แม้ชีวิตฉันก็จะให้นาย

10.0

เขียนโดย ภาพงับ

วันที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2558 เวลา 03.03 น.

  5 บท
  0 วิจารณ์
  8,225 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2558 03.09 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

1) เหมือนเคยพบกันในความฝัน

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 ผมกำลังวิ่งไป ในเส้นทางที่มืดมิด ทางที่ผมกำลังวิ่งไปนั้น แสงสว่างช่างริบหรี่เหลือเกิน ผมไม่รู้ว่า

จะไปทางไหนดี เหมือนคนหลงทาง ผมวิ่งไปข้างหน้าไปเรื่อยๆ ซึ่งผมคิดว่าอาจจะเจอทางออกไปจากเส้นทางอันมืดมิดนี้ แสงสลัวๆ เริ่มส่องมาทางผมจากทางข้างหน้าผมวิ่งไปตามแสงนั้น ในที่สุดผมก็เจอทางออก แต่ว่า ...... ตอนนี้ทางออกที่ผมวิ่งออกมานั้น ผมยืนอยู่บนต้นไม้ที่ใหญ่มาก ประมาณตึกที่สูงลับฟ้า สิ่งที่ผมเห็นตรงหน้านั้นคือ เมืองทั้งเมืองถูกทำลายล้าง ตึกราบ้านช่อง ถูกทำลายย่อยยับ ท้องฟ้ามืดสลัว เหมือนฝนจะตก เสียงสายฟ้าฟาดลง ไม่ขาดสาย ผู้คนมากมายล้มตายนับไม่ถ้วน บ้างคอขาด แขนขาด ผมเห็นแล้วก็นึกถึงพ่อแม่ ญาติพี่น้อง เพื่อนฝูงตอนนี้ก็คงจะตายไปแล้วเหมือนกัน พอนึกได้แค่นี้น้ำตาของผมก็เริ่มไหลริน ผมร้องไห้ด้วยความเจ็บปวดกับสิ่งที่เกิดขึ้น เวลาผ่านไปไม่นาน ก็มีสับประหลาดตัวใหญ่มากๆ กำลังบินวนเวียนอยู่บนท้องฟ้า ตามันสีแดงฉาน เขียวงอโค้ง หน้าตาน่ากลัว มันบินลงมาเก็บซากผู้คนที่นอนตายระเนระนาด กินเข้าไป ผมกลัวจนทำอะไรไม่ถูก จากนั้นมันก็บินขึ้นไปบนฟ้า พ่นไฟออกไปทำลายตึกที่ยังไม่ได้ถล่มลงมา ตึกที่ถูกไฟนั่นแผดเผา ถูกทำลายจนแตกสลาย ไม่นานนัก ก็มีเด็กผู้ชายคนหนึ่ง พุ่งกระโจนออกมาจาก ซากตึกที่ถล่มไปแล้วหลังหนึ่ง เค้ากระโดดสูงมากสูงกว่าตึก 100 ชั้น ซึ่งแน่นอนว่าคนธรรมดาทำไม่ได้ ผมเห็นเหมือนเค้าดึงอะไรบางอย่างออกมาจากข้อมือ ข้างหนึ่ง มันคือ ปืนชนิดนึงที่คนเค้าใช้ทำสงครามกันซึ่งผมคิดว่ามันคงจะมีอนุภาพรุนแรงมาก แต่ผมไม่เข้าใจว่าเค้าทำได้อย่างไร เหมือนเล่นมายากล ทั้งๆที่ปืนนั่นไม่ได้อยู่ที่ตัวเค้าเลยแต่เค้าสามารถดึงมันออกมาจากมือได้ เด็กผู้ชายคนนั้น สาดยิ่งใส่เจ้าปีศาจ นั่น แต่ดูเหมือนว่า เจ้าปีศาจนั่นกลับพ่นไฟกลับมาทำลายลูกกระสุนทั้งหมดที่เค้ายิงไป ไฟกำลังจะพุ่งมาที่ตัวเด็กคนนั้น ซึ่งตอนแรกผมคิดว่าเค้าคงไม่รอดและโดนไฟนั่นแผดเผา แต่ว่า เด็กคนนั้นกลับมาปรากฏตัวอีกที่หนึ่ง และสาดยิงใส่เจ้าปีศาจนั่นต่อ ................................... 

กริ้งๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ  เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้นมา ผมตื่นขึ้นมาด้วยความงัวเงีย"ห่าววววววว  หะ!!! เหอๆๆ ฝันไปหรอนี่ ฝันแปลกๆ อีกแล้ว" ผมงัวเงียและกลับไปกอดมอนข้างของตัวเอง  แนะนำตัวนะครับ ผมชื่อ ฮารุตะ คาสึเกะ เป็นนักเรียนมัธยมปลายปีที่ 1 ของโรงเรียน ไดเมียวยะ ที่เมือง ไดเมียว ครอบครัวผมมีกันสี่คนครับ พ่อผม ชื่อ ฮารุตะ โซซึเกะ แม่ผมชื่อ ฮารุตะ ไอริ ส่วนน้องชายของผมอายุเพิ่ม 2 ขวบเองครับ ชื่อว่า  ฮารุตะ  ริวเซย์ แม่ผมทำงานเป็นผู้จัดการที่บริษัทแห่งหนึ่งน่ะครับ ส่วนคุณพ่อเป็นพ่อบ้านดูแลลูก

ผมเริ่มลุกขึ้นจากเตียงนอน และอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมที่จะไปโรงเรียนเหมือนเช่นเคย

“คาสึเกะ ช่วงนี้เป็นไงบ้าง” แม่ผมถามขึ้น

“ก็ไม่มีอะไรเป็นพิเศษหรอกครับแม่ ช่วงนี้ก็มีแต่เรียนอย่างเดียว แต่ว่า ฮิโรโตะเค้าได้จดหมายรักอีกแล้วล่ะครับ เป็นคนที่เนื้อหอมจริงๆเลย ”

ฮิโรโตะเป็นเพื่อนสนิทของผมเองครับ กลุ่มเพื่อนสนิทของผมมีสามคนครับคือ ฮิโรโตะ  , โซมะ แล้วก็ผมเองครับ ฮิโรโตะเป็นคนที่หล่อมากเลยครับเลยมีผู้หญิงมารุมจีบบ่อยๆ

“ก็อย่างว่าล่ะนร้า เจ้าฮิโรโตะเค้าเนื้อหอมนี่หน่า ทั้งสุภาพ อ่อนโยนทั้งยังน่ารักอีกต่างหาก แต่ว่านะหากไปหลงผู้หญิงที่สวยอย่างเดียวแต่นิสัยใช้ไม่ได้ล่ะก็ คงแย่แน่ๆเลย” แม่ผมพูดไปแต่งหน้าไป

“คงไม่หรอกครับ ฮิโรโตะเค้าน่ะไม่ชอบคนที่น่าตาหรอกครับ”  

“แล้ว คาสึเกะล่ะ เมื่อไหร่จะมีผู้หญิงมาแนะนำให้แม่รู้จักบ้าง” 

“แหม แม่ก็ไม่มีหรอกครับผมน่ะ” ผมพูดด้วยความเขินอาย

“ไอริ มันจะสายแล้วนะ เดี่ยวก็ไปทำงานสายหรอก” พ่อผมพูดพลางชงกาแฟไป แม่ผมรีบทานยัดขนมปังชิ้นสุดท้ายเข้าไป แล้วก็มองดูนาฬิกา

“อ่า นั่นสินะสายป่านนี้แล้วหรอเนี่ย ” พอแม่ผมพูดจบก็เดินเข้าไปหอมแก้ม ริวเซย์ หลังจากนั้นก็มาหอมแก้มผมก่อนที่จะไปจูบกับพ่อ

“เอาล่ะนะ ! วันนี้ก็จะพยายามให้เต็มที่ แม่ไปล่ะนะ”

“เดินทางปลอดภัยนะครับ” พ่อกับผมพูดพร้อมกันส่วนน้องยังเคี้ยว ขนมปังอยู่  

“คาสึเกะ นี่มัน 7.30 แล้วนะลูก”พ่อผมพูด

ผมรีบทาน “ไปแล้วนะครับพ่อ พี่ไปแล้วริวเซย์” ผมพูดพร้อมกับวิ่งออกจากบ้านแล้วไปโรงเรียนด้วยความรวดเร็ว ......................... เมื่อมาถึงทางไปโรงเรียนก็เจอ โซมะกับฮิโรโตะอยู่ก่อนหน้านั้นแล้ว

“ไงว่ะ ไอ้คาสิเกะ มาสายนะมรึง” โซมะพูด พลางตบไหล่ผม

“แหะๆ โทดทีๆ พอดีกูกินข้าวเพลินไปหน่อย”

“การบ้านมรึงได้ทำมาป่ะ”

”ทำมาดิ ไม่ทำมาก็โดนอาจารย์ด่าดิว่ะ แล้วมรึงล่ะ”

”ขี้เกียจว่ะ นี่ๆ ฮิโรโตะเราขอลอกหน่อยนะ”โซมะพูดขอร้องฮิโรโตะที่อยู่ข้างๆ

“เอิ่ม.... ทำไมโซมะถึงไม่ทำเองล่ะครับ เอาแต่ลอกอย่างเดียวเดี่ยวก็ทำข้อสอบไม่ได้นะครับ” ฮิโรโตะพูดพลางถอนหายใจ

“ก็มันยากนี่หน่า อะไรก็ไม่รู้ งง ไปหมดเลย นะนร้าฮิโรโตะ ขอดูหน่อยนร้า”โซมะพูดอ้อนวอน

“ก็ได้ครับ แต่คราวหน้าพยายามทำมาเองนะครับ”   

“งับผม” โซมะพูดพร้อมกับยิ้มอย่างมีความสุข  ที่โซมะพูดดีกับฮิโรโตะก็เพราะว่า ฮิโรโตะเค้าสุภาพมากครับ เขาเป็นลูกคนรวย มารยาทการวางตัวดูดีมากเลยครับ ตอนแรกๆ ที่รู้จักกัน โซมะมันก็อยากสนิทเลยพูดคำหยาบๆไปแต่ฮิโรโตะก็ไม่เคยพูดคำหยาบกลับมา มีแต่คำว่า ผม นาย แล้วก็ครับ จากนั้นมาโซมะก็เหมือนเริ่มอายครับเลยกลับมาพูดเพราะๆกับฮิโรโตะเหมือนเดิม เมื่อถึงห้องเรียน วันนี้อาจารย์ ซากิเป็นคนสอนวิชาแรก อาจารย์ซากิเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาผมเองครับ อาจารย์ซากิมักผิดหวังกับความรักบ่อยๆเพราะเป็นผู้หญิงติ๋ม ซื่อๆ ไม่ชอบแต่งตัว ผู้ชายเลยไม่ค่อยสนใจเท่าไร

“นักเรียนค่ะ ! ผู้หญิงเนี่ยใส่เสื้อผ้าเรียบร้อยกับนุ่งน้อยห่มน้อยแบบไหนน่ารักกว่ากันค่ะ!!!!” อาจารย์ถามด้วยน้ำเสียงน่ากลัวมากเลยครับ

“เอาล่ะ ! นากาสาวาคุง แบบไหนค่ะ !” เพื่อนผมถึงกลับเอ๋อเลยครับ

“ เออ คือว่า ..............ก็คงน่ารักทั้งสองแบบมั้งครับ”เพื่อนผมตอบแบบกลัวๆกล้าๆ

“ผู้หญิงน่ะ ! ต้องเรียบร้อยถึงจะน่ารักสิค่ะ เด็กๆค่ะ ! โตขึ้นไปอย่าได้ไปคบกับผู้ชายที่มองแต่รูปลักษณ์ภายนอกเด็ดขาดเลยนะค่ะ!” อาจารย์พูดด้วยแววตาเคร่งเครียดมากเลยครับ

“มึงๆ กูว่าอาจารย์ซากิ โดนตอบปฏิเสธมาอีกแน่เลยว่ะ 555+” โซมะพูดกระซิบมาหาผมก่อนจะหัวเราะ คิกๆอยู่คนเดียว

“เอาล่ะค่ะ นักเรียนวันนี้มีนักเรียนใหม่มาแนะนำให้รู้จักนะค่ะ เอาล่ะจ๊ะ เข้ามาเลย ฮินาตะ มินาโตะ ” ห๊ะ!! ผมนึกในใจ ตอนนี้เนี่ยนะกลางเทอม ม.4 มีคนย้ายเข้ามากลางเทอม เป็นไปได้ไง นักเรียนคนนั้นเดินเข้ามาในห้องด้วยท่าทีน่าเกรงขามมากเลยครับ แววตานั้น ใบหน้านั้น “แอ๊ะ!” เสียงผมอุทานออกมา เค้าคือคนที่ผมเห็นในความฝันนี่หน่า ทำไมถึงได้มาเจอกันที่นี่  

“โหหห  มรึง ไอ้นั่นแมร่งหล่อชิบหายเลยว่ะ ” โซมะพูดกระซิบกับผม

“เอาล่ะจ๊ะ แนะนำตัวเองได้เลยจร๊ะ” อาจารย์ซากิพูดกับเด็กใหม่นั่น แววตาและสีหน้าของเด็กใหม่นั่นดูนิ่งเฉย ว่างเปล่าไร้ความรู้สึก บรรยากาศในห้องไม่มีแม้แต่เสียงพูดคุยกัน

“หวัดดี ผมชื่อ ฮินาตะ มินาโตะ ยินดีที่รู้จัก” เค้าพูดด้วยน้ำเสียงที่ว่างเปล่าผมฟังแล้วขนลุกเลยครับ

“นักเรียนจ๊ะ คุณ ฮินาตะเขาป่วยเป็นโรคทางสมองน่ะจ๊ะ เลยรักษาที่โรงพยาบาลมา 3 ปี อาจจะยังมีอะไรไม่เข้าใจอีกมากมาย ยังไงพวกเราก็ช่วยกันดูแลเค้าด้วยนะ เอาล่ะจ๊ะ คุณฮินาตะไปนั่งข้างนากาสาวาคุงนะ” อาจารย์ซากิกล่าว ผมคิดว่าเค้านอนที่โรงพยาบาลมา 3 ปี นั่นแสดงว่าเขาก็น่าจะอายุมากกว่าผม 3 ปี จึงกลับมาเรียนใหม่ ก่อนที่นายฮินาตะจะเดินเข้ามาเขาหันมามองทางผม ด้วยแววตานิ่งเฉย ว่างเปล่า ผมเห็นเช่นนั้นแล้ว ก็เกิดกลัวขึ้นมามากเลยครับ

“คุณฮินาตะ ย้ายมาจากที่ไหนหรอค่ะ”

“คุณฮินาตะ มีแฟนยังค่ะ”

“ผิวคุณฮินาตะขาวมากเลยนะค่ะ” พวกเหล่าผู้หญิงหลายคนพยายามจะตีสนิทกับเจ้าหมอนั่น แต่ดูเหมือนว่าเค้าจะนิ่งเงียบ จนทำให้บรรยากาศรอบข้างดูอึนๆ

“ขอโทษนะครับ ผมรู้สึกปวดหัวนิดหน่อย ขอตัวไปห้องพยาบาลก่อนนะครับ” มินาโตะกล่าว

“งันเดี่ยวฉันพาไปเองนะค่ะ”

“ฉันด้วย”  พวกผู้หญิงพากันแย่งทำหน้าที่

“ไม่ต้องหรอกครับ ผมคิดว่าน่าจะให้เป็นหน้าที่ของหัวหน้าห้องจะดีกว่า” มินาโตะพูดด้วยเสียงเงียบขรึ่ม ก่อนจะเดินมาทางผม

“คุณ ฮารุตะ คุณเป็นหัวหน้าห้องใช่มั้ย ช่วยพาผมไปห้องพยาบาลทีสิ” มินาโตะพูดด้วยน้ำเสียงอันว่างเปล่า

“อะ....เอ...เออคือ ใช่ ผมเอง” ผมรู้สึกกลัวเขาขึ้นมานิดๆ ทั้งแววตา สีหน้า มันดูหลอนมากเลยครับ ถึงหมอนี่จะหล่อมากก็ตาม  ผมกับเขาเดินตามทางระเบียงมาเรื่อยๆ บรรยากาศ อึนครึม มากครับ ผมแปลกใจว่า ทั้งๆที่เป็นคนที่ย้ายเข้ามาใหม่แต่ทำไมถึงได้รู้ว่าผมเป็นหัวหน้าห้อง

“อ.....เอิ่ม คือว่า ทำไมถึงรู้ว่าผมเป็นหัวหน้าห้องได้ล่ะครับ” ผมพูดด้วยน้ำเสียงหวั่นเกรงนิดๆ เพราะหมอนี่ดูน่ากลัวมากเลยครับ เขาไม่ตอบแต่ก็พอเดินได้สักพัก

“ได้ยินมาจาก อาจารย์ซากิน่ะ” เขาพูดด้วยน้ำเสียง ว่างเปล่าเหมือนเดิมครับ

“เอาะ ..... อ้อ อย่างนี้นี่เอง เออ คือว่านะห้องพยาบาลน่ะ ... อยะ...” ผมพูดยังไม่ทันจบ

“อยู่ทางนี้สินะ” เขาพูดพร้อมเดินนำหน้าผมไป

“เอิ....เอิ่ม เออ คือว่าหรือว่ารู้อยู่แล้วว่าอยู่ที่ไหน” ผมพูดด้วยความแปลกใจ เพราะอะไรนะเขาถึงรู้

เขาไม่พูดตอบกลับมาเราเดินไปเรื่อยๆ แต่ผมสังเกตได้ว่าเขากำมือแน่นมาก และสีหน้าก็เปลี่ยนไป

“เออ ..... คือคุณฮินาตะ ....” ผมพูดสังเกตได้ว่าสีหน้าเขาเริ่มเปลี่ยนไป ในขณะที่เขาเดินนำหน้าอยู่นั้น

“เรียกว่า มินาโตะก็ได้” เขาพูด

“อะ..เออ มินาโตะคุง...”

“มีอะไรหรอ” เขาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา

“อะ..เออ ชื่อจำง่ายดีจังนะ...อะ เออคือว่าไม่ใช่ความหมายในแง่ไม่ดีหรอกนะ หมายถึงว่า ชื่อเท่ดี ประมาณนั้นน่ะ” ผมรีบพูดในเชิงดี เพราะกลัวเขาโกรธ แต่ว่า สักพักเขาก็หันกลับมา ด้วย วาวตาที่เย็นชา สีหน้าเรียบเฉย มันน่ากลัวมากเลยครับ

“ฮารุตะ คาสึเกะ นายคิดว่าชีวิตของนายตอนนี้น่ะ มีค่ามั้ย ให้ความสำคัญกับเพื่อนๆและครอบครัวหรือเปล่า ” ผมอึ้งและงงกับคำถามเขานิดหน่อยครับ

“คือ...ผมคิดว่า สำคัญสิ ทั้ง ครอบครัวและเพื่อนๆเพราะพวกเขาเป็นคนสำคัญของผม ” ผมพูดออกไปแบบไม่คิดอะไร

“จริงๆหรอ”

“จริงสิ เพราะผมรักพวกเขามาก”

“หรอ........ ถ้าอย่างนั้นนายจงอย่าคิดที่จะเปลี่ยนตัวเองไปจากนี้เป็นอันขาด   ...........เพราะไม่งันนายจะสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่างไป ” เขาพูดด้วยสีหน้าและแววตาหน้ากลัวมากครับ

"นายน่ะเป็น ฮารุตะ คาสึเกะอย่างที่เป็นอยู่น่ะดีแล้ว เหมือนที่เคยเป็นมา แล้วก็จากนี้ไป" เขาพูดด้วยน้ำเสียงน่ากลัวจากนั้นเขาก็เดินจากไป

ตลอดช่วงระยะเวลาที่ มินาโตะ ย้ายเข้ามาจนถึงตอนนี้ เขาสามารถเรียนตามพวกเราในห้องทันหมดทุกอย่าง ยิ่งกว่านั้นความรู้ที่เขามีเหมือนจะมากกว่าพวกเราด้วยซ้ำ ด้านกีฬาเอง มินาโตะก็เก่งมากๆ มีอยู่ครั้งหนึ่งในช่วงโมงพละ อาจารย์ให้ทดสอบสมรรถภาพร่างกายโดยเป็นกีฬาการกระโดดสูงข้ามเขตที่ปัก มินาโตะสามารถกระโดดข้ามเขตที่ปักอยู่สูงถึง 4 เมตรจนอาจารย์ที่สอนพวกเราเองถึงกับพูดว่า นั่นมันทำสถิติระดับเขตเลยทีเดียว แต่ทุกครั้งที่หมอนั่นทำกิจกรรมอะไรก็ตามแต่ มักจะมองมาที่ผมอยู่เสมอด้วยสายตา เย็นชา ว่างเปล่าและน่ากลัวที่สุด ผมเองก็เกิดความกลัวในใจขึ้นเหมือนกันว่าเพราะอะไรมินาโตะถึงเอาแต่คอยจ้องมองผมอยากนั้น ผมทำอะไรให้เค้าโกรธหรือเปล่า แต่ก็ยังแปลกใจในเมื่อเราไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ทำไมถึงต้องมีเรื่องให้โกรธ ถึงแม้จะแค่ในฝันก็เถอะ แต่มันก็แค่ฝัน

หลายอาทิตย์ผ่านมา………..

ผม โซมะ และ ฮิโรโตะหลังเลิกเรียนก็พากันไปกินอาหารที่ร้านแมคโดเนล ในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง

“นี่ คาสึเกะ มรึงไปทำอะไรให้หมอนั่นโกรธหรือเปล่าทำไมมันถึงเอาแต่จ้องมองมรึงคนเดียว” โซมะถามผม

“ไม่รู้สิ แถมวันนั้นเองก็พูดอะไรแปลกๆอีก กูก็งงเหมือนกัน” ผมพูด   จากนั้นก็เล่าเรื่องที่มินาโตะเคยถามผมถึงว่าห่วงคนสำคัญมั้ยให้กับ โซมะกับฮิโรโตะฟัง

“อะไรกันน่ะ มันบ้ารึไงว่ะ เรียนเก่งจนเป็นประสาทแน่เลย” โซมะพูดพร้อมทำหน้าไม่พอใจนิดๆ

“คาสึเกะคุง เพิ่งจะเคยเจอกับ คุณฮินาตะจริงๆหรอ” ฮิโรโตะพูด

“อะ….เอ่อ  ถ้าในชีวิตจริงล่ะก็ใช่ ”  ผมพูด

“มรึงพูดอะไรของมรึงว่ะ ไอ้คาสึเกะ มรึงหมายถึง มรึงเคยเจอกับมันในฝันหรือไง” โซมะพูดพลางติดตลก

“เอิ่ม…. อือใช่ กูเคยฝันเห็นเขาน่ะ” ผมพูดออกแนวอายๆ

“555555555555555555555555+” โซมะกับฮิโรโตะหัวเราะพร้อมกัน

“เชี่ย 555+  มรึงเก็บหน้ามันไปฝันเปียกหรือไงว่ะ 555+ ” โซมะพูดเย้ยผม

“ไอ้สัส มรึงนิ กูกำลังเครียด” ผมพูด

“กูว่านะ มันกับมรึงต้องมีพรมลิขิตมาคู่กันแน่เลย  เหี้ยนี่มรึงมันตุ๊ดนี่หนา 5555+” โซมะพูดเย้ยผมอีก

“พ่อง กูไม่ใช่ตุ๊ด ไอ้สัสนิ ละเหลยใหญ่ เดี่ยวกูตบกระโหลกให้” ผมพูดออกแนวโกรธ

“ฝันที่ว่าน่ะ เป็นฝันแบบไหนกันหรอ” ฮิโรโตะถามผม

“เราก็นึกไม่ค่อยออกหรอกน่ะ แต่จำได้ว่ามันเป็นฝันแปลกๆน่ะ ” ผมตอบฮิโรโตะ

“บางที คาสึเกะอาจจะเคยเจอกับคุณฮินาตะในชีวิตจริงมาก่อนก็ได้นะ ถึงตัวคาสึเกะเองจะมั่นใจว่าไม่เคยเจอกันแต่จิตใต้สำนึก ยังคงเหลือความทรงจำเกี่ยวกับคนคนนั้นอยู่ ก็เลยออกมาในรูปแบบความฝันน่ะ” ฮิโรโตะกล่าว

“นี่ฮิโรโตะมันตลกไปมั้ง อะไรจะไปบังเอิญขนาดนั้น” โซมะพูด

“เอิ่ม …นั่นสินะ โหสายปานนี้แล้วหรอเนี่ย วันนี้ผมมีเรียนเปียโนต้องขอตัวก่อนนะครับ” ฮิโรโตะพูดพลางมองดูนาฬิกาข้อมือ

“หว้าลำบากแย่เลยเนอะ ดีใจจังที่ไม่ได้เกิดเป็นคนรวย 55+” โซมะพูดพลางตบไหล่ฮิโรโตะ

“โซมะกูว่ากลับกันเถอะ” ผมพูด พลางหยิบกระเป๋า

“เดี่ยวมรึง …. อะ..เอิ่ม… ไปร้านเค้กกันก่อนนะ” โซมะพูด

“555+ จะซื้อไปให้โมโมะกะจังหรอ” ผมพูดยิ้มๆ โมโมะกะจังเป็นเพื่อนร่วมชั้นของพวกเราครับเธอเป็นนักเทควันโดหญิงของโรงเรียนด้วยครับ แต่ว่า เมื่อเทอมที่แล้วเธอโดนอุบัติเหตจากการฝึกซ้อมจนทำให้ขาเธอหักไปสองข้าง คุณหมอบอกว่า ในกรณีของ โมโมะกะจังนั้นเป็นกรณีที่รุนแรงมากครับ เธอจะไม่สามารถใช้ขาของเธอได้อีกต่อไป ต้องเป็นคนพิการไปตลอดชีวิตและตอนนี้เองเธอก็ยังอยู่ที่โรงพยาบาล โซมะกับโมโมะกะจังเป็นเพื่อนกันตั้งแต่เด็กๆ และที่สำคัญ โซมะเองก็หลงรักโมโมะกะ แต่ดูเหมือนโมโมะกะเห็นโซมะเป็นเพียงแค่เพื่อนคนหนึ่งเท่านั้น โซมะเองก็ไม่เคยบอกความรู้สึกที่แท้จริงกับโมโมะกะได้แต่แอบรักเขา  ……………… จากนั้นพวกเราก็ตรงไปที่ร้านเค้กครับ ที่มาซื้อเค้กให้โมโมะกะจังนั่นเพราะเธอชอบกินเค้กมาก โซมะเองรู้ดี จริงมาซื้อไปฝากเธอบ่อยๆ

                “เห้ยมรึง เอาเค้กไรดีว่ะ” โซมะพูด

 โมโมะกะจังนั้นเค้าไม่มีท่าทางว่าจะชอบเค้กรสไหนเป็นพิเศษครับ โซมะเลยตัดสินใจยากนิดนึง  

“มรึงก็เลือกเองดิว่ะ ชอบเค้าไม่ใช่ไง” ผมพูด

“เออๆ เดี่ยวกูดูเอง” โซมะกล่าว

######”ช่วยผมด้วย !”#######    ……………………  ผมรู้สึกเหมือนได้ยินเสียงบางอย่างดังก้องในหูผม

“ช่วยผมด้วยย!  ช่วยผมที !”   ………………………  ผมเริ่มหนักใจล่ะครับเสียงนั่นดังขึ้นเรื่อยๆ ผมจึงเริ่มคิดว่า เขาอาจจะต้องการความช่วยจริงๆ ผมเดินออกไปจากร้านเค้ก ไปตามทางที่เหมือนว่าเสียงนั่นจะดังขึ้นเรื่อยๆ ผมเดินมาทางหลังห้าง ซึ่งเป็นโกดังหลังใหญ่

“ช่วยผมด้วย คาสึเกะ!” ตอนนี้เสียงนั่นฟังชัดมากครับ แต่แปลกตรงที่ว่าแล้วรู้จักผมได้ไง

“ใครน่ะ ใครเป็นคนเรียกผม” ผมถาม …………………………..    มีเสียงดังขึ้นจากด้านบนเหมือนฝ้าบนเพดานจะตกลงมา ตุ๊บ!!!!!!   เด็กผู้ชายตัวน้อยที่เต็มไปด้วยบาดแผลตกลงมาพร้อมกับฝ้าเพดาน    

“ช่วยผมด้วย !” แล้วเขาก็สลบไป  ผมรีบเข้าไปพยุงน้องเขาขึ้นมา 

 “นาย นาย อย่าเป็นอะไรนะ นาย นาย”   ตึกๆ!!   เสียงอีกคนที่กระโดดลงมาจากเพดาน

เขาคือ !!!!  ฮินาตะ มินาโตะ  

“มินา…….โตะ…คุง” ผมตกใจมากครับ

“ถอยให้ห่างจากเจ้านั่นซะ!” มินาโตะพูด ด้วยแววตาน่ากลัว ชุดที่เขาใส่ก็แปลกประหลาดเหมือนกับชุดคอสเพย์

“นายจะทำแบบนี้ไม่ได้นะ !!!   เด็กคนนี้เขาบาดเจ็บอยู่นะ” ผมพูดออกไปถึงตอนนี้จะกลัวมากก็เถอะแต่น้องเขาที่ถูกทำร้ายคนนี้น่าจะอายุเพียง 5-6 ขวบเอง ผมยอมไม่ได้หรอกที่จะปล่อยให้เขาตายไปต่อหน้าต่อตา มินาโตะยังยืนนิ่ง แต่ว่าแววตานั้นมันน่ากลัวกว่าเดิม น่ากลัวมาก จนผมเกร็งไปหมดทั้งตัว แต่ว่าทันใดนั้น !   ฟู่ๆๆๆ  ควันขาวลอยมาจากด้านหลังผม 

“โซมะ !!!” ผมรีบอุ้มน้องที่นอนสลบอยู่ แล้ววิ่งตรงไปหาโซมะ

“ไปกันเถอะมรึง!!!” โซมะพูดจบก็เขวี้ยงถังดับเพลิง ใส่มินาโตะ  จากนั้นผมกับโซมะ ก็พยายามวิ่งหนีและหาทางออก

“ที่มรึงอุ้มมาน่ะ เด็กที่ไหน” โซมะพูดพร้อมกับวิ่งไป

“ไม่รู้กูไม่รู้แต่กูจะปล่อยให้น้องเขาตายไม่ได้” ผมพูด ในขณะนั้น สิ่งต่างๆรอบตัวเหมือนเปลี่ยนไป  เหมือนไปอีกมิติหนึ่งเลย  มันดูน่ากลัวมากครับ

“ทางออกล่ะ ทางออกล่ะว่ะ!!!” โซมะพูด

“เหมือนรอบตัวเรามันเปลี่ยนไปเลยว่ะ” ผมพูด

“อะไรอีกว่ะ แม่ง !! ซวยฉิบหาย ”โซมะพูด   คลิ๊กๆๆ คลั๊กๆๆ มีบางสิ่งบางอย่างอยู่รอบตัวพวกเรา 

“เห้ย นั่นอะไรว่ะ!!” ผมพูด  สิ่งนั้นรูปร่างประหลาดคล้ายปีศาจผีเสื้อ มันมีหนวดที่เป็นกรรไกรหนามแหลมคม มันมีอยู่มากมายนับไม่ถ้วน ล้อมรอบตัวพวกผมไว้

“คาสึเกะ กูฝันไปใช่มั้ย !  กูฝันไปใช่มั้ย!!” โซมะพูดด้วยความหวาดกลัว เราสองคนกอดกันไว้ คิดว่ายังไงก็คงต้องตายแน่ๆ ทันใดนั้น  มีโซ่ตรวนเส้นหนึ่งลอยมาครอบตัวพวกผมสองคนไว้ หลังจากนั้นก็มีแสงพุ่งใส่ปีศาจพวกนั้นที่เข้ามาใกล้พวกผม ปีศาจนั่นมันกระเด็นไปไกลมาก

“เอ๊ะ !!” โซมะดูตกใจเล็กน้อย  

“เกือบไปแล้วล่ะนะ แต่ว่าไม่เป็นไรแล้วล่ะจ๊ะ”  มีผู้หญิงคนหนึ่งใส่ชุดนักเรียนโรงเรียนเดียวกับพวกผม เดินเข้ามาใกล้  พวกผมงงเล็กน้อย

“อ่าช่วย คีโบไว้สินะ ขอบคุณนะ เด็กคนนั้นน่ะเป็นเพื่อนคนสำคัญของฉันเลยล่ะ” เธอพูด

“ผมถูกเรียกมาน่ะครับ เสียงของเด็กคนนี้ดังเข้ามาอยู่ในหัวเลย” ผมพูด

“อ้อ…. อย่างนี้นี่เอง ชุดเครื่องแบบนั่นพวกนายเองก็เป็นนักเรียนที่โรงเรียนไดเมียวยะสินะ ม.4 หรอ” เธอคนนั้นพูด

“อ…เอ่อ แล้วคุณล่ะ” โซมะพูด   ในขณะเดียวกันพวกปีศาจที่กระเด็นออกไปก็กำลังพยายามกลับเข้ามาใหม่

“นั่นสินะ ลืมแนะนำตัวไปเลย แต่ว่าก่อนหน้านั้น” เธอพูดพร้อมกลับหันไปทางพวกปีศาจ

“ขอเก็บกวาดงานที่ค้างคาไว้ก่อนนะจ๊ะ” เธอพูดพร้อม หยิบบางสิ่งบางอย่างออกมาจากกระเป๋าเสื้อ มันเหมือนลูกแก้ว สีออกเหลืองๆ จากนั้นก็เกิดลำแสงเปร่งประกายรอบตัวของผู้หญิงคนนั้น เมื่อแสงนั่นจากหายไป เธอคนนั้นกลับไม่ได้อยู่ในชุดนักเรียน แต่ชุดที่เธอใส่กลับเป็นชุดเหมือนชุดคอสเพย์ในการ์ตูน      เธอคนนั้นกระโดดขึ้นไปสูงมากๆเหนือพวกปีศาจเหล่านั้น และดีดนิ้วโป้ง ฉับพลันทันใด ก็ปรากฏปืนลูกซอง มากมายนับร้อย อัน อยู่รายล้อมตัวเธอ เมื่อเธอดีดนิ้วอีกที ปืนลูกซองเหล่านั้นก็ยิงออกไปด้วยตัวมันเอง  กระสุนมากมายพุ่งใส่ปีศาจเหล่านั้นเกิดควันตลบอบอวน

ผมมองอย่างตาไม่กระพริบ

“ยอดเลย !” ผมพูด  ในตอนนี้เองมิตินี้ก็เริ่มหายไป กลับสู่สภาพเดิม

“กลับมาได้แล้วโว้ย!” โซมะพูด   แต่เบื้องหน้านั้น มินาโตะก็ปรากฏตัวต่อหน้าพวกเรา

“despond น่ะ หนีไปแล้วถ้าหากอยากจะจับให้ได้ล่ะก็รีบตามไปสิ…………….. คราวนี้จะยกให้นายก็แล้วกัน” เธอคนนั้นพูดกับมินาโตะ

“ที่ฉันมีธุระด้วยน่ะ !!”  มินาโตะหันมามองน้องเขาที่อยู่บนหลังผม

“ไม่เข้าใจที่ฉันพูดสินะ !! ฉันบอกว่าคราวนี้จะทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นยังไงล่ะ” เธอคนนั้นพูด

มินาโตะเริ่มสีหน้าไม่ดี

“นายน่ะ ไม่คิดจะเลี่ยงปัญหาไร้สาระแบบนี้กันบ้างหรอ” เมื่อมินาโตะได้ฟังเช่นนั้นก็หันกลับมามองที่ผมอีกที ดูเหมือนว่าเขาเองจะจำใจเดินจากไป

“เห้ออออ!”  ผมถอดหายใจพร้อมกับโซมะ จากนั้น เธอคนนั้นก็เอามือมาอังตรงบาดแผลของเด็กน้อยคนนั้น เหมือนมีแสงสีทองเปร่งออกมาจากมือเธอคนนั้นด้วย สักพักหนึ่งเด็กน้อยคนนั้นก็หายเป็นปกติ

“ช่วยได้มากเลย ขอบใจนะยูริ  ” เด็กคนนั้นกล่าว

“ขอบคุณสองคนนี้ดีกว่านะ ฉันแค่ผ่านมาเท่านั้นเองน่ะ” เธอกล่าว

“ขอบคุณมากนะ ผมชื่อว่า คีโบ”

“นายเป็นคนเรียกฉันมาสินะ” ผมพูด

“ใช่แล้วล่ะ    ฮารุตะ คาสึเกะ   แล้วก็   อาโออิ โซมะ ”คีโบพูด

“ทำไมถึงได้รู้ชื่อพวกเราได้ล่ะ” โซมะกล่าว

“ผมน่ะมีเรื่องที่จะขอร้องพวกนายทั้งสองคนน่ะ”

“ขอร้องหรอ…” ผมพูด

“มาทำสัญญากับผมแล้วเป็นจอมเวทย์เถอะ !! ”

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา