นางบำเรอเลื่อนขั้น

10.0

เขียนโดย ศิริพารา

วันที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2558 เวลา 21.28 น.

  8 ตอน
  0 วิจารณ์
  12.16K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2558 21.30 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

8) นางบำเรอเลื่อนขั้น ตอนที่ 8 100%

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

ชยาภานั่งตัวลีบอยู่บนโซฟาในเพนท์เฮาส์สุดหรูที่คุ้นตามาเป็นเวลามากกว่าหนึ่งชั่วโมง หญิงสาวอยากหัวเราะให้กับชะตาชีวิตของตัวเองนัก คำว่านางบำเรอ มันช่างให้ความรู้สึกแอบซ่อน ปกปิด ซ่อนเร้นเหลือเกิน เขาจอดรถยนต์คันหรูในลานจอดรถส่วนตัว ใช้ลิฟต์ส่วนตัวที่เพิ่งจะรู้ว่ามันสามารถพาขึ้นมาส่งถึงในเพนท์เฮาส์ได้โดยที่ไม่มีใครพบเห็น! เขาหายเข้าไปในห้องสักพักและกลับออกมาอีกครั้งอย่างสดชื่นในชุดสบายๆ พร้อมข้อบังคับมากมายที่ต้องปฏิบัติตามทำให้อยากจะกลั้นใจตายไปตรงนี้นัก ไม่ต้องเปลืองสมองจำสิ่งที่เขาพรั่งพรูออกมาเลยแม้แต่นิดเดียว ชยาภาก็สรุปใจความได้สั้นๆว่า ‘เธอต้องทำตัวตามคำบัญชาของเขาทุกอย่างโดยไม่มีข้อแม้’

                แต่การรอคอยที่จะได้พูดคุยกับน้องสาวนั้นมันช่างเนิ่นนานเหลือเกิน ตั้งแต่เกิดมาชยาภาไม่เคยท้อแท้ เบื่อหน่ายกับการรอคอยอะไรสักอย่างในชีวิต ความที่ไม่ได้เกิดมาพรั่งพร้อมทุกอย่างทำให้มองความยากลำบากและโอกาสดีๆที่จะเกิดขึ้นในชีวิตเป็นเรื่องน่าอัศจรรย์ใจ และไม่เคยรู้สึกติดลบเท่าครั้งนี้ เธอเกลียดการรอคอยเสียงโทรศัพท์จากน้องสาวที่ยังไม่รู้ว่าจะปลอดภัยดังเช่นคำพูดของผู้ชายที่คอยเหลือบสายตามองมายังตนอยู่บ่อยครั้งหรือไม่!

                แต่สิ่งที่ดีที่สุดที่ทำได้ในตอนนี้ก็คือทำตามคำบัญชาของเขา แต่ชยาภาก็ลืมไปว่าเธอขัดขืนคำสั่งแรกของเจ้านายไปเรียบร้อยแล้ว เพราะเมื่อชั่วอึดใจที่ผ่านมานั้น... เสียงห้าวที่ลดความดุดันลงมาก เอ่ยปากออกคำสั่งให้เธอมานั่งรับประทานอาหารเย็นด้วยกันถึงสามครั้ง แต่หญิงสาวกับนั่งนิ่ง แนวของระดับสายตาจดจ้องอุปกรณ์สื่อสารที่วางอยู่บนโต๊ะ ซึ่งใจจริงแล้วอยากคว้ามันเอามาถือไว้ในมือแต่ก็หาได้รับอนุญาตไม่

                ...เพียงไม่กี่อึดใจต่อมาเสียงกรีดร้องของโทรศัพท์ก็ดังขึ้น ทลายความรู้สึกบีบคั้นหัวใจของชยาภา เช่นเดียวกับที่ร่างสูงใหญ่ของอัครรัฐซึ่งลุกขึ้นจากโต๊ะอาหาร ความยาวของช่วงขาผู้ชายที่สูงเกินหนึ่งร้อยแปดสิบห้าเซนติเมตรทำให้ไม่กี่ก้าวก็สามารถคว้าโทรศัพท์ไว้ได้

                ชยาภาผุดลุกขึ้นและวิ่งมาหยุดอยู่ตรงหน้าเขา มองด้วยสายตาที่มีความหวังอยู่เต็มเปี่ยม เขาพูดอยู่สองสามประโยคก็ยื่นโทรศัพท์ให้

                “คุยสิ น้องสาวเธอรู้สึกตัวแล้ว” อัครรัฐว่าพลางถอยหลังมายืนกอดอกมองคนที่รับโทรศัพท์ไปแล้วเอ่ยถามน้องสาวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ

                “ส้มโอ! เป็นยังไงบ้าง ปลอดภัยดีรึเปล่า ไม่ได้รับอันตรายตรงไหนใช่ไหม ใช่ไหม ตอบพี่มาเร็วๆ” ชยาภาระรัวคำถามทันที

                “ค่ะ... ส้มโอไม่เป็นไร มีคุณผู้ชายคนหนึ่งช่วยไว้ เขาบอกว่าเขาเป็นเพื่อนสนิทของเจ้านายพี่ พอส้มโอฟื้นเขาก็ให้คนขับรถมาส่งที่อพาร์ทเมนต์แถว... เขาบอกว่าไม่ต้องกลับไปที่บ้านของเราอีก พอส้มโอมาถึงที่นี่ เสื้อผ้าข้าวของก็กองไว้ในห้องแล้ว มันเกิดอะไรขึ้น ส้มโองงไปหมดแล้วนะ?” กันตาภาก็ระรัวคำถามใส่พี่สาวเช่นกัน

                “ตอบพี่มาก่อนว่าเราปลอดภัยดี ไม่ได้รับอันตรายตรงไหน” ชยาภาย้ำถามอีกครั้งและถอนใจออกมาอย่างโล่งอกเมื่อได้รับคำตอบหนักแน่นจากปากของน้องสาว “ฟังพี่นะส้มโอ เราน่ะถูกพี่โต้งวางยานอนหลับแล้วเอาไปขาย แต่โชคดีที่เจ้านายของพี่รู้เรื่องเข้าซะก่อน ขะ...เขาก็เลยช่วยเอาไว้”

                “อะไรนะคะ... พี่โต้งเนี่ยนะ?” กันตาภาถามเสียงสูงอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง

                “ใช่ พี่ยังเล่ารายละเอียดให้เราฟังตอนนี้ไม่ได้เพราะพี่กำลังเดินทางไปทำงานที่ภูเก็ต แต่ส้มโอต้องทำตามคำสั่งของพี่อย่างเคร่งครัดเพราะครั้งต่อไปอาจจะไม่โชคดีรอดตัวมาอย่างนี้ เข้าใจไหม” เมื่อน้องสาวรับคำอย่างว่าง่ายชยาภาก็เริ่มกำชับน้องสาวให้ตัดขาด ไม่ต้องยุ่งเกี่ยวกับรวิ ห้ามทำงานพาร์ทไทม์ใดๆทั้งสิ้น ให้ตั้งใจหางานทำที่มั่นคงให้จงได้

                อัครรัฐมองหญิงสาวตรงหน้าอย่างเพลินตา เธอออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงดุ จริงจังราวกับเป็นแม่แก่ ทั้งที่ความจริงแล้วอายุหน้าตาก็ไม่ได้ห่างจากน้องสาวเท่าไหร่นัก เรื่องเล็กน้อยอย่างการล็อกห้อง คอยระแวดระวังภัยหรือเรื่องจุกจิก เธอก็ขยับปากอิ่มร่ายยาวที่ทำให้คนมองนึกว่าหากผู้หญิงคนนี้ได้เป็นแม่คน เธอคงจะเป็นแม่ที่เลี้ยงดูลูกด้วยความรักและเอาใจใส่

                ให้ตายสิวะร็อก! แกไปคิดไกลอย่างนั้นได้ยังไง เก็บความคิดชั่วร้ายของแกไว้ให้ลึกสุดใจอย่าได้ให้เธอรู้เห็นเป็นอันขาด ไม่อย่างนั้นเธอจะพยศ ออกฤทธิ์มากกว่าที่เป็นอยู่แน่ อัครรัฐสะบัดศีรษะตัวเองแรงๆ หากสายตาก็บังเอิญไปปะทะเข้ากับดวงตาคู่หวาน

                ชยาภาหน้าง้ำเมื่อเห็นร่างสูงใหญ่ชี้เข้าที่นาฬิกาข้อมือ ราวกับจะบอกเธอเชิงว่า ‘มันนานเกินไปแล้ว’ จึงรีบหันหลังแล้วย้ำถามน้องสาวอีกครั้ง “เข้าใจที่พี่สั่งไหม?”

                “ค่ะ เข้าใจแล้วค่ะ” กันตาภารับคำ

                “แล้วพี่จะติดต่อมาเองนะ ไม่ต้องเป็นห่วง ดูแลตัวเองให้ดี” ชยาภากำชับเป็นครั้งสุดท้ายพร้อมเอ่ยคำร่ำลาก่อนวางสาย

                “กฏอีกข้อก็คือ... ห้ามหันหลังให้ฉัน ไม่ว่ากรณีใดๆทั้งสิ้น” อัครรัฐบอกพร้อมเดินอ้อมไปหยุดตรงหน้าหญิงสาว พูดใส่หน้าด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ “รู้เอาไว้ว่าฉันไม่ชอบ”

                “ค่ะ!” ชยาภากระแทกเสียงรับคำอย่างเสียไม่ได้

                “เอาล่ะ... ตอนนี้เธอก็ได้ยินกับหูแล้วว่าน้องสาวปลอดภัยดี ฉันทำตามคำพูดของตัวเองทุกคำ ทีนี้ก็ถึงตาของเธอมั่งล่ะ ฉันคิดว่าน่าจะเริ่มงานของเธอได้ตั้งแต่วินาทีนี้”

                “อะ...เอ่อ คะ...คุณจะ จะกับฉันตอนนี้เลยเหรอคะ?” ชยาภาถามด้วยน้ำเสียงกล้าๆกลัวๆ และอัครรัฐก็ไม่มีทางเข้าใจคำพูดไม่ได้ใจความนั้น จนได้เห็นท่าทีของเธอที่ทำราวกับว่ากำลังตกอยู่ในห้องกับไอ้หื่นกามที่ไหนสักคน ซึ่งความจริงแล้วเขาเพียงแค่จะสั่งให้เธอไปนั่งทานอาหารเย็น อาบน้ำเรียนรู้สรีระซึ่งกันและกันแล้วค่อยทำอย่างที่เธอว่า... แต่เมื่อเธอเสนอมา มีเหรอที่เขาจะไม่สนอง!

                “อือ! ตอนนี้เลย”

                “ว้าย... ไม่นะ อย่าเพิ่งได้ไหม...” ชยาภาร้องออกมาด้วยความตกใจเมื่อเขาช้อนร่างของตนลอยหวือเข้าไปอยู่ในวงแขน

                แค่เพียงไม่กี่ก้าวทั้งคู่ก็เข้ามาอยู่ในห้องนอนที่มีเตียงใหญ่ซึ่งสามารถนอนพร้อมกันได้นับสิบ แต่นั่นไม่ใช่จุดประสงค์หลักของเจ้าของห้อง ด้วยรูปร่างสูงใหญ่เกินมาตราฐานชายเอเชีย อัครรัฐชอบเตียงขนาดใหญ่ที่สั่งทำขึ้นพิเศษเพื่อเมื่อยามที่เขาพาสาวสักคนมาโยก มันจะให้ความรู้สึกสนุกกว่าเตียงเล็กๆแคบๆเป็นแน่

                ชยาภาขยับหนีจนมานั่งชิดหัวเตียง เมื่อเขาปล่อยให้เธอลงบนเตียงกว้างที่ปูด้วยผ้าสีน้ำตาลเข้ม “ฉันยังไม่ได้กินข้าว ยังไม่ได้อาบน้ำ ยัง...”

                “อย่ามาลีลาท่ามาก เธอบอกว่าไม่หิว ส่วนเรื่องอาบน้ำเสร็จจากนี้ค่อยอาบพร้อมกัน” อัครรัฐโน้มตัวไปจับข้อเท้าเล็กไว้ ออกแรงเพียงเล็กน้อย ร่างอ้อนแอ้นก็กลับมาอยู่ใกล้แค่คืบอย่างง่ายดาย “เราตกลงกันอย่างผู้ใหญ่ ถ้าเธอจะมากลับคำเอาในตอนที่รู้ว่าน้องสาวปลอดภัยดีแล้ว ก็อย่าหาว่าฉันใจร้าย”

                “คุณบีบบังคับฉันจนไม่มีทางเลือกต่างหาก”

                “เธอเลือกที่จะเป็นผู้หญิงของฉัน ชยาภา” จบคำพูดอัครรัฐก็เอื้อมมือไปปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตเจ้ารูปของเธอออกอย่างรวดเร็ว โดยที่ไม่สนใจอาการขัดขืนเล็กๆน้อยๆนั่น “แล้วถ้ายังทำตัวงี่เง่าอย่างนี้ ต่อไปฉันจะไม่ใจเย็นแล้วนะ”

                ชยาภาปัดมือหนาที่แกะกระดุมเม็ดสุดท้ายออกอย่างโมโห ผุดลุกขึ้นนั่งยันมือทั้งสองข้างกับที่นอน เถียงเขาหน้าดำหน้าแดง “แล้วจะให้ฉันลุกขึ้นมาเต้นยั่วยวนคุณ ถอดเสื้อผ้าให้คุณหรือยังไงเล่า?”

                “อือ... ก็รู้หน้าที่ตัวเองดีนี่ แล้วทำไมไม่ทำ” อัครรัฐรับคำหน้าตายพลางถอดเสื้อยืดสีขาวออกทางศีรษะอย่างรวดเร็ว

                เพียงแค่เห็นเขาเปลือยเปล่าท่อนบน ชยาภาก็ทำหน้าเหมือนเด็กถูกผู้ใหญ่รังแกอยากจะร้องไห้เสียให้ได้ “อย่าเพิ่งได้ไหม วันนี้ปล่อยฉันไปก่อน ขอให้ฉันได้ทำใจก่อน”

                “ทำใจอะไรอีกล่ะ อย่ามาทำเหมือนฉันกำลังจะขืนใจเธอ ยอมรับมาเสียโดยดีว่านี่คือข้อตกลงของเรา” จบคำพูดมือใหญ่ทั้งสองข้างก็จัดการถอดกางเกงยีนส์สีซีดที่สั้นแค่หัวเข่าออกทันทีพลางส่ายหน้าอย่างระอาใจ “เธอเป็นผู้หญิงคนแรกที่จะขึ้นเตียงกับฉัน แต่แต่งตัวได้ยอดแย่” ‘แต่มันกลับทำให้ฉันคึกจนจะตายห่าอยู่แล้ว’

                ประโยคหลังที่อัครรัฐต่อเองในใจนั้นชยาภาไม่มีวันได้ล่วงรู้ และไม่สนใจว่าเขาจะรู้สึกอย่างไรเพราะมัวแต่ดิ้นรนปกป้องตัวเอง ทันทีที่สะโพกผายสัมผัสกับความเย็นวาบเพราะเขาฉวยโอกาสดึงทั้งกางเกงตัวนอกและแพนตี้ตัวบางออกในคราวเดียวกัน หญิงสาวก็กรีดร้องด้วยความอายที่สุดในชีวิตลูกผู้หญิง “กรี๊ดดด... ไอ้บ้ากาม อย่านะ”

                อัครรัฐครางฮือในลำคอ เมื่อได้เห็นความงดงามเย้ายวนใจแวบเดียวแล้วเจ้าตัวใช้มือบางปิดบังอย่างหวงแหน “เอามือออกไปซิชมพู่... สวยอย่างนี้จะปิดไว้ทำไม”

                “อย่ามาเรียกฉันอย่างนั้นนะ นั่นสำหรับคนในครอบครัว คนสนิท คุณไม่มีสิทธิ์” ชยาภาโต้ พร้อมดิ้นหนีมือที่เอื้อมมาดึงเสื้อออกไปอย่างง่ายดาย นั่นก็ทำให้ทั้งเนื้อทั้งตัวเหลือแค่เพียงบราเซียร์ลูกไม้สีหวาน!

                “ก็อีกไม่นานฉันจะแนบสนิทกับเธอจนลึกถึงแก่น แล้วถ้าเราหลอมรวมกันถึงขนาดนั้นทำไมฉันจะไม่มีสิทธิ์เรียกเธอว่าชมพู่ ฮึ?...” อัครรัฐแค่โน้มตัวลงมาฉวยเอาข้อมือบางทั้งสองข้างขึ้นไปตรึงไว้เหนือศีรษะด้วยมือเพียงข้างเดียว อีกมือสอดเข้าไปแกะตะขอบราเซียร์ ในขณะที่สายตาคมกริบจ้องมองความงดงามกลางกายสาว ทันทีที่กรวยลูกไม้สีหวานหลุดออกจากกัน สายตาคมกริบก็วกกลับขึ้นมากวาดมองทั้งร่างอีกครั้งนิ่งนาน

                “ปล่อยนะ! ปล่อย อื้อ...” ชยาภาเบี่ยงหน้าหนีทันทีที่เขาทาบทับตัวลงมา ไม่ให้เขาได้สัมผัสริมฝีปากได้ง่ายๆ แต่นั่นเป็นการคิดผิดอย่างมหันต์เพราะริมฝีปากร้อนผ่าวก้มลงไปรวบเอายอดทรวงสีหวานเข้าไว้ในปาก ดูดดึงหนักบ้างเบาบ้างราวกับจะทดสอบความอดทนของเธอ แต่เพียงแค่ปลายลิ้นแข็งแรงนั้นสะบัดไปมาเข้ากับยอดทรวงที่หดตึงชยาภาก็หลุดเสียงครางออกมาอย่างน่าอาย “โอ... ยะ...อย่า!”

                “อย่าหยุดใช่ไหม” อัครรัฐผงกศีรษะขึ้นมาถาม แล้วก้มลงไปดื่มชิมทรวงอกอีกข้างอย่างรวดเร็ว เลียนแบบทุกอย่างทุกขั้นตอนอย่างที่ไม่ต้องกลัวว่าจะน้อยหน้ากัน โอว... ทำไมเธอถึงได้มีทรวงอกที่สวยงามอย่างนี้ มันอวบอิ่มเหมาะมือ นุ่มละมุนทว่าแต่งตึงจนอยากเกลือกกลิ้ง ซุบซบอยู่เช่นนี้เรื่อยไป

                เช่นเดียวกับฝ่ามืออีกข้างที่เลื่อนไปสอดแทรกเข้าที่กลางกายสาว นิ้วมือแข็งแรงกำลังเสาะหาความลี้ลับอันงดงามของอิสตรี ทั้งยังเร่งเร้าจุดหฤหรรษ์ให้กายสาวได้ชุ่มฉ่ำอย่างใจคิด นั่นก็เพียงพอแล้วที่ทำให้ร่างกายของอัครรัฐเครียดขึง รวดร้าวไปด้วยความต้องการที่อยากจะสอดแทรกเข้าไปความความแช่มชื้นแทนนิ้วมือ!

                “เธอสวยถูกใจกว่าที่ฉันจินตนาการไว้นักชมพู่...”

                ชยาภาหอบหายใจเพราะไม่รู้ว่าจะจัดการกับความรู้สึกเสียวซ่านที่แล่นจากกลางกายขึ้นมาโจมตีทั้งร่างกายได้อย่างไร และไม่รู้รู้การอ้าปากหอบหายใจ มองเขาด้วยแววตาที่เปี่ยมไปด้วยพิศวาสเช่นนั้นมันทำให้คนที่กำลังกระหายหิวในตัวเธอหมดสิ้นความอดทน

                นิ้วร้ายกาจที่เคล้นคลึงอยู่กลางกายยังคงทำงานอย่างต่อเนื่องอย่างเป็นจังหวะ ทั้งช้า... เร็ว... สลับกันไป มันสามารถปราบพยศของคนที่ดิ้นเอาเป็นเอาตายในตอนแรกให้นอนหลับตาปี๋ ตัวอ่อนระทวย รอรับสัมผัสอย่างใจจดใจจ่อ หากแต่เสียงกุกกักที่ดังขึ้นอยู่ไม่ไกล ทำให้ชยาภาปรือตามองคนที่อยู่เหนือร่างตนอย่างอยากรู้ ดวงตาคู่หวานจ้องมองเขาอย่างตกใจเมื่อเห็นเขากำลังฉีกฟรอยด์เครื่องป้องกันตัวด้วยปากและมือข้างเดียว       “ยะ...อย่านะ! ได้โปรด...” ชยาภากัดฟันห้ามด้วยน้ำเสียงกระท่อนกระแท่นเพราะกึ่งกลางกายยังถูกอีกมือเร่งเร้าอย่างต่อเนื่อง

                “คราวนี้อย่าช้าสินะ” อัครรัฐตอบพลางหัวเราะในลำคอ เธอสวยจนทำให้เขาแทบลืมหายใจแต่ก็ไม่เคยลืมที่จะป้องกันตัวเองสักครั้ง หากความหงุดหงิดใจก็ผุดโพร่งขึ้นมาในอารมณ์เพียงเพราะคิดว่าเคยมีคนได้เห็นเธออย่างนี้แล้วเช่นกัน แต่ก็ช่างมันเถอะ! เขาเองก็ไม่เคยคิดจะถือเอาเรื่องความบริสุทธิ์ของผู้หญิงมาเป็นเรื่องใหญ่ แต่สาบานเลยว่าต่อจากนี้ ใครหน้าไหนก็จะไม่มีวันได้เห็นเธอเปลือยเปล่าเช่นนี้แน่!

                “ไม่ๆ อย่าทำอย่างนี้กับฉัน” ชยาภาดิ้นหนีเมื่อเขาจัดการสวมเครื่องป้องกันให้กับความเป็นชายเรียบร้อย มันแข็งขึง น่าสะพรึงกลัว ความอลังการทำให้เธอถึงกับหวาดกลัว

                “นางบำเรอต้องพูดว่า ฉันจะทำให้คุณมีความสุข สนุกที่สุด ในยามที่เรากำลังแสวงหาความสุข ฉันชอบให้เธอปล่อยตัวปล่อยใจมากกว่าที่จะเสแสร้งราวกับว่าเป็นสาวพรหมจรรย์!”

                “ก็ฉันไม่เคย!”

                “โอว... ไม่ต้องโกหกคนสวย แค่เห็นเธอหวานฉ่ำขนาดนี้ฉันก็แทบจะลงแดงตายอยู่แล้ว” อัครรัฐไม่ได้ใส่ใจกับคำพูดนั้นนัก เพราะเพียงแค่จรดแก่นกายอันเครียดขึงของตนเข้าความเวิ้งสวาทสีชมพูเข้ม จิตใจก็จดจ่ออยากเข้าไปซุกซบอยู่ด้านใน และเขาก็ไม่รอช้าเสียดแทรกกายเข้าไปในจังหวะเดียวจนหมดมิด!

                “กรี๊ดดด... เจ็บ... เจ็บ... ฉันเจ็บ! ฮือๆ”

                อัครรัฐนิ่งเกร็ง เสียงกรีดร้องอย่างเจ็บปวดทำให้เขาหูดับไปชั่วขณะ เธอยกมือทั้งสองข้างปิดหน้าปิดตาร้องไห้ทำให้เขารู้สึกเหมือนตัวเองเป็นไอ้หื่นกาม ความรัดรึงจนไม่อาจขยับตัวทั้งที่ชุ่มฉ่ำจนเกินบรรยายมันทำให้เขาหูตาสว่างขึ้นทันใด ให้ตายสิวะ! เธอยังรักษาไอ้เยื่อบางๆนี้ไว้ได้ยังไง “โอว... ชมพู่ ทำไมเธอไม่บอกฉัน”

                “ไอ้บ้า ฮือ... ฉันพูดไปแล้ว คุณหาว่าฉันโกหก!”

                “โอเค ฉันผิดเอง” เป็นครั้งแรกที่มนุษย์ผู้ชายอย่างอัครรัฐเอ่ยปากยอมรับว่าตัวเองผิด

                “เจ็บนะ ถอยออกไป”

                “ไม่ทันแล้วคนสวย ถ้าฉันถอยตอนนี้เธอคงไม่ยอมให้ฉันแตะต้องไปตลอดชีวิต” อัครรัฐพูดทั้งค่อยๆส่ายวนสะโพกสอบเป็นจังหวะเพื่อให้เธอได้ปรับตัว “แต่ถ้าถอยออก... แล้วเข้ามาใหม่อย่างนี้ มันจะทำให้เธอรู้สึกดีขึ้น”

                “มะ...ไม่ นะ มันเจ็บ”

                “ใครมีผัวครั้งแรกก็ต้องเจ็บทั้งนั้นคนสวย เอามือออกแล้วจูบฉัน” อัครรัฐบอกพลางดึงมือบางที่ปิดหน้าปิดตาออก บดจุมพิตร้อนฉ่าเข้ามาในโพรงปากหวานฉ่ำ

                “อื้อ...” ชยาภาประท้วงได้เพียงเท่านั้นเพราะเขาทำทุกอย่างด้วยความว่องไว เชี่ยวชาญ จูบเร่าร้อนกว่าครั้งแรกที่เคยได้สัมผัส เขาดูดดึงหนักขึ้นราวกับจะสูบเอาเลือดเนื้อจิตวิญญาณออกมา จูบที่เร่งเร้าเอาแต่ใจให้สนองตอบความต้องการของเขา ฝ่ามือร้อนผ่าวทั้งสองข้างก็เคล้นคลึงทรวงอกคู่งาม ในขณะที่สะโพกสอบเริ่มถอดถอนออกและสอดแทรกกลับ ซ้ำไปซ้ำมา...

                อัครรัฐยิ้มพรายอย่างถูกใจเมื่อได้ยินเสียงครางอืออาอยู่ในโพรงปากหวานฉ่ำ จึงค่อยๆละเลียดจูบไปตามโครงหน้า สอดปลายลิ้นร้อนๆหยอกล้อกับใบหูบางจนหญิงสาวขนลุกซู่... “ไม่เจ็บแล้วใช่ไหม โอว... อย่ารัดแน่นนักสิ ฉันยังไม่อยากให้มันจบเร็วนัก”

                “ฉัน!” ชยาภาตอบไม่ถูกเพราะแท้จริงแล้วเธอยังไม่ได้ทำอะไรเลยสักนิด จึงสบสายตาคมกริบนั้นอย่างไม่เข้าใจ หากแต่รอยยิ้มร้ายกาจที่อยู่ใกล้เพียงแค่คืบ กลับทำให้ดวงตาพร่าเลือน รู้ในความหมายว่าเขากำลังพอใจกับความสดใหม่ของตน

                “ชอบรึเปล่า มีความสุขไหม ฮึ?...” เป็นครั้งแรกที่อัครรัฐเอาใจใส่ความรู้สึกของผู้หญิงใต้ร่าง ไม่กล้าแม้จะพาเธอโยกให้เมามันอย่างใจอยาก ไม่กล้าแม้จะพาเธอโลดโผนอย่างเช่นเคยกับผู้หญิงที่ผ่านมา “ตอบมาสิ โอ...”

                “ใครจะไปตอบคำถามบ้าๆอย่างนั้น อื้อ... คุณไม่ มีความอาย เลยหรือไง” จังหวะกระแทกกระทั้นที่พุ่งเข้าหาทำให้ชยาภาตอบด้วยน้ำเสียงกระท่อนกระแท่น

                “อายอะไรนักหนา เราไม่ได้ไปทำรักกันให้ใครเห็นสักหน่อย อยู่กับฉันเธอจะคราง จะกรีดร้อง เรียกชื่อฉันดังแค่ไหนก็ได้ ฉันชอบ...” อัครรัฐพูดพลางใช้มือไปเกี่ยวเอาขาเรียวของเธอขึ้นมาพาดตรงบ่าหนา และมันทำให้ความรู้สึกต่างก็รู้สึกถึงความแนบชิดได้ถนัดถนี่มากขึ้นจนเรียกเสียงกรีดร้องระคนตกใจจนหลุดปากเรียกชื่อเขาอย่างสนิทชิดเชื้อออกมาจริงๆ

                “โอ... คุณร็อก!”

                “เรียกอีกสิ เรียกทุกครั้งที่ฉันทำให้เธอมีความสุข” อัครรัฐเร่งจังหวะสอดประสานให้ถี่ระรัว พร้อมจดจ้องภาพของการเสพสุขที่ทำให้เขาใจเต้นระรัว เธอคับแน่นแต่ก็สามารถเหยียดขยายรับเขาเอาไว้ได้ทั้งหมด ภาพนั้นมันกระตุ้นความต้องการเหนือคำบรรยายจนต้องกอดเอาขาเรียวไว้มั่น เอี้ยวใบหน้าบดจูบหนักๆเข้าที่ปลีน่องซึ่งพาดสูงบนบ่า

                ชยาภาแทบแดดิ้นตายกับความเสียวซ่านที่เกิดขึ้นตามร่างกาย จังหวะเร่งระรัว ภาพที่เขาบดจูบที่ปลีน่องอย่างไม่รังเกียจมันสร้างความรู้สึกแปลกใหม่ที่ไม่เคยพบพานมาก่อนในชีวิต มันมากขึ้น ฉุดรั้งให้ลอยสูงขึ้นจนต้องหลับตาเพื่อกระโจนไปคว้าเส้นชัยที่อยู่ปลายมือไว้ได้

                อัครรัฐมองภาพเปลือยของผู้หญิงตรงหน้าที่เกร็งตัวจนต้องตะปบมือเข้ากับผ้าปูที่นอน ดึงมันขึ้นมากำไว้ในมือจนแน่น แผ่นหลังแอ่นโค้ง ปลายเท้าจิกเกร็งรับความสุขที่เกิดขึ้นในร่างกายอยู่ครู่ใหญ่ จึงรีบถอยห่างจากความร้อนฉ่ำนั้นทันที มือหนาจัดการลอกเครื่องป้องกันตัวแล้วโยนมันลงใส่ถังขยะอย่างแม่นยำ

                แม้จะรู้สึกผิดเมื่อเห็นเลือดสีสดแต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าภูมิใจมากเหลือเกินที่ได้รู้ว่าตนเป็นคนแรกของเธอ ความรัดรึงที่ได้ซุกซบอยู่เมื่อไม่กี่นาทีที่ผ่านมา มันเรียกร้องให้อยากสัมผัสกับเนื้อแท้ของเธอจนไม่ทันคิดว่าเป็นครั้งแรกที่เนื้อแท้ของตนจะได้สัมผัสโดยปราศจากเครื่องป้องกันเช่นกัน!

                “มะ...ไม่นะ จะทำอะไร?” ชยาภาร้องถามเมื่อร่างสูงใหญ่เข้าประชิดซ้อนแผ่นหลังทั้งยังเกี่ยวเอาเอวของเธอไว้อย่างหนาแน่น รู้สึกได้ถึงความแก่นกายที่เครียดขึงซึ่งกำลังจะรุกประชิดจากเบื้องหลัง “ไม่เอานะ พอแล้ว คุณได้ฉันไปแล้ว”

                “ฉันยังไม่ได้เธอ เมื่อกี้เธอได้ฉันต่างหาก” อัครรัฐแก้ให้อย่างถูกต้อง ไม่สนใจกับเสียงประท้วงเล็กน้อยเพราะรู้ดีว่าเธอถูกสูบเรี่ยวแรงไปมาก ร่างกายยังซ่านเสียวกับพายุพิศวาสครั้งก่อน ชายหนุ่มไม่สนใจกับเสียงห้ามปราม เดินหน้าแทรกตัวฝ่าฝนร้อนเข้าซุกซบอย่างที่กระสันหา “โอ... เธอให้ความรู้สึกดีที่สุด ชมพู่”

                “อื้อ... พอแล้ว” ชยาภาบอกพลางเงยหน้าขึ้นไปสบสายตาที่เต็มไปด้วยความพิศวาสตามมือใหญ่ที่เชยคางมนให้หันมารับจุมพิตผะแผ่ว ในขณะที่เขาเริ่มขยับตัวอีกครั้งและอีกครั้ง

                “ไม่มีวันพอ อย่าขี้โกงนะคนสวย” อัครรัฐพูดชิดริมฝีปากอวบอิ่ม ดูดดึงอย่าแผ่วเบาราวกับผีเสื้อกำลังดื่มชิมความหอมหวานของดอกไม้สีสวย เมื่อขยับเร็วขึ้น อัครรัฐก็ดึงเอาแขนเรียวสอดเข้าใต้ท้ายทอยของตน นั่นเป็นการเปิดทางให้ได้ดื่มชิมทรวงอกสาวที่กระเพื่อมขึ้นลงอย่างล่อตาล่อใจ อีกมือยังเลื่อนลงไปบดบี้จุดเสียวซ่านที่ทำให้ชยาภาแทบขาดใจตาย

                “คุณร็อก โอ...” ชยาภาตะปบมือเข้ากับศีรษะได้รูปที่กำลังคลุกเคล้าทรวงอกของตัวเองอย่างไม่หยุดหย่อน สอดมือเข้าไปคลึงหนังศีรษะสะอาด และเปลี่ยนเป็นดึงทึ้งเส้นผมสั้นอย่างไม่กลัวว่าเขาจะเจ็บเมื่อจังหวะรักที่ได้รับมันถี่กระชั้นจนเกินที่จะรับได้ “คุณร็อก...”

                “ไปด้วยกันคนสวย ฉันรู้ว่าเธอต้องคว้ามันได้อีกครั้ง อย่างนั้น... ร้องออกมาดังๆ” อัครรัฐเร่งเร้าทั้งคำพูดและการกระทำ จนสามารถจับจูงกันไปคว้าเอาจุดสูงสุดของความสัมพันธ์ชายหญิงไว้พร้อมกัน มันเข้มข้นเสียจนเดือดพลุ่งพล่าน ร้อนระอุจนเกินบรรยาย ต่างคนต่างซึมซับเอาความรู้สึกยอดเยี่ยมชนิดที่ไม่เคยพานพบมาก่อน แล้วค่อยๆกลับมาคลอเคลีย จูบซับเหงื่อชื้นที่ผุดขึ้นตามร่างกายของกันและกันราวกับคู่รักที่รักกันมานานหลายปี

                โดยที่ชยาภาลืมไปเสียสนิทใจว่า... เมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านี้ ตนเดินเข้ามาอยู่ในสถานะภาพอันน่าอับอายนี้ด้วยความไม่เต็มใจ!

                                               

สวัสดีค่า นักอ่านที่รัก

นางบำเรอเลื่อนขั้นตีพิมพ์เป็นรูปเล่มแล้วและสามารถ หิ้วคุณร็อกไปครอบครองได้ที่ ร้านนายอินทร์  เว็บสำนักพิมพ์อินเลิฟ เว็บบุ๊กสไมล์ และสามารถพูดคุยกับศิริพาราได้ตามช่องทางดังนี้

ติชมหรือแสดงความคิดเห็นได้ตามสบายค่า เม้ามอยหอยขมกันได้ไม่เฉพาะเรื่องนิยาย ศิริพารายังมีเกมกติกาแสนง่ายดาย แจกของรางวัลเล็กน้อยเพื่อตอบแทนนักอ่านที่รัก อย่าลืมกดlikefanpage ศิริพารา รายาฤดีนะคะ

จบเรื่องนี้แล้ว ศิริพาราจะเอานิยายทั้งหมดมาอัพให้นักอ่านที่รักได้อ่านกันทุกเรื่อง ขอบคุณที่ติดตามและแสดงความคิดเห็นค่ะ

 

จุ๊บๆๆ

ศิริพารา

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา