นางบำเรอเลื่อนขั้น
เขียนโดย ศิริพารา
วันที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2558 เวลา 21.28 น.
แก้ไขเมื่อ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2558 21.30 น. โดย เจ้าของนิยาย
7) นางบำเรอเลื่อนขั้น ตอนที่ 7 100%
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ“เทมส์ แกทำตามแผนการที่ฉันบอกก็แล้วกัน อย่าให้พลาดล่ะ ฉันสั่งรวิไปตั้งแต่เมื่อวานแล้ว” อัครรัฐกรอกเสียงลงไปตามสายโทรศัพท์ เตรียมการลบคำปรามาสของชยาภาไว้อย่างแยบยล
“เอ่อๆ รู้แล้วน่า แกย้ำฉันมานี่รอบที่ร้อยแล้วนะ แล้วอะไรกันนักหนาว่ะ ก็แค่ผู้หญิงคนเดียวแกต้องยุ่งยากวางแผนซ้อนแผนหลายชั้นอย่างนี้เชียว” ทัตเทพ เอเย่นนำเข้ารถหรูรายใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียถามเพื่อนสนิทด้วยความข้องใจ “แล้วแกจะจัดการกับคุณโรสยังไงวะ ฉันเห็นแกควงกันออกท่องราตรีมาสองสามวันแล้ว หนังสือพิมพ์ก็ลงข่าวกันให้ครึกโครม”
“อย่าเรื่องมาก รำคาญ เห็นฉันเป็นเพื่อนรึเปล่าวะ? ขอให้ช่วยแค่นี้ต้องบ่นด้วย ส่วนเรื่องของโรสฉันจัดการได้แต่ยังไงฉันต้องปราบพยศแม่เด็กเลี้ยงแกะคนนี้เสียก่อน” อัครรัฐพูดด้วยน้ำเสียงมุ่งมั่น “อย่าลืมล่ะ เหยื่อติดกับดักแล้วรีบโทรหาฉันด่วนที่สุด ฉันจะรอโทรศัพท์”
“เออ... ฉันเคยทำให้แกผิดหวังด้วยหรือไง เท่านี้นะ”
หลังจากที่เพื่อนสนิทวางสายโทรศัพท์ไปแล้ว อัครรัฐก็หยิบรูปของผู้หญิงที่ทำให้เขารวดร้าวด้วยความต้องการอย่างที่สุดออกมาดูอย่างพิจารณา ทุกอิริยาบทของเธอนั้นถือบันทึกทั้งภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหวมาให้เขาอย่างละเอียด ภาพที่ใบหน้าเนียนแดงก่ำเพราะฤทธิ์ของแสงแดด เหงื่อซึมตามหน้าผากมนเพราะการออกตระเวนสมัครงานตลอดทั้งวัน
“เรามาวัดใจกันดูนะชยาภา เธอเป็นคนท้าทายฉันเอง ลองดูซิว่าเธอจะอดทนกับความยากจนข้นแค้น แต่จะไม่ยอมก้มหัวให้เงินของฉันอย่างที่ประกาศปาวๆ ไปได้สักกี่น้ำ!”
อัครรัฐเอนตัวลงพิงเก้าอี้ทำงานตัวใหญ่ด้วยความสำราญใจ ตอนนี้สิ่งที่ต้องทำคือรอเพียงเวลาที่จะให้ทุกอย่างเดินไปตามแผนการที่เขาวางไว้ สุดท้ายเขาจะเป็นคนหิ้วนางบำเรอปากดีมาสั่งสอนเรื่องรักใคร่ให้เธอได้สะท้านสะเทือนไปถึงขั้วหัวใจ!
บ่ายจัดของวันเดียวกันนั้นชยาภาเดินออกจากร้านอินเทอร์เน็ตหน้าปากซอยด้วยความรู้สึกหนักอึ้ง เพราะยังไม่มีท่าทีว่าบริษัทที่ตนยื่นใบสมัครงานไปนั้นจะติดต่อกลับมาเลยสักนิด หญิงสาวเดินเข้ามาในซอยพร้อมกับมองชื่อที่อยู่ของบริษัทต่างๆที่ปริ้นต์ข้อมูลทั้งหมดออกมา จิตใจของหญิงสาวนั้นจดจ่ออยู่กับกระดาษสองสามแผ่นในมือจนไม่รู้ตัวว่ามีพาหนะคันหรูกำลังเคลื่อนตัวช้าๆตามอยู่อย่างไม่คลาดสายตา
ปี้น... ปี้น...
เสียงแตรที่ดังขึ้นทำให้ชยาภาสะดุ้งสุดตัวพลางหันกลับไปมองยังต้นกำเนิดเสียงนั้นทันที ภาพของผู้ชายที่แสนชังน้ำหน้าเดินลงมาจากรถคันหรูด้วยใบหน้าและรอยยิ้มที่มุมปากซึ่งยากจะคาดเดาอารมณ์ได้ แต่ชยาภาก็ยังสัมผัสได้ถึงพลังงานอันน่าพรั่นพรึงบางอย่างที่แผ่ซ่านออกมาจากรอบตัวของเขา
“ว่ายังไงเด็กเลี้ยงแกะ ไม่ได้เจอกันสองสามวันคงลำบากมากสินะ” อัครรัฐถามด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ยจนคนฟังเกิดความหงุดหงิดใจ
ชยาภาถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ทั้งยังมึนงงว่าเขาขับรถมาถึงบ้านเธอเพียงเพราะต้องการเยาะเย้ยถากถางแค่นี้น่ะเหรอ “ลำบากค่ะ แต่ก็ปลอดโปร่งโล่งใจ สูดอากาศอากาศบริสุทธิ์เข้าร่างกายได้อย่างเต็มปอด” พูดจบก็หมุนตัวเดินผ่านรั้วไม้เข้ามาโดยเร็ว ไม่อยากเห็นหน้าของผู้ชายเจ้าคิดเจ้าแค้น
อ่อ... เธอคงคิดการแชร์อากาศหายใจร่วมกับเขา นั่นมันคืออากาศพิษสินะ อัครรัฐคิดในใจต่อทันทีและไม่ยอมให้หญิงสาวเดินหนีหน้าไปได้ง่ายๆ มือใหญ่แข็งแรงดันรั้วไม้ที่เจ้าของบ้านเตรียมปิดไว้อย่างมั่นคง และไม่มีทางที่ผู้หญิงตัวเล็กๆจะสู้แรงชายร่างสูงใหญ่ได้ “เธอควรจะจำใส่ใจไว้บ้างนะชยาภา คนที่กล้าดีเถียงหรือด่าฉันฉอดๆนี่ มักจะอยู่ไม่เป็นสุขซักคนหรอกและเธอก็คือหนึ่งในนั้นด้วย”
“เมื่อสามวันที่ผ่านมาอาจจะใช่เพราะฉันยังเป็นพนักงานในปกครองของคุณอยู่ แต่ตอนนี้มันเปลี่ยนไปแล้ว ลองคุณพูดจาหยาบคายหรือลวนลามฉันอีกครั้งสิ ฉันจะแจ้งความให้ตำรวจจับคุณเข้าคุก ขึ้นหนังสือพิมพ์หน้าหนึ่งให้ได้อายกันทั้งประเทศ” ชยาภาโต้กลับอย่างไม่เกรงกลัว
“เก่งอย่างนั้นเชียว...” อัครรัฐลากเสียงยาว ยียวนอย่างไม่สะทกสะท้านพลางเหลือบสายตามองเวลาที่ข้อมือของตนเอง จับเวลาตั้งแต่วินาทีนี้ อยากรู้นักว่าผู้หญิงตรงหน้าจะอวดเก่งได้สักกี่น้ำ “เริ่มจับเวลา... สี่โมงครึ่ง”
“พูดอะไรของคุณ?” ชยาภาขมวดคิ้วมุ่น ไม่เช้าใจในคำพูดของเขา หากแต่ไม่อยากเก็บเอามาใส่ใจนัก สิ่งแรกที่อยากทำคือไล่ตะเพิดให้เขารีบไปพ้นๆหน้าเสียที “ปล่อยเดี๋ยวนี้นะ อย่ามาหาเรื่องระรานฉันถึงบ้าน ไม่อย่างนั้นฉันจะแจ้งความจริงๆ”
“ดูคลิปในโทรศัพท์นี่ซะก่อนไหม... เผื่อจะคิดใหม่ว่าจะแจ้งความเพราะพี่สาวถูกลวนลาม หรือน้องสาวกำลังถูกขายในตลาดมืด” ไม่พูดเปล่า มือแข็งแรงโชว์ภาพเคลื่อนไหวในโทรศัพท์ประกอบคำพูดและภาพที่เห็นมันทำให้ชยาภาตกใจ ใบหน้าซีดเผือด!!
“ส้มโอ!” ชยาภารีบคว้าโทรศัพท์ในมือของชายหนุ่มไว้ทันที ดวงตาทั้งสองคู่กำลังจดจ้องภาพในโทรศัพท์ กันตาภาน้องสาวของเธอซึ่งอยู่ในกระโปรงสั้นหนังสีดำทั้งชุดกำลังนอนสลบไสล โดยมีรวิเป็นคนอุ้มร่างไร้สติวางลงบนเตียง แล้วเดินมากระซิบกระกระซาบกับผู้ชายอีกคนซึ่งดูภูมิฐาน มีฐานะ โดยชายคนดังกล่าวส่งธนบัตรจำนวนหนึ่งให้กับรวิ จากนั้นรวิก็เดินออกจากห้องไป
“เป็นไง... แจ้งความเลยดีไหม?” อัครรัฐท้าทายเมื่อเห็นว่าคลิปวิดีโอราวสามนาทีเศษนั้นจบลง หากแต่ใบหน้างดงามที่เงยขึ้นมาตั้งคำถามพร้อมกับดวงตาที่มีน้ำใสๆหล่อเลี้ยงอยู่ในนั้นทำให้หัวใจแกร่งของชายหนุ่มกระตุกวาบ!
“อะไรกัน! มะ...ไม่จริง เป็นอย่างนี้ได้ยังไง” ชยาภาพูดตะกุกตะกัก ทำท่าจะวิ่งไปช่วยน้องสาวโดยเร็ว หากแต่ท่อนแขนแข็งแรงรัดเอาช่วงเอวคอดไว้เสียก่อน “ปล่อย... ปล่อยฉันนะ ฉันจะไปช่วยน้อง มาจับฉันไว้ทำไม ปล่อย!”
อัครรัฐรัดร่างอ้อนแอ้นขึ้นด้วยท่อนแขนแข็งแรงเพียงข้างเดียว เดินเข้าสู่ตัวบ้านหลังเล็กอย่างง่ายดาย ไม่ใส่ใจต่ออาการดิ้นรนเอาเป็นเอาตายของชยาภา “ตั้งสติหน่อยได้ไหม เธอรู้หรือไงว่าน้องสาวอยู่ที่ไหน”
“ไม่รู้ ไม่รู้อะไรทั้งนั้น ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้ ฉันจะไปแจ้งความ พาตำรวจไปจับไอ้บ้ากามนั่น” เมื่อเข้ามาถึงด้านใน ชยาภารวบรวมกำลังทั้งหมดสะบัดตัวเองให้หลุดออกจากการเกาะกุม “ฉันจำผู้ชายคนนั้นได้ นั่นมันเพื่อนสนิทของคุณ ฉันจะแจ้งความเอาพวกคุณเข้าคุกทั้งคู่เลยคอยดู”
ทำไมเธอจะจำเพื่อนสนิทของเขาไม่ได้ ผู้ชายที่ร่ำรวยด้วยฐานะทางสังคม หน้าตาหล่อเหลากระชากใจสาวน้อยใหญ่ ย่อมต้องเป็นที่รู้จักกันไปทั่วอยู่แล้ว!
“ฉันนี่คิดผิดจริงๆ ไม่น่าเอ่ยปากห้ามทัตเทพเลย น่าจะให้มันพาแม่สาวน้อยแสนน่ารักไปชมสวรรค์สักรอบสองรอบเสียก่อน ฉันรึอุตส่าห์หวังดีเอ่ยปากขอเอาไว้ก่อนเห็นว่าเด็กคนนี้เป็นน้องสาวเธอ ตอนนี้น้องสาวของเธอปลอยภัยดี ยังไม่บุบสลายแต่ก็ยังไม่ฟื้นเหมือนกัน รู้ไหมว่าทัตเทพจ่ายเงินไปตั้งห้าแสนเชียวนะ” น้ำเสียงเอื่อยเฉื่อยนั่นยิ่งทำให้ชยาภาร้อนใจมากขึ้น “ทางที่ดี เธอไปหาเงินสักห้าหกแสนไปไถ่ตัวน้องสาวคืนดีกว่า อย่าไปหวังพึ่งตำรวจเลย เรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นทุกวินาที ถ้าคิดจะจับกันจริงๆ เธอก็คงได้น้องสาวกลับมาในตอนที่เสียสาวไปแล้ว อ้อ... จะเตือนให้รู้ไว้อีกอย่างนะ! ถ้ามีเงินซื้อความสุขได้มากถึงห้าหกแสน คงไม่มีใครยอมให้ตำรวจจับแล้วมาขายหน้าตัวเองได้ง่ายๆหรอก”
“คุณ! พวกคุณมัน...” ชยาภาชี้หน้าผู้ชายที่พูดจาเห็นแก่ตัวเพราะไม่รู้จะไปหาเงินมากมายนั่นจากที่ไหน
“อ๊ะๆ เตือนไว้ก่อนนะว่าอย่าคิดจะปากกล้าด่าว่าฉันอีก ไม่อย่างนั้นฉันจะถอนคำพูดที่ห้ามทัตเทพไว้ทันที เธอน่าจะรู้นะว่าถ้าฉันทำอย่างนั้นแล้วมันจะเกิดอะไรขึ้น!” อัครรัฐเอ่ยชื่อของเพื่อนสนิท ขู่เธอซ้ำแล้วซ้ำอีก
“ฉันจะเชื่อคุณได้ยังไง คุณอาจจะสร้างสถานการณ์ขึ้นมาเพื่อเอาคืนฉันก็ได้ แล้วอีกอย่างฉันก็ไม่คิดว่าพี่โต้งจะหักหลังพวกเราได้อย่างนี้” ชยาภาพูดในขณะที่มือก็กดโทรศัพท์ต่อสายหากันตาภาและรวิ ไม่หยุดหย่อน แต่ไม่มีใครรับสายเลยสักคน “ฉันต้องได้ยินจากปากของน้องสาวฉันก่อน ฉันจะไม่เชื่อใครง่ายๆโดยเด็ดขาด”
“น้องสาวเธอยังไม่รู้สึกตัวจะฟื้นขึ้นมารับโทรศัพท์ได้ยังไง ส่วนไอ้รวิ มันคงคาบเงินห้าแสนหิ้วผู้หญิงสักคนไปกกแล้วม้าง แล้วดึกๆค่อยหน้าตื่นกลับมาหาว่าทำน้องสาวเธอหายไป” อัครรัฐว่าพลางกวาดสายตามองร่างอ้อนแอ้นที่เดินกลับไปกลับมาด้วยความว้าวุ่นใจ
“พี่โต้งคบกับฉันมานาน เขาเป็นคนดี ไม่มีทางที่จะคิดทรยศ ทำกับเราพี่น้องแบบนี้”
“เฮอะ!... เธอทำงานที่โรงแรมมาไม่เคยได้ยินเขาพูดกันเหรอ รวิน่ะมันเสือผู้หญิง เมื่อก่อนที่มันอยู่จัดซื้อ มันก็เป็นคนจัดซื้อทุกอย่างมาให้ฉันทั้งคนทั้งของ หรือถ้าไม่เคยรู้มาก่อนก็รู้เอาไว้ซะ”
“งั้นฉันจะไปหาน้องเอง ถอยไปอย่ามาขวางทาง!” ชยาภาตวาดร่างสูงใหญ่ที่ยืนขวางประตูจนมิด เรื่องอื่นไม่อยากคิดเอามาใส่ใจ สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คือความปลอดภัยของกันตาภา
“รู้เหรอว่าเขาอยู่กันที่ไหน” อัครรัฐยิ้มกริ่มในใจเมื่อคำถามนั้นทำให้หญิงสาวหยุดชะงักได้ “นี่... จะบอกอะไรให้นะ เธอควรพูดกับฉันดีๆ จะขอร้องหรืออ้อนวอนก็ได้ เพราะมีฉันคนเดียวเท่านั้นแหละที่จะเอ่ยปากขอน้องสาวเธอจากทัตเทพได้”
ชยาภาจ้องมองลึกเข้าไปในดวงตาคมกริบอย่างค้นคว้า ไม่เข้าใจว่าเรื่องที่เกิดขึ้นนี้มันเป็นเพียงความบังเอิญหรือความตั้งใจของใครกันแน่ “ฉันไม่เข้าใจ ไม่มั่นใจ ไม่เชื่อใจคุณ ทุกอย่างมันเกิดขึ้นราวกับมีคนจัดฉากไว้ และฉันก็มั่นใจว่าคนๆนั้นคือคุณ”
“ฮ่า... อย่าสำคัญตัวผิดไปหน่อยเลยน่า... ชยาภา! ฉันยอมรับว่าเธอสวยถูกใจ แต่คนอย่างฉันคงไม่ว่างงานมากจนมีเวลาคิดวางแผนเพื่อผู้หญิงคนหนึ่งหรอก ยอมรับว่าฉันให้คนติดตามดูชีวิตเธอ แต่นั่นก็แค่อยากรู้ว่าผู้หญิงที่กล้าดีปฏิเสธตำแหน่งนางบำเรอของฉันจะอวดเก่งไปได้สักแค่ไหน”
ชยาภาคอแข็งเมื่อรู้สึกได้ถึงความต้อยต่ำของตัวเองที่เขาอธิบายออกมาเป็นคำพูด แท้จริงแล้ว... เธอควรต้องหมอบราบคาบแก้ว คลานเข้าไปประจบเขาสินะ ที่ยื่นตำแหน่งนางบำเรอให้!! “แล้วคุณรู้ได้ยังไงว่าเด็กสาวคนนั้นคือน้องสาวของฉัน?”
“ฉันรู้ทุกอย่างที่เกี่ยวกับผู้หญิงอวดดีอย่างเธอ แต่ไม่รู้หรอกนะว่าคนแวดล้อมตัวเธอจะไปขึ้นเขาลงห้วยที่ไหน ทัตเทพก็แค่ส่งคลิปผู้หญิงที่ถูกใจแบ่งปันให้เพื่อนอย่างฉัน ถ้าสนใจ... ไอ้รวิมันคงจัดหามาให้ได้ แล้วบังเอิญว่าฉันก็จำหน้าของน้องสาวเธอได้เท่านั้นเอง” อัครรัฐพูดทุกอย่างด้วยใบหน้าเรียบเฉยจนคนฟังชักหวั่นใจ เมื่อคิดถึงรวิ ผู้ชายที่เคยคิดว่าจะสร้างอนาคตร่วมกัน ความเสียใจปะปนมากับความเจ็บใจที่ถูกคนกันเองหักหลังได้ถึงเพียงนี้
“ว่ายังไง เงินสักห้าหกแสนน่ะมีไหม” อัครรัฐย้ำถาม เมื่อเห็นว่าหญิงสาวนิ่งเงียบไปพักใหญ่
ชยาภาส่ายหน้าอย่างเหนื่อยอ่อน อย่าว่าแต่เงินหลักแสนเลย ทั้งเนื้อทั้งตัวเธอมีเพียงเงินไม่ถึงครึ่งแสนที่เก็บหอมรอบริบไว้เดือนละเล็กละน้อย “ฉันไม่มีเงินมากมายขนาดนั้น” ตอบด้วยน้ำเสียงเบาหวิวจนแทบหาเสียงตัวเองไม่เจอ!
“แต่ฉันมี”
เสียงห้าวทรงพลังที่โต้กลับมาทันควันทำให้ชยาภาจ้องดวงตาคู่คมเขม็ง! หากเขายังคงพูดต่อไปด้วยน้ำเสียงเอื่อยเฉื่อยราวกับไม่ได้เห็นว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนี้เป็นเรื่องคอขาดบาดตาย เป็นอนาคตของเด็กสาวคนหนึ่งที่เพิ่งจะสำเร็จการศึกษา กำลังจะมีอนาคตที่สดใส
“ยังไงๆ ฉันก็ต้องจ่ายเงินจำนวนนี้ให้ทัตเทพอยู่แล้ว สิทธิ์ขาดในตัวของน้องสาวเธอก็คงต้องตกเป็นของฉัน” อัครรัฐยืนกอดอกบอกด้วยท่าทางสบายๆเช่นเดิม “ได้เอ่ยปากขอน้องสาวจากฉันแล้วจะขอผ่อนผันใช้หนี้ในระยะยาว เธอก็รู้ว่าฉันไม่ใช่พ่อพระแล้วที่สำคัญของฟรีไม่มีในโลก”
ชยาภาพอจะเข้าใจในสิ่งที่เขาต้องการแต่อยากได้ยินตรงๆจากปากของเขาให้แจ้งแก่ใจมากกว่า “พูดในสิ่งที่คุณต้องการออกมาเลยดีกว่า”
“ฉันต้องได้ตัวเธอเพื่อแลกกับอิสระภาพของน้องสาวเธอ หรือจะคิดว่าเป็นค่าตอบแทนที่ฉันช่วยน้องสาวเธอไว้ก็แล้วแต่”
คำพูดร้ายกาจของเขาเปรียบเสมือนสายฟ้าฟาดลงกลางร่าง เขาทำร้ายหัวใจเธอด้วยคำพูดอันเจ็บแสบ เอาอนาคตอันสดใสของน้องสาวมาเป็นข้อแลกเปลี่ยนที่ทำให้พูดไม่ออก ปฏิเสธไม่ได้! ชยาภาหัวเราะด้วยความขมขื่นใจ มองเขาด้วยสายตาปวดร้าว “คุณคงแค้นใจฉันมากสินะ ถึงได้ให้คนตามติดชีวิตฉัน จ่ายเงินมากมายซื้อน้องสาวฉันเพื่อมาบีบบังคับฉันอีกทางหนึ่ง ถ้าฉันทำให้คุณแค้นใจมากถึงอย่างนั้นก็มาฆ่าฉันเลยสิ เอามีดมาแทง เอาปืนมายิงให้ตายไปตรงนี้เลย”
อัครรัฐหัวใจกระตุกวาบเมื่อได้เห็นสายตาปวดร้าวของผู้หญิงที่ท้าทายอำนาจของตนตรงหน้า เงินเพียงเล็กน้อยนั่นมันไม่ได้ทำให้เขาเดือดร้อนเลย หากแต่มันกลับสร้างปัญหาใหญ่หลวงให้กับคนยากไร้อย่างเธอจนต้องเรียกร้องหาความตาย “อย่ามาบีบน้ำตาเรียกความสงสารจากฉัน ฉันเป็นนักธุรกิจ แน่นอนว่าไม่เคยเสียเงินไปเปล่าๆปลี้ๆ เลือกมาว่าเธอจะก้าวเข้าไปอยู่ในตำแหน่งนั้นเอง หรือจะให้ฉันไปรับน้องสาวเธอมาทำหน้าที่เสียเอง”
“เฮอะ... นี่มันสมัยไหนกันแล้ว คุณมีสิทธิ์อะไรมาเรียกร้องอย่างนี้ ฉันกับน้องสาวฉันไปขายตัวเองให้กับคุณตั้งแต่เมื่อไหร่ พวกเราไปเป็นทาสคุณตอนไหน ติดหนี้คุณได้ยังไงกัน?!” ชยาภาตวาดเสียงถามอย่างเหลืออด
อัครรัฐเดินเข้ามาเข้ามาเกี่ยวเอวบาง ดึงร่างอ้อนแอ้นเข้ามาประชิดตัว พร้อมบอกด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก “ถ้าไม่อยากติดหนี้ก็เอาเงินหน้าแสนมากองตรงหน้า ฉันเคยบอกแล้วใช่ไหมว่าถ้าไม่ได้เธอบนเตียงอย่ามาเรียกฉันว่าอัครรัฐ สมัยนี้อาจไม่มีทาสแรงงานนะ แต่ฉันนี่แหละจะทำให้เธอได้รู้ว่าทาสอารมณ์น่ะมันเป็นยังไง รับรองว่าเธอต้องชอบ ติดอกติดใจเชียวล่ะ!”
เพี๊ยะ! เพี๊ยะ!
ชยาภาสุดที่จะอดกลั้นจึงสะบัดฝ่ามือใส่ใบหน้าคร้ามคมติดกันสองครั้งสองคราว หากไม่สามารถทำร้ายเขาได้สุดแรงเพราะพันธนาการที่โอบล้อมตัวเองไว้ จึงระดมทุบตีเขาไม่เลือกที่ ดิ้นรนออกจากอ้อมกอดแข็งแกร่งสุดชีวิตหากแต่ไม่เป็นผล “คนชั่วร้าย ฉันเกลียดคุณ เกลียดคุณจำเอาไว้!”
“ฉันจำแต่สิ่งที่อยากจำ แต่รับรองว่าเธอต้องจำฉันได้ตลอดชีวิตแน่ชยาภา เธอเป็นคนท้าทายฉันด้วยความอวดดี ก็ต้องรับผิดชอบการกระทำของตัวเองด้วย เลือกมา! ฉันไม่มีเวลามากพอที่จะมาฟังคำคร่ำครวญของเธอและมันก็ไม่ได้ทำให้ฉันรู้สึกผิดแม้แต่นิดเดียว” อัครรัฐตรึงข้อมือเล็กที่ทำร้ายตนไว้อย่างง่ายดาย
“ฉันจะแน่ใจได้ยังไงว่าน้องสาวปลอดภัยจริงๆ”
“ทันทีที่รู้สึกตัว เธอจะได้ยินเสียงน้องสาวของเธอผ่านทางสายโทรศัพท์”
“ฉันอยากเห็นน้องกับตาตัวเองว่าปลอดภัยแล้วจริงๆ”
“นางบำเรอไม่มีสิทธิ์ต่อรอง” อัครรัฐส่ายหน้า “ถึงแม้ว่าฉันจะไม่ใช่คนดีอะไร แต่ทุกคำพูดที่พูดออกมาเชื่อถือได้ทุกคำ ไม่คือไม่ ถ้าอะไรที่อยากได้ก็ต้องได้เสมอ ซึ่งเธอก็น่าจะรู้แก่ใจแล้ว น้องสาวของเธอจะได้อยู่ในที่ที่มีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน เธอเพียงแค่บอกให้ว่าไม่ต้องกลับมาเหยียบบ้านเช่าเท่ารูหนูนี้อีกเท่านั้นก็พอ”
“แล้วฉันจะทิ้งน้องให้อยู่คนเดียวได้ยังไง เขายังเด็กอยู่”
“ก็แล้วแต่เธอสิ บางทีการโกหกมันก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายเสมอไป หรือถ้าอยากจะพูดแต่ความจริง เธอก็บอกน้องสาวไปสิว่าทำไมถึงต้องอยู่คนเดียว ทำไมเธอถึงอยู่ด้วยไม่ได้เหมือนที่ผ่านมา”
ชยาภากัดฟันเมื่อได้ยินคำพูดตรงไปตรงมานั่น ผู้ชายบ้าอะไรอย่างนี้! เขาคงเติบโตโดยที่ไม่สนใจความรู้สึกนึกคิดของคนรอบข้างเลยสินะ ถึงได้พูดเอาแต่ได้อยู่ฝ่ายเดียวแบบนี้ “คุณ! คุณมันเหลือทน!”
อัครรัฐโครงศีรษะรับกับคำประนามอย่างไม่สะทกสะท้านทั้งยังหัวเราะหึๆในลำคออย่างสำราญใจ “ฉันจะถือว่าเธอตกลงแล้วนะ ไปเก็บเสื้อผ้าภายในห้านาที อย่าให้ฉันต้องเสียเวลาไปมากกว่านี้”
ชยาภาถลึงตาใส่เขาอย่างไม่เกรงกลัวเมื่อเป็นอิสระ เดินสะบัดตัวเข้าห้องด้วยความไม่พอใจเหมือนกับยอมจำนนแล้วทุกอย่างแต่ความจริงแล้วเธอกำลังคิดหาทางเอาตัวรอด แต่เสียงดุที่ดังขึ้นอยู่เบื้องหลังนี้ก็ทำให้ความหวังน้อยนิดที่จะเอาตัวรอดดับสลายลงและต้องทำตามคำสั่งแต่โดยดี
“เดี๋ยว! เอาโทรศัพท์มาไว้ที่ฉันก่อน แล้วขอเตือนว่าอย่าได้คิดตุกติก เธอรู้ดีแก่ใจตัวเองแล้วว่าคนที่บังอาจทำร้ายร่างกายฉัน อวดดีกับฉัน กล้าปฏิเสธฉันต้องเจอกับอะไรบ้าง และฉันคงไม่ปล่อยให้คนที่เล่นไม่ซื่ออยู่อย่างสงบได้ เข้าใจ?”
ชยาภานั่งลงเก็บเสื้อผ้าพลางเจ็บใจกับท้ายประโยคที่เขาใช้เสียงสูงถาม หญิงสาวตั้งใจจะถ่วงเวลาในการเก็บข้าวของเครื่องใช้เพื่อยืดเวลาให้ตัวเองได้ขบคิดว่าจะหาทางรอดได้อย่างไร นอกจากวิธีการนี้แล้วมีหนทางใดบ้างที่น้องสาวจะอยู่อย่างปลอดภัย หากแต่ต้องตกใจสุดขีดเมื่อเขาเข้ามาดึงกระเป๋าผ้าออกจากมือ แล้วบ่นด้วยน้ำเสียงติดรำคาญเพราะเธอชักช้าไม่ทันใจ!
ไม่กี่นาทีต่อมา... ชยาภาก็เข้ามานั่งอยู่ในรถยนต์สุดหรู แต่ความงดงามหรูหราที่ได้สัมผัสเป็นครั้งแรกในชีวิตนี้กลับไม่ได้เรียกความสนใจแต่อย่างใดเลย ดวงตาคู่หวานยังมองบ้านหลังเล็กที่อยู่อาศัยมาหลายปีด้วยความอาลัย แม้มันจะไม่ใช่กรรมสิทธิ์ของตนแต่ความทรงจำดีๆก็เกิดขึ้นในบ้านหลังนี้มากมาย ทุกคำถามซึ่งเป็นปัญหาที่ชยาภาเอ่ยถามออกไปไม่ว่าจะเป็นการจัดการเรื่องบ้าน น้องสาว ค่าใช้จ่ายต่างๆที่เกิดขึ้น รวมไปถึงการดำรงชีวิตในแต่ละวัน อัครรัฐก็สามารถตอบคำถามและจัดการทุกปัญหาได้อย่างง่ายดาย ซึ่งหญิงสาวก็ไม่สามารถรู้ได้ว่า การตัดสินใจครั้งนี้มันเป็นเรื่องที่ถูกต้องหรือไม่?
...ทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันรวดเร็ว กระทันหันจนไม่ทันตั้งตัวรับ ความรู้สึกเสียใจ เจ็บปวดหัวใจเกิดขึ้นอย่างรุนแรง ภาพใบหน้าของผู้ชายที่เคยวาดฝันไว้ว่าจะใช้ชีวิตคู่ร่วมกับเขาทำให้น้ำตาร้อนๆไหลออกมาไม่ขาดสาย หากแต่ต้องกัดฟันกลั้นเสียงสะอื้น ไม่ให้ผู้ชายใจร้ายที่กำลังบังคับพวงมาลัยได้รับรู้
ระยะเวลาที่คบหากันมาหลายปีไม่ได้เปลี่ยนนิสัยใจคอของรวิให้กลายเป็นคนใหม่อย่างคำพูดของเขาเลย เธอไว้ใจฝากน้องสาวให้เขาดูแล แต่เขากลับหักหลังด้วยการขายความเป็นคนจนเธอต้องตกมาอยู่ในสภาพนางบำเรอของผู้ชายที่แสนชัง ชยาภาอยากกลั้นใจตายตรงนี้นักหากแต่ไม่สามารถทำได้ เพราะเป็นห่วงน้องสาวเหลือเกิน ถ้าไม่ได้เห็นกับตาว่าปลอดภัยแล้วก็ขอให้ได้ยินเสียงกับหูตัวเอง จากนั้นจะเกิดอะไรขึ้นก็คงต้องแล้วแต่โชคชะตา!
อัครรัฐเหลือบสายตามองผู้หญิงที่นั่งนิ่งไม่ไหวติงด้วยความรู้สึกหลากหลาย ไม่อยากเชื่อตัวเองว่าทำเรื่องงี่เง่าหลายอย่างเพียงเพราะอยากปราบพยศเธอ ไม่อยากเชื่อตัวเองว่าน้ำตาที่กลิ้งอยู่ในดวงตาคู่หวานจะบีบหัวใจของเขาได้ถึงเพียงนี้ และต้องเบือนหน้าหนีจากกระจกมองข้างที่เห็นได้ชัดว่าเธอกำลังร้องไห้และกัดริมฝีปากอิ่มกลั้นเสียงสะอื้น...
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ