อัจฉริยะฆ่าล้างโลก (Shadow Phantom)
10.0
เขียนโดย Reone
วันที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2558 เวลา 09.31 น.
4 chapter
0 วิจารณ์
6,891 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2558 09.42 น. โดย เจ้าของนิยาย
2) เหยื่อ
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความอัจฉริยะฆ่าล้างโลก ... เหยื่อ
ณ มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง มหาวิทยาลัยที่เป็นผู้นำในด้านต่างๆ เรียกได้ว่าเป็นระดับต้นของประเทศเลยก็ว่าได้ นิสิตนักศึกษาส่วนใหญ่ถ้าไม่รวยมากถึงขนาดเป็นผู้มีอันจะกินล่ะก็ จะต้องเป็นผู้ที่เรียนได้ในระดับหัวกะทิ ถึงจะเข้ามาเรียนที่นี่ได้ แม้ว่าค่าเทอมจะไม่ได้แพงอะไรมากมาย แต่ผู้คนมากมายต่างก็แก่งแย่งกันเข้ามาเรียน ผู้ปกครองบางคนถึงกับขนาดส่งลูกไปเรียนพิเศษในต่างประเทศเพื่อที่จะได้มาเรียนในสถานศึกษาแห่งนี้
เอมเป็นคนหนึ่งที่สอบเข้ามายังมหาวิทยาลัยแห่งนี้ได้ด้วยเกรดเฉลี่ยระดับสูง เขาเลือกที่จะเรียนในคณะนิติศาสตร์ ครอบครัวของเขาไม่ได้รวยเท่าไรนัก ต่างคนก็ต่างแยกทางกันไปตั้งแต่เขาอายุได้ 7 ขวบ แม่อยู่กับสามีใหม่ที่อังกฤษ ส่วนพ่อก็ขี้เหล้าเมายาอยู่กับเมียใหม่ที่ต่างจังหวัด ความสุขของครอบครัวคืออะไรเขาก็ไม่เคยรู้จัก แต่เท่าที่จำได้เขาถูกทุบตีจากแม่เลี้ยงและพ่อขี้เมาเป็นประจำ การที่เขาเรียนเก่งเกินหน้าเกินตาลูกชายติดของแม่เลี้ยงก็ถือว่าเป็นความผิด งี่เง่าสิ้นดี ทุกวันนี้ที่เขามีชีวิตอยู่ได้เนื่องมาจากผู้เป็นแม่ส่งเงินมาให้เป็นค่าหอ ค่าที่พักทุกเดือน
เหมือนหลุดจากขุมนรกเมื่อเขาสอบติดที่นี่ได้ แต่กลับกลายเป็นว่าพ่อแท้ๆ จะไม่ยอมให้เขามาเรียนซะอย่างนั้น ทำไมน่ะหรือ? ก็เพราะว่าถ้าเขามาเรียนอู่ข้าวอู่น้ำที่แม่เขาต้องจ่ายให้แก่พ่อก็จะหมดไปน่ะสิ แต่ต่อให้จะต้องฆ่าพ่อตัวเองเพื่อรอดออกมาเรียนที่นี่เขาก็ต้องทำ ทว่าทำไมจะต้องฆ่าพ่อตัวเองให้เสียประวัติล่ะ ในเมื่ออายุเขาก็มากพอที่จะจัดยานอนหลับสักสองสามชุดเพื่อหนีออกจากนรกขุมนั้นได้ จากนั้นก็ทำการติดต่อแม่ที่แทบจะไม่เคยได้เลี้ยงดู แสดงละครนิดหน่อยว่าเขาสอบติดที่นี่และต้องการให้แม่ของเขาโอนเงินทางไกลมาสู่บัญชีของเขาโดยตรง แค่นี้เรื่องก็จบลงแล้ว
“อ้าว เอม วันนี้มาเรียนเร็วจังนะ ปกติมาทีนึงก็เกือบๆ จะครึ่งคาบเข้าไปแล้วนี่นา”
เกม ชายหนุ่มในชุดนักศึกษาสีขาว เพื่อนคนเดียวของเอมขยับก้นเข้ามานั่งใกล้ๆ กับเขา ขณะที่เอมเอากำลังวาดแผนโครงร่างอะไรบางอย่างลงบนสมุดโน้ตแบบถนอมสายตาภายในห้องเรียน พวกเขารอที่จะเรียนวิชากฎหมายทางทะเลต่อไป
“แค่เบื่อๆ ไม่มีอะไรทำ” เขาตอบแบบเซ็งๆ เล็กน้อย พลางปิดสมุดโน้ตเข้ากระเป๋าสะพายหนังสีน้ำตาล
“เฮ้ย วันนี้สองทุ่มมีบอลคู่นัดหยุดโลกเลยนะเว้ย ไปดูกันที่บ้านไอ้นัทกัน”เกมชวนเอมด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใส เขาง้างมือเพื่อจะกอดคอเพื่อนรัก แต่ก็โดนเอมผลักออกมาอย่างรู้ทัน
“ไม่รู้สิ คืนนี้เกม War Jupiter จะ*2 ตอน 6โมงถึงสองทุ่ม อาจจะไม่ได้ไปว่ะ”เขาปฎิเสธพลางมองหาใครบางคนในห้องเรียนโดยไม่สนใจคู่สนทนา “วันนี้เชษฐ์มันมาเรียนรึเปล่าวะ?”
เกมขมวดคิ้วเล็กน้อย “เออ แปลก แกคุยกับคนนิสัยประหลาดๆ อย่างนั้นด้วยเหรอวะ” เกมสงสัยในตัวเพื่อนของเขา “ปกติมันเข้ากับใครได้ที่ไหน วันๆ นอกจากมาเรียนแล้วมันก็ออกไปหางานพิเศษทำจนไม่มีเวลาจะสานสัมพันธ์กับใครแม้แต่อาจารย์”
“เออน่ะ เรื่องของฉัน”เอมบ่ายเบี่ยง “ว่าแต่นายรู้รึเปล่าว่า เชษฐ์มันทำงานพิเศษอะไร”
“น่าจะเป็นบ่อนกาสิโนล่ะมั้ง แกลองไปถามมันดูดิ นู้น มันมานู่นแล้ว” เกมชี้ไปมองยังปากประตูห้องเรียน ที่มีเชษฐ์เดินเข้าห้องมาอย่างซึมๆ เหมือนกับว่า อดนอนมาทั้งคืน
เอมเม้มปากเล็กน้อยแล้วโบกไม้โบกมือให้เชษฐ์เข้ามานั่งใกล้ๆ เขา เชษฐ์เองเมื่อถูกเรียกก็เดินเข้ามาหาเกมและเอมแต่โดยดี
เอมพยายามทำความรู้จักเชษฐ์หลังจากนั้น แม้ว่าเขาจะเรียนมาจนถึงปีสองแล้วแต่เพื่อนของเอมกลับไม่ได้เยอะแยะมากมายเลย เขาเลือกเพื่อนที่สามารถทำประโยชน์ให้แก่เขามากที่สุด เกม มีพ่อเป็นถึงนายพลระดับสูง ทำให้เกมรู้จักกับเรื่องใต้ดินมากมาย นั่นคือส่วนประกอบชั้นเลิศที่จะทำให้เขาสามารถมีอำนาจเหนือใครได้หากเขาสามารถจบการศึกษาจากที่นี่ไป ทว่าบัดนี้เหตุการณ์มันเปลี่ยนไปแล้ว พ่อของเกม กลับเป็นเพียงแค่หมากในเกมของเขาตัวนึงเท่านั้น
ส่วนเชษฐ์เขาพยามจะทำความรู้จักกับเขาก็เนื่องมาจาก เขาคือคนเดียวที่รู้ทางไปบ่อนกาสิโนนั้น ซึ่งเป็นบ่อนเถื่อน ความจริงเขารู้เรื่องนี้มานานแล้ว จากการนินทาอย่างลับๆ ภายในชั้นเรียน แต่บรรดาเพื่อนในห้องต่างก็ปกปิดเรื่องนี้เป็นความลับ เนื่องจากบ้านของเชษฐ์ยากจนมากต้องหาเงินจำนวนเยอะๆ มาดูแลน้องและส่งเสียตัวเองเรียนต่อ นี่คือเหตุผลในด้านดี อันที่จริงแล้วพวกเขาเหล่านั้นต่างเกรงกลัวในอิทธิพลของพ่อเกมมากกว่า นั่นก็เพราะว่าพ่อเกมมีส่วนในการเป็นเจ้าของที่นั่นถึง 25%
“นายทำงานทั้งคืนเลยงั้นหรือ ทำไมนายไม่พักบ้างล่ะ ทุนเรียนดีนายก็ได้นี่นา” เอมพยายามพูดตีสนิทเชษฐ์
“ไม่ได้หรอกเอม” เขาปฏิเสธ พลางส่ายหัวไปมาเบาๆ “ถ้าหยุดแล้วน้องเราจะกินอะไร อีกหน่อยน้องเราก็จะเข้ามหาวิทยาลัยเหมือนๆ กับเราแล้ว” จากนั้นก็ถอนหายใจอย่างอดไม่ได้
“เฮ้อ คนลำบากนี่นะ” เกมถอนหายใจ พร้อมพูดแทรกขึ้นมา
“ความจริงที่เราอยากจะคุยกับนายวันนี้น่ะนะ”เอมชวนเข้าเรื่อง “ก็เพราะว่าเราอยากไปลองเล่นเกมที่บ่อนนายสักหน่อยน่ะ ช่วงนี้เงินฉันมันขัดสน”
“นี่นาย” เชษฐ์หันหน้ามองเอมด้วยอาการฉงนเล็กน้อยก่อนจะพูดขัด “ไม่เคยมีใครรวยเพราะบ่อนนรกนั่นหรอกนะ นายคิดใหม่เสียเถอะ”
“นายก็อย่าให้มันโกงพวกฉันซี่” เอมพูดเสียงเบาแต่น้ำเสียงเต็มไปด้วยความเจ้าเล่ห์ “ เมื่อเช้าแม่ฉันพึ่งโอนค่าหอมาให้ มันไม่พอซื้อโทรศัพท์ฉันที่หายไป ฉันก็เลยอยากจะเสี่ยงดวง มีต้นทุนอยู่ที่ หนึ่งหมื่นบาท ฉันว่าน่าจะพอนะ สำหรับสักเกมสองเกม จริงไหมไอ้เกม”
เอมเหลียวไปมองเกมเพื่อนของเขาที่ยักคิ้วหลิ่วตาให้ แน่นอนว่ามันชอบอยู่แล้วเรื่องการเสี่ยงดวง หรืออะไรเสี่ยงๆ มันอาจจะไม่ใช่คนหัวดีเท่าไรนัก แต่เอมก็คิดว่ามันนี่แหละเหมาะแก่การเป็นเบ้ที่สุด เพราะหลอกง่ายยิ่งกว่าอะไร
“โอเค โอเค” เชษฐ์หลับตาลงรับสภาพ “ก็ได้ฉันจะพาไปแล้วพวกนายจะมาเมื่อไรล่ะ”
“คืนนี้สองทุ่ม” เอมตอบทันควัน
“อ้าว เฮ้ย ทีชวนมันดูบอลมันไม่ไป ทีงี้ตอบทันทีเชียว”
“นายจะอยู่เฝ้าทีวีที่บ้านก็ได้นะเกม” เอมเสนอเงื่อนไข “แต่ว่ารายงานเดี่ยววิชานี้ฉันจะไม่ช่วยนายแม้แต่นิดเดียว”
เกมเมื่อได้ยินดังนั้นถึงกับทำหน้าเสีย “เฮ้ย อะไรว้า เออ ๆ ไปก็ไป” เกมเกาหัวยิกๆตอบตกลงไปในทันทีหลังจากที่เพื่อนรักยื่นคำขาดเรื่องที่จะไม่ช่วยเหลือเขาในด้านการเรียน
“ตกลงตามนี้นะ”เอมยิ้มให้เชษฐ์อย่างมีไมตรี “คืนนี้เราสามคนเจอกันที่หน้ามหาลัยประตูสอง สองทุ่มตรง หวังว่าพวกนายคงไม่ลืมกันนะ อืม แล้วก็ พอดีว่าฉันไม่มีโทรศัพท์ เพราะงั้นนายโทรศัพท์หาเกมก็แล้วกันถ้าหาฉันไม่เจอ ส่วนฉันจะอยู่แถวๆ นั้น เกมมันรู้จัก เอาล่ะ พอแค่นี้ไปแล้วล่ะ”
“เอ้า นายไม่เรียนรึไงจะรีบไปไหน”เกมหันมองนาฬิกาข้อมือตัวเองแล้วทักท้วงเพื่อนของเขาที่ลุกขึ้นยืนเมื่อการสนทนาจบลง
“วิชานี้ไม่เช็คชื่อสักหน่อย ง่วงแล้วล่ะ ฉันอยากไปนอน” เอมพูดตัดบทสนทนาแล้วเดินออกจากห้องไป โดยทิ้งไว้เพียงเกมและเชษฐ์ที่นั่งงงอยู่ในห้องเรียน
ถ้าจะให้พูดตรงๆ ล่ะก็เกมก็เหมือนเป็นโล่ใช้ป้องกันอันตรายให้เขาเมื่อยามเข้าบ่อนต่างหาก แค่ปากกาอย่างเดียวไม่สามารถฆ่าคนทั้งหมดในนั้นได้หรอก พ่อเกมเป็นเจ้าของบ่อนถึง 25 % แต่เขากลับไม่รู้เรื่องบ่อนนรกของพ่อตัวเองเลย นับว่าเป็นพ่อที่น่านับถือจริงๆ แต่มันก็เข้าทางเขาล่ะใครมันจะยอมให้ลูกตัวเองตายล่ะจริงไหม นั่นเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่เขากำลังจะใช้ในงานสำคัญครั้งนี้
....................................................................................................................
“ทำไมมันช้าจังวะ สองทุ่มจะครึ่งอยู่แล้ว ขนาดนี่มันนัดเองมันนะเนี่ย” เกมเอามือล้วงกระเป๋าพลาง มองนาฬิกาพลาง เขาและเชษฐ์ต่างก็รอเอมอยู่เกือบๆ จะครึ่งชั่วโมงอยู่แล้ว
ทันใดนั้นเอง คนสองคนก็เริ่มเห็นใครบางคนลิบๆ ซึ่งไม่ห่างเท่าไรนัก เอมยืนตะโกนโบกไม้โปกมืออยู่อีกฟากของถนนสี่เลน
“นั่นไง มันอยู่นั่น” เชษฐ์ชี้ไม้ชี้มือไปทางที่เอมยืนอยู่ ชายหนุ่มเรียกทั้งสองคนให้ไปขึ้นแท็กซี่ที่อยู่อีกฝั่งเพื่อที่จะออกจากตัวมหาวิทยาลัย ทั้งสองจึงข้ามถนนไปหาเอมแล้วโบกแท็กซี่เพื่อจะเดินทางไปยังบ่อนผิดกฎหมายนั้นกัน ทั้งสามพูดคุยกันอย่างออกรส ในขณะที่เอมพยายามพูดโน้มน้าวให้พวกเขาเชื่ออย่างสนิทใจว่าเขาเป็นเพียงชายที่นิสัยใสซื่อบริสุทธิ์คนหนึ่งเท่านั้น
รถแล่นมายังโรงแรมร้างแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองมากนัก แต่ซอยทางเข้าช่างลึกลับซับซ้อนเหมือนเขาวงกตเสียจริง เกมเป็นคนจ่ายเงินค่ารถเนื่องจากเป็นคนที่มีตังมากที่สุดในวงนี้ เขาเสนอให้เงินเอมยืมจำนวน ห้าหมื่นบาทเพื่อเล่นการพนัน เขายินดีรับเงินนั้นทันควันโดยไม่ต้องพินิจพิจารณาให้มากความ
“บ่อนที่นี่ลึกลับจังเลยนะ” เกมเอ่ยขึ้นหลังจากบิดขี้เกียจเนื่องจากนั่งรถมาเป็นเวลานาน
“ก็ใช่ ก็มันเป็นสถานที่ผิดกฎหมายนี่นะมันก็เลยลึกลับหน่อย” เชษฐ์ที่เดินนำหน้าหันหลังมาคุยกับพวกเขา “นี่พวกนายน่ะ เดี๋ยวฉันจะพาพวกนายเข้าไปด้านในนะ ส่วนฉันจะแยกตัวไปเปลี่ยนเสื้อผ้าหน่อย งานของฉันกำลังจะเริ่มขึ้นแล้วล่ะ”
เชษฐ์พาพวกเขาเดินผ่านประตูกระจกทึบแสงเข้าไปในบ่อน บ่อนกาสิโนนี้มีสภาพหรูหรามากทีเดียว ผู้คนต่างก็สุมหัวกันเล่นการพนัน ซึ่งมีทั้งไพ่โป๊กเกอร์และสล็อตแมชชีน โซนที่นี่แบ่งออกเป็นชั้นๆ ในโซนชั้นล่างซึ่งเป็นโซนที่ใช้เงินลงทุนไม่เยอะตั้งแต่ห้าพันบาทขึ้นไป ส่วนในโซนชั้นบนจะเป็นพวกระดับเศรษฐีเล่นกัน เงินเดิมพันจะเริ่มต้นที่หนึ่งล้านบาทไปจนถึงหนึ่งร้อยล้านบาท
“ ฉันจะขึ้นไปบนนั้น ”เอมพูดลอยๆ แต่ก็ตั้งใจให้เพื่อนได้ยิน
“ไม่ได้หรอก ที่นั่น ขั้นต่ำก็ล้านนึง นายมีเงินหรือไง?”เชษฐ์ขมวดคิ้วหรี่ตาหันมาถามเอม
“ใช่อย่าพึ่งไปเลยเอม เชื่อที่เจ้าเชษฐ์มันบอกเถอะ แค่ห้าหมื่นก็หาเงินมาคืนฉันก่อนดีกว่า” เกมช่วยเชษฐ์ปราบเอมที่ทำท่าทางอยากขึ้นไปเล่นบ่อนด้านบนจนตัวสั่น
“ก็ได้ แค่ชั้นหนึ่งก่อนก็ได้” เขาทำท่าทางไม่สบอารมณ์อย่างแรงแล้วตอบอย่างหัวเสีย “เชษฐ์นายพอรู้จักคนที่ใหญ่ที่สุดของที่นี่หรือเปล่า” เอมพูดกระซิบใส่หูเชษฐ์
“ถ้านายจะหมายถึงมิสเตอร์ทอมสันน่ะหรอ นั่นไง เขายืนอยู่นั่น เขาเป็นเซียนด้านการพนันของที่นี่เลยนะ”
เชษฐ์ชี้นิ้วไปยังชายที่แต่งตัวหรูหราด้วยชุดสีแดงที่อยู่ด้านในสุดของบ่อน ในมือเขามีแก้ววิสกี้อยู่ส่วนปากก็คาบซิกก้าราคาแพง ชายผู้เป็นเป้าหมายของเอมกำลังยืนสนทนากับนักพนันคนหนึ่งที่ผ่านเข้ามาเล่นการพนันที่บ่อนนี้ โดยไม่ได้สนใจเหล่าชายวัยรุ่นที่เกาะกลุ่มคุยเรื่องของเขาอยู่
“น่าสนใจ”เอมทำสีหน้าแววตาเหมือนว่าขนมหวานนั้นรออยู่ตรงหน้าด้วยความเจ้าเล่ห์
“จะดีหรอนาย!?”เชษฐ์พยายามห้าม
“ดีสิ” เอมตอบพร้อมทั้งดึงเกมเข้าไปหาคนที่ชื่อทอมสันนั้นด้วยกัน
“แล้วทำไมนายต้องเอาเราไปด้วย” เกมทำหน้าเบ้พยายามบ่ายเบี่ยงจะไม่เดินไปกับเอม “นายไปเองไม่ได้หรือไง”
“เชื่อฉันเถอะน่า” เอมพูดเสียงอ่อนเสียงหวานเล็กน้อย “เดี๋ยวทุกอย่างก็ดีเอง”
เอมเดินนำโด่งเข้าไปหามิสเตอร์ทอมสันผ่านนักพนันมือสมัครเล่นและมืออาชีพน้อยใหญ่ ตามด้วยเกมที่เดินตามเขาไปแบบไม่ค่อยเต็มใจเท่าไรนัก
“สวัสดีครับ ผมจิราภัณฑ์ ธันญชาติ ยินดีที่ได้รู้จักครับ” เอมยื่นหน้าเข้าไปทักทายเขาและยิ้มให้มิสเตอร์ทอมสันอย่างเป็นมิตร
“อะ..อ่า” มิสเตอร์ทอมสันที่ยืนถือแก้ววิสกี้หันหลังมาเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่งุนงงเล็กน้อย “อ่า สวัสดีเธอเป็นใครหรอ?”
“ผมแนะนำตัวไปแล้วครับ” เอมยิ้มแป้น “ตามธรรมเนียมฝรั่ง เวลาคนทักทายด้วยชื่อจริงนี่ ตามมารยาทเขามักจะบอกชื่อจริงตอบกลับมาไม่ใช่หรือครับ หรือว่าผมเข้าใจอะไรผิด”
เอมหรี่ตาแหลมเล็กมองมาที่คู่สนทนา เขาเม้มปากเล็กน้อยแล้วเอียงหูด้านซ้ายประมาณครึ่งลำตัว เพื่อรอฟังคำตอบของมิสเตอร์ทอมสัน ก่อนจะยื่นมือด้านขวาออกมาเพื่อรอการทักทายตอบกลับของเขา
“เธอนี่น้ำเสียงฉะฉานดีนี่นะ ก็ได้ ฉันชื่อเอมโอช คมสัน ยินดีที่ได้รู้จัก” เขาตอบกลับมาพร้อมทั้งยื่นมือมาจับอย่างเป็นมิตร
“ผมพึ่งมาเล่นที่นี่ครั้งแรกน่ะครับ ได้ยินชื่อเสียงของคุณว่าเป็นนักพนันที่เก่งที่สุดในนี้เลย ผมก็เลยอยากมาทำความรู้จัก เผื่อว่าถ้าได้จับมือแล้วจะดวงขึ้นอย่างคุณบ้าง”รอยยิ้มที่ดูมีเสน่ห์ของเอมหลุดออกมาราวกับกำลังเล่นละคร
“ฮ่าๆ ชื่อฉันดังขนาดนั้นเลยเหรอ” เขาหัวเราะดังลั่น “ก็ไม่เท่าไรหรอก ฉันแค่ใช้ดวงนิดๆ หน่อยๆ เอง” น้ำเสียงที่เปล่งออกมาดูมันไม่ใช่ประโยคที่ดูน่าเชื่อถือเลยแม้แต่น้อย
“ผมพาลูกนายพลเพื่อนผมมาเล่นที่นี่ด้วยนะครับ” เอมพูดพลางดึงเพื่อนของเขาเข้าไปใกล้ๆ มิสเตอร์ทอมสันเพื่อโยงให้เขาพูดคุยในหัวข้อที่เขาต้องการ
“แฮะๆ สวัสดีครับ” เกมทำตาล่อกแล่กพูดแบบเกร็งๆ เล็กน้อย
“นี่ลูกนายพลหรือนี่” เขาทำท่าแสดงความดีใจแล้วเอาแขนโอบไหล่เกม “เหมือนพ่อเลยแฮะ ไม่นึกว่าแขกคนสำคัญจะมาที่นี่ด้วย งั้นฉันให้เครดิตกู้ยืมไม่อั้นเลยแล้วกัน เพราะว่าพ่อนายเคยช่วยเหลือด้านการเงินฉันมาก่อน แค่นี้สบายมาก จะได้เล่นข้างบนสบายๆ กัน ไปๆ ข้างล่างมันแออัดจะตายจริงไหม ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่ะ”
“งั้นหรือครับ” เอมพูดแทรกขึ้น “ดีจริงๆ เลย งั้นจะเป็นไรไหมครับ หากผมจะขอสักล้านนึงได้ไหมครับ”
“ฮ่าๆ ได้สิ ได้สิ” เขาตอบตกลงอย่างไม่ลังเล “ลูกนายพล มีเงินพออยู่แล้วนี่นา เอ้า นายที่อยู่ข้างหลังน่ะ พาแขกวีไอพีนี้ขึ้นไปชั้นสองหน่อยเร็ว เอาชิพให้พวกเขาด้วยล้านนึง”เขาเรียกพนักงานที่อยู่ด้านหลังให้พาเอมและเกมขึ้นไปเล่นพนันชั้นบนอย่างมีไมตรี
“ได้ครับ” พนักงานที่อยู่ด้านหลังของมิสเตอร์ทอมสันตอบรับ พร้อมทั้งพาพวกเขาขึ้นไปยังด้านบนตามคำสั่งของผู้เป็นนาย ส่วนเชษฐ์เพื่อนเอมก็ขอตัวไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อมาเป็นพนักงานสับไพ่ด้านบน
“โหนาย จะทำแบบนั้นจริงๆ หรอ” เกมกระซิบใส่หูเอมด้วยอาการกล้าๆ กลัวๆ
“ไม่เห็นต้องเครียดแทนฉันเลย คนใช้หนี้น่ะฉันนะ” เอมตอบกลับอย่างซื่อๆ
ชายหนุ่มยิ้มกรุ่มกริ่มอยู่ในใจเมื่อเห็นว่าแผนของเขาสำเร็จตามความคาดหมาย
...........................................
ณ มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง มหาวิทยาลัยที่เป็นผู้นำในด้านต่างๆ เรียกได้ว่าเป็นระดับต้นของประเทศเลยก็ว่าได้ นิสิตนักศึกษาส่วนใหญ่ถ้าไม่รวยมากถึงขนาดเป็นผู้มีอันจะกินล่ะก็ จะต้องเป็นผู้ที่เรียนได้ในระดับหัวกะทิ ถึงจะเข้ามาเรียนที่นี่ได้ แม้ว่าค่าเทอมจะไม่ได้แพงอะไรมากมาย แต่ผู้คนมากมายต่างก็แก่งแย่งกันเข้ามาเรียน ผู้ปกครองบางคนถึงกับขนาดส่งลูกไปเรียนพิเศษในต่างประเทศเพื่อที่จะได้มาเรียนในสถานศึกษาแห่งนี้
เอมเป็นคนหนึ่งที่สอบเข้ามายังมหาวิทยาลัยแห่งนี้ได้ด้วยเกรดเฉลี่ยระดับสูง เขาเลือกที่จะเรียนในคณะนิติศาสตร์ ครอบครัวของเขาไม่ได้รวยเท่าไรนัก ต่างคนก็ต่างแยกทางกันไปตั้งแต่เขาอายุได้ 7 ขวบ แม่อยู่กับสามีใหม่ที่อังกฤษ ส่วนพ่อก็ขี้เหล้าเมายาอยู่กับเมียใหม่ที่ต่างจังหวัด ความสุขของครอบครัวคืออะไรเขาก็ไม่เคยรู้จัก แต่เท่าที่จำได้เขาถูกทุบตีจากแม่เลี้ยงและพ่อขี้เมาเป็นประจำ การที่เขาเรียนเก่งเกินหน้าเกินตาลูกชายติดของแม่เลี้ยงก็ถือว่าเป็นความผิด งี่เง่าสิ้นดี ทุกวันนี้ที่เขามีชีวิตอยู่ได้เนื่องมาจากผู้เป็นแม่ส่งเงินมาให้เป็นค่าหอ ค่าที่พักทุกเดือน
เหมือนหลุดจากขุมนรกเมื่อเขาสอบติดที่นี่ได้ แต่กลับกลายเป็นว่าพ่อแท้ๆ จะไม่ยอมให้เขามาเรียนซะอย่างนั้น ทำไมน่ะหรือ? ก็เพราะว่าถ้าเขามาเรียนอู่ข้าวอู่น้ำที่แม่เขาต้องจ่ายให้แก่พ่อก็จะหมดไปน่ะสิ แต่ต่อให้จะต้องฆ่าพ่อตัวเองเพื่อรอดออกมาเรียนที่นี่เขาก็ต้องทำ ทว่าทำไมจะต้องฆ่าพ่อตัวเองให้เสียประวัติล่ะ ในเมื่ออายุเขาก็มากพอที่จะจัดยานอนหลับสักสองสามชุดเพื่อหนีออกจากนรกขุมนั้นได้ จากนั้นก็ทำการติดต่อแม่ที่แทบจะไม่เคยได้เลี้ยงดู แสดงละครนิดหน่อยว่าเขาสอบติดที่นี่และต้องการให้แม่ของเขาโอนเงินทางไกลมาสู่บัญชีของเขาโดยตรง แค่นี้เรื่องก็จบลงแล้ว
“อ้าว เอม วันนี้มาเรียนเร็วจังนะ ปกติมาทีนึงก็เกือบๆ จะครึ่งคาบเข้าไปแล้วนี่นา”
เกม ชายหนุ่มในชุดนักศึกษาสีขาว เพื่อนคนเดียวของเอมขยับก้นเข้ามานั่งใกล้ๆ กับเขา ขณะที่เอมเอากำลังวาดแผนโครงร่างอะไรบางอย่างลงบนสมุดโน้ตแบบถนอมสายตาภายในห้องเรียน พวกเขารอที่จะเรียนวิชากฎหมายทางทะเลต่อไป
“แค่เบื่อๆ ไม่มีอะไรทำ” เขาตอบแบบเซ็งๆ เล็กน้อย พลางปิดสมุดโน้ตเข้ากระเป๋าสะพายหนังสีน้ำตาล
“เฮ้ย วันนี้สองทุ่มมีบอลคู่นัดหยุดโลกเลยนะเว้ย ไปดูกันที่บ้านไอ้นัทกัน”เกมชวนเอมด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใส เขาง้างมือเพื่อจะกอดคอเพื่อนรัก แต่ก็โดนเอมผลักออกมาอย่างรู้ทัน
“ไม่รู้สิ คืนนี้เกม War Jupiter จะ*2 ตอน 6โมงถึงสองทุ่ม อาจจะไม่ได้ไปว่ะ”เขาปฎิเสธพลางมองหาใครบางคนในห้องเรียนโดยไม่สนใจคู่สนทนา “วันนี้เชษฐ์มันมาเรียนรึเปล่าวะ?”
เกมขมวดคิ้วเล็กน้อย “เออ แปลก แกคุยกับคนนิสัยประหลาดๆ อย่างนั้นด้วยเหรอวะ” เกมสงสัยในตัวเพื่อนของเขา “ปกติมันเข้ากับใครได้ที่ไหน วันๆ นอกจากมาเรียนแล้วมันก็ออกไปหางานพิเศษทำจนไม่มีเวลาจะสานสัมพันธ์กับใครแม้แต่อาจารย์”
“เออน่ะ เรื่องของฉัน”เอมบ่ายเบี่ยง “ว่าแต่นายรู้รึเปล่าว่า เชษฐ์มันทำงานพิเศษอะไร”
“น่าจะเป็นบ่อนกาสิโนล่ะมั้ง แกลองไปถามมันดูดิ นู้น มันมานู่นแล้ว” เกมชี้ไปมองยังปากประตูห้องเรียน ที่มีเชษฐ์เดินเข้าห้องมาอย่างซึมๆ เหมือนกับว่า อดนอนมาทั้งคืน
เอมเม้มปากเล็กน้อยแล้วโบกไม้โบกมือให้เชษฐ์เข้ามานั่งใกล้ๆ เขา เชษฐ์เองเมื่อถูกเรียกก็เดินเข้ามาหาเกมและเอมแต่โดยดี
เอมพยายามทำความรู้จักเชษฐ์หลังจากนั้น แม้ว่าเขาจะเรียนมาจนถึงปีสองแล้วแต่เพื่อนของเอมกลับไม่ได้เยอะแยะมากมายเลย เขาเลือกเพื่อนที่สามารถทำประโยชน์ให้แก่เขามากที่สุด เกม มีพ่อเป็นถึงนายพลระดับสูง ทำให้เกมรู้จักกับเรื่องใต้ดินมากมาย นั่นคือส่วนประกอบชั้นเลิศที่จะทำให้เขาสามารถมีอำนาจเหนือใครได้หากเขาสามารถจบการศึกษาจากที่นี่ไป ทว่าบัดนี้เหตุการณ์มันเปลี่ยนไปแล้ว พ่อของเกม กลับเป็นเพียงแค่หมากในเกมของเขาตัวนึงเท่านั้น
ส่วนเชษฐ์เขาพยามจะทำความรู้จักกับเขาก็เนื่องมาจาก เขาคือคนเดียวที่รู้ทางไปบ่อนกาสิโนนั้น ซึ่งเป็นบ่อนเถื่อน ความจริงเขารู้เรื่องนี้มานานแล้ว จากการนินทาอย่างลับๆ ภายในชั้นเรียน แต่บรรดาเพื่อนในห้องต่างก็ปกปิดเรื่องนี้เป็นความลับ เนื่องจากบ้านของเชษฐ์ยากจนมากต้องหาเงินจำนวนเยอะๆ มาดูแลน้องและส่งเสียตัวเองเรียนต่อ นี่คือเหตุผลในด้านดี อันที่จริงแล้วพวกเขาเหล่านั้นต่างเกรงกลัวในอิทธิพลของพ่อเกมมากกว่า นั่นก็เพราะว่าพ่อเกมมีส่วนในการเป็นเจ้าของที่นั่นถึง 25%
“นายทำงานทั้งคืนเลยงั้นหรือ ทำไมนายไม่พักบ้างล่ะ ทุนเรียนดีนายก็ได้นี่นา” เอมพยายามพูดตีสนิทเชษฐ์
“ไม่ได้หรอกเอม” เขาปฏิเสธ พลางส่ายหัวไปมาเบาๆ “ถ้าหยุดแล้วน้องเราจะกินอะไร อีกหน่อยน้องเราก็จะเข้ามหาวิทยาลัยเหมือนๆ กับเราแล้ว” จากนั้นก็ถอนหายใจอย่างอดไม่ได้
“เฮ้อ คนลำบากนี่นะ” เกมถอนหายใจ พร้อมพูดแทรกขึ้นมา
“ความจริงที่เราอยากจะคุยกับนายวันนี้น่ะนะ”เอมชวนเข้าเรื่อง “ก็เพราะว่าเราอยากไปลองเล่นเกมที่บ่อนนายสักหน่อยน่ะ ช่วงนี้เงินฉันมันขัดสน”
“นี่นาย” เชษฐ์หันหน้ามองเอมด้วยอาการฉงนเล็กน้อยก่อนจะพูดขัด “ไม่เคยมีใครรวยเพราะบ่อนนรกนั่นหรอกนะ นายคิดใหม่เสียเถอะ”
“นายก็อย่าให้มันโกงพวกฉันซี่” เอมพูดเสียงเบาแต่น้ำเสียงเต็มไปด้วยความเจ้าเล่ห์ “ เมื่อเช้าแม่ฉันพึ่งโอนค่าหอมาให้ มันไม่พอซื้อโทรศัพท์ฉันที่หายไป ฉันก็เลยอยากจะเสี่ยงดวง มีต้นทุนอยู่ที่ หนึ่งหมื่นบาท ฉันว่าน่าจะพอนะ สำหรับสักเกมสองเกม จริงไหมไอ้เกม”
เอมเหลียวไปมองเกมเพื่อนของเขาที่ยักคิ้วหลิ่วตาให้ แน่นอนว่ามันชอบอยู่แล้วเรื่องการเสี่ยงดวง หรืออะไรเสี่ยงๆ มันอาจจะไม่ใช่คนหัวดีเท่าไรนัก แต่เอมก็คิดว่ามันนี่แหละเหมาะแก่การเป็นเบ้ที่สุด เพราะหลอกง่ายยิ่งกว่าอะไร
“โอเค โอเค” เชษฐ์หลับตาลงรับสภาพ “ก็ได้ฉันจะพาไปแล้วพวกนายจะมาเมื่อไรล่ะ”
“คืนนี้สองทุ่ม” เอมตอบทันควัน
“อ้าว เฮ้ย ทีชวนมันดูบอลมันไม่ไป ทีงี้ตอบทันทีเชียว”
“นายจะอยู่เฝ้าทีวีที่บ้านก็ได้นะเกม” เอมเสนอเงื่อนไข “แต่ว่ารายงานเดี่ยววิชานี้ฉันจะไม่ช่วยนายแม้แต่นิดเดียว”
เกมเมื่อได้ยินดังนั้นถึงกับทำหน้าเสีย “เฮ้ย อะไรว้า เออ ๆ ไปก็ไป” เกมเกาหัวยิกๆตอบตกลงไปในทันทีหลังจากที่เพื่อนรักยื่นคำขาดเรื่องที่จะไม่ช่วยเหลือเขาในด้านการเรียน
“ตกลงตามนี้นะ”เอมยิ้มให้เชษฐ์อย่างมีไมตรี “คืนนี้เราสามคนเจอกันที่หน้ามหาลัยประตูสอง สองทุ่มตรง หวังว่าพวกนายคงไม่ลืมกันนะ อืม แล้วก็ พอดีว่าฉันไม่มีโทรศัพท์ เพราะงั้นนายโทรศัพท์หาเกมก็แล้วกันถ้าหาฉันไม่เจอ ส่วนฉันจะอยู่แถวๆ นั้น เกมมันรู้จัก เอาล่ะ พอแค่นี้ไปแล้วล่ะ”
“เอ้า นายไม่เรียนรึไงจะรีบไปไหน”เกมหันมองนาฬิกาข้อมือตัวเองแล้วทักท้วงเพื่อนของเขาที่ลุกขึ้นยืนเมื่อการสนทนาจบลง
“วิชานี้ไม่เช็คชื่อสักหน่อย ง่วงแล้วล่ะ ฉันอยากไปนอน” เอมพูดตัดบทสนทนาแล้วเดินออกจากห้องไป โดยทิ้งไว้เพียงเกมและเชษฐ์ที่นั่งงงอยู่ในห้องเรียน
ถ้าจะให้พูดตรงๆ ล่ะก็เกมก็เหมือนเป็นโล่ใช้ป้องกันอันตรายให้เขาเมื่อยามเข้าบ่อนต่างหาก แค่ปากกาอย่างเดียวไม่สามารถฆ่าคนทั้งหมดในนั้นได้หรอก พ่อเกมเป็นเจ้าของบ่อนถึง 25 % แต่เขากลับไม่รู้เรื่องบ่อนนรกของพ่อตัวเองเลย นับว่าเป็นพ่อที่น่านับถือจริงๆ แต่มันก็เข้าทางเขาล่ะใครมันจะยอมให้ลูกตัวเองตายล่ะจริงไหม นั่นเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่เขากำลังจะใช้ในงานสำคัญครั้งนี้
....................................................................................................................
“ทำไมมันช้าจังวะ สองทุ่มจะครึ่งอยู่แล้ว ขนาดนี่มันนัดเองมันนะเนี่ย” เกมเอามือล้วงกระเป๋าพลาง มองนาฬิกาพลาง เขาและเชษฐ์ต่างก็รอเอมอยู่เกือบๆ จะครึ่งชั่วโมงอยู่แล้ว
ทันใดนั้นเอง คนสองคนก็เริ่มเห็นใครบางคนลิบๆ ซึ่งไม่ห่างเท่าไรนัก เอมยืนตะโกนโบกไม้โปกมืออยู่อีกฟากของถนนสี่เลน
“นั่นไง มันอยู่นั่น” เชษฐ์ชี้ไม้ชี้มือไปทางที่เอมยืนอยู่ ชายหนุ่มเรียกทั้งสองคนให้ไปขึ้นแท็กซี่ที่อยู่อีกฝั่งเพื่อที่จะออกจากตัวมหาวิทยาลัย ทั้งสองจึงข้ามถนนไปหาเอมแล้วโบกแท็กซี่เพื่อจะเดินทางไปยังบ่อนผิดกฎหมายนั้นกัน ทั้งสามพูดคุยกันอย่างออกรส ในขณะที่เอมพยายามพูดโน้มน้าวให้พวกเขาเชื่ออย่างสนิทใจว่าเขาเป็นเพียงชายที่นิสัยใสซื่อบริสุทธิ์คนหนึ่งเท่านั้น
รถแล่นมายังโรงแรมร้างแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองมากนัก แต่ซอยทางเข้าช่างลึกลับซับซ้อนเหมือนเขาวงกตเสียจริง เกมเป็นคนจ่ายเงินค่ารถเนื่องจากเป็นคนที่มีตังมากที่สุดในวงนี้ เขาเสนอให้เงินเอมยืมจำนวน ห้าหมื่นบาทเพื่อเล่นการพนัน เขายินดีรับเงินนั้นทันควันโดยไม่ต้องพินิจพิจารณาให้มากความ
“บ่อนที่นี่ลึกลับจังเลยนะ” เกมเอ่ยขึ้นหลังจากบิดขี้เกียจเนื่องจากนั่งรถมาเป็นเวลานาน
“ก็ใช่ ก็มันเป็นสถานที่ผิดกฎหมายนี่นะมันก็เลยลึกลับหน่อย” เชษฐ์ที่เดินนำหน้าหันหลังมาคุยกับพวกเขา “นี่พวกนายน่ะ เดี๋ยวฉันจะพาพวกนายเข้าไปด้านในนะ ส่วนฉันจะแยกตัวไปเปลี่ยนเสื้อผ้าหน่อย งานของฉันกำลังจะเริ่มขึ้นแล้วล่ะ”
เชษฐ์พาพวกเขาเดินผ่านประตูกระจกทึบแสงเข้าไปในบ่อน บ่อนกาสิโนนี้มีสภาพหรูหรามากทีเดียว ผู้คนต่างก็สุมหัวกันเล่นการพนัน ซึ่งมีทั้งไพ่โป๊กเกอร์และสล็อตแมชชีน โซนที่นี่แบ่งออกเป็นชั้นๆ ในโซนชั้นล่างซึ่งเป็นโซนที่ใช้เงินลงทุนไม่เยอะตั้งแต่ห้าพันบาทขึ้นไป ส่วนในโซนชั้นบนจะเป็นพวกระดับเศรษฐีเล่นกัน เงินเดิมพันจะเริ่มต้นที่หนึ่งล้านบาทไปจนถึงหนึ่งร้อยล้านบาท
“ ฉันจะขึ้นไปบนนั้น ”เอมพูดลอยๆ แต่ก็ตั้งใจให้เพื่อนได้ยิน
“ไม่ได้หรอก ที่นั่น ขั้นต่ำก็ล้านนึง นายมีเงินหรือไง?”เชษฐ์ขมวดคิ้วหรี่ตาหันมาถามเอม
“ใช่อย่าพึ่งไปเลยเอม เชื่อที่เจ้าเชษฐ์มันบอกเถอะ แค่ห้าหมื่นก็หาเงินมาคืนฉันก่อนดีกว่า” เกมช่วยเชษฐ์ปราบเอมที่ทำท่าทางอยากขึ้นไปเล่นบ่อนด้านบนจนตัวสั่น
“ก็ได้ แค่ชั้นหนึ่งก่อนก็ได้” เขาทำท่าทางไม่สบอารมณ์อย่างแรงแล้วตอบอย่างหัวเสีย “เชษฐ์นายพอรู้จักคนที่ใหญ่ที่สุดของที่นี่หรือเปล่า” เอมพูดกระซิบใส่หูเชษฐ์
“ถ้านายจะหมายถึงมิสเตอร์ทอมสันน่ะหรอ นั่นไง เขายืนอยู่นั่น เขาเป็นเซียนด้านการพนันของที่นี่เลยนะ”
เชษฐ์ชี้นิ้วไปยังชายที่แต่งตัวหรูหราด้วยชุดสีแดงที่อยู่ด้านในสุดของบ่อน ในมือเขามีแก้ววิสกี้อยู่ส่วนปากก็คาบซิกก้าราคาแพง ชายผู้เป็นเป้าหมายของเอมกำลังยืนสนทนากับนักพนันคนหนึ่งที่ผ่านเข้ามาเล่นการพนันที่บ่อนนี้ โดยไม่ได้สนใจเหล่าชายวัยรุ่นที่เกาะกลุ่มคุยเรื่องของเขาอยู่
“น่าสนใจ”เอมทำสีหน้าแววตาเหมือนว่าขนมหวานนั้นรออยู่ตรงหน้าด้วยความเจ้าเล่ห์
“จะดีหรอนาย!?”เชษฐ์พยายามห้าม
“ดีสิ” เอมตอบพร้อมทั้งดึงเกมเข้าไปหาคนที่ชื่อทอมสันนั้นด้วยกัน
“แล้วทำไมนายต้องเอาเราไปด้วย” เกมทำหน้าเบ้พยายามบ่ายเบี่ยงจะไม่เดินไปกับเอม “นายไปเองไม่ได้หรือไง”
“เชื่อฉันเถอะน่า” เอมพูดเสียงอ่อนเสียงหวานเล็กน้อย “เดี๋ยวทุกอย่างก็ดีเอง”
เอมเดินนำโด่งเข้าไปหามิสเตอร์ทอมสันผ่านนักพนันมือสมัครเล่นและมืออาชีพน้อยใหญ่ ตามด้วยเกมที่เดินตามเขาไปแบบไม่ค่อยเต็มใจเท่าไรนัก
“สวัสดีครับ ผมจิราภัณฑ์ ธันญชาติ ยินดีที่ได้รู้จักครับ” เอมยื่นหน้าเข้าไปทักทายเขาและยิ้มให้มิสเตอร์ทอมสันอย่างเป็นมิตร
“อะ..อ่า” มิสเตอร์ทอมสันที่ยืนถือแก้ววิสกี้หันหลังมาเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่งุนงงเล็กน้อย “อ่า สวัสดีเธอเป็นใครหรอ?”
“ผมแนะนำตัวไปแล้วครับ” เอมยิ้มแป้น “ตามธรรมเนียมฝรั่ง เวลาคนทักทายด้วยชื่อจริงนี่ ตามมารยาทเขามักจะบอกชื่อจริงตอบกลับมาไม่ใช่หรือครับ หรือว่าผมเข้าใจอะไรผิด”
เอมหรี่ตาแหลมเล็กมองมาที่คู่สนทนา เขาเม้มปากเล็กน้อยแล้วเอียงหูด้านซ้ายประมาณครึ่งลำตัว เพื่อรอฟังคำตอบของมิสเตอร์ทอมสัน ก่อนจะยื่นมือด้านขวาออกมาเพื่อรอการทักทายตอบกลับของเขา
“เธอนี่น้ำเสียงฉะฉานดีนี่นะ ก็ได้ ฉันชื่อเอมโอช คมสัน ยินดีที่ได้รู้จัก” เขาตอบกลับมาพร้อมทั้งยื่นมือมาจับอย่างเป็นมิตร
“ผมพึ่งมาเล่นที่นี่ครั้งแรกน่ะครับ ได้ยินชื่อเสียงของคุณว่าเป็นนักพนันที่เก่งที่สุดในนี้เลย ผมก็เลยอยากมาทำความรู้จัก เผื่อว่าถ้าได้จับมือแล้วจะดวงขึ้นอย่างคุณบ้าง”รอยยิ้มที่ดูมีเสน่ห์ของเอมหลุดออกมาราวกับกำลังเล่นละคร
“ฮ่าๆ ชื่อฉันดังขนาดนั้นเลยเหรอ” เขาหัวเราะดังลั่น “ก็ไม่เท่าไรหรอก ฉันแค่ใช้ดวงนิดๆ หน่อยๆ เอง” น้ำเสียงที่เปล่งออกมาดูมันไม่ใช่ประโยคที่ดูน่าเชื่อถือเลยแม้แต่น้อย
“ผมพาลูกนายพลเพื่อนผมมาเล่นที่นี่ด้วยนะครับ” เอมพูดพลางดึงเพื่อนของเขาเข้าไปใกล้ๆ มิสเตอร์ทอมสันเพื่อโยงให้เขาพูดคุยในหัวข้อที่เขาต้องการ
“แฮะๆ สวัสดีครับ” เกมทำตาล่อกแล่กพูดแบบเกร็งๆ เล็กน้อย
“นี่ลูกนายพลหรือนี่” เขาทำท่าแสดงความดีใจแล้วเอาแขนโอบไหล่เกม “เหมือนพ่อเลยแฮะ ไม่นึกว่าแขกคนสำคัญจะมาที่นี่ด้วย งั้นฉันให้เครดิตกู้ยืมไม่อั้นเลยแล้วกัน เพราะว่าพ่อนายเคยช่วยเหลือด้านการเงินฉันมาก่อน แค่นี้สบายมาก จะได้เล่นข้างบนสบายๆ กัน ไปๆ ข้างล่างมันแออัดจะตายจริงไหม ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่ะ”
“งั้นหรือครับ” เอมพูดแทรกขึ้น “ดีจริงๆ เลย งั้นจะเป็นไรไหมครับ หากผมจะขอสักล้านนึงได้ไหมครับ”
“ฮ่าๆ ได้สิ ได้สิ” เขาตอบตกลงอย่างไม่ลังเล “ลูกนายพล มีเงินพออยู่แล้วนี่นา เอ้า นายที่อยู่ข้างหลังน่ะ พาแขกวีไอพีนี้ขึ้นไปชั้นสองหน่อยเร็ว เอาชิพให้พวกเขาด้วยล้านนึง”เขาเรียกพนักงานที่อยู่ด้านหลังให้พาเอมและเกมขึ้นไปเล่นพนันชั้นบนอย่างมีไมตรี
“ได้ครับ” พนักงานที่อยู่ด้านหลังของมิสเตอร์ทอมสันตอบรับ พร้อมทั้งพาพวกเขาขึ้นไปยังด้านบนตามคำสั่งของผู้เป็นนาย ส่วนเชษฐ์เพื่อนเอมก็ขอตัวไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อมาเป็นพนักงานสับไพ่ด้านบน
“โหนาย จะทำแบบนั้นจริงๆ หรอ” เกมกระซิบใส่หูเอมด้วยอาการกล้าๆ กลัวๆ
“ไม่เห็นต้องเครียดแทนฉันเลย คนใช้หนี้น่ะฉันนะ” เอมตอบกลับอย่างซื่อๆ
ชายหนุ่มยิ้มกรุ่มกริ่มอยู่ในใจเมื่อเห็นว่าแผนของเขาสำเร็จตามความคาดหมาย
...........................................
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ