KAMAITACHI ♥ คาไมทาจิ ความรักของภูติลม

10.0

เขียนโดย เมอิ

วันที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2558 เวลา 23.45 น.

  8 ตอน
  1 วิจารณ์
  12.22K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2558 00.22 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

3) [KAMAITACHI 3 นัยน์ตาสีเหลืองเข้ม]

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

!!!!

 

“เอ๋!?...ปกป้องเหรอคะ?...ละ  แล้วทำไม...ถึงต้องปกป้องชั้นด้วยล่ะคะ?”

 

ชิโรมิผู้เป็นพี่ใหญ่สุดหลังจากที่ได้แนะนำน้องๆคาไมทาจิ และบอกกับยูนะว่าต้องปกป้องเธอ   จู่ๆก็ถูกยูนะถามขึ้นด้วยสีหน้าที่ดูตื่นตระหนกและท่าทางที่ดูสงสัย  ประหนึ่งกระต่ายตัวเล็กๆ   ทำให้ชิโรมิผู้อ่อนโยนซึ่งแน่นอนว่าคงทนเห็นใบหน้าของเด็กสาวตรงหน้า ที่ดูบอบบางแบบนั้นไม่ได้   จึงจำใจต้องเล่าเกี่ยวกับเรื่องราวต่างๆในอดีตที่ผ่านมาให้ยูนะฟัง

 

.....

 

...ชิโรมิเล่าว่า   เดิมทีพวกเขาก็เป็นเพียง ‘คาไมทาจิ  ภูติลม’ ที่มีหน้าที่ก่อกวนและทำร้ายร่างกายนักเดินทางที่เดินทางผ่านมาบนภูเขาแห่งนี้เท่านั้น  อยู่มาวันนึง  เกิดเหตุการณ์ประหลาดขึ้น  ปีศาจที่แข็งแกร่งตนหนึ่งได้ฝ่ากฎของโยวไค  บุกรุกยึดดินแดนของภูติ ผี ปีศาจตนอื่น  ดินแดนของคาไมทาจิก็เช่นกัน  และมีเพียงคุโรอิเท่านั้นที่สามารถจะต่อสู้เพื่อแย่งชิงดินแดนคืนมา   แต่ก็ไม่สำเร็จ  เพราะคุโรอิยังไม่แข็งแกร่งพอที่จะสู้กับปีศาจที่แข็งแกร่งอย่าง                กาซาโดคุโร(ปีศาจโครงกระดูกยักษ์)  ทำให้คาไมทาชิต้องถอยออกมาและซ่อนตัว

 

จนกระทั่งมีชายผู้หนึ่งที่ขึ้นมาบนภูเขาพร้อมกับภรรยา  ท่านผู้นั้นคือ 'องเมียวจิ'   ผู้แข็งแกร่งที่สุดในยุคนั้น  และเขาสามารถปราบปีศาจตนนั้นได้  พวกเราคาไมทาจิจึงทำ   พันธะสัญญากันว่า  จะคอยปกป้อง  คอยรับใช้  และไม่ทำร้ายคนในตระกูล  ตราบเท่าที่ยังมีชีวิต และตระกูลนั้น  ก็คือตระกูลฮายาชิซึ่งเป็นตระกูลของยูนะนั่นเอง 

และที่ชิโรมิสั่งให้น้องๆหยุดทำร้ายยูนะ  เป็นเพราะว่าเขารับรู้ถึงพลังของสร้อยประจำตระกูลที่ ยูนะเก็บไว้ในเป้ได้   ...ซึ่งเธอลืมสวมไว้ที่คอ

 

 

หลังจากที่ยูนะได้ฟังเรื่องราวต่างๆในอดีต  เธอจึงหยิบสร้อยประจำตระกูลออกมาจากเป้ ...แสงประกายแวววับของจี้สร้อยสีแดงเข้มสะท้อนเข้ากับดวงตากลมโตของเธอ  เธอจ้องมองสร้อยนั้นอีกครั้งเหมือนกับว่าอยากที่จะรู้เรื่องราวที่ผ่านมาให้มากกว่านี้     ชิโรมิที่อยู่ใกล้ๆพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ดูสุภาพและอ่อนโยนหลังจากที่จ้องมองดู  ยูนะที่กำลังจ้องสร้อยเส้นนั้นอยู่

“ท่านควรสวมสร้อยเส้นนั้นไว้นะท่านหญิง   เพราะพวกภูติ ผี ปีศาจ  รอที่จะล้างแค้นคนในตระกูลของท่านอยู่ทุกเมื่อ... ข้ากับซาอิโร่ไม่แข็งแกร่งพอที่จะปกป้องท่านจากปีศาจชั้นสูงได้...คนที่สามารถปกป้องท่านได้มากที่สุด            มีเพียงคุโรอิเท่านั้น”

 

ใบหน้าที่บ่งบอกว่าเธอกำลังสงสัยอยู่  ทำให้ซาอิโร่น้องคนเล็กที่นั่งอยู่ใกล้ๆพูดขึ้นต่อจากชิโรมิผู้เป็นพี่

 

“พี่กลางน่ะ...เป็นคาไมทาจิที่...!!!”

 

!!!!

 

“เจ้าควรเงียบซะ!!...ซาอิโร่”

 

คาไมทาจิสีดำที่ยังไม่ยอมเปลี่ยนร่างเป็นมนุษย์   พุ่งพรวดมาอย่างรวดเร็วราวกับหายตัวได้   พร้อมกับเคียวคมกริบที่จ่ออยู่ที่คอของซาอิโร่น้องเล็กสุด   ทำให้ซาอิโร่ต้องหยุดชะงักคำพูดของตัวเองทันที  เพราะเคียวคมกริบที่แทบจะตัดได้ทุกอย่างกับดวงตาสีเหลืองเข้มที่แม้ตาอีกข้างจะถูกผ้าปิดไว้เพราะบาดแผลจากการต่อสู้  ดวงตาสีเหลืองเข้มที่ดูมีเสน่ห์แต่แฝงด้วยความดุดันและดูน่ากลัวนั้น  ถึงแม้ตอนนี้คุโรอิจะอยู่ในร่างวีเซิลสีดำก็ตาม   แต่สายตาที่ดูน่ากลัวนั้นทำให้ซาอิโร่ไม่กล้าที่จะปริปากพูดอะไรต่อ

 

….

 

“เอ่อ...คือ...อย่าทะเลาะกันเลยนะคะ...อีกอย่าง  เอาเคียวจ่อคอแบบนั้น  มันดูโหดร้ายไปนะคะ”

ดวงตาสีเหลืองเข้มของคาไมทาจิสีดำที่กำลังจ้องมองซาอิโร่อยู่ด้วยความโกรธนั้น  กลับค่อยๆเบนสายตามองมาที่      ยูนะแทน แขนของยูนะเริ่มสั่นขึ้นเรื่อยๆพร้อมกับดวงตาที่เริ่มมีน้ำตาเอ่อล้นขึ้นมาหลังจากที่ถูกสายตานั้นจ้อง   สายตานั้นของคุโรอิทำให้ยูนะกลัวเป็นอย่างมาก   และท่าทางแบบนั้นของยูนะจึงทำให้เสียงตะคอกของคุโรอิดังขึ้นอีกครั้ง

 

“ทำไมข้าจะต้องปกป้องคนอ่อนแออย่างเจ้ากัน!!... เทพเจ้ายังเล่นตลกกับข้าไม่พออีกรึไง!?”

 

ใบหน้าของวีเซิลสีดำที่ดูไม่ออกว่าแสดงออกทางสีหน้าอย่างไร  แต่น้ำเสียงและดวงตาที่ดูสั่นเทิ้มทำให้ยูนะรับรู้ถึงความเจ็บปวดบางอย่างของคุโรอิ   

 

แขนเรียวของเธอเอื้อมไปลูบศีรษะของคุโรอิอย่างแผ่วเบา    คุโรอิเบิกตาขึ้นทันทีที่ถูกสัมผัส  เขายืนนิ่งไปกับไออุ่นที่ส่งผ่านแขนเรียวนั้นของยูนะไปครู่หนึ่ง    ก่อนรู้สึกตัวและตะโกนขึ้น

 

“นี่เจ้า!!??”

 

!!!

 

“เอ๊ะ!?...ขะ  ขอโทษนะคะ...เธอดูเหมือนกำลังทรมานอยู่   ชะ...ชั้นก็เลย...”

 

ยูนะที่รีบดึงแขนกลับเพราะเสียงตะโกนขึ้นของคุโรอิ ทำให้เธอได้แต่ก้มหน้าไม่กล้าที่จะสบตาที่ดูน่ากลัวนั้นได้   ทำให้บรรยากาศในตอนนี้เงียบเชียบลงทันที   ชิโรมิผู้เป็นพี่ที่ทนความเงียบและความกดดันของแต่ละคนไม่ไหว  จึงพูดขึ้น

 

“เอาล่ะ!...ข้าและน้องๆขอตัวก่อนนะท่านหญิง...อย่าลืมที่ข้าบอกนะ...ท่านต้องสวมสร้อยเส้นนั้นไว้...และจำไว้อย่างนึงนะท่านหญิง   ตั้งแต่วันนี้ไป   ท่านจะไม่ได้อยู่อย่างมนุษย์ธรรมดาอีกแล้ว... ข้าขออภัยแทนน้องๆของข้าด้วย   เดินทางกลับอย่างปลอดภัย...ท่านหญิงยูนะ”

 

ฟิ้วว…

ลมหมุนพัดผ่านไปอย่างรวดเร็ว  ก่อนที่ร่างของสามพี่น้องคาไมทาจิจะหายไปในทันที  ร่างเล็กผิวขาวเนียนของเด็กสาวยังคงนั่งอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่อยู่ซักพักหนึ่งก่อนจะลุกเดินตามแผนที่อีกครั้ง

 

.....

 

หลังจากที่ยูนะไหว้พระที่ศาลเจ้าเสร็จ   เธอจึงรับกลับทันทีเพื่อที่จะกลับไปถามคุณย่าเกี่ยวกับเรื่องราวในอดีตที่เธอไม่เคยรู้มาก่อน   จนได้พบกับพวกภูติคาไมทาจิ   และยิ่งเธออยู่ในตระกูลฮายาชิเธอจึงจำเป็นต้องรู้เรื่องทั้งหมด

 

ยูนะก้าวเท้าเข้าไปในบ้านอย่างรีบร้อน  และตรงไปยังห้องของคุณย่าทันที   ทันทีที่เข้าไปถึงในห้อง   ก็พบกับคุณย่าที่นั่งอยู่ตรงเก้าอี้โยกและกำลังก้มดูหนังสือที่ยูนะได้มาจากคุณปู่เจ้าของร้านหนังสือท้ายซอย   เธอเดินเข้าไปหาคุณย่าอย่างช้าๆ  และยังไม่ทันที่จะเอ่ยถามอะไร  คุณย่าของเธอก็พูดขึ้นมาซะก่อน

 

“หลานเจอคาไมทาจิแล้วใช่มั้ยจ๊ะ”

คำถามของคุณย่าทำให้ยูนะมีสีหน้าที่ตกใจขึ้นมาทันที  แต่เธอกลับไม่พูดอะไร  เพียงแค่พยักหน้าตอบเล็กน้อยเท่านั้น

คุณย่าลุกจากเก้าอี้โยกและเดินไปทางหน้าต่างบานใหญ่  เธอมองออกไปข้างนอกก่อนจะพูดขึ้น

“มีอีกหลายอย่างที่หลานต้องรู้สินะ...”

….

“คุณย่าคือภรรยาขององเมียวจิท่านผู้นั้นใช่มั้ยคะ...แล้วตอนนี้...เค้าอยู่ที่ไหนเหรอคะ”

คุณย่านิ่งเงียบมองออกไปนอกหน้าต่างอยู่ซักพักก่อนจะหันหน้ามาตอบหลานสาวที่กำลังสงสัย

 

“ย่าก็ไม่รู้หรอกจ่ะ...บางที...เค้าอาจจะตายไปแล้วก็ได้”

คุณย่ามีใบหน้าที่เศร้าหมองลงทันทีที่พูดถึงองเมียวจิท่านผู้นั้น   แต่สุดท้ายก็ยอมที่จะเล่าเรื่องราวต่างๆในอดีตให้ยูนะฟัง

 

ยูนะนั่งฟังเรื่องราวต่างๆในอดีตจากปากคุณย่า  รวมไปถึงได้รู้ว่าองเมียวจิท่านนั้นหรือสามีของคุณย่าได้สร้างบ้านหลังนี้ขึ้น   และก่อนที่เขาจะออกจากบ้านหลังนี้ไปเพราะสาเหตุบางอย่าง  เขาก็ได้ลงอาคมป้องกันอาณาเขตจากพวก ภูติ ผี ปีศาจไว้ภายบริเวณบ้าน   เพราะอย่างนั้น  คุณย่าที่มีแค่คาถาป้องกันตัวจึงไม่ยอมออกจากบ้านไปไหน  ไม่ยอมสุงสิงกับใคร  และคุณย่ายังรักบ้านหลังนี้มากอีกด้วย   รวมไปถึงที่คุณย่าให้ยูนะไปไหว้ศาลเจ้าบนภูเขา  เป็นเพราะเมื่อก่อนคุณย่าขึ้นไปพร้อมกับคุณปู่อยู่เป็นประจำ

 

ส่วนคาไมทาจิ  เป็นภูติที่คอยคุ้มครองคนในตระกูลอย่างคุณย่าตามพันธะสัญญา  แต่ก็เมื่อคุณย่าออกจากอาณาเขตเท่านั้น  เพราะคาไมทาจิก็เป็นภูติ   จึงไม่สามารถเข้ามาในอาณาเขตนี้ได้เช่นกันกับภูติ ผี ปีศาจตัวอื่นๆ          มีเพียงการเข้าฝันเท่านั้น ที่พวกคาไมทาจิจะทำได้   และตอนนี้คนที่รับช่วงต่อในการครอบครองสร้อยประจำตระกูลฮายาชิก็คือ  ‘ยูนะ’

 

“ในเมื่อเป็นอย่างนี้แล้ว  หนูจะทำหน้าที่ทุกอย่างแทนคุณย่าเองค่ะ”

 

ยูนะพูดหลังจากฟังเรื่องราวทั้งหมดจบลง   เธอรับปากกับคุณย่าของเธอไปแบบนั้นทั้งๆที่ยังกล้าๆกลัวๆ  และเธอไม่รู้ด้วยซ้ำ   ว่าสิ่งที่ต้องเจอหลังจากนี้คืออะไร   พลางนอนนึกถึงคำพูดของชิโรมิคาไมทาจิผู้เป็นพี่  ที่บอกกับยูนะก่อนหายตัวไปว่า  ‘ตั้งแต่วันนี้ไป  ท่านจะไม่ได้อยู่อย่างมนุษย์ธรรมดาอีกแล้ว’  และเธอก็ยังคงไม่เข้าใจจนกระทั่งผลอยหลับไป

 

 

*****

 

 

แสงแดดยามเช้าสาดส่องมาทางหน้าต่างบานใหญ่   ดวงตากลมโตสีน้ำตาลอ่อนบนใบหน้าขาวเนียน   ค่อยๆลืมขึ้นอย่างช้าๆ  พลางยันตัวลุกขึ้นนั่งบนฟูก   เธอขยี้ตากลมโตเบาๆและต้องตกใจกับสิ่งที่กำลังนั่งจ้องมองเธออยู่มุมห้อง

 

“กรี๊ดด!!..”

 

ชายหนุ่มผมสีดำขลับเข้ากับชุดฮากามะสีกรมที่ขับกับผิวขาวของเขา   นัยน์ตาข้างหนึ่งสีเหลืองเข้มเป็นประกายและอีกข้างถูกผ้าปิดไว้     ใบหน้าที่หล่อเหลานั้นเริ่มขมวดคิ้วเมื่อได้ยืนเสียงกรีดร้องของหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้า   ทำให้เขาต้องพุ่งพรวดเข้ามาใกล้และใช้มือปิดปากของเธอไว้ ก่อนจะพูดขึ้นด้วยความหงุดหงิด

 

“นี่เงียบนะ!!!...ข้าจะมาเตือนเจ้าในฐานะผู้ปกป้องเจ้าเท่านั้น...พวกมันกำลังใกล้เข้ามาแล้ว!”

 

..…!!

 

พูดจบ  ชายผู้นั้นก็หายตัวไปทันที   ยูนะสะดุ้งตื่นเพราะความตกใจอีกครั้ง

 

“ฝะ  ฝัน  อีกแล้วเหรอ!?.....แล้วผู้ชายในฝัน...คือใครกัน...คุโรอิคุงรึป่าวนะ”

 

...

........

 

ผู้ชายที่อยู่ในความฝันของยูนะ ทำให้เธอสงสัยจนนั่งเหม่อลอยอยู่ตรงโต๊ะทานอาหารที่มีคุณย่าและพี่มิโดรินั่งอยู่ด้วย  สิ่งที่เธอกำลังคิดอยู่นั้นคือ  

 

ผู้ชายในความฝันคือใคร  เพราะเธอจำอะไรไม่ได้เลย   เธอจำได้เพียงสองอย่างในความฝัน  อย่างแรกคือคำพูดของชายคนนั้นที่บอกกับเธอว่า  ‘พวกมันกำลังใกล้เข้ามาแล้ว’  กับอย่างที่สอง ยูนะจำดวงตาสีเหลืองเข้มเป็นประกายของเขาได้   เพราะเธอรู้สึกเหมือนดวงตานั้นสื่ออะไรบางอย่างที่ซ่อนอยู่ในใจ  มันรู้สึกเหมือนทรมาน  เจ็บปวด  แต่เธอยังไม่สามารถรู้ได้ว่ามันคืออะไรกันแน่  พลางพูดกับตัวเองในใจ

 

 

‘คืออะไรกันนะ   ความรู้สึกเจ็บปวดนี้….มันเหมือนกับตอนที่...สัมผัสคุโรอิวันก่อนเลย’

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา