลจะฟันเขาอีกครั้ง
เห็นลูกชายดิ้นจนหลุดพ้นจากการจับกุมของสัตรู วิ่งเข้ามาหาเขา
จอมพลเห็นดังนั้นจึงเรียกใช้วงแหวนเวทย์ เมื่อวงแหวนเวทย์ปรากฏขึ้น
ก็มีลูกบอนไฟขนาดใหญ่ออกมาและพุ่งเข้าใส่เด็กชายที่วิ่งอย่าง ทุรัก ทุเร
เข้ามาหาเขา เขาจึงใช้พลังทั่งหมดที่เหลืออยู่เรียกวงแหวนเวทย์เปลี่ยนเป็น
เกราะคุ่มกันภัยเด็กชาย ลูกบอนไฟขนาดใหญ่พุ่งเข้าใส่เด็กชาย ระเบิด
ออกและหายไปพร้อมกับเกาะ แต่เด็กชายไม่เป็นไรเพราะมีเกาะของพ่อคุม
กันภัย เมื่อเป็นเช่นนั้นเด็กชายจึงวิ่งเขาไปประคองท่านพ่อของตน
เมื่อจอมพลเห็นเด็กชายรอดไปได้ ดังนั้นจึงคิดที่จะจัดการทั้งพ่อและลูกใน
คราวเดียวกัน “ อัญเชิญ อัญเชิญ เผ่าพันยักษ์ ทศกัณฐ์ พระยายักษ์”
เมื่อสิ้นเสียง วงแหวนเวทย์ขนาดใหญ่ก็ปรากฏเบื้องหน้าจอมพลผู้ทรยศ
พร้อมมีมือยักษ์ใหญ่โผล่ออกมาจับ จับขอบวงแหวนเวทย์ และค่อยๆออก
มาจนเต็มตัว เผยให้เห็นร่างกายอันใหญ่โตกว่าภูเขาของพระยายักษ์ทศ
กัณฐ์ที่มีสิบเศียรยี่สิบกรเหมือนเดินออกมาจากรามเกียรติ์มิมีผิด
พระยายักษ์ทศกัณฐ์ ยกเท้าขึ้นเพื่อเยียบสองคนพ่อลูกให้จมดิน
ผู้เป็นแม่ของเด็กชายและเป็นภรรยาของบุคคลที่เด็กชายเรียกว่าพ่อ
เห็นดังนั้นจึงหาช่องว่างในการต่อสู้กับจอมพลคนทรยศคนที่สาม
เพื่อมาช่วยลูกและสามีเมื่อมีช่องว่างเธอจึงพุ่งหมัดเข้าใจหน้าจอมพลและเตะ
เข้าที่ซอกคอของจอมพลด้วยแรงเตะทำให้จอมพลกระเด็นไปไกลจนชนเข้า
กับต้นไม้ใหญ่และด้วยแรงเตะอันมหาสานทำให้ชนต้นไม้ใหญ่ขาดเป็นสอง
ทอนเมื่อชนเข้ากับร่างของจอมพลและขาดอีกหลายต้น เพียงพริบตาเดียว
เธอก็อยู่ต่อหน้าทศกัณฐ์เธอพุ่งเขาเตะใส่ที่หน้าของทศกัณฐ์ด้วยแรงที่มหา
สานจึงทำให้ทศกัณฐ์หงายหลังก่อนที่จะเยียบบุคคลอันเป็นที่รักของเธอทั่ง
สองคน ด้วยร่างอันใหญ่โตของทศกัณฐ์ทำให้การล้มลงเกิดการสันสะเทือน
ของแผ่นดินอย่างมาก จอมพลเมื่อเห็นดังนั้นสั่งให้ทศกัณฐ์ลุกขึ้นและพุ่ง
หมัดทั่งยี่สิบหมัดอันใหญ่มหึมาใส่เธอที่ยืนอยู่กลางอากาศในชุดทรงของเชื้อ
พระวงษ์อันสวยงาน แต่เธอหลบได้ทุกหมัดเว้นเสียแต่ หมัดสุดท้ายเธอหลบ
ไม่ทันทำให้เธอถูกหมัดกระเด็นไปชนกับถูเขาทะลุออกด้านหลัง เมื่อจอมพล
ที่โดดพ่อของเด็กชายแทงเขาที่ท้องเห็นดังนั้น จึงใช้แรงที่เหลือพยุงตัวเอง
ขึ้นและเดินโดยมือหนึ่งกมที่ท้องที่มีเลือดไหล และอีกข้างใช้รากดาบที่มีไฟ
ลุกตลอกเวลา เดินตรงไปไปยังสองคนพ่อลูกพร้อมกับจอมพลที่เหลือสองคน
“อันดับห้ารัฐรามา ถ้าท่านไม่อยากให้ลูกชายของท่านตายพร้อมท่าน บอก
ที่ซอนฐานข้อมูลลับมาเดี๋ยวนี้”
“ 555 ที่เจ้าทรยศข้าก็เพื่อฐานข้อมูลลับ ข้าจะบอกพวกเจ้าทั้งสามให้รู้ไว้น่ะ ข้าไม่รู้ว่ามันอยู่ไหน 555”
“อย่างนั้นมึงก็ต้องทนเห็นลูกมึงตายอย่างช้าๆ เลือดจะค่อยๆไหลจากการ
ตัดขาและแขน อย่างนั้นเหลอ”จอมพลส่งสัญญาณให้จอมพลอีกคนดึง
เด็กชายออกมาจากอ้อมกอดจากผู้เป็นพ่อ แต่ยังไม่ทันได้ทำอะไร รากของ
ต้นไม้ขนากใหญ่โพล่พ้นจากดินขึ้นมาพันรอบตัวของจอมพลทั้งสามพร้อม
กับรากไม้ที่โพล่มาจากพื้นดินพุ่งใส่เข้าที่หน้าอกของจอมพลทั้งสามแต่หนึ่ง
ในจอมพลยังสามารถขยับตัวได้ จึงเอามือมาประกบกันเพื่อร่ายเวทย์
“ เผ่าผลาญพินาศ” เมื่อจอมพลจองมองไปยังรากไม้ที่พันรอบตัวไฟก็ลุก
เผาผลาญจนรากไม้ไหม้เป็นผุยผง ทั่งสามจอมพลกระโดดถอยหลังกับไป
ตั่งหลัก พร้อมกับมีร่างกายของผู้เป็นแม่เด็กชายปรากฏตัวตรงหน้าเด็กชาย
และพ่อจากการรวมตัวของฝูงผีเสื้อสีขาวขนาดเล็กนับแสนพร้อมอาการ
เหนื่อย
“ ตราบใดที่เรายังอยู่ เราจะปกป้องสามีและลูกเราด้วยชีวิตของเรา”
“ อัปสรสวรรค์ เจ้ามิเป็นไรใช้ไม” ผู้เป็นสามีถามด้วยความเป็นห่างพร้อมกระอักเลือด
“พ่อไม่เป็นไรนะ” ผู้เป็นลูกถามด้วยน้ำตาที่ไหลอาบทั้งสองข้าง ผู้เป็นพ่อ
ใช้มืออีกข้างที่ถนันแต่เต็มไปด้วยเลือดเช็ดน้ำตาที่ไหลอาบแก้มทั้งสองข้าง
อย่างอ่อนโยน “ รัฐโยอัคคีหัสดิน เจ้านั้นเป็นลูกพ่อเป็นสายเลือดอันดับห้า
แลเป็นลูกที่แม่เจ้านั้นรักยิ่งกว่าชีวิต พ่อขอโทษที่มิได้อยู่สอนดาบเจ้า
มิได้อยู่สอนเจ้าอีกแล้ว อันหน้าที่แห่งอันดับนั้นมาก่อนแห่งความเป็นพ่อ
พ่อขอโทษหากพ่อนั้นเลือกเจ้าผู้คนนับแสนที่อยู่ข้างหลังจะผึงใครเหล่า
จำคำพ่อไว้ หากเจ้าจะหาคนที่จริงใจจงจริงใจกับเขาก่อนหากเจ้าจะหาคนที่
ตายแทนเจ้า เจ้าจงตายแทนเขาก่อน พ่อต้องขอโทษที่พ่อต้องขอร้องเจ้า
เป็นครั้งสุดท้าย ภายพากหน้าเจ้าต้องเห็นคนนับแสนมาก่อนความสุขของ
ตนเองและต้องเป็นอันดับห้าแห่งฉางเมืองที่ร่างกายเจ้าเป็นของประชาชน
ใจเจ้าเป็นของบ้านเมือง พ่อขอโทษที่มอมหน้าที่ให้เจ้า อย่าโกรธพ่อเลยนะ พ่อขอโทษ” ผู้เป็นพ่อพูดพร้อมน้ำตาที่ไหลออกมาพร้อมกับมือที่สั่นเครือ
เช็ดน้ำตาให้ลูกชาย พร้อมทิ้งไว้เพียงร่างกายที่ไรลมหายใจ สะหลายเป็นประกายแสนขนาดเล็กนับไม่ถ้วนลอยขึ้นฟ้าและหายไป
“ ท่านพ่อออออออ” ผู้เป็นลูกตะโกนเรียก พร้อมทุบดินร้องให้จนร่างกายสั่นเครือ ผู้เป็นแม่ประคองกอดลูกไว้ในอ้อมอก น้ำตาไหลหยดลงบนแก้มเด็กชาย
“ รัฐโย แม่รักลูกมากนะ แม่จะอยู่ในใจลูกจะอยู่ตรงนี้ข้างๆลูกเสมอแม่ขอโทษ แม่มิอาจทิ้งให้ท่านพ่อเจ้านั้นอยู่ผู้เดียวได้ ลูกเข้าใจแม่นะ ยามใดลูกพบความทอ รัฐโย เจ้าจงรู้ไว้ว่าแม่กับท่านพ่อจะอยู่เป็นกำลังใจให้เจ้าตรงนี้” ผู้เป็นแม่พูดพร้อมชี้ไปที่หน้าอกของลูกชายพร้อมรอยยิ้มทั้งน้ำตา
“แม่....”
“แม่ขอโทษ...........พี่ท่านน้องจักจักการเรื่องนี้ให้จบพี่ท่านจักมิต้องอยู่คนเดียวน้องสัญญา”
ผู้เป็นแม่คลายอ้อมกอดจากลูกชายและลุกขึ้นยืนหันหลัง
“ เกาะสี่เสาพฤกษา” เมื่อสิ้นเสียก็ปรากฏต้นไม้ขนาดกลางงอกโผล่พ้นจาก
ดินทั้งสี่ทิศล้อมรอมเด็กชาย กิ่งก้านพันเกี่ยวล้อมรอบเป็นสี่เหลี่ยม
ลูกบาศก์ ภาพสุดท้ายที่เด็กชายเห็นก่อนที่กิ่งก้านของต้นไม้จะพันกันจนไม่
เหลือช่องว่างให้เห็น คือภาพที่มารดาของตน ต่อสู่กับสามจอมพลด้วย
ความที่ต้องรับมือกับสามจอมพลจึงพาดท่าเสียหลัก ทำให้หนึ่งในจอมพลใช้
ดาบเพิงที่อยู่ในมือแทงเข้าที่ด่านหลังของผู้เป็นแม่ของเด็กชายตามด้วยด้าย
ดาบที่ฟันเฉียงที่หน้าอกเลือดสาดกระเด็นและล้มลงสู่พื้นก่อนที่เธอจะสิ้นลม
หายใจ “ผนึก ผนึกพฤกษาศก ศกที่เก้า ผนึกพฤกษาแปดทิศ” ต้นไม้
งอกโผล่ขึ้งจากดินแปดทิศกิ่งก้านพุ่งเข้าพันรอบตัวสามจอมพล
สามจอมพลใช้อาวุธอัญเชิญประจำกายฟาดฟันกิ่งก้านรากไม้ แต่ด้วยความ
ที่กิ่งก้านรากไม้มีมากเกินไปจึงถูกรากต้นไม่พันจับกุมไว้แน่น
“กลืนกินปิดชีพผนึก”ต้นไม้ค่อยๆพันล้อมรอบสามจอมพลและหดลงสู่พื้นดิน
และหายไปทิ้งไว้เพียงแค่ร่างบางของหญิงสาวผู้เป็นแม่ของเด็กชาย
ที่ค่อยๆกายเป็นประกายแสงเล็กๆและจางหายไป
“แม่......รักกก.....ลูก...”เด็กชายเห็นแค่ริมฝีปากบางๆ นั้นขยับบอกรักเขา ก่อนที่ภาพจะเลือนหายไป
10 ปีต่อมา
“เองคิดว่าไง การเรียกประชุมผู้นำจอมพลระดับสูงครั้งนี้จะต้องเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นแน่ๆที่ผ่านมาไม่มีการเรียกประชุมครั้งใหญ่นานแล้ว”
“เองไม่รู้เหลอว่า ผนึกแห่งอโยธยาได้ปรากฏขึ้นอีกครั้งในรอบ 100 ปี ข้าได้ข่าวว่าสามจอมพลทรยศ พวกมันเป็นคนเปิด ”
“เองว่าไงนะ ไอ้คนทรยศนั้นยังไม่ตายอีกเหลอ”
โต๊ะประชุมขนาดใหญ่รูปทรงสี่เหลี่ยมพื้นผ้าที่
หัวโต๊ะนั้นมีเก้าอี้ห้าตัวที่มีลวดลายอันวิจิตสวยงานราวกับเตรียมไว้ให้ผู้มีอำนาจ ถัดมาเป็นเกาอี้ของจอมพลทั้งสอบคน และปิดท้ายด้วยสามหัวหน้าใหญ่ ยมทูตขาว ยมทูตดำ และหัวหน้ามัชฌิมา เพียงไม่นานก็ปรากฏร่างบุคคลภายใต้หน้ากากสีขาวที่มีลักษณะเหมือนหัวกะโหลกขาวที่ด้านบนซ้ายนั้นมีอักขระบอกถึงตำแห่งสูงสุดนั้นคือ ตำแหน่งอันดับ อยู่ในชุดที่ดูแล้วมีความเป็นผู้นำอยู่ในเสื้อคุมยาวถึงพื้นแขนยาว ที่ดำ
เมือเหล่าบุคคลผู้ทรงอำนาจเดินเข้ามา ทุกคนในที่ประชุมพร้อมลุกขึ้นและก้มศีรษะให้ก่อนนั่งลงอีกครั้ง
อันดับ 1: “พวกท่านคงรู้แล้ววาข้าเรียกพวกทานมาด้วยสาเหตุอะไร”
อันดับ2: “จากที่ข้าได้รับรายงานมาผนึก อโยธยาได้ถูกทำลายลงแล้ว”
เมื่อสิ้นคำพูดเสียงซุบซิบกันว่า “เป็นไปได้ยังไงผนึก อโยธยาจะถูกทำลายแล้ว” “ข้าไม่เชื่อ” “มันเป็นไปไม่ได้” “มันแข็งแก่งที่สุด” เสียงพูดคุยเงียบลงเมืองมีเสียงหนึ่งเอ่ยขึ้น
จอมพลที่ 1: “เป็นไปได้ยังไงท่านอันดับ ผนึกอโยธยา เป็นเวทมนต์ที่แข็งแก่งที่สุด และก็ถูกสั่ง ห้ามใช้มาเป็นเวลา 100 ปีแล้ว แล้วมันก็หายสาบศูนย์ไปเพราะไม่มีคนสืบทอด”
หัวหน้าหน่วยยมทูตขาว: “ถูกต้องแล้ว แล้วมันหายไปจากหอพระคัมภีร์ แต่ก็ใช้ว่าจะอัญเชิญผนึกนั้นขึ้นมาไม่ได้ จากสายข่าวที่ข้าได้มา สามจอมพลนั้น รวบรวมจอมเวทย์ ทั้งหมด 100 คน และบังคับให้จอมเวทย์พวกนั้นอัญเชิญผนึก อโยธยาขึ้นมาโดยสังเวยชีวิตจอมเวทย์พวกนั้น”
หัวหน้าหน่วยยมทูตดำ:“และมันก็ใช้เวทย์บอมนิวเคียด ที่มีอนุภาพเทียบเท่ากับนิวเคีลยร์ที่
ทิ้งที่นางาชากิทำรายประตูผนึกอโยธยาเพื่อปลดปล่อยเหล่าปีศาจที่อยู่ในนั้นออกมาเพื่อใช้ทำอะไรรางอย่างแน่”
จอมพลที่3: “ หะ! อะไรนะ! พวกมันฝึกเวทย์บอมนิวเคียดได้ ได้ยังไงกัน มันถูกสั่งห้ามใช้ไปแล้ว เมื่อหนึ่งร้อยปีก่อนหลังมหาสงคราบโลกปีศาจจบลงแล้วนิเพราะมันมีอนุภาพร้ายแรงยิ่งนัก และเราจะรับมือกับบอมนิวเคียดได้ยังไง”
หัวหน้าหน่วยยมทูตขาว: “ผมไม่คิดว่ามันจะเป็นผลดีหรือผลร้ายเท่าไรนัก เพราะว่าสามจอมพลนั้น ใช้พลังในการยิงบอมนิวเคียด ตอนนี้พวกมันจึงอ่อนลำลังลง ทำให้ไม่สามารถควบคุมพวกปีศาจที่ถูกปลดปล่อยออกมาจากผนึกอโยธยาได้ แต่อีกไม่นานปีศาจพวกนั้นจะเข้าโจมตีชาวเมืองต่างๆที่ด้อยการป้องกันและการพัฒนาศาสตราวุธ ด้วยความหิวกระหายและเพื่อเพิ่มพลังในการที่จะรับมือกับจอมเวทย์จบใหม่และจอมเวทย์อิสระและเหล่านักลบของแต่ละเมืองแต่ละชนเผ่า”
จอมพลที่8:“วิธีการป้องกันเราจะป้องกันอย่างไร”
จอมพลที่ 5:“ท่านถามหาวิธีป้องกัน ก็จำเป็นที่จะต้องรู้ว่าพวกมันต้องการอะไร”
จอมพลที่4:“คงจะเป็นฐานข้อมูลลับที่ท่านหัวหน้ายมทูตขาวดูแลคงมิผิด”
จอมพลที่3:“จะยอมให้ฐานข้อมูลรับตกไปอยู่ในมือพวกมันมิได้”
จอมพลที่9:“ฐานข้อมูลลับคืออะไร “
ไม่แปลที่จอมพลที่เก้าจะมิรู้ความรับนี้เพราะเขาเป็นจอมพลที่พึ่งเข้ารับตำแหน่งเมื่อไม่นานมานี้เขาพึงผ่านการคัดเลือกให้มาแทนจอมพลคนเก่าที่ทรยศ จอมพลที่เก้ามีหน้าที่คุมครองความปอดภัยของประชาชน
หัวหน้ายมทูตขาว: “ฐานข้อมูลลับเป็นแหล่งเก็บรวบรวมข้อมูล ในอดีต ปัจจุบัน และอนาคตไว้ รวมไปถึงข้อมูลตั่งแต่เกิดจนตายของทุกคนบนโลกนี้โดยเฉพาะข้อมูลในอนาคตสำคัญมาก ยกตัวอย่างเช่น อีก 150 ปีข้างหน้านับจากนี้มนุษย์จะสามารถ คิดค้นสร้างปัญญาประดิษฐ์ ได้
to be continued
***++++***++++****++++****+++****+++
ติชม กดโหวด คอมเม้นกันเพื่อเป็นกำลังใจกันนะครับ
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ