อัจฉริยะฆ่าล้างโลก (Shadow Phantom)
10.0
เขียนโดย Reone
วันที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2558 เวลา 09.31 น.
4 chapter
0 วิจารณ์
6,895 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2558 09.42 น. โดย เจ้าของนิยาย
1) ทดสอบ
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความอัจฉริยะฆ่าล้างโลก ... ทดสอบ
เช้าวันต่อมา เอมชายหนุ่มรูปงามนอนเอามือก่ายหน้าผากอยู่บนเตียงด้วยจิตใจที่สงบนิ่ง เขาวนปากกาสีดำในมือให้หมุนไปมา ครุ่นคิดถึงเรื่องเมื่อวาน เรื่องแรกที่เขาควรจะทำก่อนก็คือทดสอบปากกาอันนี้ว่ามันสามารถใช้การได้จริงหรือไม่ อีกใจหนึ่งเขาก็คิดว่านี่น่าจะเป็นเรื่องหลอกลวงเสียมากกว่า ใครมันจะไปมีพลังวิเศษขนาดนั้นกัน
เขาส่ายหัวไปมาขณะนอนอยู่บนเตียงนอนสีฟ้าประหนึ่งว่าเรื่องนี้ไร้สาระมาก แม้ว่าเขาจะคิดว่าเป็นเรื่องโกหกก็ตามที แต่สุดท้ายเขาก็ไม่วายซื้อเข็มฉีดยาจากร้านเภสัชกรที่ตลาดเอามาวางไว้บนโต๊ะจนได้ ด้วยความคิดสองจิตสองใจในเรื่องนี้ทำเอาเขาแสดงอากัปกิริยาลุกลี้ลุกลนไม่ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันมาหลายชั่วโมง ชายหนุ่มลุกขึ้นนั่งเอาหลังพิงหัวเตียงนอน แล้วเอามือซ้ายควานหารีโมททีวีมันอยู่ไม่ห่างจากบริเวณที่เขาใช้หมอนหนุนนอนมากนัก เพื่อจะดูข่าวการวางระเบิดเมื่อกลางดึกวานนี้
“ต่อไปเป็นข่าว การลอบวางระเบิดของกลุ่มก่อการร้ายค่ะ เมื่อกลางดึกที่ผ่านมา มีคนร้าย ลอบวางระเบิดจากมุมอับของห้างดังย่านxxx ทราบชื่อผู้เสียชีวิตคือนาย xxx… รวมทั้งสิ้น 12 รายด้วยกันค่ะ คนร้ายอาศัยช่วงชุลมุนหลบหนีไปได้ นอกจากนี้ทางกรมตำ...”
“อืม...นักข่าวคนนี้รายงานพอใช้ได้นะ ฉันจะลองหาหนูทดลองรายใหม่ก็แล้วกัน” เอมหยิบรีโมทขึ้นมาเปลี่ยนช่องอย่างไร้จุดหมาย พลางเอาแท็บเล็ตคู่ใจขึ้นมาเล่นเช็คสถานะของเพื่อนๆ บนเฟสบุคเรื่อยเปื่อย
“ครับ ก็บอกแล้วไงครับว่ามันเป็นอุบัติเหตุ ก็คืออุบัติเหตุจริงๆ สิ ไปเลยพวกคุณผมไม่ให้ใครสัมภาษณ์ทั้งนั้นน่ะ”
เสียงของนักการเมืองคนหนึ่งกำลังบ่ายเบี่ยงข้อกล่าวหาที่ว่าเมาแล้วขับรถชนแม่ค้าขายหมึกตายคาที่ นอกจากเขาจะให้การปฏิเสธแล้วยังสั่งห้ามไม่ให้นักข่าวรายงานเรื่องของเขาอีก เอมพิจารณาสีหน้าท่าทางของนักการเมืองคนนี้ก็ทราบดีว่าเรื่องที่เขาถูกกล่าวหานั้นมันคือเรื่องจริงที่เกิดจากการจงใจมากกว่า รถของเขาน่าจะหลบบางสิ่งหรือป้องกันบางอย่างทำให้ต้องหันเหไปชนแม่ค้าเข้า ซึ่งอาจเกิดจากเมาแล้วขับก็ได้ใครจะรู้ เขาสังเกตเห็นสีหน้าที่แดงก่ำไปด้วยความเดือดดาลและฝ่ามือที่ชอบเอามากุมต้นคอตลอดเวลารวมอาการกลืนน้ำลายริมฝีปากกระตุกด้วยความกดดันหลังจากฟังคำถามที่จี้ใจดำของเขาผ่านการให้สัมภาษณ์สด แต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องที่เขาอยากจะรู้ว่าโกหกหรือไม่ เพราะเขาต้องการแค่เพียงทดสอบปากกานั่นเท่านั้น
“งั้นเรา..ลองกับไอ้ขี้โม้คนนี้ดูสักตั้งดีกว่าเลือดไม่กี่หยดไม่ตายหรอกน่า”
หลังจากที่เอมฟังข่าวไปได้สักพักเขาก็ลุกขึ้นไปหยิบเข็มฉีดยาที่อยู่บนโต๊ะ แกะถุงพลาสติกออกแล้วค่อยๆเสียบแทงเข้าที่ข้อมือของเขาช้าๆ เอมดูดเลือดของตัวเองออกมาหนึ่งสลิง แล้วก็ค่อยๆ อัดมันลงให้หลอดน้ำหมึกโปร่งแสง จากนั้นก็เดินไปหยิบเศษกระดาษเอสี่ที่ไม่ใช้แล้วจากชั้นวางหนังสือในห้องมาลองเขียนสิ่งที่ต้องการลงไปดู
“ขอลองหน่อยแล้วกันนะ ลองตายให้ฉันคนนี้ได้ชมเป็นขวัญตาหน่อยสิ”
เอมหายใจลึกแล้วค่อยๆ ผ่อนมันออกมาอย่างใจเย็น เขาสำรวจชื่อที่ด้านล่างของมุมขวาของจอโทรทัศน์ก่อนจะบรรจงเขียนชื่อของชายคนนั้นลงไปกระดาษที่เตรียมไว้
นายชัยยัน ชนะ เดินหนีนักข่าวที่ให้สัมภาษณ์อยู่ เขาวิ่งหนีอย่างเร็วไวเพื่อหลบนักข่าว ไปกลางถนนที่มีแต่รถวิ่งสวนทางอย่างรวดเร็ว. . .
เมื่อเขาเขียนมันจนจบเขาก็ทิ้งมันลงพื้น แล้วเอนตัวลงนอนบนที่นอนที่แสนนุ่มนิ่มเพื่อรอฟังข่าวการตายของนักการเมืองคนนั้น ถ้าจะถามถึงสาเหตุว่าทำไมเขาถึงเชื่อว่าที่ผู้หญิงที่ยมทูตนั้นพูดคือเรื่องจริงน่ะหรือ ก็เพราะเขาจับอิริยาบถของเธอได้ว่ามันไม่มีทีท่าที่แสดงออกมาเลยว่าเธอนั้นโกหกนั่นเองแต่ว่ามันก็เป็นเพียงการสังเกตด้วยสายตา ไม่มีอะไรที่จะมาการันตีได้ ทว่าเขานั้นมีไพ่ตายอยู่ในมือ ฉะนั้นก็ไม่มีอะไรที่จะต้องเสีย เรื่องที่ยมทูตพูดอาจเป็นเรื่องเท็จ แต่ก็ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง เพราะตอนนี้เขามีทั้งรูปถ่ายและปากกาอยู่ โทรศัพท์เครื่องหนึ่ง ก็คิดเสียว่าเล่นพนัน มันใช้ไม่ได้ดีสักเท่าไร และใกล้พังเต็มที
นั่นเป็นที่มาว่าทำไมเขาถึงเชื่อใจคนแปลกหน้าคนนั้นได้ แต่ถึงแม้มันจะเป็นแบบนั้นก็ใช่ว่าเขาจะเชื่อเรื่องแบบนี้เต็มตัวเสียเมื่อไร มาคิดอีกทีเขาก็รู้สึกเสียดายโทรศัพท์เครื่องเก่าไปไม่น้อยทีเดียว
ไม่นานนักข่าวอุบัติเหตุที่ชายหนุ่มตั้งตารอก็มาถึง
“ข่าวด่วนค่ะ เกิดเหตุสลดที่ถนนสายxxx หน้าxxx นายชัยยัน ชนะ เกิดประสบอุบัติเหตุทางถนน เสียชีวิตคาที่ค่ะ สาเหตุน่าจะมาจากความประมาทของคนขับรถ ซึ่งผู้ก่อเหตุอาศัยช่วงชุลมุนหลบหนีไป...”
“ฮ่า ฮ่า เรื่องจริงนี่หว่า ดีจริงเลย” เขาหัวเราะดังลั่นห้องเมื่อรู้ว่าคนที่เขาต้องการฆ่า ได้หายสาบสูญไปจากโลกใบนี้แล้ว เอมยกปากกาสีดำขึ้นมาหวังจะชื่นชมมันที่สามารถทำตามความฝันของเขาได้สำเร็จ แต่เขาก็ต้องสะดุ้งเมื่อสังเกตเห็นหมึกเลือดสีแดงของเขาที่เคยมีในปากกากลับอันตธานหายไปหมด
เอากลอกตาไปมาทำท่าทางครุ่นคิด เลือดที่เขาพึ่งจะเอาใส่ไปทำไมมันถึงเหือดแห้งไปจากหลอดได้ หรือว่าเลือดหนึ่งหลอดจะสามารถควบคุมคนได้เพียงแค่หนึ่งคน เมื่อคิดได้ดังนั้นแล้วเขาก็รีบลุกขึ้นเดินไปหยิบเข็มฉีดยาขึ้นมาสูบเลือดตัวเองอีกรอบแล้วเอาใส่ลงไปในหลอดน้ำหมึกที่พึ่งโยนทิ้งไปบนพื้นกระเบื้อง เขาเปลี่ยนช่องไปยังรายการถ่ายทอดสดกีฬาฟุตบอลเพื่อสุ่มหาหนูทดลองโดยไม่เลือกหน้า
ชายหนุ่มเลือกเหยื่อโดยไม่หาเหตุผลอะไรมารองรับการกระทำของชายที่กำลังรายงานสดสถานการณ์การแข่งขันใดๆ ทั้งสิ้น ตัวของเขาคิดแต่เพียงว่าอยากจะเห็นมันแสดงผลของการควบคุมคนอีกครั้ง
นายแสนสุข ทองเข้ม สะดุดบันไดกลิ้งลงไปบนอัฒจันทร์คอหักเสียชีวิตคาที่...
อึดใจต่อมานักข่าวที่ชื่อว่าแสนสุข ทองเข้มก็สะดุดบันไดกลิ้งลงไปด้านล่างอัฒจันทร์คอหักคาที่โดยไม่มีสาเหตุ ซึ่งผลเป็นไปตามที่เอมคาดการณ์และเขียนลงไปบนกระดาษนั้น ชายหนุ่มหันมามองน้ำหมึกในปากกา มันก็ยังคงเหือดแห้งหายไปเช่นที่ผ่านมา ชายหนุ่มกระพริบตาปริบๆ ด้วยความสนใจ
“โอเค”เขาเอ่ยแล้วยิ้มให้กับความสุขสมเล็กๆ ที่เกิดจากของเล่นชิ้นใหม่ “ฉันเข้าใจแกแล้วล่ะ”
หากว่าสิ่งที่เขาทดสอบไปเป็นเรื่องจริง การจะฆ่าคนถึงร้อยคนก็คงทำให้เขาเสียเลือดจนหมดตัวพอดี มันน่าจะใช้ได้ดีหากว่าเขาใช้สมองสักนิดในการฆ่าคนแล้วยิ่งไปกว่านั้นการควบคุมคนได้น่าจะเป็นอะไรที่ชวนสนุกมากกว่าการฆ่าคนให้เสียเวลาไปเปล่าๆ มันถึงเวลาแล้วที่เขาจะครอบครองอำนาจทุกสิ่งทุกอย่างไว้ในมือ
การแก้แค้นที่สาสมมันกำลังรอเขาอยู่ข้างหน้า มนุษย์ทุกคนย่อมมีสิ่งที่อยากกำจัดกันทั้งนั้น และยิ่งได้สิ่งนี้เข้ามาอยู่ในมือแล้ว เขายิ่งดีใจเข้าไปใหญ่
เรื่องต่อไปที่เขาจะต้องคิดก็คือ โทรศัพท์ของเอมที่ถูกสังเวยยมทูตไป ยังไม่ได้หาซื้อมาใหม่ อีกทั้งเงินในธนาคารที่มีร่อยหรอเต็มที แม้ว่ามันจะน่าเสียดายที่ทำลายโทรศัพท์ที่ซื้อมาด้วยกำลังทรัพย์ตัวเองแบบโง่ๆ แต่เมื่อได้เห็นผลลัพธ์ของปากกาก็ทำเอาชายหนุ่มยินดียิ่งหลังจากเสียโทรศัพท์ใกล้พังไปเลยทีเดียว ถือเป็นโอกาสดีหากเขาจะได้ทดสอบมันอย่างจริงๆ จังๆ ว่ามันสามารถทำประโยชน์ให้แก่เขาได้มากสักเพียงใด
ก่อนอื่นสิ่งที่เขาจะต้องทำก็คือ เอากระดาษเอสี่แผ่นนั้นมาเผาทำลายทิ้งตรงบริเวณด้านหลังของห้อง เพื่อไม่ให้ใครสังเกตเห็น มันเป็นเรื่องโง่สิ้นดีไม่ว่ากรณีใดๆ หากคิดจะฆ่าคนแล้วทิ้งหลักฐานเอาไว้ ไม่จำเป็นเลยว่าต้องรู้อนาคตก่อนว่าจะมีคนมาจับเราถึงค่อยทำลาย เรื่องแบบนี้เมื่อจัดการได้แล้ว ต้องรีบทำลายหลักฐาน
“ฮ้าว...” เสียงชายหนุ่มถอนหายใจกึ่งหาวนอนจากอาการง่วงนอนเมื่อตอนเช้า ตั้งแต่เขาตื่นมา เขายังไม่ได้ดื่มกาแฟสักกระป๋องแก้ง่วงเลยด้วยซ้ำ เขาควรจะรีบไปหามันมาดื่มก่อนอาการง่วงนอนของเขาจะทวีความรุนแรงไปมากกว่านี้
หลังจากช่วงเวลานั่งเผากระดาษเล่นผ่านไปแล้ว เอมก็หันมาจัดแจงอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดนิสิตเพื่อเตรียมไปเรียนที่มหาวิทยาลัยของเขา
“ปากกาอันนี้สำคัญนักควรจะเก็บไว้ที่นี่จะดีกว่า” เอมพยายามหาที่ซ่อนจากในห้องของเขาเนื่องจากเป็นอุปกรณ์ที่มีค่ายิ่งกว่าเพชร
ชายหนุ่มเองยังติดใจเรื่องของยมทูตหญิงนั้นยังไม่หาย หากเป็นไปได้เขาจะพยายามตามหาเธอให้พบจนได้ เขาเชื่อว่าหากดึงเธอเข้ามาร่วมกิจกรรมสันทนาการของเขาแล้วละก็แผนการบางอย่างน่าจะสำเร็จ เสร็จสมบูรณ์ไปได้ด้วยดี
เขาเชื่อว่ายมทูตน่าจะมีอะไรที่พิเศษพอตัวที่จะนำพาไปสู่จุดมุ่งหมายสูงสุดที่แอบคิดไว้ในใจ เพราะงั้นเขาจะไม่มีวันละทิ้งความพยายามในการตามหายมทูตสาวตนนั้นมาเป็นเบี้ยล่างให้จงได้ ทั้งนี้ทั้งนั้นสถานที่ถัดไปที่เขาอยากจะลองใช้ปากกามหัศจรรย์นี้ก็คือ บ่อนกาสิโน บ่อนลับของเพื่อนชายเขาที่มหาวิทยาลัย ก่อนอื่นเขาจะต้องตีสนิทชายคนนี้ให้ได้ก่อนเขาถึงจะยอมพาเอมเข้าสู่วัฎจักรแห่งการพนัน
ชายหนุ่มผู้กำลังฮึกเหิมว่าตัวเองสามารถเปลี่ยนแปลงโลกได้ ไม่ได้เฉลียวใจเลยแม้แต่น้อยว่า นี่คือจุดเริ่มต้นของเรื่องลึกลับ ความโศกเศร้า อำนาจ และสิ่งชั่วร้ายทั้งปวง กลุ่มเมฆดำทมิฬกำลังคืบคลานสู่ตัวของเขาอยู่โดยไม่รู้ตัว
....................................................................................................................
เช้าวันต่อมา เอมชายหนุ่มรูปงามนอนเอามือก่ายหน้าผากอยู่บนเตียงด้วยจิตใจที่สงบนิ่ง เขาวนปากกาสีดำในมือให้หมุนไปมา ครุ่นคิดถึงเรื่องเมื่อวาน เรื่องแรกที่เขาควรจะทำก่อนก็คือทดสอบปากกาอันนี้ว่ามันสามารถใช้การได้จริงหรือไม่ อีกใจหนึ่งเขาก็คิดว่านี่น่าจะเป็นเรื่องหลอกลวงเสียมากกว่า ใครมันจะไปมีพลังวิเศษขนาดนั้นกัน
เขาส่ายหัวไปมาขณะนอนอยู่บนเตียงนอนสีฟ้าประหนึ่งว่าเรื่องนี้ไร้สาระมาก แม้ว่าเขาจะคิดว่าเป็นเรื่องโกหกก็ตามที แต่สุดท้ายเขาก็ไม่วายซื้อเข็มฉีดยาจากร้านเภสัชกรที่ตลาดเอามาวางไว้บนโต๊ะจนได้ ด้วยความคิดสองจิตสองใจในเรื่องนี้ทำเอาเขาแสดงอากัปกิริยาลุกลี้ลุกลนไม่ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันมาหลายชั่วโมง ชายหนุ่มลุกขึ้นนั่งเอาหลังพิงหัวเตียงนอน แล้วเอามือซ้ายควานหารีโมททีวีมันอยู่ไม่ห่างจากบริเวณที่เขาใช้หมอนหนุนนอนมากนัก เพื่อจะดูข่าวการวางระเบิดเมื่อกลางดึกวานนี้
“ต่อไปเป็นข่าว การลอบวางระเบิดของกลุ่มก่อการร้ายค่ะ เมื่อกลางดึกที่ผ่านมา มีคนร้าย ลอบวางระเบิดจากมุมอับของห้างดังย่านxxx ทราบชื่อผู้เสียชีวิตคือนาย xxx… รวมทั้งสิ้น 12 รายด้วยกันค่ะ คนร้ายอาศัยช่วงชุลมุนหลบหนีไปได้ นอกจากนี้ทางกรมตำ...”
“อืม...นักข่าวคนนี้รายงานพอใช้ได้นะ ฉันจะลองหาหนูทดลองรายใหม่ก็แล้วกัน” เอมหยิบรีโมทขึ้นมาเปลี่ยนช่องอย่างไร้จุดหมาย พลางเอาแท็บเล็ตคู่ใจขึ้นมาเล่นเช็คสถานะของเพื่อนๆ บนเฟสบุคเรื่อยเปื่อย
“ครับ ก็บอกแล้วไงครับว่ามันเป็นอุบัติเหตุ ก็คืออุบัติเหตุจริงๆ สิ ไปเลยพวกคุณผมไม่ให้ใครสัมภาษณ์ทั้งนั้นน่ะ”
เสียงของนักการเมืองคนหนึ่งกำลังบ่ายเบี่ยงข้อกล่าวหาที่ว่าเมาแล้วขับรถชนแม่ค้าขายหมึกตายคาที่ นอกจากเขาจะให้การปฏิเสธแล้วยังสั่งห้ามไม่ให้นักข่าวรายงานเรื่องของเขาอีก เอมพิจารณาสีหน้าท่าทางของนักการเมืองคนนี้ก็ทราบดีว่าเรื่องที่เขาถูกกล่าวหานั้นมันคือเรื่องจริงที่เกิดจากการจงใจมากกว่า รถของเขาน่าจะหลบบางสิ่งหรือป้องกันบางอย่างทำให้ต้องหันเหไปชนแม่ค้าเข้า ซึ่งอาจเกิดจากเมาแล้วขับก็ได้ใครจะรู้ เขาสังเกตเห็นสีหน้าที่แดงก่ำไปด้วยความเดือดดาลและฝ่ามือที่ชอบเอามากุมต้นคอตลอดเวลารวมอาการกลืนน้ำลายริมฝีปากกระตุกด้วยความกดดันหลังจากฟังคำถามที่จี้ใจดำของเขาผ่านการให้สัมภาษณ์สด แต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องที่เขาอยากจะรู้ว่าโกหกหรือไม่ เพราะเขาต้องการแค่เพียงทดสอบปากกานั่นเท่านั้น
“งั้นเรา..ลองกับไอ้ขี้โม้คนนี้ดูสักตั้งดีกว่าเลือดไม่กี่หยดไม่ตายหรอกน่า”
หลังจากที่เอมฟังข่าวไปได้สักพักเขาก็ลุกขึ้นไปหยิบเข็มฉีดยาที่อยู่บนโต๊ะ แกะถุงพลาสติกออกแล้วค่อยๆเสียบแทงเข้าที่ข้อมือของเขาช้าๆ เอมดูดเลือดของตัวเองออกมาหนึ่งสลิง แล้วก็ค่อยๆ อัดมันลงให้หลอดน้ำหมึกโปร่งแสง จากนั้นก็เดินไปหยิบเศษกระดาษเอสี่ที่ไม่ใช้แล้วจากชั้นวางหนังสือในห้องมาลองเขียนสิ่งที่ต้องการลงไปดู
“ขอลองหน่อยแล้วกันนะ ลองตายให้ฉันคนนี้ได้ชมเป็นขวัญตาหน่อยสิ”
เอมหายใจลึกแล้วค่อยๆ ผ่อนมันออกมาอย่างใจเย็น เขาสำรวจชื่อที่ด้านล่างของมุมขวาของจอโทรทัศน์ก่อนจะบรรจงเขียนชื่อของชายคนนั้นลงไปกระดาษที่เตรียมไว้
นายชัยยัน ชนะ เดินหนีนักข่าวที่ให้สัมภาษณ์อยู่ เขาวิ่งหนีอย่างเร็วไวเพื่อหลบนักข่าว ไปกลางถนนที่มีแต่รถวิ่งสวนทางอย่างรวดเร็ว. . .
เมื่อเขาเขียนมันจนจบเขาก็ทิ้งมันลงพื้น แล้วเอนตัวลงนอนบนที่นอนที่แสนนุ่มนิ่มเพื่อรอฟังข่าวการตายของนักการเมืองคนนั้น ถ้าจะถามถึงสาเหตุว่าทำไมเขาถึงเชื่อว่าที่ผู้หญิงที่ยมทูตนั้นพูดคือเรื่องจริงน่ะหรือ ก็เพราะเขาจับอิริยาบถของเธอได้ว่ามันไม่มีทีท่าที่แสดงออกมาเลยว่าเธอนั้นโกหกนั่นเองแต่ว่ามันก็เป็นเพียงการสังเกตด้วยสายตา ไม่มีอะไรที่จะมาการันตีได้ ทว่าเขานั้นมีไพ่ตายอยู่ในมือ ฉะนั้นก็ไม่มีอะไรที่จะต้องเสีย เรื่องที่ยมทูตพูดอาจเป็นเรื่องเท็จ แต่ก็ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง เพราะตอนนี้เขามีทั้งรูปถ่ายและปากกาอยู่ โทรศัพท์เครื่องหนึ่ง ก็คิดเสียว่าเล่นพนัน มันใช้ไม่ได้ดีสักเท่าไร และใกล้พังเต็มที
นั่นเป็นที่มาว่าทำไมเขาถึงเชื่อใจคนแปลกหน้าคนนั้นได้ แต่ถึงแม้มันจะเป็นแบบนั้นก็ใช่ว่าเขาจะเชื่อเรื่องแบบนี้เต็มตัวเสียเมื่อไร มาคิดอีกทีเขาก็รู้สึกเสียดายโทรศัพท์เครื่องเก่าไปไม่น้อยทีเดียว
ไม่นานนักข่าวอุบัติเหตุที่ชายหนุ่มตั้งตารอก็มาถึง
“ข่าวด่วนค่ะ เกิดเหตุสลดที่ถนนสายxxx หน้าxxx นายชัยยัน ชนะ เกิดประสบอุบัติเหตุทางถนน เสียชีวิตคาที่ค่ะ สาเหตุน่าจะมาจากความประมาทของคนขับรถ ซึ่งผู้ก่อเหตุอาศัยช่วงชุลมุนหลบหนีไป...”
“ฮ่า ฮ่า เรื่องจริงนี่หว่า ดีจริงเลย” เขาหัวเราะดังลั่นห้องเมื่อรู้ว่าคนที่เขาต้องการฆ่า ได้หายสาบสูญไปจากโลกใบนี้แล้ว เอมยกปากกาสีดำขึ้นมาหวังจะชื่นชมมันที่สามารถทำตามความฝันของเขาได้สำเร็จ แต่เขาก็ต้องสะดุ้งเมื่อสังเกตเห็นหมึกเลือดสีแดงของเขาที่เคยมีในปากกากลับอันตธานหายไปหมด
เอากลอกตาไปมาทำท่าทางครุ่นคิด เลือดที่เขาพึ่งจะเอาใส่ไปทำไมมันถึงเหือดแห้งไปจากหลอดได้ หรือว่าเลือดหนึ่งหลอดจะสามารถควบคุมคนได้เพียงแค่หนึ่งคน เมื่อคิดได้ดังนั้นแล้วเขาก็รีบลุกขึ้นเดินไปหยิบเข็มฉีดยาขึ้นมาสูบเลือดตัวเองอีกรอบแล้วเอาใส่ลงไปในหลอดน้ำหมึกที่พึ่งโยนทิ้งไปบนพื้นกระเบื้อง เขาเปลี่ยนช่องไปยังรายการถ่ายทอดสดกีฬาฟุตบอลเพื่อสุ่มหาหนูทดลองโดยไม่เลือกหน้า
ชายหนุ่มเลือกเหยื่อโดยไม่หาเหตุผลอะไรมารองรับการกระทำของชายที่กำลังรายงานสดสถานการณ์การแข่งขันใดๆ ทั้งสิ้น ตัวของเขาคิดแต่เพียงว่าอยากจะเห็นมันแสดงผลของการควบคุมคนอีกครั้ง
นายแสนสุข ทองเข้ม สะดุดบันไดกลิ้งลงไปบนอัฒจันทร์คอหักเสียชีวิตคาที่...
อึดใจต่อมานักข่าวที่ชื่อว่าแสนสุข ทองเข้มก็สะดุดบันไดกลิ้งลงไปด้านล่างอัฒจันทร์คอหักคาที่โดยไม่มีสาเหตุ ซึ่งผลเป็นไปตามที่เอมคาดการณ์และเขียนลงไปบนกระดาษนั้น ชายหนุ่มหันมามองน้ำหมึกในปากกา มันก็ยังคงเหือดแห้งหายไปเช่นที่ผ่านมา ชายหนุ่มกระพริบตาปริบๆ ด้วยความสนใจ
“โอเค”เขาเอ่ยแล้วยิ้มให้กับความสุขสมเล็กๆ ที่เกิดจากของเล่นชิ้นใหม่ “ฉันเข้าใจแกแล้วล่ะ”
หากว่าสิ่งที่เขาทดสอบไปเป็นเรื่องจริง การจะฆ่าคนถึงร้อยคนก็คงทำให้เขาเสียเลือดจนหมดตัวพอดี มันน่าจะใช้ได้ดีหากว่าเขาใช้สมองสักนิดในการฆ่าคนแล้วยิ่งไปกว่านั้นการควบคุมคนได้น่าจะเป็นอะไรที่ชวนสนุกมากกว่าการฆ่าคนให้เสียเวลาไปเปล่าๆ มันถึงเวลาแล้วที่เขาจะครอบครองอำนาจทุกสิ่งทุกอย่างไว้ในมือ
การแก้แค้นที่สาสมมันกำลังรอเขาอยู่ข้างหน้า มนุษย์ทุกคนย่อมมีสิ่งที่อยากกำจัดกันทั้งนั้น และยิ่งได้สิ่งนี้เข้ามาอยู่ในมือแล้ว เขายิ่งดีใจเข้าไปใหญ่
เรื่องต่อไปที่เขาจะต้องคิดก็คือ โทรศัพท์ของเอมที่ถูกสังเวยยมทูตไป ยังไม่ได้หาซื้อมาใหม่ อีกทั้งเงินในธนาคารที่มีร่อยหรอเต็มที แม้ว่ามันจะน่าเสียดายที่ทำลายโทรศัพท์ที่ซื้อมาด้วยกำลังทรัพย์ตัวเองแบบโง่ๆ แต่เมื่อได้เห็นผลลัพธ์ของปากกาก็ทำเอาชายหนุ่มยินดียิ่งหลังจากเสียโทรศัพท์ใกล้พังไปเลยทีเดียว ถือเป็นโอกาสดีหากเขาจะได้ทดสอบมันอย่างจริงๆ จังๆ ว่ามันสามารถทำประโยชน์ให้แก่เขาได้มากสักเพียงใด
ก่อนอื่นสิ่งที่เขาจะต้องทำก็คือ เอากระดาษเอสี่แผ่นนั้นมาเผาทำลายทิ้งตรงบริเวณด้านหลังของห้อง เพื่อไม่ให้ใครสังเกตเห็น มันเป็นเรื่องโง่สิ้นดีไม่ว่ากรณีใดๆ หากคิดจะฆ่าคนแล้วทิ้งหลักฐานเอาไว้ ไม่จำเป็นเลยว่าต้องรู้อนาคตก่อนว่าจะมีคนมาจับเราถึงค่อยทำลาย เรื่องแบบนี้เมื่อจัดการได้แล้ว ต้องรีบทำลายหลักฐาน
“ฮ้าว...” เสียงชายหนุ่มถอนหายใจกึ่งหาวนอนจากอาการง่วงนอนเมื่อตอนเช้า ตั้งแต่เขาตื่นมา เขายังไม่ได้ดื่มกาแฟสักกระป๋องแก้ง่วงเลยด้วยซ้ำ เขาควรจะรีบไปหามันมาดื่มก่อนอาการง่วงนอนของเขาจะทวีความรุนแรงไปมากกว่านี้
หลังจากช่วงเวลานั่งเผากระดาษเล่นผ่านไปแล้ว เอมก็หันมาจัดแจงอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดนิสิตเพื่อเตรียมไปเรียนที่มหาวิทยาลัยของเขา
“ปากกาอันนี้สำคัญนักควรจะเก็บไว้ที่นี่จะดีกว่า” เอมพยายามหาที่ซ่อนจากในห้องของเขาเนื่องจากเป็นอุปกรณ์ที่มีค่ายิ่งกว่าเพชร
ชายหนุ่มเองยังติดใจเรื่องของยมทูตหญิงนั้นยังไม่หาย หากเป็นไปได้เขาจะพยายามตามหาเธอให้พบจนได้ เขาเชื่อว่าหากดึงเธอเข้ามาร่วมกิจกรรมสันทนาการของเขาแล้วละก็แผนการบางอย่างน่าจะสำเร็จ เสร็จสมบูรณ์ไปได้ด้วยดี
เขาเชื่อว่ายมทูตน่าจะมีอะไรที่พิเศษพอตัวที่จะนำพาไปสู่จุดมุ่งหมายสูงสุดที่แอบคิดไว้ในใจ เพราะงั้นเขาจะไม่มีวันละทิ้งความพยายามในการตามหายมทูตสาวตนนั้นมาเป็นเบี้ยล่างให้จงได้ ทั้งนี้ทั้งนั้นสถานที่ถัดไปที่เขาอยากจะลองใช้ปากกามหัศจรรย์นี้ก็คือ บ่อนกาสิโน บ่อนลับของเพื่อนชายเขาที่มหาวิทยาลัย ก่อนอื่นเขาจะต้องตีสนิทชายคนนี้ให้ได้ก่อนเขาถึงจะยอมพาเอมเข้าสู่วัฎจักรแห่งการพนัน
ชายหนุ่มผู้กำลังฮึกเหิมว่าตัวเองสามารถเปลี่ยนแปลงโลกได้ ไม่ได้เฉลียวใจเลยแม้แต่น้อยว่า นี่คือจุดเริ่มต้นของเรื่องลึกลับ ความโศกเศร้า อำนาจ และสิ่งชั่วร้ายทั้งปวง กลุ่มเมฆดำทมิฬกำลังคืบคลานสู่ตัวของเขาอยู่โดยไม่รู้ตัว
....................................................................................................................
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ