ยอดรักจอมเผด็จการ

6.7

เขียนโดย ศิริพารา

วันที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2558 เวลา 14.05 น.

  13 ตอน
  0 วิจารณ์
  15.29K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2558 21.33 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

1) ยอดรักจอมเผด็จการ ตอนที่ 1 100%

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
ปัจจุบัน ณ ประเทศแอลเมเรีย
                ‘หลังจากเกิดข่าวลือหนาหูว่าท่านรัฐมนตรีกลาโหมลาโคลอฟ พาวิลเชนโก และตาทาเนีย ซียานอฟบุตรสาวคนสวยของอิกอร์ ซียานอฟ ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงของรัฐบาล ควงกันไปดินเนอร์ในโรงแรมหรูแห่งหนึ่ง มันก็บ่งบอกให้คนทั่วโลกรับรู้แล้วว่าข่าวลือที่เล็ดลอดในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมานี้เป็นความจริง’
                ภาพในทีวีตัดจากโรงแรมหรูมาจับอยู่ที่ใบหน้าของตาทาเนีย ซียานอฟที่เพิ่งเดินออกจากร้านเนลสปา เธอหลบนักข่าวด้วยการใส่แว่นกันแดดกรอบใหญ่ แต่ก็ไม่สามารถลอดพ้นจากนักข่าวที่ตามตื้อไปได้
‘นักข่าวของเราได้ไปดักสัมภาษณ์หญิงสาวในวันรุ่งขึ้นถึงเหตุการณ์ในค่ำคืนที่ผ่านมาว่า เธอและท่านรัฐมนตรีหนุ่มจะประกาศข่าวดีเมื่อไหร่ หญิงสาวอมยิ้มและตอบเพียงว่าไม่รู้เรื่องอะไรเลย แต่เมื่อนักข่าวโชว์ภาพที่เธอกำลังซุกซบอยู่ในอ้อมกอดของรัฐมนตรีหนุ่มระหว่างที่ทั้งคู่เต้นรำกันอยู่นั้น หญิงสาวกลับหัวเราะสดใสพร้อมตอบแค่เพียงว่าให้ไปถามฝ่ายชายเอง จากนั้นก็เดินขึ้นรถที่จอดรออยู่ไปทันที’
                จากนั้นภาพข่าวจึงตัดมาที่ผู้สื่อข่าวพร้อมรายงานว่า
‘เราคงต้องรอดูกันต่อไปว่าความรักครั้งนี้ของท่านรัฐมนตรีหนุ่มผู้เย็นชา ซึ่งสื่อทุกแขนงต่างให้สมญาว่า รัฐมนตรีเพลย์บอย จะลงเอยกับสาวสวยผู้มีคุณสมบัติเพียบพร้อมที่สามารถสร้างฐานเสียงอันเข้มแข็งและยังส่งเสริมให้เขาสามารถก้าวขึ้นรับตำแหน่งสูงสุดของแอลเมเรียในอนาคตข้างหน้าหรือไม่?’
                ลาโคลอฟละสายตาจากทีวีจอยักษ์ ใบหน้าคมสันบดกรามแน่นระงับอารมณ์โกรธไว้อย่างที่สุด เขาไม่เข้าใจว่าการรับประทานอาหารเย็นที่แสนจะธรรมดากับตาทาเนียนั้น จะเป็นข่าวอึกทึกคึกโครมเช่นนี้ ทั้งที่ปกติแล้วปาปารัสซี่คงจะไม่มีทางได้ล่วงรู้ถึงความเคลื่อนไหวในเรื่องส่วนตัวของเขาเป็นแน่!
“ฝีมือพ่ออีกแล้วใช่ไหม?” ลาโคลอฟถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบหากแฝงไว้ด้วยความโกรธที่คุกรุ่นอยู่ภายใน
อันที่จริงแล้ว ตาทาเนียเป็นฝ่ายชวนเขาออกไปเต้นรำด้วยซ้ำ เพราะก่อนหน้านี้บรรยากาศบนโต๊ะอาหารไม่น่าพิสมัยนัก เธอเอาแต่ซักไซ้ไล่เรียงถึงนางแบบสาวชื่อดังที่เขาเพิ่งไปนั่งชมการแสดงนิวยอร์กแฟชั่นวีก ตามคำเชิญของดีไซน์เนอร์ประจำตัวเท่านั้น
เมื่อเขาตอบคำถามแบบขอไปที ตาทาเนียก็เริ่มชักสีหน้าไม่พอใจ แสดงความเป็นเจ้าของ สุดท้ายพอเขานิ่งเงียบเป็นการโต้ตอบ เธอก็เริ่มบีบน้ำตา แน่นอนว่าเขาไม่ค่อยถนัดในการปลอบผู้หญิงร้องไห้และต้องผละออกห่างราวกับสนามแม่เหล็กขั้วเดียวกันปะทะกัน การเต้นรำหลังอาหารมื้อค่ำที่เธอเสนอขึ้นมาจึงเป็นสิ่งที่ไม่อาจบ่ายเบี่ยงได้
                “อะ...เอ่อ ผมคิดว่าคงจะเป็นเช่นนั้นครับ เพราะมีท่านประธานาธิบดีคนเดียวที่ทราบหมายกำหนดการนี้” อลันตอบเจ้านายพลางหันไปสบตากับมารัต เพื่อนร่วมงานรู้ใจ ทั้งสองมองหน้ากันเลิ่กลั่กเสียวสันหลังวาบ เมื่อจับกระแสเสียงของเจ้านายได้เป็นอย่างดีว่ากำลังโกรธสุดๆ
                ลาโคลอฟถอนหายใจเฮือก เบื่อหน่ายใจกับบิดาของตนที่คอยจัดฉาก บงการชีวิตส่วนตัวอยู่ห่างๆตลอดเวลา แต่มันก็ไม่สามารถลอดพ้นสายตาของชายเต็มตัววัยสามสิบเจ็ดปีเต็มไปได้ เห็นทีจะต้องนั่งเปิดอกพูดจากันให้เข้าใจ เขาสามารถทำตามคำสั่งของบิดาได้ทุกอย่างยกเว้นเรื่องส่วนตัว
“วันนี้ฉันต้องไปที่ไหนอีกไหม?”
                “ว่างครับ ปกติวันนี้ท่านต้องไปร่วมงานคล้ายวันเกิดของท่านผู้พิพากษาสูงสุด แต่เลขาฯของท่าน แจ้งมาว่าขอเลื่อนเป็นสัปดาห์หน้าครับ เพราะท่านผู้พิพากษาฯยังอยู่ระหว่างการสัมมนาในยุโรป” มารัตรายงาน
                “อืม... หาของขวัญพิเศษเตรียมไว้ให้ท่านด้วย ฉันว่าท่านผู้พิพากษาฯทำงานเกินเงินเดือนข้าราชการชั้นสูงอยู่มากโข” ลาโคลอฟพยักหน้ารับพลางลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ก้าวเดินอย่างสง่าผ่าเผยเฉกเช่นชายชาติทหาร ออกจากห้องทำงาน “แล้วท่านประธานาธิบดีอยู่ที่ไหน?”
                “อยู่ที่ทำเนียบฯครับ” มารัตตอบ
                “งั้นไปทำเนียบฯ” ลาโคลอฟตอบด้วยใบหน้าเรียบเฉย เดินนำหน้าบอดี้การ์ดทั้งสองออกมายังลิฟต์ ขณะที่ตัวเลขความสูงของลิฟต์ค่อยลดลงเรื่อยๆ มารัตก็ใช้มือขยับที่หูฟังเพื่อจะรับสารที่ทีมบอดี้การ์ดส่งข่าวมาถึงตนได้อย่างถนัดถนี่
                “ท่านครับ ด้านหน้ากระทรวงมีนักข่าวหลายสำนักพากันมาดักรอสัมภาษณ์ท่านอยู่เต็มไปหมด” มารัตรายงานอย่างรวดเร็วและกดปุ่มปิดประตูค้างไว้ก่อนที่ลิฟต์จะเปิดออก
                หึ... ลาโคลอฟหัวเราะในลำคอ อีกนานเชียวล่ะกว่าที่นักข่าวพวกนี้จะปล่อยข่าวนี้ให้เงียบลง “ให้คนเตรียมรถไว้ด้านหน้าเหมือนเดิม แต่เราจะออกทางประตูหลังแทน”
                เมื่อได้ยินคำสั่งแล้วอลันและมารัตต่างก็รีบถ่ายทอดคำสั่งของเจ้านายออกไปอีกทอดอย่างรู้งาน
เพียงแค่สิบนาทีต่อมา ลาโคลอฟก็สามารถเดินทางออกจากกระทรวงกลาโหม โดยที่คาดิแลคคันยาวยังจอดรออยู่ด้านหน้า ในขณะที่เขาเปลี่ยนมาใช้โรลส์-รอยซ์ ออกทางประตูหลังสลัดนักข่าวออกจากตัวเองได้อย่างละมุนละม่อม นายพลหนุ่มที่ผันตัวเองออกมาเดินทางสายการเมืองทอดสายตามองข้างทาง สำรวจความเป็นอยู่ของผู้คน และกำลังคิดว่าจะพูดกับผู้เป็นบิดาอย่างไรให้ท่านไม่เข้ามาก้าวก่ายชีวิตส่วนตัวอีก
ลาโคลอฟหลับตาลงจินตนาการถึงภาพของหญิงสาวต่างชาติรูปร่างบอบบาง น่าทะนุถนอม ดวงตาสีน้ำตาลกลมโตสดใสราวกับคริสตัลชั้นเยี่ยม สะกดความรู้สึกของเขาให้ถวิลหา ริมฝีปากอิ่มอมชมพู ผิวขาวดุจน้ำนม ทุกอย่างที่ประกอบขึ้นในตัวเธอช่างงดงามเหมาะเจาะ
‘เบบี้คริสตัล’ คือคำเรียกขานที่ผุดขึ้นมาในสมอง ทำให้ยิ้มได้ทุกครั้งที่คิดถึง แม้ว่าจะพบเจอกันเพียงครั้งเดียวและนานถึงสองปีมาแล้วตาม ทว่าทุกสิ่งที่ประกอบเป็นเธอนั้นกลับแจ่มชัดในความทรงจำ
 
                หนึ่งชั่วโมงต่อมาโรลส์-รอยซ์สีดำสนิทก็เลี้ยวจากถนนสายหลักเข้าสู่ถนนสายเดียวที่มุ่งหน้าสู่ทำเนียบประธานาธิบดี ซึ่งชาวแอลเมเรียมักเรียกจนติดปากว่า ‘ตอลสตอย (Tolstoy)’ สถาปัตยกรรมมัสโควี ด้วยความที่เป็นประเทศเล็กๆซึ่งมีพรมแดนติดกับรัสเซีย วัฒนธรรม ประเพณีหลายอย่างจึงมีความคล้ายคลึงกับรัสเซีย ไม่เว้นแม้แต่ความชื่นชอบของตอลสตอย ประธานาธิบดีคนแรกแห่งแอลเมเรีย ทำเนียบแห่งนี้จึงมีชื่อเรียกเพื่อให้เกียรติแก่เขา ผู้ลุ่มหลงในสถาปัตยกรรมอันวิจิตร สีสันฉูดฉาด มีโดมน้อยใหญ่เป็นสีทองอร่ามตา
ว่ากันว่าตอลสตอยเป็นหน้าเป็นตาของแอลเมเรีย เฉกเช่นวิหารเซนต์บาซิล2ที่เป็นหน้าเป็นตาของรัสเซีย  แต่นักท่องเที่ยวกลับไม่ได้มีโอกาสย่างกรายเข้ามาชื่นชมความงดงามของอาคารเก่าแก่นี้ได้เลย ด้วยตอลสตอย คือสถานที่ราชการ ที่ทำงานของข้าราชการระดับสูงที่มีหน้าที่ขึ้นตรงต่อประธานาธิบดี ทั้งยังเป็นที่พักของแขกคนสำคัญระดับประเทศอีกด้วย
อาคารสูงเด่นเป็นสง่า ทำให้มีนักท่องเที่ยวเข้ามาเก็บภาพเป็นที่ระลึกบริเวณด้านหน้าของทำเนียบประธานาธิบดี ซึ่งเป็นลานกว้างมีรูปปั้นของประธานาธิบดีคนแรกยืนเด่นเป็นสง่าอยู่ตรงกลาง ซึ่งผู้คนทั่วโลกต่างรู้จักในนาม ‘จัตุรัสตอลสตอย’ ล้อมรอบด้วยระบำน้ำพุเป็นทางยาวจากถนนสายหลักจนสุดรั้วทำเนียบประธานาธิบดี ถัดจากน้ำพุจึงเป็นถนนที่ใช้สัญจรเข้า-ออกจากทำเนียบฯ โดยมีกำแพงปูนสูงราวหัวเข่าเป็นปราการห้ามไม่ให้ผู้คนหรือนักท่องเที่ยว เดินเตร็ดเตร่เข้ามาด้านในของถนน ทำให้นักท่องเที่ยวหรือบุคคลทั่วไปจึงสามารถเก็บภาพความงดงามของแลนด์มาร์กแห่งนี้ได้จากสองฝากฝั่งเท่านั้น
บัดนี้ทำเนียบประธานาธิบดีหรือตอลสตอย มีแอนทอน พาวิลเชนโก ผู้นำวัยหกสิบห้าปี เป็นผู้พำนัก หากนับเวลาจากนี้ เขายังเหลือเวลาเพียงสามเดือนที่จะต้องก้าวลงจากตำแหน่ง หลังจากที่ดำรงตำแหน่งอันทรงเกียรตินี้มาถึงสองสมัยแล้ว แน่นอนว่าเขาหมายมั่นปั้นมือให้ลูกชายเพียงคนเดียวก้าวขึ้นมารับตำแหน่งนี้ต่อจากเขาเท่านั้น!
 
เมื่อโรลส์-รอยซ์สุดหรูแล่นเข้ามาจอดด้านหน้าของทำเนียบฯ ลาโคลอฟก็ก้าวลงจากรถเดินขึ้นบันไดด้วยท่าทีองอาจ แผ่นหลังตรง ใบหน้านิ่งขรึมไม่บ่งบอกอารมณ์ใดๆ ทหารซึ่งยืนอยู่ตามจุดต่างๆทำความเคารพรัฐมนตรีหนุ่มที่เดินผ่านหน้าไปความเข้มแข็ง
เพียงแค่ก้าวเข้าไปใกล้รัศมีของห้องทำงานท่านประธานาธิบดี เสียงหัวเราะดังแว่วออกมาจากห้อง ก็ทำให้ลาโคลอฟรับรู้ได้ว่าบิดาของตนกำลังอารมณ์ดีเป็นที่สุด
                “ทำไมวันนี้มาถึงนี่ได้?” แอนทอนเอ่ยถามบุตรชายเพียงคนเดียวด้วยความประหลาดใจ น้อยครั้งนักที่จะได้เห็นลูกชายผู้รักอิสระคนนี้ย่างกรายเข้ามา
                “พ่อกำลังผิดสัญญา” ลาโคลอฟเปิดประเด็นที่ค้างคาใจทันที
                หากผู้เป็นพ่อกลับหุบยิ้มฉับพร้อมวางสีหน้าเรียบเฉยราวกับเมื่อครู่นี้ไม่ได้หัวเราะออกมาอย่างสำราญใจ “ฉันทำอะไร?”
                “ผมรู้ว่าพ่อคิดจะทำอะไร แต่จะบอกให้ว่าหยุดการกระทำนั้นเสียเพราะผมเคยบอกพ่อไปแล้วว่า ผมสามารถทำตามความต้องการของพ่อได้ทุกอย่าง ยกเว้นเรื่องส่วนตัวของผม” ลาโคลอฟพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบหากแฝงไว้ด้วยความเด็ดขาด
                เมื่อได้ยินคำพูดโอหังของลูกชาย แอนทอนจึงทิ้งปากกาในมือลง แสดงความไม่พอใจออกมาอย่างชัดเจนพลางหรี่ตามองลูกชายที่เจอหน้าก็เปิดฉากปะทะฝีปากโดยไม่ไถ่ถามสารทุกข์สุกดิบสักคำ! “แล้วแกคิดว่าฉันทำอะไร?”
                “พ่อเป็นคนปล่อยข่าวเรื่องผมกับตาเนีย พ่ออยากได้เธอมาเป็นลูกสะใภ้เพราะหวังว่าฐานเสียงอันมั่นคงของพ่อตาเนียจะทำให้ตำแหน่งพ่อมั่นคง ยืนยาวขึ้น” ลาโคลอฟบอกอย่างรู้ทันความคิดของบิดา
                “ไม่เห็นจะมีอะไรเสียหาย ฉันเห็นว่าเรามีแต่ได้กับได้ อิกอร์เป็นที่ปรึกษาด้านความมั่นคงให้ฉันมาตลอด แล้วแกเห็นไหม ว่าภาพพจน์ของอิกอร์ใสสะอาด คนเชื่อถือแค่ไหน รู้ไหมว่าอิกอร์จะเป็นแรงสนับสนุนให้แกได้เป็นประธานาธิบดีต่อจากฉัน ถ้าแกตกลงปลงใจกับตาเนียซักที อิกอร์จะกล้าไปหนุนคนอื่นให้มาต่อกรกับแกที่เป็นลูกเขยได้ยังไง” แอนทอน พาวิลเชนโก พยายามชี้ให้ลูกชายได้เห็นถึงความสำคัญในสายสัมพันธ์ส่วนตัวที่ต้องฉวยโอกาสใช้ให้เป็นประโยชน์ “อีกอย่าง ฉันก็เห็นว่าตาเนียหลงใหลแกมากแค่ไหน ทำไมไม่ตัดสินใจสักที”
                “ผมไม่ได้รักเธอ” ลาโคลอฟตอบอย่างตรงไปตรงมา ทว่าเสียงหัวเราะของผู้เป็นพ่อก็ดังก้องขึ้น ทั้งเย้ยหยันและขบขันอยู่ในที
                “รักอย่างนั้นเหรอท่านรัฐมนตรี?” แอนทอนจงใจเรียกตำแหน่งปัจจุบันของลูกชาย ให้ได้รู้ตัวว่าตอนนี้เขาคือนักการเมือง ไม่ใช่คนธรรมดาที่จะทำตามหัวใจมากกว่ามันสมอง “ท่านรัฐมนตรีจะเอาความรักของผู้หญิงคนหนึ่ง เก็บไว้กับตัวเองจนตายอย่างนั้นสินะ”
                ลาโคลอฟคอแข็งเมื่อได้ยินคำถามราวกับกระแหนะกระแหนเช่นนั้น แต่ก็ยังเลือกที่จะเงียบฟังท่านพูดต่อไป
                “จะบอกอะไรให้ รักแท้ของผู้หญิงคนหนึ่งมันช่างไร้ค่า เมื่อเทียบกับจุดมุ่งหมายสำคัญอันดับหนึ่งในชีวิตของแก กษัตริย์หรือวีรบุรุษที่โลกยกย่องก็พ่ายแพ้ให้แก่สตรีมาแล้วทั้งนั้น ถ้ายังอยากเป็นผู้นำที่ยิ่งใหญ่ ก็อย่าเอาเรื่องผู้หญิงมาใส่ใจ”
                ลาโคลอฟแสยะยิ้ม “ก็เห็นๆกันอยู่ว่าตาทาเนียคือสตรี”
                แอนทอนมองลูกชายแล้วยิ้มเย็น ทำไมคนฉลาดอย่างลาโคลอฟจะไม่เข้าใจในความหมายที่เขาพูด แต่แค่จะกวนอารมณ์ให้ขุ่นมัวเท่านั้น “สตรีที่สามารถผลักดันให้สามีเดินไปถึงตำแหน่งสูงสุดก็ควรจะยุ่งเกี่ยว แต่ถ้าเมื่อใดที่หมดประโยชน์ก็เสียเวลาที่จะให้ความสำคัญ”
                ลาโคลอฟกลอกสายตาไปมาแหงนหน้าขึ้นฟ้า เหลือเชื่อกับคำพูดตรงไปตรงมาของผู้เป็นพ่อ ไม่น่าแปลกแต่อย่างใดที่ท่านไม่ได้มองหาผู้หญิงคนไหนมาแทนที่แม่ของเขา แต่ที่น่าแปลกก็คือ แม่ของเขานั้นไปหลงรักผู้ชายไร้หัวใจคนนี้ได้อย่างไร?! เป็นคำถามที่ลาโคลอฟยังหาคำตอบไม่ได้สักครั้ง ตั้งแต่เล็กจนโต พ่อแทบจะไม่เคยเอ่ยถึงแม่ผู้ล่วงลับ
‘แม่’ ในความทรงจำของเขาจึงเป็นแค่รูปในกรอบที่ท่านนั่งสีหน้าไร้อารมณ์อยู่บนเก้าอี้โดยมีพ่อยืนอยู่ข้างๆ ไม่ว่าจะครบรอบวันที่ท่านเสียชีวิตหรือวันพิเศษต่างๆ ก็ไม่เคยได้เห็นหรือได้ยินว่าพ่อเอาดอกไม้ไปวางหน้าหลุมศพสักที
“น่าแปลกที่มียังมีผู้หญิงคนหนึ่งมาตกหลุมรักผู้ชายเย็นชาอย่างท่านประธานาธิบดี แถมยังมีพยานรักด้วยกันอีก” พยานรักนั้นก็คือเขาเอง
คำเหน็บแนมที่ออกจากปากของลูกชายทำให้เสือเฒ่าทางการเมืองของแอลเมเรียเม้มปากแทบเป็นเส้นตรง กำมือแน่นอย่างระงับอารมณ์แต่อากัปกิริยาดังกล่าวก็ไม่ได้ทำให้พยานรักหยุดพล่ามและสำนึกตน
“ถ้าท่านประธานาธิบดีจะสละเวลาไปเยี่ยมผู้หญิงที่รักท่านสักนิด เธอก็คงดีใจ อย่างน้อยช่วงเวลาที่ยืนอยู่หน้าป้ายชื่อของเธอ ก็อาจทำให้ท่านระลึกถึงความรักที่เธอมอบให้ บางทีท่านอาจจะเข้าใจในสิ่งที่ผมต้องการได้ง่ายขึ้น” ลาโคลอฟพูดอย่างไม่สะทกสะท้าน หากมีใครเคยบอกว่าเขาเย็นชา ไร้หัวใจแต่ถ้าลองเอามาเปรียบเทียบกับผู้เป็นพ่อที่นั่งตรงหน้า เขายังห่างจากคำว่าไร้หัวใจนัก
“มันจะมากไปแล้วนะ ลาโคลอฟ!” แอนทอนตวาดดุ มันคงคิดว่าตัวเองปีกกล้าขาแข็งแล้ว ถึงได้กล้าพูดจาท้าทายพ่อบังเกิดเกล้าเช่นนี้
“ผมเลือกที่จะเป็นทหารเพราะใจรัก แต่ผมก็ทิ้งสิ่งที่รักมาเพื่อทำหน้าที่ที่ตัวเองต้องทำและตอนนี้ผมก็ทำมันสำเร็จขั้นหนึ่งแล้ว ในอนาคตหากผมจะต้องเป็นประธานาธิบดี ผมก็อยากให้ประชาชนเลือกเพราะตัวตนของลาโคลอฟ พาวิลเชนโก ไม่ใช่เพราะผมมีพ่อเป็นประธานาธิบดี ไม่ใช่เพราะอิกอร์ที่จะเป็นพ่อตา และที่ไม่มีทางเป็นไปได้เลยคือ ไม่ใช่เพราะเมีย” ลาโคลอฟประกาศกร้าว
“อวดดี อย่าบังอาจมาจองหองกับฉัน แกยังไม่รู้หรอกว่าตำแหน่งที่อยู่ในกำมือฉันมันไม่ได้ได้มาง่ายๆ อุดมการณ์ เมื่อเทียบกับอิทธิพล อำนาจ บารมี มันแทบจะแยกออกจากกันไม่ได้ด้วยซ้ำ จะเป็นใหญ่ได้มันต้องมีทุกอย่างที่ฉันพูดมา ที่สำคัญแกต้องรู้ว่าอยู่ต่อหน้าใครถึงต้องแสดงจุดยืนว่ามีอุดมการณ์หรืออำนาจ” คนที่เล่นการเมืองมาทั้งชีวิตบอกจากประสบการณ์
“ผมไม่ใช่เด็กหนุ่มที่ไม่เข้าใจโลกว่าอำนาจที่พ่อมีอยู่ในมือต้องแลกมาด้วยหลายสิ่งหลายอย่าง แต่ตอนนี้พ่อกำลังละเมิดชีวิตส่วนตัวของผม ภรรยาคือผู้หญิงที่จะมาเป็นคู่คิด ไม่ใช่ผู้หญิงที่จะคว้าตำแหน่งสูงสุดนั้นมาไว้ในมือผม”
แอนทอนมองลูกชายผู้โอหังด้วยสายตาเกรี้ยวกราด ช่างไม่เข้าใจในความหวังดีของเขาเอาเสียเลย
“หวังว่าพ่อคงเข้าใจในสิ่งที่ผมต้องการ อย่างน้อยมันคงทำให้ผมมีชีวิตอยู่กับหน้าที่ที่ต้องทำอย่างภูมิใจและผมคงไม่ได้ยินว่าพ่อเอาหมายกำหนดการของผมไปบอกให้ใครหน้าไหนรู้อีก เพราะนั่นมันอาจจะนำอันตรายมาถึงชีวิตผม”
                แอนทอนกำมือแน่นมองลูกชายหัวรั้นที่เดินออกไปจากห้องทำงานของตนด้วยความไม่พอใจเป็นที่สุด หากทำอะไรไม่ได้มากกว่านี้เพราะนั่นคือข้อตกลงอย่างเดียวที่ตนเคยได้ให้คำมั่นสัญญาเอาไว้ก่อนที่ลาโคลอฟจะตัดสินใจลาออกจากราชการ เพื่อมารับช่วงสืบทอดเจตนารมณ์ทางการเมืองของตน จนสามารถชนะการเลือกตั้งขึ้นมาดำรงตำแหน่งสำคัญทางการเมืองของแอลเมเรีย ความสามารถและเกียรติยศที่ลูกชายได้แสดงให้ประจักษ์นั้นทำให้เขาภาคภูมิใจเป็นอย่างมาก ในช่วงชีวิตการรับราชการ ลาโคลอฟคือนายทหารหนุ่มที่ติดยศนายพลในตอนที่อายุน้อยที่สุดของประวัติศาสตร์แอลเมเรีย เมื่อเข้ามาเล่นการเมืองเขาก็สามารถรั้งตำแหน่งรัฐมนตรีกลาโหมที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์การเมืองของแอลเมเรียเช่นกัน
                แน่นอนว่าแอนทอนนั้นอยากให้ลูกชายเพียงคนเดียวสืบทอดตำแหน่งผู้นำประเทศแอลเมเรียนี้ต่อไป และพยายามสร้างรากฐานไว้ให้อย่างมั่นคงโดยหมายมั่นปั้นมือให้ลูกชายแต่งงานกับลูกสาวของที่ปรึกษาด้านความมั่นคง ซึ่งมีภาพลักษณ์อันดีงาม เป็นที่เชื่อถือของชาวแอลเมเรียรุ่นใหม่ แต่ผู้เป็นลูกกลับมองไม่เห็นถึงความปรารถนาดีในข้อนี้เลย
ความจริงแล้วลาโคลอฟนั้นเป็นนักการเมืองหนุ่มที่เปี่ยมไปด้วยความสามารถรอบด้าน บุคลิกท่วงท่าสง่างามสมชายชาติทหารแฝงไปด้วยรังสีของผู้นำซึ่งแผ่กระจายอยู่รอบตัว ทว่าคนหนุ่มซึ่งอยู่ในวัยอันควรสร้างครอบครัวกลับมีข่าวควงผู้หญิงไม่ซ้ำหน้า ถึงแม้ว่าคู่ควงของลูกชายแต่ละนางจะมีดีกรีเป็นถึงราชนิกุลจากประเทศในยุโรป ดารา นางแบบชื่อดังก็ตาม แอนทอนไม่ชอบใจเสมอเพราะมองว่าข่าวฉาวพวกนี้ทำให้ภาพลักษณ์อันดีงามของลูกชายติดลบ ถึงขนาดตั้งทีมดูแลภาพพจน์ของลูกชายขึ้นมาอย่างลับๆ คอยตามล้างตามเช็ดข่าวคาวเรื่องส่วนตัวเสมอ แต่ถึงกระนั้นสื่อต่างประเทศก็ให้ฉายาเขาว่า ‘รัฐมนตรีเพลย์บอย’
นั่นยิ่งทำให้แอนทอนมองว่าเรื่องส่วนตัวของลูกชายจะทำให้ประชาชนขาดความเสื่อมใสในว่าที่ผู้นำคนต่อไป จึงพยายามมองหาหญิงสาวสักคนที่จะมายืนเคียงข้าง ทั้งยังสามารถส่งเสริมบารมีได้เป็นอย่างดีและในเวลานี้ก็เห็นจะมีเพียง ตาทาเนีย ซียานอฟ ลูกสาวของอิกอร์ ซียานอฟเท่านั้น
                แอนทอนยกแก้วกาแฟดำขึ้นจิบน้อยๆ พลางคิดต่อไปว่า ถึงยังไงเสียลาโคลอฟก็คงต้องทำตามความตั้งใจของตนวันยังค่ำเพียงแต่ต้องใช้เวลาและสร้างสถานการณ์บีบคั้นให้ลูกชายทำตามอย่างเลี่ยงไม่ได้โดยไม่รู้ตัวเท่านั้น อย่างเช่นที่เคยทำให้ต้องลาออกจากราชการทหารมาแล้ว ผู้นำจอมบงการคิดพร้อมยิ้มออกมาอย่างเยือกเย็น!
 
                “คืนนี้เรียกเอริน่ามาหาฉันที่เพนต์เฮาส์” ลาโคลอฟออกคำสั่งทันทีเมื่อก้าวขึ้นมาอยู่บนรถคันยาว สองบอดีการ์ดหนุ่มรับคำอย่างขันแข็งแต่กลับสบสายตากันอย่างรู้ทันความคิดของเจ้านายว่านี่เป็นปฏิกิริยาตอบโต้ท่านประธานาธิบดีที่เข้ามาก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของท่าน
                สายตาเฉียบคมของลาโคลอฟมองออกไปอย่างไร้อารมณ์ มันยิ่งส่งผลให้ใบหน้าเฉยชาดูดุร้าย หาได้มีใครกล้าเอื้อนเอ่ยสิ่งใดขึ้นมาในเวลานี้นัก!
                เพียงแค่หนึ่งชั่วโมงต่อมาเอริน่า นางแบบชื่อดังของแอลเมเรียซึ่งกำลังเฉิดฉายบนแคทวอล์กระดับโลกก็เดินเชิดหน้าชูคอเข้าสู่เพนต์เฮาส์สุดหรูของของนักการเมืองหนุ่มทันที เธอโปรยยิ้มอย่างทรงเสน่ห์เมื่อก้าวขาลงจากรถหรูแม้ว่าจะไม่มีนักข่าวสักคน แต่นางแบบดังก็รู้ว่าตอนกลับออกมาจากเพนต์เฮาส์นี้เธอต้องเป็นข่าวดังไปทั่วโลกแน่
ชุดราตรีสีดำสนิทที่คว้านลึกทั้งด้านหน้าและหลังทำให้หลายคนที่พบเห็นกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก มันคงไม่ได้เป็นอุปสรรค์ในการกำจัดเพื่อรองรับอารมณ์พิศวาสสุดเหวี่ยงจากรัฐมนตรีเพลย์บอยแม้แต่น้อย!
                “เฮ้อ... คราวนี้ล่ะ ได้เป็นข่าวดังอีกรอบแน่” มารัตพูดออกมาเมื่อร่างเพรียวของนางแบบดังหายเข้าไปในลิฟต์
                “นายก็รู้ว่าท่านจะประกาศให้ทุกคนรู้ว่ายังไม่มีผู้หญิงคนไหนที่จะมายืนเคียงข้างท่าน” อลันตอบเพื่อนร่วมงาน
                “รู้! แต่เหนื่อยใจแทนท่าน ยังไงเสียท่านประธานาธิบดีก็คงจะไม่ลามือจากเรื่องนี้ง่ายๆ ลืมแล้วเหรอว่าเจ้านายของเราเคยหันหลังให้อาชีพที่ท่านรักที่สุดมาแล้ว” มารัตพูดด้วยความรู้สึกหนักใจแต่ไม่นานก็เปลี่ยนสีหน้าเป็นมีความหวังขึ้นมาทันที เมื่อคิดถึงเรื่องสำคัญขึ้นมาได้ “แต่ไม่แน่นะ ถ้าท่านได้เจอผู้หญิงที่รักจริงเข้า อาจจะมีแรงฮึดสู้กับท่านประธานาธิบดีก็ได้”
                “อืม... ฉันก็ได้แต่หวังให้ท่านเจอผู้หญิงคนนั้นเร็วๆ” อลันและมารัตหันมามองหน้ากัน แล้วเดินเข้าไปในครัว เพื่อหาอาหารเย็นรับประทานบ้างระหว่างรอเวลาให้นางแบบสาวกลับลงมาอีกครั้ง
 
                ในขณะที่ด้านบนของเพนต์เฮาส์สุดหรูมีร่างเปลือยเปล่าของนางแบบสาวชื่อดังกำลังควบเคลื่อนร่างสูงใหญ่ของลาโคลอฟอย่างเอาเป็นเอาตาย หมายใจจะสร้างความประทับใจในลีลารักอันเร่าร้อนให้นักการเมืองหนุ่มลุ่มหลงจนไม่อาจถอนตัว
                “โอว! พระเจ้า ฉันรักที่มีคุณอยู่อย่างนี้เหลือเกิน!” เอริน่า พร่ำเสียงพร่าด้วยความรัญจวนใจเมื่อแผงอกแกร่งที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ ช่างน่าหลงใหลกว่าใครทั้งสิ้น แม้นายแบบที่ได้รับการเทรนร่างกายเป็นอย่างดีก็เทียบไม่ติด ยิ่งเรื่องลีลารักร้อนแรงที่ได้รับกลับมาแล้วพูดได้เต็มปากว่าเขาชนะเลิศจนไม่มีใครบังอาจเทียบชั้น!
                ลาโคลอฟชันตัวลุกขึ้นโดยที่ยังผนึกแน่นเป็นเนื้อเดียวกับนางแบบสาว จับร่างสูงเพรียวพลิกหันหลัง มือหนากดแผ่นหลังบางให้เธอแนบกับพนักโซฟาปลายเตียง รุกประชิดจากด้านหลังมอบจังหวะรักอันคึกคะนอง เร็วรี่ จนเธอกรีดร้องระงม
                “กรี๊ดดด... โอ้...” เอริน่าครวญครางแทบไม่เป็นภาษา
                ลาโคลอฟขยับตัวถี่ระรัวเมื่อใกล้ถึงจุดหมายของการปลดปล่อย สองปีที่ผ่านมาเขาไม่เคยคิดถึงใบหน้าของผู้หญิงคนไหนได้เลยนอกจากเธอ! ทุกครั้งที่ใกล้ถึงเส้นชัยต้องจับพวกเธอพลิกตัว แผ่นหลังนวลเนียนของผู้หญิงที่กำลังรองรับอารมณ์จะปรากฏใบหน้ากระจ่างใสให้เห็น ผลักดันเขาให้ถึงจุดหมายอันเข้มข้นได้ทุกครั้งไป
                เสียงครางกระหึ่มที่ดังอยู่เบื้องหลังทำให้นางแบบสาวกรีดร้องด้วยความสุขสมเมื่อได้พบกับความสุขอันเต็มอิ่ม ที่เพิ่งเคยได้รับและประจักษ์แก่ใจตัวเองว่าทำไมผู้หญิงที่เคยขึ้นเตียงกับรัฐมนตรีหนุ่มจึงหลงใหลได้ปลื้มในตัวเขานัก! แม้จะไม่ได้สัมผัสกับตัวตนอย่างแท้จริงเพราะการป้องกันตัวเองอย่างดีเยี่ยม หลังเสร็จกิจเขาจะเดินหันหลังเข้าห้องน้ำมีเพียงแค่เช็คจำนวนมากโขที่วางไว้ให้บนโต๊ะเครื่องแป้งเท่านั้น
หากแต่เอริน่าก็เต็มอิ่ม สุขสม สามารถลุกขึ้นแต่งตัวแม้สองขาจะสั่นเทา เนื้อตัวซาบซ่านจากบทรักอันร้อนแรง แต่เพราะเซ็กส์ยอดเยี่ยมกับเงินก้อนโตก็ทำให้เธอกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ ยังไม่นับรวมชื่อเสียงที่ต้องตกเป็นข่าวหน้าหนึ่งอีกหลายสัปดาห์
เมื่อก้าวขาอันสั่นเทาออกจากลิฟต์ทุกสิ่งก็เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ บรรดานักข่าว สื่อมวลชนต่างยืนรอทำข่าวอยู่หน้าบันไดด้านนอกเพนต์เฮาส์ กล้องประสิทธิภาพสูงที่สามารถซูมภาพได้ยอดเยี่ยมต้องบันทึกได้ถึงการก้าวเดินอันผิดปกติของเธอเป็นแน่ เอริน่าแสร้งยิ้มอย่างเหนื่อยอ่อนก่อนก้าวขึ้นรถคันเดิมซึ่งจอดรออยู่ด้านหน้า ประจักษ์แก่ใจแล้วว่าทำไมผู้หญิงทุกชนชั้นต่างก็อยากมีโอกาสใช้เวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมงกับเพลย์บอยผู้นี้นัก
                เขาแสดงให้เธอได้รับรู้แล้วว่าลีลารักนั้นมหัศจรรย์เพียงใด!!!
                แต่สำหรับลาโคลอฟแล้ว ผู้หญิงก็ใช้ได้เหมือนกันหมด อก เอว สะโพกก็เหมือนๆกัน พวกเธอรองรับความต้องการที่อัดแน่นในตัวเขาได้เท่าๆกันหากยังไม่มีใครที่ทำให้เขาก้าวข้ามไปถึงความสุขสุดยอดได้ โดยจ้องมองใบหน้าพวกเธอสักคนหนึ่ง เขายังต้องจินตนาการผู้หญิงใบหน้ารูปหัวใจ ปากนิดจมูกหน่อย รูปร่างน่าทะนุถนอมอยู่เช่นเดิม อดคิดไม่ได้ว่าหากมีเธอนอนบิดตัวอยู่ใต้ร่าง มันจะวิเศษเลิศเลอเพียงใด เพียงแค่คิดความปรารถนาก็เดือดพล่านจนต้องจัดการกับตัวเองด้วยวิธีการเบสิกที่ง่ายที่สุด เมื่อเดินทางมาถึงจุดแตกดับเสียงห้าวก็คำรามก้อง เธอคือผู้หญิงในห้วงความคิดตลอดระยะเวลาสองปีเต็ม
‘เบบี้คริสตัล’

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
5 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา