แค้นรักแค้นเสน่หา
เขียนโดย ศิริพารา
วันที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2558 เวลา 22.19 น.
แก้ไขเมื่อ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2558 11.27 น. โดย เจ้าของนิยาย
14) แค้นรักแค้นเสน่หา ตอนที่ 12 100% ((วางแผงแล้วนะคะ)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความแค้นรักแค้นเสน่หาวางแผงแล้วนะคะ นักอ่านที่รักสามารถเป็นเจ้าของฮาร์คิฟได้ที่เว็บไซด์สำนักพิมพ์อินเลิฟ ร้านนายอินทร์ ร้านซีเอ็ดบุ๊ก ร้านบีทูเอสทุกสาขา อ่านจบแล้วชอบไม่ชอบบอกได้ค่า //ขอบคุณมากๆนะคะ
ศิริพารา
ไม่ทันที่จะเปิดประตูด้วยซ้ำ ฮาร์คิฟก็คว้าต้นแขนเรียวเอาไว้มั่น ออกแรงดึงเพียงเล็กน้อยเธอก็เซหงายหลังลงบนเตียง “งั้นมาทบทวนความจำหน่อยแล้วกัน ผมก็อยากรู้ว่าจูบแบบไหนมันถึงจะซาบซ่าน”
อภินรากรีดร้องดิ้นรนหนีร่างที่โถมลงมาทับทั้งตัว “ปล่อยนะ ก็บอกแล้วไงว่าฉันกำลังจะแต่งงาน จะมายุ่งกับฉันทำไม”
“ก็ยังไม่ได้แต่งสักหน่อย หรืออาจจะไม่ต้องแต่งเลยก็ได้เพราะผมรับรองว่าหลังจากนี้คุณจะเบื่อผู้ชายทุกคนในโลกไปเลย” ฮาร์คิฟพูดพลางคว้าข้อมือที่ประทุษร้ายตนขึ้นไปกดไว้เหนือศีรษะของเธอ
“จะบ้าหรือไง บอกให้ปล่อย” เมื่อช่วงบนถูกเขาตรึงไว้อย่างหนาแน่น เธอจึงทั้งเตะทั้งถีบเขาเป็นพัลวันแต่มันก็ไม่ได้ผลเท่าที่ควรเพราะเขานั่งคร่อมช่วงเอวเอาไว้ทั้งยังจงใจทิ้งน้ำหนักลงเสียอีก “ปล่อยนะ ฉันหนัก”
“เก็บแรงไว้พิสูจน์ว่าผมจืดชืดรึเปล่าไม่ดีกว่าเหรอ ดิ้นมากๆแบบนี้มันเหนื่อยเปล่านะเอลก้า”
“ก็คนไม่เต็มใจจะให้อยู่เฉยได้ยังไง กรี้ด...” พูดยังไม่จบประโยคก็ต้องร้องออกมาด้วยความตกใจสุดชีวิต เพราะเหมือนไม่ทันใจเขากระตุกมือเพียงครั้งเดียว กระดุมเสื้อเชิ้ตตัวบางของเธอก็ขาดรวดสาบเสื้อแยกจากกันเผยให้เห็นกรวยฟองน้ำสีนู้ดแบบเรียบหรู แต่กลับเซ็กซี่บาดจิตในสายตาคนมอง
“คุณกำลังจะข่มขืนฉันนะฮาร์คิฟ คนเลว ปล่อยนะ”
“คุณพูดเองนี่เอลก้าว่าจูบของผมมันจืดชืด คราวนี้ผมก็จะทำให้มันต่างจากจูบที่แล้วไง จากศูนย์ถึงร้อยชอบเลเวลไหนก็บอกได้เลย รับรองว่าคุณจะลืมไอ้ตฤณจนต้องกลับไปล้มงานแต่งแน่”
“ไม่มีทาง ยังไงฉันก็ต้องแต่งงานกับเขา คุณนั่นแหละที่ต้องหยุดทำเรื่องบ้าๆแบบนี้ มันเป็นเรื่องผิดศีลธรรม ฉันมีสามีแล้วนะ” อภินราพยายามชี้ให้เห็นว่าเธอไม่ใช่คนตัวเปล่าเล่าเปลือย มีพันธะผูกมัดแล้ว หากเขาทำเช่นนี้ต่อไปจะเป็นการผิดศีลธรรมอย่างยิ่ง แต่ดูเหมือนว่าเขาไม่ได้ซาบซึ้งหรือกลับใจได้ในคำพูดนั้น ทั้งยังต้องดิ้นรนสุดชีวิตเมื่อมือหนาสอดเข้าไปปลดตะขอบราเซียร์อย่างคล่องแคล่ว “อย่าทำบ้าๆนะฮาร์คิฟ ฉันไม่เต็มใจ คุณไม่สนุกแน่”
คำพูดที่ควรจะทำให้เขาหมดอารมณ์ จิตใจห่อเหี่ยวแต่เมื่อได้เห็นก้อนเนื้ออวบหยุ่นดีดผึงออกจากบราเซียร์สุดเซ็กซี่ของเธอ ก็ทำให้ฮาร์คิฟครางฮือ เนินเนื้อที่ทำให้เขามองด้วยสายตาหิวโหย เธอซ่อนรูปกว่าที่คิดนัก ปลายยอดทรวงสีระเรื่อยิ่งทำให้เขาน้ำลายสอ อยากลิ้มรสชาติว่ามันจะหวานล้ำอย่างที่เขาฝันหาหรือไม่
“โอ... หน้าอกคุณสวยที่สุด เอลก้า” พูดพลางก้มหน้าลงหาเมื่อเสพภาพนั้นจนเต็มตาแล้ว
“ไม่นะฮาร์คิฟ อย่าทำแบบนี้ ไม่...” อภินราบิดตัวหนีไม่ได้เท่าที่ควรเพราะถูกตรึงไว้แน่น หากความร้อนชื้นของโพรงปากที่ก้มลงมาครอบครองเนินทรวงของเธอก็ทำให้ร้อนซู่ไปทั่วสรรพางค์กาย “ไม่นะ ฮาร์คิฟ อย่าทำแบบนี้”
ฮาร์คิฟไม่สนใจกับเสียงห้ามปราม อาการดิ้นรนใดๆแล้ว เพราะกำลังใจจดใจจ่อกับทรวงอกที่ฝันหามาตลอดหลายวัน เธอช่างให้ความรู้สึกวิเศษ ยอดทรวงหดเกร็งรับสัมผัสจากปลายลิ้นที่เขาหยอกล้อเร่งเร้า
“โอ... ยะ...หยุดนะ ฉัน ของร้อง” อภินรายังอ้อนวอนด้วยคำพูดกระท่อนกระแท่น เธอกำลังพ่ายแพ้ให้กับสัมผัสแปลกใหม่ ปลายลิ้นที่เกี่ยวกระหวัดบนยอดทรวงลามเลียไปทั้งทรวงอกกำลังสูบแรงต่อต้านที่มีให้ค่อยๆลดน้อยลง ฝ่ามือใหญ่ที่เลื่อนมากอบกุมเนินทรวงอีกข้างยิ่งกระตุ้นเร้าความเสียวซ่านจนต้องกัดริมฝีปากล่างเอาไว้แน่น
อภินราส่ายหน้าไปมาต่อสู้กับคลื่นความร้อนที่เริ่มแผ่กระจายไปทั่วร่าง ทุกครั้งที่เขาออกแรงดูดแล้วค้างไว้นิ่งนานเหมือนกำลังสูบเอาวิญญาณของเธอให้เลือนหาย ดูดกลืนเอาอาการต่อต้านที่เหลืออยู่อย่างน้อยนิดให้มลายหายไปจนสิ้น “ขะ...ขอร้อง อย่าทำ แบบนี้”
น้ำเสียงกระท่อนกระแท่น ไร้ซึ่งความมั่นคงทำให้ฮาร์คิฟผงกศีรษะขึ้นมองใบหน้างดงามแดงก่ำไปด้วยความเขินอายและแรงปรารถนาที่ตนตั้งใจปลุกปั่นขึ้นมา “ผมทำให้ถูกใจกว่ามันใช่ไหม”
คำถามที่ดังขึ้นไม่ต่างจากน้ำเย็นจัดที่สาดเข้ามาให้อภินรามีสติ ต่อต้านเขาอีกครั้งหนึ่ง กัดฟันข่มเอาความรู้สึกเสียงซ่านที่ถาโถมอย่างหนักไว้ ตอกหน้าเขากลับด้วยคำพูดร้ายกาจที่ไม่เคยหลุดออกจากปากมาก่อน “ไร้น้ำยา เรื่องแค่นี้ต้องใช้กำลังกับผู้หญิง คนเฮงซวย”
“เออ!... เดี๋ยวคนเฮงซวยนี่แหละจะทำให้คุณร้องขอไม่หยุด ให้มันรู้กันไปเลยว่าไร้น้ำยาจริงๆรึเปล่า”
ดวงตาสีเขียวอมฟ้าที่จ้องมองเธออยู่ชั่วขณะเต็มไปด้วยความเกรี้ยวกราด เขาปล่อยมือเธอให้เป็นอิสระแต่กลับไปได้ถอยห่างจากร่างเกือบเปลือย หากแต่ทิ้งน้ำหนักทาบทับมากขึ้น ริมฝีปากบึกบึนย้ายไปลิ้มรสดูดดึงทรวงอกอีกข้าง ในขณะที่อีกข้างซึ่งชุ่มชื้นถูกฝ่ามือหนาเคล้นคลึงด้วยจังหวะกระตุ้นเร้า
เขาโกรธจริงๆนั่นแหละที่ได้ยินเธอพูดอย่างนั้น เธอควรเรียนรู้เอาไว้ว่าคนอย่างฮาร์คิฟไม่ชอบการท้าทาย ถ้าเธออยากพิสูจน์ลีลาของเขากับที่เคยมาก็ย่อมได้เสมอ
อภินราใช้มือทั้งสองข้างที่เป็นอิสระทุบตีคนที่ทาบทับตรงทรวงอกตัวเองไม่เลือกที่ เธอสอดมือเข้าไปทึ้งผม กระชากออกอย่างแรงแต่เขากลับไม่ไหวติง และต้องตกใจสุดชีวิตเมื่อรับรู้ได้ว่าฝ่ามือร้อนระอุเลื่อนเข้าไปสัมผัสต้นขาเธออย่างไม่เกรงใจ “ปล่อยฉันนะ ฮาร์คิฟ อย่าทำบ้าๆนะ โอ๊ะ!”
ฮาร์คิฟลอบยิ้มด้วยความลำพองใจ เสียงอุทานที่ดังอยู่บนหัวดังขึ้นพร้อมๆกับจังหวะที่เขาแตะปลายนิ้วเข้ากับจุดอ่อนไหวกลางกายสาว และสยบการดิ้นรนขัดขืนทั้งมวลด้วยการเกี่ยวชั้นในตัวบางออกให้พ้นทาง เพื่อปลายนิ้วจะได้สัมผัสกับเนื้อตัวของเธออย่างสนิทชิดเชื้อ
“ได้โปรด... อย่าทำ ฮาร์คิฟ ยะ...อย่า!” คำของร้องนั้นเลือนหายเมื่อปลายนิ้วร้ายกาจของเขากระตุ้นเร้าจุดอ่อนไหวที่หวงแหนที่สุดในร่างกาย เขากรีดมันจากบนลงร่างด้วยจังหวะที่ทำให้ลมหายใจเธอติดขัด กรีดมันจากล่างขึ้นบนพร้อมดูดดึงยอดทรวงของเธอค้าง... เอาไว้ในปาก
เมื่อถูกโจมตีจุดอ่อนไหวทุกทางอภินราก็ไม่สามารถขัดขืนต่อต้าน ความเสียวซ่านเข้ามาแทนที่อาการขัดขืน มันเข้มข้นขึ้นในสายเลือดจนเธอไม่รู้ว่าจะจัดการเก็บกักความรู้สึกนั้นไว้อย่างไร
ความชุ่มชื้นที่ฮาร์คิฟสัมผัสได้จากกลางกายสาวในเวลานี้ช่างทำให้เขามีความสุขนัก จินตนาการเรือนร่างของเธอนั่นให้ความรู้สึกดีแล้วแต่มันกลับดูด้อยไปในทันทีเมื่อเทียบกับผิวเนื้อนุ่มละมุน กลิ่นหอมที่ทำให้เขาคึกคัก กระปรี้กระเปร่า ความหยาดเยิ้มที่ฝ่ามือรับสัมผัส เสียงหวานที่ครางอืออายิ่งกระตุ้นเร้าให้เขาแทบจะไปถึงจุดแตกดับได้ในทันที
เมื่อไม่สามารถเก็บกักความเสียวซ่านที่รุมเร้าได้จนต้องหลุดเสียงครางออกมาก็ทำให้เขามีโอกาสได้ครอบครองริมฝีปากของเธอในที่สุด เขาไม่ได้จูบเธออย่างอ่อนหวานเช่นที่ผ่านมาแต่มันเป็นจูบแห่งความเสน่หา แรงปรารถนาอันหวานแหลม จูบที่เรียกร้องให้เธอตอบสนองกลับไปอย่างเต็มอารมณ์
คลื่นร้อนแห่งแรงเสน่หาเริ่มไหลเวียนในกายสาวอย่างเข้มข้น มันเด่นชัดราวกับไหลเวียนอยู่ในกระแสเลือด โจมตีเธอให้เดือดพล่านกับความรู้สึกทรมานทว่ากลับเต็มไปด้วยความร้อนแรงจนเกินต้านทาน
ฮาร์คิฟถอนจูบเมื่อเร่งเร่ารางเกือบเปลือยจนเกือบถึงจุด ความหวานฉ่ำที่ไหลรินออกอย่างไม่ขาดสาย ร่างกายบิดเกร็งเป็นสัญญาณที่ชายชาญโลกอย่างเขารู้ดีว่าเธอกำลังจุดถึงจุดแตกดับ หากเขาฝันใฝ่อยากเสพภาพนี้มาตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้เห็นเธอ
“อย่างนั้นเอลก้า ไปเลยที่รัก ทำให้ผมเห็นว่าคุณไปถึงมันได้สวยงามแค่ไหน”
คำพูดเร่งเร้าในเวลาปกติที่ต้องทำให้เธอเขินอายจนแทบแทรกแผ่นดินหนีแต่ตอนนี้คำพูดนั้นกลับผลักดันให้เธอลอยละลิ่วขึ้นไปคว้าเอาสายรุ้งเลื่อมพรายนั้นไว้ได้อย่างยอดเยี่ยม
ฮาร์คิฟมองร่างเกือบเปลือยด้วยสายตาร้อนแรง เนื้อตัวเธอกลายเป็นสีชมพูจัดอย่างน่ามอง แผ่นหลังแอ่นโค้งยิ่งทำให้ทรวงอกไซส์ใหญ่พิเศษลอยเด่น ยอดทรวงหดเกร็งสั่นระริกยั่วน้ำลาย ปลายเท้าจิกเกร็งจนเขาอยากแทรกตัวเข้าครอบครองเสียในวินาทีนี้
เธอถึงไคลแม็กซ์สวยที่สุด น่าหลงใหลที่สุดตั้งแต่เขาเคยเห็นมา ฮาร์คิฟเอื้อมมือไปหยิบคอนดอมที่อยู่ในช่องเก็บใกล้มือ รีบร้อนจนต้องแกะแค่กระดุมเสื้อ ต้องการจนกำจัดกางเกงออกแค่หัวเข่า เขารวดร้าวด้วยความต้องการชนิดที่ไม่สามารถอดทนรอได้อีกต่อไป เป็นครั้งแรกที่มันเกิดขึ้นอย่างรุนแรง เขาตื่นเต้นราวกับอดอยากมาเป็นแรมปี เนื้อตัวของเธอช่างกระตุ้นเร้าอารมณ์ดิบเถื่อนของเขาจนไม่อาจรอได้แม้เสี้ยววินาที
เสียงก็อบแก็บที่ดังขึ้นในโสตประสาทการรับเสียงทำให้อภินรารวบรวมสติที่กระเจิดกระเจิงผงกศีรษะมองหาต้นกำเนิดของเสียง หากช้าไปเสียแล้วเพราะเขาโถมตัวลงมาทับทั้งร่าง แทรกตัวเข้าหาอย่างสนิทชิดเชื้อจนเรียวขาทั้งสองข้างต้องแยกออกจากกันเพื่อเปิดทางให้เขา
ความแข็งขึง ร้อนระอุที่ปัดป่ายขึ้นลงอย่างยั่วเย้า ทำให้อภินราเริ่มต่อต้านสองมือผลักไสแผงอกกว้างออกเป็นพัลวัน “มะ...ไม่นะ ฮาร์คิฟ คุณกำลังจะขืนใจฉัน มันไม่สนุกแน่ ฉันไม่เต็มใจ”
“เมื่อกี้นี้ผมแสดงให้เห็นแล้วว่าคุณสมยอม และมันจะมากกว่าคำว่าสนุก” จบคำพูดฮาร์คิฟก็ไม่อาจรีรอได้อีกต่อไป ความหยาดเยิ้มร้อนระอุที่สัมผัสได้เหมือนมีแรงดึงดูดให้เขาฝังตัวเข้าหาเธอในจังหวะเดียวจนหมดมิด
“กรี้ด...” เสน่หาที่เขาร่ายมนตร์ตราเอาไว้ต้องเสื่อมสลายเพราะความเจ็บปวดเข้าแทนที่ เธอกรีดร้องด้วยความเจ็บตึงไม่ต่างจากถูกแยกร่างออกเป็นสองส่วน
ผู้หญิงบริสุทธิ์! คำๆนี้ยังก้องอยู่ในโสตประสาทแม้ว่าเขาจะหูดับไปครู่หนึ่งด้วยเสียงกรีดร้องของเธอ ความชื้นทว่าเหนียวหนืดนั่นคือเลือดพรหมจรรย์ที่เขาเป็นคนทำลาย โพรงเนื้อที่บีบรัดอย่างหนาแน่นจนไม่อาจขยับตัวได้ทำให้เขากลายเป็นผู้ชายคนแรกของเธอ ดวงตาแดงช้ำที่สะกดกลั้นน้ำตาไว้อย่างถึงที่สุดของคนใต้ร่างทำให้เขาตกใจที่สุดในชีวิต
“เอลก้า... เอล ก้า!” เขาทำอะไรไม่ถูกกับผู้หญิงพรหมจรรย์คนแรกในชีวิต ไม่กล้าแม้จะขยับตัวเพราะท่าทางเจ็บปวดอย่างสุดแสน แววตาประณามที่มองมาทำให้เขาล่าถอยปล่อยเธอเป็นอิสระ
อภินราพลิกตัวตะแคงนอนคู้ตัวกอดหัวเข่าตัวเองด้วยความร้าวราน ไม่อยากเห็นคนใจร้ายที่พรากความสาวเธอไป เขารีบผละออกห่างราวกับเธอเป็นเชื้อโรค
เรื่องจริงอันน่าตกตะลึงที่เขาเพิ่งพล่าผลาญความสาวของผู้หญิงที่นอนหันหลังให้อยู่บนเตียง เธอขดตัวราวกับลูกบอลเก่าๆที่ถูกเขาทำลายจนไม่เหลือชิ้นดี ฮาร์คิฟจัดการกับร่างกายของตัวเองอย่างรวดเร็วแล้วขยับตัวเข้าไปใกล้ๆพร้อมกับคลุมผ้าห่มบนร่างเกือบเปลือยด้วยความรู้สึกผิดมหันต์
“เอลก้า ผม...” ฮาร์คิฟชะงักคำขอโทษเมื่อเธอขยับตัวหนีห่าง
อภินราเบี่ยงตัวจากฝ่ามือของเขาด้วยความขยะแขยง แม้ความเจ็บปวดทางกายจะน้อยลงแต่ร่องรอยความบอบช้ำของจิตใจเธอกลับเด่นชัดจนไม่อาจอยู่ใกล้ ไม่อยากเห็นหน้าเขาอีกต่อไป
“ผมขอโทษเอลก้า ผมไม่รู้จริงๆว่าคุณยังไม่เคย ผม...” คำขอโทษคือสิ่งที่เขาทำได้ดีที่สุดในตอนนี้ ทว่าคนฟังกลับนิ่งเงียบไม่มีอาการตอบสนอง เธอขยับตัวไปจนติดกับผนังด้านข้างของเครื่องบิน ท่าทางที่เห็นทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองช่างน่ารังเกียจ เป็นไอ้บ้ากามโรคจิตที่ที่หน้ามืดตามัวจนไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น สุดท้ายต้องทำร้ายเธอไม่เหลือชิ้นดี
หากต้องอยู่เพียงลำพังกับเขาต่อไป เธอคงต้องพ่ายแพ้อย่างยับเยิน คงต้องร้องไห้ฟูมฟายให้เขาได้เห็นน้ำตาจึงแข็งใจพยุงตัวขึ้นอย่างยากลำบาก เธออยากร้องไห้เพียงลำพัง ร้องไห้ให้สาแก่ใจกับสิ่งที่เขามอบให้ หากสิ่งที่น่าอายซ้ำร้ายไปกว่านั้นคือเธอเผลอไผลไปกับความวาบหวามรัญจวนใจ หลวมตัวปล่อยกายให้เขาเชยชมอย่างง่ายดาย
ฮาร์คิฟเข้าไปสวมกอดร่างที่เคลื่อนไหวด้วยความยากลำบาก รู้ว่าเธอไม่อยากอยู่ใกล้แต่ก็ไม่อาจปล่อยให้เธอจากไปง่ายๆเช่นนี้ “ขอโทษที่รัก ผมไม่ได้ตั้งใจจะทำร้ายคุณ จะด่าว่าทุบตีผมก็ได้”
เธอได้ยินคำขอโทษนั้นอย่างชัดเจน หากไม่รู้ว่ามันเป็นเพียงแค่ลมปากที่หลอกให้เธอหลงเชื่อ อย่างที่เขาเคยทำมานับครั้งไม่ถ้วน
เธอยอมให้กอดโดยไม่ขัดขืน ยอมให้เขาพูดแต่ไม่ปริปากแม้เพียงครึ่งคำ เธอกำลังฆ่าเขาด้วยความเฉยชา ทำให้เขาต้องรู้สึกผิดอย่างไม่น่าให้อภัย ฮาร์คิฟเคลื่อนตัวมานั่งคุกเข่าต่อหน้าเธอที่ปลายเตียง แม้ว่าเธอจะเบือนหน้าหนีเขาก็จับมือเธอมาทุบตีร่างกายของตัวเองไม่เลือกที่
“ตีผม ทุบผม ทำอะไรก็ได้ที่คุณต้องการเอลก้า ผมขอโทษ ผมไม่เคยรู้มาก่อนว่าจะมี...” ฮาร์คิฟไม่อยากพูดในสิ่งที่ทำให้เธอสะเทือนใจ เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าผู้หญิงอายุยี่สิบหกปีจะยังเก็บรักษาเยื่อบางๆนั่นไว้กับตัว เพิ่งประจักษ์แก่ใจว่าคำพูดที่เคยคุยกันก่อนหน้านี้แท้จริงแล้ว เธอต้องการเพียงเอาชนะ ไม่มีใครได้เห็นเรือนร่างงดงามนี้มาก่อน!
อภินรากระชากข้อมือของตนออกจากฝ่ามือเขา เธอมองเขานิ่งไม่พูดจา แต่ความชอกช้ำใจที่อัดแน่นจนล้นปรี่ก็พรุ่งพรูออกมา น้ำตาที่สะกดกลั้นเอาไว้อย่างถึงที่สุดไหลออกมาไม่ขาดสายเมื่อเธอเริ่มทุบตี หยิกข่วนไปตามใบหน้า แผงอกกว้าง
ฮาร์คิฟยืดอกรับแรงประทุษร้ายนั้นอย่างศิโรราบ ไม่ยอมเกร็งตัวเพราะกลัวว่าฝ่ามือบอบบางของเธอจะเป็นฝ่ายชอกช้ำเสียเอง หากความเจ็บปวดที่กำลังได้รับจะทำให้เธอรู้สึกดีขึ้นสักเพียงนิด เขาก็เต็มใจที่จะแบกรับเอาไว้เอง น้ำตาที่ไหลออกมาราวกับเขื่อนทำนบพังแต่กลับไม่มีเสียงสะอื้นไห้สักเพียงนิด ทำให้เขาสะท้อนใจ มันเหมือนกับตอกย้ำความผิดในครั้งนี้ให้ติดอยู่ภายในใจตลอดไป
“ตบผมอีกเลยเอลก้า ตบให้มันสาสมกับความโง่ของผม” ฮาร์คิฟดึงมือเธอไปตบหน้าตัวเองอย่างแรง เมื่อเห็นเธอนั่งหอบหายใจในขณะที่น้ำตายังไหลไม่ขาดสาย “ตบผมให้ตายคามือ แต่อย่าร้องไห้อีกเลยนะที่รัก”
อภินราฝืนตัวเอาไว้แล้วแข็งใจพูดกับเขาด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด “ฉันยังเป็นลูกสาวของคุณอานันท์คนที่คุณแค้นนักหนา เป็นคนเลวคนชั่วที่คุณตราหน้าว่าโกงทรัพย์สมบัติไป แค่เลือดไม่กี่หยดที่ฉันเสียไปมันไม่มีค่าพอที่จะทำให้คุณเรียกฉันว่าที่รักหรอก”
จบคำพูดเธอก็ผลักหน้าอกของเขาออกไปสุดแรง กระชับผ้าห่มที่คลุมอยู่หัวไหล่ให้ปกปิดร่างกายมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ กัดฟันลุกขึ้นก้าวเดินออกจากห้องแม้ว่าความเจ็บจะแล่นเข้าเล่นงานที่กลางกาย หากภาพที่เห็นกลับบีบคั้นหัวใจของคนมองให้จมจ่อมอยู่กับความผิดพลาดที่เกิดขึ้น
น้ำเสียง สีหน้าและแววตาช่างเยือกเย็นจนแทบลืมไปว่านั่นคือดวงตาคู่สวยที่เคยมองเขาด้วยความเขินอาย!
อภินราล้มตัวลงนอนข้างๆหลานชายด้วยหัวใจที่แหลกสลาย สมองประมวลภาพเหตุการณ์ที่พบกันตั้งแต่วินาทีแรก จนถึงวินาทีที่เขาทำให้เธอเจ็บจนชาไปทั้งใจ ผ้าห่มผืนบางถูกยกขึ้นมาปิดปากเพราะกลัวว่าเสียงร้องไห้จะรบกวนการนอนของหลาน เธอไม่มีกระจิตกระใจสนใจความเรียบร้อยของตน เป็นห่วงพ่อที่ไม่รู้ว่าป่านนี้จะออกตามหาเธออย่างไร ปัญหาทุกอย่างที่รุมเร้าเข้ามาแต่กลับไม่มีทางออกสำหรับเธอเลย อภินราร้องไห้จนไม่เหลือน้ำตาและหลับไปด้วยความอ่อนเพลียที่เกิดขึ้นทั้งร่างกายและจิตใจ ในขณะที่ตัวต้นเหตุยังนั่งอยู่ที่เดิมอย่างหมดอาลัย ตอนี้เขาไม่เหลือเค้าความเป็นนักธุรกิจที่มีผลประกอบการติดอันดับโลก
ผู้ชายที่เปลี่ยนผู้หญิงรวดเร็วไม่ต่างจากเสื้อผ้า ไม่เคยคิดเลยว่าการได้ลิ้มลองเลือดพรหมจรรย์ครั้งแรกในชีวิตจะทำให้เขารู้สึกผิดได้ถึงเพียงนี้ ทั้งยังไม่เข้าใจว่าทำไมเธอถึงได้เอาคำขอโทษของเขาไปผูกเข้ากับความเป็นลูกสาวของอานันท์
จริงอยู่ว่าเขาอาจมีเรื่องบาดหมางกับพ่อของเธอ จนยากที่จะเยียวยาแต่มันคนละเรื่องกับสิ่งที่เขาได้ทำลงไป เขาขอโทษเพราะสำนึกในสิ่งที่ทำ สิ่งที่ออกจากปากล้วนแล้วแต่เป็นความจริงทั้งสิ้น แต่ก็อดคิดไม่ได้ว่า หากเธอไม่ใช่ลูกสาวของอานันท์ วรโชติ เรื่องราวทุกอย่างอาจจะง่ายกว่าที่เผชิญอยู่นัก
สองชั่วโมงก่อนที่เครื่องเจ็ตสุดหรูจะถึงจุดหมาย ฮาร์คิฟเปิดประตูอีกห้องด้วยความระมัดระวัง สอดตัวเข้าไปด้านในอย่างเงียบกริบเมื่อเห็นว่าทั้งคู่หลับสนิทไม่ไหวติง ความรู้สึกหลากหลายเกิดขึ้นภายในใจเมื่อเห็นเธอและหลานชายหลับใหลอยู่เคียงข้างกัน
เป็นครั้งแรกที่ฮาร์คิฟจัดการเช็ดเนื้อตัวให้ผู้หญิงคนหนึ่ง เปลี่ยนเสื้อผ้าให้เธออยู่ในชุดนอนผ้าเนื้อดีแล้วสอดตัวเข้าไปในผ้าห่มผืนเดียวกัน นอนซ้อนด้านหลังของเธอด้วยไม่อาจห้ามใจตัวเอง เธอคือผู้หญิงที่กอดแล้วให้ความรู้สึกอบอุ่นเป็นที่สุด
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ